แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง แรงและแรงลัพธ์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน เวลา 7 ชั่วโมง เวลา 2 ชั่วโมง 1. สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุลักษณะการ เคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 3. ตัวชี้วัด ว 2.2 ป.5/1 อธิบายวิธีการหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกันที่กระทำต่อวัตถุในกรณีที่วัตถุ อยู่นิ่งจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ว 2.2 ป.5/1 เขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระทำต่อวัตถุที่อยู่ในแนวเดียวกันและแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุ 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด แรงลัพธ์เป็นผลรวมของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ตั้งแต่ 2 แรงขึ้นไป แรงที่กระทำต่อวัตถุเดียวกันจะมี ขนาดเท่ากับผลรวมของแรงทั้งสองเมื่อแรงทั้งสองอยู่ในแนวเดียวกันและมีทิศทางเดียวกันแต่จะมีขนาดเท่ากับ ผลต่างของแรงทั้งสองเมื่อแรงทั้งสองอยู่ในแนวเดียวกันแต่มีทิศทางตรงข้ามกัน สำหรับวัตถุที่อยู่นิ่งแรงลัพธ์ที่ กระทำต่อวัตถุมีค่าเป็นศูนย์ การเขียนแผนภาพของแรงที่กระทำต่อวัตถุสามารถเขียนได้โดยใช้ลูกศร โดยหัวลูกศรแสดงทิศทาง ของแรง และความยาวของลูกศรแสดงขนาดของแรงที่กระทำต่อวัตถุ 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายวิธีการหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกันที่กระทำต่อวัตถุได้ (K) 2) เขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระทำต่อวัตถุที่อยู่ในแนวเดียวกันและแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุได้ (P) 3) รับผิดชอบและมุ่งมั่นในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย (A) 6. คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 1) มีวินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งมั่นในการทำงาน 7. สมรรถนะที่สำคัญ 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทักษะการสำรวจค้นหา 1.2) ทักษะการเชื่อมโยง 1.3) ทักษะการคิดเป็นระบบ 2) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
8. ทักษะกระบวนการคิด การคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ 9. เนื้อหาสาระ แรง หมายถึง การกระทำที่สามารถทำให้วัตถุหรือสิ่งต่างๆ ที่หยุดนิ่งเคลื่อนที่ไปได้ หรือทำให้ วัตถุที่ กำลังเคลื่อนที่อยู่มีความเร็วเพิ่มขึ้นหรือช้าลง หรือเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ของวัตถุได้การออกแรงกระทำ ต่อวัตถุอาจมีแรงหลายแรงมากระทำต่อวัตถุร่วมกัน โดยผลรวมของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ตั้งแต่ 2 แรงขึ้นไป เรียกว่า แรงลัพธ์ โดยผลของแรงลัพธ์ที่เกิดขึ้นมี 3 กรณี ได้แก่ 1. แรงที่กระทำต่อวัตถุในแนวเดียวกัน ทิศทางเดียวกัน ค่าของแรงลัพธ์จะเท่ากับผลรวมของแรง ทั้งหมดและแรงลัพธ์จะมีทิศทางเดียวกับแรงที่มากระทำต่อวัตถุวัตถุจึงเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกับแรงลัพธ์ 2. แรงที่กระทำต่อวัตถุในแนวเดียวกัน ทิศทางตรงกันข้ามกัน ค่าของแรงลัพธ์จะเท่ากับผลต่างของ แรงที่มากระทำต่อวัตถุและแรงลัพธ์จะมีทิศทางเดียวกับทิศทางของแรงที่มากกว่า 3. แรงที่กระทำต่อวัตถุเดียวกันในแนวเดียวกัน ทิศทางตรงกันข้ามกันและมีขนาดเท่ากันจะทำให้วัตถุ อยู่นิ่ง แรงทั้งสองจะหักล้างกันทำให้แรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุมีค่าเป็นศูนย์ การเขียนแผนภาพของแรงที่กระทำต่อวัตถุสามารถเขียนได้โดยใช้ลูกศร โดยหัวลูกศรแสดงทิศทาง ของแรง และความยาวของลูกศรแสดงขนาดของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ประโยชน์ของแรง ในชีวิตประจำวันของเรามีการนำแรงลัพธ์มาใช้ประโยชน์มากมาย ตัวอย่างเช่น การสร้างสะพานแขวน การปั่นจักรยานพ่วง การใช้สุนัขหลาย ๆ ตัวลากเลื่อน เป็นต้น 10. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ • วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (20 นาที) 1) นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน ประจำหน่วย แรงในชีวิตประจำวัน 2) ครูให้นักเรียนแบ่งทีมเป็น 2 ทีม คละกันชาย-หญิง โดยให้นักเรียนเล่นเกม “ชักคะเย่อ” วิธีการเล่นคือ ให้นักเรียนแต่ละทีมออกแรงดึงเชือก โดยทีมใดสามารถดึงเชือกจากฝ่ายตรงข้ามมาฝั่งตนเองได้ 2 ใน 3 ครั้ง ถือว่าทีมนั้นเป็นฝ่ายชนะ
