รายงาน
เรื่อง
ฟตุ บอล
จดั ทำโดย
เดก็ ชายสภุ าพ บริบูรณ์ เลขที่ 11
ชนั้ ประถมศกึ ษาช้ันปที ่ี 6
เสนอ
ครูสภุ าพ บริบูรณ์
รายงานเลม่ นี้เป็นสว่ นหนึง่ ของวิชา พลศกึ ษา
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565
โรงเรียนบ้านนาวิทยา
ข
คำนำ
รายงานเล่มน้เี ปน็ สว่ นหนึง่ ของวชิ า พลศึกษา โดยรวบรวมข้อมูลทเี่ กี่ยวกบั กีฬาฟตุ บอล คือ ประวตั ิ
และความเป็นมาของ กีฬาฟุตบอล หลกั และวธิ ีการเลน่ การแข่งขันการฝกึ เทคนคิ และทักษะส่วนบุคคลในการ
เล่น การเคลื่อนไหวของร่างกายของรา่ งกาย รวมทั้งกฎและกติกาในการแขง่ ขัน ผูจ้ ัดทำหวงั ว่ารายงานเล่มนี้จะ
เกดิ ประโยชนแ์ กผ่ ู้อา่ นไมม่ ีก็น้อย ถา้ รายงานเล่มน้มี ีข้อผดิ พลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ทนี่ ้ดี ว้ ย
ผู้จัดทำ
ค หนา้
1
สารบัญ 4
10
ประวตั แิ ละความเป็นมาของ กฬี าฟตุ บอล 11
การแข่งขันการฝึกเทคนิคและทกั ษะสว่ นบคุ คลในการเลน่
กฎและกติกาในการแข่งขัน
เอกสารอ้างอิง
1
ประวตั แิ ละความเป็นมาของ กีฬาฟุตบอล
ประวัติฟตุ บอล ความเป็นมาฟุตบอล วิวัฒนาการฟตุ บอล
ประวัตฟิ ุตบอล (Football) หรอื ซอคเก้อร์ (Soccer) เปน็ กีฬาทีม่ ีผสู้ นใจทจ่ี ะชมการแขง่ ขนั และเขา้ ร่วมเล่น
มากท่สี ุดในโลก ชนชาตใิ ดเป็นผู้กำเนิดกีฬาชนดิ นอ้ี ย่างแท้จริงน้นั ไม่อาจจะยนื ยันได้แน่นอน เพราะแต่ละชน
ชาตติ า่ งยนื ยันวา่ เกดิ จากประเทศของตน แต่ในประเทศฝรั่งเศสและประเทศอิตาลี ไดม้ กี ารละเลน่ ชนดิ หนง่ึ ท่ี
เรียกวา่ “ซูเลอ” (Soule) หรอื จโิ อโค เดล คาซโิ อ (Gioco Del Calcio) มีลักษณะการเล่นท่ีคลา้ ยคลงึ กบั กีฬา
ฟตุ บอลในปจั จุบนั ทั้งสองประเทศอาจจะถกเถยี งกันว่า กีฬาฟุตบอล ถือกำเนิดจากประเทศของตน อนั เปน็
การหาข้อยุตไิ มไ่ ด้ เพราะขาดหลักฐานยนื ยนั อยา่ งแท้จริง
ดังน้ัน ประวตั ิของกีฬาฟตุ บอล ที่มหี ลกั ฐานทแี่ ทจ้ รงิ สามารถจะอ้างอิงได้ เพราะการเล่นทม่ี ีกติกาการแข่งขนั ท่ี
แนน่ อน คือประเทศอังกฤษเพราะประเทศองั กฤษตัง้ สมาคมฟตุ บอลในปี พ.ศ. 2406 และฟุตบอลอาชพี ของ
อังกฤษเกิดข้ึนในปี พ.ศ. 2431
ววิ ัฒนาการฟตุ บอล แต่ละภมู ิภาค ความเป็นมาฟตุ บอลแตล่ ะประเทศ
กฬี าฟตุ บอล มวี วิ ัฒนาการไปพรอ้ มกับความเจริญกา้ วหน้าของมนษุ ยต์ ลอดมา ต้นกำเนิดกีฬาตะวนั ออกไกลจะ
ไดร้ บั อิทธิพลมาจากสงครามครั้งสำคญั ๆ เช่น สงครามพระเจา้ อเลก็ ซานเดอร์มหาราช ได้นำเอา “แกลโล-
โรมัน” (Gello-Roman) พรอ้ มกฬี าต่างๆ เข้ามาสู่เมืองกอล (Gaul) อันเป็นรากฐานส่วนหน่ึงของกฬี าฟตุ บอล
ในอนาคต และการเลน่ ฮาร์ปาสตมั (Harpastum) ไดถ้ ูกดัดแปลงมาเปน็ กฬี าซูเลอ
2
ประวตั ิฟตุ บอล ตามภูมิภาค
