การถา่ ยทอดลกั ษณะทาง
พนั ธกุ รรมของ
ส่งิ มชี วี ิต
ชนั้ ประถมศึกษาปี ที่ 5
คำนำ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์(e-book)เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5เล่มน้ีประกอบไปด้วย กฎของเมนเดล ลักษณะทางพันธุกรรม
ของสิ่งมีชีวิต ลักษณะทางพันธุกรรมของพืช ลักษณะทางพันธุกรรมของสัตว์ การถ่ายทอด
ลักษณะทางพนั ธกุ รรมของมนุษย์ ยีนและโครโมโซม ซ่ึงผู้จัดทาได้รวบรวมไว้โดยมีจุดประสงค์
เพ่ือให้นักเรียนหรือผู้ที่มีความสนใจนาไปศึกษาด้วยตนเองได้ หากมีข้อผิดพลาดประการใด
ผู้จัดทากข็ ออภัยมา ณ ท่ีนี้ด้วย
สนุ สิ า เทยี มสน
ผจู้ ดั ทา
ตวั ช้ีวดั
ป 5/1 อธบิ ายลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมทม่ี ีการถ่ายทอดจากพ่อแม่สลู่ กู
ของพืช สตั ว์ และมนษุ ย์
ป 5/2 แสดงความอยากรอู้ ยากเห็นโดยการถามคาถามเก่ียวกับ
ลกั ษณะที่คลา้ ยคลงึ กนั ของตนเองกบั พ่อแม่
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
นกั เรียนอธิบายการถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรมของพืช สตั ว์ และ
มนษุ ยไ์ ด้
นั ก เ รี ย น เ ป รี ย บ เ ที ย บ ลั ก ษ ณ ะ ท่ี ค ล ้า ย ค ลึ ง ข อ ง ต น เ อ ง กั บ ค น ใ น
ครอบครวั ได้
นกั เรียนอธิบายลกั ษณะของยีนเดน่ -ยีนดอ้ ยได้
สารบญั
เรอื่ ง หนา้
พนั ธกุ รรมของส่ิงมีชีวิต
กฎของเมนเดล 2
ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของสง่ิ มีชีวิต 6
-ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของพืช 7
-ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของสตั ว์ 9
-การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม 10
ของมนษุ ย์
ยีนและโครโมโซม 11
สรปุ 12
การถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของสง่ิ มีชีวิต
ส่ิ ง มี ชี วิ ต แ ต่ ล ะ ช นิ ด ในปั จจุบั นมี ก าร ป ร ะ ยุก ต ใ ช้
มีลักษณะเฉพาะ และแตกต่างจาก ความรู้ ทางพันธศุ าสตร์ ในดา้ นต่าง ๆ
สิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ ถ้าลองสังเกต มากมาย เชน่ การตรวจดีเอ็นเอเพื่อหา
เพ่ือน ๆ ในหอ้ งเรียนจะพบว่า ลกั ษณะ ควา ม สัม พันธ์พ่ อ - แม่ ลูก ดัง นั้น
ส่วนประกอบโดยรวมจะคลา้ ยกัน แต่ จึงจาเป็ นอย่างย่ิงที่เราจะตอ้ งเรียนรู้
เ อ ก ลั ก ษ ณ์ ร า ย บุ ค ค ล จ ะ แ ต ก ต่ า ง เกี่ยวกับพันธุกรรมของส่ิงมีชี วิ ต
กันออกไป เช่น บางคนมีจมูกโด่ง ใหม้ ากย่ิงขน้ึ
บางคนมีหนังตาชั้นเดียว บางคนมีตา
