บทที่ ๑
บทนำ
๑. หลกั การและเหตผุ ล
ตามที่ สำนักงาน กศน.ได้ กำหนดจุดเน้นการดำเนินงาน กศน.ตามยุทธศาสตร์
กระทรวงศึกษาธิการ๖ ยุทธศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยมุ่งเน้นส่งเสริมให้มีบรรยากาศ และสิ่งแวดล้อมที่เอื้อตอ่
การอ่านให้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยสนับสนุนการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางและทั่วถึง เช่น
พัฒนาห้องสมุดประชาชนทุกแห่งให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตของชุมชน ส่งเสริมและสนับสนุนอาสาสมัคร
ส่งเสริมการอ่าน การสร้างเครือข่ายส่งเสริมการอ่าน จัดหน่วยบริการเคลื่อนที่พร้อมอุปกรณ์เพื่อส่งเสริมการ
อ่านและการเรียนรู้ที่หลากหลายออกให้บริการประชาชนในพื้นที่ต่างๆ อย่าทั่วถึง เพื่อสามารถนำความรู้ที่ดี
รับบไปใช้ประโยชนใ์ นการปฏิบัตจิ ริง อีกทัง้ ให้มกี ารส่งเสริมให้ประชาชนนำความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์
ไปชพฒั นาทกั ษะการคิดวเิ คราะหบ์ นพื้นฐานข้อมลู ท่ีถกู ต้องและสามารถปรับตวั รบั รองผลจากการเปล่ียนแปลง
ในอนาคตได้
ห้องสมุดประชาชนอำเภอห้วยผึ้ง ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
อำเภอห้วยยผึ้ง ตระหนักถึงวความสำคัญของงการวให้บริการส่งเสริมมการอ่านเชิงรุก เพื่อให้ครอบคลุมไปถงึ
กลมุ่ ทเปา้ หมาย จงึ ได้จดั ทำโครงการสง่ เสรมิ การอ่านและการเรยี นรูร้ ถโมบายห้องสมดุ เคลื่อนที่ (กศน.ตำบลไค้
นุ่น)
๒. วัตถปุ ระสงค์
เพ่ือสง่ เสริมนสิ ัยรกั การอ่านและการเรยี นรู้ให้กับนักศกึ ษาและประชาชน สามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้
รถโมบายเคลื่อนท่ี
๓. เปา้ หมาย
๓.๑ เชงิ ปริมาณ
- เด็กและนักศึกษา/นักเรยี น ๕๐ คน
๓.๒ เชิงคณุ ภาพ
- ผูร้ บั บริการสามารถนำความร้ทู ไ่ี ด้รบั ไปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ ประจำวันได้
๔. ดชั นีชี้วดั ความสำเรจ็ ของโครงการ
๑ ตัวชวี้ ัดผลผลิต (output)
- กลุ่มเปา้ หมายใร้อยละ ๘๐ เขา้ ร่วมกิจกรรม
๒ ตวั ชีว้ ดั ผลลพั ธ์ (outcome)
- รอ้ ยละของผเู้ ข้ารว่ มกจิ กรรมมคี วามพึงพอใจในระดับดีขึ้นไป
๕. ผลท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ
ผ้รู รับบรกิ ารได้รับบรกิ ารของห้องสมุดประชาชนอำเภอหว้ ยผงึ้
บทที่ ๒
แนวคดิ ทฤษฎี เอกสารและผลงานท่ีเกี่ยวข้อง
เป็นการศกึ ษาเอกสารและผลการที่เกีย่ วกับการส่งเสริมการอา่ นสำหรบั เด็กรว่ มทง้ั การจัดกจิ กรรม
สำหรบั โครงการสง่ เสรมิ การอ่านและการเรียนรรู้ ถโมบายห้องสมดุ เคลอ่ื นท่ี(กศน.ตำบลไค้นุ่น)เพ่ือส่งเสริม
กจิ กรรมรักการอา่ น ใหก้ ับ เด็ก นกั เรยี น นักศกึ ษา กศน. เป็นการปลูกฝังให้เด็กมนี ิสยั รักการอา่ นซ่ึงเป็นอกี
สว่ นหนึง่ ของการผลกั ดันใหเ้ กิดสังคมแห่งการเรยี นรู้ รว่ มทั้งขอ้ มูลตา่ งๆ
แนวคิด ทฤษฎี เอกสารและผลงานท่เี กี่ยวขอ้ ง
๑. แนวคิดการดำเนินงาน
กิจกรรมช่วงเวลาหลังเรียนเปน็ กิจกรรมท่มี ุ่งนำเด็กและเยาวชนเข้าสบู่ รบิ ทท่ีต้องการ กลา่ วคอื ใช้
เวลาวา่ งหลงั เลกิ เรียนอยา่ งมีคุณภาพและปลอดภัย หลกั ในการจดั กิจกรรมหลงั เลิกเรยี น มีดังน้ี
๑. เป็นประโยชน์ เป็นกจิ กรรมท่ีเด็กและเยาวชนเหน็ ถึงประโยชน์ที่ได้รบั ในการเข้ารว่ มกจิ กรรม
อาจเป็นประโยชน์ดา้ นการเรียน ดา้ นการฝึกทกั ษะอาชีพ ด้านสุขภาพอนามัย ดา้ นเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์ ด้าน
ศิลปวัฒนธรรม ด้านกีฬาและนนั ทนาการ เป็นต้น นอกจากน้ีหากเป็นกจิ กรรมที่ผู้ปกครองและคนในชุมชนเห็น
ประโยชน์ดว้ ยก็ยง่ิ จะทำให้เกิดการยอมรับและการได้รบั การสนับสนนุ กิจกรรมทีน่ ำไปสู่ความย่ังยืน
๒. ไม่เสียค่าใช้จ่าย กลา่ วคือการเข้าร่วมกิจกรรมต้องไม่เสียคา่ ใช้จ่ายใด ๆ หากจำเป็นที่จะต้องมี
คา่ ใช้จ่ายในการเข้ารว่ มกจิ กรรม อาทิ การใชบ้ ริการอนิ เทอรเ์ นต็ ควรเก็บค่าใช้จ่ายในอัตราท่ตี ำ่ กวา่ การใหบ้ ริการ
ท่วั ไป
๓. เปน็ ธรรมชาติ การทเี่ ด็กและเยาวชนได้แสดงออกหรือเรยี นรู้อย่างเป็นธรรมชาติ จะสง่ ผลต่อ
ประสิทธภิ าพในการเรียนรู้
๔. ตอบสนองความต้องการของเด็กและเยาวชน ท่ีต้องการแสดงออกอยา่ งสนุกสนาน ต่นื เต้นและ
และเรา้ ใจ จะทำให้เดก็ และเยาวชนสนใจเข้าร่วมกจิ กรรมโดยสมัครใจ
๕. เข้าถึงได้งา่ ย หมายถึง สถานทที่ จ่ี ดั กจิ กรรมควรอยู่ในแหล่งชมุ ชนหรือบริเวณใกลแ้ หล่ง
ชุมชนทีส่ ามารถเดนิ ทางได้สะดวก ปลอดภัยในชว่ งเวลาหลงั เลกิ เรยี น