3) ครูถามนักเรียนว่า “นักเรียนสังเกตหรือเรียนรู้สิ่งใดบ้างจากการเล่มเกม” (แนวคำตอบ : การออกแรงดึงเชือกทั้ง 2 ฝั่งไม่เท่ากัน โดยทีมที่ออกแรงกระทำต่อเชือกมากกว่าจะเป็นฝั่งที่ดึงเชือกมาจาก ฝ่ายตรงข้ามและเป็นผู้ชนะ) ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (20 นาที) 4) ครูชี้แจงการทำกิจกรรม “การหาแรงลัพธ์” โดยให้นักเรียนส่งตัวแทนเพื่อน 2 คน ที่คิดว่า มีแรงเยอะที่สุดออกมาสาธิตกิจกรรมหน้าชั้นเรียน โดยให้นักเรียนทั้ง 2 คน ออกแรงใน 2 รูปแบบ ดังนี้ 1. นักเรียน 2 คน ออกแรงผลักโต๊ะไปในทิศทางเดียว สังเกตผลที่เกิดขึ้นกับโต๊ะ 2. นักเรียน 2 คน ออกแรงผลักโต๊ะไปในทิศทางตรงกันข้ามกัน สังเกตผลที่เกิดขึ้นกับโต๊ะ 5) ครูตั้งคำถามให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับผลที่เกิดขึ้นกับโต๊ะและเพราะเหตุใดผลที่ เกิดขึ้นกับโต๊ะจึงแตกต่างกัน (แนวคำตอบ : ผลที่เกิดกับโต๊ะคือโต๊ะเคลื่อนที่จากที่หยุดนิ่งเพราะมีแรงมากระทำ ซึ่งเมื่อออกแรงกระทำต่อโต๊ะ 2 แรง ในทิศทางเดียวโต๊ะจะเคลื่อนที่ไปตามทิศของแรงที่มากระทำ แต่เมื่อมีแรง 2 แรงมากระทำในทิศตรงข้ามกัน โต๊ะจะเคลื่อนที่ไปในทิศที่มีการออกแรงกระทำต่อวัตถุมากกว่า) 6) ครูถามนักเรียนต่อว่า “หากเพื่อนทั้ง 2 คน ออกแรงกระทำต่อโต๊ะ แล้วโต๊ะ ไม่เคลื่อนที่ แสดงว่าอย่างไร” (แนวคำตอบ : แสดงว่าแรงที่เพื่อนทั้ง 2 คน กระทำต่อโต๊ะในทิศตรงข้ามกันมีขนาดเท่ากัน แรงที่กระทำหักล้างกันหมดแรงลัพธ์จึงเป็นศูนย์ โต๊ะจึงไม่เคลื่อนที่) ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้(20 นาที) 7) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการหาแรงลัพธ์ โดยครูตั้งคำถาม ดังนี้ 1. สิ่งที่ทำให้โต๊ะเคลื่อนที่ได้ คืออะไร (แนวคำตอบ : แรงที่กระทำต่อโต๊ะ) 2. นอกจากวัตถุต่างๆสามารถเคลื่อนที่ได้แล้วแรงยังส่งผลให้วัตถุเกิดอะไรขึ้นได้อีกบ้าง (แนวคำตอบ :เปลี่ยนทิศทาง เปลี่ยนรูปร่างหรือหยุดนิ่ง) 8) ครูอธิบายเกี่ยวกับแรงลัพธ์ ว่าเป็นผลรวมของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ตั้งแต่ 2 แรงขึ้นไป มีหน่วยเป็นนิวตัน ซึ่งการหาแรงลัพธ์ต้องเขียนแสดงแรงที่กระทำต่อวัตถุด้วยลูกศร ความยาวของลูกศรแทน ขนาดของแรงและหัวของลูกศรแทนทิศของแรงที่กระทำต่อวัตถุ การหาขนาดของแรงลัพธ์จึงต้องพิจารณาทั้ง ขนาดและทิศทางของแรง โดยผลของแรงลัพธ์ที่เกิดขึ้นมี 3 กรณี ได้แก่ 1. แรงที่กระทำต่อวัตถุในแนวเดียวกัน ทิศทางเดียวกัน ค่าของแรงลัพธ์จะเท่ากับผลรวม ของแรงทั้งหมดและแรงลัพธ์จะมีทิศทางเดียวกับแรงที่มากระทำต่อวัตถุ 2. แรงที่กระทำต่อวัตถุในแนวเดียวกัน ทิศทางตรงกันข้ามกัน ค่าของแรงลัพธ์จะเท่ากับ ผลต่างของแรงที่มากระทำต่อวัตถุและแรงลัพธ์จะมีทิศทางเดียวกับทิศทางของแรงที่มากกว่า 3. แรงที่กระทำต่อวัตถุเดียวกันในแนวเดียวกัน ทิศทางตรงกันข้ามกันและมีขนาดเท่ากัน จะทำให้วัตถุอยู่นิ่ง แรงทั้งสองจะหักล้างกันทำให้แรงลัพธ์มีค่าเป็นศูนย์ 9) นักเรียนทำใบงาน เรื่อง แรงลัพธ์ เพื่อฝึกการหาค่าแรงลัพธ์จากโจทย์ที่ครูกำหนดให้
ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (30 นาที) 10) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับแรงลัพธ์ โดยครูตั้งคำถาม “ในชีวิตประจำวัน นักเรียนทำกิจกรรมใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับการออกแรงกระทำต่อวัตถุ” (แนวคำตอบ : การสร้างสะพานแขวน การปั่นจักรยานพ่วง การใช้สุนัขหลาย ๆ ตัวลากเลื่อน เป็นต้น) 11) ครูวาดแผนภาพของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ให้นักเรียนดู พร้อมตั้งคำถามให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย “ลูกศรที่ใช้ในการวาดแผนภาพของแรงที่กระทำต่อวัตถุ มี ประโยชน์อย่างไร” (แนวคำตอบ : ลูกศรเป็นสัญลักษณ์ที่บอกถึงขนาด (ความยาวของลูกศร) และทิศทางของ แรง (หัวลูกศร) ซึ่งจะทำให้สามารถหา แรงลัพธ์ได้อย่างถูกต้อง) 12) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับแรงเพื่อความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (30 นาที) 13) ครูตั้งคำถาม ถามนักเรียนเพื่อให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นว่าแรง มีคุณและโทษอย่างไร โดยสุ่มเลือกถาม นักเรียน 2-3 คน (แนวคำตอบ : ตอบตามแนวคิดของนักเรียน) 14) นักเรียนทำใบงาน เรื่อง การใช้ประโยชน์จากแรงลัพธ์และการเขียนแผนภาพของแรงที่ กระทำต่อวัตถุและแรงลัพธ์ 11. สื่อการเรียนรู้ 1) สื่อการเรียนรู้ 1.1) หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ป.5 1.2) อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำกิจกรรม 1.3) ใบงานเรื่อง แรงลัพธ์/ ใบงานเรื่อง การใช้ประโยชน์จากแรงลัพธ์และใบงานเรื่อง การเขียนแผนภาพของแรงที่กระทำต่อวัตถุและแรงลัพธ์ 1.4) ทดสอบก่อนเรียน ประจำหน่วย แรงในชีวิตประจำวัน กระทำต่อวัตถุและแรงลัพธ์ 1.5) PowerPoint สรุปความรู้วิทยาศาสตร์ ป.5 2) แหล่งการเรียนรู้ 2.1) ห้องเรียน 2.2) ห้องสมุด
12. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ที่ วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ตรวจใบงาน ใบงาน ร้อยละ 60 ถือว่าผ่านเกณฑ์ 2 สังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วม ในกิจกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล นักเรียนผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ 3 สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ นักเรียนผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ ลงชื่อ............................................................. ครูผู้สอน (นาย สุพศิน นาวัลย์) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนชุมชนศิลาเพชร .............../..................../..............