สีนา้ ตาล บางคนผิวดา ลักษณะต่าง ๆ
เหลา่ นไ้ี ดร้ บั การถ่ายทอดจากพ่อแม่และ
สามารถถ่ายทอดจากรุ่นหน่ึงไปยัง
รนุ่ ตอ่ ๆ ไปได้ เรียกว่า
“ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม”
ภาพแสดงลกู ไดร้ บั การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมมาจากพ่อ - แม่ ทาใหม้ ีลกั ษณะ
บางอย่างเหมอื นพอ่ แม่ เชน่ ลกั ษณะตนี ผม เป็ นตน้
1
พนั ธกุ รรมของสิ่งมีชีวิต
กฎของเมนเดล
เกรเกอร์ เมนเดล (Gregor Mendel) นกั บวชชาวออสเตรียไดร้ บั การยกย่อง 2
ว่าเป็ นบิดาแห่งวิชาพันธศุ าสตร์เพราะเป็ นผคู้ น้ พบว่าลักษณะที่ปรากฏในร่นุ ลกู
เป็ นผลมาจากการถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรมซ่ึงไดจ้ ากพ่อและแม่โดยผ่าน
เซลลส์ ืบพนั ธ์ุ
พนั ธกุ รรมของส่ิงมีชีวิต 1. ลกั ษณะตา่ ง ๆ ของส่ิงมีชีวิต
จะถกู ควบคมุ ดว้ ยยีนและจะถกู
เ ก ร เ ก อ ร์ เ ม น เ ด ล ถ่ า ย ท อ ด ไ ป ยั ง ร่ ุน ถั ด ไ ป ผ่ า น
กระบวนการสบื พนั ธ์ุ
เ ป็ น ผู้ที่ ท า ก า ร ศึ ก ษ า เ ก่ี ย ว กั บ
การถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม 2. การถ่ายทอดลักษณะ
จาก การ ทดล องป ลูกถั่ว ลันเต า แ ต่ ล ะ ลั ก ษ ณ ะ จ ะ เ ป็ น
และสรปุ เป็ นกฎของเมนเดลไว้ 4 ขอ้ อิสระตอ่ กนั
ดงั น้ี
3. ลักษณะที่ปรากฏให้เห็ น
บ่อยคร้ังเรียกว่า ลักษณะเด่น
ลัก ษ ณ ะ ที่ ป ร า ก ฏ ใ ห้เ ห็ น น ้อ ย
ครง้ั เรียกว่า ลกั ษณะดอ้ ย
4. สดั สว่ นลกั ษณะเดน่ ตอ่
ลกั ษณะดอ้ ยจะเป็ น 3:1
เสมอ
จากรปู สดั สว่ นลกั ษณะเดน่ ตอ่ ลกั ษณะดอ้ ยเป็ น 3:1
3
พนั ธกุ รรมของสิ่งมีชีวิต
ลักษณะต่าง ๆ ของถัว่ ลันเตาที่เมนเดล ใชใ้ นการศึกษาการถ่ายทอด
ลกั ษณะพนั ธกุ รรม มี 7 ลกั ษณะดงั นี้
-ลกั ษณะของเมล็ด –>เมล็ดกลม และ เมล็ดย่น (round & wrinkled)
-สีของเปลอื กหมุ้ เมล็ด –> สเี หลอื ง และ สเี ขยี ว (yellow & green)
-สขี องดอก –>สีมว่ งและ สีขาว (purple & white)
-ลกั ษณะของฝัก –> ฝักอวบ และ ฝักแฟบ (full & constricted)
-ลกั ษณะสขี องฝัก –> สีเขยี ว และ สเี หลอื ง (green & yellow )
-ลักษณะตาแหน่งของดอก->ดอกติดอย่ทู ี่ก่ิง และเป็ นกระจุกที่
ปลายยอด (axial & terminal)
-ลกั ษณะความสงู ของตน้ –> ตน้ สงู และ ตน้ เต้ยี (long & short)
ลกั ษณะของถวั่ ลนั เตาทง้ั 7 ลกั ษณะ
ก า ร ท ด ล อ ง ข อ ง เ ม น เ ด ล เ ป็ น ป ร ะ โ ย ช น์สูง สุด ต่ อ ก า ร ศึ ก ษ า
ทางวิทยาศาสตร์ ซ่ึงต่อมาวิชาท่ีศึกษาเก่ียวกับลักษณะทางพันธุกรรมและ
