ประเพณีภาคตะวัน
ออกเฉียงเหนือ
ประเพณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จัดทำโดย
นาย อนุชิต สว่างศรี เลขที่15
นางสาว กมลรัตน์ ฉ่ำทรัพย์ เลขที่32
ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5/4
เสนอ
นางนรินทร์ มิตรสินพันธ์
โรงเรียน ทุ่งทรายวิทยา
สำนักงานเขตพื้ นที่การศึ กษามัธยมศึ กษา
เขต 41
คำนำ
รายงานเล่มนี้ จัดทำขึ้นเพื่อ ศึกษา สืบค้น รวบรวมประเพณี
บางส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อ ใช้ในการเรียนการสอน
และเป็นแนวทางในการดำรงชีวิต เพื่อให้ได้ศึกษาต่อ และรวบรวม
เพื่อต่อยอดให้เด็ก ในรุ่นถัดไปได้ศึกษาต่อ เกี่ยวกับประเพณีภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ
คณะจัดทำ
นาย อนุชิต สว่างศรี
นางสาว กมลรัตน์ ฉ่ำทรัพย์
สารบัญ
เรื่อง หน้า
คำนำ
สารบัญ
ที่มาของเรื่อง
ประเพณีผีตาโขน
ประเพณีแห่นางแมว
ประเพณีบุญเบิกฟ้า
ประเพณีบุญเบิกบ้าน
ประเพณีบุญผะเหวด
ประเพณีบุญกฐิน
ประเพณีทอดกฐิน
ประเพณีตีช้างน้ํานอง
ประเพณีบุญบั้งไฟ
ประเพณีแซนโฎนตา
ประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง
สารบัญ
เรื่อง หน้า
ประเพณีแห่เทียนเข้า
พรรษา
ประเพณีไหลเรือไฟ
ประเพณีบ้านแตก
ประเพณีบุญข้าวจี่
ประเพณีบุญข้าวสาก
ประเพณีบุญข้าวประดับดิน
ประเพณีบุญซำฮะ
ประเพณีฮดสรง
ประเพณีบุญคูณลาน
ภาคผนวช
ประเพณีภาคตะ
วันออกเฉียงเหนือ
ประเพณีล้วนได้รับอิทธิพลมาจากสิ่งแวดล้อม
ภายนอกที่เข้าสู่สังคมรับเอาแบบปฏิบัติที่หลากหลายเข้า
มาผสมผสานในการดำเนินชีวิตประเพณีจึงเรียกได้ว่า
เป็น วิถีแห่งการดำเนินชีวิตของสังคม โดยเฉพาะศาสนา
ซึ่งมีอิทธิพลต่อประเพณีไทยมากที่สุด วัดวาอารามต่างๆ
ในประเทศไทยสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของพุทธศาสนา
ที่มีต่อสังคมไทย และชี้ให้เห็นว่าชาวไทยให้ความสำคัญ
ในการบำรุงพุทธศาสนาด้วยศิลปกรรมที่งดงามเพื่อใช้ใน
พิธีกรรมทางศาสนาตั้งแต่โบราณกาล โดยคำ
ว่า"ประเพณี"นั้นมีความหมายว่า ความประพฤติที่คน
ส่วนใหญ่ ยึดถือเป็นแบบแผน และได้ทำการปฏิบัติสืบต่อ
กันมา จนเป็นต้นแบบที่จะให้คนรุ่นต่อๆไปได้ประพฤติ
ปฏิบัติตามกันต่อไป
ประเพณีเล่นผีตาโขน
ประเพณีเล่นผีตาโขนเป็นประเพณีที่ชาวด่านซ้ายจังหวัดเลย
ถือปฏิบัติสืบต่อกันอย่างยาวนาน ผู้ที่สวมบทบาทเป็นผีตาโขน
นั้นจะต้องสวมหน้ากากที่น่าเกลียดน่ากลัว ทำจากหวดนึ่งข้าว
เหนียว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใส ออกเดินร่วมขบวนไปกับ
ขบวนแห่งานบุญหลวง ซึ่งจะจัดร่วมไปกับงานบุญหลวง ที่วัด
โพนชัย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ปัจจุบัน ประเพณีเล่นผีตา
