The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kasanee.kam, 2019-09-26 02:06:27

วาสนาbyชุติมา

วาสนาbyชุติมา

ช่ือพนั ธุไ์ ม้ วาสนา รหสั พรรณไม้
ภาพวาดทางพฤกษศาสตร์

บริเวณที่สารวจ หนา้ อาคารเรียน 2 วนั ท่ีสารวจ 13 กนั ยายน 2562
ผสู้ ารวจ น.ส.ชุติมา แหละเหลด ชนั้ ปวส.1/2
ผรู้ ่วมสารวจ 1................................................................ชน้ั ..................................................................
ผรู้ ่วมสารวจ 2................................................................ชนั้ ..................................................................

วิทยาลยั เทคโนโลยีวชิราโปลีสงขลา
ถนน ทะเลหลวง ตาบล บ่อยางอาเภอ เมือง จงั หวดั สงขลา รหสั ไปรษณีย์ 90000

ก.7-003 (ฉบบั ปรับปรุง 2553)

ข้อมูลพนื้ บ้าน

(ขอ้ มูลเก่ียวกบั การใชป้ ระโยชน์ และขอ้ มูลอื่น ๆ จากการสอบถามคนในทอ้ งถน่ิ )

ช่ือพ้นื เมือง(ชื่อในทอ้ งถ่ินที่เกบ็ ตวั อยา่ งพนั ธุ์ไม)้ -
การใช้ประโยชน์ในท้องถิ่น (ระบุส่วนทใี่ ช้และวธิ ีการใช้):

อาหาร -
ยารักษาโรค ต้นวาสนาเป็ นไม้ยนื ต้นขนาดเลก็ ถงึ ขนาดกลาง มใี บสวยงาม เวลาออกดอกจะมกี ลนิ่ หอมอ่อน ๆ นิยม

นามาเป็ นไม้ประดบั ประจาบ้าน นอกจากนคี้ นไทยโบราณเช่ือว่า หากปลูกต้นวาสนาไว้ในบ้าน และดูแลอย่างดี จนต้นวาสนาออก
ดอก จะช่วยให้คนในครอบครัวน้นั ได้รับโชคลาภ ต้นวาสนานีจ้ ดั เป็ นไม้มงคลทข่ี นึ้ ชื่อ อกี ท้งั ยงั มชี ่ือต้นทเ่ี ป็ นมงคล จงึ เป็ นต้นไม้
ยอดนยิ มทใ่ี คร ๆ ต่างนิยมปลูกเพอ่ื เสริมโชคลาภตามความเช่ือนน่ั เอง

- ใบ แก้ปวดท้อง
- ราก บรรเทาอาการปวดในการคลอดบุตร

ก่อสร้าง เครื่องเรือน เคร่ืองใช้ --
ยาฆ่าแมลง ยาปราบศัตรูพืช --
ความเกย่ี วข้องกบั ประเพณี วฒั นธรรม หรือความเช่ือทางศาสนา --

อน่ื ๆ (เช่น การเป็ นพษิ อันตราย) --

ทมี่ าของข้อมูล: ผ้ใู ห้ข้อมูลชื่อ 1. น.ส.ธนัฏฐา แสงสีนิล อายุ 17ปี
2. ศุภนิดา เรืองเดช อาย1ุ 7

วนั ทบี่ ันทกึ ข้อมูล 13 กนั ยายน 2562 สถานทบ่ี ันทึก วทิ ลยั เทคโนโลยวี ชิราโปลสี งขลา

ขอ้ มลู พรรณไม้

ลกั ษณะวสิ ัย (habit)

 ไมต้ น้ (tree) ไมพ้ ุม่ (shrub) ไมล้ ม้ ลุก(herb) ไมเ้ ล้ือย(climber)
ลกั ษณะวสิ ัยอน่ื ๆ

ไผ่ (bamboo เฟิ ร์น (fern) กลว้ ยไม้ (orchid)  ปาลม์ (palm)

ลกั ษณะทว่ั ไป
เป็ นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลาต้นมีความสูงประมาณ 4-10 เมตร ลาต้นกลมต้นตรง ไม่มกี ง่ิ ก้าน

ลาต้นเป็ นข้อถ่ี ผวิ เปลอื กลาต้นมสี ีนา้ ตาล
ใบ เป็ นใบเดี่ยวแตกออกจากลาต้นส่วนยอดเรียงซ้อนกันเวยี นรอบลาต้นเป็ นรูปวงกลม มลี กั ษณะ