๖. ยืดหยุ่นปรบั เปล่ียนได้ เพื่อสนองความตอ้ งการของเดก็ และเยาวชนที่เบื่องา่ ยและสนใจสิ่ง
แปลกใหม่ ผจู้ ัดกจิ กรรมต้องตื่นตัวอยู่เสมอแสวงหากิจกรรมใหม่ ๆ ที่เป็นทส่ี นใจของเดก็ และเยาวชน อันจะส่งผล
ให้สามารถดึงดูดความสนใจเด็กและเยาวชนและนำเด็กและเยาวชนเขา้ สู่บรบิ ททีต่ ้องการได้อย่างต่อเนื่อง
๒. รปู แบบการจดั กจิ กรรมโครงการสง่ เสรมิ มการอ่านและการเรียนรูร้ ถโมบายห้องสมุดเคล่อื นที่
(กศน.ตำบลไคน้ นุ่ )
๑. โครงการส่งเสริมมการอ่านและการเรียนรู้รถโมบายห้องสมดุ เคลื่อนที่ (กศน.ตำบลไค้นุ่น)
ท่ใี ชส้ ถานศึกษาเปน็ ฐานการจัดกจิ กรรม ( School based ) มี ๒ ลกั ษณะ ดังน้ี
๑.๑) ม่งุ จัดกิจกรรมภายในสถานศึกษา โดยสถานศึกษาเป็นหน่วยงานหลักในการจดั กิจกรรม
โดยมีเป้าหมายการดำเนินงานเฉพาะนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ซึ่งดำเนินการโดยสถานศึกษา
เพียงลำพัง ใช้งบประมาณ และทรัพยากรของตนเอง หรืออาจได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการ
สถานศึกษา หรือขอรับการสนับสนุนจากภาคเี ครือข่าย
๑.๒) จดั กจิ กรรมเปดิ สู่เปา้ หมายภายนอกสถานศึกษา โดยสถานศึกษาเป็นหนว่ ยงานหลกั แต่
จดั กจิ กรรมทเ่ี ปดิ กว้างม่งุ หวังพัฒนาและส่งเสริมแกเ่ ยาวชน ท้ังนักเรยี น นกั ศึกษาภายใน และภายนอกสถาบัน
ซึ่งอาจครอบคลุมเด็กและเยาวชนและประชาชนในชุมชน ส่วนใหญ่เป็นการดำเนินงานที่ได้รับการสนับสนุน
ดำเนินงานจากคณะกรรมการสถานศึกษา หน่วยงานภาคีเครือขา่ ยในพ้ืนทีแ่ ละชุมชน
๒. ชุมชนเป็นฐานการจัดกิจกรรม ( Community based ) กล่าวคือ หน่วยงานหรือองค์กรอื่นใดท่ี
ไม่ใช่ที่ไม่ใช่สถานศึกษาเป็นหน่วยงานหลัก ในการจัดกิจกรรม ตัวอย่างเช่น สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอก
ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชนที่มีจิตสาธารณะ ฯลฯ
เหล่านี้ เป็นกลไกหลักในการจัดกิจกรรม โดยมีทั้งที่ใช้งบประมาณและทรัพยากรของตนเอง และได้รับการ
สนับสนนุ จากคณะกรรมการสถานศกึ ษา หรือขอรับการสนบั สนุนจากภาคเี ครือขา่ ยภายนอกบ้าง
๓. สรุปสาระและขั้นตอนการดำเนินการ แนวทางการดำเนินงานของโครงการบ้านหลงั เรียน ( การจัด
กิจกรรมชว่ งเวลาหลงั เลิกเรียน ) อาจแบ่งเป็นขัน้ ตอนตามกระบวนการทำงาน ดังนี้
๓.๑) การตกลงเป็นนโยบายจากผู้บรหิ าร ผู้นำ นโยบายหรอื เจตจำนงอันแนว่ แน่ของกลุ่มคน
ที่ต้องการขับเคลื่อนบ้านหลังเรียนเป็นสิ่งแรกที่จะต้องมีเพื่อเป็นหลักการในการดำเนินงานไปสู่เป้าหมาย
ตัวอย่างเช่น ในสถานศึกษาหรือชุมชนใด ยังไม่สามารถบรรจุกิจกรรมบ้านหลังเรียน ไว้ในฐานะเป็นส่วนหนึ่ง
ของนโยบาย หรือแนวทางการดำเนนิ งานของตนได้ก็อาจเป็นอุปสรรคที่จะส่งผลไปถึงปัญหาอื่นๆ ตามมาด้วย
เช่น ขาดความชอบธรรมในการทำกิจกรรม ขาดแรงสนับสนุนจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในที่สุดก็จะส่งผลให้ไม่
สามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่น ดังนั้นก่อนการดำเนินการต้องมั่นใจว่าบ้านหลังเรียนได้รับความเห็นชอบ
และถูกกำหนดเปน็ นโยบายหรอื เจตจำนงร่วมกนั ของผู้คนในพื้นท่ีนัน้ ๆ เช่น เป็นนโยบายของสถานศึกษา ของ
ชมุ ชน ของ อบต. นน้ั ๆ เปน็ ตน้
๓.๒) วิเคราะห์ปัญหาของพื้นที่และกลุ่มเป้าหมาย เป็นการดำเนินการเพื่อให้ทราบ
สภาวการณ์ของเด็กและเยาวชนในพื้นที่ว่า เด็กและเยาวชนกลุ่มใดในพื้นที่เป็นกลุ่มที่มีภาวะเสี่ยงหรือปัจจัย
เสี่ยงต่อปัญหายาเสพติด และความเสี่ยงดังกล่าวนั้น คืออะไร มีสาเหตุอย่างไร กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นการ
คน้ หาข้อมลู เพื่อนำมาวางแผนการทำงาน เพือ่ สรา้ งบา้ นหลังเรียนให้ถูกคนน่ันเอง การคน้ หาข้อมูลอาจทำด้วย
วิธีเรียบง่าย เช่น ตั้งวงพูดคุยระหว่างคนในพื้นที่ ครอบคลุมทุกๆ ฝ่าย ทั้งตัวเด็ก เยาวชน ผู้ปกครอง ครู
เจา้ หน้าท่ี พ่อค้า แม่ค้า ผปู้ ระกอบการรา้ นค้า ผู้นำชมุ ชน ผู้นำทางศาสนา โดยเนอื้ หาท่คี วรสรปุ ไดใ้ นเบ้อื งต้นที่
เพียงพอต่อการวางแผนทำงานควรมอี ยา่ งน้อย ดงั นี้
๓.๒.๑) เยาวชนในพ้ืนท่มี ีจำนวนเท่าใด
๓.๒.๒) เยาวชนในพื้นที่ต้องเผชิญกับปัญหาใดบ้าง เมื่อทราบจากการวิเคราะห์
ข้อมูลแล้ว จึงนำข้อมูลมาพิจารณากำหนดกลุ่มเยาวชนที่เราเห็นควรเป็นเป้าหมายในการดำเนินการใน
ระยะแรก โดยในเบื้องต้นพิจารณาจากข้อมลู วา่ กลุ่มเป้าหมายใด นา่ จะต้องลงมือชว่ ยเหลือโดยเร่งด่วนทสี่ ดุ ใน