โขน นอกจากจะเป็นประเพณีที่ชาวด่านซ้ายช่วยกันอนุรักษ์ไว้
เพื่ออนุชนรุ่นหลังได้เรียนรู้ และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของ
ชุมชนแล้ว ประเพณีนี้ยังช่วยกระตุ้นในเรื่องของการท่องเที่ยว
นำเม็ดเงิน ชื่อเสียงมาสู่จังหวัดเลยเป็นประจำทุกปี
ประเพณีแห่นางแมว
เนื่องจากสังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม การทำเลือกสวนนาไร่
จำเป็นต้องอาศัยน้ำจำนวนมาก ดังนั้นหากวันหนึ่งฝนที่เคยตกต้อง
ตามฤดูกาลไม่ตกเช่นเคยย่อมสร้างความเดือนร้อนให้กับชาวนา
ชาวไร่ทั่วไป เพราะฉะนั้นเพื่อให้ฝนตกลงมาจะได้มีน้ำเพียงพอใน
การทำการเกษตรกรรมจึงต้องทำพิธี “แห่นางแมว” ขึ้น สำหรับ
ความเชื่อเกี่ยวกับประเพณีแห่นางแมวนั้น คนไทยมีความเชื่อว่าฝน
ตกลงมาเพราะเทวดา เมื่อฝนไม่ตกจึงต้องทำพิธีขอฝนกับเทวดา
แต่บางความเชื่อกล่าวว่าเมื่อแผ่นดินแห้งแล้ง สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ มี
ควันและละอองเขม่าควันจะต้องขอน้ำจากเทวดามาช่วยล้างเพราะ
น้ำฝนเป็นน้ำของเทวดา เนื่องจาก เทโว แปลว่า ฝน นั่นเอง ส่วน
ความเชื่อเกี่ยวกับแมวนั้น คนไทยเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ที่มีอำนาจ
ลึกลับ ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อนำมาทำพิธีแล้วจะช่วยเรียกฝนให้ตกลงมาได้
หรือถ้าเป็นความเชื่อของชาวอีสานจะมีความเชื่อว่าเมื่อฝนไม่ตกให้
ใช้สัตว์ที่มีสีเดียวกับเมฆเรียกฝน จะทำให้ฝนตกลงมาได้เช่นกันและ
สัตว์ประเภทเดียวที่มีสีเมฆคือแมวสีสวาท
ประเพณีบุญเบิกฟ้า
งานบุญเบิกฟ้ากาชาด ได้จัดขึ้นบริเวณ
ศาลากลางจังหวัด ช่วงเวลา วันขึ้น ๓ ค่ำ
เดือน ๓ ของทุก ๆ ปี (อยู่ระหว่างปลาย
เดือนมกราคม-ต้นเดือนกุมภาพันธ์) เป็น
งานเฉลิมฉลองในช่วงต้นฤดูการทำนาเพื่อ
ฟื้ นฟูและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม ของ
อีสาน ในงานจัดให้มีขบวนแห่บุญเบิกฟ้า
ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระแม่โพสพ เรื่อง
ของพานบายศรีสู่ขวัญ ตลอดจน
วัฒนธรรม การละเล่น ดนตรีพื้นบ้าน และ
พิธีกรรมต่าง ๆ
ประเพณีบุญเบิกบ้าน
เดือนเจ็ด บุญซำฮะ นิยมทำกันในเดือนเจ็ด จัดทำได้ทั้งข้าง
ขึ้นข้างแรม บุญซำฮะ คือ บุญซำระล้างสิ่งที่เป็นเสนียด
จัญไร อันจะทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่บ้านเมือง ทำให้
บ้านเมือง ไม่อยู่เย็นเป็นสุข เกิดโจรปล้นบ้าน ปล้นเมือง ฆ่า
ฟันรันแทง ผู้คนวัวควายล้มตายเพราะผีเข้า บ้านเมืองมีเหตุ
เภทภัยต่าง ๆ จึงทำบุญชำระล้างสิ่งที่ทำให้เกิดเหตุเภทภัย
