The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ปรงเขาbyฟาตอนียะ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kasanee.kam, 2019-09-26 02:04:48

ปรงเขาbyฟาตอนียะ

ปรงเขาbyฟาตอนียะ

ช่ือพนั ธุไ์ ม้ ตน้ ปรงเขา รหสั พรรณไม้
ภาพวาดทางพฤกษศาสตร์

บริเวณที่สารวจ ใตอ้ าคารเรียน 2 วนั ท่ีสารวจ 22 กรกฎาคม 2562
ผสู้ ารวจ นางสาวฟาตอนียะ มามะ ชนั้ ปวส.1/2

วิทยาลยั เทคโนโลยีวชิราโปลี สงขลา
ถนน ทะเลหลวง ตาบล บ่อยาง อาเภอ เมือง จงั หวดั สงขลา รหสั ไปรษณีย์ 90000

ก.7-003 (ฉบบั ปรบั ปรงุ 2553) หนา้ - 1 -

ขอ้ มลู พ้ืนบา้ น
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2

(ขอ้ มูลเก่ยี วกบั การใชป้ ระโยชน์ และขอ้ มูลอ่นื ๆ จากการสอบถามคนในทอ้ งถ่นิ )

ช่ือพ้ืนเมือง(ช่ือในทอ้ งถ่นิ ท่เี กบ็ ตวั อยา่ งพนั ธุไ์ ม)้ ตน้ ปรงเขา

การใชป้ ระโยชน์ในทอ้ งถ่นิ (ระบุสว่ นท่ใี ชแ้ ละวิธกี ารใช)้ :
อาหาร : เมลด็ ของปรงนาไปสกดั เพ่ือใชเ้ ป็นแป้ งสาคูทาขนมได้ สว่ นใบ แกน และเหงา้ กน็ าไปประกอบอาหาร
พ้ืนเมืองได้ ทง้ั ตม้ ผดั และแกง
ยารักษาโรค : นายางปรงมาทาเป็นยาทาแผลอกั เสบ ดูดหนองฝี และดบั พิษ สว่ นบริเวณหวั ของปรงกน็ ิยมนาไป
ฝนแลว้ ปรุงกบั เหลา้ ใชใ้ นการสมานแผล แกบ้ วม แกฟ้ กชา้ รวมถึงใชร้ ักษาแผลเร้ือรงั ไดเ้ ป็นอยา่ งดี สว่ นดอกของ
ปรง ซ่ึงมรี สคอ่ นขา้ งเผด็ กจ็ ะถูกนามาใชใ้ นการบารุงร่างกาย แกล้ ม และแกเ้ สมหะ บริเวณลาตน้ กน็ ามาตาหรือ
บดแลว้ ใชส้ ระเพ่ือบารุงและรกั ษารากผมได้
กอ่ สรา้ ง เคร่ืองเรือน เคร่ืองใช้ : -
ยาฆา่ แมลง ยาปราบศตั รูพืช : -
ความเก่ยี วขอ้ งกบั ประเพณี วฒั นธรรม หรือความเช่อื ทางศาสนา : -
อ่ืน ๆ (เชน่ การเป็นพษิ อนั ตราย) : รงกม็ พี ิษ ซ่ึงอยูใ่ นสว่ นยอดและเมลด็ ดว้ ย โดยสารพษิ ตวั ท่พี บในปรงมชี ่อื วา่
Cycasin

วนั ท่บี นั ทึกขอ้ มูล 22 กรกฎาคม 2562 สถานท่บี นั ทึก วิทยาลยั เทคโนโลยวี ชิราโปลี สงขลา

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 2 -

ขอ้ มลู พรรณไม้

ลกั ษณะวสิ ัย (habit)

ไมต้ น้ (tree)  ไมพ้ ุม่ (shrub) ไมล้ ม้ ลุก(herb) ไมเ้ ล้ือย(climber)

