ชื่อพนั ธุไ์ ม้ ตน้ ไพล รหสั พรรณไม้
ภาพวาดทางพฤกษศาสตร์
บริเวณท่ีสารวจ หนา้ อาคารเรียน 2 วนั ที่สารวจ 19 สิงหาคม 2562
ผสู้ ารวจ นายจรี ะศกั ด์ิ ขุนเด่ือ ชนั้ ปวส.1/1
วิทยาลยั เทคโนโลยีวชิราโปลี สงขลา
ถนน ทะเลหลวง ตาบล บ่อยาง อาเภอ เมือง จงั หวดั สงขลา รหสั ไปรษณีย์ 90000
ก.7-003 (ฉบบั ปรบั ปรงุ 2553) หนา้ - 1 -
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2
ขอ้ มูลพ้ืนบา้ น
(ขอ้ มูลเก่ยี วกบั การใชป้ ระโยชน์ และขอ้ มูลอ่นื ๆ จากการสอบถามคนในทอ้ งถ่นิ )
ช่ือพ้ืนเมือง(ช่ือในทอ้ งถ่นิ ท่เี กบ็ ตวั อยา่ งพนั ธุไ์ ม)้ ตน้ ไพล
การใชป้ ระโยชนใ์ นทอ้ งถ่นิ (ระบุสว่ นท่ใี ชแ้ ละวิธกี ารใช)้ :
อาหาร : ชอ่ ดอก ตม้ จ้ิมน้าพริก เป็นผกั ได้
ยารักษาโรค : ตารายาไทย เหงา้ รสฝาดข่ืนเอยี น ใชภ้ ายนอก ประคบหรือฝนทา แกฟ้ กชา้ เคลด็ บวม แกเ้ หน็บ
ชา เสน้ ตึง เม่ือยขบ เป็นสว่ นประกอบหลกั ในการทาลูกประคบ ชว่ ยสมานแผล แกเ้ ลบ็ ถอด ใชอ้ าบและประคบ
เพ่ือใหเ้ ลือดลมไหลดใี นสตรีหลงั คลอด ทาบรรเทาอาการผ่ืนคนั จากการแพ้ ใชภ้ ายใน แกบ้ ิด แกท้ อ้ งเสีย แกห้ ืด
ผสมยาอ่ืน เชน่ ตารับยาประสะไพล เป็นยารับประทาน ขบั ลมในลาไส้ แกจ้ ุกเสียด แกป้ วดทอ้ ง แกท้ อ้ งอืดเฟ้ อ
ขบั ระดู ขบั โลหิตเสีย ราก รสข่ืนเอยี น ขบั โลหิต ทาใหป้ ระจาเดือนมาตามปกติ แกท้ อ้ งอืดเฟ้ อ แกท้ อ้ งผูก เคลด็
ยอก โรคผิวหนัง โรคอนั บงั เกิดแตโ่ ลหิตอนั ออกทางปากและจมูก แกอ้ าเจยี นเป็นโลหิต ดอก รสข่ืน กระจาย
เลือดท่เี ป็นล่ิมกอ้ น กระจายโลหิตอนั เกดิ แตอ่ ภิญญาณธาตุ ขบั โลหิต แกอ้ าเจยี นเป็นโลหิต แกเ้ ลือดกาเดาออก
ทางจมูก แกช้ า้ ใน ขบั ระดูประจาเดือน ทาลายเลือดเสยี ตน้ รสฝาด ข่ืนเอยี น แกธ้ าตุพิการ แกอ้ ุจจาระพิการ ใบ
รสข่ืนเอยี น แกไ้ ข้ แกป้ วดเม่ือย แกค้ ร่นั เน้ือคร่นั ตวั แกป้ วดเม่ือย
กอ่ สรา้ ง เคร่ืองเรือน เคร่ืองใช้ : -
ยาฆา่ แมลง ยาปราบศตั รูพืช : เหงา้ ชว่ ยไลแ่ มลง ฆา่ แมลง, หวั ไพล ชว่ ยกนั ยุงและไลย่ ุง น้ามนั จากหวั ไพลผสม
กบั แอลกอฮอลน์ ามาใชท้ าผวิ สามารถชว่ ยกนั ยุงและไลย่ ุงได้
ความเก่ยี วขอ้ งกบั ประเพณี วฒั นธรรม หรือความเช่อื ทางศาสนา : -
อ่ืน ๆ (เชน่ การเป็นพษิ อนั ตราย) : -
วนั ท่บี นั ทึกขอ้ มูล 19 สิงหาคม 2562 สถานท่บี นั ทึก วิทยาลยั เทคโนโลยวี ชริ าโปลี สงขลา
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 2 -
ขอ้ มูลพรรณไม้
ลกั ษณะวสิ ัย (habit)
