The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

E-bookกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by supansa_tuktuk, 2022-02-26 10:58:27

E-bookกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน

E-bookกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน

กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ชิ าภาษาไทย

สาระท่ี ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม

กาพย์เห่ชม

เครอ่ื งคาวหวาน

พระราชนพิ นธใ์ น
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั

ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑

นวัตกรรมหนังสอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ E-book วรรณคดี

คลังแห่งปญั ญา

ศกึ ษาด้วยนวตั กรรมคิวอารโ์ คด้

คาแนะนาสาหรบั คณุ ครู
คาแนะนาสาหรบั นกั เรยี น
แผนการจัดการเรยี นรู้
คาศพั ทพ์ ื้นฐานท่ีควรรู้
แบบทดสอบก่อนเรยี น
แบบทดสอบหลงั เรยี น

ประวัตคิ วามเปน็ มา

กาพย์เหช่ มเครือ่ งคาวหวานประวตั ิผแู้ ตง่

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมสมเด็จพระยาดารงราชานุภาพ

ได้ประทานความเป็นมาของกาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวานไว้ว่า รัชกาลที่ ๒ คงได้
พระราชทานพระราชนิพนธ์ข้ึนต้ังแต่สมัยรัชกาลท่ี ๑ ทรงชมฝีพระหัตถ์สมเด็จ
พระศรีสุริเยนทราบรมราชินี แต่คร้ังยังทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ
เจ้าฟ้าหญิงบุญรอดด้วยทรงมีความสามารถเป็นเลิศในการปรุงเคร่ืองเสวย
ส่วนจุดประสงค์ในการพระราชนิพนธ์ก็เพ่ือใช้เป็นบทเห่เรือเสด็จประพาสส่วน

พระองค์ วัตถปุ ระสงค์ในการแตง่

๑. เพอ่ื ทรงชมฝพี ระหตั ถส์ มเด็จพระศรีสรุ ิเยนทราบรมราชินี
๒. เพอ่ื ใชเ้ ป็นบทเหเ่ รอื เสดจ็ ประพาสสว่ นพระองค์

ลักษณะคาประพนั ธ์

กาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวานน้ีแต่งตามแบบกาพย์เห่หรือกาพย์เห่เรือ
คือแต่งเป็นโคลงผสมกาพย์ โดยมีโคลงสี่สุภาพ ๑ บท เป็นบทนาหรือข้ึนต้น
แลว้ แตง่ เปน็ กาพยย์ านี ๑๑ ไมจ่ ากดั จานวน ขยายความตอ่ จากโคลงบทน้ันโดยมาก
เน้ือความในกาพย์ยานีบทแรกจะเลียนความโคลงสี่สุภาพตอนตันบทประพันธ์
ในลักษณะน้ีหากพรรณนาความรู้เก่ียวกับเรือหรือการเดินทางทางเรือ เรียกว่า
กาพย์เห่เรือ แต่ถ้าพรรณนาเร่ืองอ่ืน ๆ จะเป็นเรื่องใดก็ได้ เช่น ชมนก ชมหนังสือ
หรือชมเครอื่ งคาวหวาน ดงั ที่อา่ นนี้ เรยี กวา่ กาพย์เห่

เนือ้ เรอ่ื ง

กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานกล่าวถึงลักษณะเด่นของอาหารไทยโบราณ
ชนิดต่าง ๆ ซ่ึงสะท้อนถึงความประณีตในวัฒนธรรมด้านอาหารของคนไทยโดย
พระราชนพิ นธเ์ ชอ่ื มโยงอาหารกับนางผเู้ ปน็ ทร่ี กั อยา่ งกลมกลืนแยบคาย ผูอ้ ่านจึงได้
ความรู้ดา้ นเรอ่ื งอาหารพร้อมกับความเพลิดเพลินจากบทประพันธ์

สาระสาคัญของเรื่อง

กาพยเ์ หช่ มเครอื่ งคาวหวานพระราชนพิ นธใ์ นรชั กาลท่ี ๒ เปน็ วรรณคดที มี่ ี
เนอ้ื หาเกย่ี วกบั ประเพณมี เี นอ้ื ความพรรณนาอาหารคาวหวานและผลไม้

๑. เครอื่ งคาวทป่ี รากฏในคาประพนั ธ์ คอื มสั มนั่ ยาใหญ่ ตับเหลก็ ลวก
หมแู นม กอ้ ยกงุ้ แกงเทโพ นา้ ยา แกงออ่ ม ขา้ วหงุ ปรงุ อยา่ งเทศ แกงควั่ สม้ ใสร่ ะกา
พลา่ เนอ้ื ลา่ เตยี ง หรุ่ม รงั นก ไตปลา แสรง้ วา่

๒. กาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวานมีลักษณะเป็นนิราศ กล่าวคือมีการคร่า
ครวญถงึ นางอนั เป็นทรี่ ัก

๓. กาพยเ์ หช่ มเครอื่ งคาวหวาน เปน็ บทประพนั ธท์ นี่ กั วรรณคดนี ยิ มกนั วา่
เป็นวรรณคดบี รสิ ทุ ธค์ิ อื เพง่ เลง็ ความงดงามไพเราะยง่ิ กว่าอยา่ งอนื่

คุณคา่ ของเร่อื ง

คุณค่าของวรรณคดีเรื่องน้ี อยู่ที่ความไพเราะ และความคมคายของบท
เปรียบเทียบในการพรรณนาที่ทาให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพ รูปลักษณ์ กลิ่น สี ของ
อาหารได้อย่างชัดเจน อาหารท่ีปรากฏในเร่ืองกาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวาน
สามารถเล่าเรื่องราวได้มากมาย ท้ังวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และสภาพ
บ้านเมืองทาให้ภูมิใจในเอกลักษณ์ของอาหารไทยที่มีความงดงามวิจิตร และ
พิถีพิถันในทุกขั้นตอนการทาเป็นแบบอย่างที่ดี ที่ผู้หญิงไทยในปัจจุบันควรยึดถือ
และตระหนักถงึ ความสาคัญของเสนห่ ป์ ลายจวัก

กาพยเ์ หช่ มเครือ่ งคาวหวาน

(อาหารคาว)

โคลงสี่สภุ าพ

แกงไกม่ สั ม่นั เนอ้ื นพคุณ พีเ่ อย
หอมยหี่ รา่ รสฉนุ เฉียบรอ้ น
ชายใดบรโิ ภคภญุ ช์ พศิ วาส หวังนา
แรงอยากยอหัตถข์ อ้ น อกให้หวนแสวง ๚

พระราชนิพนธใ์ น
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั

มสั ม่นั มัสมน่ั แกงแกว้ ตา

หอมยหี่ รา่ รสรอ้ นแรง
ชายใดไดก้ ลนื แกง
แรงอยากให้ใฝฝ่ นั หา

แกงมัสม่ันไก่ท่ีทามีกล่ินหอมของย่ีหร่าและมีรสชาติที่ร้อนแรง
ผู้ชายคนไหนได้รับประทานแกงน้ีเข้าไปต้องหลงรักรวมทั้งติดใจใน
รสชาติ อยากจะกลบั มารับประทานอกี