ลาตน้ : ปรงเป็ นไมพ้ มุ่ ลาตน้ อยเู่ หนือดิน มีลกั ษณะคลา้ ยตน้ มะพร้าวตน้ เล็กหรือตน้ ปาลม์ แต่ก็มีความโดดเด่น
ชดั เจน ทาใหส้ ามารถแยกออกจากกนั ไดง้ ่าย โดยเพศผแู้ ละเพศเมียจะอยแู่ ยกตน้ กนั

ลกั ษณะวสิ ัยอนื่ ๆ

ไผ่ (bamboo เฟิ ร์น (fern) กลว้ ยไม้ (orchid) ปาลม์ (palm)

เรือนยอด ทรงพุ่ม (crown shape) หนา้ - 3 -

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2

กลม (rounded)  ทรงกระบอก (cylindric) รูปร่ม (umbellate) รูปกรวย (conical)

รูปคลา้ ยฉตั ร(Verticillate) รูปแตกไมเ่ ป็นระเบียบ(irregular)รูปมีก่ิงหอ้ ยยอ้ ยลงมา(irregular)

ไมย้ ืนตน้ ลาตน้ สูงประมาณ 0.8-1.2 เมตร เส้นรอบวงประมาณ 80-90 เซนติเมตร ผิวลาตน้ สีน้าตาล ผิวลาตน้
ขรุขระ

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 4 -

ถ่นิ อาศัย (habitat) พืชอิงอาศยั (epiphyte) กาฝาก (parasite)
 พืชบก (terrestrial)

พืชน้า (aquatic) : พืชโผล่เหนือน้า (emerged plant)
พืชใตน้ ้า (submerged plant) พชื ชายน้า (marginal plant)
พืชลอยน้า (floating plant)

ลาต้น (stem)
ชนดิ ของลาต้น

ลาต้นใต้ดนิ (underground stem) :

เหงา้ (rhizome) หวั แบบมนั ฝรั่ง (tuber)

 หวั แบบหวั หอม (bulb) หวั แบบเผอื ก (corm)
ลาต้นเหนอื ดนิ (aerial stem) :

 ต้งั ตรงเองได้
ต้งั ตรงเองไม่ได้ :

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 5 -

ใชล้ าตน้ เก่ียวพนั (twining) ใชม้ ือเกาะ (tendril)

ใชต้ ะขอ (hook) หรือหนามยดึ เกาะ ใชร้ ากยดึ เกาะ (climbing root)
ทอดนอนตามพนื้ ดนิ :

ทอดนอน(procumbent) ทอดชูยอด(decumbent) เกาะเล้ือย(creeping)

เปลอื กลาต้น
สี น้าตาล
ลกั ษณะ :

เรียบ  ขรุขระ แตกเป็ นสะเกด็ แตกเป็ นเสน้

มีหนาม อื่น ๆ ............................

ยาง
 ไมม่ ี

มี:

ใบ (leaf)

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 6 -

ชนดิ ของใบ

ใบเดย่ี ว (simple leaf)  ใบประกอบ (compound leaf) แบบนิว้ มอื (palmate)

ขนนกช้ันเดยี ว (pinnate) ขนนกสองช้ัน (bipinnate) ขนนกสามช้ัน (tripinnate)

ขนนกปลายค่ี (odd-pinnate) ขนนกปลายคู่ (even-pinnate)

ใบ : ปรงมีใบเป็ นใบประกอบแบบขนนก เรียงสลบั แน่นท่ีปลายยอด เสน้ กลางใบนูนเด่นชดั ไมม่ ีเสน้ แขนง แต่มี
เกลด็ หุม้ ยอด โดยใบของตน้ เพศผจู้ ะสร้างอบั ไมโครสปอร์ ส่วนใบของตน้ เพศเมียจะสร้างอบั เมกะสปอร์

สี เขยี ว ขนาดแผ่นใบ กวา้ ง 0.3 - 0.5 ซม. ยาว 7 - 8 ซม.