ไมต้ น้ (tree) ไมพ้ ุม่ (shrub) ไมล้ ม้ ลุก(herb) ไมเ้ ล้ือย(climber)
ลกั ษณะไพลเป็ นไมล้ ม้ ลุก
ลกั ษณะวสิ ัยอน่ื ๆ
ไผ่ (bamboo เฟิ ร์น (fern) กลว้ ยไม้ (orchid) ปาลม์ (palm)
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 3 -
เรือนยอด ทรงพุ่ม (crown shape)
กลม (rounded) ทรงกระบอก (cylindric) รูปร่ม (umbellate) รูปกรวย (conical)
รูปคลา้ ยฉตั ร(Verticillate) รูปแตกไม่เป็ นระเบียบ(irregular) รูปมีก่ิงหอ้ ยยอ้ ยลงมา(irregular)
เรือนยอด ทรงพมุ่ : รูปกรวย หนา้ - 4 -
ความสูง 0.7 - 1.5 ม.
ถ่ินอาศัย (habitat)
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2
พชื บก (terrestrial) พืชอิงอาศยั (epiphyte) กาฝาก (parasite)
พืชน้า (aquatic) : พืชโผล่เหนือน้า (emerged plant)
พืชใตน้ ้า (submerged plant) พชื ชายน้า (marginal plant)
พชื ลอยน้า (floating plant)
ลาต้น (stem)
ชนิดของลาต้น
ลาต้นใต้ดนิ (underground stem) :
เหงา้ (rhizome) หวั แบบมนั ฝร่ัง (tuber)
หวั แบบหวั หอม (bulb) หวั แบบเผือก (corm)
ลาต้นเหนอื ดนิ (aerial stem) :
ต้งั ตรงเองได้
ต้งั ตรงเองไม่ได้ :
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 5 -
ใชล้ าตน้ เกี่ยวพนั (twining) ใชม้ ือเกาะ (tendril)
ใชต้ ะขอ (hook) หรือหนามยดึ เกาะ ใชร้ ากยดึ เกาะ (climbing root)
ทอดนอนตามพนื้ ดนิ :
ทอดนอน(procumbent) ทอดชูยอด(decumbent) เกาะเล้ือย(creeping)
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 6 -
เปลอื กลาต้น
สี สีน้าตาลแกมเหลือง
ลกั ษณะ :
เรียบ ขรุขระ แตกเป็ นสะเก็ด แตกเป็ นเสน้
สีอ่ืน ๆ ........................
มีหนาม อื่น ๆ ............................
ยาง
ไมม่ ี
มี:
สีขาวใส สีขาวขนุ่
เปลือกมีสีน้าตาลแกมเหลือง เน้ือดา้ นในมีสีเหลืองถึงสีเหลืองแกมเขียว แทงหน่อหรือลาตน้ เทียมข้ึนเป็ นกอ โดยจะ
ประกอบไปดว้ ยกาบหรือโคนใบหุ้มซอ้ นกนั อยู่ เหงา้ ไพลสดฉ่าน้า รสฝาด เอียด ร้อนซ่า มีกลิ่นเฉพาะ ส่วนเหงา้ ไพลแก่สดและ
แหง้ จะมีรสเผด็ เลก็ นอ้ ย
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 7 -
ใบ (leaf)
ชนิดของใบ
ใบเดยี่ ว (simple leaf) ใบประกอบ (compound leaf) แบบนิว้ มอื (palmate)
ขนนกช้ันเดยี ว (pinnate) ขนนกสองช้ัน (bipinnate) ขนนกสามช้ัน (tripinnate)
ขนนกปลายคี่ (odd-pinnate) ขนนกปลายคู่ (even-pinnate)
สี เขยี ว ขนาดแผ่นใบ กวา้ ง 3.5 - 5.5 ซม. ยาว 18 - 35 ซม.