ยาใหญ่ ยาใหญใ่ สส่ ารพดั

วางจานจัดหลายเหลอื ตรา
รสดีดว้ ยนา้ ปลา
ญี่ปนุ่ ลา้ ยา้ ยวนใจ

ยาใหญม่ เี ครื่องตา่ ง ๆ อยา่ งครบครนั จดั จานอย่างสวยงามสุดจะ
พรรณนา ยง่ิ ปรุงรสด้วยน้าปลาญี่ปุ่น ก็ยง่ิ ทาให้นา่ ลิม้ ลองเปน็ ทีส่ ดุ

ตับเหลก็
ตับเหลก็ ลวกหลอ่ นตม้
เจือนา้ สม้ โรยพรกิ ไทย
โอชาจะหาไหน
ไม่มีเทยี บเปรียบมอื นาง

ตับเหล็กลวกใส่น้าส้มและพริกไทยเล็กน้อย รสชาติของตับเหล็ก
ลวกนอ้ี ร่อยมากแบบหากินท่ีไหนไม่ได้อีกแล้ว อาหารน้ีไม่มีใครทาอร่อย

หมแู นมสู้ฝมี ือของน้องไดเ้ ลย
หมแู นมแหลมเลศิ รส
พรอ้ มพรกิ สดใบทองหลาง
พศิ หอ่ เหน็ รางชาง
ห่างหอ่ หวนป่วนใจโหย

หมูแนมรสชาตอิ รอ่ ยเลิศ มาพร้อมกบั เคร่อื งเคียงอยา่ งพริกสดและ
ใบทองหลางมองดูแล้วสวยงาม ยามใดท่ีพ่ีห่างห่อหมูแนม (ไม่ได้กินหมู
แนมนาน ๆ ) ก็จะทาใหพ้ ปี่ น่ั ป่วนหัวใจ คดิ ถึงแต่น้องอยูท่ ุกเวลา

กอ้ ยก้งุ
ก้อยกงุ้ ปรงุ ประทนิ่
วางถงึ ลนิ้ ดิน้ แดโดย
รสทิพยห์ ยบิ มาโปรย
ฤๅจะเปรยี บเทยี บทนั ขวญั

ก้อยกุ้งปรุงเสร็จแล้วกล่ินหอมมากราวกับอาหารทิพย์บนสวรรค์
เม่ือสัมผัสถูกลิ้นมีความอร่อยมากจนแทบขาดใจ จึงไม่มีใครที่มีฝีมือ
ปรงุ อาหารเทียบนอ้ งได้

แกงเทโพ
เทโพพนื้ เนอื้ ทอ้ ง
เป็นมันยอ่ งลอ่ งลอยมนั
น่าซดรสครามครนั
ของสวรรคเ์ สวยรมย์

แกงเทโพใช้เน้ือส่วนท้องของปลาเทโพในการปรุง น้าแกงมี
ความมนั มองดูนา่ ซด รสชาตกิ อ็ ร่อยมากเปรยี บเหมอื นอาหารบนสวรรค์

น้ายาแกงขม

ความรกั ยกั เปล่ยี นทา่
ทานา้ ยาอยา่ งแกงขม
กลอ่อมกลอ่ มเกล้ียงกลม
ชมไม่วายคลบั คลา้ ยเหน็

ด้วยความรักของน้องที่มีต่อพ่ี น้องจึงเปล่ียนมาทาน้ายา
(ขนมจนี ) แบบแกงขม รสชาติกลมกล่อมคล้ายแกงอ่อมมะระ ทาให้พี่
ต้องชมฝีมือของน้องไม่ขาดปาก และเหมือนจะเห็นหน้าน้อง

ตลอดเวลา ขา้ วหุง
ข้าวหงุ ปรงุ อยา่ งเทศ
รสพเิ ศษใสล่ กู เอ็น
ใครหงุ ปรงุ ไมเ่ ปน็
เชน่ เชิงมติ รประดษิ ฐท์ า

ข้าวหุงเคร่ืองเทศนี้มีรสชาติพิเศษยิ่งข้ึนเม่ือใส่ลูกกระวานลง ไป
ใครหุงข้าวน้ี กไ็ มอ่ รอ่ ยเท่าน้องที่ตงั้ ใจหงุ เลย

แกงค่ัวสม้
เหลือรู้หมปู า่ ตม้
แกงคว่ั สม้ ใสร่ ะกา
รอยแจง้ แหง่ ความขา
ช้าทรวงเศรา้ เจา้ ตรากตรอม

น้องมีความรู้เก่ยี วกับการทาอาหารมาก ดจู ากการนาเอาหมปู ่ามา
ต้มทาแกงค่ัวส้มใส่ระกา ทาให้เห็นความลับระหว่างพ่ีกับน้อง ซ่ึงมีแต่
ความเจ็บช้าระกาใจ

พลา่ เน้อื
ชา้ ชา้ พล่าเนอื้ สด
ฟุง้ ปรากฏรสหน่ื หอม
คิดความยามถนอม
สนทิ เนอ้ื เจือเสาวคนธ์

พล่าเน้ือสดส่งกลิ่นหอมฟุ้งมากจนเร้าอารมณ์ของพ่ี ทาให้คิดถึง
คร้ังเม่อื เราเคยทะนุถนอมมอบความรักใคร่ให้แก่กัน ได้มีโอกาสใกล้ชิด
กัน จนได้กลน่ิ กายหอม ๆ ของน้อง

ลา่ เตยี ง
ลา่ เตียงคดิ เตยี งนอ้ ง
นอนเตียงทองทาเมอื งบน
ลดหลน่ั ชน้ั ชอบกล
ยลอยากนทิ รคดิ แนบนอน

เหน็ ลา่ เตยี งแลว้ พกี่ ค็ ดิ ถงึ เตยี งนอนของนอ้ ง ซึ่งเป็นเตยี งทอง
อันมีลวดลายเป็นชั้น ๆ สวยงามเหมือนเตียงบนสวรรค์ เห็นแล้วก็
ทาใหค้ ดิ อยากนอนกบั นอ้ ง

หรมุ่

เหน็ หรมุ่ รมุ ทรวงเศรา้
รุ่มรมุ่ เรา้ คอื ไฟฟอน
เจบ็ ไกลใจอาวรณ์
ร้อนรมุ รมุ่ กลุม้ กลางทรวง

พอเห็นหรุ่ม ความเศร้าโศกก็เข้ามารุมเร้าร้อนระอุอยู่ในอก
ความเจบ็ ปวดด้วยใจคิดถงึ น้องน้ีทาให้พรี่ อ้ นรมุ่ หัวใจ

รังนก

รงั นกนง่ึ นา่ ซด
โอชารสกวา่ ทง้ั ปวง
นกพรากจากรงั รวง
เหมือนเรยี มรา้ งหา่ งหอ้ งหวน

รังนกนง่ึ น่ารับประทาน รสชาติก็อร่อยกว่าอาหารอ่ืน ๆ การที่นก
ตอ้ งพรากจากรงั กเ็ ปรยี บเหมือนกบั ตัวพท่ี ่ตี ้องพลัดพรากจากน้องไป

แกงไตปลา
ไตปลาเสแสรง้ วา่
ดุจวาจากระบดิ กระบวน
ใบโศกบอกโศกครวญ
ให้พีเ่ ครา่ เจา้ ดวงใจ