บันทึกหลังจากการจัดการเรียนการสอน 1. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………..… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………...……………………..……… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… 2. ปัญหาและอุปสรรค ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………..…… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… 3. แนวทางแก้ไข/ข้อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………….. ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… ลงชื่อ............................................................. ครูผู้สอน (นาย สุพศิน นาวัลย์) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนชุมชนศิลาเพชร .............../..................../..............
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การใช้เครื่องชั่งสปริงในการวัดแรง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน เวลา 7 ชั่วโมง เวลา 1 ชั่วโมง 1. สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุลักษณะการ เคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 3. ตัวชี้วัด ว 2.2 ป.5/3 ใช้เครื่องชั่งสปริงในการวัดแรงที่กระทำต่อวัตถุ 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด แรง หมายถึง การกระทำที่สามารถทำให้วัตถุหรือสิ่งต่างๆ ที่หยุดนิ่งเคลื่อนที่ไปได้ หรือทำให้ วัตถุที่ กำลังเคลื่อนที่อยู่มีความเร็วเพิ่มขึ้นหรือช้าลง หรือเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ของวัตถุได้ การออกแรงกระทำ ต่อวัตถุอาจมีแรงหลายแรงมากระทำต่อวัตถุร่วมกัน สำหรับเครื่องมือที่ใช้ในการวัดแรงที่กระทำต่อวัตถุ คือ เครื่องชั่งสปริงโดยคาที่อานไดจากเครื่องชั่งสปริง เปนคาของแรงที่ตาชั่งสปริงดึงวัตถุ การใชเครื่องชั่งสปริงลาก วัตถุในแนวราบ คาที่อานไดจะบอกถึงขนาดของแรงที่กระทําตอวัตถุ 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายวิธีการวัดแรงที่กระทำต่อวัตถุโดยใช้เครื่องชั่งสปริงได้ (K) 2) ใช้เครื่องชั่งสปริงในการวัดแรงที่กระทำต่อวัตถุได้อย่างถูกต้อง (P) 3) รับผิดชอบและมุ่งมั่นในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย (A) 6. คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 1) มีวินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งมั่นในการทำงาน 7. สมรรถนะที่สำคัญ 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทักษะการสำรวจค้นหา 1.2) ทักษะการเชื่อมโยง 2) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 8. ทักษะกระบวนการคิด การคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ
9. เนื้อหาสาระ เครื่องมือที่ใช้ในการวัดแรงที่กระทำต่อวัตถุ คือ เครื่องชั่งสปริงโดยคาที่อานไดจากเครื่องชั่งสปริง เปนคาของแรงที่ตาชั่งสปริงดึงวัตถุ การใชเครื่องชั่งสปริงลาก วัตถุในแนวราบ คาที่อานไดจะบอกถึงขนาดของ แรงที่กระทําตอวัตถุ 10. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ • วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (5 นาที) 1) ครูถามนักเรียนว่า “นักเรียนคิดว่าเวลาที่เราออกแรงกระทำต่อวัตถุ เราสามารถทราบแรง ที่เรากระทำต่อวัตถุได้หรือไม่” (แนวคำตอบ : ตอบตามแนวคิดของนักเรียนอาจมีทั้ง ได้และไม่ได้) 2) ครูให้นักเรียนดูภาพเครื่องชั่งสปริงแล้วถามนักเรียนว่า “นักเรียนคิดว่าเครื่องมือนี้คืออะไร และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร” (แนวคำตอบ : เครื่องชั่งสปริง ใช้ในการชั่งน้ำหนักสิ่งของ) ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (20 นาที) 3) ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน จากนั้นแจกเครื่องชั่งสปริงกลุ่มละ 2 อัน เพื่อให้ นักเรียนสังเกตรูปร่าง ส่วนประกอบและรายละเอียดของเครื่องชั่งสปริง 4) ครูตั้งคำถามให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับส่วนประกอบและรายละเอียดของเครื่อง ชั่งสปริง ดังนี้ 1. เครื่องชั่งสปริงมีส่วนประกอบใดบ้าง (แนวคำตอบ :หูจับ ขอเกี่ยว หมุด สปริงและสเกล) 2. สเกลที่อยู่บนเครื่องชั่งสปริงมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง (แนวคำตอบ : สเกลมี 2 แบบ คือสเกลที่มีหน่วยเป็นกรัมและมีหน่วยเป็นนิวตัน) 