การเลอื กกลุ่มเยาวชนกลมุ่ ใดเปน็ เปา้ หมายหลัก ผูด้ ำเนินการอาจมหี ลกั เกณฑ์ในการเลอื กแตกต่างกันไปตามวิธี
คิด มุมมอง ความรู้ ความเชื่อ ฯลฯ แต่หลักเกณฑ์หน่ึงที่ต้องคำนึงถึงเสมอ โดยเฉพาะในระยะแรกเริ่มของการ
ดำเนนิ การ คือ ความเป็นไปไดท้ จ่ี ะเข้าถึงและชกั ชวนโน้มนำกลุ่มเปา้ หมายดงั กล่าวเข้าสูก่ จิ กรรมบา้ นหลังเรียน
ทั้งนี้ เพราะหากกิจกรรมในระยะเริ่มต้นประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน จะเป็นกำลังใจ และความหวังแก่
คนทำงาน รวมทั้งเปน็ การเผยแพร่ประชาสมั พันธเ์ ชิญชวนให้กลุ่มประชากรอื่นๆ และทุกฝา่ ยในพ้ืนที่ให้เห็นถึง
ความเป็นไปได้ในการทำงาน และดึงดูดให้เกิดความสนใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น อันเป็นรากฐานสำคัญ
ในการดำเนินการตอ่ ไป
๓.๓) การค้นหาความสนใจหรอื ตอ้ งการของกลมุ่ เปา้ หมาย เนือ่ งจากหัวใจสำคญั ของบา้ นหลัง
เรียน คือ การเป็นพื้นที่อันปลอดภัย พร้อมด้วยกิจกรรมที่หลากหลายตามความสนใจของเด็กและเยาวชน
ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่กิจกรรมภายในบ้านหลังเรียนจะต้องเป็นกิจกรรมที่อยู่ในความสนใจ หรือตรงกับ
ความต้องการของเยาวชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะเรื่องความต้องการและความสนใจเพื่อเป็นข้อมูล
ประกอบการจัดกิจกรรม วิธีการที่ดีที่สุดในการทำความเข้าใจต้องการและความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย คือ
การพูดคุยกับเยาวชนกลุ่มเป้าหมายโดยตรงนั่นเอง โดยการพูดคุยอาจเป็นรายบุคคล หรือทำเป็นเวทีสนทนา
กลุ่มโดยเชญิ ชวนเยาวชนเป้าหมายในพืน้ ที่น้ันๆ มาพูดคยุ ร่วมกัน ไตถ่ ามถงึ ความต้องการและความสนใจ ของ
พวกเขาเมื่อทราบ ความต้องการและความสนใจแล้ว ก็นำข้อสรุปดังกล่าวมาตั้งเป็นเป้าหมายในการดำเนิน
กิจกรรม ในบ้านหลังเรียน เช่น กรณีตัวอย่าง โรงเรียนบ้านหนองบัว เลือกเด็กประถม ซึ่งมีบ้านในเขตเมอื ง
ใกล้โรงเรียนมาเปน็ กลุม่ เป้าหมายในระยะแรก โดยเชิญเยาวชนกลุ่มนีม้ าประมาณ ๔๐ คน เพื่อพูดคุยในเวทีท่ี
จดั อย่างเปน็ กันเอง และจัดเลีย้ งขนม ของขบเคี้ยว และนำ้ หวาน ใหเ้ ดก็ สนุกสนานกบั การพูดคุย และพบว่าใน
จำนวนนี้มีกลุ่มหนึ่ง ที่สนใจกีฬาบาสเกตบอล และสนใจเกมออนไลน์ กับอีกพวกหนึ่งสนใจการมีรายได้พิเศษ
เพื่อช่วยเหลือทางบ้าน เมื่อสรุปข้อมูลได้เช่นนี้แล้ว จึงตั้งเป้าหมายในการดำเนินงานได้ว่า ต้องมีกิจกรรม ๓
ประเภท ไดแ้ ก่
๓.๓.๑) กิจกรรมสำหรบั เยาวชนทสี่ นใจกีฬา คอื การเลน่ ฝึก-แขง่ ขันบาสเกตบอล
๓.๓.๒) กิจกรรมสำหรับเยาวชนที่สนใจเกมออนไลน์ โดยประสานกับเจ้าของร้าน
เกมในพ้ืนท่ีทเ่ี ปน็ ผูป้ กครองของนักเรียนในโรงเรียน และเขา้ ใจหัวอกหวั ใจคนที่มีลูกหลาน มาชว่ ยกันจัดต้ังร้าน
เกมสขี าวทีเ่ ดก็ ๆ สามารถไปเลน่ ไดโ้ ดยมีเจา้ ของร้านที่ชว่ ยเปน็ หเู ป็นตาดแู ลควบคมุ
๓.๓.๓) กิจกรรมสำหรับเยาวชนที่สนใจหารายได้พิเศษ โดยป ระสานกับ
ผู้ประกอบการในพื้นที่ เช่น ร้านเย็บเสื้อโหล ร้านซ่อมโทรทัศน์ ให้ลองมาสอน หรือให้โอกาสฝึกงานแก่เด็กๆ
เช่น เยบ็ จกั ร ซอ่ มอปุ กรณอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ฯลฯ โดยอาจพฒั นาเปน็ การรับเดก็ เขา้ ช่วยทำงานในบางช่วงเวลา
๔. การวางแผนและระดมทรัพยากร เป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญมากต่อความยั่งยืนของบ้านหลัง
เรียน เนื่องจากหัวใจสำคัญอีกประการหนึ่งของบ้านหลังเรียนก็คือ เน้นการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชน
รวมทั้งองค์กรชุมชนท้องถิ่นเป็น แรงขับเคลื่อน ดังนั้นเมื่อมีข้อสรุปเกี่ยวกับปัญหา ความสนใจ ความต้องการ
ของเยาวชนกล่มุ เปา้ หมาย และกำหนดกจิ กรรมที่จะดำเนนิ งานชดั เจนพอสมควร ดังตัวอย่างในข้อ ๓ แล้ว ควร
เร่งดำเนินการ ๒ เรื่อง ควบคู่กันไป คือ ประการแรก ได้แก่ การสำรวจว่าในพื้นที่มีทรัพยากรอยู่เพียงพอที่จะ
สนบั สนนุ การทำงานของเราใหบ้ รรลุเปา้ หมายที่ตง้ั ไว้หรือไม่ และประการท่ีสอง คือ การวางแผนการทำงานให้
สอดคลอ้ งกบั ทรัพยากรทม่ี ีเพียงพอในพ้ืนท่ีเพื่อดำเนนิ การ ทง้ั นท้ี รพั ยากรสำคัญๆ ที่ตอ้ งคำนงึ ถงึ อาจแบ่งเป็น
๒ ด้าน คอื
๔.๑) ทรัพยากรบุคคล ได้แก่ ปราชญ์ท้องถิ่น ช่างฝมี ือ เยาวชน แกนนำ ครู นักศึกษาฝึกงาน
อาสาสมคั ร เจา้ หนา้ ท่ีจากหน่วยราชการ หรอื องคก์ รเอกชนที่เกย่ี วข้อง ฯลฯ ผ้ดู ำเนนิ การตอ้ งค้นหาทรัพยากร
