The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ค่านิยมเรื่องเพศในสังคมและวัฒนธรรมไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chagkrapat, 2021-09-18 08:40:20

ค่านิยมเรื่องเพศในสังคมและวัฒนธรรมไทย

ค่านิยมเรื่องเพศในสังคมและวัฒนธรรมไทย

คานา

E-Book เล่มนีจ้ ัดทาขนึ้ เพอ่ื ให้ทกุ คนรู้จักค่านิยมเรื่องเพศในด้านตา่ งๆ มีทัง้ ข้อดี ข้อเสยี ข้อปิ ดก้ัน
ทัง้ ของประเทศเราและของตา่ งประเทศเพราะในบางเร่อื งแตล่ ะประเทศไม่เหมอื นกัน ทงั้ ค่านิยมของ
อดตี และปัจจุบัน ทง้ั ในเรื่องการศกึ ษาและวจิ ัย ผลของการวจิ ัย เร่ืองต่างๆว่าเหมาะสมกับทกุ คนใน
เรอื่ งตา่ งๆรปึ ่ าว ประโยชนข์ องค่านิยมในเร่ืองต่างๆ ท้งั ข้อเสนอแนะแนวทางในการเป็ นอยู่ของชาว
ศาสนาพุทธและคริสต์ และสภาพแวดล้อมในการเป็ นอยู่ของศาสนาพุทธและคริสตท์ ั้งในประเทศเรา

และตา่ งประเทศ

สารบัญ 3
3
ค่านิยมเร่อื งเพศในสังคมและวัฒนธรรมไทย 4
-ค่านิยมทางเพศทเ่ี หมาะสมทคี่ วรพจิ ารณาและนาไปปฏิบัติ 4
ค่านิยมทางเพศในวัฒนธรรมไทย 4
-ค่านิยมทางเพศท่คี ่อนข้างปิ ดก้ันของคนไทย 5
-ค่านิยมทางเพศท่ีดขี องสังคมไทย 5
ค่านิยมทางเพศตามสังคมและวัฒนธรรมตะวันตก 6
-อิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตกทมี่ ีตอ่ พฤตกิ รรมทางเพศของวัยรุ่นในสังคมไทย 7
ค่านิยมทางเพศของสังคมไทยในปัจจุบัน 7
การอยรู่ ่วมกันของคนในสังคมพหุวัฒนธรรมในประเทศไทย กรณีศึกษาสังคมพหวุ ัฒนธรรม 8
-สังคมพหวุ ัฒนธรรม 8
-การศกึ ษาวเิ คราะหส์ ังคมพหวุ ัฒนธรรม 9
-วัตถุประสงคข์ องการวจิ ัย 9
-นิยามศัพท์ 11
-เคร่ืองมือวิจัยแบบสัมภาษณ์ 11
-เป้าหมายเชงิ ยทุ ธศาสตรข์ องแผนงานวจิ ัย 12
-ผลการวจิ ัย
แนวทางในการเป็ นอยู่ของชาวพทุ ธ

แนวทางในการเป็ นอย่ขู องชาวคริสต์ 13
แนวทางการสร้างความม่ันคงทางสังคมในสังคมพหุวัฒนธรรม 14
-ข้อเสนอแนะ 15
คุณค่าของการอยรู่ ่วมกันอย่างสันตแิ ละพงึ่ พาอาศัยกันก่อใหเ้ กดิ ประโยชนด์ า้ นตา่ งๆ 16
-ประโยชนต์ อ่ ตนเอง 16
-ประโยชนต์ อ่ สังคมและประเทศชาติ 16
การอยูร่ ่วมกันอย่างสันติและการพงึ่ พาอาศัยกัน 17
-เคารพซง่ึ กันและกัน 17
-เมตตาตอ่ กัน 17
-ช่วยเหลือเกือ้ กูลกัน 17
-มคี วามซอ่ื สัตยต์ อ่ กัน 18
-ไม่ลบหลู่ดูหม่นิ กัน 18
ค่านิยมทางเพศตามสังคมและวัฒนธรรม 19
-บรรทัดฐานทางครอบครัวและสังคม 19
-ตวั อย่างค่านิยมทางเพศในอดตี 19
-ตัวอยา่ งค่านิยมทางเพศในปัจจุบัน 20
-สภาพแวดล้อม 20
-ส่ือเทคโนโลยี 20

ค่านิยมเรอื่ งเพศในสังคมและวัฒนธรรมไทย

คา่ นิยมทางเพศ (Sexual Value) หมายถงึ หลกั การพืน้ ฐานท่ีบคุ คลยดึ เป็นหลกั ในการปฏิบตั เิ พ่ือดาํ เนิน
ชีวิตซง่ึ เก่ียวกบั เร่ืองเพศ โดยคา่ นิยมทางเพศของบคุ คลเกิดจากการอบรมส่งั สอนจากพอ่ แมใ่ นสถาบนั
ครอบครวั ระบบการศกึ ษา ประสบการณ์ กระบวนการขดั เกลาและถา่ ยทอดทางสงั คม ขนบธรรมเนียม
ประเพณีและวฒั นธรรมของสงั คมนนั้ ๆ

ค่านิยมทางเพศทเ่ี หมาะสมทคี่ วรพจิ ารณาและนาไปปฏบิ ตั ิ มีดังนี้

๑.คา่ นิยมความรกั นวลสงวนตวั โดยเฉพาะในเพศหญิงซง่ึ ควรระวงั เนือ้ ระวงั ตวั ไมเ่ ปิดเผย แสดงออกลกั ษณะ
ทางเพศมากเกินไปเชน่ นงุ่ กางเกงหรือกระโปรงสนั้ เกินพอดี ใสส่ ายเด่ยี วบางๆ ใสเ่ สือ้ ผา้ บางรดั รูป เป็นตน้ ซง่ึ
พฤตกิ รรมเหลา่ นีจ้ ะชว่ ยปอ้ งกนั การล่วงละเมดิ ทางเพศได้ ทาํ ใหช้ ายและหญิงไมไ่ ดอ้ ย่ใู กลช้ ิดกนั หรอื แตะเนือ้
ตอ้ งตวั กนั มากเกินไป จนเกิดอารมณท์ างเพศตามมาได้

๒.คา่ นิยมการใหเ้ กียรตแิ ละการวางตวั ผชู้ ายควรมีความเป็นสภุ าพบรุ ุษและใหเ้ กียรติผหู้ ญิง ไมด่ ถู กู เหยียดเพศ
เชน่ เดียวกนั ผหู้ ญิงก็ตอ้ งใหเ้ กียรตผิ ชู้ าย และวางตวั อยา่ งเหมาะสมไมอ่ ยทู่ ่ีเปล่ียวตามลาํ พงั สองตอ่ สอง พดู จา
กนั ดว้ ยภาษาสภุ าพเรียบรอ้ ย แสดงความมีนา้ํ ใจชว่ ยเหลือกนั เป็นตน้

๓.คา่ นิยมการสรา้ งคณุ คา่ ความดีงามในจติ ใจ ความดีงามในจติ ใจเป็นส่ิงมีคณุ คา่ เพราะเป็นส่ิงท่ีบคุ คลท่วั ไป
ในสงั คมตอ้ งการ ดงั นนั้ จงึ ควรปลกู ฝังและสรา้ งคณุ ธรรมความดใี หเ้ กิดแก่หม่วู ยั รุน่ เพ่ือท่ีเด็กๆ เหลา่ นนั้ จะได้
เตบิ โตเป็นผใู้ หญ่ท่ีดี ทาํ ประโยชนเ์ พ่ือประเทศชาตติ อ่ ไป

๔.คา่ นิยมความเขา้ ใจในความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งเพศ ทงั้ ชายและหญิงควรเขา้ ใจในความ
แตกตา่ งทางสภาพสรีระของทงั้ สองฝ่าย และใหเ้ กียรตชิ ว่ ยเหลือซง่ึ กนั และกนั เชน่ ผชู้ ายท่ีธรรมชาตสิ รา้ งมาให้
แขง็ แรงกวา่ ผหู้ ญิง ผชู้ ายก็ไมค่ วรไปรงั แกผหู้ ญิง แตต่ อ้ งชว่ ยเหลือผหู้ ญิงในดา้ นตา่ งๆ เป็นตน้

ค่านิยมทางเพศในวัฒนธรรมไทย

ในประเทศไทย มีความเป็นไทย มีขนบธรรมเนียมประเพณีและวฒั นธรรมอนั เป็นเอกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั
โดยเฉพาะคา่ นิยมในเร่อื งเพศ ซ่งึ มกั มีมมุ มองได้ ๒ ทาง ดงั นีค้ ือ

๑.ค่านิยมทางเพศในเรื่องทค่ี ่อนข้างปิ ดกั้นของคนไทย ไดแ้ ก่
๑.๑การไมเ่ ผยแพรค่ วามจรงิ ในเร่อื งเพศหรือการไมใ่ หค้ วามรูเ้ ร่ืองเพศแก่ บตุ รหลาน โดยคดิ ว่าเป็นเร่ืองหยาบ
คาย หรือนา่ อาย