ลกั ษณะพิเศษของใบ โคนใบมน หรือเวา้ รูปหวั ใจ
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 8 -
การเรียงตวั ของใบบนก่ิง (phyllotaxy)
สลบั (alternate) สลบั ระนาบเดียว (distichous) กระจุก (fascicled)
ตรงขา้ ม (opposite) ตรงขา้ มสลบั ต้งั ฉาก(decussate) เป็นวงรอบ (whorled)
คลา้ ยแบบจุก (Clusterd) กุหลาบซอ้ น (rosette)
ใบเปลยี่ นแปลงไปทาหน้าทพ่ี ิเศษ (Modified Leaf)
ใบมือเกาะ(leaf tendrils) ใบหนาม(spinose leaf) ใบกินแมลง(insectivorous leaf)
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 9 -
ใบสะสมอาหาร(storage leaf) ใบขยายพนั ธ์ (reproductive leaf)
การเรียงตวั ของเส้นใบ (Leaf Venation)
การเรียงเส้นใบแยกสองแฉก (Dichotomous Venation)
การเรียงเส้นใบแบขนาน (Paralle Venation)
การเรียงเส้นใบแบบขนานรูปฝ่ ามือ เส้นใบขนานแบบขนนก
(palmatelyparalled venation) (pinnately parallel venation)
เส้นใบร่างแห (Netted หรือ Reticulated Venation)
เส้นใบร่างแหแบบฝ่ ามือ เส้นใบร่างแหแบบขนนก
(palmately netted venation ( pinnately netted venation)
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 10 -
รูปร่างแผ่นใบ (leaf shape)
รูปเขม็ (acicular, needle shaped) รูปแถบ (linear) รูปขอบขนาน (oblong) รูปรี (elliptic)
รูปใบหอกกลบั (oblanceolate) รูปไข่ (ovate) รูปไขก่ ลบั (obovate)
รูปใบหอก (lanceolate)
รูปหวั ใจ (cordate) รูปหวั ใจกลบั (obcordate) รูปสามเหล่ียม (deltoid) รูปคลา้ ยสามเหลี่ยม (obdeltoid)
รูปล่ิม (cuneate) รูปคลา้ ยส่ีเหลี่ยมขา้ วหลามตดั (rhomboid) รูปไต (reniform) รูปโล่ (peltate)
รูปวงกลม (orbicular) รูปชอ้ น (spathulate, spatulate) รูปเงี่ยงใบหอก (hastate) รูปหวั ลกู ศร (sagittate)
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 11 -
รูปจนั ทร์เส้ียว (lunate) รูปไวโอลิน (pandurate) รูปพดั (flabellate) รูปพดั (fan-shaped)
รูปลิ่มแคบ (subulate) รูปแฉกแบบนิ้วมือ (palmalifid) รูปแฉกลึกแบบนิ้วมือ (palmatisect)
รูปหยกั แบบขนนก(pinnatifid) รูปหยกั ลึกสุดแบบขนนก (pinnatisect)
รูปร่างปลายใบ (Leaf Apex)
เรียวแหลม (acuminate) แหลม (acute) ติ่งแหลม (apiculate) แหลมเขม็ (aristate)
ยาวคลา้ ยหาง (caudate) มว้ น (cirrhose) เวา้ ลึก (cleft) ต่ิงแหลมยาว (cuspidate)
เวา้ ต้ืน (emarginate) ต่ิงหนาม (mucronate) ติ่งหนามส้นั (mucronulate) ป้ าน, มน (obtuse)
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 12 -
เวา้ บุ๋ม (retuse) กลม (rounded) หนาม (spinose) ตดั (truncate)
ปลายแหวง่ (praemorse) ปลายแหลมแขง็ (pungent)
รูปร่างฐานใบ (LeafBase)
รูปลิ่ม (cuneate) รูปหุม้ ลาตน้ (amplexicaul) รูปสอบเรียว (attenuate) รูปติ่งหู (auriculate)