บุคคลเหล่าน้ที มี่ อี ยู่ในพืน้ ที่ และลงมือลงแรงชักชวนบุคคลเหล่านั้น มามีส่วนร่วม ตงั้ แตใ่ นระยะ กอ่ ตง้ั บ้านหลัง
เรียน โดยให้บุคคลเหล่านั้นร่วมการรับรู้ปัญหาของเยาวชน ได้รับทราบ ความสนใจและ ความต้องการของ
เยาวชน ร่วมระดมความคิดในการกำหนดกิจกรรมเพื่อเยาวชน ฯลฯ โดยอาจแต่งตั้งทีมงาน ในรูปของ
คณะทำงานเพือ่ การดำเนินงานทีเ่ ปน็ ระบบ หรอื อาจเปน็ คณะผู้กอ่ การที่ไม่เป็นทางการก็ได้
๔.๒) ทรัพยากรด้านสถานที่ วัสดุ อุปกรณ์ งบประมาณ และอื่นๆ ควรอย่างยิ่ง ที่จะต้อง
พิจารณาค้นหาทรัพยากรในพื้นที่ เช่น อาคารสถานที่และวัสดุอุปกรณ์ในสถานศึกษาเอง งบประมาณจาก
สมาคมผู้ปกครองและครู รวมไปถึงทรัพยากรขององค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น ตลอดจนผู้ประกอบธุรกิจและ
องค์การภาคประชาชนในพื้นที่ เป็นต้น ตอ้ งย้ำเน้นวา่ ทรพั ยากรที่นำมาใช้ในกิจการของบ้านหลังเรียนน้ีสมควร
อย่างยิ่งที่จะต้องแบ่งปันมาจากทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่ เรื่องนี้นับเป็นหัวใจสำคัญยิ่ง และเป็นปัจจัยสำคัญที่
จะทำให้บ้านหลังเรียนสามารถดำเนินการได้อยา่ งราบรืน่ ต่อเนื่อง มีความมั่นคงและยั่งยืน ในการวางแผนการ
ทำงาน โดยเน้นความสอดคล้องกับทรัพยากรในพื้นที่นั้น เริ่มจากการกำหนดเป้าหมายของการทำงาน ใน
ระยะแรกควรจำกัดขอบเขตการทำงานไม่ให้เกินกำลังที่บุคลากรและทรัพยากรในพื้นที่จะรองรับได้ กล่าวคือ
ไมค่ วรตั้งเป้าหมายไวส้ ูงมากนัก แตค่ วรคำนึงถึงความเปน็ ไปได้จริงบนฐานทรัพยากรบุคคลและทรัพยากรวัตถุ
ในท้องถิ่นเป็นหลัก หากความต้องการใดที่เกินความสามารถในการตอบสนองด้วยทรัพยากรในท้องถิ่น ก็
สมควรระงับไว้ก่อน ในขณะเดียวกันก็เลือก ความต้องการรองลงมา ท่ีญไม่เกินขีดจำกัดของทรัพยากรใน
ท้องถิ่น เพื่อนำมาดำเนินการเสียก่อน หลังจากนั้น จึงค่อยหาทางที่จะสะสมและระดมทรัพยากรทั้งหลาย
จนถงึ พรอ้ มท่ีจะรองรบั ความต้องการน้นั แล้ว จึงเริ่มดำเนนิ การ ซงึ่ อาจลา่ ช้าแตจ่ ะมั่นคงกวา่ เร่ิมต้นด้วยส่ิงใดที่
เกนิ กำลงั ทั้งน้ีความสำเร็จในระยะแรกน่แี หละจะ เป็นกำลังใจ ให้คนทำงาน และเปน็ แรงดึงดูดให้คนอน่ื ๆ เข้า
มารว่ มสนบั สนุน ขอ้ สงั เกต คอื จากการปฏิบตั ิจริง อาจกล่าวไดว้ า่ ทรพั ยากรบุคคลอาจมีความสำคัญมากกว่า
ทรัพยากรด้านวัสดุอุปกรณ์ เพราะทรัพยากรบุคคลเป็นแหล่งที่มาขององค์ความรู้ ความชำนาญ และแรงงาน
ฯลฯ ที่จะขับเคลื่อนบ้านหลังเรียน และบางกรณีทรัพยากรบุคคลนั่นเองที่กลับกลายเป็นแหล่งที่มีของ
ทรพั ยากรดา้ นสถานท่ี วัสดุอุปกรณ์ไดด้ ว้ ยซ้ำ
๕. การประชาสมั พันธ์เพื่อทำความเขา้ ใจในพื้นที่ การจะสามารถระดมทรัพยากร และความร่วมมือได้
มากเพียงใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับการแสดงให้ทุกฝ่าย ในท้องถิ่นเห็นว่าบ้านหลังเรียนจะเป็นประโยชน์อย่างไรกับ
เยาวชนในพ้ืนท่ี และทกุ ฝา่ ยสามารถ จะมีส่วนร่วมอย่างไรไดบ้ า้ งการประชาสมั พันธน์ ี้ แท้จรงิ ควรตอ้ งเรม่ิ ทำไป
บ้างตั้งแตแ่ รกเริ่มแล้วแตม่ าถงึ ขั้นตอนนี้อาจกลา่ ว ได้ว่า ส่งิ ตา่ งๆ ทีจ่ ะดำเนินการในบ้านหลังเรียนย่อมมีความ
ชดั เจนขึน้ อย่างมาก ดงั น้นั จึงอยู่ในภาวะที่สามารถนำเสนอช้ีแจงให้ทุกฝ่ายในพืน้ ที่เหน็ แนวทางการดำเนินงาน
ได้อย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นในขั้นตอนนี้ การประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจในพื้นที่จึงเป็นจังหวะที่เหมาะสม
โดยจะต้องประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจ ทั้งต่อทรัพยากรบุคคลที่ผู้ดำเนินการได้พิจารณาหมายตาไว้แล้ว
รวมทั้งทุกภาคส่วนในสังคมในพื้นที่ การปะชาสัมพนั ธ์นี้อาจทำได้ตั้งแตก่ ารใช้คำพูดปากต่อปากจากนักเรยี นสู่
ผู้ปกครอง จากผู้ปกครองสู่ผู้ปกครอง จากคุณครูสู่ผู้นำท้องถิ่น หรืออาจกระทำการโดยใช้สื่อทุกช่ องทางใน
พืน้ ท่ี ตงั้ แต่แถลงขา่ ว ติดป้ายประกาศ เสียงตามสาย หอกระจายขา่ ว ใบปลิว ฯลฯ หรอื ใช้เวทีการประชมุ ตา่ งๆ
รวมไปถึงการจัดกิจกรรมขึ้นเพื่อระดมทุน ในการดำเนินการ ก็เป็นวิธีการประชาสัมพันธ์อีกวิธีหนึ่ง ข้อมูลใน
การประชาสัมพันธ์ควรบอกถึงสิ่งที่ต้องการจะทำ เหตุผลที่ต้องทำ และประโยชน์ที่สังคมในท้องถิ่นจะได้จาก
การทำงานน้นั ๆ
๖. การดำเนินกจิ กรรม หลงั จากขน้ั ตอนต้ังแต่ ๑-๕ แล้ว อาจกล่าวได้ว่า ผดู้ ำเนินการมีความพร้อมใน
ด้านต่างๆ แล้ว ได้แก่ ผู้บริหาร ผู้นำนโยบายสนับสนุน ผู้ดำเนินการมีความเข้าใจปัญหา ตลอดจนความสนใจ