อาหารท่ีดเู หมือนจะเปน็ ไตปลาแตค่ วามจริงคือ ‘แสร้งว่า’ ท่ีทา
เลียนแบบไตปลา ทาให้พี่หวนคิดถึงคาพูดที่มีช้ันเชิงของน้อง พอเห็น
ใบโศกก็ทาใหพ้ ร่ี ู้ว่าน้องกาลังโศกเศร้าคร่าครวญถึงพ่ี ทาให้พ่ีเฝ้าคอย
น้องอยตู่ ลอดเวลา

ผักโฉมและผกั หวาน

ผักโฉมชื่อเพราะพรอ้ ง
เปน็ โฉมนอ้ งฤๅโฉมไหน
ผักหวานซ่านทรวงใน
ใครค่ รวญรกั ผกั หวานนาง

ผักสองชนิด คือ ผักโฉมและผักหวาน แล้วเปรียบเทียบว่า
ผักโฉมนี้คือโฉมของน้องหรือโฉมของนางใด ส่วนผักหวานนั้นเม่ือกวี
ไดแ้ ลเห็นก็ทาให้ความรกั อนั หวานซ้งึ แผ่ซา่ นไปทั่วหวั ใจ

พระราชนพิ นธใ์ น
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั

(อาหารหวาน)

ข้าวเหนยี วสงั ขยา สงั ขยาหนา้ ตั้งไข่

ข้าวเหนยี วใสส่ ีโศกแสดง
เปน็ นัยไมเ่ คลือบแคลง
แจง้ ว่าเจ้าเศรา้ โศกเหลือ

สังขยาทามาจากไข่ และข้าวเหนียวย้อมสีโศก คือ สีเขียวอ่อน ซ่ึง
คงจะยอ้ มด้วยใบเตยเป็นสาคัญ แต่สาคัญกว่านั้น ข้าวเหนียวสีโศกหน้า
สังขยาในกาพยฯ์ แสดงถึงความโศกเศรา้ ที่ต้องพรากจากคนรัก

ซ่าหริม่

ซา่ หรมิ่ ล้มิ หวานลา้
แทรกใสน่ า้ กะทิเจอื
วิตกอกแห้งเครอื
ไดเ้ สพหร่ิมพิมเสนโรย

การทาซ่าหริ่มให้เย็นในอดีตเกิดจากการใช้เกล็ดพิมเสนโรยแทน
นา้ แข็งวติ กกงั วลแตพ่ อไดร้ ับประทานซ่าหร่ิมก็ทาให้ช่นื ใจ

ลาเจยี ก
ลาเจยี กชื่อขนม
นึกโฉมฉมหอมชวยโชย
ไกลกลิ่นด้นิ แดโดย
โหยไห้หาบหุ งางาม

คาศัพท์ โฉม หมายถึง ความงาม ฉม หมายถึง กลนิ่ หอม ชวยโชย หมายถงึ สายลมทพ่ี ดั ออ่ น ๆ

ขนมลาเจียกเป็นขนมพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดอ่างทอง
เปรียบได้กับการห่างจากนางอันเป็นท่ีรักและไม่ได้กลิ่นท่ีหอมหวนก็

ทรมานใจ มัศกอด

มศั กอดกอดอยา่ งไร
น่าสงสยั ใครข่ อถาม
กอดเคลน้ จะเหน็ ความ
ขนมนามนย้ี งั แคลง

มัศกอด เป็นขนมโบราณท่ีมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา หน้าตาคล้าย
กบั คพั เคก้ ฝรั่ง รชั กาลที่ ๒ พยายามหาคาตอบว่ามศั กอดทาไมถงึ ต้องช่อื นี้
พยายามค้นหาจากเอกสารแต่ก็ไม่พบข้อมูล หรืออีกความหมายหน่ึง
คาว่า กอดเคล้นในบทประพันธ์ หมายถงึ กอดแนน่ ๆ

ลุดต่ี ลดุ ตน่ี ี้น่าชม

แผ่แผน่ กลมเพยี งแผน่ แผง
โอชาหนา้ ไกแ่ กง
แคลงของแขกแปลกกล่ินอาย

เป็นอาหารว่างของคนไทย มีลักษณะเป็นแป้งสีเหลืองแผ่นกลม
คล้ายโรตีรับประทานเคียงด้วยการห่อเค้ากับแกงไก่ หรือแกง
เขียวหวาน โดยต้องการชื่นชมคนทาลุดตี่ให้กินและบรรยายลักษณะ
ของลดุ ตใ่ี หเ้ หน็ ภาพ

ขนมจบี

ขนมจบี เจ้าจีบหอ่
งามสมสอ่ ประพมิ พ์ประพาย
นกึ น้องนงุ่ จบี กราย
ชายพกจบี กลีบแนบเนยี น

ขนมจบี จีบหอ่ สวยงามทาใหน้ ึกถงึ จบี ผ้านุ่งของนอ้ ง

ขนมเทยี น รสรกั ยกั ลานา

ประดษิ ฐท์ าขนมเทยี น
คานงึ นว้ิ นางเจยี น
เทียนหล่อเหลาเกลากลงึ กลม

คาศัพท์ คานึง หมายถงึ คดิ ถึง เจยี น หมายถงึ ตัด

จากคาประพันธ์ข้างต้น ผู้แต่งต้องการจะสื่อให้เห็นว่าผู้แต่งกาลัง

มองคนรักกาลังหอ่ ขนมเทยี น ทองหยบิ

ทองหยบิ ทพิ ยเ์ ทยี มทัด
สามหยบิ ชดั นา่ เชยชม
หลงหยบิ วา่ ยาดม
กม้ หนา้ เมนิ เขนิ ขวยใจ

ขนมทองหยิบมีกลิ่นหอม ต้องการชมว่าการจับจีบของ
เจ้าฟ้าหญิงบุญรอดสวย หลงหยิบทองหยิบขึ้นมาจะดมเพียงเพราะ
อยู่กบั คนรัก จงึ เกดิ อาการเขนิ อาย

ขนมผงิ ขนมผิงผงิ ผา่ วรอ้ น

เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน
รอ้ นนกั รกั แรมไกล
เมื่อไรเหน็ จะเยน็ ทรวง

พูดถึงลักษณะของการทาขนมผงิ ท่ีกาลงั รอ้ นท่เี กิดจากการทาให้
สุกด้วยความร้อน เทียบกับจิตใจตนเองท่ีร้อนเหมือนกับขนมผิงท่ีอบ
อยู่ในเตาไฟ ความรู้สึกร้อนรุ่มเกิดจากการร้อนอกร้อนใจท่ีต้องพลัด
พรากจากคนรัก ถ้าได้เหน็ เจ้าฟ้าหญงิ เม่อื ไหร่จิตใจจะเยน็ ข้ึน

รังไรโรยด้วยแป้ง รงั ไร (เรไร)

เหมอื นนกแกล้งทารงั รวง
โออ้ กนกท้งั ปวง
ยังยนิ ดดี ้วยมรี งั

ขนมรังไรคล้ายกับรังนก เม่ือรัชกาลที่ ๒ มองเห็นขนมรังไรก็
นึกถึงนก นกเมื่อทารังคือการมีคู่ คิดแทนนก นกมีรังคือมีคู่ก็คงจะยินดีมี
ความสขุ เชน่ กบั ตนเองมคี นรักก็มคี วามสขุ เช่นกนั