3. ครูถามนักเรียนต่อว่า “นักเรียนทราบหรือไม่ว่าหน่วยของแรงคืออะไร” (แนวคำตอบ : หน่วยของแรงคือนิวตัน) 5) เมื่อนักเรียนทราบว่าหน่วยของแรงคือนิวตัน ครูให้นักเรียนทำการทดลองเรื่อง การใช้ เครื่องชั่งสปริงในการวัดแรง โดยมีขั้นตอน ดังนี้ 1. นำถุงทรายเกี่ยวกับเครื่องชั่งสปริง 1 อัน และออกแรงดึงให้ ถุงทรายเคลื่อนที่ใน แนวราบบนโต๊ะ สังเกตขนาดและทิศทาง ของการเคลื่อนที่ และบันทึกลงในตาราง 2. ทำซ้ำข้อ 1 แต่ใช้เครื่องชั่งสปริง 2 อัน ดึงถุงทรายในแนวราบ ให้ขนานกัน สังเกตขนาด และทิศทางของการเคลื่อนที่ และ บันทึกลงในตาราง 3. บันทึกผลการทดลองและสรุปผลการทดลองลงใบบันทึกกิจกรรม ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้(20 นาที) 6) ครูสุ่มนักเรียน 1 – 2 กลุ่ม ในการนำเสนอผลการทดลอง 7) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับผลการทดลองเรื่อง การใช้เครื่องชั่งสปริงใน การวัดแรง โดยครูตั้งคำถาม ดังนี้
1. นักเรียนสามารถทราบถึงแรงที่กระทำต่อวัตถุได้โดยวิธีใด (แนวคำตอบ : การอ่านค่า จากเครื่องชั่งสปริง) 2. เมื่อนำเครื่องชั่งสปริง 2 อัน มาใช้ในการดึงถุงทราย แรงดึงที่กระทำต่อวัตถุที่อ่านได้ จากเครื่องชั่งสปริงทั้ง 2 อัน เป็นอย่างไร เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ : แรงดึงที่อ่านค่าได้จากเครื่องชั่งสปริงมี ค่าลดน้อยลงเนื่องจากมีแรงดึง 2 แรง มากระทำต่อวัตถุ) 3. ทิศทางการออกแรงและทิศทางการเคลื่อนที่ของถุงทรายในการทดลองมีความสัมพันธ์ กันอย่างไร (แนวคำตอบ : ทิศทางของการออกแรงและทิศทางการเคลื่อนที่ของถุงทรายไปในทิศทางเดียวกัน ยิ่งออกแรงมากถุงทรายยิ่งเคลื่อนที่เร็วขึ้น) ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (10 นาที) 8) ครูถามนักเรียนเกี่ยวกับการวัดแรงที่กระทำต่อวัตถุ ดังนี้ 1. นักเรียนทราบหรือไม่ว่าทำไมเครื่องชั่งสปริงถึงมีหน่วย 2 แบบ (แนวคำตอบ : เนื่องจากเครื่องชั่งสปริงสามารถวัดน้ำหนักของวัตถุทั้งมวลและน้ำหนัก โดยถ้าเป็นมวลจะมีหน่วยเป็นกรัมส่วน น้ำหนักใช้หน่วยเป็นนิวตัน และยังสามารถวัดแรงที่กระทำต่อวัตถุซึ่งมีหน่วยเป็นนิวตัน) 2. หน่วย นิวตัน ของแรงมีที่มาจากอะไร (แนวคำตอบ : เรียกชื่อตาม เซอร? ไอแซก นิว ตัน นักวิทยาศาสตร์ผู้ที่ค้นพบแรงโน้มถ่วงของโลกและเป็นผู้ศึกษาเกี่ยวกับแรงและการเคลื่อนที่ของวัตถุ) 3. หากในชีวิตประจำวันนักเรียนต้องการผ่อนแรงที่ออกแรงกระทำต่อวัตถุ นักเรียน สามารถทำได้อย่างไรบ้าง (แนวคำตอบ : ใช้หลายแรงกระทำต่อวัตถุ เมื่อมีหลายแรงช่วยกระทำต่อวัตถุจะทำ ให้สามารถผ่อนแรงที่กระทำต่อวัตถุได้ทำให้ออกแรงน้อยลง) 9) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับแรงและการใช้เครื่องชั่งสปริงในการวัด แรง เพื่อความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (5 นาที) 10) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปผลการทดลอง นักเรียนทำใบบันทึกผลการ ทดลอง เรื่อง การใช้เครื่องชั่งสปริงในการวัดแรง 11. สื่อการเรียนรู้ 1) สื่อการเรียนรู้ 1.1) หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ป.5 1.2) อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำกิจกรรม เครื่องชั่งสปริงแบบแขวน 2 อัน / ถุงพลาสติกหูหิ้ว 1 ใบ/ ถุงทราย 1ถุง และ โต๊ะ 1 ตัว 1.3) ใบบันทึกผลการทดลอง เรื่อง การใช้เครื่องชั่งสปริงในการวัดแรง 1.4) PowerPoint สรุปความรู้วิทยาศาสตร์ ป.5 2) แหล่งการเรียนรู้ 2.1) ห้องเรียน
12. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ที่ วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ตรวจใบบันทึกผลการทดลอง ใบบันทึกผลการทดลอง ร้อยละ 60 ถือว่าผ่านเกณฑ์ 2 สังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วม ในกิจกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล นักเรียนผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ 3 สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ นักเรียนผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ ลงชื่อ............................................................. ครูผู้สอน (นาย สุพศิน นาวัลย์) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนชุมชนศิลาเพชร .............../..................../..............
