แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของสาร เวลา 10 ชั่วโมง เวลา 2 ชั่วโมง 1. สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี 3. ตัวชี้วัด ว 2.1 ป.5/1 อธิบายการเปลี่ยนสถานะของสสาร เมื่อทำให้สสารร้อนขึ้นหรือเย็นลง โดยใช้หลักฐาน เชิงประจักษ์ 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การเปลี่ยนสถานะของสสารเป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เมื่อเพิ่มความร้อนให้กับสสารถึงระดับ หนึ่งจะทำให้สสารที่เป็นของแข็งเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว เรียกว่า การหลอมเหลวและเมื่อเพิ่มความร้อน ต่อไปจนถึงอีกระดับหนึ่งของเหลวจะเปลี่ยนเป็นแก๊ส เรียกว่า การกลายเป็นไอ แต่เมื่อลดความร้อนลงถึงระดับ หนึ่งแก๊สจะเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว เรียกว่าการควบแน่น และถ้าลดความร้อนต่อไปอีกจนถึงระดับหนึ่ง ของเหลวจะเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็งเรียกว่า การแข็งตัว สสารบางชนิดสามารถเปลี่ยนสถานะจากของแข็ง เป็นแก๊สโดยไม่ผ่านการเป็นของเหลว เรียกว่า การระเหิด ส่วนแก๊สบางชนิดสามารถเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง โดยไม่ผ่านการเป็นของเหลว เรียกว่า การระเหิดกลับ 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายการเปลี่ยนสถานะของสสาร เมื่อทำให้สสารร้อนขึ้นหรือเย็นลงได้(K) 2) ใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาสาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการทดลอง การเปลี่ยนสถานะของสสารได้(P) 3) รับผิดชอบและมุ่งมั่นในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย (A) 6. คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 1) มีวินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งมั่นในการทำงาน 7. สมรรถนะที่สำคัญ 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทักษะการสำรวจค้นหา 1.2) ทักษะการเชื่อมโยง 2) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
8. ทักษะกระบวนการคิด การคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ 9. เนื้อหาสาระ สสารที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรามีหลายชนิด สสารแต่ละชนิดที่พบในชีวิตประจำวันอาจมีสถานะ เป็น ของแข็ง ของเหลวหรือแก๊ส ซึ่งสสารอาจมีการเปลี่ยนแปลงสถานะจากสถานะหนึ่งไปอีกสถานะหนึ่งได้ โดยอาศัยการเพิ่มหรือการลดความร้อนให้แก่สสารไปจนถึงระดับหนึ่ง เรียกว่า การเปลี่ยนสถานะ การเปลี่ยนสถานะของสสารเป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เมื่อมีการเพิ่มหรือลดความร้องให้แก่สสาร จะทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปร่าง ขนาด ปริมาตรและสถานะไปแต่ยังคงเป็นสสารชนิดเดิมและสามารถคืนกลับสู่ สถานะเดิมได้อีกครั้งเมื่อมีการเพิ่มหรือลดความร้อน การเปลี่ยนสถานะของสสารมีหลายรูปแบบด้วยกัน ดังนี้ 1. การหลอมเหลว (melting) การเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลว เมื่อเพิ่มความร้อนให้สสาร ที่อยู่ในสถานะของแข็งจะทำให้สสารเกิดการหลอมเหลวกลายเป็นของเหลวได้เช่น การหลอมเหลวของน้ำแข็ง ก้อน เป็นต้น 2. การกลายเป็นไอ (vaporisation) การเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นแก๊ส เมื่อเพิ่มความร้อนให้แก่ สสารที่เป็นของเหลวสสารจะเกิดการระเหยเปลี่ยนสถานะกลายเป็นไอ แบ่งได้ 2 กระบวนการ คือ 2.1 การระเหย เป็นการเปลี่ยนสถานะของสสารจากของเหลวที่อยู่บริเวณผิวหน้าไปเป็นแก๊ส 2.2 การเดือด เป็นการเปลี่ยนสถานะจากของเหลวโดยการเพิ่มความร้อนจนถึงจุดเดือดจนเป็นแก๊ส 3. การระเหิด (sublimation) การเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นแก๊ส เมื่อเพิ่มความร้อนให้แก่สสาร ในสถานะของแข็งบางชนิดจะทำให้สสารเปลี่ยนสถานะของแข็งกลายเป็นแก๊ส โดยไม่ผ่านของเหลว เช่น การระเหิดของการบูร ลูกเหม็นและน้ำแข็งแห้ง เป็นต้น 4. การระเหิดกลับ (deposition) การเปลี่ยนสถานะจากแก๊สเป็นของแข็ง เมื่อลดความร้อนให้กับ สสารที่อยู่ในสถานะของแก๊สบางชนิดในระดับหนึ่งจะทำให้แก๊สกลายเป็นของแข็งโดยไม่ผ่านของเหลว เช่น การระเหิดกลับของเกลือไอโอดีน เป็นต้น 5. การควบแน่น (condensation) การเปลี่ยนสถานะจากแก๊สกลายเป็นของเหลว เมื่อลดความร้อน ให้กับสสารในสถานะแก๊สในระดับหนึ่งจะทำให้สสารนั้นเปลี่ยนสถานะจากแก๊สเป็นของเหลว เช่น การ ควบแน่นของไอน้ำ เป็นต้น 6. การแข็งตัว (solidification) การเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นของแข็ง เมื่อลดความร้อนให้กับ สสารที่อยู่ในสถานะของเหลวจนถึงระดับหนึ่งจะทำให้สสารนั้นเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นของแข็ง เช่น การแข็งตัวของหวานเย็น ไอศกรีม เป็นต้น
10. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ • วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (20 นาที) 1) นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน ประจำหน่วย การเปลี่ยนแปลงของสาร 2) ครูทบทวนความรู้เกี่ยวกับสถานะของสาร โดยถามนักเรียนว่า 1. สสาร คืออะไร (แนวคำตอบ: สิ่งที่มีมวล ต้องการที่อยู่ และสามารถสัมผัสได้ หรืออาจ หมายถึงสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวเรา มีตัวตน ต้องการที่อยู่ สัมผัสได้ อาจมองเห็นหรือมองไม่เห็นก็ได้ เช่น อากาศ หิน เป็นต้น นักวิทยาศาสตร์เรียกสสารที่รู้จักว่า สาร) 2. นักเรียนทราบไหมว่าสสารมีกี่สถานะ (แนวคำตอบ: สารมี 3 สถานะ ได้แก่ ของแข็ง ของเหลวและแก๊ส) 3) ครูสร้างสถานการณ์จำลอง โดยนำน้ำ 2 แบบ ได้แก่ น้ำร้อนและน้ำเย็นจัด ใส่แก้วแล้วปิด ปากแก้วไว้ จากนั้นวางทิ้งไว้ ประมาณ 5 นาที ครูให้นักเรียนสังเกตแล้วตอบคำถาม ต่อไปนี้ 1. นักเรียนสังเกตเห็นอะไรบ้าง (แนวคำตอบ: แก้วที่ใส่น้ำร้อนจะเห็นไอน้ำและหยดน้ำเกิดขึ้น ส่วนในแก้วที่เป็นน้ำเย็นจัดจะเห็นหยดน้ำเกิดภายนอกแก้ว) 2. จากสถานการณ์หากนักเรียนเปลี่ยนจากน้ำร้อนและน้ำเย็นเป็นน้ำที่อยู่ในอุณหภูมิห้อง จะ เกิดลักษณะเหมือนที่นักเรียนสังเกตได้หรือไม่ อย่างไร (แนวคำตอบ: ไม่เกิด เพราะสสารไม่ได้ถูกความร้อนและ ความเย็น) 3. นักเรียนคิดว่าหยดน้ำที่เกิดจากไอน้ำในแก้วน้ำร้อนและหยดน้ำในแก้วน้ำเย็น จัดอยู่ใน สถานะใด (แนวคำตอบ: ตอบตามความคิดของนักเรียน) 4. นักเรียนคิดว่า สสารในสถานะต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลงสถานะได้หรือไม่ (แนวคำตอบ: ตอบตามความคิดของนักเรียน) น้ำร้อน น้ำเย็น
ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (40 นาที) 4) ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 – 4 คน 5) ครูชี้แจง การทดลองเรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสสาร โดยให้นักเรียนใช้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการตั้งสมมติฐาน กำหนดตัวแปร ทำการทดลอง บันทึกผลการทดลองและ สรุปผลการทดลอง 6) นักเรียนทำการทดลองตามขั้นตอนการทดลองเรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสสาร ซึ่งมี ขั้นตอน ดังนี้ 1. นำน้ำแข็งใส่ในบีกเกอร์แล้วตั้งทิ้งไว้ สังเกตการเปลี่ยนแปลง 2. นำบีกเกอร์ในข้อที่ 1 ต้มด้วยตะเกียงแอลกออฮอล์ สังเกต การเปลี่ยนแปลงและบันทึกผล 3.ดับตะเกียงแอลกอฮอล์ในข้อที่ 2 และนำถุงพลาสติกมา ครอบปากบีกเกอร์ สังเกตการ เปลี่ยนแปลงและบันทึกผล 7) เมื่อนักเรียนทำการทดลองเสร็จแล้ว นักเรียนทำใบบักทึกผลการทดลอง เรื่อง การเปลี่ยน สถานะของสสาร 8) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปผลการทดลอง ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (35 นาที) 9) ครูทบทวนเกี่ยวกับการทดลองเรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสสาร โดยใช้คำถามต่อไปนี้ 1. เมื่อนำน้ำแข็งใส่ในบีกเกอร์ ผลที่ได้ เป็นอย่างไร (แนวคำตอบ: น้ำแข็งเกิดการ หลอมเหลวกลายเป็นน้ำ) 2. เมื่อต้มน้ำด้วยตะเกียงแอลกอฮอล์ ผลที่ได้เป็นอย่างไร (แนวคำตอบ: น้ำเกิดการ ระเหยเป็นไอน้ำลอยขึ้นมา) 3. เมื่อนำถุงพลาสติกมาครอบปากบีกเกอร์ ผลที่ได้เป็นอย่างไร (แนวคำตอบ: เกิดหยด น้ำเกาะบริเวณถุงพลาสติกที่ครอบปากบีกเกอร์) 4. สสาร (น้ำ) ในสถานะต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลงสถานะได้หรือไม่ อย่างไร (แนว คำตอบ: ได้ น้ำสามารถเปลี่ยนสถานะได้โดยการเพิ่มหรือลดความร้อนแก่สสาร) 10) จากนั้น ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 – 4 คน 11) ครูชี้แจง การทดลองเรื่อง การระเหิดและการระเหิดกลับ โดยให้นักเรียนใช้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการตั้งสมมติฐาน กำหนดตัวแปร ทำการทดลอง บันทึกผลการทดลองและ สรุปผลการทดลอง 12) นักเรียนทำการทดลองตามขั้นตอนการทดลองเรื่อง การระเหิดและการระเหิดกลับ ซึ่งมี ขั้นตอน ดังนี้
1. สังเกตลักษณะของพิมเสนที่ใส่ในบีกเกอร์ แล้วบันทึกผล 2. วางบีกเกอร์บนตะแกรงลวด หลังจากนั้นนำกระดาษแข็งสีขาวที่เจาะรูไว้วางบนบีก เกอร์ให้ปิดสนิท 3. วางแก้วพลาสติกใสครอบบนรูกระดาษแข็ง 4. ให้ความร้อนแก่พิมเสนด้วยเปลวไฟอ่อนๆ โดยการปรับไส้ตะเกียงแอลกอฮอล์ให้ยาว ประมาณ 0.5 เซนติเมตร เพื่อให้ได้เปลวไฟอ่อนๆ เมื่อจุดไฟ 5. จุดตะเกียงแอลกอฮอล์ แล้วสังเกตผลพิมเสนในบีกเกอร์ ในแก้วพลาสติกใส ใน กระดาษแข็งแล้วบันทึกผล 6. ดับไฟเมื่อไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น 7. นักเรียนทำใบบักทึกผลการทดลอง เรื่อง การระเหิดและการระเหิดกลับ ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้(10 นาที) 13) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลและสรุปผลการทดลอง ดังนี้ พิมเสน เมื่อทำให้ร้อนขึ้น จะเปลี่ยนจากของแข็งเป็นแก๊ส โดยไม่ผ่านการเป็นของเหลว เรียก การเปลี่ยนสถานะนี้ว่า การระเหิด และเมื่อทำให้แก๊สจากพิมเสนเย็นลงจะเปลี่ยนจากแก๊สเป็นของแข็งโดยไม่ ผ่านการเป็นของเหลว เรียกการเปลี่ยนสถานะนี้ว่า การระเหิดกลับ 14) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลและสรุปผลการทดลอง เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของ สสาร ในชั่วโมงที่แล้ว ดังนี้ - น้ำแข็ง เมื่อตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องในขณะขึ้นจะทำให้น้ำแข็งได้รับความร้อน เกิดการ เปลี่ยนสถานะจากของแข็งกลายเป็นของเหลว เรียกว่า การหลอมเหลว - น้ำ เมื่อให้ความร้อนในอุณหภูมิสูงขึ้นหรือเมื่อให้ความร้อนมากจนถึงจุดเดือด จะทำให้ เกิดการกลายเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นแก๊ส เรียกว่า การกลายเป็นไอ - น้ำที่ถูกให้ความร้อนจนกลายเป็นไอ เมื่อนำภาชนะหรือที่ปิดมาครอบบริเวณไอ ไอที่มา จากน้ำจะเย็นตัวลงกลายเป็นของเหลว เรียกการเปลี่ยนสถานะนี้ว่า การควบแน่น ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(10 นาที) 15) ครูใช้PowerPoint สรุปความรู้วิทยาศาสตร์ ป.5 ในการขยายความรู้การเปลี่ยนสถานะ ของสสาร ดังนี้ 1. การเปลี่ยนสถานะสารมีอุณหภูมิเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนสถานะ โดย แบ่งเป็นการดูดความร้อน(ได้รับหรือเพิ่มอุณหภูมิขึ้น) และคายความร้อน(คายหรือลดอุณหภูมิลง) 2. การเปลี่ยนสถานะของสสารเป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ โดยมีการเปลี่ยน สถานะของสสาร ได้ ดังนี้ 2.1 ของแข็งเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว เรียกว่า การหลอมเหลว 2.2 ของเหลวจะเปลี่ยนเป็นแก๊ส เรียกว่า การกลายเป็นไอ 2.3 แก๊สจะเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว เรียกว่า การควบแน่น
2.4 ของเหลวจะเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็งเรียกว่า การแข็งตัว 2.5 ของแข็งเป็นแก๊สโดยไม่ผ่านการเป็นของเหลว เรียกว่า การระเหิด 2.6 แก๊สบางชนิดสามารถเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง โดยไม่ผ่านการเป็นของเหลว เรียกว่า การระเหิดกลับ 16) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนสถานะของสสาร เพิ่มเติม เพื่อ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (5 นาที) 17) นักเรียนทำใบงาน เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสสาร (อาจให้นักเรียนทำเป็นการบ้านได้ หากเวลาไม่เพียงพอ เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเรื่องการเปลี่ยนสถานะของสสาร หลังจากทำการ ทดลองไปแล้ว) 11. สื่อการเรียนรู้ 1) สื่อการเรียนรู้ 1.1) หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ป.5 1.2) ใบกิจกรรม ดังนี้1. ใบบันทึกผลการทดลอง เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสสาร และ เรื่อง การระเหิดและการระเหิดกลับ 2. ใบงาน เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสสาร 1.3) PowerPoint สรุปความรู้วิทยาศาสตร์ ป.5 1.4) แบบทดสอบก่อนเรียน ประจำหน่วย การเปลี่ยนแปลงของสาร 2) แหล่งการเรียนรู้ 2.1) ห้องเรียน 2.2) ห้องสมุด
12. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ที่ วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ตรวจใบงาน/ใบบันทึกผลการทดลอง ใบงานใบบันทึกผลการทดลอง ร้อยละ 60 ถือว่าผ่านเกณฑ์ 2 สังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วมใน กิจกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล นักเรียนผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ 3 สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ มุ่งมั่นในการทำงาน แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ นักเรียนผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ ลงชื่อ............................................................. ครูผู้สอน (นาย สุพศิน นาวัลย์) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนชุมชนศิลาเพชร .............../..................../..............
บันทึกหลังจากการจัดการเรียนการสอน 1. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………..… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………...……………………..……… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… 2. ปัญหาและอุปสรรค ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………..…… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… 3. แนวทางแก้ไข/ข้อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………….. ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… ลงชื่อ............................................................. ครูผู้สอน (นาย สุพศิน นาวัลย์) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนชุมชนศิลาเพชร .............../..................../..............
