รายงาน
สาํ รวจสิงมี
ชวี ติ ในท้องถิน
นาหนองคํามน
สารบัญ
คํานํา
01 เฟร์นก้างปลา
02 หม้อข้าวหม้อแกงลิง
03 ผักกูด
04 ข่าปา
05 ลิเภาใหญ่
บทนํา
รายงานฉบบั นจี ดั ทําขนึ เพอื การศึกษาในรายวชิ าชวี วทิ ยาสภวะ
เเวดล้อม โดยผจู้ ดั ทําไดส้ าํ รวจ ค้นควา้ ศึกษา และรวบรวมเนอื หา
ต่างๆของสงิ มชี วี ติ ทีสาํ รวจมา เชน่ ชอื วทิ ยาศาสตร์ ชอื วงศ์ ลักษณะ
ทางพฤกษศาสตรแ์ ละประโยชน์ เปนต้น ซงึ เปนเรอื งทีต้องศึกษาของ
นกั ศึกษาสาขาวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ชนั ปที 3 ผจู้ ดั ทําจงึ ไดท้ ํารายงานนขี นึ
มาเพอื ความสะดวกและง่ายต่อการศึกษา
ผจู้ ดั ทําหวงั วา่ รายงานฉบบั นจี ะเปนประโยชนแ์ ละสามารถอํานวย
ความสะดวกในการศึกษาการสาํ รวจสงิ มชี วี ติ ในท้องถิน ต่อผทู้ ีสนใจ
ศึกษาหรอื นาํ ไปเปนแนวทางในการศึกษาอืนๆ ได้ หากรายงานฉบบั นมี ี
ขอ้ ผดิ พลาดประการใด ผจู้ ดั ทําก็ต้องขออภัยไว้ ณ ทีนดี ว้ ย
ผจู้ ดั ทํา
นางสาวสไบพร เขยี วค้า
เฟร์นก้างปลา
ชือวิทยาศาสตร์ : NEPHROLEPIS CORDIFOLIA (L.) PRRESL.
วงศ์ : OLEANDRACEAE
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ประโยชน์
ต้น พืชจาํ พวกเฟน เปนเหง้าสัน เปนไม้ประดับกระถาง หรือ
ตังตรงหรอื เอน มขี นหรือเกล็ดสี ลงแปลงปลกู ในอาคารได้ดี
นําตาลปกคลุม มไี หลเปนเส้นเล็ก
ปกคลุมด้วยขนหรอื เกล็ด ไหลมกั
เลอื ยไปตามผิวดนิ และเกดิ เปนต้น
ใหมไ่ ด้
ใบ รูปใบหอกแคบ เรยี วยาว เปน
ใบประกอบแบบขนนก ใบยอ่ ยไมม่ ี
กา้ นใบ ทบี ริเวณใกลโ้ คนกา้ น มใี บ
ยอ่ ยขนาดเล็กมองดูคลา้ ยเกลด็
สปอร์เกิดใต้ใบ เปนแถวเดียวใกล้
ขอบของใบย่อย
กล่มุ อบั สปอร์ รปู เมลด็ ถวั หรอื รปู
ไต มเี ยอื ปดอบั สปอร์ดา้ นบน
หม้อข้าวหม้อแกงลิง
ชือวิทยาศาสตร์ : NEPENTHES MIRABILIS
วงศ์ : NEPENTHACEAE
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ประโยชน์
หม้อ คอื สว่ นทเี ปนกระเปาะสสี วยๆ เถาของหม้อขา้ วหม้อแกงลิง
ทีหอ้ ยอยปู่ ลายใบ ซงึ จดั เปนสว่ นหนึง ทเี กยี วพันขนึ ตน้ ไม้อนื สามารถ
ของใบทเี ปลยี นแปลงไป ทําหน้าที นํามาลอกเปลอื กออกแลว้ ฟน
พิเศษสําหรบั ดกั เหยอื เพือเปนอาหาร เปนเชือกใช้ล่ามวัวได้ดมี ี
ใบแก่ตน้ พืช คณุ ภาพทนทานหมอ้ นาํ มาล้าง
ให้สะอาดใชน้ ึงข้าวเหนยี วหน้า
ดอก หม้อขา้ วหม้อแกงลิงเปนพืช กะทิถอื เปนขนมพืนบา้ นยอด
ทมี ีดอกแยกเพศอยตู่ ่างตน้ กนั นิยมชนิดหนงึ ของปกษ็ใต้เรียก
(Dioecious) และจะออกดอกเมอื วา่ “ขนมหม้อลงิ ”(ขนมชนิดนี
เติบโตเต็มที โดยขนาดทีเหมาะแก่การ สามารถกนิ ได้ทังเปลอื กไมต่ ้อง
วางจาํ หนา่ ยมกั จะเปนไมว้ ัยอ่อนทียัง แกะเปลือกออก)
ไม่เลือยยาวเกินไป
ผลและเมลด็ หลงั จากดอกเพศ
เมยี ไดร้ บั การผสมเกสร จะมีการ
เตบิ โตขนึ เรอื ยๆเปนฝกรูปรีเรยี วยาว
ผักกูด
ชือวิทยาศาสตร์ : DIPLAZIUM ESCULENTUM
วงศ์ : ATHYRIACEAE
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ประโยชน์
ต้นผกั กูด จดั เปนเฟร์นขนาดใหญ่ ผักกดู เปนผักทมี ีรสจืดอม
ทมี เี หง้าตังตรง และมีความสงู หวานและกรอบ ยอดออ่ นและใบ
มากกวา่ 1 เมตรขนึ ไป เหงา้ ปกคลุม ออ่ นนิยมนาํ มาบรโิ ภค โดยนาํ มา