ใบ เรียวยาว ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ผวิ ใบเกลยี้ งเป็ นมนั สีเขยี วตวั ใบโค้งงอขนาดใบกว้างประมาณ
3-6 เซนตเิ มตรยาวประมาณ20-40 เซนติเมตร

ดอก ออกดอกเป็ นช่อตรงส่วนยอดของลาต้นช่อดอกมีขนาดใหญ่เป็ นรูปทรงกลมช่อดอกยาวดอกมี

เรือนยอด ทรงพุ่ม (crown shape)

กลม (rounded) ทรงกระบอก (cylindric) รูปร่ม (umbellate) รูปกรวย (conical)

รูปคลา้ ยฉตั ร(Verticillate) รูปแตกไม่เป็นระเบียบ(irregular)  รูปมีก่ิงหอ้ ยยอ้ ยลงมา(irregular)

ถิน่ อาศัย (habitat) พชื อิงอาศยั (epiphyte) กาฝาก (parasite)
 พชื บก (terrestrial)

พืชน้า (aquatic) : พชื โผลเ่ หนือน้า (emerged plant)
พชื ใตน้ ้า (submerged plant) พืชชายน้า (marginal plant)
พชื ลอยน้า (floating plant)

พืชทเ่ี กดิ บนบก แบ่งตามลกั ษณะทวั่ ไปได้เป็ น ๓ ชนิด คอื ไม้ต้น ไม้พุ่ม ไม้ล้มลุก ลาต้นอ่อน ไม้ต้น และไม้
พุ่ม ไม่ค่อยพบว่าเป็ นวัชพืชทร่ี ้ายแรง ท้งั นีเ้ พราะก่อนดาเนินการเกษตรน้ัน จาเป็ นต้องปรับที่โค่นต้นไม้ใหญ่
ถอนรากโคนทงิ้ เสียก่อน ฉะน้ัน จงึ ไม่ค่อยมปี ัญหาในด้านการกาจดั วชั พชื ทเ่ี ป็ นไม้ต้น นอกจากในทด่ี นิ ทบี่ ุกเบกิ
ใหม่ เพอื่ การเพาะปลูก

ลาต้น (stem)
ชนดิ ของลาต้น

ลาต้นใต้ดนิ (underground stem) :

เหงา้ (rhizome) หวั แบบมนั ฝรั่ง (tuber)

หวั แบบหวั หอม (bulb) หวั แบบเผอื ก (corm)

ลาต้นเหนือดนิ (aerial stem) :
 ต้งั ตรงเองได้
ต้งั ตรงเองไม่ได้ :

ใชล้ าตน้ เกี่ยวพนั (twining)  ใชม้ ือเกาะ (tendril)

ใชต้ ะขอ (hook) หรือหนามยดึ เกาะ ใชร้ ากยดึ เกาะ (climbing root)
 ทอดนอนตามพนื้ ดนิ : ลาต้นเหนือดนิ

ทอดนอน(procumbent)  ทอดชูยอด(decumbent) เกาะเล้ือย(creeping)

เปลอื กลาต้น
สี : นา้ ตาล
ลกั ษณะ : ขรุขระ

เรียบ  ขรุขระ แตกเป็ นสะเก็ด แตกเป็ นเสน้
มีหนาม สีอื่น ๆ ........................
อื่น ๆ ............................

ยาง
ไมม่ ี

 มี:

สีขาวใส  สีขาวขนุ่

ใบ (leaf)
ชนิดของใบ

 ใบเดยี่ ว (simple leaf) ใบประกอบ (compound leaf) แบบนิว้ มอื (palmate)

ขนนกช้ันเดยี ว (pinnate) ขนนกสองช้ัน (bipinnate) ขนนกสามช้ัน (tripinnate)

ขนนกปลายคี่ (odd-pinnate) ขนนกปลายคู่ (even-pinnate)

ใบสีเขียว ขนาดแผน่ ใบ กวา้ ง 3-6 ซม. ยาว 20-40 ซม.
จานวนใบยอ่ ย (กรณีเป็ นใบประกอบ) ไม่มีใบยยิ่ ขนาดแผน่ ใบยอ่ ย กวา้ ง 3-6 ซม. ยาว 20-40 ซม.
ลกั ษณะพิเศษของใบเป็นใบเด่ียวแตกออกจากลาตน้ ส่วนยอดเรียงซอ้ นกนั เวยี นรอบลาตน้ เป็ นรูปวงกลม มี
ลกั ษณะใบ เรียวยาว ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ผวิ ใบเกล้ียงเป็นมนั สีเขียว ตวั ใบโคง้ งอ ขนาดใบกวา้ ง
ประมาณ 3-6 เซนติเมตร ยาวประมาณ 20-40 เซนติเมตร