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสสารในชีวิตประจำวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของสาร เวลา 10 ชั่วโมง เวลา 1 ชั่วโมง 1. สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี 3. ตัวชี้วัด ว 2.1 ป.5/1 อธิบายการเปลี่ยนสถานะของสสาร เมื่อทำให้สสารร้อนขึ้นหรือเย็นลง โดยใช้หลักฐาน เชิงประจักษ์ 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การเปลี่ยนสถานะของสสารเป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เมื่อเพิ่มความร้อนให้กับสสารถึงระดับ หนึ่งจะทำให้สสารที่เป็นของแข็งเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว เรียกว่า การหลอมเหลวและเมื่อเพิ่มความร้อน ต่อไปจนถึงอีกระดับหนึ่งของเหลวจะเปลี่ยนเป็นแก๊ส เรียกว่า การกลายเป็นไอ แต่เมื่อลดความร้อนลงถึงระดับ หนึ่งแก๊สจะเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว เรียกว่าการควบแน่น และถ้าลดความร้อนต่อไปอีกจนถึงระดับหนึ่ง ของเหลวจะเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็งเรียกว่า การแข็งตัว สสารบางชนิดสามารถเปลี่ยนสถานะจากของแข็ง เป็นแก๊สโดยไม่ผ่านการเป็นของเหลว เรียกว่า การระเหิด ส่วนแก๊สบางชนิดสามารถเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง โดยไม่ผ่านการเป็นของเหลว เรียกว่า การระเหิดกลับ 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายเกี่ยวกับผลของการเปลี่ยนสถานะของสสารในชีวิตประจำวันได้ (K) 2) ใช้ทักษะการสังเกตประกอบการวิเคราะห์และยกตัวอย่างการเปลี่ยนสถานะของสสารใน ชีวิตประจำวันได้ (P) 3) รับผิดชอบและมุ่งมั่นในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย (A) 6. คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 1) มีวินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งมั่นในการทำงาน 7. สมรรถนะที่สำคัญ
1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทักษะการสำรวจค้นหา 1.2) ทักษะการเชื่อมโยง 2) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 8. ทักษะกระบวนการคิด การคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ 9. เนื้อหาสาระ การเปลี่ยนสถานะของสสารมีหลายรูปแบบด้วยกัน ดังนี้ 1. การหลอมเหลว (melting) การเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลว เมื่อเพิ่มความร้อนให้สสาร ที่อยู่ในสถานะของแข็งจะทำให้สสารเกิดการหลอมเหลวกลายเป็นของเหลวได้เช่น การหลอมเหลวของน้ำแข็ง ก้อน เป็นต้น 2. การกลายเป็นไอ (vaporisation) การเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นแก๊ส เมื่อเพิ่มความร้อนให้แก่ สสารที่เป็นของเหลวสสารจะเกิดการระเหยเปลี่ยนสถานะกลายเป็นไอ แบ่งได้ 2 กระบวนการ คือ 2.1 การระเหย เป็นการเปลี่ยนสถานะของสสารจากของเหลวที่อยู่บริเวณผิวหน้าไปเป็นแก๊ส 2.2 การเดือด เป็นการเปลี่ยนสถานะจากของเหลวโดยการเพิ่มความร้อนจนถึงจุดเดือดจนเป็นแก๊ส 3. การระเหิด (sublimation) การเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นแก๊ส เมื่อเพิ่มความร้อนให้แก่สสาร ในสถานะของแข็งบางชนิดจะทำให้สสารเปลี่ยนสถานะของแข็งกลายเป็นแก๊ส โดยไม่ผ่านของเหลว เช่น การระเหิดของการบูร ลูกเหม็นและน้ำแข็งแห้ง เป็นต้น 4. การระเหิดกลับ (deposition) การเปลี่ยนสถานะจากแก๊สเป็นของแข็ง เมื่อลดความร้อนให้กับ สสารที่อยู่ในสถานะของแก๊สบางชนิดในระดับหนึ่งจะทำให้แก๊สกลายเป็นของแข็งโดยไม่ผ่านของเหลว เช่น การระเหิดกลับของเกลือไอโอดีน เป็นต้น 5. การควบแน่น (condensation) การเปลี่ยนสถานะจากแก๊สกลายเป็นของเหลว เมื่อลดความร้อน ให้กับสสารในสถานะแก๊สในระดับหนึ่งจะทำให้สสารนั้นเปลี่ยนสถานะจากแก๊สเป็นของเหลว เช่น การ ควบแน่นของไอน้ำ เป็นต้น 6. การแข็งตัว (solidification) การเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นของแข็ง เมื่อลดความร้อนให้กับ สสารที่อยู่ในสถานะของเหลวจนถึงระดับหนึ่งจะทำให้สสารนั้นเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นของแข็ง เช่น การแข็งตัวของหวานเย็น ไอศกรีม เป็นต้น 10. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ • วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (5 นาที) 1) ครูทบทวนเกี่ยวกับ การเปลี่ยนสถานะของสสาร โดยใช้คำถามกับนักเรียน ดังนี้ 1. นักเรียนทราบหรือไม่ว่า สสารในชีวิตประจำวันมีกี่สถานะ อะไรบ้าง (แนวคำตอบ: 3 สถานะ ได้แก่ ของแข็ง ของเหลวและแก๊ส)
2. การเปลี่ยนสถานะของสสารที่นักเรียนรู้จักมีอะไรบ้าง (แนวคำตอบ: การหลอมเหลว การกลายเป็นไอ การระเหิด การระเหิดกลับ การควบแน่นและการแข็งตัว) 2)ครูถามนักเรียนเพื่อนำเข้าสู่บทเรียน ในชีวิตประจำวันของนักเรียนพบการเปลี่ยนสถานะ ของสสารแบบใดบ้าง (แนวคำตอบ:ตอบตามความคิดของนักเรียน) ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (25 นาที) 3) ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม ให้ได้ 5 กลุ่ม จากนั้นชี้แจงกิจกรรม การเปลี่ยนสถานะของ สสารในชีวิตประจำวัน ดังนี้ 1. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทน เพื่อมาจับสลากสิ่งของที่พบได้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ นมสด น้ำอัดลม เทียนไข ลูกเหม็น และการบูร 2. เมื่อแต่ละกลุ่มจับสลากได้สิ่งของแล้ว ครูแจกกระดาษบรูฟ 1 แผ่น พร้อมด้วยปากกา เคมีให้นักเรียนกลุ่มละ 1 ด้าม 3. ให้เวลานักเรียนกลุ่มละ 15 นาที เพื่อระดมความคิดในการเขียนแผนผังการเปลี่ยน สถานะของสสาร ที่เป็นไปได้ในสิ่งที่กลุ่มตนเองจับได้ ตัวอย่างแผนผังการเปลี่ยนสถานะของสสาร เช่น อ้างอิงจาก: สำนักบริการวิชาการและบริหารทรัพย์สิน สสวท. 4) ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอเขียนแผนผังการเปลี่ยนสถานะของสสาร กลุ่มละ ประมาณ 3 นาที ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้(10 นาที) 5) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปเกี่ยวกับการเปลี่ยนสถานะของสสารใน ชีวิตประจำวัน ดังนี้การเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร สามารถพบเจอได้ในชีวิตประจำวันทั่วไป เพราะสมบัติ ของสสารนั้น สามารถเปลี่ยนสถานะได้ โดยการเพิ่มหรือลดความร้อน ดังนั้นในชีวิตประจำวันเราจึงพบ การเปลี่ยนแปลงสถานะของสสารมากมาย ได้แก่
ผลดี ของการเปลี่ยนสถานะของสสาร เช่น เกิดวัฏจักรของน้ำ ทำให้สิ่งมีชีวิตต่างๆ สามารถ ดำรงชีวิต อยู่ได้ การสร้างเครื่องจักรไอน้ำ การทำไอศกรีม การหล่อเทียนไข การระเหิดของการบูรและลูก เหม็นหรือแม้แต่การทำน้ำแข็ง เป็นต้น ผลเสีย ของการเปลี่ยนสถานะของสสาร เช่น การเกิดลูกเห็บขนาดใหญ่ที่ก่อความเสียหายแก่ อาคาร สิ่งก่อสร้าง ต่างๆ การหลอมเหลวของน้ำแข็งขั้วโลกที่ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อสิ่งมีชีวิต เป็นต้น ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(10 นาที) 6) ครูใช้คำถามขยายความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสารใน ชีวิตประจำวัน ดังนี้ 1. การเปลี่ยนสถานะของสสารทำให้เกิดสารชนิดใหม่หรือไม่ เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ: ไม่เกิดสารใหม่เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของสารจึงทำให้ไม่เกิดสารใหม่) 2. เมื่อเพิ่มความร้อนให้แก่น้ำแข็งป่นและน้ำแข็งก้อน นักเรียนคิดว่าจะทำให้เกิดการ เปลี่ยนสถานะได้เหมือนกันหรือไม่ เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ: เกิดการเปลี่ยนแปลงสถานะได้เหมือนกัน เพราะความร้อนทำให้สสารเกิดการเปลี่ยนสถานะ) 3. ครูให้นักเรียนดูภาพของวัฏจักรน้ำ แล้วถามนักเรียนว่าเป็นการเปลี่ยนสถานะของสสาร หรือไม่ (แนวคำตอบ: เป็นการเปลี่ยนสถานะของสสาร เพราะน้ำมีการเปลี่ยนสถานะจาก น้ำ เป็นไอน้ำ ไอน้ำ เกิดการควบแน่นกลายเป็นฝน เป็นต้น) 4. ภาวะโลกร้อน (global warming) คือภาวะที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น นักเรียนคิด ว่าภาวะโลกร้อนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสสาร อย่างไร (แนวคำตอบ: เพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นของโลก ทำ ให้น้ำแข็งที่เป็นสสารในสถานะของแข็ง (น้ำแข็ง) เกิดการหลอมเหลวกลายเป็นของเหลว (น้ำ) ทำให้น้ำบนโลก มีปริมาณสูงขึ้น) ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (10 นาที) 7) นักเรียนทำใบงาน เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสสารในชีวิตประจำวัน 11. สื่อการเรียนรู้ 1) สื่อการเรียนรู้ 1.1) หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ป.5 1.2) ใบงานเรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสสารในชีวิตประจำวัน 1.3) PowerPoint สรุปความรู้วิทยาศาสตร์ ป.5 2) แหล่งการเรียนรู้ 2.1) ห้องเรียน 2.2) ห้องสมุด
12. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ที่ วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ตรวจใบงาน ใบงาน ร้อยละ 60 ถือว่าผ่านเกณฑ์ 2 สังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วม ในกิจกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล นักเรียนผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ 3 สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ นักเรียนผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ ลงชื่อ............................................................. ครูผู้สอน (นาย สุพศิน นาวัลย์) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนชุมชนศิลาเพชร .............../..................../..............