ความต้องการของเด็กและเยาวชนในชุมชนหรือพื้นที่อย่างถ่องแท้ มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายและกิจกรรมท่ี
เหมาะสมจะให้มีการสำรวจทรัพยากรท้ังบคุ คล สถานท่ี วสั ดุ อปุ กรณ์ งบประมาณในพื้นที่ทีส่ ามารถสนับสนุน
การทำกิจกรรมดังกล่าวได้ และมีการสร้างความเข้าใจให้กับบุคคลและสังคมในพื้นที่ว่าจะทำกิจกรรมอะไร
อย่างไร เมอ่ื ทุกขอ้ พร้อมแลว้ ก็สามารถลงมอื ทำ โดยควรคำนึงถงึ องค์ประกอบตอ่ ไปนี้
๖.๑) ดา้ นคนทีเ่ ขา้ มาเกี่ยวข้อง ควรดำเนินการโดยคำนงึ ถึงการสร้างสรรคใ์ ห้เกดิ ภาวะต่อไปน้ี
๖.๑.๑) คนที่มาเกี่ยวข้องต้องมีความคิดร่วมกัน หมายถึง ต้องสื่อสารทำให้คนท่ี
มาร่วมกิจกรรมมีความตระหนักรู้เรื่องราวของเด็กและเยาวชนร่วมกัน เข้าใจตรงกันว่า เด็กและเยาวชนเป็น
ลูกหลานของทุกๆ คน และปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนกระทบต่อท้องถิ่นอย่างไร ทุกคนล้วน มีส่วน
เกี่ยวข้องและจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบเหล่านั้นอย่างไร การมีความคิดร่วมกันถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ยึดเหนี่ยว
ทิศทางการขบั เคล่ือนบ้านหลงั เรยี นรว่ มกัน
๖.๑.๒) คนที่มาเกี่ยวข้องต้องมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ร่วมกัน เป้าหมาย
หมายถึง ผู้ที่จะร่วมดำเนินการควรตกลงกันให้ชัดเจนในเบื้องต้นว่า จะทำบ้านหลังเรียนไปเพื่อใครและด้วย
กิจกรรมอะไรบ้าง เช่น เพื่อสร้างพื้นที่ดีให้ท้องถิ่น ป้องกันเด็กและเยาวชนจากปัจจัยยั่วยุในท้องถิ่น และหาก
เปน็ ไปได้ควรผลักดันใหก้ ารทำงานเชน่ น้ไี ดร้ บั การพิจารณาเป็นนโยบายทางดา้ นสงั คมของพ้นื ที่
๖.๑.๓) คนที่มาเกี่ยวข้องต้องมีบทบาทในการทำงานร่วมกัน หมายถึง กิจกรรมใน
บ้านหลงั เรียน จำเป็นต้องแบ่งหนา้ ทีแ่ ละกระจายภาระงานให้ชัดเจนว่า โดยครอบคลุมให้ทุกคนได้มีบทบาทใน
การทำงานอย่างทว่ั ถงึ
๖.๑.๔) คนที่มาเกี่ยวข้องก็ต้องได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน หมายถึง บ้านหลังเรียน
ต้องกระจายผลประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม โดยดำเนินกิจกรรมให้ชัดเจนว่า ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากบ้าน
หลังเรียน คืออะไร เช่น พื้นที่สาธารณะที่ทุกคนมีสิทธิ์เข้าไปใช้บริการ เป็นพื้นที่สื่อสารแลกเปล่ียนข้อมูลของ
กลุ่มคนที่สนใจพัฒนาเรื่องเด็กและเยาวชน มีการชื่นชมยินดี มอบเกียรติบัตรสำหรับผู้ประกอบการ กลุ่ม
องค์กรที่เข้ามาร่วมกิจกรรม หรือมอบเกียรติบัตรแก่เยาวชนและผู้ปกครอง โดยสรุปแล้ว ภาวะที่ต้องสร้างให้
เกิดขึ้นกับองค์ประกอบด้านคนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็คือ การสร้างการมีส่วนร่วมที่แท้จริงในการขับเคลื่อนบ้าน
หลงั เรียน น่ันเอง
๖.๒) ดา้ นบรหิ ารจัดการ การบรหิ ารจดั การถอื เปน็ เรื่องชข้ี าดความเข้มแขง็ ของบ้านหลังเรียน
โดยมุ่งเนน้ ใหม้ ี การบริหารจดั การทม่ี หี ลกั การ เปน็ ระบบ โปร่งใส โดยคำนึงถงึ เร่อื งตอ่ ไปน้ี
๖.๒.๑) การแบ่งบทบาทหน้าที่ ต้องถอื ทกุ คนทีม่ าร่วมขบั เคล่ือนบ้านหลังเรียนเป็นผู้
มีความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของบ้านหลังเรียน ดังนั้นสมาชิกทุกคนต้องมีการแบ่งบทบาทหน้าที่กันชัดเจน
และให้ความสำคัญแต่ละหน้าท่ีอย่างทัว่ ถึงกัน โดยอาจมีหลายประเภท เช่น สมาชิกที่ให้การสนับสนุนเองการ
ใช้พื้นที่ อุปกรณ์ งบประมาณ สมาชิกให้การสนับสนุนด้านวิชาการ อาทิ ข้อมูลและแนวความคิดใหม่ๆ
ตลอดไปจนถงึ สมาชิกทัว่ ไปทเ่ี ปน็ ผมู้ ารับบริการ ซง่ึ มบี ทบาทจะเป็นบุคคลที่สะท้อนผลการดำเนินงาน วิพากษ์
วิจารณ์ การดำเนินงานของบ้านหลังเรียน ให้ข้อเสนอแนะตามดุลยพินิจของตนเองเพื่อสร้างสรรค์บ้านหลัง
เรยี น
๖.๒.๒) กฎ กติกา ร่วมกนั ของกลมุ่ ผู้ปฏบิ ัติ คือ ระเบียบข้อบงั คบั ตา่ งๆ ท่ีทีมทำงาน
ทกุ คนตกลงเป็นแนวปฏิบัติ ตลอดจนแผน การกำหนดการทำงานต่างๆ เชน่ วันประชุม วันจดั กิจกรรมวันสรุป
บทเรียน ฯลฯ รวมไปถึงกฎ กติกา ของกลุ่มผู้ใช้บริการ มีกติกาการใช้อุปกรณ์ การเก็บอุปกรณ์ การใช้ห้องน้ำ
และการยมื สื่อต่างๆ
๖.๒.๓) การสื่อสาร คือ กระบวนการให้ข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ ผ่านส่ือ
หลายๆ ประเภท ทั้งกับสาธารณชน ในท้องถิ่น และภายในทีมงาน ขับเคลื่อนบ้านหลังเรียนเอง ซึ่งรวมถึงการ
ประชมุ การสรุปงาน บทเรียน และการจัดกจิ กรรมเพือ่ การเรยี นรจู้ ากกนั และกัน