ประวัติฟตุ บอล ภาคตะวันออกไกล มหี ลักฐานบันทึกจากบุคคลสำคญั คือ ขงจ้ือ ที่ได้กล่าวไวใ้ นหนงั สอื
“กงั ฟ”ู เกี่ยวกับกีฬา โดยเฉพาะอย่างยง่ิ กีฬาท่ีใช้เทา้ และศีรษะในสมยั จักรพรรดิ์ เซิงติ (Emperor Cneng Ti)
(ปี 32 ก่อนครสิ ตกาล) มกี ารเลน่ กฬี าท่ีคล้ายกบั ฟตุ บอลซง่ึ เรยี กว่า”ซือ-ซู” (Tsu-Chu) ซึ่งหมายถึงการเตะ
ลูกหนังด้วยเท้า กีฬาชนิดนี้ได้รับความนยิ มอยา่ งกวา้ งขวาง ซงึ่ นักประพันธแ์ ละนักประวัติศาสตรใ์ นสมัยนั้นได้
ยกย่องผเู้ ล่นท่ีมีช่ือเสยี งใหเ้ ป็นวีรบรุ ุษของชาติ และในสมยั เดยี วกันไดม้ ีการเลน่ คล้ายฟุตบอลในประเทศญ่ปี นุ่
อกี ด้วย
ประวตั ิฟตุ บอล ภาคตะวนั ออกกลาง ในกรงุ โรม ความเจรญิ ของตะวันออกไกลได้แผข่ ยายถงึ ตะวนั ออกกลาง
โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งจากอทิ ธพิ ลของสงคราม โดยพระเจ้าอเลก็ ซานเดอร์มหาราช การเลน่ กีฬาชนดิ หน่ึงเรยี กวา่
ฮาร์ปาสตัม เปน็ กฬี าทนี่ ยิ มของชาวโรมันและชาวกรีกโบราณวธิ ีการเลน่ คือ มีประตคู นละข้าง แล้วเตะลูกบอล
ไปยงั จุดหมายท่ีตอ้ งการ เช่น จากหมบู่ ้านหนง่ึ ไปอีกหมบู่ ้านหนงึ่ การเล่นจะเป็นการเตะ หรือการขวา้ งไป
ข้างหน้าฮาร์ปาสตัม หมายถึงการเหว่ยี งไปข้างหน้า การเล่นกฬี าฮารป์ าสตัมในกรงุ โรมดูเหมอื นจะเป็นต้น
กำเนดิ ของกีฬาซ่ึงมีการเล่นในสมัยกลาง
ในการเลน่ ฮารป์ าสตมั ขนาดของสนามจะเล็กกวา่ สนามกีฬาซูเลอ แต่จุดประสงค์ของกีฬาทงั้ สองคือ การนำลูก
บอล ไปยงั แดนของตน แตเ่ นื่องจากมเี สยี งอึกทึกโครมครามจากการว่งิ แยง่ ลูกบอล ซ่งึ อาจจะทำใหเ้ กดิ
อุบัตเิ หตุไดม้ ากมาย อันเปน็ ข้อห้ามของพระเจ้า จงึ มีพระบรมราชโองการในนามของพระเจา้ แผ่นดินหา้ มเลน่
กีฬาดังกล่าวในเมือง ผ้ฝู า่ ฝืนมโี ทษถงึ จำคุก นอกจากนย้ี ังมีข้อห้ามซงึ่ ออกในวันท่ี 12 มิถุนายน พ.ศ.1892
ขอให้เล่นยงิ ธนใู นวันฉลองตา่ ง ๆ แทนการเล่นเกมฟตุ บอล
ในโอกาสต่อมากฬี าฟุตบอลได้จัดให้มกี ารแข่งขันกันอีกครงั้ ซ่งึ เปน็ การเผชิญหนา้ กนั ระหว่างทมี ตา่ งๆ ท่ีอยู่ห่าง
กนั ประมาณ 3-4 ไมล์ ( 5-6.5 กโิ ลเมตร) ในปี พ.ศ. 2344 กฬี าชนดิ น้ไี ด้ขดั เกลาใหด้ ีขึน้ มกี ารกำหนดจำนวนผู้
เลน่ ใหเ้ ท่ากนั ในแต่ละข้าง ขนาดของสนามอยู่ในระหวา่ ง 80 – 100 หลา (73-91 เมตร) และมีประตทู ้งั สอง
ขา้ งที่รมิ สุดของสนามซ่ึงทำดว้ ยไม้ 2 อนั หา่ งกนั 2-3 ฟุต
3
ในปี พ.ศ. 2366 ได้จดั ให้มีการเล่นฟตุ บอลในรูปแบบของการเลน่ ใน ปัจจุบัน William Alice คือผู้เริม่ วางกฎ
บังคับตา่ งๆ สำหรบั กีฬาฟุตบอลและรักบ้ี ในปี พ.ศ. 2393 ไดม้ กี ารออกระเบยี บและกฎของการเล่นไปสู่
ดนิ แดนตา่ งๆ ให้ปฏบิ ัตติ าม โดยจำกดั จำนวนผ้เู ล่นให้มขี า้ งละ 15-20 คน
ประวตั ิฟุตบอล ท่เี กยี่ วข้องกับประเทศอังกฤษ