การเรียงตัวของใบบนกงิ่ (phyllotaxy)

เป็ นใบเดยี่ วแตกออกจากลาต้นส่วนยอดเรียงซ้อนกนั เวยี นรอบลาต้นเป็ นรูปวงกลม

สลบั (alternate)  สลบั ระนาบเดียว (distichous) กระจุก (fascicled)

ตรงขา้ ม (opposite) ตรงขา้ มสลบั ต้งั ฉาก(decussate) เป็นวงรอบ (whorled)

คลา้ ยแบบจุก (Clusterd) กหุ ลาบซอ้ น (rosette)

ใบมือเกาะ(leaf tendrils) ใบหนาม(spinose leaf) ใบกินแมลง(insectivorous leaf)

ใบสะสมอาหาร(storage leaf)  ใบขยายพนั ธ์ (reproductive leaf)

ลกั ษณะพเิ ศษของใบเป็ นใบเด่ยี วแตกออกจากลาต้นส่วนยอดเรียงซ้อนกนั เวยี นรอบลาต้นเป็ นรูป
วงกลม มลี กั ษณะใบ เรียวยาว ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ผวิ ใบเกลยี้ งเป็ นมันสีเขียว ตวั ใบโค้งงอ
ขนาดใบกว้างประมาณ 3-6 เซนติเมตร ยาวประมาณ 20-40 เซนติเมตร

การเรียงตวั ของเส้นใบ (Leaf Venation)
การเรียงเส้นใบแยกสองแฉก (Dichotomous Venation)

การเรียงเส้นใบแบขนาน (Paralle Venation)

การเรียงเส้นใบแบบขนานรูปฝ่ ามือ เส้นใบขนานแบบขนนก
(palmatelyparalled venation) (pinnately parallel venation)

เส้นใบร่างแห (Netted หรือ Reticulated Venation)

 เส้นใบร่างแหแบบฝ่ ามือ เส้นใบร่างแหแบบขนนก
(palmately netted venation ( pinnately netted venation)

รูปร่างแผ่นใบ (leaf shape)

รูปเขม็ (acicular, needle shaped) รูปแถบ (linear) รูปขอบขนาน (oblong) รูปรี (elliptic)

รูปใบหอก (lanceolate) รูปใบหอกกลบั (oblanceolate) รูปไข่ (ovate) รูปไข่กลบั (obovate)

รูปหวั ใจ (cordate) รูปหวั ใจกลบั (obcordate) รูปสามเหล่ียม (deltoid) รูปคลา้ ยสามเหลี่ยม (obdeltoid)

รูปล่ิม (cuneate) รูปคลา้ ยส่ีเหล่ียมขา้ วหลามตดั (rhomboid) รูปไต (reniform) รูปโล่ (peltate)

รูปวงกลม (orbicular) รูปชอ้ น (spathulate, spatulate) รูปเง่ียงใบหอก (hastate) รูปหวั ลกู ศร (sagittate)

รูปจนั ทร์เส้ียว (lunate) รูปไวโอลิน (pandurate) รูปพดั (flabellate) รูปพดั (fan-shaped)

รูปล่ิมแคบ (subulate) รูปแฉกแบบนิ้วมือ (palmalifid) รูปแฉกลึกแบบนิ้วมือ (palmatisect)

รูปหยกั แบบขนนก(pinnatifid) 

รูปหยกั ลึกสุดแบบขนนก (pinnatisect)

รูปร่างปลายใบ (Leaf Apex)



เรียวแหลม (acuminate) แหลม (acute) ต่ิงแหลม (apiculate) แหลมเขม็ (aristate)

ยาวคลา้ ยหาง (caudate) มว้ น (cirrhose) เวา้ ลึก (cleft) ติ่งแหลมยาว (cuspidate)

เวา้ ต้ืน (emarginate) ต่ิงหนาม (mucronate) ต่ิงหนามส้นั (mucronulate) ป้ าน, มน (obtuse)

เวา้ บุ๋ม (retuse) กลม (rounded) หนาม (spinose) ตดั (truncate)