ทองหยอด

ทองหยอดทอดสนทิ
ทองมว้ นมดิ คดิ ความหลงั
สองปีสองปิดบัง
แตล่ าพังสองตอ่ สอง

รัชกาลที่ ๒ มองเห็นขนมทองหยอดและทองม้วนที่แนบสนิทก็
คิดถึงความหลังท่ีพระองค์ปิดความลับไว้ เป็นเวลา ๒ ปี แต่ลาพัง
ความลับเรื่องความรักของท้ังสองคนไม่มีคนรู้เลย รู้กนั แค่ ๒ คน

งามจรงิ จา่ มงกฎุ จ่ามงกุฎ

ใส่ชอ่ื ดุจมงกฎุ ทอง
เรียมรา่ คานงึ ปอง
สะอง้ิ นอ้ งนน้ั เคยยล

จ่ามงกุฎ มีลักษณะคล้ายกะละแมสีขาว ทาจากแป้งข้าวเจ้า
หรือแป้งข้าวเหนียวผสมกับแป้งถ่ัวเขียว จากน้ันนาไปกวนกับกะทิ
และน้าตาลทรายขาวกวนไปเร่ือย ๆ จนเหนียวคล้ายกะละแมซ่ึง
ต้องใช้เวลากวนนานกว่า ๒ ช่ัวโมง

บวั ลอย

บัวลอยเล่หบ์ วั งาม
คิดบวั กามแกว้ กบั ตน
ปลง่ั เปล่งเครง่ ยคุ ล
สถนนชุ ดจุ ประทมุ

คาศัพท์ เคร่ง หมายถงึ หย่อนลง สถน หมายถงึ เต้านม

พอรัชกาลท่ี ๒ เห็นบัวลอยนึกถึงดอกบัวจึงคิดถึงหน้าอกของ

เจ้าหญงิ ท่ีมลี ักษณะคลา้ ยดอกบวั ตูม ชอ่ ม่วง

ชอ่ ม่วงเหมาะมรี ส

หอมปรากฏกลโกสมุ

คิดสสี ไบคลมุ

หุ้มห่อมว่ งดวงพุดตาน

คาศัพท์ โกสมุ หมายถงึ ดอกไม้ กล หมายถงึ เหมือน

รัชกาลท่ี ๒ ชมว่าช่อม่วงรสชาติอร่อย และมีกลิ่นหอมและ
ยงั มองเหน็ สีของช่อมว่ งเหมือนกับสไบที่คนรักคลมุ

ฝอยทอง

ฝอยทองเปน็ ยองใย
เหมอื นเสน้ ไหมไขข่ องหวาน
คดิ ความยามเยาวมาลย์
เย็บชนุ ใชไ้ หมทองจนี

พูดถึงลักษณะเส้นของฝอยทอง มีลักษณะเหมือนกับเส้นไหม
พอเห็นเส้นฝอยทองกค็ ดิ ถงึ เรอื่ งราวในอดีตตอนที่เจา้ ฟ้าหญงิ กาลังเย็บ
ชนุ เส้อื ผา้ ด้วยไหมทองจีน

พระราชนพิ นธใ์ น
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลัย

ผลชิด (ผลไม้)

ผลชดิ แชอ่ ิ่มอบ
หอมตรลบลา้ เหลอื หวาน
รสไหนไมเ่ ปรยี บปาน
หวานเหลอื แล้วแกว้ กลอยใจ

ผลชิด มีกลิ่นหอมตลบ และมีรสชาติหอมหวาน เมื่อทานแล้ว

ก็คดิ ถงึ นอ้ งนาง ตาลโตนด

ตาลเฉาะเหมาะใจจรงิ

รสเยน็ ยงิ่ ยงิ่ เยน็ ใจ

คิดความยามพิสมยั

หมายเหมอื นจรงิ ยงิ่ อยากเหน็

ผลตาลเฉาะ มีรสเยน็ ๆ ทานแลว้ ถกู ใจทาให้ใจเย็นข้นึ และคดิ ถงึ นาง

ผลจาก ผลจากเจ้าลอยแกว้
บอกความแล้วจากจาเปน็
จากชา้ นา้ ตากระเด็น
เปน็ ทกุ ข์ทา่ หนา้ นวลแตง

ผลจากลอยแก้ว เหมือนจะบอกถึงการพลัดพรากจากกัน

เป็นบ่อเกิดของความทุกขโ์ ศก มะปราง

หมากปรางนางปอกแล้ว

ใสโ่ ถแกว้ แพรว้ พรายแสง

ยามชน่ื รนื่ โรยแรง

ปรางอ่ิมอาบซาบนาสา

คาศพั ท์ทค่ี วรรู้ นาสา หมายถึง จมกู

มะปราง นอ้ งนางปอกใสโ่ ถแก้วแพรวพราว เมื่อทานแลว้ รู้สกึ
สดชน่ื รู้สึกอิม่ เอบิ ใจ เหมือนได้ใกล้ชดิ จมกู ของนาง

มะมว่ ง หวนหว่ งมว่ งหมอนทอง

อีกอกรอ่ งรสโอชา
คิดความยามนทิ รา
อุราแนบแอบอกอร

คาศพั ท์ทค่ี วรรู้ อุรา หมายถงึ อก

มะมว่ งพนั ธ์ุหมอนทองและอกรอ่ ง มรี สหวานอรอ่ ย เม่ือทาน

แล้วก็นกึ ถงึ ยามนอนแนบชดิ อกกบั น้องนาง ล้นิ จี่

ลน้ิ จ่ีมีครนุ่ ครนุ่

เรยี กสม้ ฉนุ ใชน้ ามกร

หวนถวลิ ลนิ้ ลมงอน

ชะอ้อนถ้อยรอ้ ยกระบวน

ลิ้นจี่ ที่นามาทาเป็นของหวาน ถ้าใส่เปลือกส้มซ่าจะ
เรียกว่า ส้มฉุน สม้ ฉุนเมอ่ื รบั ประทานแลว้ กค็ ิดถงึ เจา้ ฟา้ หญิงบญุ รอด
ทม่ี าแสดงออดอ้อนคาพดู อยา่ งมีช้นั เชิง

พลบั จนี พลบั จีนจกั ด้วยมดี
ทาประณีตนา้ ตาลกวน
คดิ โอษฐอ์ ่อนยม้ิ ยวน
ยลย่งิ พลบั ยบั ยบั พรรณ

คาศัพท์ จัก หมายถงึ แกะสลกั โอษฐ์ หมายถงึ ปาก

พลับจีน ถูกแกะสลักเป็นแฉก ๆ เม่ือรับประทานแล้วนึกถึง
รอยย้ิมที่เยา้ ยวน เหมอื นรสชาตขิ องพลบั จนี

นอ้ ยหน่านาเมลด็ ออก นอ้ ยหน่า

ปล้อนเปลือกปอกเป็นอศั จรรย์
มอื ใครไหนจกั ทนั
เทียบเทยี มที่ฝีมอื นาง

คาศพั ท์ จักทนั หมายถงึ เทียบ เปรยี บ

น้อยหน่าถูกปอกเปลือกและนาเมล็ดออก เป็นการชมฝีมือ
ของหญิงอนั เป็นที่รกั วา่ ไม่มีใครทดั เทยี มได้