เม่ือ 900 ปีกวา่ มาแล้ว ประเทศอังกฤษได้ตกอยูใ่ นความปกครองของพวกเคนส์ เชอ้ื สายโรมัน ซง่ึ ยกกองทัพ
มาตีหม่เู กาะอังกฤษตอนใต้ และไดป้ กครองเรื่อยมาจนถึงปี
พ.ศ. 1589 อังกฤษเรมิ่ เขม้ แข็งข้นึ และสามารถขับไล่พวกเคนส์ออกจากประเทศได้ หลงั จากน้ัน 2-3 ปี องั กฤษ
จงึ เริม่ ปรับปรงุ ประเทศเปน็ การใหญ่ มกี ารขุดอุโมงคต์ ามพ้ืนท่ีหลายแห่ง ซงึ่ ในการขดุ อุโมงค์คนงานคนหนงึ่ ได้
ขุดไปพบกะโหลกศีรษะในบริเวณทีเ่ คยเป็นสนามรบและเป็นที่ฝงั ศพของพวกเคนสม์ ากอ่ นทกุ คนในท่นี นั้ แนใ่ จ
ว่าเปน็ กะโหลกศีรษะของพวกเคนส์ อารมณ์แค้นจงึ เกดิ ขึ้นทันทเี มื่อต่างคนต่างคิดถึงเหตกุ ารณ์ที่ถูกพวกเคนส์
กดข่ที ารุณจิตใจคนอังกฤษในสมยั น้ันดว้ ยเหตผุ ลน้ี คนงานคนหนงึ่ จึงเตะกะโหลกศรี ษะนั้นทนั ที สว่ นคนอนื่ ๆ
ท่ีอยูใ่ นบริเวณนั้นก็พากันหยดุ งานช่ัวคราว แลว้ หนั มาเตะกะโหลกศีรษะเป็นการใหญ่ เพื่อระบายอารมณแ์ คน้ ที่
เก็บไวอ้ ย่างสนกุ สนาน ผลทส่ี ุดเมอื่ พวกนหี้ ากะโหลกศรี ษะเตะกนั ไม่ได้กเ็ อาถุงลมของววั มาทำเปน็ ลูกกลมข้นึ
เตะแทนกะโหลกศรี ษะ ปรากฏว่าเป็นท่ีรนื่ เรงิ สนุกสนามกันมาก ต่อมาชาวโรมันได้นำเกมนีไ้ ปเล่นในอังกฤษ
จากนัน้ ชาวอังกฤษกไ็ ด้ปรบั ปรงุ วิธกี ารเล่น เทคนคิ การเลน่ ตลอดจนกติกาให้เหมือนในสมัยปจั จุบนั คือเกม
ฟุตบอลทใี่ ช้เทา้ เล่น แต่ในระยะแรกของการเล่นฟุตบอลจะเล่นกันเป็นกลุ่มๆ เฉพาะพวกคนธรรมดาเทา่ นนั้ ไม่
มีการจำกัดจำนวนผูเ้ ลน่ ประตจู ะห่างกันเป็นไมล์และใชเ้ วลาในการเลน่ หลายช่วั โมง จะเปน็ การเลน่ ระหวา่ ง
ทหารใหม่ท่ีถูกเกณฑ์ นักบวช คนที่แต่งงานแลว้ คนโสด และพวกพ่อคา้ เกมชนิดได้กลายเปน็ สงิ่ ฉลองในงาน
พธิ ตี า่ งๆ เชน่ ในวันโชรพ ทวิ ส์เดย์ (Shrove Tuesday) จะมีฟตุ บอลนดั สำคญั ใหค้ นได้ชม เกมในสมยั นั้นจะ
เลน่ กันอยา่ งรุนแรงและมกี ารบาดเจ็บกันมาก
ในวนั ท่ี 13 เมษายน พ.ศ. 1857 พระเจา้ เอด๊ เวิร์ดท่ี 2 ได้ทรงออกพระราชกฤษฎกี า เนื่องจากมีเสียงอึกทกึ
ครกึ โครมจาการว่งิ แย่งลกู บอล ซึง่ อาจจะทำใหเ้ กิดอบุ ตั เิ หตุมากมาย อันเป็นขอ้ ห้ามของพระเจ้า โดยหา้ มเล่น
กีฬาดังกล่าว ผ้ใู ดฝา่ ฝืนมีโทษจำคุก
4
การแข่งขันการฝกึ เทคนิคและทกั ษะส่วนบุคคลในการเล่น
ทกั ษะเบ้ืองตน้ ในการเลน่ ฟุตบอล
แนวคดิ
การเลน่ กฬี าฟตุ บอลใหเ้ กิดประสิทธิภาพ ผเู้ ล่นตอ้ งเรียนรจู้ นเกดิ ทักษะพนื้ ฐานหลายดา้ นอาทิ การเคลอื่ นไหว
เบอื้ งต้น การทำความคนุ้ เคยกบั ลูกฟุตบอล การหยุดหรือบังคับลกู ทักษะเหลา่ น้ีมี
ความละเอยี ดอ่อน และเปน็ พ้ืนฐานสำหรบั เทคนิคการเล่นอื่น ๆ ต่อไป ซง่ึ ต้องอาศยั การฝึกฝนจนชำนาญ และ
เป็นทกั ษะท่ตี ้องการพัฒนาอย่างตอ่ เนื่อง
การทรงตวั