ไปด้วยใบเกลด็ เกลด็ มีขนาดกวา้ ง ปรุงเปนอาหารไดอ้ ย่างหลาก
ประมาณ 1 มิลลิเมตรและยาว หลาย
ประมาณ 1 เซนตเิ มตร เกลด็ มสี ี
นาํ ตาลเข้มถงึ สดี าํ ขอบใบเกล็ดหยัก ตน้ ผกั กูด สามารถใช้เปน
เปนซี โดยเฟรน์ ชนดิ นีมักจะขนึ หนา ดชั นีเพือชีวดั ความสมบรู ณ์
แน่นตามชายปาทีมีแดดส่องถึง ใน ของสภาพแวดลอ้ มได้
บริเวณทลี ุ่มชุ่มนําตามริมลาํ ธาร
ใบผกั กดู เปนใบประกอบแบบขน
นก 2 ชนั มีความยาวได้มากกวา่ 1
เมตรและกว้างได้ถงึ 50 เซนตเิ มตร
ใบมสี เี ขยี วอ่อน แม้แก่จะมีสีเขยี วเข้ม
มใี บย่อย 1-2 คู่ ใบล่างจะเลก็ กวา่ ใบ
ย่อยทอี ยชู่ ว่ งกลาง
สรรพคุณของผกั กดู
1. ชว่ ยเสรมิ สรา้ งรา่ งกายใหแ้ ข็ง
แรง ช่วยเพิมภูมคิ ุม้ กัน และช่วยตอ่
ตา้ นอนุมลู อิสระ
2. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลใน
เม็ดเลือด
ข่าปา
ชือวิทยาศาสตร์ : ALPINIA MALACCENSIS (BURM.F.)
ROSCOE VAR. MALACCENSIS
วงศ์ : ZINGIBERACEAE
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ประโยชน์
ตน้ ลําต้นสูง 1.5-2 เมตร มีเหง้า เหง้าออ่ น ลาํ ต้นเทียม และ
อยู่ใต้ดินขนาดเล็กเทา่ นิวมือ ลกั ษณะ ชอ่ ดอกอ่อน รับประทานเปนผัก
ภายนอกของลําต้นมขี อ้ และปล้องเห็น สด หรือลวก หรอื นงึ จมิ นาํ
ชัดเจน สว่ นทีอยู่เหนอื ดินเปนกา้ นและ พริก
ใบ
ใบ ใบเปนรปู ไข่ยาวหรอื รูปรีขอบ
ขนาน ปลายใบแหลมคล้ายใบขา่ บ้าน
ขนาดกวา้ ง 4-5 เซนตเิ มตร
ยาว 8-10 เซนตเิ มตร ใบสีเขียวเข้ม
เปนมัน มีกาบใบหมุ้ ลาํ ต้น
ดอก เปนดอกช่อออกทียอด
ก้านดอกยาว ดอกย่อยมีขนาดเลก็
กลบี ดอกสีขาวกระนําตาล โคนติดกนั
เปนหลอดสันๆปลายแยกเปน 3 กลบี
กลีบใหญท่ สี ุดมรี ิวสแี ดง
ผล รปู รา่ งกลมรี เมือสกุ เปนสสี ม้
ขนาด 5 มลิ ลเิ มตร มีเมลด็ อยภู่ ายใน
สรรพคุณของขา่ ปา
เหง้า แกอ้ าการทอ้ งอดื เฟอ
จุกเสยี ดแนน่
ต้น ใช้ตม้ ดืมแก้โรคบิด
ลิเภาใหญ่
ชือวิทยาศาสตร์ : LYGODIUM SALICIFOLIUM C. PRESL.
วงศ์ : LYGODIACEAE
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ประโยชน์
ลําตน้ เปนเถากลมขนาดเล็กแต่ ใบอ่อนและยอดอ่อนใช้
เหนียวทอดเลือยไปตามพืนดนิ ลาํ ตน้ ประกอบอาหาร ต้นใช้ทําเชือก
เมอื แกม่ สี ดี าํ เปนมัน สานทํากระเปาและตะกร้า
ใบ เปนใบประกอบออกจากลําตน้
เปนคแู่ บบตรงขา้ ม ประกอบด้วยใบ
ยอ่ ย 7 ใบ ใบมีรูปรา่ งแบบใบหอก ใบ
ทีสร้างอับสปอร์จะเรยี วยาวและขอบ
ใบจะเปนจกั หยาบกว่าใบทไี ม่สร้างอับ
สปอร์ สามารถมองเหน็ อบั สปอรย์ นื
ออกมาตามขอบใบ
พบขึนในสวนยางพารา ไรป่ าลม์
นาํ มนั บริเวณทีมคี วามชุม่ ชนื สูง
เจรญิ งอกงามในฤดูฝน ขยายพันธุ์
โดยการสร้างสปอรแ์ ละการแตกกอ
สรรพคุณของลิเภา
ทังตน้ มรี สจืดเยน็ มีสรรพคุณเปน
ยาขบั เสมหะ
ราก ใชต้ ม้ กับนําดมื เปนยาแกอ้ าการ
ร้อนใน
อ้างอิง
https://data.addrun.org/plant/archives/218-
0 1 nephrolepis-cordifolia-l-prresl
0 2 https://www.thaikasetsart.com/หม้อข้าวหมอ้ แกงลิง/
03 https://arit.kpru.ac.th/ap2/local/?
nu=pages&page_id=1688&code_db=610010&code_type=01
0 4 http://ecoforest.phsmun.go.th/?p=1065
0 5 http://www.rspg.or.th/plants_data/use/weaving_3.htm