ลกั ษณะพิเศษของใบ ปลายใบจะมว้ นเขา้

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 7 -

การเรียงตวั ของใบบนก่งิ (phyllotaxy)

สลบั (alternate)  สลบั ระนาบเดียว (distichous) กระจุก (fascicled)

ตรงขา้ ม (opposite) ตรงขา้ มสลบั ต้งั ฉาก(decussate) เป็นวงรอบ (whorled)

คลา้ ยแบบจุก (Clusterd) กหุ ลาบซอ้ น (rosette)

ใบเปลยี่ นแปลงไปทาหน้าทพ่ี เิ ศษ (Modified Leaf)

 ใบมือเกาะ(leaf tendrils) ใบหนาม(spinose leaf) ใบกินแมลง(insectivorous leaf)

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 8 -

ใบสะสมอาหาร(storage leaf) ใบขยายพนั ธ์ (reproductive leaf)

การเรียงตวั ของเส้นใบ (Leaf Venation)

การเรียงเส้นใบแยกสองแฉก (Dichotomous Venation)

 การเรียงเส้นใบแบขนาน (Paralle Venation)

การเรียงเส้นใบแบบขนานรูปฝ่ ามือ  เส้นใบขนานแบบขนนก
(palmatelyparalled venation) (pinnately parallel venation)

เส้นใบร่างแห (Netted หรือ Reticulated Venation)

เส้นใบร่างแหแบบฝ่ ามือ เส้นใบร่างแหแบบขนนก
(palmately netted venation ( pinnately netted venation)

รูปร่างแผ่นใบ (leaf shape) หนา้ - 9 -
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2

 รูปแถบ (linear) รูปขอบขนาน (oblong) รูปรี (elliptic)

รูปเขม็ (acicular, needle shaped)

รูปใบหอก (lanceolate) รูปใบหอกกลบั (oblanceolate) รูปไข่ (ovate) รูปไขก่ ลบั (obovate)

รูปหวั ใจ (cordate) รูปหวั ใจกลบั (obcordate) รูปสามเหลี่ยม (deltoid) รูปคลา้ ยสามเหลี่ยม (obdeltoid)

รูปล่ิม (cuneate) รูปคลา้ ยสี่เหลี่ยมขา้ วหลามตดั (rhomboid) รูปไต (reniform) รูปโล่ (peltate)

รูปวงกลม (orbicular) รูปชอ้ น (spathulate, spatulate) รูปเง่ียงใบหอก (hastate) รูปหวั ลกู ศร (sagittate)

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 10
-

รูปจนั ทร์เส้ียว (lunate) รูปไวโอลิน (pandurate) รูปพดั (flabellate) รูปพดั (fan-shaped)

รูปล่ิมแคบ (subulate) รูปแฉกแบบนิ้วมือ (palmalifid) รูปแฉกลึกแบบนิ้วมือ (palmatisect)

รูปหยกั แบบขนนก(pinnatifid) รูปหยกั ลึกสุดแบบขนนก (pinnatisect)

รูปร่างปลายใบ (Leaf Apex)



เรียวแหลม (acuminate) แหลม (acute) ต่ิงแหลม (apiculate) แหลมเขม็ (aristate)

ยาวคลา้ ยหาง (caudate) มว้ น (cirrhose) เวา้ ลึก (cleft) ต่ิงแหลมยาว (cuspidate)

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 11
-

เวา้ ต้ืน (emarginate) ติ่งหนาม (mucronate) ต่ิงหนามส้นั (mucronulate) ป้ าน, มน (obtuse)

เวา้ บุ๋ม (retuse) กลม (rounded) หนาม (spinose) ตดั (truncate)

ปลายแหวง่ (praemorse) ปลายแหลมแขง็ (pungent)
รูปร่างฐานใบ (LeafBase)



รูปล่ิม (cuneate) รูปหุม้ ลาตน้ (amplexicaul) รูปสอบเรียว (attenuate) รูปติ่งหู (auriculate)

รูปฐานคู่เช่ือมรอบขอ้ รูปหวั ใจ (cordate) รูปครีบ (decurrent) รูปเง่ียงใบหอก (hastate)
(connate perfoliate)