การทรงตัวเป็นพนื้ ฐานเบือ้ งต้นท่มี ีความสำคญั ในการฝกึ กีฬาทุกชนดิ เพื่อการเคล่ือนไหวไดอ้ ย่างคล่องแคลว่
ว่องไว สามารถทำใหก้ ารเล่นกฬี าเปน็ ไปอย่างต่อเนือ่ ง สนุกสนานเรา้ ใจท่าทางการทรงตัว
ทีผ่ เู้ ลน่ ฟตุ บอลควรฝึกหดั มดี ังนี้
1. ทำการทรงตวั และจงั หวะการใชเ้ ทา้ ทงั้ บนพ้นื ดินและในอากาศ
2. การถา่ ยนำ้ หนักตัวไปสู่เทา้ หลกั เม่อื มีการครอบครองลูก เตะลกู หรอื เล้ยี งลูกฟตุ บอล
3. การวิง่ ตามแบบของฟุตบอล เชน่ วงิ่ ไปท่ีมมุ สนาม วิ่งหาช่องวา่ ง วิง่ ตัดกันเพ่อื หลอกคู่ตอ่ สู้
4. การวิง่ ซกิ แซ็ก เพื่อการหลบหลีกเมอ่ื เล้ียงหรือครอบครองลูก
การเคลื่อนทไี่ ปข้างหน้า ถอยหลงั ไปทางซ้าย ไปทางขวา
มีวธิ ีการฝึกดงั นี้
1. ทง้ิ น้ำหนกั ตวั ไปสูท่ ิศทางท่ีจะเคลื่อนที่ไป ตาจบั อยูท่ ่ีลูกบอล
2. เคล่ือนเทา้ ท่ีอยู่ในทศิ ทางท่ีจะเคลือ่ นไป นำไปก่อน แลว้ จึงเคลื่อนเท้าอีกข้างหน่ึงตามไปโดยเรว็ เช่น ไป
ทางซา้ ยให้กา้ วเทา้ ซ้ายนำไปก่อน แลว้ กา้ วเทา้ ขวาตามไป
3. การใช้ปลายเทา้ สมั ผัสพื้น ช่วยให้การเคล่ือนไหวรวดเร็วขน้ึ
การสร้างความคุ้นเคยกบั ลกู ฟุตบอล
พ้ืนฐานของการเล่นฟตุ บอลที่สำคญั อยา่ งหนึ่งก็คอื การสร้างความสมั พนั ธห์ รือความคุ้นเคยกบั ลูกฟุตบอลเปน็
อยา่ งดี กล่าวคือ การเล่นลกู ฟุตบอลตอ้ งสามารถทำได้อย่างทตี่ ้ังใจไว้ทุกประการ ไม่วา่ จะเป็นการเล่นลูกแบบ
ใดกต็ าม การท่ีผเู้ ล่นคุ้นเคยกับลกู ฟุตบอลจะส่งผลให้การครอบครองบอล การเคลื่อนท่ีในลักษณะต่างๆ การ
ควบคมุ บงั คบั ทิศทางของลูกฟุตบอลเปน็ ไปด้วยความแม่นยำ ดงั นนั้ จงึ ควรให้ผู้เลน่ ฝึกความค้นุ เคยใหช้ ินกับลูก
ฟุตบอลมากทีส่ ุด
5
วธิ กี ารสรา้ งความคุน้ เคยกบั ลูกฟุตบอล
1. วางเทา้ บนลกู ฟุตบอลแล้วคลงึ ดว้ ยฝ่าเท้าไปมาหนา้ – หลงั ซ้าย – ขวา โดยใหอ้ ยูก่ ับที่ ใหท้ ำทง้ั เทา้ ซ้าย-
ขวา
2. ทำเหมอื นข้อที่ 1 แตใ่ หเ้ คล่ือนทไ่ี ปตามทิศทางต่าง ๆ ด้วย
3. ใช้ฝ่าเท้าตบลกู ฟุตบอลให้กระดอนข้ึน-ลง โดยใชเ้ ทา้ ซา้ ยหรอื ขวาสลับกนั
4. วางเทา้ ดา้ นในตดิ กับข้างลูกฟตุ บอล ใช้ขา้ งเทา้ ดา้ นในปาดเหนอื ลกู มาอีกดา้ นหนึง่ ของลูก ตอนนล้ี กู ฟตุ บอล
จะอยู่ขา้ งเทา้ ด้านนอก แลว้ ใช้เทา้ ดา้ นนอกปาดลูกกลบั ไปอีกด้านตามเดิม แลว้ ให้ฝกึ สลับเท้าด้วย
5. งดั ลูกฟตุ บอลดว้ ยปลายเท้าให้ลกู ลอยข้ึนในอากาศ หยุดลูกดว้ ยหลงั เท้า หรอื ฝ่าเท้า
6. งดั ลูกฟุตบอลด้วยปลายเท้าใหล้ ูกลอยข้ึนในอากาศ แลว้ เดาะลูกด้วยเท้า เขา่ หนา้ อก ศรี ษะ สลบั กัน
7. ทำเหมือนข้อ 6 แต่เคลอ่ื นทเ่ี ปน็ ระยะทางไกล โดยลูกฟุตบอลไม่ตกถึงพ้ืน
การหยุดหรือบงั คบั ลูกฟุตบอล
การหยดุ ลูกได้ดนี ้ัน ทำให้สามารถท่ีจะบังคบั และควบคุมลกู ฟตุ บอลใหเ้ คลอื่ นที่ไปในลกั ษณะใดกไ็ ด้ตาม