รูปฐานคูเ่ ชื่อมรอบขอ้ รูปหวั ใจ (cordate) รูปครีบ (decurrent) รูปเง่ียงใบหอก (hastate)
(connate perfoliate)
รูปลิ้น (ligulate) รูปเฉียง, เบ้ียว (oblique) รูปป้ าน, มน (obtuse) รูปโล่ (peltate)
รูปกลม (rounded) รูปหวั ลกู ศร (sagittate) รูปตดั (truncate)
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 13 -
ขอบใบ (Leaf Margin)
ขอบเรียบ (entire) หนามแหลม (aculeate, spinose) ขนครุย (ciliate) หยกั มน (crenate)
หยกั มนถี่ (crenulate) หยกั ซ่ีฟัน (dentate) หยกั ซี่ฟันถ่ี (denticulate) จกั ฟันเลื่อย (serrate)
จกั ฟันเล่ือยถี่ (serrulate)จกั ฟันเล่ือยซอ้ น (double serrate) หยกั ไม่เป็นระเบียบ (erose) ขอบใบมว้ นลง (revolute)
คลื่น (undulate) พู (lobed) ยบั ยน่ (crispate) รูปฝ่ ามือ (palmate)
ใบเด่ียว เรียงสลบั ออกระนาบเดียว รูปขอบขนานแกมใบหอก กวา้ ง 3.5-5.5 เซนติเมตร ยาว 18-35 เซนติเมตร
ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมน หรือเวา้ รูปหวั ใจ ผิวใบเรียบ ขอบใบเรียบ ไม่มีกา้ นใบ มีขนนุ่มที่เสน้ กลางใบดา้ นทอ้ งใบ แผน่
ใบบาง หลงั ใบสีเขียวเขม้ ทอ้ งใบสีออ่ นกวา่ กาบใบมีลิน้ ใบ
ดอก (flower) หนา้ - 14 -
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2
ชนิดของช่อดอก ดอกช่อ (inflorescence) :
ดอกเดย่ี ว (solitary)
ช่อกระจุกดา้ นเดียวชนิดเดี่ยว (simple monochasium) ช่อวงแถวเดี่ยว (helicoids cyme) ช่อวงแถวคู่ (scorpioid cyme)
ช่อกระจุกซอ้ นเด่ียว (simple dichasium) ช่อกระจุกซอ้ นเชิงประกอบ (compound dichasium) ช่อกระจะ (raceme)
ช่อแบบหางกระรอก (ament, catkin) ช่อเชิงหลนั่ (corymb)
ช่อเชิงลด (spike)
ช่อเชิงลดมีกาบ (spadix) ช่อซ่ีร่ม (umbel) ช่อซ่ีร่มเชิงประกอบ (compound umbel)
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 15 -
ช่อกระจุกแน่น (capitulum, head) ช่อแยกแขนง (panicle, compound raceme)
ตาแหน่งทอ่ี อกดอก
ปลายยอด (terminal) ซอกใบ (axillary) ตามลาต้นหรือกงิ่ (cauliflorous)
รูปร่างของดอกแบบต่างๆ (Perianth Forms)
รูปกงลอ้ (rotate, wheel-shaped) รูประฆงั (campanulate, bell-shaped) รูปคนโท, โถ (urceolate, urn-shaped)
รูปดอกเขม็ (salverform, hypocrateriform) รูปกรวย (funnelform) รูปหลอด (tubular)
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 16 -
รูปลิน้ (ligulate, tongue-shaped) รูปปากเปิ ด (bilabiate) รูปปากปิ ด (personate)
รูปกระเปาะทรงกระบอก (foxgloveform) รูปดอกถวั่ (papilionaceous)
กลบี ดอก (corolla)
แยกจากกนั (polypetalous) :
รูปดอกพเิ ศษ (พบในพชื เฉพาะกล่มุ )
รูปกากบาท (cruciform) รูปดอกถว่ั (papilionaceous) รูปดอกกลว้ ยไม้ (orchid)