๑.๒การไมส่ นนั สนนุ หรือสง่ เสรมิ ใหบ้ คุ คลในสงั คมพดู คยุ กนั ในเร่ืองเพศอยา่ งเปิดเผย

๑.๓การยกยอ่ งใหเ้ พศชายเป็นใหญ่กวา่ เพศหญิง

คา่ นยิ มเหล่านีท้ าํ ใหบ้ คุ คลในสงั คมมีทศั นคตทิ ่ีไมถ่ กู ตอ้ งรวมทงั้ มีพฤตกิ รรมทางเพศท่ีไมถ่ กู ตอ้ ง เชน่ การเอา
เปรียบเพศตรงกนั ขา้ มเม่ือมีโอกาส ความไมเ่ สมอภาคระหวา่ งเพศ การดถู กู เพศตรงกนั ขา้ ม อนั เป็นผลตอ่
ความรกั ความผกู พนั ความสงบสขุ ในครอบครวั และสงั คมโดยรวม

๒.ค่านิยมทางเพศทดี่ ขี องสังคมไทย
๒.๑หญิงไทยมกั จะรกั นวลสงวนตวั ไมม่ ีเพศสมั พนั ธก์ ่อนการแตง่ งาน

๒.๒ชายไทยไมค่ วรสาํ สอ่ นทางเพศเพราะอาจเกิดผลเสียโดยการตดิ โรค

๒.๓ชายไทยมีความรบั ผิดชอบตอ่ เพศหญิง ไมห่ ลอกลวง ไมข่ ม่ เหงนาํ้ ใจ

๒.๔ชายไทยรบั ผิดชอบตอ่ ครอบครวั

สาํ หรบั วยั รุน่ ในปัจจบุ นั ควรมีเจตคตทิ ่ีดีวา่ ทงั้ สองเพศมีความสาํ คญั เท่าเทียมกนั การสรา้ งสรรคส์ งั คมจงึ จะ
เกิดขนึ้ คา่ นยิ มดงั กลา่ วเป็นส่งิ ท่ีดีและยงั ใชไ้ ดใ้ นสงั คมปัจจบุ นั วยั รุน่ จงึ ควรรกั ษาคา่ นิยมท่ีดไี วเ้ พ่ือปอ้ งกปั ัญ
หาท่ีจะตามมา เชน่ ครอบครวั แตกแยก โรคทางเพศสมั พนั ธ์ การตงั้ ครรภน์ อกสมรส การคา้ ประเวณี การสาํ
สอ่ นทางเพศ เป็นตน้

ค่านิยมทางเพศตามสังคมและวัฒนธรรมตะวนั ตก

ปัจจบุ นั วฒั นธรรมตะวนั ตกไดเ้ ขา้ มามีบทบาทและมีอิทธิพลตอ่ วฒั นธรรมทางสงั คมของไทยมากขนึ้ ทงั้ นี้
เน่ืองมากจากเทคโนโลยีและการส่ือสารท่ีกา้ วหนา้ รวดเร็ว สง่ ผลทาํ ใหว้ ยั รุน่ มีพฤตกิ รรมลอกเลียนแบบ และ
ดาํ เนินชีวิตตามวฒั นธรรมตะวนั ตก ซง่ึ วฒั นธรรมบางอย่างกอ่ ใหเ้ กิดปัญหาทางสงั คมมากมาย โดยเฉพาะการ
มีพฤตกิ รรมทางเพศท่ีไมเ่ หมาะสม การเลียนแบบวฒั นธรรมตะวนั ตกไมว่ า่ จากส่ือโทรทศั น์ ภาพยนตร์ หนงั สือ
หรอื อินเทอรเ์ นต็ ก็ตาม ไดท้ าํ ใหข้ นบธรรมเนียม จารีตประเพณี วฒั นธรรมท่ีดงี ามของสงั คมไทยเปล่ียนไป ซ่งึ
วฒั นธรรมบางอยา่ งสง่ ผลดี เชน่ การกลา้ แสดงความคดิ เห็น ความขยนั และความทมุ่ เทใหก้ บั งาน การมองโลก
ในแงบ่ วก การมีแนวคดิ ท่ีดตี า่ งๆ เป็นตน้ ในขณะท่ีวฒั นธรรมบางอยา่ งกลายเป็นตวั อยา่ งท่ีไมด่ ี ไมเ่ หมาะสม
กบั วฒั นธรรมไทย จากพฤตกิ รรมวยั รุน่ เชน่ เสรีภาพในการคบเพ่ือนตา่ งเพศ ซ่งึ บางครงั้ มีพฤตกิ รรมเส่ียงตอ่
การมีเพศสมั พนั ธ์ การถกู เนือ้ ตอ้ งตวั ระหวา่ งชายกบั หญิงมีมากขนึ้ พฤตกิ รรมการแสดงออกทางเพศในท่ี
สาธารณะ เชน่ การโอบกอด การแตง่ กายท่ีลอ่ แหลม กิรยิ ามารยาทท่ีไมเ่ รียบรอ้ ย การแสดงออกอยา่ งเปิดเผย
ในเร่อื งเพศ หรือการท่ีวยั รุน่ หญิงบางคนตามจีบผชู้ าย เป็นตน้

อิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตกทมี่ ีตอ่ พฤตกิ รรมทางเพศของวัยรุ่นในสังคมไทย พอจะ
สรุปไดด้ งั นี้

(๑)ปัญหาเร่ืองเพศ เชน่ การคบเพ่ือนตา่ งเพศอยา่ งไมเ่ หมาะสม การออกเท่ียวกลางคืนกบั เพ่ือนตา่ งเพศ การ
แตง่ กายดงึ ดดู เพศตรงขา้ ม เปิดเผยใหเ้ หน็ ของสงวนมากเกินไป การมีเพศสมั พนั ธก์ ่อนแตง่ งาน เป็นตน้

(๒)ปัญหาสงั คม เชน่ การม่วั สมุ กนั ในสถานเรงิ รมย์ การตงั้ ครรภก์ อ่ นวยั อนั ควร การทาํ แทง้ การใช้สารเสพตดิ
เป็นตน้

ดงั นนั้ เม่ือไมอ่ าจสกดั กนั้ วฒั นธรรมตา่ งๆ ท่ีแพรก่ ระจายเขา้ มาได้ จงึ ควรเลือกและสรา้ งคา่ นิยมในเร่ืองเพศ
ท่ีเหมาะสมกบั สภาพสงั คมไทย เชน่ ลด ละ เลิก การเท่ียวสถานบรกิ ารทางเพศ ไมส่ าํ สอ่ นทางเพศ ไม่คบเพ่ือน
ตา่ งเพศโดยไมเ่ ลือกหนา้ ฝ่ ายชายแสดงความเป็นสภุ าพบรุ ุษใหเ้ กียรตไิ มล่ ว่ งเกินสภุ าพสตรี เป็นตน้

ค่านิยมทางเพศของสังคมไทยในปัจจุบนั

สาํ หรบั ปัจจบุ นั นนั้ สงั คมไทยมีการเปิดเผยและยอมรบั ในการศกึ ษา หรือพดู คยุ เก่ียวกบั เร่ืองเพศมากขนึ้
ทาํ ใหเ้ ยาวชนสว่ นใหญ่มีความเขา้ ใจเร่ืองเพศศกึ ษามากขนึ้ รวมถึงการมีค่านิยมทางเพศท่ีดี เชน่ การใหเ้ กียรติ
ชว่ ยเหลือซง่ึ กนั และกนั , การรกั นวลสงวนตวั , ความเขา้ ใจในความแตกตา่ งทางเพศ ฯลฯ นอกจากนีจ้ ะเห็นได้
วา่ สงั คมไทยในปัจจบุ นั นนั้ มีการยอมรบั สทิ ธิสตรมี ากขนึ้ ดงั จะเหน็ ไดจ้ าก มลู นธิ ิเพ่ือเดก็ และสตรี ไปจนถงึ การ
ทาํ งานหนา้ ท่ีตา่ งๆ ท่ีปัจจบุ นั ผหู้ ญิงเขา้ ไปมีบทบาทผนู้ าํ มากขนึ้ และสงั คมไทยนนั้ หนั กลบั มายอมรบั เก่ียวกบั
เพศท่ีสามมากย่งิ ขนึ้ และลดการกดข่ี ดถู กู เพศท่ีสาม แตค่ า่ นยิ มบางประการก็ถือไดว้ า่ เป็นวิกฤติ เชน่ การแตง่
กายย่วั ยวนตามแบบตะวนั ตก, การมีเพศสมั พนั ธใ์ นวยั เรียน, การตงั้ ครรภใ์ นวยั เรียน รวมไปถึงการคา้ ประเวณี
เป็นตน้

