ชื่อพนั ธ์ุไม้ สนแผง รหัสพรรณไม้
ภาพวาดทางพฤกษศาสตร์
บริเวณทส่ี ารวจ อาคารเรียน 2 วนั ทส่ี ารวจ 19 มิถุนายน 2562
ผ้สู ารวจ น.ส. สุภทั ทา กุลทานะ ช้ัน ปวส.1/1
วทิ ยาลยั เทคโนโลยวี ชิราโปลี สงขลา
ถนน ทะเลหลวง ตาบล บ่อยาง อาเภอ เมือง จังหวดั สงขลา รหัสไปรษณยี ์ 91000
ก.7-003 (ฉบบั ปรับปรุง 2553)
ข้อมูลพนื้ บ้าน
(ขอ้ มลู เก่ียวกบั การใชป้ ระโยชน์ และขอ้ มูลอื่น ๆ จากการสอบถามคนในทอ้ งถน่ิ )
ชื่อพ้ืนเมือง(ชื่อในทอ้ งถิ่นที่เกบ็ ตวั อยา่ งพนั ธุ์ไม)้ สนแผง
การใชป้ ระโยชนใ์ นทอ้ งถิ่น (ระบุส่วนที่ใชแ้ ละวธิ ีการใช)้ :
อาหาร ใบและเมล็ดใหใ้ ชค้ ร้ังละ 6-15 กรัม นามาตม้ กบั น้ารับประทานหรือจะใชร้ ่วมกบั ตวั ยาอ่ืน ๆ ใน
ตารับยาก็ได้
ยารักษาโรค ใบแกป้ วดตามขอ้ ลดไข้ ช่วยหา้ มเลือด ตกเลือด ขบั เสมหะ แกไ้ อ ขบั ปัสสาวะ แผลผพุ องจาก
น้าร้อนและไฟไหม้
ก่อสร้าง เครื่องเรือน เครื่องใช้ นิยมปลกู เป็นไมป้ ระดบั
ยาฆา่ แมลง ยาปราบศตั รูพืช -
ความเกี่ยวขอ้ งกบั ประเพณี วฒั นธรรม หรือความเชื่อทางศาสนา -
อ่ืน ๆ (เช่น การเป็นพษิ อนั ตราย) -
ท่ีมาของขอ้ มลู : ผใู้ หข้ อ้ มลู ช่ือ นางสาวฐามิณ นิลกาแหง อายุ 20 ปี
ที่อยู่ 125/58 ตาบลหนา้ เมือง อาเภอหวั ไทร จงั หวดั นครศรีธรรมราช
วนั ที่บนั ทึกขอ้ มลู 27 กรกฎาคม2562 สถานที่บนั ทึก วทิ ยาลยั เทคโนโลยวี ชิราโปลี สงขลา
ข้อมูลพรรณไม้
ลกั ษณะวสิ ัย (habit)
ไมต้ น้ (tree) ไมพ้ มุ่ (shrub) ไมล้ ม้ ลกุ (herb) ไมเ้ ล้ือย(climber)
ลกั ษณะวสิ ัย : ไมพ้ มุ่
ลกั ษณะวสิ ัยอนื่ ๆ
ไผ่ (bamboo เฟิ ร์น (fern) กลว้ ยไม้ (orchid) ปาลม์ (palm)
เรือนยอด ทรงพุ่ม (crown shape)
กลม (rounded) ทรงกระบอก (cylindric) รูปร่ม (umbellate) รูปกรวย (conical)
รูปคลา้ ยฉตั ร(Verticillate) รูปแตกไมเ่ ป็นระเบียบ(irregular) รูปมีกิ่งหอ้ ยยอ้ ยลงมา(irregular)
เรือนยอด ทรงพ่มุ : ความสูง 20 ม. ความกวา้ งทรงพุม่ 1-2 ม.