บันทึกหลังจากการจัดการเรียนการสอน 1. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………..… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………...……………………..……… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… 2. ปัญหาและอุปสรรค ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………..…… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… 3. แนวทางแก้ไข/ข้อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………….. ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… ลงชื่อ............................................................. ครูผู้สอน (นาย สุพศิน นาวัลย์) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนชุมชนศิลาเพชร .............../..................../..............
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การละลายของสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของสาร เวลา 10 ชั่วโมง เวลา 2 ชั่วโมง 1. สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี 3. ตัวชี้วัด ว 2.1 ป.5/2 อธิบายการละลายของสารในน้ำ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เมื่อใส่สารลงในน้ำแล้วสารนั้นรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับน้ำทั่วทุกส่วน แสดงว่าสารเกิดการละลาย เรียก สารผสมที่ได้ว่าสารละลาย ซึ่งจะประกอบด้วยตัวทำละลาย และตัวละลายหรือตัวถูกละลาย โดยตัวทำละลาย จะมีปริมาณมากกว่าตัวละลายเสมอ เมื่อสารเกิดการละลาย สารแต่ละชนิดยังคงแสดงสมบัติของสารเดิมไม่ได้ เกิดสารใหม่ เช่น น้ำผสมเกลือ เป็นต้น 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายการละลายของสารในน้ำ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ได้ (K) 2) ใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาสาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการทดลอง การละลายของสารในน้ำได้(P) 3) รับผิดชอบและมุ่งมั่นในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย (A) 6. คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 1) มีวินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งมั่นในการทำงาน 7. สมรรถนะที่สำคัญ 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทักษะการสำรวจค้นหา 1.2) ทักษะการเชื่อมโยง 2) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 8. ทักษะกระบวนการคิด การคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ 9. เนื้อหาสาระ
การละลายเป็นการนำสารตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปมาผสมกันอย่างกลมกลืนจนเป็นเนื้อเดียวกัน เรียกว่า สารละลาย ซึ่งจะประกอบด้วยตัวทำละลาย และตัวละลายหรือตัวถูกละลาย โดยตัวทำละลายจะมีปริมาณ มากกว่าตัวละลายเสมอ เมื่อสารเกิดการละลาย สารแต่ละชนิดยังคงแสดงสมบัติของสารเดิมไม่ได้เกิดสารใหม่ เช่น น้ำผสมเกลือ เป็นต้น สารต่างๆ อาจอยู่ในสถานะของแข็ง ของเหลว หรือแก๊ส ซึ่งสารบางชนิดสามารถละลายในน้ำได้ เช่น เกลือ แอลกอฮอล์ แก๊สออกซิเจน ส่วนสารบางชนิดไม่สามารถละลายในน้ำได้ แต่สามารถละลายในสารชนิด อื่นได้ เช่น ลูกเหม็นไม่ละลายในน้ำแต่ละลายในแอลกอฮอล์ ตัวทำละลาย (solvent) หมายถึง สารที่มีความสามารถ ในการทำให้สารต่างๆ ละลายได้ โดยไม่ทำ ปฏิกิริยาเคมีกับสารนั้น ตัวละลาย (solute) หมายถึง สารที่ถูกตัวทำละลายละลายให้กระจายออกไปทั่วในตัวทำละลายโดยไม่ ทำปฏิกิริยาเคมีต่อกัน การละลายน้ำของสารละลายมี 3 อย่าง ได้แก่ 1. การละลายในน้ำของสารที่อยู่ในสถานะของแข็ง เช่น เกลือแกง ด่างทับทิม น้ำตาลทราย เป็นต้น 2. การละลายในน้ำของสารที่อยู่ในสถานะของเหลว เช่น แอลกอฮอล์ เป็นต้น 3. การละลายในน้ำของสารที่อยู่ในสถานะของแก๊ส เช่น แก๊สออกซิเจนและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นต้น 10. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ • วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (15 นาที) 1) ครูนำแก้วที่มีสารละลาย 2 อย่างได้แก่ ใบที่ 1 น้ำกาแฟ ใบที่ 2 น้ำโอวัลติน (ครูสามารถ เปลี่ยนเป็นสารอื่นที่มีลักษณะคล้ายๆ กันได้) ปิดฝาให้สนิท จากให้นักเรียนสังเกตและตอบคำถาม ดังต่อไปนี้ 1. สิ่งที่อยู่ในแก้วทั้ง 2 ใบ ที่นักเรียนเห็น อยู่ในสถานะอะไร (แนวคำตอบ: อยู่ในสถานะ ของเหลว) 2. สิ่งที่นักเรียนสังเกตได้จากสิ่งที่อยู่ในแก้วทั้ง 2 ชนิด คืออะไร (แนวคำตอบ: ของเหลว สีน้ำตาลหรือตอบตามที่นักเรียนสังเกตได้) 2) ครูให้นักเรียนสังเกตโดยการดม ของเหลวที่อยู่ในแก้วทั้ง 2 ใบ คนละ 1 หยด แล้วให้ นักเรียนสังเกตและตอบคำถาม “กลิ่นของของเหลวในแต่ละแก้ว เป็นอย่างไร” (แนวคำตอบ: ตอบตามสิ่งที่ นักเรียนสังเกตได้)
2. ครูให้นักเรียนลองชิมสารที่อยู่ในแก้วทั้ง 2 ใบ คนละ 1 หยด แล้วให้นักเรียนสังเกตและ ตอบคำถาม “รสชาติของสิ่งที่อยู่ในแก้วทั้ง 2 ใบ เป็นอย่างไร” (แนวคำตอบ: แก้วใบที่ 1 รสขมๆ หวานๆ และ ใบที่ 2 รสหวาน หรือตอบตามสิ่งที่นักเรียนสังเกตได้) 3) ครูถามนักเรียนต่อว่า “จากการใช้ทักษะการสังเกตโดยการใช้ การสังเกตภายนอก (ตา) การดมกลิ่นและการชิมรส นักเรียนทราบหรือไม่ว่า สิ่งของในแก้วแต่ละชนิด คืออะไร” (แนวคำตอบ: แก้วใบที่ 1 คือน้ำกาแฟ และแก้วใบที่ 2 คือน้ำโอวัลติน) 4) ครูถามนักเรียนต่อว่า เพื่อนำเข้าสู่บทเรียนเรื่อง การละลายว่า “นักเรียนทราบหรือไม่ว่า สิ่งที่อยู่ในแก้วทั้ง 2 ชนิด เกิดจากอะไรและมีสิ่งใดหรือกระบวนการใดบ้างที่ทำให้เกิดสารเหล่านี้”(แนวคำตอบ: ตอบตามแนวคิดของนักเรียน) ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (45 นาที) 5) ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 – 4 คน 6) ครูชี้แจง การทดลองเรื่อง การละลาย โดยให้นักเรียนใช้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ ในการตั้งสมมติฐาน กำหนดตัวแปร ทำการทดลอง บันทึกผลการทดลองและสรุปผลการทดลอง 7) นักเรียนทำการทดลองตามขั้นตอนการทดลองเรื่อง การละลาย ซึ่งมีขั้นตอน ดังนี้ 1. ตวงน้ำปริมาตร 20 ลูกบาศก์เซนติเมตร เทลงในบีกเกอร์ 3 ใบ 2. เติมเกลือ น้ำตาลทราย และน้ ามันพืช ลงในบีกเกอร์แต่ละใบ ในปริมาตรเท่าๆกัน 3. ใช้แท่งแก้วคนสารคนสารแต่ละชนิดให้ผสมกับน้ำ สังเกตผล 4. นำบีกเกอร์แต่ละใบไปต้มด้วยตะเกียงแอลกอฮอล์ สังเกตผล 5. บันทึกผลการทดลอง และสรุปผล 8) เมื่อนักเรียนทำการทดลองเสร็จแล้ว นักเรียนทำใบบันทึกผลการทดลอง เรื่อง การเปลี่ยน สถานะของสสาร 9) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปผลการทดลอง ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (30 นาที) 10) ครูทบทวนเกี่ยวกับการทดลองเรื่อง การละลาย โดยใช้คำถามต่อไปนี้ 1. ในการทดลองในชั่วโมงที่แล้ว สารใดบ้างที่ละลายได้ในน้ำ (แนวคำตอบ: เกลือและน้ำตาล) 2. ในการทดลองในชั่วโมงที่แล้ว สารใดบ้างที่ไม่ละลายในน้ำ (แนวคำตอบ: น้ำมันพืช) 3. เมื่อให้ความร้อนแล้ว สารทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ เกลือ น้ำตาลทรายและน้ำมันพืช สามารถ ละลายในน้ำได้หรือไม่ (แนวคำตอบ: เกลือและน้ำตาลทรายสามารถละลายในน้ำได้เร็วขึ้นแต่ในน้ำมันพืชมีการ แตกตัวแต่ไม่ละลายในน้ำ) 11) ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 – 4 คน 12) ครูชี้แจง กิจกรรม สารใดบ้างละลายในน้ำ ดังนี้
1. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม กำหนดสารที่สามารถละลายในน้ำได้และละลายในน้ำไม่ได้ คละกันจำนวน 20 ชนิด โดยแต่ละกลุ่มต้องเก็บเป็นความลับไม่ให้กลุ่มตรงข้ามรับรู้ถึงชื่อสารแต่ละชนิด 2. ครูนำชื่อสารแต่ละชุดที่แต่ละกลุ่มกำหนดมากำหนดหมายเลขชุด เช่น กลุ่มที่ 1 เป็น สารกลุ่มที่ 1 และกลุ่มอื่นๆ ใส่หมายเลขตามลำดับ ต่อๆ ไป เป็นต้น 3. ให้แต่ละกลุ่มจับสลากชุดของสาร โดยที่ห้ามได้สารกลุ่มที่ตนเองกำหนด 4. ให้นักเรียนแยกประเภทสารที่กำหนดในกิจกรรม ดังนี้ 1.สารที่ละลายในน้ำได้ และ2. สารที่ไม่ละลายในน้ำ 13) ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลย พร้อมกัน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้(10 นาที) 14) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการทดลองและผลการทำกิจกรรม โดยใช้คำถามดังนี้ 1. การละลายของสาร มีกี่ประเภท (แนวคำตอบ: มี 2 ประเภท คือ สารที่ละลายในน้ำ และสารที่ไม่ละลายในน้ำ) 2. สารละลาย คืออะไร (แนวคำตอบ: การละลายเป็นการนำสารตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปมา ผสมกันอย่างกลมกลืนจนเป็นเนื้อเดียวกัน) 3. การที่จะเป็น สารละลาย ได้ต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง (แนวคำตอบ: ประกอบไป ด้วยสารที่ใส่ลงไปและน้ำ) 4. สัดส่วนของสารและน้ำ ของสารละลาย ต้องมีลักษณะอย่างไร (แนวคำตอบ: สัดส่วน ของสารต้องน้อยกว่าน้ำ น้ำต้องมากกว่าสาร) 5. สารที่ผสมในสารละลาย เรียกว่า อะไร (แนวคำตอบ: ตัวถูกละลาย) 6. น้ำที่ผสมในสารละลาย เรียกว่า อะไร (แนวคำตอบ: ตัวทำละลาย) 15) ครูอธิบายเพิ่มเติมกี่ยวกับการละลายในน้ำของสารมี 3 ประเภท ได้แก่ 1. การละลายในน้ำของสารที่อยู่ในสถานะของแข็ง เช่น การละลายของน้ำตาลในน้ำ เป็นต้น 2. การละลายในน้ำของสารที่อยู่ในสถานะของเหลว เช่น แอลกอฮอล์ละลายน้ำ เป็นต้น 3. การละลายในน้ำของสารที่อยู่ในสถานะของแก๊ส เช่น แก๊สออกซิเจนและ คาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำ เป็นต้น ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(10 นาที) 16) ครูถามนักเรียนเพื่อขยายความรู้ ต่อไปนี้ 1. การละลายเป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของสารหรือไม่ เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ: เป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เพราะสารละลายนั้นยังคงแสดงสมบัติเดิมของสาร อยู่ ไม่ทำให้เกิดสารใหม่) 2. อุณหภูมิ มีผลต่อการละลายหรือไม่ (แนวคำตอบ: โดยถ้าตัวละลายเป็นของแข็งและ ตัวทำละลายเป็นของเหลวจะสามารถละลายได้ดีเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น เนื่องจากความร้อนจะทำให้อะตอมของตัว
ถูกละลายเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยให้เกิดการแตกตัวได้ดีแต่ถ้าตัวละลายเป็นแก๊ส เมื่ออุณหภูมิ สูงขึ้นจะละลายได้น้อยลง) ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (5 นาที) 17) นักเรียนทำใบบันทึกผลการทดลองและแบบฝึกหัดในหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ป.5 11. สื่อการเรียนรู้ 1) สื่อการเรียนรู้ 1.1) หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ป.5 1.2) ใบบันทึกผลการทดลอง เรื่อง การละลาย 1.3) PowerPoint สรุปความรู้วิทยาศาสตร์ ป.5 2) แหล่งการเรียนรู้ 2.1) ห้องเรียน 2.2) ห้องสมุด 12. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ที่ วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบบันทึกผลการทดลอง ใบบันทึกผลการทดลอง ร้อยละ 60 ถือว่าผ่านเกณฑ์ 2 สังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วม ในกิจกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล นักเรียนผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ 3 สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ นักเรียนผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ ลงชื่อ............................................................. ครูผู้สอน (นาย สุพศิน นาวัลย์) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนชุมชนศิลาเพชร .............../..................../..............
บันทึกหลังจากการจัดการเรียนการสอน 1. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………..… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………...……………………..……… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… 2. ปัญหาและอุปสรรค ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………..…… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… 3. แนวทางแก้ไข/ข้อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………….. ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… ลงชื่อ............................................................. ครูผู้สอน (นาย สุพศิน นาวัลย์) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนชุมชนศิลาเพชร .............../..................../..............
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของสาร เวลา 10 ชั่วโมง เวลา 1 ชั่วโมง 1. สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี 3. ตัวชี้วัด ว 2.1 ป.5/1 อธิบายการเปลี่ยนสถานะของสสาร เมื่อทำให้สสารร้อนขึ้นหรือเย็นลง โดยใช้หลักฐาน เชิงประจักษ์ ว 2.1 ป.5/2 อธิบายการละลายของสารในน้ำ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ว 2.1 ป.5/3 วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของสารเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี โดยใช้หลักฐานเชิง ประจักษ์ 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การเปลี่ยนแปลงสาร แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ 1. การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ (Physical Change) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของสารที่เกี่ยวกับสมบัติกายภาพ โดยไม่มีผลต่อองค์ประกอบภายใน และ ไม่เกิดสารใหม่ เช่น การเปลี่ยนสถานะ การละลายน้ำ เป็นต้น และ 2.การเปลี่ยนแปลงทางทางเคมี (Chemistry Change) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของสารที่เกี่ยวข้องกับสมบัติทางเคมีซึ่งมีผลต่อองค์ประกอบ ภายใน และจะมีสมบัติต่างไปจากเดิม นั่นคือ การเกิดสารใหม่ เช่น กรดเกลือ (HCl) ทำปฏิกิริยากับลวด แมกนีเซียม (Mg) แล้วเกิดสารใหม่ คือ ก๊าซไฮโดรเจน (H2 ) เป็นต้น 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) ระบุเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสารได้อย่างถูกต้อง (K) 2) ใช้เหตุผลในการวิเคราะห์เหตุผลประกอบการเปลี่ยนแปลงของสารได้อย่างถูกต้อง (P) 3) รับผิดชอบและมุ่งมั่นในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย (A) 6. คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 1) มีวินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งมั่นในการทำงาน
