The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by lalalissajantakain, 2021-03-31 22:11:00

บท17

บท17

Vocabulary
เรอ่ื ง

ระบบขบั ถ่าย

นาเสนอโดย

นาย ธนั ยพงศ์ จนั ทะเคยี น
ม5.5 เลขที่ 25

กรวยไต (pelvis)

กรวยไตเปน็ อวัยวะทมี่ ลี กั ษณะเป็นโพรง เป็นส่วนตอ่ กบั ทอ่ ไต ทำหนา้ ทีร่ องรบั นำ้
ปสั สาวะท่ีกรองแลว้ จากเซลลข์ องไต จากนั้นจงึ นำสง่ ไปทท่ี ่อไต

กระเพาะปั สสาวะ (urinary bladder)

เปน็ อวัยวะซ่งึ เก็บปัสสาวะทไี่ ตขับถ่ายออกมาก่อนกำจัดออกจากร่างกายโดยการ
ถ่ายปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะเปน็ อวัยวะยดื หยนุ่ และเปน็ กลา้ มเน้อื แอง่ อยู่ ณ ฐาน
เชิงกราน ปัสสาวะเข้าสกู่ ระเพาะปสั สาวะทางท่อไตและออกทางทอ่ ปัสสาวะ
ปรมิ าตรของกระเพาะปสั สาวะระบุไวร้ ะหว่าง 500 ถงึ 1000 มิลลลิ ิตร

เป็นอวัยวะทม่ี ผี นงั เปน็ กลา้ มเนอ้ื เรียบ อยู่หลังหวั หน่าว เมอื่ ไมม่ นี ้ำปสั สาวะรปู รา่ ง
คล้ายหัวเรอื บดตดั แตส่ ่วนมาก กระเพาะปสั สาวะมนี ้ำปสั สาวะอย่เู สมอ ดังนั้น
ในขณะมชี ีวิต จึงมีรปู รา่ งคอ่ นขา้ งกลม กระเพาะปสั สาวะมคี วามจปุ ระมาณ 550
มิลลลิ ติ ร แต่ โดยท่วั ไปเม่ือมปี สั สาวะ 160 - 300 มลิ ลลิ ติ ร กจ็ ะรสู้ กึ ปวดปัสสาวะ
และ ถา่ ยปัสสาวะออก เมอ่ื มีน้ำปสั สาวะ 550 มลิ ลิเมตร มันจะสูงขนึ้ มาอยหู่ ลงั ผนัง
หนา้ ท้อง ประมาณ 7 - 8 เซนตเิ มตร เหนือหวั หนา่ ว การถา่ ยปัสสาวะจะตอ้ ง
ประกอบไปด้วย

โกลเมอรลู ัส (glomerulus)

เป็นกระจุกหลอดเลอื ดฝอย ทำหนา้ ทก่ี รองเลอื ดขั้นแรก อยทู่ จ่ี ดุ เริม่ ต้นของหนว่ ยไต
(nephron) ซึ่งเป็นโครงสร้างรูปทอ่ ทม่ี ีหน้าทีก่ รองเลือดแลว้ สร้างเปน็ ปสั สาวะในไต
โกลเมอรลู สั มโี บวแ์ มนแคปซูล (Bowman's capsule) ลอ้ มอยู่ น้ำเลือดกรองผ่าน
หลอดเลือดฝอยของโกลเมอรูลสั เขา้ ส่โู บวแ์ มนแคปซลู แล้วโบวแ์ มนแคปซูลไล่
ของเหลวท่ผี ่านการกรองเขา้ สู่หลอดไตฝอย (renal tubule) ซึ่งยังเป็นส่วนหน่ึงของ
หนว่ ยไต โกลเมอรลู สั รบั เลือดมาเลย้ี งจากหลอดเลอื ดแดงจ๋วิ นำเข้า (afferent
arteriole) ซึง่ เป็นการไหลเวยี นเลอื ดไต โกลเมอรูลสั เทเลือดเข้าส่หู ลอดเลือดแดงจ๋ิว
นำออก (efferent arteriole) ไมใ่ ชห่ ลอดเลอื ดดำเล็ก ซึ่งตา่ งจากแคปลิ ารเี บด
(capillary bed) อ่นื สว่ นใหญ่ ความตา้ นทานของหลอดเลอื ดแดงจวิ๋ เหล่านีส้ ่งผลให้
มีความดนั ภายในโกลเมอรลู สั สงู ซงึ่ ช่วยส่งเสรมิ กระบวนการอลั ตราฟลิ เตรชนั
(ultrafiltration) ซ่ึงของเหลวและสารที่ละลายไดใ้ นเลือดถูกไล่ออกนอกหลอดเลือด
ฝอยเข้าสู่โบว์แมนแคปซูล