ที่เป็นอัปมงคลให้หมดไป บางแห่งทำเมื่อฝนแล้งหรือไม่ตก
ต้องตามฤดูกาลเมื่อทำบุญนี้แล้ว เชื่อว่าจะทำให้ฝนตกและ
บ้านเมืองก็จะอยู่เย็นเป็นสุข เพราะจะได้ทำนาและปลูกพืช
พันธ์ธัญญาหารต่าง ๆ เมืองใดที่มีมเหศักดิ์หลักเมือง ก็ทำ
พิธีเซ่นสรวงหลักเมือง หมู่บ้านใดที่มีผีประจำหมู่บ้านซึ่ง
เรียกว่า "ผีปู่ตา" หรือ "ตาปู่" หรือเจ้าบ้าน" ก็ทำพิธีเลี้ยงใน
เดือนเจ็ดนี้และนำข้าวปลาอาหารพร้อมสิ่งอื่น ๆ ไปเลี้ยงผี
ประจำไร่นา ซึ่งเรียกว่า "ผีตาแฮก" ด้วย
ประเพณีบุญเผวด
ประเพณีบุญเผวดถือเป็นประเพณีที่สำคัญของชาวอีสาน ชาว
อีสานจะจัดทำบุญเผวด ปีละ ๑ ครั้ง ระหว่างเดือน ๓ เดือน ๔
ไปจนถึงกลางเดือน ๕ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคมทุก
ปี บุญเผวด หรืองานบุญมหาชาติ คืองานมหากุศล ให้รำลึก
ถึงการบำเพ็ญบุญ คือ ความดีที่ยิ่งยวด อันมีการสละความ
เห็นแก่ตัวเพื่อผลคือ ประโยชน์สุขอันไพศาลของมวลชน
มนุษย์ชาติ เป็นสำคัญ ดังนั้น บรรพชนชาวไทยอีสานแต่
โบราณ จึงถือเป็นเทศกาลที่ประชาชนทั้งหลายพึงสนใจร่วม
กระทำบำเพ็ญ และได้อนุรักษ์สืบทอดเป็นวัฒนธรรมสืบมา
จนถึงอนุชนรุ่นหลังที่ควรเห็นคุณค่าและอนุรักษ์เป็น
วัฒนธรรมสืบไป
ประเพณีบุญกฐิน
บุญกฐิน เป็นบุญถวายผ้าไตรจีวรแด่พระสงฆ์ ซึ่งจำพรรษา
แล้ว เริ่มตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึง วันเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 12
เป็นเขตทอดกฐินตามหลักพระวินัย
มูลเหตุมีการทำบุญกฐินซึ่งมีเรื่องเล่าว่า พระภิกษุชาวเมืองปาฐา
30 รูป จะไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่พระเชตวันมหาวิหาร แต่จวนใกล้
กำหนดเข้าพรรษาเสียก่อน จึงหยุดจำพรรษาที่เมืองสาเกต พอ
ออกพรรษาแล้วก็รีบพากันไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ทั้ง ๆ ที่ผ้าสบง
จีวรเปื้ อนเปรอะ เนื่องจากระยะทางไกลและฝน ผ้าสบงจีวรจึง
เปียกน้ำและเปื้ อนโคลน จะหาผ้าผลัดเปลี่ยนก็ไม่มี พระพุทธเจ้า
ทรงเห็นความลำบากของพระภิกษุเช่นกัน จึงมีพุทธบัญญัติให้
พระภิกษุแสวงหาผ้าและรับผ้ากฐินได้ตามกำหนด
ประเพณี ทอดกฐิน
การจัดทอดกฐินขึ้นภายใน 1 เดือน หลัง
ประเพณีออกพรรษา โดยวัดที่จะสามารถรับ
กฐินได้ ต้องมีพระภิกษุจำพรรษาโดยไม่ขาด
พรรษาเลยไม่ต่ำกว่า 5 รูป และแต่ละวัด
สามารถรับกฐินได้ปีละ 1 ครั้ง การทอดกฐิน
เป็นกาลทานตามพระวินัยกำหนดกาลไว้ คือ
ตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ
เดือน 12 ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสใคร่จะทอดกฐิน
ก็ให้ทอดได้ในระหว่างระยะเวลานี้ จะทอดก่อน
หรือทอดหลังกำหนดนี้ ก็ไม่เป็นการทอดกฐิน