ถนิ่ อาศัย (habitat) พืชอิงอาศยั (epiphyte) กาฝาก (parasite)
พชื บก (terrestrial)
พชื น้า (aquatic) : พชื โผลเ่ หนือน้า (emerged plant)
พืชใตน้ ้า (submerged plant) พืชชายน้า (marginal plant)
พชื ลอยน้า (floating plant)
ลาต้น (stem)
ชนิดของลาต้น
ลาต้นใต้ดนิ (underground stem) :
เหงา้ (rhizome) หวั แบบมนั ฝรั่ง (tuber)
หวั แบบหวั หอม (bulb) หวั แบบเผือก (corm)
ลาต้นเหนือดนิ (aerial stem) :
ต้งั ตรงเองได้
ต้งั ตรงเองไม่ได้ :
ใชล้ าตน้ เกี่ยวพนั (twining) ใชม้ ือเกาะ (tendril)
ใชต้ ะขอ (hook) หรือหนามยดึ เกาะ ใชร้ ากยดึ เกาะ (climbing root)
ทอดนอนตามพนื้ ดนิ :
ทอดนอน(procumbent) ทอดชูยอด(decumbent) เกาะเล้ือย(creeping)
เปลอื กลาต้น
สี น้าตาลอมแดง
ลกั ษณะ :
เรียบ ขรุขระ แตกเป็ นสะเกด็ แตกเป็ นเสน้
สีอื่น ๆ ........................
มีหนาม อื่น ๆ ............................
ยาง
ไม่มี
มี:
สีขาวใส สีขาวขนุ่
ใบ (leaf)
ชนิดของใบ
ใบเดย่ี ว (simple leaf) ใบประกอบ (compound leaf) แบบนิว้ มอื (palmate)
ขนนกช้ันเดยี ว (pinnate) ขนนกสองช้ัน (bipinnate) ขนนกสามช้ัน (tripinnate)
ขนนกปลายคี่ (odd-pinnate) ขนนกปลายคู่ (even-pinnate)
สี เขยี วออ่ น ขนาดแผ่นใบ กวา้ ง 2-5 ซม. ยาว 45-55 ซม.
จานวนใบย่อย (กรณีเป็ นใบประกอบ) - ใบ ขนาดแผ่นใบย่อย กวา้ ง 2-5 ซม. ยาว 45-55 ซม.
กาลรกัเรษียณงตะวั พขิเอศงษใบขบองนใกบ่งิ เ(ปp็นhใyบllไoมtรa้ ่วxมyแ)ตกออกเป็นเกลด็ เรียงตดิ กนั แน่นกบั ก่งิ มลี กั ษณะเป็นแผง
สลบั (alternate) สลบั ระนาบเดียว (distichous) กระจุก (fascicled)
ตรงขา้ ม (opposite) ตรงขา้ มสลบั ต้งั ฉาก(decussate) เป็นวงรอบ (whorled)
คลา้ ยแบบจุก (Clusterd) กุหลาบซอ้ น (rosette)
ใบเปลย่ี นแปลงไปทาหน้าทพี่ ิเศษ (Modified Leaf)
ใบมือเกาะ(leaf tendrils) ใบหนาม(spinose leaf) ใบกินแมลง(insectivorous leaf)
ใบสะสมอาหาร(storage leaf) ใบขยายพนั ธ์ (reproductive leaf)
การเรียงตัวของเส้นใบ (Leaf Venation)
การเรียงเส้นใบแยกสองแฉก (Dichotomous Venation)
การเรียงเส้นใบแบขนาน (Paralle Venation)
การเรียงเส้นใบแบบขนานรูปฝ่ ามือ เส้นใบขนานแบบขนนก
(palmatelyparalled venation) (pinnately parallel venation)
เส้นใบร่างแห (Netted หรือ Reticulated Venation)
เส้นใบร่างแหแบบฝ่ ามือ เส้นใบร่างแหแบบขนนก
(palmately netted venation ( pinnately netted venation)
รูปร่างแผ่นใบ (leaf shape)
รูปแถบ (linear) รูปขอบขนาน (oblong) รูปรี (elliptic)