ผลเกด ผลเกดพเิ ศษสด
โอชารสล้าเลิศปาง
คานึงถงึ เอวบาง
สางเกศเสน้ ขนเมน่ สอย

ผลเกด รสชาติหอมหวานนา่ ทาน เมื่อทานผลลูกเกดแล้วนึกถึง
เอวบางอรชร ตอนท่กี าลังนั่งสางผมดว้ ยขนเม่น

ทับทิม

ทบั ทิมพรม้ิ ตาตรู
ใสจ่ านดูดจุ เมด็ พลอย
สุกแสงแดงจกั ยอ้ ย
อย่างแหวนกอ้ ยแกว้ ตาชาย

ทับทิม มีลักษณะสีแดงคล้ายเม็ดพลอย เหมือนแหวนท่ีน้อง
นางที่รกั สวม

ทุเรยี น

ทุเรยี นเจยี นตองปู
เนอื้ ดดี เู หลืองเรอื งพราย
เหมอื นสฉี วกี าย
สายสวาทพ่ีทค่ี คู่ ดิ

ทุเรียนที่วางไว้บนใบตองมีเน้ือสีเหลืองสวยดูน่ารับประทาน
เปรียบได้กบั ผวิ ของนอ้ งอนั เปน็ ทร่ี ักของพ่ี

ลางสาด

ลางสาดแสวงเนอื้ หอม
ผลงอมงอมรสหวานสนทิ
กลนื พลางทางเพ่งพศิ
คดิ ยามสารทยาตรามา

ผลลางสาดตอ้ งหาผลท่ีมีเน้ือหอม ผลสุกงอมกินแล้วมีรสชาติ
หวาน เมื่อไดก้ นิ แลว้ ทาให้นึกถงึ เทศกาลตรษุ สารท

เงาะ

ผลเงาะไมง่ ามแงะ
มล่อนเมล็ดและเหลือปัญญา
หวนเหน็ เช่นรจนา
จา๋ เจา้ เงาะเพราะเหน็ งาม

แม้ภายนอกผลเงาะจะไม่งาม แต่รสชาติแสนอร่อย เห็นแล้ว

นึกถึงความรักของรจนากับเจ้าเงาะท่รี จนาไมไ่ ดม้ องคนแตภ่ ายนอก

สละสาแลงผล สละ

คดิ ลาต้นแนน่ หนาหนาม

ท่าทม่ิ ป้มิ ปนื กาม

นามสละมละเมตตา

ผลสละนั้นเมื่อมองผลแล้วทาให้คิดถึงลาต้นของมันท่ีเต็มไป
ด้วยหนาม เปรียบได้กับพ่ีที่เหมือนมีหนามท่ิมแทงใจ เพราะน้องมา
สละสิน้ ไร้เมตตาตอ่ พ่ี

การพจิ ารณาคุณค่า

กาพยเ์ ห่ชมเคร่ืองคาวหวาน

๑. คุณคา่ ด้านเนอื้ หา หมายถงึ เหตกุ ารณต์ ่าง ๆ

ที่ปรากฏอยู่ในวรรณคดีและวรรณกรรม เนื้อหาจึง

ประกอบด้วยบทบรรยาย บทสนทนาของตัวละคร และ

ฉาก การพิจารณาคุณค่าด้านเน้ือหา จึงมุ่งไปที่การ

พิจารณาองค์ประกอบเน้ือหาเหล่านั้นว่ามีคุณค่าหรือ

เป็นประโยชน์ต่อผอู้ า่ นอย่างไร ๒. คุณค่าด้านวรรณศิลป์ หมายถึง ศิลปะ

ในการเลือกสรรถ้อยคาให้เกิดความไพเราะงดงาม

ทั้งนี้เพ่ือให้ผู้อ่านได้รับรสของเสียง สัมผัสได้ถึง

อารมณ์ และความรู้สกึ ของกวหี รือตัวละครในเรอ่ื ง

๓. คณุ คา่ ดา้ นสงั คม หมายถงึ การพจิ ารณาสง่ิ ท่ี
สะท้อนจากวรรณคดีและวรรณกรรม ซ่ึงกวีนิยมแทรก
ไว้ในเร่ืองเพื่อเสริมเนื้อความให้มีความชัดเจนและ
สมจรงิ มากขนึ้ นอกจากนย้ี งั แสดงถงึ ความรอบรู้ของกวี
ในเร่ืองราวหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในสังคม
เช่น ประเพณี ความเชื่อ การดาเนินชีวิต และค่านิยม
เปน็ ต้น ๔. คุณค่าด้านการนาไปประยุกต์ใช้ใน

ชีวิตประจาวัน หมายถึง ผู้อ่านสามารถนาแนวคิด
และประสบการณ์จากเรื่องที่อ่านไปประยุกต์ใช้
หรือแกป้ ัญหาในชีวติ ประจาวันได้

การพจิ ารณาคณุ ค่าด้านเนอ้ื หา

ใหค้ วามรเู้ กยี่ วกบั วัฒนธรรมดา้ นอาหารการกนิ ของคนไทยสมยั โบราณ

กาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวาน สะท้อนให้เห็นถึงความละเอียดอ่อน พิถีพิถัน
ในทกุ ขน้ั ตอนของการทาอาหาร ไม่วา่ จะเปน็ การจัดวาง สีสนั และรปู ลักษณ์ของอาหาร
คาวหวาน รวมทง้ั ผลไมช้ นดิ ตา่ ง ๆ โดยอาหารบางชนิดนั้นไม่ปรากฏแพร่หลายหรือไม่
คุ้นช่ือในปัจจุบัน อาหารคาว เช่น แสร้งว่า หรุ่ม ล่าเตียง ยาใหญ่ มัศกอด ช่อม่วง
เป็นต้น ซ่ึงจะยกตัวอยา่ งดงั รายละเอียดต่อไปน้ี

แสรง้ ว่า

เป็นอาหารประเภทยา วิธีทา นากุ้งซีแฮ้ ย่างไฟ
พอน้าตก ปอกเปลือกแลว้ เอาเสน้ ดาทหี่ ลงั ออก นานา้ มะนาว
หรือมะกรดู ผสมกบั เกลอื ปน่ ใหเ้ ขา้ กนั เทลงในถว้ ยกงุ้ เคลา้ ให้
เข้ากัน โรยตะไคร้ห่ันซอย หัวหอมเล็กซอย ขิงอ่อนซอย
ต้นหอม ผักชี พริกแดงพริกเหลืองห่ันโรย คลุกเคล้าให้เข้า
กัน รับประทานพรอ้ มกับผัก แตงกวา มะเขือ