การถ่ายทอดพนั ธกุ รรมของสง่ิ มีชวี ิต เรียกว่า วิชาพนั ธศุ าสตร(์ Genetics)
4
พนั ธกุ รรมของสิ่งมีชีวิต
นักพันธศุ าสตร์ไดใ้ ชต้ ัวอักษรหรือสัญลักษณ์แทนยีนแต่ละยีนโดย
แต่ละยีนจะมีรปู แบบท่ีเป็ นลกั ษณะเดน่ ลกั ษณะดอ้ ยหรือลกั ษณะท่ีแตกต่างกนั
เรียกว่า แอลลีล (allele)
กาหนดใหอ้ ักษรภาษาอังกฤษตวั พิมพใ์ หญ่แทนลกั ษณะเด่น และอักษร
ตวั พิมพเ์ ล็กแทนลกั ษณะดอ้ ย เชน่ แอลลีล T แทนลกั ษณะสงู ที่เป็ นลกั ษณะเด่น
และแอลลีล t แทนลกั ษณะเตย้ี ทเ่ี ป็ นลกั ษณะดอ้ ย
แผนภาพการผสมพนั ธข์ุ องถวั่ ตน้ สงู พนั ธแ์ุ ท้ (TT) กบั ถวั่ ตน้ เตี้ยพนั ธแ์ุ ท้ (tt)
ตารางพนั เนตตเ์ เสดงการผสมพนั ธข์ุ องถัว่ ตน้ สงู พนั ธแ์ุ ท้ (TT)
กบั ถัว่ ตน้ เตีย้ พนั ธแ์ุ ท้ (tt)
5
ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของส่ิงมีชีวิต
สิ่งมีชีวิตทั้งพืช สัตว์ และ ตวั อยา่ งลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของดอก
มนษุ ย์ เมื่อเจริญเติบโตเขา้ ส่วู ัย ถัว่ ลนั เตาดอกสขี าว
เ จ ริ ญ พั น ธ์ุ ก็ จ ะ มี
การสบื พนั ธเ์ุ พื่อดารงเผ่าพนั ธไ์ุ ว้
ลูกท่ีเกิดมาน้ันจะ มีลัก ษ ณะ
เ ห มื อ น ห รื อ ค ล้า ย ค ลึ ง กั บ
ลักษณะของพ่อแม่ ในสิ่งมีชีวิต
แตล่ ะชนดิ จะมคี วามแตกตา่ งและ
หลากหลายของลกั ษณะเหลา่ นน้ั
ซึ่ ง ลั ก ษ ณ ะ ท่ี ถ ูก ถ่ า ย ท อ ด จ า ก
ร่นุ พ่อแม่ ส่รู ่นุ ลกู หลาน เหลน
หรือร่นุ ต่อ ๆ ไปไดน้ ั้นเรียกว่า
ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม
ตวั อยา่ งลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของดอกถัว่
ลนั เตาดอกสีมว่ ง
6
ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของสิ่งมีชีวิต
1) ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของพืช
พืชสามารถสืบพันธไ์ุ ดท้ ั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ พืชตน้ ใหม่ท่ี
เกิดจากการสืบพันธแ์ุ บบไม่อาศัยเพศจะมีลักษณะทางพันธกุ รรมที่เหมือนกบั
พืชตน้ เดิม เนอื่ งจากพืชที่เกิดขน้ึ มาใหมไ่ ดร้ บั ยีนทง้ั หมดมาจากพืชตน้ เดิม
การปักชา พื ช สื บ พั น ธ์ุ ด้ ว ย
กระบวนการสืบพันธแ์ุ บบไมอ่ าศัยเพศ
ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น การไหล
ของสตรอเบอรร์ ี การเกิดตน้ อ่อนที่ใบ
ของต้นเศรษฐีพันล้าน รวมท้ังพืช
ที่ เ กิ ด จ า ก ก า ร ช่ ว ย ข ย า ย พั น ธ์ุ
โดยมนุษย์ดว้ ยวิธีการต่าง ๆ ได้แก่
การปักชา การติดตา การตอนก่ิง