ปลายแหวง่ (praemorse) ปลายแหลมแขง็ (pungent)

รูปร่างฐานใบ (LeafBase) เป็ นใบเรียวยาว



รูปลิ่ม (cuneate) รูปหุม้ ลาตน้ (amplexicaul) รูปสอบเรียว (attenuate) รูปติ่งหู (auriculate)

รูปฐานคูเ่ ชื่อมรอบขอ้ รูปหวั ใจ (cordate) รูปครีบ (decurrent) รูปเง่ียงใบหอก (hastate)
(connate perfoliate)

รูปลิน้ (ligulate) รูปเฉียง, เบ้ียว (oblique) รูปป้ าน, มน (obtuse) รูปโล่ (peltate)

รูปกลม (rounded) รูปหวั ลูกศร (sagittate) รูปตดั (truncate)

ขอบใบ (Leaf Margin) ขอบเรียบขอบใบเรียบเป็ นเส้นเดยี วกนั ตลอด



ขอบเรียบ (entire) หนามแหลม (aculeate, spinose) ขนครุย (ciliate) หยกั มน (crenate)

หยกั มนถ่ี (crenulate) หยกั ซ่ีฟัน (dentate) หยกั ซ่ีฟันถี่ (denticulate) จกั ฟันเล่ือย (serrate)

จกั ฟันเล่ือยถี่ (serrulate)จกั ฟันเลื่อยซอ้ น (double serrate) หยกั ไม่เป็นระเบียบ (erose) ขอบใบมว้ นลง (revolute)

คล่ืน (undulate) พู (lobed) ยบั ยน่ (crispate) รูปฝ่ ามือ (palmate)

ดอก (flower)  ดอกช่อ (inflorescence) :
ชนิดของช่อดอก

ดอกเดยี่ ว (solitary)

ช่อกระจุกดา้ นเดียวชนิดเดี่ยว (simple monochasium) ช่อวงแถวเด่ียว (helicoids cyme) ช่อวงแถวคู่ (scorpioid cyme)

ช่อกระจุกซอ้ นเดี่ยว (simple dichasium) ช่อกระจุกซอ้ นเชิงประกอบ (compound dichasium) ช่อกระจะ (raceme)



ช่อเชิงลด (spike) ช่อแบบหางกระรอก (ament, catkin) ช่อเชิงหลนั่ (corymb)

ช่อเชิงลดมีกาบ (spadix) ช่อซี่ร่ม (umbel) ช่อซ่ีร่มเชิงประกอบ (compound umbel)

ช่อกระจุกแน่น (capitulum, head) ช่อแยกแขนง (panicle, compound raceme)

ตาแหน่งทอ่ี อกดอก

ปลายยอด (terminal)  ซอกใบ (axillary) ตามลาต้นหรือกงิ่ (cauliflorous)

รูปร่างของดอกแบบต่างๆ (Perianth Forms)



รูปกงลอ้ (rotate, wheel-shaped) รูประฆงั (campanulate, bell-shaped) รูปคนโท, โถ (urceolate, urn-shaped)

รูปดอกเขม็ (salverform, hypocrateriform) รูปกรวย (funnelform) รูปหลอด (tubular)

รูปลิ้น (ligulate, tongue-shaped) รูปปากเปิ ด (bilabiate) รูปปากปิ ด (personate)

รูปกระเปาะทรงกระบอก (foxgloveform) รูปดอกถว่ั (papilionaceous)
ปลายแยกเป็ น ไมม่ ี แฉก สี .ขาวหรือเหลืองออ่ น

กลบี ดอก (corolla) รูปดอกถว่ั (papilionaceous) รูปดอกกลว้ ยไม้ (orchid)
แยกจากกนั (polypetalous) :
รูปดอกพเิ ศษ (พบในพชื เฉพาะกล่มุ )

รูปกากบาท (cruciform)
มีจานวน - กลีบ สี -
เกสรเพศผู้ (stamen)
มีจานวน -. อนั สีและลกั ษณะ -



ติดท่ีฐาน (basifixed, innate) ติดที่ดา้ นหลงั (dorsifixed) เชื่อมติด (adnate) ติดกลาง (versatile)

แตกตามยาว (longitudinal dehiscence) แตกตามช่อง (poricidal dehiscence) แตกตามขวาง (transverse dehiscence)

แตกแบบมีลิน้ ปิ ดเปิ ด (valvular dehiscence)