ต้องการ เชน่ การเลี้ยง การส่งลูก การยงิ ประตู ทำให้ทมี เป็นฝา่ ยรกุ เพือ่ โจมตีฝ่ายตรงข้าม
เราสามารถหยุดลูกฟุตบอลด้วยสว่ นใดของรา่ งกายก็ได้ ยกเวน้ แขนและมือทั้งสองขา้ งคำจำกัดความ
การหยดุ ลกู หมายถงึ การบงั คับลูกทมี่ าในลักษณะต่าง ๆ ทัง้ บนพ้ืนดินและในอากาศให้อยใู่ นครอบครองของ
เรา เพ่ือจะไดส้ ง่ ลูกต่อไปตามความต้องการ
หลกั ในการหยดุ ลูกมอี ยู่ 3 ประการ คือ
1. จะใช้ส่วนใดของร่างกายในการหยดุ ลูก
2. การเคลื่อนตัวเข้าส่ตู ำแหน่ง เพอ่ื หยดุ ลูกทล่ี อยมาหรอื กล้ิงมากับพืน้
3. ใช้เทคนคิ การผ่อนของรา่ งกาย เพ่ือลดแรงปะทะของลกู
การหยุดลกู ด้วยฝ่าเท้า ให้พยายามหยุดลูกฟุตบอลเบา ๆ การใช้ฝา่ เทา้ หยดุ ลูก ให้หยดุ ลูกทส่ี ง่ เรียดมากบั พนื้
โดยเปดิ ปลายเท้าขน้ึ ปะทะลูกไว้ในครอบครองและให้ฝ่าเท้าสมั ผสั ส่วนบนของลกู พร้อมท่ีจะเคล่ือนทตี่ ่อไป
การหยุดลกู ดว้ ยข้างเท้าดา้ นใน วิธีน้สี ามารถใช้หยุดลกู ทีส่ ่งเรียดหรอื ต่ำ
1. ใช้ในการควบคุมลูกฟุตบอลใหต้ กลงส่พู น้ื อยา่ งประณีต ในขณะทเ่ี คล่ือนไปข้างหนา้
6
2. วางมมุ เทา้ เพอื่ หยุดลูก โดยการบดิ ลำตวั ทางดา้ นข้างตามแนวทีล่ ูกลอยมา ใชข้ า้ งเท้าดา้ นในสัมผัสตรงกลาง
ลูก เพื่อผ่อนแรงปะทะ
3. การหยุดลกู ใชอ้ งคป์ ระกอบ 3 อย่าง คือ ขา้ งเทา้ ด้านใน ข้อเท้า และพ้ืนสนาม
4. คาดคะเนจังหวะลกู ฟตุ บอลกระทบกบั เทา้ และพน้ื ดินพร้อม ๆ กัน เพอ่ื การหยุดลูกไว้อย่างม่ันคง
imagesCACLZVRU-horz.jpg
การหยดุ ลกู ดว้ ยหลงั เท้า วิธีนีใ้ ชห้ ยุดลูกฟุตบอลท่ีลอยมา ใหง้ อเข่าและยกเท้าขึ้น เพ่ือรับลูกทกี่ ำลงั จะตกพืน้
ใหล้ ดขาและเทา้ เพ่อื ผ่อนแรงปะทะ ตาจ้องมองดลู กู ใช้ขาข้างใดขา้ งหน่งึ เป็นหลกั และทรงตัวใหม้ ั่นคง
imagesCA2988IS.jpg
การหยุดลูกด้วยหนา้ ขา
ใช้ในกรณที ล่ี ูกลอยมาสงู กวา่ ระดบั เอว ใช้หนา้ ขาหยดุ ลกู ไว้โดยให้งอเขา่ รับผอ่ นแรง โดยลดต้นขาลงแลว้ ปลอ่ ย
ลกู ตกลงพ้ืนอยู่กับเท้าเพือ่ ครอบครองบอล โดยใช้แขนทั้งสองขา้ งและขาท่ียืนเป็นหลกั
ช่วยในการทรงตวั
การหยดุ ลกู ดว้ ยหนา้ อก
วธิ นี ้ีใชร้ ับลกู ทลี่ อยมา ใหแ้ ยกแขนทั้งสองออก ยดื อกรับลูกแล้วปล่อยลูกลงพ้นื อย่กู ับเทา้ โดยการยนื แยกขา
ออกเลก็ น้อย เพื่อการทรงตวั ขณะทีล่ กู ปะทะกบั หนา้ อก ใหย้ อ่ ตวั และไหลท่ ้งั สองขา้ ง
เพ่ือลดแรงปะทะ
imagesCACPSNIJ-horz.jpg
การหยุดลูกดว้ ยศีรษะ
ในกรณที ีล่ ูกฟุตบอลลอยมาสูงเกินกวา่ ที่จะรบั ด้วยหน้าอก ให้ใช้นา้ ผากรับแทน โดยย่นื ศีรษะออกไปเพอื่ รับลกู
เม่อื รบั แล้วให้ดึงศีรษะกลบั แลว้ ปลอ่ ยใหล้ กู ลงพื้นอยกู่ บั เท้า
imagesCABCWKP8-horz.jpg
ความรทู้ ่วั ไปเกีย่ วกับกีฬาฟตุ บอล