ก า ร ท า บ ก่ิ ง ก า ร โ น้ ม ก่ิ ง
การเสียบยอด และการเพาะเล้ียง-
เน้ือเย่ือ ซ่ึงนิยมทากนั ในพืชเศรษฐกิจ
เชน่ ทเุ รียน ออ้ ยหรือมนั สาปะหลงั
การเสียบยอด
การสืบพันธแ์ุ บบไม่อาศัยเพศน้ันจะไดพ้ ืชตน้ ใหม่ปริมาณมากซ่ึง
ใชเ้ วลาในการขยายพันธไ์ุ ม่นาน ทั้งยังมีลักษณะทางพันธกุ รรมท่ีดีเหมือนกับ
พชื ตน้ เดิมและไมก่ ลายพนั ธไ์ุ ปจากลกั ษณะของตน้ พนั ธเ์ุ ดมิ
7
ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของส่ิงมีชีวิต
พืชต้นใหม่ที่เกิดจากการสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศ จะมี ลักษณะ
ทางพันธกุ รรมท่ีคลา้ ยคลึงหรือแตกต่างไปจากลักษณะทางพันธกุ รรมของ
พืชตน้ พ่อและตน้ แม่ เนือ่ งจากพืชตน้ ใหมน่ นั้ เจริญเติบโตมาจากเมล็ด ซึ่งเมล็ด
เกิดจากการผสมกันของอสจุ ิและเซลล์ไข่ทาใหพ้ ืชตน้ ใหม่ไดร้ ับยีนครึ่งหน่ึง
จากอสจุ ิและอีกครึ่งหนึ่งจากเซลล์ไข่ ทาใหพ้ ืชตน้ ใหม่ที่เกิดมาน้ันจะมีความ
หลากหลายของลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม
แผนภาพแสดงการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของพืช
ลักษณะทางพันธกุ รรมของพืช มีความหลากหลายสงู มาก บางคร้ัง
อาจจะแยกลักษณะเด่นและลักษณะดอ้ ยไดไ้ ม่ชดั เจน เช่น ในกรณีที่ตน้ พ่อพันธ์ุ
ดอกสีแดงผสมกบั ตน้ แมพ่ ันธด์ุ อกสีขาว ไดต้ น้ ลกู ที่มีดอกสีชมพู เรียกลกั ษณะ
ทางพนั ธกุ รรมนนั้ ว่าลกั ษณะเดน่ ไมส่ มบรู ณ์ คือลกั ษณะท่ีขม่ กันไม่ลง จึงทาให้
ตน้ ลกู ปรากฏทง้ั ลกั ษณะของตน้ พอ่ และตน้ แม่
8
ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของส่ิงมีชีวิต
2) ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของสตั ว์
ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของสตั วท์ ี่เกิดจากการสืบพนั ธแ์ุ บบไม่อาศัยเพศ
เช่น การแตกหน่อ การงอกใหม่ และการแบ่งตัวออกเป็ น 2 ส่วน สัตว์ที่เกิด
มาใหม่นน้ั จะไดร้ ับการถ่ายทอดยีนทัง้ หมดจากสตั วต์ วั เดิม จึงทาใหม้ ีลกั ษณะ
ทางพนั ธกุ รรมทกุ ประการเหมอื นกบั สตั วต์ วั เดมิ
สตั วท์ ่ีเกิดจากการสืบพันธแ์ุ บบอาศัยเพศ จะมีลกั ษณะของพันธกุ รรมท่ี
คลา้ ยคลงึ หรือแตกตา่ งไปจากลกั ษณะของพอ่ แม่ เนอื่ งจากสตั วต์ วั ใหมแ่ ตล่ ะตวั
จะมียีนที่ควบคมุ ลกั ษณะพนั ธกุ รรมตา่ ง ๆ มากมาย ซึ่งถ่ายทอดมาจากทงั้
พ่อและแม่ผา่ นทางเซลลส์ ืบพันธ์ุ เป็ นผลใหล้ กู มีลกั ษณะบางอย่างท่ีคลา้ ยหรือ
แตกตา่ งจากพ่อและแม่
ภาพแสดงความหลากหลายของลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของปลาชนดิ เดียวกนั ที่เกดิ จาก
การสบื พนั ธแ์ุ บบอาศยั เพศ
9
ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของส่ิงมีชีวิต
3) การถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของมนษุ ย์
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรมหรือลักษณะเฉพาะของมนษุ ย์น้ัน
จะถ่ายทอดไปทางยีน (gene)ท่ีอย่ใู นเซลล์สืบพันธ์ุ ซ่ึงสามารถถ่ายทอดจาก
ร่นุ หน่ึงไปส่อู ีกร่นุ หน่ึงได้ โดยพ่อแม่จะเป็ นผถู้ ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรม
ตา่ ง ๆ สลู่ กู ผา่ นกระบวนการสบื พนั ธ์ุ
ตวั อย่างลกั ษณะท่ีสามารถถ่ายทอดทางพนั ธกุ รรมของมนษุ ย์
มนษุ ยจ์ ะถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมจากบรรพบรุ ษุ สลู่ กู หลาน เชน่
หนงั ตาชน้ั เดียว หนงั ตาสองชนั้ มีลกั ย้ิม ไม่มีลกั ยิ้ม น้ิวโป้ งงอน นิว้ โป้ งไม่งอน
มีต่ิงหู ไม่มีต่ิงหผู มหยิก ผมเหยียด ห่อลิ้นได้ ห่อลิ้นไม่ได้ ลักษณะจมกู สีตา
สีผม สีผิว ความสงู หรือหม่เู ลือดเป็ นตน้ ซึ่งลักษณะบางอย่างของลกู อาจ
เหมือนหรือแตกต่างจากพ่อ แม่ ป่ ู ย่า ตา หรือยายก็ได้ซ่ึง ลักษณะ
ทางพนั ธกุ รรมนนั้ มีความหลากหลายและยงั มสี ่งิ แวดลอ้ มเขา้ มาเกี่ยวขอ้ งดว้ ย
10
ยนี และโครโมโซม
1) ยีน (gene) 2 ) โ ค ร โ ม โ ซ ม ( chromosome)
คือ หน่วยพันธุกรรม ที่ คือ โครงสร้างท่ีมีลักษณะ
อย่บู นโครโมโซมทาหนา้ ที่ควบคุม เ ป็ น แ ท่ ง อ ยู่ใ น นิ ว เ ค ลี ย ส ข อ ง
ลกั ษณะทางพันธกุ รรมตา่ ง ๆ ของ แต่ละเซลล์ ในมนุษย์มีโครโมโซม
สิ่งมีชีวิต ยีนท่ีอย่ใู นเซลล์สืบพันธ์ุ อยู่46 แท่ง แบ่งออกเป็ น 2 ชนิด
จ ะ น า ข้อ มูล เ กี่ ย ว กั บ ลั ก ษ ณ ะ ดงั น้ี
ท า ง พั น ธุก ร ร ม ส่ ง ต่ อ ใ ห้ร่ ุน ลู ก -โ ค ร โ ม โ ซ ม ร่ า ง ก า ย
โ ด ย ใ น แ ต่ ล ะ ยี น อ า จ มี ร ูป แ บ บ ไ ด ้ เป็ นโครโมโซมที่มยี ีนควบคมุ ลกั ษณะ
ต้ัง แต่ 1 แบ บ ข้ึนไป เร า เรี ย ก ต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่เกี่ยวขอ้ ง
รูปแบบนี้ว่า แอลลีล เช่น ยีนเอ กบั การกาหนดเพศ เช่น สีผิว สีผม
มี 2 แอลลีล คือ Aและ a สิ่งมีชีวิตที่ สตี า มี 44 แทง่
เกิดจากการสืบพันธ์แุ บบไม่อาศัย -โครโมโซมเพศ เป็ นโครโมโซม
เ พ ศ จ ะ ไ ด้รั บ ยี น ทั้ ง ห ม ด จ า ก ที่ควบคุมลักษณะเพศของผูห้ ญิง
ส่งิ มชี วี ิตเดิมสว่ นสิง่ มชี วี ิตทีเ่ กิดจาก และผชู้ าย ซ่ึงมีอยู่ 2 แทง่ ท่ีแตกตา่ ง