การอยรู่ ่วมกันของคนในสังคมพหวุ ัฒนธรรมในประเทศไทย กรณีศกึ ษาสังคมพหุ
วัฒนธรรมฯ

๑)แตกตา่ งในเร่ืองของแนวคิดวฒั นธรรมประเพณี และความแตกตา่ งทางดา้ นเชือ้ ชาติ ภาษา ศาสนา ลทั ธิ
ความเช่ือ

๒)ความสอดคลอ้ งของหลกั การอยรู่ ว่ มกนั ของคนในสงั คมพหวุ ฒั นธรรม ตามหลกั การของแตล่ ะศาสนา คือ
การอยรู่ ว่ มกนั ของชมุ ชนชาวพทุ ธ คือ การรกั ษาศีล ๕ พดู จาท่ีไพเราะไมส่ รา้ งความแตกแยกใหเ้ กิดในชมุ ชน ทาํ
ตนใหเ้ ป็นประโยชน์ ชมุ ชนชาวครสิ ต์ สง่ เสรมิ ใหม้ ีการพฒั นาเปิดกวา้ งแตล่ ะชมุ ชนสู่สงั คมอยา่ งเทา่ เทียมกนั ให้
ทกุ คนในสงั คมหนั มาเขา้ ใจความแตกตา่ ง และสนใจเรียนรูค้ วามแตกตา่ งกบั ความรูท้ ่ีมีอยู่

๓)การอยรู่ ว่ มกนั ของคนในสงั คมพหวุ ฒั นธรรมในประเทศไทย : กรณีศกึ ษาสงั คมพหวุ ฒั นธรรมในอาํ เภอเมือง
จงั หวดั เชียงใหม่ เพ่ือนนาํ เสนอรูปแบบและวิธีการอยรู่ ว่ มกนั ของคนในสงั คมพหวุ ฒั นธรรมท่ีเหมาะสมสาํ หรบั
สงั คมไทยอยา่ งเป็นรูปธรรม คือ ในชมุ ชนชาวพทุ ธ สง่ เสริมเยาวชนและประชาชนท่ีอยรู่ อบวดั ชมุ ชนชาวครสิ ต์
คอื สง่ เสรมิ การยอมรบั ในเร่ืองความแตกตา่ งในเร่ืองความคดิ ตลอดจนมีทศั นคตทิ ่ีดใี นการอยรู่ ว่ มกนั อนั จะเป็น
ผลใหก้ ารอยรู่ ว่ มกนั ในชมุ ชนท่ีมีความหลากหลายอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ

สังคมพหวุ ัฒนธรรม (Multicultural Society)

เป็นสงั คมท่ีประกอบดว้ ยกลมุ่ คนท่ีมีความหลากหลายมีความแตกตา่ งกนั ทางสงั คมและวฒั นธรรม ไมว่ า่ จะ
เป็นดา้ นศาสนา ภาษา การแตง่ กาย การเป็นอยู่ ฯลฯ เพราะแตล่ ะกลมุ่ ชนมีความเช่ือ ความศรทั ธา ในศาสนา
และวฒั นธรรมท่ีแตกตา่ งกนั การท่ีจะททาํ ใหแ้ ตล่ ะคนสามารถอย่รู ว่ มกนั ในชมุ ชนหรือสงั คมเดียวกนั ดว้ ยการ
พง่ึ พาอาศยั ชว่ ยเหลือกนั ไมม่ ีการเบยี ดเบียนกนั ไมท่ าํ รา้ ยกนั หรือไมล่ ะเมิดสิทธิของกนั และกนั แตล่ ะกลมุ่ ชน
สามารถประกอบพธิ ีกรรมทางศาสนาไดต้ ามความเช่ือและศรทั ธาของตนเอง อยา่ งมีเสรภี าพ โดยไมม่ ีการกีด
กนั กา้ วกา่ ย ลว่ งละเมิด หรือกอ่ กวนซ่งึ กนั และกนั ทาํ ใหส้ ามารถอยรู่ ว่ มกนั บนความแตกตา่ งทางสงั คมและ
วฒั นธรรมไดอ้ ย่างสนั ติ สงบ และพ่งึ พาอาศยั ซ่งึ กนั และกนั โดยไมม่ ีปัญหาขดั แยง้ หรอื ความรุนแรงระหวา่ งกนั
จงึ ตอ้ งมีการศกึ ษาวิเคราะหท์ าํ ความเขา้ ใจกบั ความเป็นสงั คมพหวุ ฒั นธรรมอย่างลกึ ซงึ้ และรอบดา้ น

การศึกษาวิเคราะหส์ ังคมพหวุ ัฒนธรรม (Multicultural Education)

เป็นการศกึ ษาท่ีเนน้ การวเิ คราะหท์ าํ ความเขา้ ใจในความหลากหลาย และความแตกตา่ งทางวฒั นธรรมของ
คนในพืน้ ท่ีตา่ ง ๆเพ่ือใหไ้ ดอ้ งคค์ วามรูห้ รือแนวทางท่ีเหมาะสมสาํ หรบั การอย่รู ว่ มกนั ในสงั คมอยา่ งปกติสขุ
ภายใตค้ วามหลากหลายหรือความแตกตา่ งทางภาษา ขนบธรรมเนียมประเพณี ความเช่ือ ศาสนาและวิถีชีวติ
บนพืน้ ฐานของการยอมรบั สิทธิเสรีภาพ บทบาทและหนา้ ท่ีของแตล่ ะคนในสงั คมอยา่ งเสมอภาคและเทา่ เทียม
กนั โดยปราศจากการอคติหรือความลาํ เอียงทางเชือ้ ชาติ ศาสนา ภาษา ผิวพรรณวรรณะ หรอื เผา่ พนั ธุใ์ น
ประเทศไทย มีชมุ ชนท่ีมีลกั ษณะความเป็นสงั คมพหวุ ฒั นธรรมอยหู่ ลายชมุ ชน เชน่ ชมุ ชนชาวตาํ บลคลอง
ตะเคียน อาํ เภอพระนครศรีอยธุ ยา จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา เป็นชมุ ชนของชาวพทุ ธ ครสิ ตแ์ ละอิสลามท่ีอยู่
รว่ มกนั อยา่ งสมานฉนั ทใ์ นภาคกลาง ชมุ ชนประตทู า่ แพ เป็นชมุ ชนของชาวพทุ ธ ครสิ ตแ์ ละอสิ ลามท่ีอยรู่ ว่ มกนั
อยา่ งสมานฉนั ทใ์ นภาคเหนือ บา้ นสองคอน อาํ เภอหวา้ นใหญ่ จงั หวดั มกุ ดาหาร

วัตถปุ ระสงคข์ องการวิจัย

๑)เพ่ือศกึ ษาวิเคราะหห์ ลกั การอยรู่ ว่ มกนั ของคนในสงั คมพหวุ ฒั นธรรมในชมุ ชนประตทู า่ แพอาํ เภอเมือง
จงั หวดั เชียงใหม่

๒)เพ่ือวิเคราะหค์ วามสอดคลอ้ งของหลกั การอยรู่ ว่ มกนั ของคนในสงั คมพหวุ ฒั นธรรม ตามหลกั การ

ของแตล่ ะศาสนา

๓)เพ่ือนาํ เสนอรูปแบบและวิธีการอยรู่ ว่ มกนั ของคนในสงั คมพหวุ ฒั นธรรมท่ีเหมาะสมสาํ หรบั

สงั คมไทยอย่างเป็นรูปธรรม

นิยามศัพทใ์ นการวจิ ัย

สงั คมพหวุ ฒั นธรรม หมายถึง สงั คมท่ีมีความหลากหลายทางวฒั นธรรม เชือ้ ชาติ ศาสนา วถิ ีชีวิตความคดิ
และวิถีปฏิบตั ขิ องกลมุ่ ชนในสงั คมนนั้ ๆ เพ่ือแสวงหาชีวิตท่ีดีอยดู่ ว้ ยกนั อยา่ งมีความสขุ สามคั คีและการเปิดรบั
การไหลบา่ ทางวฒั นธรรมชนุ ชนประตทู ่าแพ หมายถึง บคุ คลท่ีอยใู่ นในชมุ ชนประตทู ่าแพ จงั หวดั เชียงใหม่ ซง่ึ
นบั ถือศาสนาพทุ ธและศาสนาครสิ ตข์ อบเขตการศกึ ษาวจิ ยั /การวิจยั เลม่ นีเ้ ป็นการวจิ ยั เชิงคณุ ภาพแบบ
สมั ภาษณ์

๑)ขอบเขตดา้ นเนือ้ หา ศกึ ษาหลกั การอย่รู ว่ มกนั ของศาสนาพทุ ธ และศาสนาครสิ ตห์ ลกั การอยรู่ ว่ มกนั ของ
ประชาชนในพืน้ ท่ีการศกึ ษาวิจยั วเิ คราะหห์ ลกั การอยรู่ ว่ มกนั ของชมุ ชนพหวุ ฒั นธรรมกบั หลกั ศาสนาและการ
สรา้ งความม่นั คงทางสงั คม