บันทึกหลังจากการจัดการเรียนการสอน 1. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………..… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………...……………………..……… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… 2. ปัญหาและอุปสรรค ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………..…… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… 3. แนวทางแก้ไข/ข้อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………….. ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… ลงชื่อ............................................................. ครูผู้สอน (นาย สุพศิน นาวัลย์) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนชุมชนศิลาเพชร .............../..................../..............
แผนการจัดการเรียนรู้ที่3 เรื่อง แรงเสียดทานกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน เวลา 7 ชั่วโมง เวลา 2 ชั่วโมง 1. สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุลักษณะการ เคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 3. ตัวชี้วัด ว 2.2 ป.5/4 ระบุผลของแรงเสียดทานที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุจากหลักฐานเชิง ประจักษ์ ว 2.2 ป.5/5 เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงที่อยู่ในแนวเดียวกันที่กระทำต่อวัตถุ 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด แรงเสียดทานเป็นแรงที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุ เพื่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น โดยถ้าออก แรงกระทำต่อวัตถุที่อยู่นิ่งบนพื้นผิวหนึ่งให้เคลื่อนที่ แรงเสียดทานจากพื้นผิวนั้นก็จะต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุ แต่ถ้าวัตถุกำลังเคลื่อนที่แรงเสียดทานก็จะทำให้วัตถุนั้นเคลื่อนที่ช้าลงหรือหยุดนิ่ง 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) ระบุผลของแรงเสียดทานต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ (K) 2) เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงที่อยู่ในแนวเดียวกันที่กระทำต่อวัตถุ (P) 3) รับผิดชอบและมุ่งมั่นในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย (A) 6. คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 1) มีวินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งมั่นในการทำงาน 7. สมรรถนะที่สำคัญ 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทักษะการสำรวจค้นหา 1.2) ทักษะการเชื่อมโยง 2) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 8. ทักษะกระบวนการคิด การคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ
9. เนื้อหาสาระ แรงเสียดทาน หมายถึง แรงที่เกิดขึ้นระหว่างพื้นผิวสัมผัสของวัตถุ 2 ชิ้นไปที่สัมผัสกันหรือพื้นผิวที่วัตถุ เคลื่อนที่ไป ซึ่งแรงนี้เป็นแรงที่ผิววัตถุผิวหนึ่งต้านทานการเคลื่อนที่ของผิววัตถุอีกผิวหนึ่ง ส่งผลทำให้วัตถุ เคลื่อนที่ช้าลงเรื่อย ๆจนกระทั่งหยุดนิ่งในที่สุด ลักษณะของแรงเสียดทาน มีทิศทางของแรงตรงกันข้ามกับทิศทางการเคลื่อนที่ของวัตถุ เช่น การเตะ ฟุตบอล เป็นต้น - ถ้าผิวสัมผัสของวัตถุ 2 ชนิด เรียบ จะเกิดแรงเสียดทานน้อย วัตถุเคลื่อนที่ได้มาก - ถ้าผิวสัมผัสของวัตถุ 2 ชนิด ไม่เรียบ จะเกิดแรงเสียดทานมาก วัตถุเคลื่อนที่ได้น้อย ปัจจัยที่มีผลต่อแรงเสียดทาน 1. น้ำหนักหรือแรงกดของวัตถุที่กดลงบนพื้น ถ้าน้ำหนักหรือแรงกดของวัตถุมาก จะเกิดแรงเสียดทานมาก ถ้าน้ำหนักหรือแรงกดของวัตถุน้อยจะเกิดแรง เสียดทานน้อย 2. ลักษณะของพื้นผิวสัมผัส ถ้าพื้นผิวเรียบ เช่น กระเบื้อง กระจก พลาสติก เป็นต้น จะเกิดแรงเสียดทานน้อย เนื่องจากพื้นผิวเรียบ มี การเสียดสีระหว่างกันน้อย ผลของแรงเสียดทาน แรงเสียดทานที่เกิดขึ้นกับวัตถุ มีผลทำให้วัตถุเคลื่อนที่ช้าลงหรือหยุดนิ่งซึ่งเป็น ประโยชน์ในการนำไปใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น การทำพื้นรองเท้าให้มีพื้นผิวขรุขระเพื่อเพิ่มแรงเสียดทาน ทำให้ไม่ลื่นล้มเวลาใช้งาน เป็นต้น 10. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ • วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (15 นาที) 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับเรื่องแรงลัพธ์ 2) ให้นักเรียนศึกษาสถานการณ์ที่กำหนดให้ ต่อไปนี้ แล้วตอบคำถาม ปิ่น และป่าน เป็นพี่น้องกัน โดยปิ่นอายุห่างจากป่าน 5 ปี ในเวลาตอนเย็นของทุกวัน ปิ่นมักพา ป่านไปเล่นที่สวนสาธารณะในหมู่บ้าน โดยให้ป่านนั่งในรถของเล่นที่แม่ซื้อให้ซึ่งปิ่นเป็นคนเข็นน้อง ไป ระหว่างทางผ่านทางที่เป็นคอนกรีต ปิ่นสามารถเข็นน้องได้อย่างสบายแต่เมื่อเข็นผ่านสนามซึ่ง เป็นพื้นทรายที่กำลังปรับปรุง ปิ่นรู้สึกว่ารถเข็นเริ่มจะเคลื่อนที่ได้ช้าลง ทำให้การเดินทางของปิ่นและ น้องในวันนี้ลำบากและเหนื่อยกว่าทุกครั้งมาก