การสืบพันธแ์ุ บบอาศัยเพศจะไดร้ ับ กัน โดยในเพศชายเป็ น XY และใน
ยีนจากพอ่ ครึ่งหนงึ่ และแมค่ ร่ึงหนง่ึ เพศหญิงเป็ น XX
เพศชายมโี ครโมโซมเพศเป็ น XY เพศหญิงมีโครโมโซมเพศเป็ น XX
11
สรปุ
กฎของเมนเดล: ลักษณะต่าง ๆ ของส่ิงมีชีวิตจะถูกควบคมุ ดว้ ยยีนและ
จะถกู ถ่ายทอดไปยังร่นุ ถัดไปผา่ นกระบวนการสืบพนั ธ์ุ, การถ่ายทอดลักษณะ
แต่ละลักษณะจะเป็ นอิสระต่อกัน, ลักษณะท่ีปรากฏใหเ้ ห็นบ่อยครั้งเรียกว่า
ลกั ษณะเด่น ลักษณะท่ีปรากฏใหเ้ ห็นนอ้ ยคร้ังเรียกว่า ลกั ษณะด้อย, สัดส่วน
ลกั ษณะเดน่ ตอ่ ลกั ษณะดอ้ ยจะเป็ น 3:1 เสมอ
ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของส่ิงมีชีวิต:
ลักษณะทางพันธกุ รรมของพืช พืชตน้ ใหม่ที่เกิดจากการสืบพันธ์แุ บบ
ไม่อาศัยเพศจะมีลักษณะทางพันธกุ รรมที่เหมือนกับพืชตน้ เดิม พืชตน้ ใหม่ที่
เกิดจากการสืบพันธแ์ุ บบอาศัยเพศจะมีลักษณะทางพันธกุ รรมที่คล้ายคลึง
หรือแตกตา่ งไปจากลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของพืชตน้ พ่อและตน้ แม่
ลักษณะทางพันธุกรรมของสัตว์ สัตว์ท่ีเกิดจากการสืบพันธ์ุแบบ
ไม่อาศัยเพศ เชน่ การแตกหนอ่ การงอกใหม่ และการแบ่งตัวออกเป็ น 2 สว่ น
สตั วท์ ี่เกดิ มาใหมน่ นั้ จะไดร้ บั การถ่ายทอดยีนทงั้ หมดจากสตั ว์ตวั เดมิ จงึ ทาใหม้ ี
ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมทกุ ประการเหมอื นกบั สตั วต์ วั เดมิ
การถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของมนษุ ย์: การถ่ายทอดลักษณะ
ทางพันธกุ รรมหรือลักษณะเฉพาะของมนษุ ยน์ นั้ จะถ่ายทอดไปทางยีน (gene)
มนุษย์จะถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรมจากบรรพบุรษุ ส่ลู ูกหลาน เช่น
หนงั ตาชน้ั เดียว หนงั ตาสองชน้ั มีลกั ย้ิม ไมม่ ีลกั ย้ิม เป็ นตน้
ยนี และโครโมโซม:
ยีน (gene)คือ หน่วยพันธกุ รรมท่ีอย่บู นโครโมโซมทาหนา้ ที่ควบคุม
ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมตา่ ง ๆ ของสง่ิ มีชวี ิต
โครโมโซม (chromosome)คือ โครงสร้างท่ีมีลักษณะเป็ นแท่งอยู่ใน
นิวเคลียสของแต่ละเซลล์ ในมนุษย์มีโครโมโซมอยู่ 46 แท่ง แบ่งออกเป็ น
2 ชนดิ ไดแ้ ก่ โครโมโซมร่างกายและโครโมโซมเพศ
อา้ งอิง: 12
ปรชั ญพงศ์ ยาศรแี ละวิศษุ ฏญา วรวะลยั . (2562). หนงั สือเรยี น รายวิชาพ้ืนฐาน
วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปี ท่ี ๕ เลม่ ๑. เลิรน์ เอ็ดดเู คชนั่ . กรงุ เทพฯ
ชน้ั ประถมศึกษาปี ท่ี
การถ่ายทอดลกั ษณะ
ทางพนั ธกุ รรมของ
ส่ิงมชี วี ติ