เครอ่ื งมอื วจิ ัยแบบสัมภาษณ์

คณะผวู้ ิจยั ไดส้ รา้ งเคร่ืองมือเพ่ือวจิ ยั ตามวตั ถปุ ระสงค์ คอื การวิจยั เชงิ คณุ ภาพ
(QuralitatveResearch) ใชแ้ บบสมั ภาษณเ์ ชงิ ลึก ในลกั ษณะการสมั ภาษณแ์ บบมีโครงสรา้ ง
(Structured lnterview)เพ่ือศกึ ษาการอยรู่ ว่ มกนั ของคนในสงั คมพหวุ ฒั นธรรมในสงั คมพหวุ ฒั นธรรม
ในชมุ ชนประตทู า่ แพอาํ เภอเมือง จงั หวดั เชียงใหม่ ตามลาํ ดบั ขนั้ ตอน ดงั ตอ่ ไปนี้

๑.ศกึ ษาหลกั การ แนวคิด ทฤษฏี และงานวิจยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง

๒.กาํ หนดกรอบแนวคิดในการสรา้ งแบบสมั ภาษณ์

๓.สรา้ งแบบสมั ภาษณต์ ามคาํ แนะนาํ ของอาจารยท์ ่ีปรกึ ษา

๔.สรา้ งแบบสมั ภาษณต์ ามวตั ถปุ ระสงค์

๕.นาํ เสนอแบบสมั ภาษณต์ อ่ คณะกรรมการพิจารณา

๖.ปรบั ปรุงแกไ้ ขแบบสมั ภาษณต์ ามคาํ แนะนาํ

๗.จดั พิมพแ์ บบสมั ภาษณฉ์ บบั ท่ีสมบรู ณ์ เพ่ือนาํ ไปเก็บขอ้ มลู จากประชากรตวั อยา่ งและผใู้ หข้ อ้ มลู สาํ คญั

การเก็บรวบรวมขอ้ มลู คณะผวู้ จิ ยั

ไดเ้ ก็บรวบรวบขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการสมั ภาษณ์ ตามลาํ ดบั ขนั้ ตอน

๑.ศกึ ษาขอ้ มลู จากบคุ ลากรตา่ ง ๆ ท่ีไดส้ มั ภาษณม์ าแลว้ นาํ มาวิเคราะหเ์ พ่ือเสนอรูปแบบของการอยรู่ ว่ มกนั ใน
สงั คมพหวุ ฒั นธรรม ในชมุ ชนประตทู ่าแพ

๒.ศกึ ษาขอ้ มลู จากหนงั สือ ไดแ้ ก่ วิทยานพิ นธ์ งานวิจยั และหนงั สือวารสาร เอกสาร ส่ิงพิมพแ์ ละส่ืออีเล็คโทร
นคิ เป็นตน้

เป้าหมายเชงิ ยทุ ธศาสตรข์ องแผนงานวิจัย

ทาํ ใหเ้ กิดสงั คมพหวุ ฒั นธรรมท่ีมีความเขม้ แข็งในสงั คมไทย ประชาชนสามารถเผชิญกบั ความเปล่ียนแปลง
และความหลากหลายอย่างรูเ้ ทา่ ทนั อีกทงั้ ดาํ รงชีวิตอยใู่ นทา่ มกลางความหลากหลายของบคุ คลตา่ งเชือ้ ชาติ
วรรณะ สีผวิ เพศ พนั ธุ์ ไดอ้ ย่างมีความสขุ

ผลการวจิ ยั

แนวคดิ พหวุ ฒั นธรรม ไดเ้ ขา้ มาสปู่ ระเทศไทยในชว่ งระยะเวลาประมาณ ๕๐ ปีท่ีผา่ นมา (ปัจจบุ นั นี๖้ ๐ ปี
แลว้ ) ซ่งึ เป็นชว่ งของการสรา้ งรฐั ชาติ ท่ีเนน้ ความเป็นหนง่ึ เดียวกนั ทางวฒั นธรรม และความเป็นไทยแนวคิดท่ี
เก่ียวขอ้ งกบั ความเป็นสงั คมพหวุ ฒั นธรรม4ทฤษฎีประกอบสรา้ ง (Construction) ความสมั พนั ธเ์ ชงิ
อาํ นาจ ซ่งึ มีฐานความคิดท่ีจะตอ้ งทาํ ความเขา้ ใจอยู่ ๓ ฐานความคิด คอื วฒั นธรรม ชาตพิ นั ธุแ์ ละอตั ลกั ษณ์
ลกั ษณะความสมั พนั ธท์ างวฒั นธรรมท่ีมีอยคู่ ือ ตา่ งคนตา่ งมีวฒั นธรรมเป็นของตนเองทีแตกตา่ งกนั การมี
แนวคดิ ลกั ษณะนีจ้ ะชว่ ยใหค้ นในสงั คมลดการดถู กู เหยียดหยามกนั ทางวฒั นธรรมสามารถอยรู่ ว่ มกนั ไดภ้ ายใต้
ความแตกตา่ งและการใหค้ วามเคารพในสทิ ธิเสรภี าพของกนั และกนั สงั คมพหวุ ฒั นธรรมเป็นแนวคดิ ท่ีมีการ
พฒั นาเพ่ือใหส้ งั คมเกิดการเรยี นรูเ้ พ่ือท่ีจะอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมท่ีมีความหลากหลายอนั เรียกวา่ “สงั คมพหุ
วฒั นธรรม” ไดเ้ กิดจากความหลากหลายทางชาตพิ นั ธุ์ ความเช่ือทางศาสนา แตอ่ ยา่ งไรก็ตามการยอมรบั
ความแตกตา่ งทางศาสนาและวฒั นธรรม บนพืน้ ฐานเสรีภาพจากการศกึ ษาพหวุ ฒั นธรรมไดร้ บั ความสนใจมาก
ขนึ้ จนเห็นไดใ้ นหลากหลายองคก์ ร และสืบเน่ืองจากการท่ีประชากรมีการแลกเปล่ียนความรูแ้ ละสามารถยา้ ย
ถ่ินฐานอยา่ งถาวร จากเหตทุ ่ีมีการอบพยพยา้ ยถ่ินฐานจงึ เกิดการศกึ ษาเรียนรูภ้ าษา ในเร่อื งของการเป็นอยู่
วฒั นธรรม การดาํ เนินชีวิต ภายใตเ้ ง่ือนไขทางกฎหมาย พรอ้ มระเบยี บปฏิบตั ใิ หม่ แตป่ ระชากรกลมุ่ ดงั กลา่ วก็
มิไดท้ อดทงิ้ ภาษา วฒั นธรรมความเช่ือ และศาสนาเดมิ การศกึ ษาสงั คมพหวุ ฒั นธรรม เป็นการศกึ ษาระดบั ขนั้
พืน้ ฐานท่ีจะชว่ ยใหป้ ระชาชนพรอ้ มทงั้ เดก็ และเยาวชน มีความเป็นผทู้ ่ีเปิดกวา้ ง เกิดความเขา้ ใจ ไมร่ งั เกียจ
และยอมรบั ซง่ึ ความแตกตา่ งในเร่อื งของความเป็นสงั คมกลมุ่ นอ้ ยท่ีมีความตา่ ง ดา้ นเชือ้ ชาติ ภาษา ศาสนา
ลทั ธิความเช่ือ คือ การศกึ ษาสงั คมพหวุ ฒั นธรรมท่ีเกิดในสถานศกึ ษาระดบั พืน้ ฐานในสงั คม เพ่ือชว่ ยลด
ความรูส้ กึ เหยียดหยามเร่ืองเชือ้ ชาติ และศาสนา จงึ ชว่ ยใหส้ งั คมเขา้ ใจซง่ึ กนั และกนั ไมน่ าํ เร่อื งความแตกตา่ ง
ของวฒั นธรรม เชือ้ ชาตคิ วามเช่ือไปใชใ้ นทางท่ีผิด

แนวทางในการเป็ นอยู่ของชาวพุทธ

แนวทางในการเป็นอยขู่ องชาวพทุ ธ ผลจากการศกึ ษาแนวทางและการลงพืน้ ท่ีเพ่ือสมั ภาษณ์ ผใู้ หข้ อ้ มลู หลกั
ตามประเดน็ คาํ ถามวา่ “หลกั การอยรู่ ว่ มกนั ระหวา่ งคนในชมุ ชนท่ีมีความหลากหลายทางสงั คมศาสนาและ
วฒั นธรรมมีอะไร”ผลจากการสมั ภาษณผ์ ใู้ หข้ อ้ มลู หลกั เพ่ือเป็นประโยชนใ์ นการศกึ ษาวจิ ยั เร่อื งแนวทางในการ
อยรู่ ว่ มกนั ดงั ตอ่ ไปนีจ้ ากความหลากหลายทางสงั คม ศาสนาและวฒั นธรรมของชมุ ชนท่ีอาศยั อยกู่ บั เขตทุ ่ีติด
กบั ประตทู า่ แพ ซง่ึ เรียกกนั ว่าชมุ ชนวดั บา้ นปิง สรุปความวา่ ชมุ ชนประตทู า่ แพ เป็นชมุ ชนเลก็ ๆ ท่ีอาศยั อยู่
รว่ มกนั อยา่ งมีความสขุ มาอยา่ งชา้ นาน จงึ เกิดมีประเพณีวฒั นธรรม เช่นการทาํ บญุ เดือน ๑๒ เป็ง ก๋ินก็วย
สลากภตั ร ท่ีมีการจดั ขนึ้ ภายในชมุ ชนและเทศนาใหแ้ ละศรทั ธาในชมุ ชนประตทู า่ แพชมุ ชนแหง่ นีเ้ ป็นชมุ ชนเลก็
ๆ แตม่ ีความเขม้ แข็งสามคั คี ไมค่ อ่ ยจะมีปัญหาอะไร ท่ีมีก็เป็นสว่ นเล็ก ๆ แตก่ ็สามารถแกป้ ัญหาได5้ หลกั ทาง
พระพทุ ธศาสนา คอื