รูปเขม็ (acicular, needle shaped)
รูปใบหอก (lanceolate) รูปใบหอกกลบั (oblanceolate) รูปไข่ (ovate) รูปไขก่ ลบั (obovate)
รูปหวั ใจ (cordate) รูปหวั ใจกลบั (obcordate) รูปสามเหลี่ยม (deltoid) รูปคลา้ ยสามเหล่ียม (obdeltoid)
รูปลิ่ม (cuneate) รูปคลา้ ยส่ีเหลี่ยมขา้ วหลามตดั (rhomboid) รูปไต (reniform) รูปโล่ (peltate)
รูปวงกลม (orbicular) รูปชอ้ น (spathulate, spatulate) รูปเงี่ยงใบหอก (hastate) รูปหวั ลกู ศร (sagittate)
รูปจนั ทร์เส้ียว (lunate) รูปไวโอลิน (pandurate) รูปพดั (flabellate) รูปพดั (fan-shaped)
รูปล่ิมแคบ (subulate) รูปแฉกแบบนิ้วมือ (palmalifid) รูปแฉกลึกแบบนิ้วมือ (palmatisect)
รูปหยกั แบบขนนก(pinnatifid) รูปหยกั ลึกสุดแบบขนนก (pinnatisect)
รูปร่างแผนใบ : รูปเขม็
รูปร่างปลายใบ (Leaf Apex)
เรียวแหลม (acuminate) แหลม (acute) ติ่งแหลม (apiculate) แหลมเขม็ (aristate)
ยาวคลา้ ยหาง (caudate) มว้ น (cirrhose) เวา้ ลึก (cleft) ต่ิงแหลมยาว (cuspidate)
เวา้ ต้ืน (emarginate) ติ่งหนาม (mucronate) ติ่งหนามส้นั (mucronulate) ป้ าน, มน (obtuse)
เวา้ บุ๋ม (retuse) กลม (rounded) หนาม (spinose) ตดั (truncate)
ปลายแหวง่ (praemorse) ปลายแหลมแขง็ (pungent)
รูปร่างปลายใบ : ปลายใบแหลมเขม็ มีรยางคแ์ ขง็
รูปร่างฐานใบ (LeafBase)
รูปลิ่ม (cuneate) รูปหุม้ ลาตน้ (amplexicaul) รูปสอบเรียว (attenuate) รูปต่ิงหู (auriculate)
รูปฐานคูเ่ ช่ือมรอบขอ้ รูปหวั ใจ (cordate) รูปครีบ (decurrent) รูปเงี่ยงใบหอก (hastate)
(connate perfoliate)
รูปลิน้ (ligulate) รูปเฉียง, เบ้ียว (oblique) รูปป้ าน, มน (obtuse) รูปโล่ (peltate)
รูปกลม (rounded) รูปหวั ลูกศร (sagittate) รูปตดั (truncate)
รูปร่างฐานใบ : เป็นรูปตดั
ขอบใบ (Leaf Margin)
ขอบเรียบ (entire) หนามแหลม (aculeate, spinose) ขนครุย (ciliate) หยกั มน (crenate)
หยกั มนถ่ี (crenulate) หยกั ซ่ีฟัน (dentate) หยกั ซ่ีฟันถ่ี (denticulate) จกั ฟันเล่ือย (serrate)
จกั ฟันเล่ือยถี่ (serrulate)จกั ฟันเล่ือยซอ้ น (double serrate) หยกั ไม่เป็นระเบียบ (erose) ขอบใบมว้ นลง (revolute)
คลื่น (undulate) พู (lobed) ยบั ยน่ (crispate) รูปฝ่ ามือ (palmate)
ขอบใบ : เป็นแฉก
ดอก (flower) ดอกช่อ (inflorescence) :
ชนดิ ของช่อดอก
ดอกเดย่ี ว (solitary)
ช่อกระจุกดา้ นเดียวชนิดเด่ียว (simple monochasium) ช่อวงแถวเดี่ยว (helicoids cyme) ช่อวงแถวคู่ (scorpioid cyme)
ช่อกระจุกซอ้ นเดี่ยว (simple dichasium) ช่อกระจุกซอ้ นเชิงประกอบ (compound dichasium) ช่อกระจะ (raceme)