ลา่ เตยี ง

เป็นอาหารว่าง วิธีทา นารากผักชี กระเทียม
พรกิ ไทยทบ่ี ดแลว้ ผดั จนหอมใสห่ อมแดง หมูบด กุง้ แหง้ ปรงุ
รสด้วยน้าปลา น้าตาล ผัดจนแห้ง ใส่ถ่ัวลิสงคั่วบด ตักใส่
จาน ตีไข่ไก่ ๑ ฟอง ไข่เป็ด ๓ ฟองจนเข้ากัน ใช้น้ิวจุ่มไข่
โรยไข่ในกระทะให้เป็นรูปตารางส่ีเหลี่ยม ลอกใส่จาน วาง
พริกช้ฟี า้ แดงหนั่ เปน็ เสน้ ยาวบนแผ่นไข่ วางทับด้วยผักชี ใส่
ไสท้ ่ีผดั ไวห้ อ่ เป็นรปู สีเ่ หลย่ี มขนาดพอคา

การพจิ ารณาคณุ ค่าด้านเนอ้ื หา

ใหค้ วามรเู้ กยี่ วกบั วัฒนธรรมดา้ นอาหารการกนิ ของคนไทยสมยั โบราณ

กาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวาน สะท้อนให้เห็นถึงความละเอียดอ่อน พิถีพิถัน
ในทกุ ขน้ั ตอนของการทาอาหาร ไม่วา่ จะเปน็ การจัดวาง สีสนั และรปู ลักษณ์ของอาหาร
คาวหวาน รวมทง้ั ผลไมช้ นดิ ตา่ ง ๆ โดยอาหารบางชนิดนั้นไม่ปรากฏแพร่หลายหรือไม่
คุ้นช่ือในปัจจุบัน อาหารคาว เช่น แสร้งว่า หรุ่ม ล่าเตียง ยาใหญ่ มัศกอด ช่อม่วง
เป็นต้น ซ่ึงจะยกตัวอยา่ งดงั รายละเอียดต่อไปน้ี

แสรง้ ว่า

เป็นอาหารประเภทยา วิธีทา นากุ้งซีแฮ้ ย่างไฟ
พอน้าตก ปอกเปลือกแลว้ เอาเสน้ ดาทหี่ ลงั ออก นานา้ มะนาว
หรือมะกรดู ผสมกบั เกลอื ปน่ ใหเ้ ขา้ กนั เทลงในถว้ ยกงุ้ เคลา้ ให้
เข้ากัน โรยตะไคร้ห่ันซอย หัวหอมเล็กซอย ขิงอ่อนซอย
ต้นหอม ผักชี พริกแดงพริกเหลืองห่ันโรย คลุกเคล้าให้เข้า
กัน รับประทานพรอ้ มกับผัก แตงกวา มะเขือ

ลา่ เตยี ง

เป็นอาหารว่าง วิธีทา นารากผักชี กระเทียม
พรกิ ไทยทบ่ี ดแลว้ ผดั จนหอมใสห่ อมแดง หมูบด กุง้ แหง้ ปรงุ
รสด้วยน้าปลา น้าตาล ผัดจนแห้ง ใส่ถ่ัวลิสงคั่วบด ตักใส่
จาน ตีไข่ไก่ ๑ ฟอง ไข่เป็ด ๓ ฟองจนเข้ากัน ใช้น้ิวจุ่มไข่
โรยไข่ในกระทะให้เป็นรูปตารางส่ีเหลี่ยม ลอกใส่จาน วาง
พริกช้ฟี า้ แดงหนั่ เปน็ เสน้ ยาวบนแผ่นไข่ วางทับด้วยผักชี ใส่
ไสท้ ่ีผดั ไวห้ อ่ เป็นรปู สีเ่ หลย่ี มขนาดพอคา

การพจิ ารณาคณุ คา่ ดา้ นเนอื้ หา

ในด้านของการแกะสลักผลไม้ ก็ถือได้ว่าเป็นงานฝีมือท่ีแสดงถึงความพยายาม
และความประณีตของผู้ทา ปรุงแต่งด้วยความวิจิตรสวยงามทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและ
รสชาติของอาหาร ผลไม้ต้องปอกเปลือกคว้านเมล็ดออก โดยยังคงรูปลักษณ์เดิม เช่น
“น้อยหน่านาเมล็ดออก ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย์” หรือดัดแปลงให้งดงามย่ิงขึ้น
อยา่ งมะปรางริ้ว “หมากปรางนางปอกแล้ว ใส่โถแก้วแพร้วพรายแสง” ก็ทาให้เห็นได้ว่า
การแกะสลกั ผลไมจ้ ะต้องใชค้ วามประณตี ละเอยี ดลออในการทาเปน็ สาคญั

ส่วนขนมไทยวรรณคดีก็มีการสะท้อนถึงกรรมวิธีการทาที่คนรุ่นหลังแทบไม่มี
โอกาสได้เหน็ เนอื่ งจากกรรมวธิ ีการทายุง่ ยาก ต้องอาศยั ฝมี ือและความอุตสาหะอย่างยงิ่

จ่ามงกฎุ

ขนมไทยท่ีต้องใช้เวลาในการทานาน เริ่มจากการ
นากะทมิ ากวนกับนา้ ตาลทราย แป้งข้าวเหนยี ว และนา้ ใบเตย
ซึ่งในขนั้ ตอนนีอ้ าจใชเ้ วลาถงึ ๒ ชวั่ โมง เมื่อไดท้ แ่ี ลว้ ตกั หยอด
ลงบนใบตองให้มีขนาดพอดีคา แล้วใส่เมล็ดแตงโมที่กะเทาะ
เปลือกแล้วลงไป ห่อแล้วกลัดด้วยไม้กลัดให้สวยงาม จากน้ัน
นาไปผง่ึ แดดจนเน้อื ขนมแห้ง กรอบนอกนุม่ ใน

ชอ่ มว่ ง

เป็นขนมไทยที่ต้องใช้ฝีมือในการทาอย่างมาก โดย
ผสมแป้งกับน้าดอกอัญชัน คนในกระทะทองเหลืองด้วยไฟ
อ่อน ๆ ให้สุก นามานวด แบ่งเป็นก้อน ก่อนจะนาแป้งมาแผ่
ตักไส้ที่มีส่วนผสมของถั่วน่ึงบดกับฟัก ผสมน้าตาลทรายและ
เกลือ คนในกระทะทองเหลือง ทิ้งให้เย็นห่อแป้งให้มิด ใช้ที่
หนีบขนมจับจีบให้เป็นกลีบดอกไม้น่ึงจนสุก แล้วใช้หัวกะทิ
พรมไม่ใหต้ ดิ กนั

การพิจารณาคณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์

๒.๑ การเลน่ เสยี งพยญั ชนะ การเลน่ เสยี งสระ และการเลน่ เสยี งวรรณยกุ ต์

การเลน่ เสยี งพยญั ชนะ คือ การใชส้ มั ผสั พยญั ชนะ (หรอื สมั ผสั อกั ษร)

หลายพยางคต์ ดิ กนั เพอื่ ความไพเราะ
การเล่นเสียงสระ คือ การใช้สัมผัสสระหลายพยางค์ติด ๆ กัน แบ่งได้ ๒ ประเภทคือ

สัมผัสนอกและสมั ผสั ใน การเลน่ สมั ผสั นอกนน้ั เป็นไปตามขอ้ บงั คบั ของฉนั ทลักษณ์อยูเ่ เล้ว ส่วนการเลน่
สัมผัสใน เป็นการเล่นคาทีเ่ ป็นลีลา เปน็ สว่ นทที่ าใหเ้ กดิ เสียงพิเศษท่ไี พเราะและสะเทอื นอารมณ์ ซง่ึ เป็น