๑)ความเมตตากรุณาตอ่ กนั (เมตตาธรรม) ๒) การเคารพในสิทธิของกนั และกนั (ศลี ธรรม)

๓)การชว่ ยเหลือเกือ้ กลู กนั (สงั คหธรรม) ๔) ความสามคั คี (สามคั คีธรรม)

๕)ความอดทนอดกลนั้ ตอ่ ความแตกตา่ งระหวา่ งกนั (ขนั ตธิ รรม)ดว้ ยการท่ีพระพทุ ธศาสนาใหค้ วามสาํ คญั กบั
ความเป็นมนษุ ยต์ อ้ งประกอบดว้ ยหลกั ของการมีความเมตตากรุณาตอ่ กนั ชว่ ยเหลือซ่งึ กนั และกนั ดแู ลกนั
ดว้ ยดพี รอ้ มกบั การเคารพในสทิ ธิของกนั และกนั อนั เป็นหลกั ของศีลธรรม รวมถงึ การชว่ ยเหลือเกือ้ กลู กนั พรอ้ ม
สรา้ งความสามคั คโี ดยนาํ หลกั ธรรมเป็นหลกั ในการดาํ เนินชีวิต พรอ้ มกบั การสรา้ งระบบความเขา้ ใจและอดทน
อดกลนั้ ตอ่ ความแตกตา่ งระหวา่ งกนั หลกั การอยรู่ ว่ มกนั ระหวา่ งคนในชมุ ชนท่ีมีความหลากหลายทางสงั คม
ดว้ ยการมีความเป็นกลางไมพ่ ยายามสรา้ งความแตกแยกใหเ้ กิดมีในสงั คมดว้ ยการเป็นกลางในความคิดของแต่
ละศาสนาและบคุ คลเพราะชมุ ชนแห่งนีไ้ มม่ ีจดุ ออ่ นอะไรเลย ดว้ ยเห็นท่ีเราเคารพซง่ึ กนั และกนั เพราะจดุ รว่ มท่ี
ยดึ ถือในชมุ ชนแหง่ นีก้ ็ คอื ศาสนาท่ีเป็นศาสนาของทกุ คนท่ีมีสว่ นรว่ มในกิจกรรมตา่ งๆ มวลชนมีความสมั พนั ธ์
ท่ีดีผปู้ กครองมีสว่ นรว่ มดใี นทกุ ศาสนาหลกั ทศิ ๖ อคติ ๔ เป็นตน้ ซง่ึ หลกั การเหลา่ นี้ สามารถใชเ้ ป็นกรอบ
สาํ หรบั การวเิ คราะหห์ ลกั การอยรู่ ว่ มกนั ของคนในสงั คมพหวุ ฒั นธรรมตามหลกั การในทางพระพทุ ธศาสนา

แนวทางในการเป็ นอยู่ของชาวครสิ ต์

แนวทางในการเป็นอยขู่ องชาวครสิ ต์ ผลจากการศกึ ษาแนวทางและการลงพืน้ ท่ีเพ่ือสมั ภาษณ์ ผใู้ หข้ อ้ มลู
หลกั ตามประเดน็ คาํ ถามวา่ “หลกั การอยรู่ ว่ มกนั ระหวา่ งคนในชมุ ชนท่ีมีความหลากหลายทางสงั คมศาสนา
และวฒั นธรรมมีอะไร” ผลจากการสมั ภาษณผ์ ใู้ หข้ อ้ มลู หลกั เพ่ือเป็นประโยชนใ์ นการศกึ ษาวิจยั เร่ืองแนวทาง
ในการอยรู่ ว่ มกนั ดงั ตอ่ ไปนีจ้ ากความหลากหลายของชมุ ชนนีม้ ี ศาสนาครสิ ตอ์ ยรู่ ว่ มกบั คนไทยมาก็ ๕๐ กวา่ ปี
หลกั ในการเป็นอย่ดู ว้ ยการจดั กิจกรรมและการสอนศาสนา หลกั การอยรู่ ว่ มกนั ระหวา่ งคนในชมุ ชนท่ีมีความ
หลากหลายในสงั คม ในการเป็นอยขู่ องชาวครสิ ต์ คอื อยดู่ ว้ ยความรกั ดว้ ยการรกั เพ่ือนมนษุ ยด์ ว้ ยกนั เหมือนรกั
ตนเอง จงึ ไมม่ ีจดุ ออ่ นและอปุ สรรค์ เพราะเรามีความเมตตา จงึ เป็นจดุ แข็งของเรา คอื มีความรกั กบั ผคู้ นทกุ
สานิกท่ีมีความหลากหลาย และทาํ ใหเ้ ขารูถ้ งึ หลกั ของชีวิต ดว้ ยการมีจดุ รว่ มในการใหค้ วามรกั ตอ่ เพ่ือนมนษุ ย์
ดว้ ยกนั ดว้ ยการป็นแบบนีเราจงึ ไมม่ ีปัญหา7หลกั ของศาสนาครสิ ต์ เนน้ การปฏิบตั ติ ามหลกั การของบญั ญัติ
๑๐ ประการ ท่ีพระเจา้ ไดป้ ระทานแก่โมเสส สาํ หรบั เป็นหลกั ในการปฏิบตั ขิ องคนในสงั คม ไดแ้ ก่๑) จงนมสั การ
พระเจา้ แตเ่ พียงผเู้ ดียว ๒) อยา่ ออกพระนามของพระเจา้ โดยไมส่ มควร