ช่อเชิงลด (spike) ช่อแบบหางกระรอก (ament, catkin) ช่อเชิงหลนั่ (corymb)
ช่อเชิงลดมีกาบ (spadix) ช่อซ่ีร่ม (umbel) ช่อซ่ีร่มเชิงประกอบ (compound umbel)
ช่อกระจุกแน่น (capitulum, head) ช่อแยกแขนง (panicle, compound raceme)
ชนิดของช่อดอก : เป็นช่อแยกแขนง
ตาแหน่งทอี่ อกดอก ซอกใบ (axillary) ตามลาต้นหรือกงิ่ (cauliflorous)
ปลายยอด (terminal)
รูปร่างของดอกแบบต่างๆ (Perianth Forms)
รูปกงลอ้ (rotate, wheel-shaped) รูประฆงั (campanulate, bell-shaped) รูปคนโท, โถ (urceolate, urn-shaped)
รูปดอกเขม็ (salverform, hypocrateriform) รูปกรวย (funnelform) รูปหลอด (tubular)
รูปลิน้ (ligulate, tongue-shaped) รูปปากเปิ ด (bilabiate) รูปปากปิ ด (personate)
รูปกระเปาะทรงกระบอก (foxgloveform) รูปดอกถว่ั (papilionaceous)
รูปร่างของดอก : ปลายแยกเป็น 8 แฉก สี น้าตาลอ่อน
กลบี ดอก (corolla)
แยกจากกนั (polypetalous) :
รูปดอกพเิ ศษ (พบในพชื เฉพาะกล่มุ )
รูปกากบาท (cruciform) รูปดอกถว่ั (papilionaceous)
รูปดอกกลว้ ยไม้ (orchid)
มรีจูปานดวอนก.พ....เิ .ศ...ษ. ก:ลปีบลสายี .แ...ย..ก...เ.ป...็น.....8...แ...ฉ...ก.....ส..ี น้าตาลอ่อน
เกสรเพศผู้ (stamen)
เกสรเพศผู้ (pistil) : มีจานวน - อนั สีและลกั ษณะ สีน้าตาลอ่อนจะอยกู่ นั
คนละดอก
มีจานวน - อนั สีและลกั ษณะ สีน้าตาลอ่อนจะอยกู่ นั คนละดอก
ติดที่ฐาน (basifixed, innate) ติดที่ดา้ นหลงั (dorsifixed) เชื่อมติด (adnate) ติดกลาง (versatile)
แตกตามยาว (longitudinal dehiscence) แตกตามช่อง (poricidal dehiscence) แตกตามขวาง (transverse dehiscence
แตกแบบมีลิน้ ปิ ดเปิ ด (valvular dehiscence)
เกสรเพศเมยี (pistil)
เกสรเพศเมยี (pistil) : มีจานวน - อนั สีและลกั ษณะ สีน้าตาลออ่ นจะอยกู่ นั
คนละดอก
มีจานวน - อนั สีและลกั ษณะ สีน้าตาลออ่ นจะอยกู่ นั คนละดอก
รังไข่เหนือวงกลีบ (superior ovary) รังไขใ่ ตว้ งกลีบ (inferior ovary) รังไขก่ ่ึงใตว้ งกลบี (half-inferior ovary)
องค์ประกอบอน่ื ๆ ของดอก
ใบประดบั คลา้ ยกลีบดอก (petaloid bract) วงใบประดบั (involucres, involucral bract, phyllary)
วงกลีบเล้ียงคลา้ ยกลีบดอก (petaloid calyx) กาบหุม้ ช่อดอก (spathe) ริ้วประดบั (epicalyx)
กลน่ิ (scent) : มี
ไม่มี
ผล (fruit)
ชนิดของผล
ผลเด่ียว Simple Fruit ผลกลุม่ (Aggregate Fruit)
ผลรวม (Multiple Fruit) ผลแบบมะเดื่อ (syconium)
ชนิดของผล : จะออกผลมาเป็นผลเด่ียว
ผลมเี นือ้ สด (Fleshy Fruit)