เกสรเพศเมยี (pistil)
มีจานวน - อนั สีและลกั ษณะ -

รังไขเ่ หนือวงกลีบ (superior ovary) รังไข่ใตว้ งกลีบ (inferior ovary) รังไข่ก่ึงใตว้ งกลบี (half-inferior ovary)
องค์ประกอบอนื่ ๆ ของดอก

ใบประดบั คลา้ ยกลีบดอก (petaloid bract) วงใบประดบั (involucres, involucral bract, phyllary)

วงกลีบเล้ียงคลา้ ยกลีบดอก (petaloid calyx) กาบหุม้ ช่อดอก (spathe) ริ้วประดบั (epicalyx)

กลนิ่ (scent) :
ไมม่ ี - มี -

ผล (fruit)
ชนิดของผล

ผลเดี่ยว Simple Fruit ผลกลุม่ (Aggregate Fruit)

ผลรวม (Multiple Fruit) ผลแบบมะเด่ือ (syconium)

ผลเมลด็ เดียวแขง็ (Drupe)

ผลแบบมเี น้ือหลายเมลด็ (Berry)
ผลแบบสม้ (Hesperidium)

ผลแบบแตง (Pepo)

ผลแห้ง (Dry Fruit)
ผลแห้งแก่ไม่แตก (Dry Indehiscent Fruit)

ผลแหง้ เมลด็ ติดหรือผลแบบธญั พชื (Caryopsis or Grain) ผลเปลือกแขง็ มีกาบรูปถว้ ย (Acorn)

ผลแหง้ เมลด็ ออ่ น (Achene) ผลแหง้ เมลด็ ลอ่ นปลายมีขน (cypsela

ผลเปลือกแหง้ เมลด็ เดียว (Nut)

ผลแบบปี กเดียว (Samara) ผลคลา้ ยผลปี กเดียว (samaroid)

ผลแยกแลว้ แตก (Schizocarp)
ผลแห้งแก่แตก (Dry Dehiscent Fruit)แบ่งเป็ น

ฝักแตกแนวเดียว (Follicle) ผลแตกแบบผกั กาด (Silique) ฝักแบบถว่ั (Legume)

ผลแบบฝักหกั ขอ้ (loment, lomentum) ผลแบบผกั ชี (cremocarp)

ผลแห้งแตก (capsule)
ผลท่ีเกิดจากดอกที่รังไข่มีหลายคาร์เพลเช่ือมกนั และเม่ือผลแก่จะแตก แบ่งออกเป็น

ผลแหง้ แตกตามรอยประสาน (septicidal capsule) ผลแหง้ แตกกลางพู (loculicidal capsule)

ผลแหง้ แตกเป็ นช่อง (poricidal capsule) ผลแหง้ แตกแบบฝาเปิ ด (circumscissile capsule, pyxis)

สขี องผล ผลออ่ นสี- ผลแกส่ ี – รูปร่างผล – ลกั ษณะพเิ ศษของผล –
เมล็ด (seed)

จานวนเมลด็ - สขี องเมลด็ - รูปร่างเมลด็ -

วาดภาพ หรือติดภาพวาดส่วนต่างๆ ของพืช

สว่ นของ ใบ สว่ นของ ตน้

สว่ นของดอก

สรุปลกั ษณะและขอ้ มลู พรรณไม้

(สรุปลกั ษณะและขอ้ มูลพรรณไมต้ ง้ั แตห่ นา้ 2-7และขอ้ มูลพ้ืนบา้ นหนา้ 1 โดยเขยี นเป็นเรียงความบรรยาย)

ช่ือพนั ธุไ์ ม้ วาสนา รหสั พรรณไม้

ตน้ เป็นพนั ธุไ์ มย้ ืนตน้ ขนาดกลาง ลาตน้ มคี วามสูงประมาณ 4-10 เมตร ลาตน้ ตรง ตน้ ตรงไมม่ กี ่ิงกา้ น ลาตน้
เป็นชอ้ ถ่ี ลาตน้ มสี นี ้าตาล ใบ เป็นใบเด่ยี วแตกออกจากลาตน้ สว่ นยอดเรียงซอ้ นกนั เวยี นลาตน้
เป็นรูปวงกลมลกั ษณะใบเรียวยาว ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ผวิ ใบเกล้ยี ง เป็นมนั สเี ขยี ว ตวั ใบโคง้ งอยขนาดใหญเ่ ป็น
รูปกลม ชอดอกยาว ออกมขี นาดเลก็ อยูร่ วมกนั เป็นกลุม่ ดอกสขี าวหรือเหลืองออ่ น