7. สมรรถนะที่สำคัญ 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทักษะการสำรวจค้นหา 1.2) ทักษะการเชื่อมโยง 2) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 8. ทักษะกระบวนการคิด การคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ 9. เนื้อหาสาระ การเปลี่ยนแปลงสาร แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ 1. การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ (Physical Change) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของสารที่เกี่ยวกับสมบัติกายภาพ โดยไม่มีผลต่อองค์ประกอบภายใน และ ไม่เกิดสารใหม่ เช่น การเปลี่ยนสถานะ การละลายน้ำ เป็นต้น และ 2.การเปลี่ยนแปลงทางทางเคมี (Chemistry Change) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของสารที่เกี่ยวข้องกับสมบัติทางเคมีซึ่งมีผลต่อองค์ประกอบ ภายใน และจะมีสมบัติต่างไปจากเดิมแล้วเกิดเป็นสารใหม่ เช่น กรดเกลือ (HCl) ทำปฏิกิริยากับลวด แมกนีเซียม (Mg) แล้วเกิดสารใหม่ คือ ก๊าซไฮโดรเจน (H2 ) เป็นต้น การเปลี่ยนสถานะ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เมื่อมีการเพิ่มหรือลดความร้องให้แก่สสาร จะทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปร่าง ขนาด ปริมาตรและสถานะไปแต่ยังคงเป็นสสารชนิดเดิมและสามารถคืนกลับสู่ สถานะเดิมได้อีกครั้งเมื่อมีการเพิ่มหรือลดความร้อน การละลาย หมายถึง การใส่สารลงในน้ำแล้วสารนั้นรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับน้ำทั่วทุกส่วน แสดงว่า สารเกิดการละลาย เรียกสารผสมที่ได้ว่าสารละลาย ซึ่งจะประกอบด้วยตัวทำละลาย และตัวละลายหรือตัวถูก ละลาย โดยตัวทำละลายจะมีปริมาณมากกว่าตัวละลายเสมอ เมื่อสารเกิดการละลาย สารแต่ละชนิดยังคง แสดงสมบัติของสารเดิมไม่ได้เกิดสารใหม่ เช่น น้ำผสมเกลือ เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงทางเคมี หมายถึง เมื่อผสมสาร 2 ชนิดขึ้นไปเข้าด้วยกัน แล้วมีสารใหม่ เกิดขึ้น ซึ่งมี สมบัติแตกต่างจากสารเดิม หรือเมื่อสารชนิดเดียว เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วมีสารใหม่เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลง นี้ เรียกว่า การเปลี่ยนแปลงทางเคมี การเปลี่ยนแปลงทางเคมีอาจสังเกตได้จาก การมีฟองแก๊ส หรือมีตะกอน หรือมีสี หรือมีกลิ่น หรือมีอุณหภูมิ เพิ่มขึ้นหรือลดลง เช่น การเกิดสนิม บนตะปูที่แช่ในน้ำ 1 สัปดาห์ การเติมผงฟูลงใน น้ำส้มสายชูทำให้เกิดฟอง แก๊ส และมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น
10. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ • วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (10 นาที) 1) ครูทบทวนความรู้เรื่อง การละลาย โดยอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับการละลายเป็นการ เปลี่ยนแปลงทางกายภาพของสาร เพราะสารที่เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่เกิดเป็นสารใหม่ขึ้นมา 2) ครูให้นักเรียนดูภาพของสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้ กาแฟดำ น้ำแข็งละลาย เนยละลายในกระทะ บ่อน้ำพุร้อน สนิมจักรยาน การเผาไหม้ ขนมครก ผลไม้สุกและไข่ต้ม ครูใช้คำถามต่อไปนี้ 1. ให้นักเรียนร่วมกันแยกประเภทสิ่งต่างๆ ที่ครูกำหนดให้ (แนวคำตอบ: นักเรียนแยก ประเภทตามความคิดของตนเองแต่ควรมีแนวโน้มในการแยกเป็นสารที่มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและสาร ที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเคมี) 2. ครูถามนักเรียนต่อว่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงของสารแบ่งออกเป็นกี่ ประเภท (แนวคำตอบ: 2 ประเภท ได้แก่ สารที่มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ (สามารถคืนสถานะเดิมได้) และสารที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเคมี(องค์ประกอบของสารเปลี่ยนไป ได้สารใหม่ ไม่สามารถคืนกลับเป็น สารเดิมได้)) ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (30 นาที) 3) ครูให้นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่ม ให้ได้ 4 กลุ่ม เพื่อให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมเกี่ยวกับการ เปลี่ยนแปลงของสาร ได้แก่ การทำเครื่องดื่ม และ การทำอาหารจากไข่ โดยแต่ละกลุ่มจะต้องจับสลากเพื่อ เลือกหัวข้อที่ตนเองได้ และลงมือปฏิบัติ (โดยการจับสลากจะทำในชั่วโมงที่แล้วเพื่อให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม สามารถนำอุปกรณ์ในการทำกิจกรรมมาได้) 4) นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงาน โดยมีประเด็นที่ต้องนำเสนอ ดังนี้ 1. ขั้นตอนและวิธีการทำอาหาร/เครื่องดื่มของตนเอง (แบบคร่าวๆ) 2. อาหาร/เครื่องดื่มของตน เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสาร อย่างไร (แนวคำตอบ: ถ้า นักเรียนได้เครื่องดื่ม ควรพูดถึงการละลายของสาร เช่น ส่วนผสมที่สามารถละลายได้ในน้ำ และในส่วนของ อาหารที่ทำจากไข่ ควรพูดถึงการเปลี่ยนแปลงทางเคมี เพราะ โครงสร้างของไข่มีการเปลี่ยนแปลงไปและไม่ สามารถคืนกลับสถานะเดิมได้) 5) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับกิจกรรม การเปลี่ยนแปลงของสาร ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้(5 นาที) 6) ครูอธิบาย เกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงของสาร ดังนี้ การเปลี่ยนแปลงของสาร มี 2 ประเภท โดยแบ่งตามสมบัติของสาร ได้แก่ 1. การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ คือ การเปลี่ยนแปลงของสารที่เกี่ยวกับสมบัติกายภาพ โดยไม่มีผลต่อองค์ประกอบภายในและไม่เกิดสารใหม่ เช่น การเปลี่ยนสถานะ การละลายน้ำ เป็นต้น
2. การเปลี่ยนแปลงทางทางเคมี หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของสารที่เกี่ยวข้องกับสมบัติ ทางเคมีซึ่งมีผลต่อองค์ประกอบภายใน และจะมีสมบัติต่างไปจากเดิมแล้วเกิดเป็นสารใหม่ เช่น การต้มไข่ การ เกิดสนิม เป็นต้น 7) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถาม เพื่อความเข้าใจเรื่อง การเปลี่ยนแปลงของสาร มากขึ้น ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(5 นาที) 8) ครูถามนักเรียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสารในชีวิตประจำวัน โดยให้นักเรียน ยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงสารทั้ง 2 ประเภท มาคนละ 1 อย่าง แต่ละคนต้องไม่ซ้ำกัน ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (10 นาที) 9) นักเรียนทำใบงาน เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของสาร 11. สื่อการเรียนรู้ 1) สื่อการเรียนรู้ 1.1) หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ป.5 1.2) ใบงาน เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของสาร 1.3) PowerPoint สรุปความรู้วิทยาศาสตร์ ป.5 2) แหล่งการเรียนรู้ 2.1) ห้องเรียน 2.2) ห้องสมุด 12. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ที่ วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงาน ใบงาน ร้อยละ 60 ถือว่าผ่านเกณฑ์ 2 สังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วม ในกิจกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล นักเรียนผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ 3 สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ นักเรียนผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ ลงชื่อ............................................................. ครูผู้สอน (นาย สุพศิน นาวัลย์) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนชุมชนศิลาเพชร .............../..................../..............
บันทึกหลังจากการจัดการเรียนการสอน 1. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………..… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………...……………………..……… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… 2. ปัญหาและอุปสรรค ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………..…… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… 3. แนวทางแก้ไข/ข้อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………….. ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… ลงชื่อ............................................................. ครูผู้สอน (นาย สุพศิน นาวัลย์) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนชุมชนศิลาเพชร .............../..................../..............