รูปลิน้ (ligulate) รูปเฉียง, เบ้ียว (oblique) รูปป้ าน, มน (obtuse) รูปโล่ (peltate)

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 12
-

รูปกลม (rounded) รูปหวั ลูกศร (sagittate) รูปตดั (truncate)
ขอบใบ (Leaf Margin)



ขอบเรียบ (entire) หนามแหลม (aculeate, spinose) ขนครุย (ciliate) หยกั มน (crenate)

หยกั มนถี่ (crenulate) หยกั ซ่ีฟัน (dentate) หยกั ซี่ฟันถี่ (denticulate) จกั ฟันเล่ือย (serrate)

จกั ฟันเลื่อยถ่ี (serrulate)จกั ฟันเลื่อยซอ้ น (double serrate) หยกั ไมเ่ ป็นระเบียบ (erose) ขอบใบมว้ นลง (revolute)

คล่ืน (undulate) พู (lobed) ยบั ยน่ (crispate) รูปฝ่ ามือ (palmate)

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 13
-

ใบ ประกอบแบบขนนก ใบรูปเขม็ ปลายใบแหลม โคนใบรูปลิ่ม ขอบใบเรียบ เน้ือใบคลา้ ยกระดาษ ใบเรียงตรง
ขา้ ม ดา้ นบนแผน่ ใบเกล้ียง สีของใบดา้ นบนสีเขียวเขม้ ทอ้ งใบสีเขียว ใบอ่อนสีเขียวอ่อนและปลายใบจะมว้ นเขา้ ใบแก่สี
เขียวเขม้ ใบกวา้ งประมาณ 0.3-0.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 7-8 เซนติเมตร

ดอก (flower)  ดอกช่อ (inflorescence) :
ชนดิ ของช่อดอก

ดอกเดย่ี ว (solitary)

ช่อกระจุกดา้ นเดียวชนิดเด่ียว (simple monochasium) ช่อวงแถวเดี่ยว (helicoids cyme) ช่อวงแถวคู่ (scorpioid cyme)

ช่อกระจุกซอ้ นเด่ียว (simple dichasium) ช่อกระจุกซอ้ นเชิงประกอบ (compound dichasium) ช่อกระจะ (raceme)

ช่อเชิงลด (spike) ช่อแบบหางกระรอก (ament, catkin) ช่อเชิงหลนั่ (corymb)

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 14
-

ช่อเชิงลดมีกาบ (spadix) ช่อซี่ร่ม (umbel) ช่อซี่ร่มเชิงประกอบ (compound umbel)



ช่อกระจุกแน่น (capitulum, head) ช่อแยกแขนง (panicle, compound raceme)
ตาแหน่งทอี่ อกดอก

 ปลายยอด (terminal) ซอกใบ (axillary) ตามลาต้นหรือกง่ิ (cauliflorous)

รูปร่างของดอกแบบต่างๆ (Perianth Forms)



รูปกงลอ้ (rotate, wheel-shaped) รูประฆงั (campanulate, bell-shaped) รูปคนโท, โถ (urceolate, urn-shaped)

ดอก : ปรงมีดอกเป็ นดอกไม่สมบูรณ์เพศ แยกกนั อยคู่ นละตน้ โดยดอกเพศผจู้ ะอดั แน่นเป็ นช่อทรงกรวยท่ีปลาย
ยอด มีสปอร์เรียงรอบแกนกลาง ส่วนดอกเพศเมียจะเป็ นกาบระหวา่ งใบ มีไข่อ่อนกลม ๆ ติดอยรู่ ะหวา่ งโคน ซ่ึงไม่ค่อยจะ
ออกดอกใหเ้ ห็นสกั เท่าไร

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 15
-

รูปดอกเขม็ (salverform, hypocrateriform) รูปกรวย (funnelform) รูปหลอด (tubular)

รูปลิน้ (ligulate, tongue-shaped) รูปปากเปิ ด (bilabiate) รูปปากปิ ด (personate)