๖.๒.๔) การประเมินผล บ้านหลังเรียนจำเป็นต้องมีการรวบรวมข้อมูลการทำงาน
จัดทำรายงานโครงการบ้านหลังเรยี น เพือ่ ประโยชน์ในการถ่ายทอดองค์ความรแู้ ละประสบการณ์ในการทำงาน
แก่ผู้ที่สนใจ และอาจเป็นประโยชน์ในการแสวงหาการสนับสนุนด้านเงินงบประมาณ อุปกรณ์ สถานที่ ฯลฯ
จากแหลง่ งบประมาณท้ังในท้องถิน่ และอนื่ ๆ ๗.๓ ด้านกลมุ่ เปา้ หมาย ซ่งึ หมายถึง เยาวชน และอาจรวมถึงกลุ่ม
พอ่ แม่ผู้ปกครองจะตอ้ งคำนึงถึงเร่ืองต่อไปน้ี
๖.๓.๑) กิจกรรม กิจกรรมในบ้านหลังเรียนต้องเป็นกิจกรรมที่ตอบสนอง ความ
ต้องการของเด็กและเยาวชน รวมทั้งพ่อแม่ผู้ปกครอง ๗.๓.๒ สถานที่ สถานที่ที่ตั้งของบ้านหลังเรียนจะต้องมี
ความปลอดภัย และสะดวกสำหรับเด็ก และเยาวชน รวมทั้งผู้ปกครองที่จะเดินทางเข้าร่วมกิจกรรม หรือรับ
บรกิ าร ๖.๓.๓) ช่วงเวลาการจัดกจิ กรรม ช่วงเวลาหลังเลกิ เรียนประมาณ ๑๖.๐๐ - ๑๘.๐๐
น.
๖.๓.๔) การมีส่วนร่วม ด้านคนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ควรดำเนินการโดยคำนึงถึง การ
สร้างสรรคใ์ ห้เกดิ ภาวะตอ่ ไปน้ี
๖.๓.๔.๑) คนที่มาเกีย่ วข้องต้องมีความคิดร่วมกัน หมายถึง ต้องส่ือสารทำ
ให้คนทมี่ ารว่ มกจิ กรรมมคี วามตระหนักรู้เร่ืองราวของเด็กและเยาวชนรว่ มกนั เข้าใจตรงกนั วา่ เดก็ และเยาวชน
เปน็ ลูกหลานของทุกๆ คน และปญั หาที่เกดิ ข้ึนกบั เด็กและเยาวชนกระทบต่อท้องถิน่ อย่างไร ทุกคนล้วนมีส่วน
เกี่ยวข้องและจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบเหล่านั้นอย่างไร การมีความคิดร่วมกันถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ยึดเ หนี่ยว
ทิศทางการขบั เคล่อื นบ้านหลังเรียนรว่ มกนั
๖.๓.๔.๒) คนที่มาเกี่ยวข้องต้องมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ร่วมกัน
เป้าหมาย หมายถึง ผู้ที่จะร่วมดำเนินการควรตกลงกันให้ชัดเจนในเบื้องต้นว่า จะทำบ้านหลังเรียนไปเพื่อใคร
และด้วยกิจกรรมอะไรบ้าง เช่น เพื่อสร้างพื้นที่ดีให้ท้องถิ่น ป้องกันเด็กและเยาวชนจากปัจจัยยั่วยุในท้องถ่ิ น
และหากเป็นไปได้ควรผลกั ดันใหก้ ารทำงานเช่นนี้ได้รับการพจิ ารณาเป็นนโยบายทางดา้ นสังคมของพื้นท่ี
๖.๓.๔.๓) คนที่มาเกี่ยวข้องต้องมีบทบาทในการทำงานร่วมกัน หมายถึง
กิจกรรมในบ้านหลังเรยี น จำเป็นต้องแบ่งหนา้ ท่ีและกระจายภาระงานให้ชดั เจนว่าโดยครอบคลุมใหท้ กุ คน ได้มี
บทบาทในการทำงานอย่างทัว่ ถึง
๖.๓.๔.๔) คนทมี่ าเกี่ยวข้องก็ต้องไดร้ บั ผลประโยชน์รว่ มกนั หมายถึง บ้าน
หลังเรียนต้องกระจายผลประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม โดยดำเนินกิจกรรมให้ชัดเจนว่า ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น
จากบ้านหลังเรียน คืออะไร เช่น พื้นที่สาธารณะที่ทุกคนมีสิทธิ์เข้าไปใช้บริการ เป็นพื้นที่สื่อสารแลกเปลี่ยน
ข้อมูลของกลุ่มคนที่สนใจพัฒนาเรือ่ งเด็กและเยาวชน มีการชื่นชมยินดี มอบเกียรติบัตรสำหรบั ผู้ประกอบการ
กลุ่มองคก์ รที่เข้ามารว่ มกิจกรรม หรอื มอบเกยี รตบิ ัตรแก่เยาวชนและผูป้ กครอง โดยสรุปแลว้ ภาวะที่ต้องสร้าง
ให้เกิดขึ้นกับองค์ประกอบด้านคนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็คือ การสร้าง การมีส่วนร่วมที่แท้จริงในการขับเคลื่อน
โครงการส่งเสริมมการอ่านและการเรยี นร้รู ถโมบายห้องสมุดเคล่ือนที่ (กศน.ตำบลไค้น่นุ )
บทท่ี ๓
วธิ ีดำเนินงาน
๑. วตั ถุประสงคข์ องการประเมนิ โครงการฯ
เพื่อส่งเสริมนสิ ยั รักการอ่านและการเรียนรู้ให้กบั นกั ศึกษาและประชาชน สามารถเขา้ ถงึ แหล่งเรยี นรู้
รถโมบายเคลอ่ื นที่
๒. วธิ กี ารดำเนินการ
กจิ กรรมหลัก วตั ถุประสงค์ กลุม่ เป้าหมาย พน้ื ที่ ระยะ งบ
เป้าหมาย ดำเนนิ การ เวลา ประมาณ
๑. เสนอโครงการเพ่ือขอ เพือ่ สง่ เสริมนิสัยรักการ เด็ก นกั เรยี น ๕๐ คน กศน.ตำบล ๑๖ ก.พ. ๖๔ ๑,๒๔๐
อนุมตั จิ ากผูบ้ รหิ าร อา่ นและการเรยี นรใู้ ห้กบั นกั ศกึ ษาและ ไคน้ ุน่
๒. ประสานงานกับครู นกั ศึกษาและประชาชน ประชาชนทั่วไป ต
กศน.ตำบล และหนว่ ย สามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้
ราชการในพ้ืนที่อำเภอนา รถโมบายเคลอื่ นท่ี ำ
มน บ
๓. คณะทำงานจัดเตรยี ม ล
สือ่ อุปกรณ์ในการจัด ส
กจิ กรรม ง
๔. ดำเนนิ งานตาม เ
โครงการฯ ป
๕. ประเมนิ ผลและสรุปผล ล
เสนอผบู้ รหิ าร และ
ผู้เกย่ี วขอ้ งทราบตอ่ ไป
๓. แผนการการจดั โครงการ ไตรมาส1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4
(ต.ค-ธ.ค (ม.ค. –มี.ค. (เม.ย.-มิ.ย. (ก.ค. –ก.ย.