มารยาทของนักกีฬาท่ีควรปฏิบัติ
7
การเลน่ ฟุตบอลก็เหมือนกับการเล่นกีฬาประเภทอน่ื ๆ ท่ผี ูเ้ ล่นจำเปน็ ต้องมีมารยาทในการเล่น เพือ่ ให้การเล่น
ดำเนินไปดว้ ยดี นอกจากนี้ผู้ดูกค็ วรมมี ารยาทในการดเู ชน่ เดียวกัน จงึ จะทำให้เกิดผลดีต่อการกีฬาอย่าง
สมบรู ณ์
มารยาทของผูเ้ ล่นฟุตบอลท่ีดี
1. มคี วามรักและความสามัคคใี นหม่คู ณะ เอื้อเฟื้อเผอื่ แผช่ ่วยเหลอื กัน
2. มีนำ้ ใจนกั กีฬา แสดงการขอโทษเมื่อร้วู ่าตนเองกระทำผิด ร้จู กั ให้อภัยเม่ือเพ่ือนผดิ พลาดรจู้ กั แพ้เมอ่ื ตนเองมี
ความสามารถและฝีมือไมม่ ากนัก
3. มคี วามรับผดิ ชอบในหน้าที่ของตนตามที่ได้รบั มอบหมาย
4. ปฏบิ ตั ิตามกฎกติกาการเล่นโดยเครง่ ครัด
5. เชือ่ ฟงั การตัดสนิ ของผู้ตัดสิน โดยไมแ่ สดงกิริยาที่ไมเ่ หมาะสมแกผ่ ู้ตัดสนิ ในการตัดสินไมก่ ระทำการใดๆ อัน
เป็นการยวั่ ยหุ รอื กลนั่ แกลง้ ผู้เลน่ ฝา่ ยตรงขา้ ม
6. มีความอดทน เสยี สละ
7. กล้าตัดสนิ ใจ แสดงความคิดเหน็ และแสดงออกในส่ิงที่ถูกตอ้ ง
8. มีความสภุ าพเรียบรอ้ ย ปฏิบัตติ นอยใู่ นระเบยี บประเพณีท่ดี ีงาม
pix_lesson_2_1.jpg
(น้ำใจนกั กีฬาเป็นส่ิงท่ีทุกคนต้องม)ี
มารยาทของผู้ชมท่ีดี
1. ไม่กลา่ วถ้อยคำหรือแสดงกิริยาเยาะเยย้ ถากถางผู้เลน่ ทเ่ี ลน่ ผดิ พลาด
2. แสดงความยนิ ดีแกผ่ ู้เลน่ ทเ่ี ลน่ ดี เช่น การปรบมอื เป็นต้น
3. ไมก่ ระทำตวั เปน็ ผูต้ ัดสนิ เสียเอง เช่น ตะโกนดา่ ว่ากรรมการ
4. ไมเ่ ชยี รใ์ นส่งิ ทเี่ ปน็ การสอ่ เสียดในทางไม่ดีต่อทีมใดทีมหนึง่
5. ไมก่ ระทำสิ่งใดๆ ทท่ี ำใหผ้ ้ตู ัดสินหรือเจา้ หนา้ ท่ีอื่นๆ ปฏิบัตงิ านไม่สะดวก
6. ไม่กระทำสิ่งใดๆ อนั เป็นการกีดขวางการเลน่ ของผู้เลน่
การบำรงุ รักษาอุปกรณ์
อุปกรณ์แยกไดเ้ ป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ
1. อุปกรณ์ของนักกีฬาฟุตบอล ไดแ้ ก่
8
1.1 รองเท้า ต้องเลือกท่ีใสส่ บาย มคี วามยดื หยนุ่ ดี หลงั ใช้ใหท้ ำความสะอาดทกุ ครั้ง ขดั เงาและใช้หนังสือพมิ พ์
หรอื นนุ่ ยัดไว้เพื่อให้รองเท้าอยูท่ รงสภาพเดิม
1.2 สนับแขง้ ป้องกนั การกระแทกไม่ให้ถกู ของมคี มหรือเป็นแผลถลอก
1.3 เสื้อ ให้ใช้ผ้าท่ีวับเหงอื่ ได้ดี ผูร้ กั ษาประตูควรสวมเส้อื แขนยาวปอ้ งกนั การเกดิ แผลถลอกเวลาล้มหรือพงุ่ ตวั
ตวั รับลกู ฟุตบอล
1.4 กางเกง ควรใชผ้ า้ ท่ีทำจากฝ้ายและสวมใส่สบาย เคล่ือนไหวได้อิสระ
1.5 ถงุ มือสำหรบั ผู้รักษาประตู ป้องกันการลนื่ ในสภาพสนามแฉะและมโี คลน หลังใช้ต้องทำความสะอาดและ
ผึง่ ให้แหง้ ในทร่ี ม่
2. อปุ กรณ์ที่ใช้ในการเล่นฟุตบอล
2.1 ลูกฟตุ บอล ต้องไดร้ ับการยอมรบั จาก F.I.F.A. มนี ้ำหนกั ได้มาตรฐาน 396-453 กรมั หากเปียกนำ้ เปื้อน
โคลน ต้องทำความสะอาดและเช็ดใหแ้ ห้ง