ครูถามนักเรียน โดยใช้คำถาม ต่อไปนี้ 1. นักเรียนคิดว่า เพราะเหตุใดจึงเข็นรถของเล่นผ่านพื้นทรายได้ยากลำบาก (แนวคำตอบ : เพราะพื้นทรายมีพื้นผิวที่ขรุขระทำให้เกิดแรงเสียดทานที่ต้านการเคลื่อนที่ของรถเข็น) 2. การเข็นรถของเล่นบนพื้นคอนกรีตกับพื้นทรายมีความแตกต่างกันอย่างไร (แนวคำตอบ : บนพื้นคอนกรีตมีความเรียบของพื้นมากกว่าพื้นทรายจึงทำให้สามารถเข็นรถได้สบายกว่าและใช้แรงน้อยกว่า) 3) ครูตั้งคำถามเพื่อนำเข้าสู่การค้นหาคำตอบ แรงเสียดทานเกิดได้อย่างไร และแรงเสียดทาน ส่งผลให้เกิดอะไรได้บ้าง (แนวคำตอบ : นักเรียนตอบตามความคิดของตนเอง เช่น แรงเสียดทานเกิดจาก การต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุ เกิดจากผิวสัมผัสของวัตถุส่งผลต่อการเคลื่อนที่ของวัตถุ เป็นต้น) ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (45 นาที) 4) ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน ทำการทดลอง เรื่อง พื้นที่ผิววัตถุกับการเคลื่อนที่ โดยมารับอุปกรณ์จากครู จากนั้นให้นักเรียนทำการทดลองตามขั้นตอนที่อยู่ในใบบันทึกผลการทดลอง 5) บันทึกผลลงในตารางและตอบคำถาม ลงในใบบันทึกผลการทดลอง เรื่อง พื้นที่ผิววัตถุกับ การเคลื่อนที่ ซึ่งมีขั้นตอน ดังนี้ 1. นำแผ่นไม้เอียงไปวางบนพื้นผิวต่างๆ เช่น พื้นหญ้า พื้นดิน พื้นกระเบื้อง พื้นปูน 2. ปล่อยลูกแก้วลงบนพื้นเอียง เมื่อลูกแก้วหยุดให้วัดระยะที่ ลูกแก้วเคลื่อนที่ไปได้ พร้อม บันทึกผลลงในตาราง 3. ทำซ้ำข้อ 2 แต่เปลี่ยนจากลูกแก้วเป็นก้อนหินพร้อมบันทึกผลลงในตารางเปรียบเทียบ 6) เมื่อนักเรียนทำใบบันทึกผลการทดลองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครูสุ่มนักเรียนนำเสนอผล การทดลอง สรุปผลการทดลอง 7) ครูถามนักเรียนว่า “แรงเสียดทานที่กระทำต่อวัตถุมีค่าแตกต่างกัน นักเรียนคิดว่าสิ่งใด บ้าง ที่ส่งผลต่อแรงเสียดทานของวัตถุ” (แนวคำตอบ : ชนิดของพื้นผิวสัมผัสของวัตถุและน้ำหนักและแรงกดของวัตถุ) ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (ต่อ) (25 นาที) 8) ครูทบทวนความรู้เกี่ยวกับความหมาย ทิศทางการเคลื่อนที่ของแรงเสียดทาน 9) ครูให้นักเรียนดูภาพกิจกรรม ครูถามนักเรียนว่า “จากลักษณะของแรงเสียดทาน นักเรียนจะวาดรูปอธิบายการเกิดแรง เสียดทานอย่างไร” จากนั้นขออาสาสมัครนักเรียนออกมาเขียนแผนภาพของแรงเสียดทาน
10) ครูและนักเรียนร่วมกันพิจารณาเกี่ยวกับแผนภาพแรงเสียดทานที่ตัวแทนนักเรียนออกมา นำเสนอ 11) ครูสุ่มนักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. การผลักตู้ไปข้างหน้า แรงเสียดทานมีทิศทางอย่างไร (แนวคำตอบ : มีทิศไปข้างหลัง) 2. การเดินหรือการวิ่งไปข้างหน้า แรงเสียดทานมีทิศทางอย่างไร (แนวคำตอบ : เมื่อ พิจาณาตรงจุดสัมผัสกับพื้น แรงที่กระทำมีทิศไปทางด้านหลัง แรงเสียดทานจึงไปข้างหน้า) 3. ล้อรถที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้า แรงเสียดทานมีทิศทางอย่างไร (แนวคำตอบ : เมื่อพิจาณา ตรงจุดสัมผัสกับพื้น แรงที่กระทำมีทิศไปทางด้านหลัง แรงเสียดทานจึงไปข้างหน้า) 4. การกลิ้งของลูกฟุตบอลแรงเสียดทานมีทิศทางอย่างไร (แนวคำตอบ : เมื่อพิจาณาตรง จุดสัมผัสกับพื้น แรงที่กระทำมีทิศไปทางด้านหลัง แรงเสียดทานจึงไปข้างหน้า) 5. จากสถานการณ์คำถามดังกล่าวข้างต้น นักเรียนสังเกตเห็นข้อมูลอะไร (แนวคำตอบ : แรงเสียดทานไม่จำเป็นต้องไปข้างหลังเสมอไป) ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้( 15 นาที) 12) ครูตั้งคำถามเพื่ออภิปรายกับนักเรียนเพิ่มเติมเพื่อหาข้อสรุปดังนี้ 1. นักเรียนคิดว่าจะอธิบายความหมายของแรงเสียดทานได้ว่าอย่างไร (แนวคำตอบ : แรง เสียดทาน หมายถึง แรงที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุ เพื่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น ) 2. ลักษณะของแรงเสียดทานเป็นอย่างไร (แนวคำตอบ : เป็นแรงที่ต้านการเคลื่อนที่ของ วัตถุซึ่งมีทิศทางตรงข้ามกับวัตถุ) 3. ปัจจัยสำคัญของการเกิดแรงเสียดทานมีอะไรบ้าง (แนวคำตอบ : น้ำหนักและแรงกด ของวัตถุและชนิดของพื้นผิวสัมผัสของวัตถุ) 4. แผนภาพแรงเสียดทานมีลักษณะอย่างไร (แนวคำตอบ : ตรงข้ามกับแรงที่กระทำต่อวัตถุ) ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (5 นาที) 13) ครูถามนักเรียนว่า “ในชีวิตประจำวันนักเรียนพบเห็นการนำความรู้เรื่องแรงเสียดทานไป ใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง” (แนวคำตอบ : การเพิ่มและลดแรงเสียดทาน เช่น ทำให้วัตถุหยุดนิ่งไม่เคลื่อนที่ ช่วย หยุดรถยนต์ที่กำลังเคลื่อนที่ ยางรถที่มีดอกยางช่วยให้รถเกาะถนนได้ดี เป็นต้น การสร้างพื้นถนนต้องทำให้พื้น ถนนเกิดแรงเสียดทานพอสมควร รถจึงจะเคลื่อนที่บนถนนโดยที่ล้อรถไม่หมุนอยู่กับที่ได้ ช่วยในการหยิบจับ สิ่งของโดยไม่ลื่นไหลไปมา ช่วยในการเดินไม่ให้ลื่นไหล เป็นต้น) ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (15 นาที) 14) นักเรียนใบบันทึกผลการทดลองเรื่อง พื้นผิววัตถุกับการเคลื่อนที่และใบงานเรื่อง การ เขียนแผนภาพของแรงเสียดทาน 15) นักเรียนร่วมกันรวบรวมใบงานผลงานของตนภายชั่วโมงเรียนและทำแบบฝึกหัดทบทวน ความรู้ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.5 เป็นการบ้าน