๓) วนั พระเจา้ ใหถ้ ือเป็นวนั ศกั ดสิ์ ิทธิ์ ๔) จงนบั ถือบิดามารดา

๕) อยา่ ฆา่ คน ๖) อยา่ ลว่ งประเวณี

๗) อยา่ ลกั ทรพั ย์ ๘) อยา่ นนิ ทาวา่ รา้ ยผอู้ ่ืน

๙) อยา่ คิดโลภในประเวณี ๑๐) อยา่ คดิ โลภในส่งิ ของของผอู้ ่ืน

แนวทางการสร้างความม่ันคงทางสังคมในสังคมพหวุ ัฒนธรรม

ในสงั คมแตล่ ะแหง่ จะมีแนวทางในการสรา้ งความม่นั คงทางสงั คมท่ีเป็นหลกั ในการอยดู่ ว้ ยกนั ไดใ้ นความ
หลากหลายของศรทั ธาทางศาสนาประเพณีและวฒั นธรรมตา่ งๆแนวคดิ ของพหวุ ฒั นธรรมตามสาขาวิชา
มานษุ ยวทิ ยาวฒั นธรรมไดใ้ หค้ วามหมายของวฒั นธรรมไวว้ า่ วฒั นธรรมหมายถงึ ผลรวมของบรรดาส่งิ ตา่ งๆท่ีมี
ความสลบั ซบั ซอ้ นท่ีประกอบดว้ ยความรูค้ วามเช่ือศลิ ปวฒั นธรรมศีลธรรมกฎหมายประเพณีอปุ นสิ ยั ตลอดจน
พฤตกิ รรมอ่ืนๆท่ีมนษุ ยแ์ สดงออกนอกจากนนั้ พระราชบญั ญตั วิ ฒั นธรรมแหง่ ชาตไิ ดใ้ หค้ วามหมายของ
วฒั นธรรมไวว้ า่ หมายถงึ ลกั ษณะท่ีแสดงความเจรญิ งอกงามความเป็นระเบียบเรียบรอ้ ยความกลมเกลียว
กา้ วหนา้ ของชาตแิ ละศีลธรรมอนั ดีของประชาชนวฒั นธรรมเกิดขนึ้ ไดเ้ ม่ือมนษุ ยท์ ่ีอยใู่ นบรเิ วณใกลเ้ คยี งกนั ใน
สงั คมเดยี วกนั ทาํ ความตกลงกนั วา่ จะยดึ ระบบไหนดีพฤติกรรมใดบา้ งท่ีจะถือเป็นพฤตกิ รรมท่ีควรปฏิบตั แิ ละมี
ความหมายอยา่ งไรแนวความคดิ ใดจงึ เหมาะสมขอ้ ตกลงเหลา่ นีค้ ือการกาํ หนดความหมายใหก้ บั ส่งิ ตา่ งๆใน
สงั คมเพ่ือวา่ สมาชกิ ของสงั คมจะไดเ้ ขา้ ใจตรงกนั และยดึ ระบบเดียวกนั หรอื อีกนยั หนง่ึ เราอาจเรียกระบบท่ี
สมาชิกในสงั คมไดต้ กลงในความหมายแลว้ นีว้ า่ ระบบสญั ลกั ษณด์ งั นนั้ วฒั นธรรมก็คอื ระบบสญั ลกั ษณใ์ น
สงั คมมนษุ ยท์ ่ีมนษุ ยส์ รา้ งขนึ้ เม่ือสรา้ งขนึ้ แลว้ จงึ สอนใหค้ นรุน่ หลงั ไดเ้ รยี นรูห้ รอื นาํ ไปปฏิบตั เิ พราะฉะนนั้
วฒั นธรรมจงึ ตอ้ งมีการเรียนรูแ้ ละมีการถา่ ยทอดเม่ือมนษุ ยเ์ รียนรูเ้ ก่ียวกบั วฒั นธรรมมนษุ ยก์ ็รูว้ ่าอะไรคอื
ขนบธรรมเนียมประเพณีของสงั คม8วฒั นธรรมหมายถึง ส่ิงท่ีมนษุ ยส์ รา้ งขนึ้ และปรบั ปรุงจากธรรมชาตแิ ละ
มนษุ ยจ์ ะเรยี นรูว้ ฒั นธรรมจากกนั และกนั เป็นส่งิ ท่ีมีการสืบตอ่ เน่ืองเป็นมรดกทางสงั คมท่ีมีการถา่ ยทอดจากคน
รุน่ หน่งึ ไปยงั อีกรุน่ หน่งึ มนษุ ยไ์ ดเ้ รยี นรูว้ ฒั นธรรมจากทงั้ ท่ีตายไปแลว้ และท่ียงั มีชีวิตอยโู่ ดยไดร้ บั ความรูน้ นั้ ไว้
เป็นมรดกตกทอดกนั มาเป็นลาํ ดบั วฒั นธรรมมีความหมายครอบคลมุ ถึงทกุ ส่งิ ทกุ อย่างท่ีแสดงออกถงึ วิถีชีวติ
ของมนษุ ยใ์ นสงั คมของกลมุ่ ใดกลมุ่ หนง่ึ หรือสงั คมใดสงั คมหนง่ึ ท่ีประกอบไปดว้ ยความรูค้ วามเช่ือศลิ ปะ
ศลี ธรรมกฎหมาย ประเพณีวิทยาการและทกุ ส่งิ ทกุ อยา่ งท่ีคดิ และทาํ ในฐานะสมาชิกของสงั คม10วฒั นธรรมคือ
ส่งิ ท่ีมนษุ ยส์ รา้ งขนึ้ กาํ หนดขนึ้ มใิ ชส่ ่ิงท่ีมนษุ ยท์ าํ ตามสญั ชาตญาณอาจเป็นการประดษิ ฐ์วตั ถสุ ่งิ ของขนึ้ ใชห้ รือ
อาจเป็นการกาํ หนดพฤตกิ รรมหรอื ความคิดตลอดจนวธิ ีการหรือระบบการทาํ งาน วฒั นธรรมมีความหมายท่ี
กวา้ งขวางมากและครอบคลมุ เกือบจะทกุ ส่งิ ทกุ อยา่ งในการดาํ รงชีวิตรว่ มกนั และมนษุ ยใ์ ชเ้ ป็นแนวทางในการ
อบรมศกึ ษาและถา่ ยทอดไปสสู่ มาชกิ รุน่ ใหมร่ วมทงั้ มีการปรบั ปรุงเปล่ียนแปลงใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาวะแวดลอ้ ม
ท่ีเป็นอยชู่ มุ ชนชาวพทุ ธใหค้ วามสาํ คญั กบั ความดที ่ีแตกตา่ งของแตล่ ะศาสนาท่ีมี การสอนเพ่ือใหท้ กุ คนอยู่

ดว้ ยกนั อยา่ งมีความสขุ ไมส่ รา้ งความเดอื ดรอ้ นใหใ้ คร เคารพความดีท่ีแตล่ ะศาสนาใหค้ วามหมายกบั การอยู่
ดว้ ยกนั ไมโ่ ตแ้ ยง้ เพียงแตป่ รบั ใหเ้ ขา้ กนั ในแตล่ ะบรบิ ทของสงั คมนัน้ ๆ อนั เป็นการใหเ้ กียรตมิ นษุ ยด์ ว้ ยกนั
พรอ้ มกบั การสง่ เสรมิ ใหช้ มุ ชนเหน็ ความสาํ คญั ทางศาสนา คือ การจดั กิจกรรมวนั สาํ คญั ของชาวพทุ ธ เชน่
ทาํ บญุ ตามเทศกาล ตา่ ง ๆ และวฒั นธรรมประเพณีตา่ ง ๆ วนั สาํ คญั ของชมุ ชน คือ ควรมีการสง่ เสรมิ ใหท้ กุ คน
ในแตล่ ะศาสนาเขา้ มาจดั กิจกรรมรว่ มกนั ในสถานทีของตน เวียนกนั ไปโดยไมเ่ ก่ียงว่าเป็นคนตา่ งศาสนา พรอ้ ม
กบั มีหนว่ ยงานท่ีสาํ คญั ในชมุ ชนเป็นตวั ช่วยสนบั สนนุ หรือกาํ หนดใหห้ นว่ ยงานนนั้ ๆ เป็นหลกั ในการทาํ
กิจกรรม พธิ ีกรรม และขนั้ ตอนตา่ ง ๆ อยา่ งท่วั ถงึ ทกุ วาระท่ีมีวนั สาํ คญั เกิดขนึ้ พรอ้ มสรา้ งความรูใ้ หเ้ กิดในชมุ ชนุ
ไดม้ องเหน็ ความสาํ คญั ของคณุ คา่ ในการอยารว่ มกนั อยา่ งมีความสขุ ดว้ ยการเคารพความเหน็ ตา่ งทางดา้ นคาํ
สอนและแนวคดิ ของกนั และกนั ประเทศไทยมีประชากรท่ีอาศยั อยใู่ นพืน้ ท่ีท่ีมีสถานะเชงิ พหวุ ฒั นธรรม
โดยเฉพาะในจงั หวดั ท่ีมีเขตตดิ ตอ่ กบั ประเทศเพ่ือนบา้ น นอกจากนนั้ ในพืน้ ท่ีเขตเมืองใหญ่ท่ีเป็นแหลง่
อตุ สาหกรรมหรือแหลง่ รว่ มทนุ จากบรษิ ทั หรือกลมุ่ บคุ คลจากตา่ งประเทศก็จะมีประชากรกลมุ่ หน่งึ เป็นชาว
ตา่ งประเทศท่ีมีภาษาวฒั นธรรม วถิ ีชีวิตความเป็นอยแู่ ตกตา่ งไปจากคนไทย รวมถึงนกั ทอ่ งเท่ียว พกั อาศยั อยู่
สถานศกึ ษาจะเป็นแหลง่ เรยี นรูท้ ่ีจะชว่ ยการยอมรบั พหวุ ฒั นธรรมเหน็ คณุ คา่ ของความหลากหลาย (value
ofdiversity) และชว่ ยหลอ่ หลอมกลอ่ มเกลาใหเ้ ด็ก เยาวชน หรอื ผเู้ รียน ไดร้ บั การพฒั นาทกุ ดา้ นเตม็ ตาม
ศกั ยภาพ เพราะปัจจยั ทางศาสนาและวฒั นธรรมเป็นส่ือสาํ คญั ท่ีจะเช่ือมประชาชนใหส้ ามารถ

ข้อเสนอแนะ

ขอ้ เสนอแนะในการศกึ ษาวิจยั ครงั้ ตอ่ ไป ควรจะศกึ ษาในประเดน็ ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การดาํ เนนิ ชีวิตของผคู้ นในกลมุ่
เดยี วกนั เชน่ เร่ือง “ศกึ ษาความสอดคลอ้ งของสงั คมพหวุ ฒั นธรรม กบั การเปล่ียนแปลงของโลกนิยม”
กรณีศกึ ษาการเป็นอยขู่ องสงั คมเมืองกบั สงั คมชนบท เพ่ือนาํ มาพฒั นาเปรียบเทียบกบั การเป็นอยใู่ นสงั คมแหง่
การพฒั นาเทคโนโลยีแหง่ การส่ือสาร กบั คณุ คา่ ดงั เดมิ ของสงั คมไทยวเิ คราะหค์ วามสอดคลอ้ งของหลกั การอยู่
รว่ มกนั ของคนในสงั คมพหวุ ฒั นธรรม ตามหลกั การของแตล่ ะศาสนา ดา้ นความเช่ือ และวถิ ีชีวติ วเิ คราะหก์ าร
อยรู่ ว่ มกนั ของคนในสงั คมพหวุ ฒั นธรรมท่ีเหมาะสมสาํ หรบั สงั คมไทยทางดา้ นแนวคดิ