กจิ กรรมหลัก ๒๕๖๓) ๒๕๖๔) ๒๕๖๔)
๒๕๖๔)
- ประชมุ ชี้แจงการจัดโครงการ
- จัดทำโครงการ เพื่อขออนุมัติจากผู้บรหิ าร
- ดำเนนิ งานตามโครงการที่ไดร้ ับอนุมตั ิ
- ประเมินผล/สรุปผลโครงการ ให้ผู้เก่ียวข้อง
๔. เปา้ หมายในการเข้ารว่ มกิจกรรม ฯ
๓.๑ เชงิ ปริมาณ
- เดก็ และนกั ศึกษา/นักเรยี น ๕๐ คน
๓.๒ เชิงคณุ ภาพ
- ผู้รบั บริการสามารถนำความรู้ทีไ่ ด้รบั ไปประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจำวันได้
๕. ระยะเวลาดำเนนิ การ
๑๖ กภุ าพนั ธุ์ ๒๕๖๔
๖. การติดตามและประเมินผลโครงการ
- แบบสังเกตกลมุ่ ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการ ฯ
๗. กลุ่มตัวอยา่ งที่สังเกตพฤตกิ รรม
จำนวน ๙๐ คน
-นกั เรียนโรงเรยี นไค้นุน่ จำนวน ๖๗ คน
-นักศกึ ษา กศน. จำนวน ๒๓ คน
๘. เครอ่ื งมอื ที่ใช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล
แบบสังเกตพฤติกรรมโดยการสมุ่ แบบแบง่ กลมุ่ (Cluster (Area) Random Sampling)
จำแนกเปน็ ๖ ตอน
ตอนท่ี ๑ ความรว่ มมือ
ตอนที่ ๒ การแสดงความคิดเหน็
ตอนท่ี ๓ การรบั ฟงั ความคิดเห็น
ตอนท่ี ๔ ความต้งั ใจในการทำงาน
ตอนท่ี ๕ การมสี ว่ นรว่ มในการอภปิ ราย
สำหรับคำถามแตล่ ะตอนได้ใช้มาตราประมาณคา่ (Rating Scales) โดยประเมนิ เป็น ๔ ระดับคือ
มากท่สี ุด เท่ากับ ๔ คะแนน
มาก เทา่ กับ ๓ คะแนน
ปานกลาง เท่ากับ ๒ คะแนน
น้อย เท่ากบั ๑ คะแนน
ตอนท่ี ๖ เป็นขอ้ เสนอแนะของผู้สงั เกตพฤติกรรมผ้เู ข้าร่วมโครงการฯ เป็นคำถามแบบ
ปลายเปิด เพ่ือให้ผ้จู ัดทำโครงการได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเตมิ อนั อาจจะเปน็ ประโยชนต์ อ่ ผู้สรปุ รายงานฉบบั
นี้ไดช้ ดั เจนและสมบูรณ์ยิ่งข้ึน
๙. วเิ คราะห์ขอ้ มลู
การวเิ คราะห์ขอ้ มูล วิเคราะห์จากแบบสงั เกตพฤติกรรมผู้เข้าร่วมโครงการฯ โดยการสุ่มแบบ
แบ่งกล่มุ (Cluster (Area) Random Sampling) ตอนท่ี ๑ – ๕ ใช้การคำนวณหาคา่ ร้อยละ คา่ เฉลีย่ และ
ค่าเบยี่ งแบนมาตาฐาน ตอนที่ ๖ เปน็ ข้อมูลเสนอแนะจากผ้สู ังเกตพฤติกรรมของผเู้ ข้าร่วมโครงการฯ ใชก้ าร
เขยี นเชิงพรรณนาเพ่ือใหร้ ายงานฉบับนมี้ ีความชดั เจนมากยิ่งข้ึน ผรู้ ายงานจึงไดว้ เิ คราะห์จากเอกสารท่ี
เก่ียวข้องกบั โครงการ รวมทัง้ วิเคราะห์จากประสบการณท์ เ่ี กิดข้ึนจากการคำนวณ
บทท่ี ๔
ผลการดำเนนิ งาน
การประเมินโครงการกิจกรรมสง่ เสริมการอ่านบา้ นหลังเรียน (อา่ นก่อนปรงุ รูก้ ่อนกิน) ครงั้ น้ีเป็นการ
ประเมนิ ผลสรุปเม่อื สิน้ สดุ โครงการโดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ เพือ่ สง่ เสรมิ นิสยั รกั การอา่ นและการเรยี นรูใ้ หก้ ับ
นกั ศึกษาและประชาชน สามารถเข้าถึงแหลง่ เรียนรู้รถโมบายเคลือ่ นท่ี
วธิ ีการเกบ็ รวมขอ้ มูล/ แหล่งข้อมูล
แบบสังเกตพฤติกรรมแบบโดยวธิ ีการที่ใชใ้ นการสังเกตการศึกษาแบบธรรมชาติ เครอื่ งมือที่ใช้ในการ
สังเกต แบบตรวจสอบรายการแลว้ จึงนำมาวางแผนจัดการเรียนรู้ให้เป็นลำดับขัน้ เหมาะสมกับพัฒนาการเด็ก
จำแนกเป็น 6 ตอน พร้อมวิเคราะห์จากแบบสังเกตพฤตกิ รรมผู้เข้าร่วมโครงการฯ โดยการสุม่ แบบแบ่งกลุม่
(Cluster (Area) Random Sampling) ตอนที่ 1-5 ใช้การคำนวณหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงแบน
มาตาฐาน ตอนที่ 6 เป็นข้อมูลเสนอแนะจากผู้สังเกตพฤติกรรมของผู้เข้าร่วมโครงการฯ ใช้การเขียนเชิง
พรรณนา
ตอนท่ี 1 ขอ้ มลู ทัว่ ไป จำนวนผู้สังเกตพฤตกิ รรม ๙๐ คน จำนวน ร้อยละ หมายเหตุ
ขอ้ มูลท่ัวไป
36 40.00
๑. เพศ 54 60.00
ชาย
หญงิ --
67 76.44
๒. ระดับการศึกษา 18 20.00
อนบุ าล 5 5.56
ประถมศกึ ษา
มัธยมศึกษาตอนต้น
อ่ืน ๆ
สรุปผลจากตารางตอนท่ี 1 ขอ้ มลู ทว่ั ไป
ผจู้ ดั กิจกรรมพบวา่ ผู้เข้าร่วม เพศ หญงิ จำนวน 54 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 60.00 เพศชาย จำนวน 36
คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 40.00 ระดับการศกึ ษา ชน้ั ประถมจำนวน 67 คน คิดเปน็ ร้อยละ 76.44
ช้นั มัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 18 คน คิดเปน็ ร้อยละ 20.00 อืน่ ๆ (ม.ปลาย)
ตอนที่ 2 สังเกตพฤติกรรมผ้เู ขา้ รว่ มโครงการ
ระดับความพึงพอใจ
ประเด็น มากทสี่ ุด มาก ปานกลาง นอ้ ย
จำนวน ร้อยละ จำนวน รอ้ ยละ จำนวน รอ้ ยละ จำนวน รอ้ ยละ
พฤติกรรมผู้เข้าร่วมโครงการ