ประเพณี ตีช้างน้ำนอง
พิธีตีช้างน้ำนองนั้นเป็นพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
แม่พระคงคา เทวดา พญานาคเพื่อบวงสรวงสิ่ง
ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองทั้งบกและในน้ำ โดยเรือ
แต่ละที่เข้าร่วมแข่งขันจะต้องนำเรือมาร่วมพิธี
โดยไปรวมกัน ณ ท่าน้ำที่เป็นจุดศูนย์รวมก่อนที่
จะพายเรือล่องตามลำน้ำโขง ระหว่างการพาย
เรือจะมีการโห่ร้อง ตีกลอง เคาะเกราะ เป็น
จังหวะเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยในน่านน้ำ
ประเพณีบุญบั้งไฟ
บุญบั้งไฟ เป็นประเพณีหนึ่งของภาคอีสานของประเทศไทย ตลอดจนประเทศ
ลาว[ต้องการอ้างอิง] โดยมีที่มาจากนิทานพื้นบ้านเรื่องพญาคันคาก เรื่องผา
แดงนางไอ่ ซึ่งในนิทานพื้นบ้านดังกล่าวได้กล่าวถึง การที่ชาวบ้านได้จัดงานบุญ
บั้งไฟขึ้นเพื่อเป็นการบูชา พญาแถน หรือเทพวัสสกาลเทพบุตร ซึ่ง ชาวบ้านมี
ความเชื่อว่า พระยาแถนมีหน้าที่คอยดูแลให้ฝนตกถูกต้องตามฤดูกาล และมี
ความชื่นชอบไฟเป็นอย่างมาก หากหมู่บ้านใดไม่จัดทำการจัดงานบุญบั้งไฟบูชา
ฝนก็จะไม่ตกถูกต้องตามฤดูกาล อาจก่อให้เกิดภัยพิบัติกับหมู่บ้านได้ โดยทั้งนี้
การจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ ของ จังหวัดยโสธร ได้รับการสนับสนุนจากการ
ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในการประชาสัมพันธ์งานประเพณี เป็นที่รู้จักแก่ชาว
ไทย และต่างประเทศ นับแต่ ปี 2523 ซึ่ง งานประเพณีบุญบั้งไฟจังหวัดยโสธร
จะจัดขึ้นในวันเสาร์ อาทิตย์ สัปดาห์ที่สอง ของเดือนพฤษภาคม ในทุกปี โดย
ทั้งนี้ ในงานที่จัดของจังหวัดยโสธร ยังมีความโดดเด่น ในวันก่อนแห่ มีการ
ประกวดกองเชียร์ จำนวนมาก รวมทั้ง วันแห่บั้งไฟ จะมีขบวนบั้งไฟแบบโบราณ
และการรำเซิ้งแบบโบราณ จาก ทั้ง 9 อำเภอของจังหวัดยโสธร เข้าร่วมด้วย
ประเพณี แซนโฎนตา
ประเพณีวันสารทของคนวัฒนธรรมเขมร ครอบครัวและเครือญาติได้กลับมา
พบหน้ากัน เพื่อทำบุญให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ เฉกเช่นเดียวกับ “วันสารทไทย”,
“วันสารทจีน” และในวัฒนธรรมของชาวเขมรก็มีประเพณี “วันสารทเขมร”
หรือที่เรียกกันว่า “ประเพณีแซนโฎนตา” ซึ่งชาวเขมร รวมทั้งชาวไทยเชื้อสาย
เขมรที่อาศัยอยู่ภายในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศไทย ได้ให้ความสำคัญกับ
ประเพณีนี้เป็นอย่างยิ่ง
วันแซนโฎนตา หรือ ไงแซนโฎนตา ตรงกับวันแรม 14 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี
ซึ่งในปี 2564 วันแซนโฎนตา ตรงกับวันนี้ (5 ตุลาคม) คำว่า “ไง” หมายถึง วัน
คำว่า “แซน” หมายถึง การเซ่นไหว้ การบวงสรวง คำว่า “โฎน” หมายถึง ย่า