ผลเมลด็ เดียวแขง็ (Drupe)
ผลแบบมเี น้ือหลายเมลด็ (Berry)
ผลแบบสม้ (Hesperidium)
ผลแบบแตง (Pepo)
ผลแห้ง (Dry Fruit)
ผลแห้งแก่ไม่แตก (Dry Indehiscent Fruit)
ผลแหง้ เมลด็ ติดหรือผลแบบธญั พชื (Caryopsis or Grain) ผลเปลือกแขง็ มีกาบรูปถว้ ย (Acorn)
ผลแหง้ เมลด็ ออ่ น (Achene) ผลแหง้ เมลด็ ล่อนปลายมีขน (cypsela)
ผลเปลือกแหง้ เมลด็ เดียว (Nut)
ผลแบบปี กเดียว (Samara) ผลคลา้ ยผลปี กเดียว (samaroid)
ผลแยกแลว้ แตก (Schizocarp)
ผลแห้งแก่แตก (Dry Dehiscent Fruit)แบ่งเป็ น
ฝักแตกแนวเดียว (Follicle) ผลแตกแบบผกั กาด (Silique) ฝักแบบถว่ั (Legume)
ผลแบบฝักหกั ขอ้ (loment, lomentum) ผลแบบผกั ชี (cremocarp)
ผลแห้งแตก (capsule)
ผลท่ีเกิดจากดอกที่รังไข่มีหลายคาร์เพลเชื่อมกนั และเมื่อผลแก่จะแตก แบ่งออกเป็น
ผลแหง้ แตกกลางพู (loculicidal capsule)
ผลแหง้ แตกตามรอยประสาน (septicidal capsule)
ผลแหง้ แตกเป็ นช่อง (poricidal capsule) ผลแหง้ แตกแบบฝาเปิ ด (circumscissile capsule, pyxis)
ผลแห้งแตก : สีของผล ผลอ่อนสี เขียวอมสีน้าเงิน ผลแก่สี น้าตาลอมแดง
รูปร่างผล รูปไข่สีน้าตาลเขม็ มีสนั
ลกั ษณะพเิ ศษของผล –
เมลด็ (seed)
มีจานวน - อนั สีและลกั ษณะ สีน้าตาลอ่อนจะอยกู่ นั คนละดอก
รูปร่างเมลด็ รูปไข่
วาดภาพ หรือตดิ ภาพวาดส่วนต่างๆ ของพชื
สว่ นของ ดอก
สว่ นของ ตน้
สว่ นของ ใบ
สรุปลกั ษณะและข้อมูลพรรณไม้
(สรุปลกั ษณะและขอ้ มลู พรรณไมต้ ้งั แต่หนา้ 2-7และขอ้ มูลพ้นื บา้ นหนา้ 1 โดยเขียนเป็ นเรียงความบรรยาย)
ช่ือพนั ธ์ุไม้ สนแผง
การใชป้ ระโยชน์ในทอ้ งถิ่น (ระบุส่วนที่ใชแ้ ละวธิ ีการใช)้ :
อาหาร ใบและเมล็ดใหใ้ ชค้ ร้ังละ 6-15 กรัม นามาตม้ กบั น้ารับประทานหรือจะใชร้ ่วมกบั ตวั ยาอื่น ๆ ใน
ตารับยากไ็ ด้
ยารักษาโรค ใบแกป้ วดตามขอ้ ลดไข้ ช่วยหา้ มเลือด ตกเลือด ขบั เสมหะ แกไ้ อ ขบั ปัสสาวะ แผลผพุ องจาก
น้าร้อนและไฟไหม้
ลกั ษณะวสิ ัย ไมพ้ มุ่
เรือนยอดทรงพ่มุ รูปกรวย ความสูง 20 ม. ความกวา้ ง 1-2 ม.
ถน่ิ อาศัย พืชบก
ยาง ไม่มี
ชนิดของใบ ขนนกสามช้นั
การเรียงตัวของใบบน ตรงขา้ มสลบั ต้งั ฉาก
ลกั ษณะพเิ ศษของใบ เป็นใบไมร้ ่วมแตกออกเป็ นเกล็ด เรียงติดกนั แน่นกบั ก่ิงมีลกั ษณะเป็นแผง
รูปร่างของใบ รูปเขม็
ปลายใบ แหลมเขม็ มีรยางคแ์ ขง็
โคนใบ ตดั
ขอบใบ เป็นแฉก
ถิ่นกาเนิด เขตหนาวของจีนรวมถึง เกาหลีเหนือ มองโกเลียและบา้ งส่วนของอิร่าน
การขยายพันธ์ การตอนกิ่งและเพาะเมลด็
ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Thuja orientalis Endl.