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของสาร เวลา 10 ชั่วโมง เวลา 2 ชั่วโมง 1. สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี 3. ตัวชี้วัด ว 2.1 ป.5/3 วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของสารเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี โดยใช้หลักฐานเชิง ประจักษ์ 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เมื่อผสมสาร 2 ชนิดขึ้นไปแล้วมีสารใหม่เกิดขึ้นซึ่งมีสมบัติต่างจากสารเดิมหรือเมื่อสารชนิดเดียวเกิด การเปลี่ยนแปลงแล้วมีสารใหม่เกิดขึ้นการเปลี่ยนแปลงนี้เรียกว่า การเปลี่ยนแปลงทางเคมี ซึ่งสังเกตได้จากมีสี หรือกลิ่นต่างจากสารเดิม หรือมีฟองแก๊ส หรือมีตะกอนเกิดขึ้นหรือมีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอุณหภูมิ 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสารได้ (K) 2) ใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ในการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของสารเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ได้ (P) 3) รับผิดชอบและมุ่งมั่นในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย (A) 6. คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 1) มีวินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งมั่นในการทำงาน 7. สมรรถนะที่สำคัญ 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทักษะการสำรวจค้นหา 1.2) ทักษะการเชื่อมโยง 2) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 8. ทักษะกระบวนการคิด การคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ
9. เนื้อหาสาระ การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร หมายถึง การผสมสารตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปแล้วมีสารใหม่เกิดขึ้นซึ่งมี สมบัติต่างจากสารเดิมหรือเมื่อสารชนิดเดียวเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วมีสารใหม่เกิดขึ้นการเปลี่ยนแปลงนี้ เรียกว่า การเปลี่ยนแปลงทางเคมี เป็นการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบภายในของสสาร เกิดเป็นสารใหม่ขึ้นมา ทั้งนี้เพราะมีปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้นนั่นเอง ตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ได้แก่ การเผาไหม้ การย่อยอาหาร การเกิดสนิม การรวมตัวของโมเลกุลของสารต่างๆ เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงทางเคมี ทำให้ได้สารใหม่เกิดขึ้น เสมอ ซึ่งสามารถเขียนเป็นสมการเคมีขึ้นแทนปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นได้ ตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงทางเคมี เช่น การเกิดนมเปรี้ยว การปิ้งขนมปัง การเกิดสนิมของตะปู การจุดประกายของน้ำมันในเครื่องยนต์ การเกิด ฟองของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2 ) ในบาดแผล การจุดไม้ขีดไฟ การกินยาลดกรด เป็นต้น ซึ่งสังเกตได้ จาก สี กลิ่น ตะกอน ฟองแก๊ส เกิดการระเบิด และการมีอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป 10. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ • วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (15 นาที) 1) ครูทบทวนเกี่ยวกับการทดลองเรื่อง การเปลี่ยนแปลงของสาร โดยใช้คำถามว่า “การ เปลี่ยนแปลงของสาร มีกี่ประเภท” (แนวคำตอบ: มี 2 ประเภท แบ่งตามสมบัติของสาร ได้แก่ การเปลี่ยนแปลง ทางกายภาพและการเปลี่ยนแปลงทางเคมี) 2) ครูนำอาหารได้แก่ ไส้กรอกทอด ขนมปังปิ้ง มาให้นักเรียนดู พร้อมทั้งถามคำถามนักเรียน ดังต่อไปนี้ 1. ครูถามนักเรียนว่า “นักเรียนคิดว่า ขนมปังก่อนปิ้งและขนมปังหลังปิ้ง มีลักษณะ แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร” (แนวคำตอบ: มีลักษณะแตกต่างกัน ก่อนปิ้งขนมปังอ่อนส่วนหลังปิ้งขนมปัง พบว่า ขนมมีการสุกและบางส่วนไหม้) 2. “ให้นักเรียนยกตัวอย่างอาหารที่มีการเปลี่ยนแปลงเหมือนไส้กรอกทอดมาอย่างน้อย 3 ชนิด” (แนวคำตอบ: ตอบตามความเข้าใจของนักเรียน) 3) ครูถามนักเรียนเพื่อนำเข้าสู่เนื้อหา เรื่อง การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร “การเปลี่ยนแปลง ทางเคมีของสารเป็นอย่างไร และสารมีลักษณะอย่างไร” (แนวคำตอบ: ตอบตามความเข้าใจของนักเรียน) ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (45 นาที) 4) ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 – 4 คน 5) ครูชี้แจง การทดลองเรื่อง การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร โดยให้นักเรียนใช้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการตั้งสมมติฐาน กำหนดตัวแปร ทำการทดลอง บันทึกผลการทดลองและ สรุปผลการทดลอง
6) นักเรียนทำการทดลองตามขั้นตอนการทดลองเรื่อง การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร ซึ่งมี ขั้นตอน ดังนี้ 1. เทน้ำส้มสายชู 30 ลูกบาศก์เซนติเมตร ลงในบีกเกอร์ 2. ตักผงฟู3 ช้อนชา เทลงในบีกเกอร์ที่บรรจุน้ำส้มสายชูอยู่ 3. สังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น 4. ใช้มือแตะที่ข้างบีกเกอร์ และบันทึกผลการทดลอง 7) เมื่อนักเรียนทำการทดลองเสร็จแล้ว นักเรียนทำใบบันทึกผลการทดลอง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร 8) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปผลการทดลอง ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (30 นาที) 9) ครูทบทวนเกี่ยวกับการทดลองเรื่อง การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร โดยใช้คำถามว่า 1. การเปลี่ยนแปลงใดบ้าง เป็นการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร (แนวคำตอบ: ตอบตาม ความเข้าใจของนักเรียน) 2. การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร สังเกตได้จากสิ่งใดบ้าง (แนวคำตอบ: สี กลิ่น ตะกอน ฟองแก๊ส เกิดการระเบิดและสารมีอุณหภูมิเปลี่ยนไป) 10) ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 – 4 คน 11) ครูชี้แจง กิจกรรม การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพต่างจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมี อย่างไรบ้าง” ดังนี้ 1. ครูแจกกระดาษบรูฟ กลุ่มละ 1 แผ่นและปากกาเคมีกลุ่มละ 1 ด้าม 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม ระดมความคิดเพื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ และการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มจับสลากนำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน 12) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ และการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้(10 นาที) 13) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการทดลองและผลการทำกิจกรรม โดยใช้คำถามดังนี้ 1. การเปลี่ยนแปลงทางเคมี คืออะไร (แนวคำตอบ: การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร หมายถึง การผสมสารตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปแล้วมีสารใหม่เกิดขึ้นซึ่งมีสมบัติต่างจากสารเดิมหรือเมื่อสารชนิด เดียวเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วมีสารใหม่เกิดขึ้นการเปลี่ยนแปลงนี้เรียกว่า การเปลี่ยนแปลงทางเคมี) 2. การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและทางเคมี มีความแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร (แนว คำตอบ: สุ่มนักเรียนถามที่ละประเด็น ดังนี้)
ประเด็นการเปรียบเทียบ การเปลี่ยนแปลงทางเคมี การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ 1. การเกิดสารใหม่ เกิดสารใหม่ ไม่เกิดสารใหม่ 2. สมบัติของสาร เปลี่ยนไปจากเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง 3. องค์ประกอบภายใน เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ภายนอก 4. การกลับคืนสู่สภาพเดิม ไม่คืนกลับคืนสู่สภาพเดิมหรือ ทำได้ยาก เปลี่ยนกลับคืนสภาพเดิมหรือ เปลี่ยนกลับไป-มา ได้ 5. ตัวอย่าง การสุกของผลไม้, การเผาไหม้เชื้อเพลิง การเปลี่ยนสถานะของน้ำ, การระเหิดของลูกเหม็น ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(10 นาที) 14) ครูขยายความรู้เกี่ยวกับผลดีและผลเสียจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร ดังนี้ ผลดี คือ นำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ได้หลายด้าน เช่น การทำยารักษาโรค การประกอบ อาหาร นำมาสร้างวัสดุสังเคราะห์ต่างๆ ผลเสีย คือ การเผาไหม้ของสารเคมี ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของมลพิษทางอากาศที่ส่งผลต่อ สิ่งมีชีวิตและบรรยากาศของโลก และปฏิกิริยาเคมีของสารบางชนิดอาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงจนอาจเกิด ความสูญเสียมากมาย เช่น การระเบิดของแก๊ส การระเบิดของสารเคมีต่างๆ เป็นต้น ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (5 นาที) 15) นักเรียนทำใบบันทึกผลการทดลอง การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร และแบบฝึกหัดใน หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ป.5 11. สื่อการเรียนรู้ 1) สื่อการเรียนรู้ 1.1) หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ป.5 1.2) ใบบันทึกผลการทดลอง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร 1.3) PowerPoint สรุปความรู้วิทยาศาสตร์ ป.5 2) แหล่งการเรียนรู้ 2.1) ห้องเรียน 2.2) ห้องสมุด
12. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ที่ วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบบันทึกผลการทดลอง ใบบันทึกผลการทดลอง ร้อยละ 60 ถือว่าผ่านเกณฑ์ 2 สังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วม ในกิจกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล นักเรียนผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ 3 สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ นักเรียนผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ ลงชื่อ............................................................. ครูผู้สอน (นาย สุพศิน นาวัลย์) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนชุมชนศิลาเพชร .............../..................../..............
บันทึกหลังจากการจัดการเรียนการสอน 1. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………..… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………...……………………..……… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… 2. ปัญหาและอุปสรรค ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………..…… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… 3. แนวทางแก้ไข/ข้อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………….. ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… ลงชื่อ............................................................. ครูผู้สอน (นาย สุพศิน นาวัลย์) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนชุมชนศิลาเพชร .............../..................../..............