หรือยาย คำว่า “ตา” หมายถึง ปู่หรือตา ดังนั้นประเพณีนี้จึงหมายถึง การเซ่น
ไหว้ปู่ ย่า ตา ยาย หรือบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ถือเป็นวันสารทเดือนสิบ
ของชาวเขมร ในช่วงเวลานี้ ลูกหลานชาวเขมรที่ไปทำงานในพื้นที่ต่าง ๆ จะ
เดินทางกลับมาหาครอบครัวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อทำบุญอุทิศส่วน
กุศลแก่บรรพบุรุษ เป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ
ประเพณี แห่ปราสาทผึ่ง
ประเพณีการแห่ปราสาทผึ้ง ประเพณีของชาวอีสาน ถือว่า
การทำบุญด้วยการถวายต้นผึ้ง เป็นบุญกุศลสูงส่ง ดังนั้นใน
การถวายทานให้แก่ผู้ตายในงานแจกข้าว (งานทำบุญให้ผู้
ตาย) เมื่อถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์แล้ว ก็ถวายหอผึ้งเพื่อ
อุทิศส่วนกุศลแก่ผู้วายชนม์ ต่อมา ประเพณีดังกล่าวได้มี
กลุ่มคนจัดขึ้นมาอย่างใหญ่โตด้วยความศรัทธาในเทศกาล
ออกพรรษา พระพุทธเจ้าจะเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้น
ดาวดึงส์ เพื่อมาโปรดเวนัยสัตว์ในโลกมนุษย์ให้พ้นทุกข์ด้วย
ประเพณีดังกล่าว กลุ่มชาวเมืองสกลนครที่มีคุ้มวัดต่าง ๆ
จึงได้จัดทำหอผึ้ง หรือปราสาทผึ้ง ถวายที่วัดพระธาตุเชิงชุม
เป็นประจำทุกปี ด้วยมีความเชื่อหลายประการ
ประเพณี แห่เทียนเข้าพรรษา
ประเพณีแห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี เป็น
งานบุญประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของจังหวัดมาอย่างยาวนาน
ที่จัดสืบทอดติดต่อกันมากว่า 118 ปี ค่ะ โดยทุกภาค
ส่วนของจังหวัดจะสนับสนุนให้มีการทำเทียนพรรษา
ตลอดทั้งเดือนก่อนจะถึงวันเข้าพรรษา โดยจะใช้ ขี้ผึ้ง
ในการทำเทียน ซึ่งในสมัยโบราณนั้นจะนำเทียนเล่ม
เล็กๆ โดยมีการมัดรวมกันให้เป็นเทียนเล่มใหญ่ และ
จัดขบวนนำไปถวายวัด การรวมเทียนพรรษาเป็นกลุ่ม
นี้แสดงถึงความสามัคคีในหมู่คณะนั่นเอง
ประเพณี ไหลเรือไฟ
ประเพณีไหลเรือไฟเป็นประเพณีที่ชาว
นครพนม ภาคภูมิใจ เพราะบรรพบุรุษ
ได้ยึดถือปฏิบัติกันมานานตั้งแต่โบราณ
โดยมีความเชื่อในประเพณีว่าเนื่องมาจาก
การบูชารอย พระพุทธบาทการสักการะ
ท้าวพกาพรหม การบวงสรวจพระธาตุ
จุฬามณี และการระลึกถึงพระคุณของ
พระแม่คงคาการขอฝน การเอาไฟเผา
ความทุกข์ และการบูชาพระพุทธเจ้า
ประเพณีบ้านแตก
คำว่า “แตกบ้าน” หมายถึงการอพยพ
เคลื่อนย้ายบ้านไปหาที่อยู่ใหม่ เพราะบ้าน
เดิมมีเหตุเภทภัยต่างๆ นานา อาจเพราะ
เกิดโรคระบาดรุนแรง มีผีสางนางไม้
อาละวาดในหมู่บ้าน มีผีห่าลงกินคนและ
สัตว์หรือเพราะความฝันและทำนายของ
พ่อกะจ้ำ (ผู้นำทางจิตวิญญาณให้หนีจาก