คอนแทรก็ ไทล์แวคิลโอล
(contractile vacuole)

คอนแทรก็ ไทลแ์ วควิ โอ จะพบมากในโพรโทซวั นำ้ จืด ทีหน้าทก่ี ำจดั นำ้ สว่ นเกนิ และ
ของเสียท่ีเกดิ จากเมแทบอลิซึม (ไมใ่ ชก่ ากอาหาร) ออกจากเซลล์ โดยทำหนา้ ท่ี
ควบคมุ สมดลุ ออสโมตกิ ด

ไต (kidney)

ไตเปน็ อวยั วะสำคญั สว่ นหนึ่งของระบบทางเดนิ ปสั สาวะ ซงึ่ ประกอบดว้ ย ไต ท่อไต
กระเพาะปสั สาวะ ท่อปัสสาวะ ไตเป็นอวัยวะทีส่ ำคญั ของรา่ งกายเช่นเดยี วกับอวัยวะ
สำคัญอืน่ ๆ เชน่ หัวใจ ตับ ปอด กระเพาะอาหาร สมอง ซง่ึ อวยั วะตา่ งๆ เหลา่ น้ี ต่าง
ก็ทำหนา้ ทเ่ี ฉพาะสว่ น แต่มกี ารประสานงานกันเปน็ อยา่ งดี จงึ ทำใหร้ า่ งกายเป็นปกติ
สขุ อยไู่ ด้ หากอวัยวะใดอวยั วะหน่งึ เสยี หรอื ถกู ทำลาย ก็จะมีผลกระทบต่อการทำงาน
ของอวยั วะอน่ื ได้ ไตมลี กั ษณะคลา้ ยเมลด็ ถ่ัวแดง อย่ทู บี่ ริเวณบ้ันเอวทัง้ ๒ ขา้ ง ใต้
กระดกู ซโี่ ครง และอยู่ ๒ ข้างของกระดูกสันหลงั มสี แี ดง เหมอื นไตหมูสดๆ มีความ
ยาวโดยวดั เสน้ ผา่ ศูนยก์ ลางตามความยาวไดป้ ระมาณ ๑๑-๑๒ เซนติเมตร และหนัก
ขา้ งละ ๑๕๐ กรมั ไตแต่ละข้างไดร้ ับเลอื ดผ่านทางหลอดเลือดแดงใหญ่ ซ่ึงออกจาก
หัวใจ เมอื่ เลอื ดไหลผา่ นไตจะมีการกรองผ่านหนว่ ยไตเลก็ ๆ ทีเ่ รียกวา่ เนฟรอน
(Nephron) ซ่งึ มอี ยู่ขา้ งละ ๑ ลา้ นหนว่ ย หนว่ ยไตเลก็ ๆ เหลา่ นท้ี ำหน้าท่ีกรองของ
เสียจากเลอื ดผ่านทางท่อไต และเกดิ เปน็ นำ้ ปัสสาวะขับออกจากรา่ งกายทางทอ่
ปสั สาวะ รา่ งกายสามารถดำรงอย่ไู ดด้ ว้ ยไตทป่ี กติเพยี ง ๑ ขา้ ง เพราะมกี ารปรับ
สมดลุ ไดด้ ีมาก ดงั นนั้ ผทู้ ่ีบรจิ าคไต ๑ ข้างจึงสามารถมชี วี ติ ทปี่ กตดิ ว้ ยไตท่ีเหลอื เพียง
ข้างเดียวได้

ท่อขดส่วนต้น

( proximal convolutrd tubule )

มีลักษณะเป็นทอ่ ขดไปมาเปน็ บรเิ วณที่มีการดดู ซมึ สารกลับเขา้ กระแสเลอื ดไดม้ าก
ทีส่ ดุ ( ราว 65 % ) ซง่ึ เกิดขึ้นท้งั โดยวิธีแอกทีฟทรานสปอรต์ และพาสซฟี ทรานส
ปอร์ต