มีจานวน 3 กลีบ สี เหลืองนวล ดอกช่อเชิงลด รูปไขห่ รือยาวรี หรือรูปกระสวย แทงจากเหงา้ ใตด้ ิน ดอกกวา้ ง 4-5
เซนติเมตร ยาว 7-15 เซนตเิ มตร กา้ นช่อดอกยาว 15-30 เซนติเมตร ใบประดบั จานวนมากเรียงตวั เป็ นระเบียบซอ้ นกนั แน่น
คลา้ ยเกลด็ ปลา มีขนประปราย ใบประดบั ยอ่ ยมว้ นหุม้ ดอกยอ่ ย ใบประดบั มีสีแดงอมม่วง ขอบสีเขยี ว รูปเหมือนกลีบดอกบวั
ขา้ งในใบประดบั มีดอกยอ่ ย 1 ดอก กลีบดอกเป็ นหลอดเช่ือมตดิ กนั หลอดยาว 2.5 เซนติเมตร ส่วนปลายมี 3 กลีบ สีเหลืองนวล
กลีบดอกบอบบาง
เกสรเพศผู้ (stamen)
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 17 -
กลีบมี 3 หยกั สี ขาวนวล
ติดที่ฐาน (basifixed, innate) ติดที่ดา้ นหลงั (dorsifixed) เช่ือมติด (adnate) ติดกลาง (versatile)
แตกตามยาว (longitudinal dehiscence) แตกตามช่อง (poricidal dehiscence) แตกตามขวาง (transverse dehiscence)
แตกแบบมีลิน้ ปิ ดเปิ ด (valvular dehiscence)
เกสรเพศผสู้ ่วนเป็ นกลีบมี 3 หยกั สีขาวนวล หยกั กลางขนาดใหญ่เป็ นกลีบปาก รูปเกือบกลม เกสรเพศผทู้ ี่เป็ นหมนั มี
สีเหลืองอมขาว ส่วนน้ีมีขนาดใหญ่กวา่ กลีบดอกและสวยสะดุดตา บริเวณกลางกลีบส่วนปลายจะเขม้ กวา่ เลก็ นอ้ ย หยกั ขา้ งมี 2
หยกั ติดกบั กลีบปาก หรือหยกั ใหญท่ ่ีโคน เกสรเพศผู้ มีกา้ นส้นั อบั เรณูสีเหลืองอ่อน มีส่วนปลายยนื่ ยาวออก
เกสรเพศเมยี (pistil) หนา้ - 18 -
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2
กลีบมี 2 หยกั สี ขาวนวล
รังไข่เหนือวงกลีบ (superior ovary) รังไขใ่ ตว้ งกลีบ (inferior ovary) รังไข่ก่ึงใตว้ งกลบี (half-inferior ovary)
เกสรเพศเมีย ยอดเกสรที่ส่วนปลายมีขนละเอียดสีขาว รังไข่ ค่อนขา้ งแบน มีขน
องค์ประกอบอนื่ ๆ ของดอก
ใบประดบั คลา้ ยกลีบดอก (petaloid bract) วงใบประดบั (involucres, involucral bract, phyllary)
วงกลีบเล้ียงคลา้ ยกลีบดอก (petaloid calyx) กาบหุม้ ช่อดอก (spathe) ริ้วประดบั (epicalyx)
กลน่ิ (scent) :
หนา้ - 19 -
ไม่มี มี กล่ินหอมเฉพาะ
ผล (fruit)
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2
ชนิดของผล
ผลเด่ียว Simple Fruit ผลกลมุ่ (Aggregate Fruit)
ผลรวม (Multiple Fruit) ผลแบบมะเดื่อ (syconium)
ผลมเี นือ้ สด (Fleshy Fruit)
ผลเมลด็ เดียวแขง็ (Drupe) หนา้ - 20 -
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2
ผลแบบมเี น้ือหลายเมลด็ (Berry)
ผลแบบสม้ (Hesperidium)
ผลแบบแตง (Pepo) หนา้ - 21 -
ผลแห้ง (Dry Fruit)
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2
ผลแห้งแก่ไม่แตก (Dry Indehiscent Fruit)
ผลแหง้ เมลด็ ติดหรือผลแบบธญั พชื (Caryopsis or Grain) ผลเปลือกแขง็ มีกาบรูปถว้ ย (Acorn)
ผลแหง้ เมลด็ ออ่ น (Achene) ผลแหง้ เมลด็ ลอ่ นปลายมขี น (cypsela)