รูปกระเปาะทรงกระบอก (foxgloveform) รูปดอกถว่ั (papilionaceous) หนา้ - 16
ปลายแยกเป็ น 1-2 แฉก สี นา้ ตาลอมเขยี ว -

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2

กลบี ดอก (corolla)
แยกจากกนั (polypetalous) :
รูปดอกพเิ ศษ (พบในพชื เฉพาะกลุ่ม)



รูปกากบาท (cruciform) รูปดอกถวั่ (papilionaceous) รูปดอกกลว้ ยไม้ (orchid)

มีจานวนกลีบมาก สี น้าตาลอมเขียว

เกสรเพศผู้ (stamen)

ดอกเพศผู้ออกเป็ นช่อแน่นทย่ี อด ลกั ษณะ รูปทรงกระบอกแกมรูปไข่



ติดที่ฐาน (basifixed, innate) ติดที่ดา้ นหลงั (dorsifixed) เช่ือมติด (adnate) ติดกลาง (versatile)

แตกตามยาว (longitudinal dehiscence) แตกตามช่อง (poricidal dehiscence) แตกตามขวาง (transverse dehiscence)

แตกแบบมีลิน้ ปิ ดเปิ ด (valvular dehiscence) หนา้ - 17
-
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2

เกสรเพศเมยี (pistil)
ยาว 16 ซม. มลี กั ษณะ ขนสีนา้ ตาล



รังไข่เหนือวงกลีบ (superior ovary) รังไข่ใตว้ งกลีบ (inferior ovary) รังไขก่ ่ึงใตว้ งกลีบ (half-inferior ovary)
องค์ประกอบอนื่ ๆ ของดอก


ใบประดบั คลา้ ยกลีบดอก (petaloid bract) วงใบประดบั (involucres, involucral bract, phyllary)

วงกลีบเล้ียงคลา้ ยกลีบดอก (petaloid calyx) กาบหุม้ ช่อดอก (spathe) ริ้วประดบั (epicalyx)

กลน่ิ (scent) :
ไม่มี  มี .........................................................

ดอก ดอกเพศผแู้ ละดอกเพศเมีย อยตู่ ่างตน้ กนั ดอกเพศผอู้ อกเป็ นช่อแน่นท่ียอด 1-2 ช่อต้งั ตรงรูปขอบขนานแกม
รูปไขม่ ีกา้ นส้นั ๆ กาบทาหนา้ ท่ีสร้างเรณูมีจานวนมากเรียงรอบแกนกลางรูปยาว โคนตรงต้งั ฉาก

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 18
-

ผล (fruit)
ชนิดของผล



ผลเดี่ยว Simple Fruit ผลกลมุ่ (Aggregate Fruit)

ผลรวม (Multiple Fruit) ผลแบบมะเด่ือ (syconium)
ผลมเี นือ้ สด (Fleshy Fruit)



ผลเมลด็ เดียวแขง็ (Drupe) หนา้ - 19
-
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2

ผลแบบมีเน้ือหลายเมลด็ (Berry)
ผลแบบสม้ (Hesperidium)

ผลแบบแตง (Pepo) หนา้ - 20
-
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2

ผลแห้ง (Dry Fruit)
ผลแห้งแก่ไม่แตก (Dry Indehiscent Fruit)

ผลแหง้ เมลด็ ติดหรือผลแบบธญั พชื (Caryopsis or Grain) ผลเปลือกแขง็ มีกาบรูปถว้ ย (Acorn)

ผลแหง้ เมลด็ อ่อน (Achene) ผลแหง้ เมลด็ ลอ่ นปลายมขี น (cypsela)

 ผลเปลือกแหง้ เมลด็ เดียว (Nut) หนา้ - 21
-
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2

ผลแบบปี กเดียว (Samara) ผลคลา้ ยผลปี กเดียว (samaroid)

ผลแยกแลว้ แตก (Schizocarp)
ผลแห้งแก่แตก (Dry Dehiscent Fruit)แบ่งเป็ น

ฝักแตกแนวเดียว (Follicle) ผลแตกแบบผกั กาด (Silique) ฝักแบบถวั่ (Legume)