คุณค่าของการอยูร่ ่วมกันอยา่ งสันตแิ ละพง่ึ พาอาศัยกันกอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนด์ ้านตา่ งๆ ดงั นี้

ประโยชนต์ ่อตนเอง
๑)ทาํ ใหอ้ ยใู่ นสงั คมอยา่ งมีความสขุ และรูส้ กึ ปลอดภยั จากอนั ตรายตา่ งๆ

๒)มีผคู้ อยใหค้ วามชว่ ยเหลือเม่ือตกยาก หรือประสบกบั ความยากลาํ บากจากเหตกุ ารณต์ า่ งๆ และทาํ ใหไ้ มร่ ูส้ กึ
โดเด่ยี ว หรอื ไรท้ ่ีพ่งึ เม่ือเจอปัญหา

๓)ประสบความสาํ เรจ็ ในการประกอบหนา้ ท่ีการงาน เพราะไดร้ บั ความชว่ ยเหลือเกือ้ กลู จากบคุ คลรอบขา้ ง

ประโยชนต์ อ่ สังคมและประเทศชาติ
๑)สงั คมเป็นระเบยี บเรยี บรอ้ ยและสงบสขุ ปราศจากปัญหาความแตกแยกขดั แยง้ ใดๆ

๒)เกิดการพฒั นาท่ีรวดเรว็ และย่งั ยืน เพราะความสงบสขุ ในสงั คม จะกระตนุ้ ใหเ้ กิดการลงทนุ ทางเศรษฐกิจ ทาํ
ใหป้ ระเทศชาตมิ ีรายไดเ้ พ่มิ ขนึ้ เพียงพอตอ่ การนาํ มาปรบั ปรุงโครงสรา้ งทางสงั คมใหม้ ีประสิทธิภาพ และพรอ้ ม
รบั มือกบั ความเส่ียงหรือการเปล่ียนแปลงของสถานการณ์

๓)ความสขุ ของคนในชาตเิ พ่มิ มากขนึ้ เพราะมีความอยดู่ ีกินดี รูส้ กึ ปลอดภยั ในการดาํ เนินชีวติ มีหนา้ ท่ีการงาน
และรายไดท้ ่ีม่นั คง

การอยรู่ ่วมกนั อยา่ งสันตแิ ละการพง่ึ พาอาศัยกนั

แนวทางการอย่รู ว่ มกนั อยา่ งสนั ติ และการพง่ึ พาอาศยั กนั การเรยี นรูว้ ิธีการอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมท่ีเตม็ ไปดว้ ย
ความหลากหลายและแตกตา่ ง เพ่ือปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั บคุ คลรอบขา้ ง จะก่อใหเ้ กิดความสขุ ในการอาศยั อยู่
รว่ มกนั ซง่ึ การสรา้ งสนั ตสิ ขุ ใหเ้ กิดขนึ้ ในสงั คม จาํ เป็นตอ้ งอาศยั ความรว่ มมือของสมาชิกทกุ คน โดยยดึ แนว
ทางการปฎิบตั ิ ดงั นี้

เคารพซงึ่ กันและกนั

๑)แสดงกิรยิ าท่ีนอบนอ้ มตอ่ กนั
๒)พดู ดีตอ่ กนั ทงั้ ตอ่ หนา้ และลบั หลงั
๓)ยอมรบั ในความแตกตา่ งทงั้ ความเช่ือ ศาสนา ภาษา วฒั นธรรม เชือ้ ชาติ ผิวพรรณ เป็นตน้
๔)รบั ฟังความคดิ เห็นซ่งึ กนั และกนั

เมตตาตอ่ กนั

๑)เอาใจเขามาใสใ่ จเรา คิดถึงจิตใจของผอู้ ่ืน
๒)แสดงความหว่ งใยตอ่ บคุ คลรอบขา้ ง ไมซ่ า้ํ เตมิ ใหผ้ อู้ ่ืนไดร้ บั ความทกุ ขย์ ากมากขนึ้
๓)ฝึกใจใหร้ กั ในการให้ มากกวา่ การรบั
๔)เสียสละประโยชนส์ ว่ นตน เพ่ือประโยชนส์ ว่ นรวม

ช่วยเหลือเกอื้ กูลกัน

๑)บรจิ าคทรพั ยส์ ิน หรือส่ิงของชว่ ยเหลือผอู้ ่ืนท่ียากลาํ บากหรือประสบภยั ตา่ งๆ
๒)ชว่ ยเหลือผอู้ ่ืนทาํ งาน หรือชว่ ยงานตามความสามารถของตนดว้ ยความทมุ่ เทและเตม็ ใจ
๓)ใหค้ วามรว่ มมือในการปฎิบตั ติ ามขอ้ กาํ หนด หรือระเบียบของสงั คม

มีความซอื่ สัตยต์ อ่ กัน

๑)แสดงความจรงิ ใจตอ่ กนั ทงั้ ทางกาย วาจา ใจ ทงั้ ตอ่ หนา้ และรบั หลงั
๒)รกั ษาสจั จะวาจา ตอ้ งทาํ ใหไ้ ดต้ ามท่ีรบั ปากไว้
๓)ไมท่ จุ รติ หรือเอาเปรยี บผอู้ ่ืนดว้ ยกลอบุ ายตา่ งๆ
๔)ไวว้ างใจกนั ไมร่ ะแวงผอู้ ่ืนจนเกิดความเป็นความบาดหมาง
๕)ฝึกความมีระเบยี บวินยั ในตนเองใหก้ ลายเป็นนสิ ยั

ไม่ลบหลู่ดูหม่ินกัน

๑)ไมด่ ถู กู การกระทาํ คาํ พดู หรือความคิดของผอู้ ่ืน
๒)ไมแ่ สดงกิรยิ าหรือวาจาดถู กู ศรทั ธาความเช่ือ วฒั นธรรม เชือ้ ชาติ หรือชาตพิ นั ธขุ์ องผอู้ ่ืน
๓)เคารพสิทธิมนษุ ยชน ดว้ ยการปฎิบตั ติ อ่ กนั อย่างเทา่ เทีย

ค่านิยมทางเพศตามสังคมและวัฒนธรรมไทย

บรรทดั ฐานทางครอบครัวและสังคม

คา่ นิยมทางเพศตามสงั คมและวฒั นธรรมไทย ในอดีตมีความแตกตา่ งจากในปัจจบุ นั อยา่ งเหน็ ไดช้ ดั เน่ืองจาก
ในอดีตบตุ รหลานจะถกู ปลกู ฝังโดยการอบรมเลีย้ งดใู หเ้ คารพเช่ือฟังคาํ ส่งั สอนของบิดามารดาอยา่ งเครง่ ครดั
วถิ ีชีวติ ตลอดจนวธิ ีการดาํ เนินชีวิตจะตอ้ งอยใู่ นขอบเขตท่ีทางครอบครวั ไดว้ างเอาไว้ รวมทงั้ ปัจจยั ทางสงั คม
และสภาพแวดลอ้ มก็ยงั ไมเ่ อือ้ อาํ นวยอยา่ งเชน่ ปัจจบุ นั คา่ นยิ มทางเพศในอดีตมีลกั ษณะดงั นี้

ตวั อยา่ งค่านิยมทางเพศในอดตี

(1) ผหู้ ญิงตอ้ งอยกู่ บั เหยา้ เฝา้ กบั เรือนเพียงอย่างเดียว จงึ ทาํ ใหผ้ หู้ ญิงตอ้ งถกู กดข่ีขม่ เหงดว้ ยความไมเ่ สมอภาค
ทางเพศ

(2) ผชู้ ายมกั เป็นใหญ่ในบา้ น และมีอาํ นาจในการตดั สนิ ใจทกุ อยา่ ง สว่ นผหู้ ญิงมีหนา้ ท่ีเพียงแคด่ แู ลบา้ นและ
บตุ รเทา่ นนั้

(3) การนดั พบกนั ในอดีตสามารถพบกนั ไดโ้ ดยการแนะนาํ จากผใู้ หญ่หรือพบกนั ตามวดั ในเทศกาลตา่ งๆ ไมม่ ี
โอกาสไดม้ าพบกนั ในสถานท่ีสาธารณะอยา่ งเชน่ ในปัจจบุ นั

(4) ผหู้ ญิงตอ้ งไมแ่ สดงกิรยิ าย่วั ยวน แสดงทา่ ทีเชือ้ เชญิ หรือใหโ้ อกาสผชู้ ายไดเ้ ขา้ มาใกลช้ ิด