ช่ือวงค์ CUPRESSACEAE
ชื่อสามญั Chimese Arborvitae, Orientali Arborvitae
ข้อมูลพฤกษศาสตร์
ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Thuja orientalis Endl.
ช่ือวงศ์ CUPRESSACEAE
ชื่อสามญั Chimese Arborvitae, Orientali Arborvitae
ชื่อพนื้ เมืองอน่ื ๆ -
ถนิ่ กาเนิด เขตหนาวของจีนรวมถึง เกาหลีเหนือ มองโกเลียและบา้ งส่วนของอิร่าน
การกระจายพนั ธ์ุ:
ในประเทศไทย มีการปลูกประดบั ทวั่ ไป
ในประเทศอ่ืน ๆ -
นิเวศวิทยา -
เวลาออกดอก สนแผงออกดอกเดียวตามใบดอกมีลกั ษณะเป็นรูปไขม่ ีสีน้าตาลอ่อนดอกเพศผแู้ ลว้ ดอกเพศเมียจะอยู่
กนั คนละดอกแต่อยบู่ นตน้ เดียวกนั โดยดอกเพศผมู้ ีกา้ นมากส่วนดอกเพศเมียไม่มีกา้ น
เวลาตดิ ผล -
การขยายพนั ธ์ุ การตอนกิ่งและเพาะเมลด็
การใช้ประโยชน์ ปลูกเป็นไมป้ ระดบั เปลือกตน้ ทาใหด้ ูขาวแหง้ ใบแกป้ วดตามขอ้ ลดไข้ ช่วยหา้ มเลือด ตกเลือด
ขบั เสมหะ แกไ้ อ ขบั ปัสสาวะ แผลผพุ องจากน้าร้อนและไฟไหม้
ประวตั ิพนั ธ์ุไม้ (การนาเขา้ มาปลูกในประเทศไทย) -
เอกสารอ้างองิ https://mynameistamin.wordpress.com
บันทกึ ข้อมูลเพมิ่ เตมิ
เช่น ประวตั ิพนั ธุ์ไม้ (ประวตั ิการนาเขา้ มาปลูกในโรงเรียน) เวลาการออกดอก หรือติดผลนอกฤดูกาล หรืออื่น ๆ
ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Thuja orientalis Endl.
ชื่อวงศ์ CUPRESSACEAE
ชื่อสามญั Chimese Arborvitae, Orientali Arborvitae
ช่ือพนื้ เมอื งอน่ื ๆ -
ถิ่นกาเนิด เขตหนาวของจีนรวมถึง เกาหลีเหนือ มองโกเลียและบา้ งส่วนของอิร่าน
การกระจายพนั ธ์ุ:
ในประเทศไทย มีการปลูกประดบั ทวั่ ไป
ในประเทศอื่น ๆ -
นิเวศวิทยา -
เวลาออกดอก สนแผงออกดอกเดียวตามใบดอกมีลกั ษณะเป็นรูปไข่มีสีน้าตาลอ่อนดอกเพศผแู้ ลว้ ดอกเพศเมียจะอยู่
กนั คนละดอกแต่อยบู่ นตน้ เดียวกนั โดยดอกเพศผมู้ ีกา้ นมากส่วนดอกเพศเมียไม่มีกา้ น
เวลาตดิ ผล -
การขยายพนั ธ์ุ การตอนกิ่งและเพาะเมล็ด
การใช้ประโยชน์ ปลูกเป็นไมป้ ระดบั เปลือกตน้ ทาใหด้ ูขาวแหง้ ใบแกป้ วดตามขอ้ ลดไข้ ช่วยหา้ มเลือด ตกเลือด
ขบั เสมหะ แกไ้ อ ขบั ปัสสาวะ แผลผพุ องจากน้าร้อนและไฟไหม้
ประวตั ิพนั ธ์ุไม้ (การนาเขา้ มาปลูกในประเทศไทย) -
เอกสารอ้างองิ https://mynameistamin.wordpress.com