1. ความร่วมมอื 75 83.33 15 16.67
2. การแสดงความคดิ เหน็ 62 68.89 9 10.00 19 21.11
3. การรบั ฟงั ความคิดเหน็ 84 93.33 6 6.67
4. ความตั้งใจในการทำกจิ กรรม 85 94.44 5 5.56
5. การมีสว่ นร่วมในการอภิปราย 75 83.33 15 16.67
สรุปจากตารางสังเกตพฤติกรรมผ้เู ขา้ ร่วมกจิ กรรมกจิ กรรม
ตอนที่ 2 ผู้จัดกิจกรรมสังเกตพฤติกรรมผู้เขา้ โครงการฯ แบง่ ออกเปน็ 5 หัวข้อในการสงั เกต พบว่ากลุ่มท่ีมี
พฤติกรรมในการเข้ารว่ มกจิ กรรม มากสุดไปนอ้ ยทสี่ ุดของกลุม่
พฤติกรรมผ้เู ขา้ ร่วมโครงการ
1. ความรว่ มมือ มากที่สุดจำนวน 75 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 83.33
มาก จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 16.67
2. การแสดงความคดิ เหน็ มากทีส่ ุดจำนวน 62 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 68.89
มาก จำนวน 9 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 10.00
ปานกลางจำนวน 19 คน คดิ เป็นร้อยละ 21.11
3. การรบั ฟงั ความคดิ เหน็ มากที่สดุ จำนวน 84 คน คิดเปน็ ร้อยละ 93.33
มาก จำนวน 3 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 3.53
4. ความตง้ั ใจในการทำกจิ กรรม มากทีส่ ุดจำนวน 85 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 94.44
มาก จำนวน 5 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 5.56
5. การมีส่วนร่วมในการอภิปราย มากที่สุด จำนวน 75 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 83.33
มาก จำนวน 15 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 16.67
บทท่ี ๕
สรุปผลและข้อเสนอแนะ
สรุปผลการสังเกตพฤติกรรม ตอนท่ี 1 ข้อมูลทว่ั ไป
ผู้จดั กจิ กรรมพบวา่ ผเู้ ข้าร่วม เพศ หญงิ จำนวน 54 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 60.00 เพศชาย จำนวน 36
คน คิดเป็นรอ้ ยละ 40.00 ระดบั การศึกษา ชั้นประถมจำนวน 67 คน คิดเป็นร้อยละ 76.44
ช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนต้น จำนวน 18 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 20.00 อน่ื ๆ (ม.ปลาย)
ตอนที่ 2 สงั เกตพฤตกิ รรมผเู้ ขา้ ร่วมโครงการ
2.1 พฤติกรรมความร่วมมือ มากที่สุดจำนวน 75 คน คิดเป็นร้อยละ 83.33 มาก จำนวน 15 คน
คดิ เป็นรอ้ ยละ 16.67ผู้เขา้ รว่ มกจิ กรรมสว่ นมากในความร่วมมือในการดำเนินงานและการรบั ฟงั บรรยายพร้อม
ทัง้ ร่วมสนกุ ในกจิ กรรมต่างท่จี ัดทำ
2.2 พฤตกิ รรมแสดงความคิดเห็น พบว่าผเู้ ข้าร่วมกิจกรรมมากท่ีสุดจำนวน 62 คน คดิ เป็นร้อยละ 68.89
มาก จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 10.00 ปานกลางจำนวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 21.11 พบได้ว่า
พฤติกรรมด้านการแสดงความเห็นคดิ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเกิดความเขินอายและไม่กล้าแสดงความคดิ เห็นเพราะ
กลา้ วา่ จะตอบผดิ
2.3 พฤติกรรมการรับฟังความคิดเห็น พบว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมการรับฟังความคิดเห็น มากที่สุดจำนวน 84
คน คิดเป็นร้อยละ 93.33 มาก จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 3.53 พฤติกรรมด้านการรับฟังความ
คดิ เหน็ เด็กทเี่ ข้าร่วมกจิ กรรมมีหลากหลายชว่ งอายทุ ำให้เด็กระดับอนบุ าลรบั ฟงั ข้อมูลไดไ้ ม่มาก
2.4 พฤติกรรมความตั้งใจในการทำกิจกรรม มากที่สุดจำนวน 85 คน คิดเป็นร้อยละ 94.44 มาก จำนวน
5 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 5.56 พบไดว้ ่าดา้ นความต้ังใจในการทำกจิ กรรม เดก็ ท่ีเข้าร่วมกจิ กรรมเกิดความสนใจ
ในเกดิ ที่จดั และทำใหเ้ ด็กไดล้ งมือพฤติกรรมและต้ังใจ จัดทำใบงานทใ่ี หอ้ ยา่ งต้ังใจ
2.5 พฤตกิ รรมการมีสาวนรว่ มในการอภิปราย การมีสว่ นร่วมในการอภปิ ราย มากที่สุด จำนวน 75 คน คดิ
เป็นร้อยละ 83.33 มาก จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 16.67 พบว่าเด็กที่เข้าร่วมกิจกรรมไม่กล้า
แสดงความคิดเหน็ หรืออภิปรายต่าง เพราะเด็กท่ีเข้าไม่คุ้นชนิ กับวทิ ยากรจงึ ไมก่ ลา้ แสดงออก
ข้อเสนอแนะ
ควรจดั กิจกรรมทมี่ ีความหมายหลายและเพิม่ เตมิ อปุ กรณห์ รือสื่อในการจดั กิจกรรมคร้ังตอ่ ไป
ภาคผนวก
ภาพการจัดกจิ กรรม
ภาพการจัดกจิ กรรม
ภาพการจัดกจิ กรรม
ภาพการจัดกจิ กรรม