2.2 ตาข่ายประตู ตอ้ งไม่ขาด หรอื มีช่องโหว่ตดิ ตง้ั อยา่ งม่นั คง ใชแ้ ลว้ ให้เกบ็ ในท่ีหา่ งจากความร้อนและ
ความช้นื
2.3 ปา้ ยคะแนน และเลขคะแนน ระวังไม่ให้เปยี กน้ำ เพ่อื ป้องกันการผุ เกบ็ ในทห่ี ่างจากความชนื้ เชน่ ในทีร่ ่ม
หรอื ห้องเกบ็ ของ
2.4 เสาประตู ตอ้ งหมั่นตรวจสอบเวลาฝึกซ้อมหรอื แขง่ ขนั ตอ้ งอย่ใู นสภาพมนั่ คง แข็งแรง
2.5 เขม็ ปลอ่ ยลมลูกบอล ต้องจดั เตรยี มไว้เม่ือเติมลมลกู ฟุตบอลมากเกินไปหรอื ไม่ไดม้ าตรฐาน
2.6 ธงมมุ สนาม ปักไวท้ ่มี มุ สนาม ใช้แลว้ นำมาเก็บใหเ้ รียบร้อย และนำไปปกั เมอ่ื ต้องการใช้การบำรงุ รักษา
สขุ ภาพ
กฎ กติกา ฟตุ บอล
80768220px-Football_pitch_metric.jpg
(สนามฟตุ บอลและขนาดมาตรฐาน)
กตกิ าฟุตบอล (องั กฤษ: The Laws of the Game)เปน็ กฎและกติกาฟุตบอลสากลท่กี ำหนดโดยสมาคม
ฟตุ บอล ในปัจจุบันมที งั้ หมด 17 ข้อ ดูแลโดยหน่วยงานไอเอฟเอบี
กฎขอ้ ที่ 1: สนามฟตุ บอล เปน็ สนามหญ้ารูปสีเ่ หลี่ยมผืนผา้ กวา้ ง 100 หลา ยาว 130 หลา และทำเสน้ ตา่ งๆ
ในสนามเป็นสีขาวมลี กั ษณะตามภาพ
9
กฎขอ้ ที่ 2: ลูกฟตุ บอล เปน็ ทรงกลม ทำจากหนัง หรือวสั ดุอ่ืนๆ ตามความเหมาะสมท่ีไม่เป็นอันตรายต่อผูเ้ ลน่
เปน็ ฟุตบอลเบอร์ 5 มเี สน้ รอบวงประมาณ 68-70 เซนตเิ มตร นำ้ หนกั ประมาณ 410-450 กรมั
กฎขอ้ ที่ 3: จำนวนผู้เล่นประกอบด้วยทีม 2 ทีม และแต่ละทีมประกอบดว้ ยผเู้ ล่นตวั จรงิ และตวั สำรอง ผเู้ ล่นตัว
จริงจะเปน็ ผ้เู ลน่ ชุดแรกทล่ี งสนาม ส่วนผู้เล่นตัวสำรองมไี ว้เพอ่ื สบั เปลี่ยนกับผูเ้ ลน่ ตวั จริงในกรณีท่ผี เู้ ลน่ ตัวจรงิ
ไมส่ ามารถเล่นได้หรือกรณีอ่ืนๆ ตามความเหมาะสมหรือตามแตด่ ลุ ยพินจิ ของผู้จดั การทีม ผู้เล่นตัวจรงิ ที่ลง
สนามต้องมไี ม่ต่ำกวา่ 7 คน และไม่เกนิ 11 คน และหนึ่งในน้นั จะต้องมีผเู้ ลน่ ตำแหน่งผู้รักษาประตู 1 คน, ตวั
สำรองสามารถมีได้ไม่เกิน 7 คน
กฎขอ้ ที่ 4: อปุ กรณ์การเลน่ ได้แก่ ลูกฟตุ บอล (ตามกฏข้อ 2) ใชส้ ำหรบั เล่น 1 ลกู และเครือ่ งแบบของนกั กีฬา
ทมี ทงั้ 2 ทีมทีล่ งแขง่ ขัน สมาชกิ ทุกคนในทีมยกเว้นผรู้ ักษาประตูจะต้องใสช่ ุดแขง่ ขันสีเดียวกัน และทั้ง 2 ทีม
จะตอ้ งใสช่ ดุ แขง่ ทม่ี สี ตี ัดกันอย่างชดั เจน จะใสช่ ุดทม่ี ีโทนสีคล้ายกันไม่ได้ (เชน่ ทีมหน่งึ ใสชุดแข่งสขี าว อีกทีม
หนง่ึ ใส่ชดุ แข่งสเี หลอื ง) ผูร้ กั ษาประตจู ะต้องใสช่ ดุ แข่งท่ีมีสีไม่ซำ้ กบั ผู้เล่นท้ัง 2 ทมี และนักกีฬาที่ทำการแขง่ ขัน
จะตอ้ งใสร่ องเท้า (ในปจั จุบันไมอ่ นุญาตใหน้ ักกีฬาใช้เทา้ เปล่าเล่น) ท่กี ลา่ วมาเปน็ อุปกรณก์ ารเลน่ ทีต่ ้องมีใน
การแข่งขนั ยงั มีอุปกรณ์อื่นๆ ทีก่ ตกิ าไม่บังคบั แตผ่ ู้เลน่ มกั จะนยิ มใชก้ ัน คือ สนบั แขง้ , ถุงมอื และหมวกสำหรบั