(5) การถกู ควบคมุ จากผใู้ หญ่ในเร่อื งของการเลือกคนรกั การแตง่ งาน ท่ีเรียกวา่ “คลมุ ถงุ ชน” โดยใหเ้ หตผุ ลถงึ
ความคคู่ วร เหมาะสม เป็นส่ิงสาํ คญั มากกวา่ จะนกึ ถึงความรกั ของระหวา่ งบุคคล ทงั้ นีม้ กั จะอา้ งวา่ ใชบ้ รรทดั
ฐานทางครอบครวั และสงั คมเป็นเคร่ืองตดั สนิ ใจใหแ้ ตง่ งานกนั ซง่ึ อาจจะดว้ ยสมคั รใจหรอื ถกู บงั คบั ก็ตาม แตก่ ็
ตอ้ งยนิ ยอมพรอ้ มทงั้ ปลกู ฝังคา่ นิยมของเพศหญิงใหม้ ีความรกั และซ่ือสตั ยต์ อ่ สามีเพียงคนเดียว

ตวั อยา่ งค่านิยมทางเพศในปัจจุบนั

ปัจจบุ นั สภาพครอบครวั และสงั คมไดเ้ ปล่ียนแปลงไป ผหู้ ญิงตอ้ งทาํ งานหาเลีย้ งครอบครวั เชน่ เดียวกบั ผชู้ าย
สว่ นภาระหนา้ ท่ีการดแู ลบา้ นและการเลีย้ งดบู ตุ รก็ยงั คงเป็นหนา้ ท่ีของผหู้ ญิงเชน่ เดมิ ทงั้ นี้ ผหู้ ญิงสามารถไดร้ บั
การศกึ ษาในระดบั สงู ๆ ไดเ้ ชน่ เดียวกบั ผชู้ าย ผหู้ ญิงมีสิทธิ์ท่ีจะสามารถแสดงความคดิ เห็นและโตแ้ ยง้ ในกรณี
ตา่ งๆ ได้ เน่ืองจากไดร้ บั สิทธิท่ีเทา่ เทียมกนั ทาํ ใหม้ ีโอกาสมากขนึ้ เก่ียวกบั เร่ืองเพศ เชน่ การเลือกฝ่ายชายท่ีจะ
มาเป็นคคู่ รอง การขอหยา่ ถา้ แตง่ งานไปแลว้ ไมม่ ีความสขุ การเป็นผนู้ าํ ครอบครวั เป็นตน้

สภาพแวดล้อม

สภาพแวดลอ้ มในอดตี กบั ปัจจบุ นั แตกตา่ งกนั มาก ในปัจจบุ นั มีส่ิงย่วั ยุ สถานบนั เทงิ เรงิ รมยต์ า่ งๆ ศนู ยก์ ารคา้
ปัญหาสารเสพตดิ และความรุนแรง ซ่งึ สง่ ผลใหว้ ยั รุน่ อาจใชช้ ีวิตท่ีหลงผิด จนอาจก่อใหเ้ กิดเป็นปัญหา
อาชญากรรมทางสงั คมได้ ทาํ ใหม้ ีคณุ ภาพชีวิตท่ีไมด่ ี ยากจน ไมม่ ีโอกาสศกึ ษาตอ่ ตอ้ งหาเลีย้ งชีพโดยไมส่ จุ รติ
เกิดความฟ้งุ เฟอ้ เพ่ือตอ้ งการใหต้ นเองทดั เทียมกบั ผอู้ ่ืน และในท่ีสดุ ก็เกิดคา่ นิยมทางเพศท่ีผิดๆ เชน่ การมี
ความคดิ ว่า การขายบรกิ ารทางเพศเป็นส่ิงท่ีหารายไดใ้ หแ้ ก่ตนเองไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ เป็นตน้

สือ่ เทคโนโลยี

ความกา้ วหนา้ และรวดเรว็ ของส่ือเทคโนโลยี อาจเป็นสาเหตขุ องการทาํ ใหเ้ กิดคา่ นิยมทางเพศท่ีไมถ่ กู ตอ้ ง
เน่ืองจากวยั รุน่ สามารถตดิ ตอ่ หรือคบเพ่ือนตา่ งเพศท่ีไมเ่ คยรูจ้ กั กนั ไดง้ า่ ย เพียงแตโ่ ทรศพั ทห์ รือใชอ้ ินเตอรเ์ น็ต
เป็นส่ือในการตดิ ตอ่ กนั หากใชใ้ นทางท่ีไมเ่ หมาะสมหรือคยุ กบั บคุ คลท่ีไมห่ วงั ดีดว้ ย อาจก่อใหเ้ กิดปัญหาการ
ถกู ลอ่ ลวงหรือปัญหาในทางไมด่ อี ่ืนๆ ตามมาวฒั นธรรมไทยใหค้ วามสาํ คญั ในเร่ืองความถกู ตอ้ งดีงามในเร่ือง
เพศ ซ่งึ เป็นส่ิงท่ีสมาชกิ ในสงั คมไทยยึดถือปฏิบตั ิ รวมทงั้ การอบรมส่งั สอนถา่ ยทอดความเช่ือและคา่ นยิ มสืบตอ่
กนั มาทางสถาบนั ครอบครวั โดยมีพอ่ แมเ่ ป็นผคู้ อยส่งั สอน อบรมชีแ้ นะลกู ใหย้ ึดถือเป็นแนวปฏิบตั ใิ นการ
ดาํ รงชีวิต ดงั สภุ าษิตสอนหญิงของสนุ ทรภ่ทู ่ีวา่ “จงรกั นวลสงวนงามหา้ มใจไว้ อยา่ หลงใหลจงจาํ คาํ ท่ีพร่าํ สอน
คดิ ถงึ หนา้ บดิ าและมาดร อย่ารบี รอ้ นเรว็ นกั มกั ไมด่ ี เม่ือสกุ งอมหอมหวนจงึ ควรหลน่ อยกู่ บั ตน้ อยา่ ใหพ้ รากไป
จากท่ี อยา่ ชงิ สกุ ก่อนห่ามไมง่ ามดี เม่ือบญุ มีคงจะมาอยา่ ปรารมภ”์



สารบญั

ค่านิยมเรอื่ งเพศในสังคมและวัฒนธรรมไทย
-ค่านิยมทางเพศทเ่ี หมาะสมทคี่ วรพจิ ารณาและนาไปปฏบิ ัติ
ค่านิยมทางเพศในวัฒนธรรมไทย
-ค่านิยมทางเพศทค่ี ่อนข้างปิ ดก้ันของคนไทย
-ค่านิยมทางเพศทด่ี ขี องสังคมไทย
ค่านิยมทางเพศตามสังคมและวัฒนธรรมตะวันตก
-อทิ ธิพลของวัฒนธรรมตะวันตกทมี่ ีต่อพฤตกิ รรมทางเพศของวัยรุ่นในสังคมไทย
ค่านิยมทางเพศของสังคมไทยในปัจจุบัน
การอยู่ร่วมกันของคนในสังคมพหวุ ัฒนธรรมในประเทศไทย กรณีศกึ ษาสังคมพหุวัฒนธรรม
-สังคมพหุวัฒนธรรม
-การศกึ ษาวเิ คราะหส์ ังคมพหุวัฒนธรรม
-วัตถุประสงคข์ องการวจิ ัย
-นิยามศัพท์
-เครอื่ งมอื วิจัยแบบสัมภาษณ์
-เป้าหมายเชิงยทุ ธศาสตรข์ องแผนงานวจิ ัย
-ผลการวจิ ัย
แนวทางในการเป็ นอยู่ของชาวพทุ ธ
แนวทางในการเป็ นอยู่ของชาวคริสต์

แนวทางการสร้างความม่ันคงทางสังคมในสังคมพหุวัฒนธรรม
-ข้อเสนอแนะ
คุณค่าของการอยรู่ ่วมกันอยา่ งสันติและพง่ึ พาอาศัยกันก่อใหเ้ กดิ ประโยชนด์ า้ นตา่ งๆ
-ประโยชนต์ อ่ ตนเอง
-ประโยชนต์ อ่ สังคมและประเทศชาติ
การอยู่ร่วมกันอยา่ งสันตแิ ละการพง่ึ พาอาศัยกัน
-เคารพซ่ึงกันและกัน
-เมตตาต่อกัน
-ช่วยเหลอื เกือ้ กูลกัน
-มคี วามซื่อสัตยต์ ่อกัน
-ไม่ลบหลู่ดหู ม่นิ กัน
ค่านิยมทางเพศตามสังคมและวัฒนธรรม
-บรรทัดฐานทางครอบครัวและสังคม
-ตวั อยา่ งค่านิยมทางเพศในอดตี
-ตวั อยา่ งค่านิยมทางเพศในปัจจุบัน
-สภาพแวดล้อม
-สื่อเทคโนโลยี

บรรณานุกรม

https://sites.google.com/site/class52thongpannaraichonon/neuxha-1-
3

file:///C:/Users/Admin/Downloads/184052-Article%20Text-735604-1-10-
20191105%20(2).pdf

http://edoc.mrta.co.th/hrd/Attach/public/1618890190_1.pdf

https://sites.google.com/site/khawnchanokpoopaepoopaew/kha-
niym-thang-phes-tam-sangkhm-laea-wathnthrrm-thiy


Click to View FlipBook Version