11. สื่อการเรียนรู้ 1) สื่อการเรียนรู้ 1.1) หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ป.5 1.2) อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำกิจกรรม 1.3) ใบบันทึกผลการทดลองเรื่อง พื้นผิววัตถุกับการเคลื่อนที่และใบงานเรื่อง การเขียน แผนภาพของแรงเสียดทาน 1.4) PowerPoint สรุปความรู้วิทยาศาสตร์ ป.5 2) แหล่งการเรียนรู้ 2.1) ห้องเรียน 2.2) ห้องสมุด 12. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ที่ วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ตรวจใบบันทึกผลการทดลอง/ ใบงาน ใบบันทึกผลการทดลอง/ใบงาน ร้อยละ 60 ถือว่าผ่านเกณฑ์ 2 สังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วม ในกิจกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล นักเรียนผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ 3 สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ นักเรียนผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ ลงชื่อ............................................................. ครูผู้สอน (นาย สุพศิน นาวัลย์) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนชุมชนศิลาเพชร .............../..................../..............
บันทึกหลังจากการจัดการเรียนการสอน 1. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………..… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………...……………………..……… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… 2. ปัญหาและอุปสรรค ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………..…… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… 3. แนวทางแก้ไข/ข้อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………….. ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… ลงชื่อ............................................................. ครูผู้สอน (นาย สุพศิน นาวัลย์) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนชุมชนศิลาเพชร .............../..................../..............
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การใช้ประโยชน์จากแรงเสียดทาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน เวลา 7 ชั่วโมง เวลา 1 ชั่วโมง 1. สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุลักษณะการ เคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 3. ตัวชี้วัด ว 2.2 ป.5/4 ระบุผลของแรงเสียดทานที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุจากหลักฐานเชิง ประจักษ์ 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด แรงเสียดทานเป็นแรงที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุ เพื่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น โดยถ้าออก แรงกระทำต่อวัตถุที่อยู่นิ่งบนพื้นผิวหนึ่งให้เคลื่อนที่ แรงเสียดทานจากพื้นผิวนั้นก็จะต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุ แต่ถ้าวัตถุกำลังเคลื่อนที่แรงเสียดทานก็จะทำให้วัตถุนั้นเคลื่อนที่ช้าลงหรือหยุดนิ่ง 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) ระบุการใช้ประโยชน์จากแรงเสียดทานในชีวิตประจำวันได้ (K) 2) ใช้เครื่องมือในการทำกิจกรรมได้อย่างถูกต้อง (P) 3) รับผิดชอบและมุ่งมั่นในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย (A) 6. คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 1) มีวินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งมั่นในการทำงาน 7. สมรรถนะที่สำคัญ 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทักษะการสำรวจค้นหา 1.2) ทักษะการเชื่อมโยง 2) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 8. ทักษะกระบวนการคิด การคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ
9. เนื้อหาสาระ ผลของแรงเสียดทาน แรงเสียดทานที่เกิดขึ้นกับวัตถุ มีผลทำให้วัตถุเคลื่อนที่ช้าลงหรือหยุดนิ่งซึ่งซึ่ง เป็นประโยชน์ในการนำไปใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น การทำพื้นรองเท้าให้มีพื้นผิวขรุขระเพื่อเพิ่มแรง เสียดทานทำให้ไม่ลื่นล้มเวลาใช้งาน การใช้น้ำมันหล่อลื่นหยดเครื่องจักร เป็นต้น 10. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ • วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (10 นาที) 1) ครูทบทวนความรู้เดิม เรื่องแรงเสียดทานและการเคลื่อนที่ของวัตถุ 2) ครูถามนักเรียนว่า ถามนักเรียนว่า “กิจกรรมในชีวิตประจำวันของนักเรียนเกี่ยวข้องกับ แรงเสียดทานหรือไม่ อย่างไร” (แนวคำตอบ : นักเรียนตอบตามความคิดและประสบการณ์ของตนเองอาจ ยกตัวอย่างกิจกรรมต่างๆ เช่น การเล่นสเกตบอร์ด การแตะฟุตบอล การเล่นสไลด์เดอร์ เป็นต้น) 3) ครูถามเพื่อนำเข้าสู่บทเรียนว่า “นักเรียนคิดว่าแรงเสียดทานมีประโยชน์ต่อเราไหม” ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (30 นาที) 4) ครูชี้แจงเกี่ยวกับกิจกรรมต่อไป คือ การเล่นเกม “สิ่งไหนไหนใช้แรงเสียดทาน” โดยครู