ผลเปลือกแหง้ เมลด็ เดียว (Nut) หนา้ - 22 -
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2
ผลแบบปี กเดียว (Samara) ผลคลา้ ยผลปี กเดียว (samaroid)
ผลแยกแลว้ แตก (Schizocarp)
ผลแห้งแก่แตก (Dry Dehiscent Fruit)แบ่งเป็ น
ฝักแตกแนวเดียว (Follicle) ผลแตกแบบผกั กาด (Silique) ฝักแบบถว่ั (Legume)
ผลแบบฝักหกั ขอ้ (loment, lomentum) ผลแบบผกั ชี (cremocarp)
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 23 -
ผลแห้งแตก (capsule)
ผลท่ีเกิดจากดอกท่ีรังไข่มีหลายคาร์เพลเชื่อมกนั และเมื่อผลแก่จะแตก แบ่งออกเป็น
ผลแหง้ แตกตามรอยประสาน (septicidal capsule)
ผลแหง้ แตกกลางพู (loculicidal capsule)
ผลแหง้ แตกเป็ นช่อง (poricidal capsule) ผลแหง้ แตกแบบฝาเปิ ด (circumscissile capsule, pyxis)
สขี องผล สดี า รูปร่างผล รูปทรงกลม ลกั ษณะพเิ ศษของผล ขนาดเลก็
เมล็ด (seed) จานวนเมลด็ มจี านวนมาก สขี องเมลด็ สดี า
รูปร่างเมลด็ รูปไขก่ ลม
ผลเป็นผลแหง้ รูปทรงกลม ขนาดเลก็ แกแ่ ตก 3 พู เมลด็ รูปไขก่ ลม ผวิ เป็นมนั สดี า มเี มลด็ จานวนมาก ลา
ตน้ จะเห่ยี วแหง้ ไปในฤดูแลง้ และจะผลิตน้ ใหมใ่ นฤดูฝน
วาดภาพ หรือติดภาพวาดส่วนต่างๆ ของพืช
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 24 -
สว่ นของ ดอก สว่ นของ ใบ
สว่ นของ หวั
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 25 -
สรปุ ลกั ษณะและขอ้ มลู พรรณไม้
(สรุปลกั ษณะและขอ้ มูลพรรณไมต้ งั้ แตห่ นา้ 2-7และขอ้ มูลพ้ืนบา้ นหนา้ 1 โดยเขยี นเป็นเรียงความบรรยาย)
ช่ือพนั ธุไ์ ม้ ตน้ ไพล รหสั พรรณไม้
ตน้ ไพล ลกั ษณะไพลเป็นไมล้ ม้ ลุกมคี วามสูงประมาณ 0.7-1.5 เมตร มเี หงา้ อยูใ่ ตด้ นิ เปลือกมสี นี ้าตาลแกม
เหลือง เน้ือดา้ นในมสี เี หลืองถึงสเี หลืองแกมเขยี ว แทงหน่อหรือลาตน้ เทยี มข้ึนเป็นกอ โดยจะประกอบไปดว้ ยกาบหรือโคนใบ
หุม้ ซอ้ นกนั อยู่ เหงา้ ไพลสดฉ่าน้า รสฝาด เอยี ด รอ้ นซา่ มกี ล่นิ เฉพาะ สว่ นเหงา้ ไพลแกส่ ดและแหง้ จะมรี สเผด็ เลก็ นอ้ ย
ขยายพนั ธุด์ ว้ ยวิธกี ารใชเ้ มลด็ แงง่ หรือเหงา้ แตโ่ ดยทว่ั ไปแลว้ จะใชส้ ว่ นของเหงา้ เป็นทอ่ นพนั ธุใ์ นการเพาะปลูก พรรณไมช้ นิด
น้ีมถี ่นิ กาเนิดอยูใ่ นเอเชยี แถบประเทศอินเดยี อนิ โดนีเซยี มาเลเซยี และไทย ปลูกกนั มากในจงั หวดั กาญจนบุรี สุพรรณบุรี
ปราจนี บุรี และสระแกว้
ใบไพล ลกั ษณะของใบเป็นรูปขอบขนานแกมรูปหอก ใบเป็นใบเด่ยี วเรียงสลบั กวา้ งประมาณ 3.5-5.5
เซนตเิ มตรและยาวประมาณ 18-35 เซนตเิ มตร
ดอกไพล ออกดอกเป็นชอ่ แทงจากเหงา้ ใตด้ ิน กลบี ดอกมสี นี วล มใี บประดบั สมี ว่ ง
ผลไพล ลกั ษณะของผลเป็นผลแหง้ รูปกลม
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 26 -
ขอ้ มลู พฤกษศาสตร์
ช่ือวิทยาศาสตร์ : Zingiber cassumunar Roxb.