สว่ นที่กวีใชอ้ วดฝมี ือตนเอง

การเล่นเสียงวรรณยุกต์ คือ การใช้คาไล่ระดับเรียงตามการผันวรรณยุกต์ไทย ๒ หรือ ๓
ระดับ ติดกันเป็นชุด ๆ เป็นการเล่นเสียงแบบที่ทาได้ยากที่สุด เพราะนอกจากจะเล่นเสียงแล้วยังต้อง
คานึงถึงความหมาย ไมใ่ หผ้ ดิ เพี้ยนอีกด้วย

บทประพันธ์ของวรรณคดี เร่ือง กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน สะท้อนคุณค่าทางด้าน
วรรณศิลป์ท้ังการเล่นเสียงพยัญชนะ การเล่นเสียงสระ และการเล่นเสียงวรรณยุกต์ อย่างคล้องจอง
ไพเราะ ดงั ตวั อย่าง

เหน็ หรุ่มรุมทรวงเศรา้ รุ่มรุ่มเรา้ คือไฟฟอน

เจบ็ ไกลใจอาวรณ์ รอ้ นรุมรมุ่ กลมุ้ กลางทรวง

จากบทประพันธ์จะเห็นได้ว่ามีการเล่นเสียงพยัญชนะ คือ
หรุ่ม,รุม รุ่ม,รุ่ม,เร้า ร้อน,รุม,รุ่ม เล่นเสียงพยัญชนะ /ร/ ไฟ,ฟอน
เลน่ เสียงพยญั ชนะ /ฟ/ กลุ้ม,กลาง เล่นเสยี งพยญั ชนะ /ก/ การเล่น
เสยี งสระ คือ หรุม่ ,รุม รุม่ ,รุ่ม ไกล,ใจ รมุ ,รุ่ม,กลุ้ม และการเล่นเสียง
วรรณยุกต์ คือ หรุ่ม,รุม เล่นเสียงวรรณยุกต์เอก-สามัญ รุ่ม,รุ่ม,เร้า
เลน่ เสียงวรรณยุกต์โท-โท-ตรี และ ร้อน,รุม,รุ่ม เล่นเสียงวรรณยุกต์
ตรี-สามญั -โท

การพจิ ารณาคุณค่าด้านวรรณศิลป์

พลับจีนจกั ด้วยมดี ทาประณตี นา้ ตาลกวน
คิดโอษฐอ์ ่อนยม้ิ ยวน ยลยง่ิ พลบั ยบั ยับพรรณ

จากบทประพันธ์จะเห็นได้ว่ามีการเล่นเสียงพยัญชนะคือ จีน,จัก
เล่นเสียงพยัญชนะ /จ/ ณีต,น้า เล่นเสียงพยัญชนะ /น/ โอษฐ์,อ่อน เล่น
เสียงพยญั ชนะ /อ/ ยิ้ม,ยวน ยล,ยง่ิ ยับ,ยับ เลน่ เสียงพยัญชนะ /ย/ การเลน่
เสียงสระ คือ พลับ,ยับ,ยับ และการเล่นเสียงวรรณยุกต์ คือ ยลย่ิงพลับยับ
ยับพรรณ เป็นการเล่นเสียงวรรณยุกตส์ ามญั -โท-ตรี ตามลาดบั

๒.๒ การใชโ้ วหารเปรยี บเทยี บ หรืออปุ มาโวหาร ชว่ ยทาใหเ้ กดิ จินตภาพ เช่น

ทับทิมพรม้ิ ตาตรู
ใสจ่ านดูดุจเมด็ พลอย
สุกแสงแดงจกั ยอ้ ย
อย่างแหวนกอ้ ยแกว้ ตาชาย

จากบทประพันธ์จะเห็นได้ว่ามีการใช้โวหารเปรียบเทียบ หรืออุปมาโวหาร คือคาว่า ดุจ
โดยเปรยี บเทียบวา่ ผลไมท้ ับทิม มีลักษณะสีแดงคลา้ ยเมด็ พลอย

การพิจารณาคณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์

๒.๒ การใชโ้ วหารเปรียบเทยี บ หรืออปุ มาโวหาร ช่วยทาใหเ้ กดิ จนิ ตภาพ เชน่

รังนกนงึ่ นา่ ซด
โอชารสกวา่ ทงั้ ปวง
นกพรากจากรงั รวง
เหมือนเรยี มรา้ งหา่ งหอ้ งหวน

จากบทประพันธ์จะเห็นได้ว่ามีการใช้โวหารเปรียบเทียบ หรืออุปมาโวหาร คือคาว่า เหมือน
โดยเปรียบเทียบว่าเม่ือเห็นรังนกก็นึกถึงการที่นกต้องพรากจากรังไปซึ่งก็เหมือนกับการท่ีตัวพี่ต้อง
พลัดพรากจากน้องไป

๒.๓ การใชโ้ วหารเกนิ จรงิ หรือ อติพจน์ เพื่อเนน้ ยา้ ความหมาย ให้ผอู้ า่ น

เหน็ ถงึ ฝมี อื การปรงุ อาหารทเี่ ปน็ เลศิ ยากจะหาใครเทยี บได้ เชน่

กอ้ ยกงุ้ ปรงุ ประทนิ่ วางถงึ ลิน้ ดิน้ แดโดย
รสทพิ ยห์ ยบิ มาโปรย ฤๅจะเปรยี บเทยี บทนั ขวัญ

จากบทประพนั ธจ์ ะเหน็ ได้ว่ามกี ารใช้โวหารที่เกินจริง คือ กล่าวว่าก้อยกุ้งปรุงเสร็จแล้วกลิ่น
หอมมากราวกับอาหารทิพย์ เม่ือสัมผัสลิ้นอร่อยมากจนแทบขาดใจ ฝีมือปรุงอาหารของน้องจึงไม่มี
ใครเทียบได้ แม้ว่าจะเปน็ การกล่าวทด่ี ูเกินความเป็นจริง แต่หากพจิ ารณาแลว้ เราจะรู้ไดว้ ่าการท่ตี อ้ ง
กลา่ วเกนิ จริงกเ็ พราะตอ้ งการเนน้ ยา้ ให้ผอู้ ่านเห็นถงึ ความสามารถชน้ั ยอดในการปรงุ อาหารทไี่ ม่มีใคร
สามารถเทยี บเทยี มไดน้ น่ั เอง ในส่วนนี้กจ็ ะทาใหผ้ อู้ ่านรสู้ กึ ชน่ื ชมในสว่ นของความสามารถในการปรงุ
อาหารชาววัง

การพิจารณาคุณคา่ ดา้ นวรรณศิลป์

๒.๔ การเลน่ คา เพือ่ สรา้ งอารมณส์ ะเทือนใจใหแ้ ก่ผอู้ า่ น เช่น

ผลจากเจ้าลอยแกว้
บอกความแลว้ จากจาเป็น
จากชา้ นา้ ตากระเด็น
เป็นทกุ ขท์ า่ หนา้ นวลแตง