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และผันกลับไม่ได้ของสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของสาร เวลา 10 ชั่วโมง เวลา 2 ชั่วโมง 1. สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี 3. ตัวชี้วัด ว 2.1 ป.5/4 วิเคราะห์และระบุการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไม่ได้ 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เมื่อสารเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว สารสามารถเปลี่ยนกลับเป็นสารเดิมได้ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผัน กลับได้ เช่น การหลอมเหลว การกลายเป็นไอการละลาย แต่สารบางอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วไม่สามารถ เปลี่ยนกลับเป็นสารเดิมได้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไม่ได้ เช่น การเผาไหม้ การเกิดสนิม 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) ระบุการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไม่ได้ถูกต้อง (K) 2) ใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการทดลองได้ (P) 3) รับผิดชอบและมุ่งมั่นในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย (A) 6. คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 1) มีวินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งมั่นในการทำงาน 7. สมรรถนะที่สำคัญ 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทักษะการสำรวจค้นหา 1.2) ทักษะการเชื่อมโยง 2) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 8. ทักษะกระบวนการคิด การคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ
9. เนื้อหาสาระ การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้ของสาร หมายถึง การที่สารเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว สารสามารถ เปลี่ยนกลับมาเป็นสารเดิมได้ เช่น การหลอมเหลว การกลายเป็นไอ การละลายและการเปลี่ยนสีของน้ำดอก อัญชัน เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไม่ได้ของสาร หมายถึง การที่สารเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว สารไม่สามารถ เปลี่ยนกลับมาเป็นสารเดิมได้ เช่น การเผาไหม้ การเกิดสนิท เป็นต้น 10. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ • วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (15 นาที) 1) ครูนำสารละลายน้ำเชื่อม (น้ำ+น้ำตาล) ที่บรรจุในบีกเกอร์ให้นักเรียนดูพร้อมทั้งตั้ง คำถามนักเรียน ต่อไปนี้ 1. น้ำเชื่อม อยู่ในสถานะใด (แนวคำตอบ: สถานะของเหลว) 2. น้ำเชื่อมเกิดจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงใดของสาร (แนวคำตอบ: การละลายของ สารซึ่งได้แก่น้ำตาล+น้ำ) 3. น้ำเชื่อม มีตัวทำละลายและตัวถูกละลาย คืออะไร (แนวคำตอบ: ตัวถูกละลายคือ น้ำตาลส่วนตัวทำละลายคือน้ำ) 4. ครูถามคำถามเพื่อนำเข้าสู่เนื้อหาในบทเรียนว่า “นักเรียนคิดว่าน้ำตาลในสารละลาย น้ำเชื่อมนี้ สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้หรือไม่” (แนวคำตอบ:ตอบตามความคิดของตนเอง) 2) ครูถามนักเรียนว่า “นักเรียนคิดว่าสารต่างๆ บนโลกใบนี้สามารถเปลี่ยนแปลงและคืนกลับ สภาพเดิมได้หรือไม่” (แนวคำตอบ: ตอบตามความคิดของนักเรียน) ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (45 นาที) 3) ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 – 4 คน 4) ครูชี้แจง การทดลองเรื่อง อัญชันหลากสี โดยให้นักเรียนใช้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ ในการตั้งสมมติฐาน กำหนดตัวแปร ทำการทดลอง บันทึกผลการทดลองและสรุปผลการทดลอง 5) นักเรียนทำการทดลองตามขั้นตอนการทดลองเรื่อง อัญชันหลากสี ซึ่งมีขั้นตอน ดังนี้ 1. ตวงน้ำปริมาตร 30 ลูกบาศก์เซนติเมตร เทลงในบีกเกอร์ แล้วต้มจนเดือด 2. นำดอกอัญชันสดใส่ลงไป เมื่อน้ำเป็นสีน้ำเงินจึงดับไฟ 3. ดูดน้ำอัญชันใส่หลอดทดลอง สังเกตสีและบันทึกผล 4. หยดน้ำมะนาวลงไปในหลอดทดลองที่มีน้ำดอกอัญชันอยู่ ใช้แท่งแก้วคนสาร 5. หยดน้ำสบู่ลงไปในหลอดทดลองในข้อที่ 4 คนสารสลับกับหยดน้ำสบู่ สังเกตและบันทึกผล 6) เมื่อนักเรียนทำการทดลองเสร็จแล้ว นักเรียนทำใบบันทึกผลการทดลอง เรื่อง อัญชันหลากสี
7) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปผลการทดลอง โดยใช้คำถาม ดังนี้ 1. น้ำอัญชัน ในการทดลองครั้งที่แล้วเป็นการเปลี่ยนแปลงของสารแบบใด เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ: เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบผันกลับได้ของสาร เพราะน้ำดอกอัญชันมีการเปลี่ยนสีจากสีน้ำเงินเป็น สีม่วงและสามารถเปลี่ยนสีกลับสู่สภาพเดิมได้ด้วยน้ำสบู่) 2. เพราะเหตุใดน้ำอัญชันจึงเปลี่ยนสีได้ (แนวคำตอบ: เนื่องจากน้ำอัญชันทำปฏิกิริยากับ น้ำมะนาวซึ่งเป็นกรดจึงทำให้เปลี่ยนเป็นสีม่วงแต่เมื่อใส่น้ำสบู่ที่มีฤทธิ์เป็นเบสในปริมาณที่เหมาะสมสารละลาย ที่เป็นสีม่วงจะค่อยๆลดความเป็นกรดลงทำให้คืนสู่สภาพเดิมคือสีน้ำเงิน) ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (20 นาที) 8) ครูทบทวนเกี่ยวกับการทดลองเรื่อง อัญชันหลากสี 9) ครูให้นักเรียนจับคู่เพื่อคิดร่วมกัน เกี่ยวกับกิจกรรม ผันกลับได้ไหมนะ? 10) ครูชี้แจง กิจกรรม ผันกลับได้ไหมนะ? ดังนี้ 1. ครูกำหนดสถานการณ์ต่างๆ ให้นักเรียน 8 สถานการณ์ ดังนี้ - เผากระดาษ - ตะปูเกิดสนิม - น้ำกลายเป็นไอ - อาหารเน่าเสีย - การจุดเทียนไข - จุดประทัด - เนยหลอมละลาย - มันฝรั่งทอด 2. นักเรียนแต่ละคู่จับสลาก สถานการณ์ คู่ละ 1 สถานการณ์ เพื่อร่วมกันอภิปรายและ นำเสนอหน้าชั้นเรียนในประเด็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไม่ได้ของ สาร พร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบที่เหมาะสม 11) ครูและนักเรียนร่วมกันในห้องร่วมกับอภิปราย พร้อมกัน 12) นักเรียนทำใบงานเรื่อง การเปลี่ยนแปลงทางเคมี ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้(10 นาที) 13) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการทดลอง โดยใช้คำถามดังนี้ 1. การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไม่ได้ คืออะไร มีลักษณะ อย่างไร (แนวคำตอบ: การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้ของสาร หมายถึง การที่สารเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว สาร สามารถเปลี่ยนกลับมาเป็นสารเดิมได้ ส่วนการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไม่ได้ของสาร หมายถึง การที่สารเกิดการ เปลี่ยนแปลงแล้ว สารไม่สามารถเปลี่ยนกลับมาเป็นสารเดิมได้) 2. ให้นักเรียนยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้ (แนวคำตอบ: การหลอมเหลว การกลายเป็นไอ การละลายและการเปลี่ยนสีของน้ำดอกอัญชัน เป็นต้น) 3. ให้นักเรียนยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไม่ได้ (แนวคำตอบ: การเผาไหม้ การเกิดสนิท เป็นต้น)
ขั้นที่ 4 ขยายความรู้(5 นาที) 14) ครูให้นักเรียนดูภาพนาเกลือ แล้วถามนักเรียนว่า “การทำนาเกลือ เป็นการเปลี่ยนแปลง แบบใด เพราะเหตุใด” (แนวคำตอบ: เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบผันกลับได้ เพราะเมื่อเกลือละลายในน้ำจะ กลายเป็นสารละลายแต่เมื่อให้ความร้อนในอุณหภูมิของสารละลายสูงขึ้น น้ำจะระเหยออกไปจะเหลือที่อยู่ใน สถานะของแข็งเช่นเดิม) ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (25 นาที) 15) นักเรียนทำใบบันทึกผลการทดลอง เรื่อง อัญชันหลากสีและใบงานเรื่อง การเปลี่ยนแปลงทางเคมี(หากนักเรียนทำใบงานไม่ทันเวลาสามารถสั่งเป็นการบ้านเพื่อทบทวนความรู้ได้) 16) นักเรียนทำแบบทดสอบท้ายหน่วยการเรียนรู้เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของสาร 11. สื่อการเรียนรู้ 1) สื่อการเรียนรู้ 1.1) หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ป.5 1.2) ใบบันทึกผลการทดลอง เรื่อง อัญชันหลากสีและใบงานเรื่อง การเปลี่ยนแปลงทางเคมี 1.3) PowerPoint สรุปความรู้วิทยาศาสตร์ ป.5 1.4) แบบทดสอบท้ายหน่วยการเรียนรู้เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของสาร 1.5) ภาพกิจกรรม การทำนาเกลือ 2) แหล่งการเรียนรู้ 2.1) ห้องเรียน 2.2) ห้องสมุด
12. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ที่ วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบบันทึกผลการทดลอง/ใบงาน ใบบันทึกผลการทดลอง/ใบงาน ร้อยละ 60 ถือว่าผ่านเกณฑ์ 2 สังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วม ในกิจกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล นักเรียนผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ 3 สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ นักเรียนผ่านเกณฑ์ ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ ลงชื่อ............................................................. ครูผู้สอน (นาย สุพศิน นาวัลย์) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนชุมชนศิลาเพชร .............../..................../..............
บันทึกหลังจากการจัดการเรียนการสอน 1. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………..… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………...……………………..……… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… 2. ปัญหาและอุปสรรค ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………..…… ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… 3. แนวทางแก้ไข/ข้อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… ….……………………………………………………………………………………………………………………………...……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………….. ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………….… ลงชื่อ............................................................. ครูผู้สอน (นาย สุพศิน นาวัลย์) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนชุมชนศิลาเพชร .............../..................../..............