ขอ้ มลู พฤกษศาสตร์

ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Dracaena fragrans (L.) Ker-GawI.
ชื่อวงศ์ AGAVACEAE
ช่ือสามญั Cape of Good Hope, Dracaena
ชื่อพ้นื เมืองอื่น ๆ ประเดหวี มงั กรหยก (กรุงเทพฯ)
ถิ่นกาเนิด เอธิเปี ย ไนจีเรีย กินี
การกระจายพนั ธุ์:

ในประเทศไทย
ในประเทศอื่น ๆ
นิเวศวทิ ยา
เวลาออกดอก ช่วงฤดูหนาว ประมาณเดอื น พ.ย.-ม.ค.
เวลาติดผล -
การขยายพนั ธ์ุ การปักชา เป็นวธิ ีที่เหมาะสมที่สุด โดยการตดั เป็นท่อนๆ ความยาวตามความตอ้ งการของเรา แตท่ ี่
นิยมกนั จะเป็นแบบ 3 ทอ่ นความยาวลดหลน่ั กนั ลงมา มดั รวมกนั แลว้ นาไปปักชา จะไดว้ าสนามีที่มีหลายๆ ยอด
สวยงามดี ลองทาดูครับ ขนาดของกิ่งไมเ่ ป็นอุปสรรคในการขยายพนั ธุ์แต่อยา่ งใด การชาส่วนท่ีเป็นยอดไมค่ วรตดั
ใบออก เพราะวา่ เม่ือออกรากแลว้ อีกนานกวา่ ใบใหม่จะแตกมาทดแทน
การใช้ประโยชน์ ตน้ วาสนาเป็นไมย้ นื ตน้ ขนาดเลก็ ถึงขนาดกลาง มีใบสวยงาม เวลาออกดอกจะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
นิยมนามาเป็นไมป้ ระดบั ประจาบา้ น นอกจากน้ีคนไทยโบราณเชื่อวา่ หากปลูกตน้ วาสนาไวใ้ นบา้ น และดูแลอยา่ ง
ดี จนตน้ วาสนาออกดอก จะช่วยใหค้ นในครอบครัวน้นั ไดร้ ับโชคลาภ ตน้ วาสนาน้ีจดั เป็นไมม้ งคลท่ีข้ึนช่ือ อีกท้งั
ยงั มีช่ือตน้ ท่ีเป็ นมงคล จึงเป็ นตน้ ไมย้ อดนิยมที่ใคร ๆ ตา่ งนิยมปลูกเพ่อื เสริมโชคลาภตามความเชื่อนน่ั เอง
- ใบ แกป้ วดทอ้ ง
- ราก บรรเทาอาการปวดในการคลอดบุตร

ประวตั ิพนั ธุ์ไม้ (การนาเขา้ มาปลูกในประเทศไทย)

เอกสารอา้ งอิง
1. ดร. วทิ ย์ เท่ียงบูรณธรรม. พจนานุกรมไมด้ อกไมป้ ระดบั . 2542 หนา้ (786)

บนั ทึกขอ้ มูลเพิ่มเติม

เชน่ ประวตั ิพนั ธุไ์ ม้ (ประวตั กิ ารนาเขา้ มาปลูกในโรงเรียน) เวลาการออกดอก หรือติดผลนอกฤดูกาล หรืออ่ืน ๆ
ตน้ วาสนา ถือเป็นไมเ้ ส่ยี งทาย ถา้ หากใครกต็ ามสามารถปลูกตน้ วาสนาไดส้ วยงามและออกดอกได้ เช่ือวา่ จะทาใหม้ โี ชค
ลาภปรารถนาส่ิงใดกจ็ ะไดด้ งั หวงั ดงั ท่ตี อ้ งการ
สาหรับตน้ วาสนาอธิษฐานไวท้ างทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือ ผูป้ ลูกควรปลูกในวนั องั คาร เพราะโบราณเช่ือวา่ การปลูกไมเ้ พ่ือ
เอาประโยชนท์ างใบ ใหป้ ลูกในวนั องั คาร ถา้ จะ ใหเ้ ป็นมงคลย่งิ ข้ึนผูป้ ลูกควรเป็นสภาพสตรี เพราะวาสนาอธิษฐานเป็นช่อื
ท่เี หมาะสมกบั สุภาพสตรีน่ันเอง


Click to View FlipBook Version