ผูร้ กั ษาประตู และยังมอี ุปกรณ์ปลกี ย่อยสำหรบั ผู้ท่ีมีปญั หาทางสขุ ภาพท่สี ามารถอนุโลมให้ใส่ ในเวลาลงเลน่ ได้
เชน่ แวน่ ตา (สำหรบั ผู้ทีไ่ ดร้ ับการผ่าตดั ทางตา), หน้ากาก, เฮดเกยี ร์ เปน็ ต้น
กฎข้อที่ 5: กรรมการ
กฎขอ้ ที่ 6: ผู้ช่วยกรรมการ
กฎข้อที่ 7: ระยะเวลาการแข่งขัน
กฎข้อท่ี 8: การเริม่ ตน้ การแข่งขัน
กฎขอ้ ที่ 9: บอลออกนอกสนาม
กฎข้อท่ี 10: วิธีนบั คะแนน
กฎข้อท่ี 11: การลำ้ หนา้
การลำ้ หน้า (องั กฤษ: Offside) ในกติกาของฟุตบอล หมายถงึ ผเู้ ล่นทีอ่ ยใู่ นตำแหนง่ ล้ำหนา้ เม่อื ลกู บอลสัมผัส
หรือเลน่ โดยผเู้ ล่นคนหนึ่งในทีมของเขา โดยผู้ตัดสนิ เหน็ วา่ เขามสี ่วนรว่ มกบั การเล่นอยา่ งชดั เจน หรอื เกยี่ วขอ้ ง
กบั ผู้เลน่ ฝา่ ยตรงขา้ ม หรือ อาศัยความได้เปรยี บจากการอยู่ในตำแหน่งลำ้ หนา้ ขณะนนั้ แตไ่ มถ่ ือเป็นการลำ้
หนา้ ในกรณีท่ีเตะจากประตู หรอื เตะจากมุม หรือการทุม่
สำหรบั การกระทำผิดจากการลำ้ หน้า จะลงโทษ โดยให้ผูเ้ ลน่ ฝ่ายตรงข้ามไดเ้ ตะโทษ โดยอ้อมจากตำแหน่ง
กระทำผดิ
กฎข้อที่ 12: ฟาวล์
10
กฎข้อที่ 13: ฟรคี ิก
กฎขอ้ ที่ 14: ลกู โทษ
การยงิ ลกู โทษ เปน็ การตั้งเตะทำคะแนนในการแขง่ ขันฟุตบอล โดยลูกฟตุ บอลจะอยใู่ นตำแหน่งหนา้ ประตูหา่ ง
มาเปน็ ระยะ 12 หลา (ประมาณ 11 เมตร) โดยมีผู้รักษาประตคู นเดียวเทา่ นั้นท่ีอยู่ในตำแหนง่ ที่ป้องกนั ได้
ในการแข่งขันฟตุ บอลจะมีการยงิ ลกู โทษสองลักษณะคือ ลักษณะแรกการยิงลูกโทษระหวา่ งการแขง่ ขัน เกิด
จากที่ผเู้ ล่นในฝ่ายรับทำฟาลว์ ผู้เล่นฝา่ ยตรงขา้ มภายในเขตประตู โดยผูท้ ีย่ ิงลกู โทษจะมีสิทธิยงิ ไดห้ นงึ่ คร้ังโดย
เม่ือยงิ เสรจ็ แลว้ จะปล่อย ให้เกมเลน่ ต่อตามปกติ ในลกั ษณะทส่ี องคือการยงิ ลูกโทษภายหลังจากหมดเวลาการ
แขง่ ขนั และท้งั สองฝ่ายมีคะแนนเทา่ กัน จะทำการยิงลกู โทษในการตดั สินผู้ชนะ โดยการยงิ ลูกโทษลกั ษณะน้ี
จะ เร่ิมตน้ โดยผู้ยิงฝ่ายละ 5 คน สลับกันยงิ ลูกโทษ โดยถา้ ไม่สามารถตดั สินกนั ได้ให้มีการยงิ ต่อไปเรอ่ื ยๆ
จนกว่าจะไดผ้ ชู้ นะ
การยิงลกู โทษเกดิ ข้นึ คร้ังแรกจากความคิดของผ้รู ักษาประตชู าวไอรแ์ ลนด์ วิลเลยี ม แมค็ ครูม (William
McCrum) ในปี พ.ศ. 2433 (ค.ศ. 1890) โดยได้เสนอไอเดียกับ สมาคมฟุตบอลไอร์แลนด์ และได้มกี ารเสนอ
ความคิดน้ีต่อให้กับ สมาคมฟุตบอลนานาชาติ ซึง่ มีการรบั รองเมื่อวนั ที่ 2 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2434 และมีการใชก้ ัน
ในชว่ งฤดูกาล 1891-92
11
กฎและกตกิ าในการแข่งขัน
12
เอกสารอา้ งองิ
คน้ หาจาก https://www.educatepark.com/story/history-of-football/
ค้นหาจาก https://sites.google.com/site/exanatachai111/thaksa-beuxng-tn-ni-kar-len-futbxl