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 22
-

ผลแบบฝักหกั ขอ้ (loment, lomentum) ผลแบบผกั ชี (cremocarp)

ผลแห้งแตก (capsule)
ผลที่เกิดจากดอกที่รังไขม่ ีหลายคาร์เพลเช่ือมกนั และเมื่อผลแก่จะแตก แบ่งออกเป็น

ผลแหง้ แตกตามรอยประสาน (septicidal capsule) ผลแหง้ แตกกลางพู (loculicidal capsule)

ผลแหง้ แตกเป็ นช่อง (poricidal capsule) ผลแหง้ แตกแบบฝาเปิ ด (circumscissile capsule, pyxis)

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 23
-

สีของผล ผลออ่ นสีน้าตาล ผลแก่สี เหลืองอมส้ม หรือสีส้ม รูปร่างผล รูปไข่
ลกั ษณะพเิ ศษของผล ผวิ เกล้ียง

เมลด็ (seed) จานวนเมลด็ - สีของเมล็ด สีส้มแดง รูปร่างเมลด็ รูปทรงกลม

ผล : ปรงมีผลเป็ นทรงกลมหรือทรงรี สีเหลือง ดา้ นนอกมีเน้ือสดและหนา ดา้ นในแขง็ เป็ นเน้ือ
ไม้ โดยจะเร่ิมแก่ในช่วงสิงหาคม-กนั ยายน

เมล็ด : ปรงมีเมล็ดเป็ นเมล็ดเปลือย ไม่มีรังไข่มี อาจเป็ นทรงกลมหรือทรงรีก็ไดข้ ้ึนอยู่กบั สาย
พนั ธุ์ โดยขนาดของเมล็ดจะคอ่ นขา้ งใหญแ่ ละสามารถมองเห็นไดช้ ดั เจน

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 24
-

วาดภาพ หรือติดภาพวาดส่วนต่างๆ ของพืช

สว่ นของ ดอก

สว่ นของ ลาตน้

สว่ นของ ใบ สว่ นของ ผล

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 25
-

สรุปลกั ษณะและขอ้ มูลพรรณไม้

(สรุปลกั ษณะและขอ้ มูลพรรณไมต้ งั้ แตห่ นา้ 2-7และขอ้ มูลพ้ืนบา้ นหนา้ 1 โดยเขยี นเป็นเรียงความบรรยาย)

ช่ือพนั ธุไ์ ม้ ตน้ ปรงเขา รหสั พรรณไม้

ลกั ษณะตน้ ปรง
ลาตน้ : ปรงเป็นไมพ้ ุม่ ลาตน้ อยูเ่ หนือดิน มลี กั ษณะคลา้ ยตน้ มะพรา้ วตน้ เลก็ หรือตน้ ปาลม์ แตก่ ม็ คี วามโดดเดน่

ชดั เจน ทาใหส้ ามารถแยกออกจากกนั ไดง้ า่ ย โดยเพศผูแ้ ละเพศเมยี จะอยูแ่ ยกตน้ กนั
ใบ : ปรงมใี บเป็นใบประกอบแบบขนนก เรียงสลบั แน่นท่ปี ลายยอด เสน้ กลางใบนูนเดน่ ชดั ไมม่ เี สน้ แขนง แตม่ ี

เกลด็ หุม้ ยอด โดยใบของตน้ เพศผูจ้ ะสรา้ งอบั ไมโครสปอร์ สว่ นใบของตน้ เพศเมยี จะสรา้ งอบั เมกะสปอร์
ดอก : ปรงมดี อกเป็นดอกไมส่ มบูรณเ์ พศ แยกกนั อยูค่ นละตน้ โดยดอกเพศผูจ้ ะอดั แน่นเป็นชอ่ ทรงกรวยท่ปี ลาย

ยอด มสี ปอร์เรียงรอบแกนกลาง สว่ นดอกเพศเมยี จะเป็นกาบระหวา่ งใบ มไี ขอ่ อ่ นกลม ๆ ตดิ อยูร่ ะหวา่ งโคน ซ่ึงไมค่ อ่ ยจะ
ออกดอกใหเ้ หน็ สกั เทา่ ไร