ที่เดิม) ตลอดจนกลัวสัตว์ร้ายต่างๆ จะมา
ทำอันตราย ฯลฯ
ประเพณี บุญข้าวจี่
ทำบุญข้าวจี่ วันเพ็ญเดือน 3 เป็นวันมาฆบูชา รุ่งขึ้นวันแรม 1 ค่ำ
ก็ถวายข้าวจี่ เรียกว่าวันทำบุญเนื่องในวันมาฆบูชานั่นเอง ข้าวจี่
คือเอาข้าวเหนียวปั้ นเป็นก้อนเอาไม้เสียบย่างไฟเหมือนไก่ย่าง เมื่อ
ข้าวสุกเกรียมแล้วก็เอาไข่ซึ่งตีไว้แล้วทาแล้วย่างซ้ำอีกกลายเป็นไข่
เคลือบข้าวเหนียว เสร็จแล้วถอดไม้ออกแล้วเอาน้ำอ้อยหรือน้ำตาล
ที่เป็นก้อนยัดใส่แทนกลายเป็นข้าวเหนียวยัดไส้ แล้วถวายพระเณร
ฉันตอนเช้า ส่วนมากชาวบ้านจะรีบทำแต่เช้ามืด พอสว่างก็ลง
ศาลาการเปรียญ (ชาวบ้านเรียกหอแจก) นิมนต์พระเณรเจริญ
พระพุทธมนต์แล้วฉัน เป็นทั้งงานบุญและงานรื่นเริงประจำแต่ละ
หมู่บ้าน เพราะได้ทำข้าวจี่ไปถวายพระหลังจากพระฉันแล้วก็เลี้ยง
กันเองสนุกสนาน มีคำพังเพยอีสานว่า
"เดือนสามค้อยเจ้าหัวคอยปั้ นเข้าจี่ เข้าจี่บ่ใส่น้ำอ้อยจัวน้อยเช็ด
น้ำตา"
ประเพณี บุญข้าวสาก
บุญข้าวสาก เป็นประเพณีการทำบุญที่จัด
ขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไป
แล้ว และเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับสัตว์
นรกหรือเปรต นิยมทำในวันขึ้น 15 ค่ำ
เดือน 10 เป็นประจำทุกปีของประเพณี
สิบสองเดือน หรือ "ฮิตสิบสอง” (ฮีต มา
จากคำว่า จารีต ฮีตสิบสอง คือ จารีต
ประเพณีสิบสองเดือน) ของชาวอีสาน
ประเพณี บุญข้าวประดับดิน
บุญข้าวประดับดิน เป็นประเพณีการ
ทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่เปรต หรือ
ญาติพี่น้องที่ตายไปแล้ว ข้าวประดับดิน
จะประกอบด้วย ข้าว อาหารคาวหวาน
หมากพลูและบุหรี่ ซึ่งเราห่อหรือใส่
กระทงไปวางไว้ตามพื้น หรือแขวนไว้ตาม
ต้นไม้ในบริเวณวัด
ประเพณี บุญซำฮะ
บุญซำฮะ หรือบุญเดือนเจ็ด ทำเพื่อชำระล้างสิ่ง
ที่สกปรก รกรุงรังออกจากร่างกาย และทำ
จิตใจให้สดใส คำว่า ซำฮะ หรือ ชำระ หมายถึง
ทำให้สะอาด ปราศจากมลทินโทษ การทำให้
สะอาดนั้นมีอยู่ ๒ อย่าง คือ ๑. ความสกปรก
ภายนอก ได้แก่ร่างกาย เสื้อผ้า อาหาร การกิน
ที่อยู่อาศัย สกปรก ๒. ความสกปรกภายใน
ได้แก่จิตใจ เกิด ความโลภ โกรธ หลง
ประเพณี ฮดสรง
เดือนห้า บุญสรงน้ำ หรือ บุญฮดสรง
บุญฮดสรง หรือ บุญสงกรานต์ จัดให้มีในวันขึ้น 15 ค่ำ
เดือนห้า ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยมาตั้งแต่โบราณ ใน
วันขึ้นปีใหม่ของไทยมาแต่โบราณ ในวันนี้พระสงฆ์ นํา
พระพุทธรูปออกจากโบสถืมาไว้ที่หอสรง ตอนบ่าย ชาวบ้าน
จะนําน้ำอบ น้ำหอม มาร่วมกันสรงน้ำพระพุทธรูปที่หอสรงนี้
จา.กนั้น ก็ออกไปเก็บดอกไม้มาจัดประกวดประชันในการ
บูชาพระ ระหว่างนี้ชาวบ้านจะพากันเล่นแคน ฉิ่งฉาบ เพื่อ