ท่อขดส่วนปลาย

(distal convoluted tubule)

เป็นท่อขดไปมาคลา้ ยท่อขดสว่ นต้น อยถู่ ดั จากหว่ งเฮนเลเข้ามาในเนื้อไตชั้นคอร์
เทกซ์ ตอนปลายของทอ่ ขดส่วนท้าย จะเปดิ เข้าสู่ท่อรวม หรอื คอลเลกติง ดกั ท์ (
collecting duct ) หรอื คอลเลกติงทวิ บูล ( collecting tubule ) ต่อจากน้ันจะ
เปิดออกส่กู รวยไต ( pelvis ) และส่งไปยงั ท่อไต ( ureter ) เพื่อนำนำ้ ปสั สาวะไป
เกบ็ ทก่ี ระเพาะปสั สาวะ เพ่ือรอเวลาขบั ถ่ายท้ิงไป ท้งั ท่อขดสว่ นต้นและทอ่ ขด
ส่วนท้าย สว่ นใหญ่อยใู่ นชนั้ คอร์เทกซ์ แต่ห่วงเฮนเลและทอ่ รวมอยูใ่ นช้ันเมดัลลา

ท่อไต (ureter)

เปน็ ทอ่ เกดิ จากใยกล้ามเน้อื เรียบซึ่งลำเลียงปสั สาวะจากไตสู่กระเพาะปสั สาวะ ใน
ผใู้ หญ่ ท่อไตปกตยิ าว 25–30 เซนตเิ มตร และมเี สน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 3–4
มิลลเิ มตร ในทางมิญชวทิ ยา ทอ่ ไตมีเนอ้ื เยอ่ื บผุ วิ ชนดิ แปรเปลี่ยนและช้ันกล้ามเนื้อ
เรียบเพม่ิ ในส่วนปลายหน่ึงในสามเพอ่ื ช่วยบีบรูด

ท่อปั สสาวะ (urethra)

เป็นทอ่ นำน้ำปสั สาวะจากกระเพาะปสั สาวะไปสู่ภายนอก ในชาย ทอ่ ปัสสาวะยาว 20
เซนตเิ มตร นำนำ้ ปัสสาวะจาก กระเพาะปัสสาวะไปสู่ภายนอกที่ปลายลึงค์ ทอ่
ปสั สาวะในชาย ยงั เปน็ ทางผา่ นของน้ำอสจุ ดิ ว้ ย ท่อปัสสาวะในชายคดเคยี้ ว คลา้ ย
ตัวเอส (S) และแบ่งไดเ้ ปน็ 3 สว่ นคอื สว่ นท่ีหนึง่ ยาวประมาณ 2.5 เซนตเิ มตร จาก
มุมล่างสดุ ของกระเพาะปัสสาวะทอดลงล่างในแนวดงิ่ ผ่านกลางตอ่ ม ลูกหมาก จึง
เรยี กว่า ส่วนในต่อมลกู หมาก (prostatic part) เพราะทอ่ ปสั สาวะสว่ นน้มี ีตอ่ ม
ลูกหมากล้อมรอบสว่ นนี้ และมีทอ่ จากตอ่ มลกู หมากจำนวนมาก มาเปดิ สทู่ อ่ ปสั สาวะ
สว่ นน้ี และยงั มที อ่ ฉดี อสุจิซงึ่ เปน็ ทอ่ รว่ มของเซมินัลเวสิเคลิ และท่ออสุจมิ าเปิดส่ทู อ่
ปสั สาวะส่วนนด้ี ว้ ยส่วนทส่ี อง เปน็ สว่ นสัน้ ทีส่ ุด มีกลา้ มเนื้อลายเป็น หรู ูดอยูล่ อ้ มรอบ
เรยี กวา่ สว่ นบาง (membrarous part) อยตู่ ำ่ กวา่ ขอ้ ต่อหวั หน่าว ประมาณ 2.5
เซนตเิ มตร ไปสกู่ ระเปาะ ของลงึ ค์ (bulb of penis) ส่วนทส่ี าม ยาวทส่ี ดุ และคด
เค้ยี ว อยใู่ นเนื้อเยื่อท่ี แข็งตัวได้ ส่วนคอร์ปัสสปอนยิโอซุม (corpus spongiosum)
เรยี กว่า สว่ นฟองน้ำหรือสว่ นในลึงค์ (spongy part) ผา่ นส่วน กระเปาะ (bulb)
ส่วนลำ (body) และสว่ นหวั (glans) ของลงึ ค์ แลว้ เปดิ สภู่ ายนอกทป่ี ลายลงึ ค์