ผล : ปรงมผี ลเป็นทรงกลมหรือทรงรี สเี หลือง ดา้ นนอกมเี น้ือสดและหนา ดา้ นในแขง็ เป็นเน้ือไม้ โดยจะเร่ิมแก่
ในชว่ งสิงหาคม-กนั ยายน

เมลด็ : ปรงมเี มลด็ เป็นเมลด็ เปลือย ไมม่ รี ังไขม่ ี อาจเป็นทรงกลมหรือทรงรีกไ็ ดข้ ้ึนอยูก่ บั สายพนั ธุ์ โดยขนาดของ
เมลด็ จะคอ่ นขา้ งใหญแ่ ละสามารถมองเหน็ ไดช้ ดั เจน

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 26
-

ขอ้ มลู พฤกษศาสตร์

ช่ือวิทยาศาสตร์ : Cycas circinalis L.
ชื่อวงศ์ : CYCADACEAE
ชื่อสามญั : Queen Sago, False Sago
ช่ือพ้ืนเมืองอ่ืน ๆ : ปรง (กลาง), มะพรา้ วสดี า (ประจวบครี ีขนั ธ)์
ถ่ินกาเนิด : ทวปี แอฟริกาใต้
การกระจายพนั ธุ์ :

ในประเทศไทย : การเพาะเมลด็
ในประเทศอ่ืน ๆ : -
นิเวศวิทยา : พบตามป่ าดงดิบ และป่ าสน ตามหนา้ ผา หรือเขาหินปูน
เวลาออกดอก : -
เวลาติดผล : ชว่ งสิงหาคม-กนั ยายน
การขยายพนั ธุ์ : การเพาะเมลด็
การใชป้ ระโยชน์ : เมลด็ และยอดออ่ นใชเ้ ป็นอาหาร, การใชป้ ระโยชนด์ า้ นสมุนไพร ตน้ ตาหรือบดสด ใชส้ ระผมเพ่ือแก้
โรคเก่ยี วกบั รากผม, สมุนไพร ใบเป็นยาขบั ลม แกค้ ล่ืนไสอ้ าเจยี น อาเจยี นเป็นเลือด ไมป้ ระดบั
ประวตั ิพนั ธุไ์ ม้ (การนาเขา้ มาปลูกในประเทศไทย) : ปรง (Cycas) เป็นตน้ ไมช้ นิดหน่ึง ข้นึ ตามริมน้าในป่ า ลาตน้
เป็นกอ ใบยาว รูปร่างแปลก แตส่ ามารถนามาใชเ้ ป็นไมป้ ระดบั ไดด้ ี มชี ่ือทางวิทยาศาสตรว์ า่ Cycas circinalis L. จดั อยู่
ในวงศ์ Cycadaceae โดยตอ้ งบอกวา่ ตน้ ปรงนน้ั มมี าตง้ั นานมากแลว้ เพราะปรงถือเป็นพืชโบราณท่มี บี รรพบุรุษอยูใ่ นยุค

ของไดโนเสาร์เลยทเี ดยี ว ซ่ึงถอื วา่ เป็นเร่ืองท่โี ชคดมี ากท่ยี งั คงหลงเหลือปลงอยูจ่ นถึงปัจจุบนั ทวา่ ตอนน้ีตน้ ปรงจดั อยูใ่ น
กลุม่ พืชอนุรักษ์ในบญั ชไี ซเตส (CITES) แลว้ เน่ืองจากกาลงั ถูกคุกคามอยา่ งรุนแรงในธรรมชาติ
เอกสารอา้ งอิง : https://www.thaikasetsart.com/ปรงเขา/

http://srdi.yru.ac.th/bcqy/view/176_ปรงเขา

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 27
-

บนั ทึกขอ้ มลู เพ่ิมเติม

เชน่ ประวตั ิพนั ธุไ์ ม้ (ประวตั ิการนาเขา้ มาปลูกในโรงเรียน) เวลาการออกดอก หรือติดผลนอกฤดูกาล หรืออ่ืน ๆ