จากบทประพันธ์จะเห็นว่ามีการเล่นคาคือคาว่า จาก โดยคาว่า จาก ในวรรคแรก หมายถึง
ผลจากท่เี ปน็ ผลไม้ สว่ นคาวา่ จาก ในวรรคท่ี ๒ และ ๓ หมายถึงการพลัดพรากจากกัน กวีต้องการ
จะสื่อว่าผลจากลอยแก้ว เหมือนจะบอกถึงการพลัดพรากจากกัน ซึ่งเป็นบ่อเกิดของความทุกข์โศก
นั่นเอง

การพจิ ารณาคณุ ค่าดา้ นสงั คม

สะทอ้ นสภาพบา้ นเมืองในสมยั อดตี

การตดิ ตอ่ คา้ ขายกับชาวตา่ งชาติ เชน่ ชาวจีน ชาวอนิ เดยี หรอื ชาวเปอร์เซีย ทาใหม้ กี าร

แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านอาหารการกนิ ในเรือ่ งกลา่ วถงึ อาหารคาวหวานทไ่ี ทยไดร้ ับกรรมวิธี

การทามาจากชาวตา่ งชาติ ดงั ตวั อยา่ ง ดังตวั อยา่ ง

ขา้ วหงุ ปรงุ อยา่ งเทศ รสพิเศษใสล่ ูกเอน็

ใครหงุ ปรงุ ไมเ่ ปน็ เช่นเชงิ มติ รประดิษฐท์ า

จากบทประพนั ธ์จะเหน็ ได้วา่ มกี ารหุงข้าวโดยใช้เนยหรือน้ามันเนยเป็นตัวรัดเมล็ดข้าว
ให้เรียงตัวดูสวยงามและใส่เครื่องเทศชนิดหน่ึงมีชื่อว่า ลูกเฮลท์ ซึ่งเพี้ยนเสียงมาเป็น ลูกเอ็น
ทาใหม้ กี ล่ินเปน็ เอกลักษณ์เฉพาะ ซึง่ กรรมวิธีในการทาดงั กลา่ วเราไดร้ บั มาจากชาวต่างชาติ

ลุดตี่น้ีน่าชม แผ่แผ่นกลมเพยี งแผน่ แผง

โอชาหนา้ ไก่แกง แคลงของแขกแปลกกลนิ่ อาย

จากบทประพันธจ์ ะเหน็ ไดว้ า่ ขนมลุดตเี่ ปน็ ขนมอย่างหนงึ่ ท่เี ราได้รับมาจากการคา้ ขาย
กบั ชาวตา่ งชาติเชน่ กันคอื ชาวแขก เนอื่ งจากขนมมกี ลิน่ อายของความเปน็ แขกอย่อู ยา่ งชดั เจน

ยาใหญใ่ สส่ ารพดั วางจานจดั หลายเหลอื ตรา

รสดีด้วยนา้ ปลา ญี่ปนุ่ ลา้ ยา้ ยวนใจ

จากบทประพันธ์จะเห็นได้ว่าเรามีการติดต่อค้าขายกับชาวญ่ีปุ่นด้วย คือการใช้
น้าปลาญ่ีปุ่นในการปรุงอาหาร โดยคาดว่าน้าปลาญ่ีปุ่นถูกนาเข้ามากับเดินเรือสินค้าใน
สมัยก่อน จึงทาให้คนไทยได้มีการนาเครื่องปรุงคือน้าปลาญ่ีปุ่นมาใช้ในการปรุงอาหารของ
ชาววังในประเทศไทย

การพจิ ารณาคุณค่า
ด้านการนาไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั

๔.๑ คนไทยตระหนกั ในคณุ คา่ ทางโภชนาการ
อาหารไทยทม่ี ไี มแ่ พอ้ าหารนานาชาติ

การเรียนรู้วรรณคดีไทยเรื่อง กาพย์เห่ชมเคร่ืองหวาน จะเป็นช่องทางสาคัญในการสร้าง
ความตระหนกั รูใ้ หค้ นไทยไดร้ วู้ า่ อาหารไทยชาววงั ของเรามคี ุณคา่ ทางโภชนาการทีไ่ ม่แพ้อาหารของ
ชาวต่างชาติหรืออาหารอ่ืนทั่วโลก เห็นได้จากอาหารไทยจะมีกรรมวิธีในการทาอย่างประณีต
ละเอียดลออ เพราะใสใ่ จในการปรงุ และตอ้ งการใหผ้ ้ทู ไี่ ดร้ ับประทานไดร้ บั ถงึ รสชาตแิ ละคุณค่าทาง
โภชนาการอย่างเตม็ ท่ี

วรรณคดีเรอ่ื งนจี้ ึงทาให้เราสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ เราไดอ้ กี วา่ เราควรรูจ้ ักเลอื กปรุง
อาหารท้งั คาวและหวานอยา่ งถูกต้องตามกรรมวธิ ีไมใ่ ห้ผิดเพ้ียน เพราะการท่ีเราใส่ใจในกรรมวิธีใน
การปรุงอาหารก็ย่อมจะส่งผลดีในด้านโภชนาการสาหรับผู้บริโภค และถือเป็นการอนุรักษ์อาหาร
คาวหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของไทยไปในตัวด้วย กลับกันหากเราไม่ใส่ใจในกรรมวิธีในการปรุง
หยิบจับผสมกันไปมาอย่างไม่มีความแน่ชัด ก็จะทาให้อาหารออกมาไม่น่ารับประทาน และอาจ
ส่งผลกระทบต่อคุณค่าทางโภชนาการทางด้านร่างกาย รวมถึงทาให้เอกลักษณ์ความถูกต้องของ
อาหารไทยลดทอนลงไปดว้ ย

การพิจารณาคุณค่า
ดา้ นการนาไปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตประจาวัน

๔.๒ อาหารไทยเปน็ เครอื่ งสอื่ ความรกั ความห่วงใย
และความผกู พันของครอบครวั

เม่ือเรารู้จักที่จะปรุงอาหารด้วยกรรมวิธีที่ถูกต้อง และใส่ใจที่จะทาอย่างประณีต
ละเอียดลออทกุ กระบวนขัน้ ตอน แม้อาหารบางชนิดจะใช้เวลานานหากเราเลือกท่ีจะปรุงอย่างถูก
วธิ ีและประณตี แต่สาหรับผูบ้ รโิ ภคแลว้ เมอื่ เลง็ เห็นวา่ สงิ่ ทีร่ บั ประทานมีรสชาตทิ อี่ รอ่ ยตามแบบฉบบั
ถกู สุขลักษณะ ผบู้ ริโภคยอ่ มรู้สึกได้ว่าคนทามีความใสใ่ จอยา่ งแทจ้ รงิ เราสามารถนามาประยุกต์ใช้
ในชวี ติ ไดค้ ือการปรุงอาหารสาหรับคนในครอบครัว เพราะเวลาเราปรงุ อาหารอยา่ งประณตี ทกุ จาน
กจ็ ะทาให้คนในครอบครัวเห็นถงึ ความต้ังใจ ใส่ใจผ่านการลงมอื ทา และร้วู ่าผ้ทู ที่ าอาหารปรารถนา
ดอี ยากจะใหค้ นในครอบครัวได้รบั คุณคา่ ทางโภชนาการทดี่ ี


Click to View FlipBook Version