ช่ือวงศ์ : Zingiberaceae
ช่ือสามญั : ไพล
ช่ือพ้ืนเมืองอ่ืน ๆ : ปูลอย ปูเลย (ภาคเหนือ) ปูขม้ิน ม้ินสะลา่ ง (ไทยใหญ-่ แมฮ่ อ่ งสอน) วา่ นไฟ (ภาคกลาง) วา่ นปอบ
(ภาคอสี าน) ไพลเหลือง
ถ่นิ กาเนิด : เอเชยี แถบประเทศอินเดยี อนิ โดนีเซยี มาเลเซยี และไทย
การกระจายพนั ธุ:์
ในประเทศไทย : วิธกี ารใชเ้ มลด็ แงง่ หรือเหงา้
ในประเทศอ่ืน ๆ : -
นิเวศวิทยา : -
เวลาออกดอก : -
เวลาติดผล : ฤดูฝน
การขยายพนั ธุ์ : วิธกี ารใชเ้ มลด็ แงง่ หรือเหงา้
การใชป้ ระโยชน์ : ใชท้ าสรรพคุณยาตา่ ง ๆ
ประวตั พิ นั ธุไ์ ม้ (การนาเขา้ มาปลูกในประเทศไทย) : -
เอกสารอา้ งองิ : https://medthai.com/ไพล/
http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=192
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 27 -
บนั ทึกขอ้ มลู เพิ่มเติม
เชน่ ประวตั ิพนั ธุไ์ ม้ (ประวตั ิการนาเขา้ มาปลูกในโรงเรียน) เวลาการออกดอก หรือติดผลนอกฤดูกาล หรืออ่ืน ๆ
ตารายาไทย เหงา้ รสฝาดข่นื เอยี น ใชภ้ ายนอก ประคบหรือฝนทา แกฟ้ กชา้ เคลด็ บวม แกเ้ หน็บชา เสน้ ตึง เม่ือย
ขบ เป็นสว่ นประกอบหลกั ในการทาลูกประคบ ชว่ ยสมานแผล แกเ้ ลบ็ ถอด ใชอ้ าบและประคบเพ่ือใหเ้ ลือดลมไหลดใี นสตรี
หลงั คลอด ทาบรรเทาอาการผ่นื คนั จากการแพ้ ใชภ้ ายใน แกบ้ ิด แกท้ อ้ งเสยี แกห้ ืด ผสมยาอ่ืน เชน่ ตารบั ยาประสะไพล
เป็นยารบั ประทาน ขบั ลมในลาไส้ แกจ้ ุกเสยี ด แกป้ วดทอ้ ง แกท้ อ้ งอืดเฟ้ อ ขบั ระดู ขบั โลหิตเสยี ราก รสข่ืนเอยี น ขบั
โลหิต ทาใหป้ ระจาเดือนมาตามปกติ แกท้ อ้ งอืดเฟ้ อ แกท้ อ้ งผูก เคลด็ ยอก โรคผวิ หนงั โรคอนั บงั เกิดแตโ่ ลหิตอนั ออกทาง
ปากและจมูก แกอ้ าเจยี นเป็นโลหิต ดอก รสข่ืน กระจายเลือดท่เี ป็นล่มิ กอ้ น กระจายโลหิตอนั เกดิ แตอ่ ภิญญาณธาตุ ขบั
โลหิต แกอ้ าเจยี นเป็นโลหิต แกเ้ ลือดกาเดาออกทางจมูก แกช้ า้ ใน ขบั ระดูประจาเดือน ทาลายเลือดเสยี ตน้ รสฝาด ข่นื
เอยี น แกธ้ าตุพกิ าร แกอ้ ุจจาระพกิ าร ใบ รสข่ืนเอยี น แกไ้ ข้ แกป้ วดเม่ือย แกค้ ร่นั เน้ือคร่ันตวั แกป้ วดเม่ือย ชอ่ ดอก ตม้ จ้ิม
น้าพริก เป็นผกั ได้
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 28 -
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 29 -