ปรงท่ีนิยมนามาปลกู เป็ นไมป้ ระดบั
ปรงท่ผี ูค้ นนิยมปลูกเป็นไมป้ ระดบั ในประเทศไทยมที ง้ั หมด 4 สายพนั ธุ์ โดยจะแบง่ ออกเป็นปรงพ้ืนเมืองของไทย 3

สายพนั ธุ์ และปรงตา่ งประเทศ 1 สายพนั ธุ์ ดงั น้ี
ปรงพ้ืนเมืองของไทย
1. ปรงทะเล

ปรงทะเลหรือมะพรา้ วเตา่ ทะล มชี ่ือวิทยาศาสตรว์ า่ Cycas litoralis K.D.Hill เป็นปรงท่พี บไดต้ ามป่ าชายหาด
ลาตน้ อาจมยี อดเดยี วหรือหลายยอดกไ็ ด้ เปลือกขรุขระ มรี ่องลึกชดั เจน ใบแขง็ และหนา โคนเพศเมยี เป็นรูปกรวยแคบ
โคนเพศผูเ้ ป็นรูปไข่ สว่ นเมลด็ กเ็ ป็นทรงไข่ มจี านวนมาก เหน็ ไดช้ ดั เจน ผวิ มนั เรียบ
2. ปรงประจวบ/ปรงมะพรา้ วสดี า

ปรงมะพรา้ วสดี า ปรงประจวบ หรือปรงปราณบุรี มชี ่ือวิทยาศาสตรว์ า่ Cycas pranburiensis
S.L.Yang,W.Tang,K.D.Hill&P.Vatcharakorn เป็นพืชท่พี บไดบ้ ริเวณเขาสามรอ้ ยยอด จงั หวดั ประจวบครี ีขนั ธ์
ปัจจุบนั ถูกคุกคามจานวนมาก จึงมกี ารเพาะเล้ยี งจากเมลด็ โดยลาตน้ สูงไม่เกิน 3 เมตร เปลือกเป็นร่องลึกและเป็นทาง
ยาว กา้ นใบคอ่ นขา้ งแขง็ และหนา มใี บจานวนมาก เสน้ กางใบนูนทง้ั ดา้ นบนและดา้ นลา่ ง โคนเพศเมยี เป็นรูปกรวยแคบ
โคนเพศผูเ้ ป็นรูปไข่
3. ปรงเหล่ยี ม

ปรงเหล่ยี มหรือตาลปัตรฤาษี มชี ่ือวิทยาศาสตร์วา่ Cycas siamensis Miq. เป็นปรงท่พี บไดง้ า่ ยและเกือบทุก
ภาค (ยกเวน้ ใต)้ สว่ นมากข้นึ ตามป่ าเตง็ รังและป่ าเบญจพรรณ ลาตน้ จะคอ่ นขา้ งสน้ั เปลือกแตกเป็นร่อง กา้ นใบแขง็ และ
หนา โคนเพศผูส้ รา้ งไมโครสปอร์ โคนเพศเมยี สรา้ งอบั เมกะสปอร์ เมลด็ คอ่ นขา้ งกลม มสี เี หลือง
ปรงต่างประเทศ
4. ปรงญ่ปี ุ่น

ปรงญ่ปี ุ่นหรือสาคูปาลม์ (Sago Palm) มชี ่ือวทิ ยาศาสตรว์ า่ Cycas revoluta Thunb. เป็นปรงนาเขา้ จาก
ประเทศญ่ปี ุ่น ลาตน้ ตงั้ ตรง ไมแ่ ตกก่งิ กา้ น เปลือกขรุขระ ใบกระจุกแน่นท่ปี ลายหยอด ปลายเรียวหลาบ กา้ นใบแขง็ มี
หนามแหลมสน้ั ๆ

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 28
-

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 29
-


Click to View FlipBook Version