ในหญิง ท่อปัสสาวะยาว 4 มิลลเิ มตร จากมมุ ลา่ งสดุ ของกระเพาะปัสสาวะทอดโคง้
ลงล่างไปข้างหนา้ เปิดสอู่ วยั วะสืบพนั ธภุ์ ายนอก หน้ารูเปิดของชอ่ งคลอด ตำ่ กว่า
คลิตอรสิ ประมาณ 2.5 เซนตเิ มตร

ท่อหน่วยไต (nephron tubule)

นอกจากดูดนำ้ กลบั แลว้ ยังดูดสารอื่น ๆ ทีจ่ ำเปน็ สำหรบั ร่างกายกลบั เขา้ สูร่ ะบบ
หมุนเวยี นเลือดอกี เชน่ กลูโคส กรดอะมิโนและแรธ่ าตุต่าง ๆ ทจ่ี ำเป็น การดดู กลบั นี้
ใช้กระบวนการแอกทีฟทรานสปอร์ต ซง่ึ มีการใช้พลงั งาน เนื่องจากเปน็ การนำสาร
จากบรเิ วณทีม่ คี วามเขม้ ข้นน้อยกว่าไปยังบรเิ วณทีม่ คี วามเข้มข้นมากกว่า

นิ่วในไต (kidney stone)

นิ่วในไตเป็นโรคท่พี บในประเทศอตุ สาหกรรมมากกวา่ ประเทศเกษตรกรรม น่วิ ในไต
มกั เกิดจากการที่ปสั สาวะเข้มข้นมากและตกตะกอนเปน็ นว่ิ มักจะเกดิ ท่ไี ตบรเิ วณ
กรวยไต และเมื่อน่ิวหลดุ ลงมาท่อไตกจ็ ะเกดิ อาการปวดทอ้ งทนั ทเี หมือนคนปวดท้อง
คลอดลกู เมอื่ เป็นน่วิ โอกาสทีจ่ ะเกดิ เปน็ ซ้ำประมาณคร่งึ หน่ึงในเวลา 10 ปี และ
ผู้ปว่ ยรอ้ ยละ 80 นว่ิ สามารถออกไดเ้ อง

โบว์แมนส์แคปซลู (Bowman’s capsule)

ทำหนา้ ที่เกีย่ วกับการกรองของเสยี ออกจากเลอื ด นอกจากนี้ยังเป็นท่ีอยขู่ องท่อหนว่ ย
ไตสว่ นตน้ (Proximal tubule) และทอ่ หนว่ ยไตส่วนปลาย (Distal tubule) ซึ่ง
เปน็ สว่ นประกอบของหน่วยไต (Nephron)

โพรโทเนฟริเดียม (protonephridium)

จะมีประกอบด้วยท่อตามยาวหลายท่อ (Protonephridial canal) ซึง่ กระจายอยู่
ขา้ งตลอดตามความยาวของลำตวั จากท่อเลก็ ๆ น้จี ะมีทอ่ แยกออกเปน็ ทอ่ ยอ่ ย ๆ ที่
ปลายทอ่ มเี ซลล์ที่มลี ักษณะคล้ายภาพถว้ ย (Flame bulb) มีขนเลก็ ๆ (Cilia) เปน็
กระจุกอยู่ภายของถว้ ยซง่ึ โบกไปมาเหมือนการโบกของเปลวเทยี น จงึ เรยี กว่า เฟลม
เซลล์ (Flame cell = เซลลเ์ ปลวไฟ) การพัดโบกของซิเลียจะโบกพดั นำ้ และของเสีย
จากเฟลมเซลล์ใหไ้ หลออกมาตามท่อรับของเหลวและออกภายนอกทางช่องขับถา่ ยท่ี
ผนังลำตัว ท่ีเรยี กวา่ เนฟรดิ ิโอพอร์ (Nephridiopore) นอกจากนี้ของเสยี พวก
แอมโมเนียยงั กำจัดออกโดยการแพร่ทางผิวหนังไดด้ ว้ ย