แจกบัตรภาพที่เป็นภาพของสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน จำนวน 8 ภาพ ให้แก่นักเรียนแต่ละกลุ่ม และให้ นักเรียนแยกประเภทของสิ่งของหรือกิจกรรมว่าสิ่งไหนใช้ประโยชน์จากแรงเสียดทานโดยการลดแรงเสียดทาน สิ่งไหนเป็นการเพิ่มแรงเสียงทาน โดยกลุ่มที่สามารถแยกประเภทได้เร็วที่สุดและถูกต้องจะเป็นกลุ่มที่ชนะ โดย ที่ครูและนักเรียนร่วมกับเฉลย 5) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายภาพสิ่งต่างๆ ว่าเกี่ยวข้องกับแรงเสียดทานอย่างไรบ้าง โดยการสุ่มนักเรียนออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนและให้เพื่อนร่วมกันพิจารณาคำตอบ 6) นักเรียนทำใบงาน เรื่อง ผลของแรงเเสียดทาน (อาจทำเป็นการบ้านได้ หากเวลาไม่ เพียงพอต่อการทำใบงาน) ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้(20 นาที) 7) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากแรงเสียดทาน โดยครูตั้งคำถาม ดังนี้ 1. นักเรียนคิดว่าเราสามารถเพิ่มและลดแรงเสียดทานได้หรือไม่ (แนวคำตอบ : ได้) 2. ทำไมต้องมีการลดแรงเสียดทาน (แนวคำตอบ : เมื่อเราทำกิจกรรมบางอย่างอาจทำให้ มีแรงต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุหรือแรงเสียดทานมากเกินไป จึงจำเป็นต้องมีการลดแรงเสียดทานเพื่อช่วยให้ วัตถุเคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้น)
3. ทำไมต้องมีการเพิ่มแรงเสียดทาน (แนวคำตอบ : การเพิ่มแรงเสียดทานจะทำให้มีแรง ต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุเพิ่มมากขึ้น พื้นผิววัตถุสัมผัสกันมากขึ้นสามารถป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากการ เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วของวัตถุได้ เช่น การลื่นล้ม การที่ยางรถยนต์ไม่เกาะถนน เป็นต้น) 4. ครูและนักเรียนสรุปร่วมกันเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากแรงเสียดทาน ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (30 นาที) 8) ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 – 4 คน เพื่อทำกิจกรรมประโยชน์ของแรงเสียดทาน ดังนี้ 1. ให้นักเรียนออกแบบและประดิษฐ์รองเท้าที่มีพื้นผิวเหมาะสำหรับการใช้งานของผู้สูงอายุ 2. นำเสนอแนวคิดและผลงานภายในชั้นเรียน 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับผลงานของแต่ละกลุ่ม 9) ให้นักเรียนยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์จากการเพิ่มและลดแรงเสียดทาน โดยครูเป็นผู้สุ่ม นักเรียนตอบคำถามประมาณ 5-6 คน 10) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับแรงเสียดทานและการใช้ประโยชน์จาก แรงเสียดทาน เพื่อความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (30 นาที) 11) ใบงาน เรื่อง ผลของแรงเสียดทาน 12) นักเรียนทำแบบทดสอบท้ายหน่วยการเรียนรู้เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน 11. สื่อการเรียนรู้ 1) สื่อการเรียนรู้ 1.1) หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ป.5 1.2) บัตรภาพในเกม “สิ่งไหนไหนใช้แรงเสียดทาน” 1.3) ใบงาน เรื่อง ผลของแรงเสียดทาน 1.4) PowerPoint สรุปความรู้วิทยาศาสตร์ ป.5 1.5) นักเรียนทำแบบทดสอบท้ายหน่วยการเรียนรู้เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน 2) แหล่งการเรียนรู้ 2.1) ห้องเรียน 2.2) ห้องสมุด
12. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ที่ วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ตรวจใบบันทึกผลการทดลอง ใบบันทึกผลการทดลอง ร้อยละ 60 ถือว่าผ่านเกณฑ์ 2 สังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วม ในกิจกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล นักเรียนผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ 3 สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ นักเรียนผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ ลงชื่อ............................................................. ครูผู้สอน (นาย สุพศิน นาวัลย์) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนชุมชนศิลาเพชร .............../..................../..............
บันทึกหลังจากการจัดการเรียนการสอน 1. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………..… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………...……………………..……… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… 2. ปัญหาและอุปสรรค ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………..…… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… 3. แนวทางแก้ไข/ข้อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………….. ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… ลงชื่อ............................................................. ครูผู้สอน (นาย สุพศิน นาวัลย์) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนชุมชนศิลาเพชร .............../..................../..............