ความสนุกสนานรดน้ำดําหัวญาติผู้ใหญ่ และเล่นสาดน้ำกัน
โดยชาวบ้านอาจเล่นสนุกสนานถึง 15 วัน
ประเพณี บุญคูณลาน
ประเพณีบุญคูณลาน เป็นประเพณีการทำบุญ ที่ชาวนาได้
ประกอบพิธีขึ้น เพื่อเป็นสิริมงคล สร้างขวัญและกำลังใจ
ตลอดจนเป็นการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่เคารพนับถือ อัน
ได้แก่ ผีปู่ตา ผีตาแฮก พระแม่โพสพ เทวดาฟ้าดินและสิ่ง
ศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อกันว่า มีผลต่อการประกอบอาชีพทำนา ทำให้ได้
ผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์ พิธีกรรมต่างๆ ที่ประกอบขึ้น ได้แก่
การบายศรีสู่ขวัญข้าว หรือเรียกว่าบุญคูณลาน จะเป็นการ
ถ่ายทอดสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นจนกลายเป็นประเพณีปฏิบัติ
ต่อเนื่องกันมา ซึ่งเป็นการสืบทอดประเพณีอันดีงามของขาว
อีสานให้คงอยู่สืบไป ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความรัก
สามัคคีของประชาชนชาวโนนคูณในการแสดงความกตัญญู
กตเวที เคารพบูชาต่อข้าวซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีพ
ส่งเสริมและสืบสานประเพณีอันดีงามของชาวโนนคูณให้คงอยู่
สืบไป
ประเพณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ข้อสอบ 10 ข้อ
1.สิ่งที่ดีงามที่ยึดถือปฏิบัติต่อกันมาเรียกว่าอะไร
ก.คุณธรรม ข.จริยธรรม ค.วัฒนธรรม ง.ค่านิยม
2.ข้อใดคือประเพณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ก.วิ่งควาย ข.ฮักสิบสอง ค.พระดำน้ำ ง.โยนดอกบัว
3.ฮีตสิบสองจัดใว้ในข้อใด
ก.วัฒนธรรม ข.ประเพณี ค.ความเชื่อ ง.ค่านิยม
4..เทศกาลไหมและประเพณีผูกเสี่ยวเป็นประเพณี
ท้องถิ่นของจังหวัดใด
ก.กาฬสินธุ์ ข.มหาสารคาม ค.ขอนแก่น ง.ร้อยเอ็ด
5.ประเพณีไหลเรือไฟจัดขึ้นที่จังหวัดอะไร
ก.มุกดาหาร ข.นครพนม ค.หนองคาย ง.บึงกาฬ
เฉลย 1.ค 2.ข 3.ข 4.ค 5.ข
6.ประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้งจังหวัดบุรีรัมย์จัดในเดือนใด
ก.ธันวาคม ข.มกราคม ค.เมษายน ง.กรกฎาคม
7.ประเพณีบุญบั้งไฟจัดขึ้นในจังหวัดใดเป็นจังหวัดแรก
ก.ขอนแก่น ข.ยโสธร ค.บุรีรัมย์ ง.อุบลราชธานี
8.ประเพณีผีตาโขนเป็นของจังหวัดใด
ก.ชัยภูมิ ข.อุบลราชธานี ค.ขอนแก่น ง.เลย
9.ความเชื่อตามประเพณีบุญบั้งไฟสัมพันธ์กับอาชีพใด
ก.ค้าขาย ข.การเกษตร ค.อุตสาหกรรม ง.ทุกอาชีพ
10.ประเพณีใดมิได้จัดอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ก.ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ
ข.ประเพณีชักพระ
ค.ประเพณีบุญผะเหวด
ง.ประเพณีตักบาตรเทโว
เฉลย 6.ค 7.ข. 8.ง 9.ข 10.ค
ภาคผนวช