มลั พเิ กียนทิวบลู (Malpighian tubules)

แมลงและสัตวใ์ นไฟลมั อาร์โทรโปดา (Artropoda) สว่ นมากมวี ิวัฒนาการระบบ
ขับถ่ายขน้ึ มาใหมเ่ พ่ือใหเ้ หมาะสมกับระบบเสน้ เลือดทเี่ ป็นวงจรเปดิ โดยมอี วยั วะ
ขบั ถา่ ยที่เรียกวา่ "มัลพเิ กยี น ทวิ บลู " (malpighian tubule) เปน็ หลอดเลก็ ยาวย่ืน
ออกมาจากบรเิ วณระหว่างลา้ ไส้ส่วนกลางและล้าไสส้ ว่ นทา้ ย หลอดเหล่านีม้ จี ้านวน
แตกต่างกนั ในสตั วแ์ ตล่ ะชนิดแตล่ ะหลอดเปดิ มีปลายซ่งึ อยใู่ นช่องวา่ งของลา้ ตวั ทา้
หน้าที่เป็นทางผ่านของเลอื ด

ระบบการขับถ่าย (excretory system)

เปน็ ระบบที่รา่ งกายขับถา่ ยของเสยี ออกไป ของเสยี ในรปู แก๊สคือลมหายใจ ของเหลว
คอื เหง่ือและปสั สาวะ ของเสียในรูปของแขง็ คืออจุ จาระ

รีนัลเวน (renal vein)

หลอดเลอื ดแดงน้ีมีแขนงสน้ั ๆ ทำให้เกดิ ผลดี คอื มคี วามดนั สูง ทำใหเ้ กดิ ความดนั
ของการกรองไดม้ าก

รนี ลั อารเ์ ทอรี (renal artery)

รับของเสียทเ่ี กดิ จากเมแทบอลซิ ึมของเซลลท์ ว่ั รา่ งกายปะปนมาด้วย เมือ่ หลอดเลือด
นี้เขา้ ไตจะแตกแขนงเป็นอารเ์ ทอรโิ อล ( arteriole ) และเปน็ หลอดเลอื ดฝอยซ่ึงแต่
ละเสน้ จะขดเปน็ โกลเมอรลู สั อยูใ่ นโบวแ์ มนสแ์ คปซลู เลือดในโกลเมอรลู ัสจะถูก
กรองโดยใช้ผนงั หลอดเลือดฝอยทำหนา้ ทเ่ี ปน็ เยื่อกรอง โดยมแี รงดนั เลอื ดและ
ประสิทธิภาพของหลอดเลอื ดฝอยเป็นตวั ทำใหเ้ กิดการกรอง แทนทจ่ี ะใช้แรงดึงดดู
ของโลกเปน็ ตัวทำใหเ้ กดิ การกรอง เชน่ ในกระดาษกรองทำใหข้ องเหลวหลายชนิด
ออกมาสโู่ บวแ์ มนส์แคปซลู ได้ ของเหลวเหลา่ น้ี ได้แก่ สารประกอบโมเลกลุ เลก็
ของเหลวทผี่ า่ นออกมาสู่ท่อของหนว่ ยไตเรยี กว่า ของเหลวท่ีกรองได้

หน่วยไต (nephron)

เปน็ โครงสร้างพืน้ ฐานและหนว่ ยทำงานพน้ื ฐานของไต มีหนา้ ท่หี ลกั คือควบคุมสมดลุ
ของสารนำ้ และสารต่างๆ ในรา่ งกาย เช่นโซเดยี ม ผ่านการกรองเลอื ดทผ่ี า่ นหนว่ ยไต
ดดู กลับสารทตี่ อ้ งการ และขบั สารที่ไม่ตอ้ งการทิง้ ผา่ นทางปสั สาวะ หน้าท่ขี องหนว่ ย
ไตนม้ี ีความสำคญั อยา่ งย่งิ ตอ่ การทำงานของร่างกาย ซึ่งจะถูกควบคุมโดยระบบตอ่ ม
ไรท้ ่อผา่ นทางฮอร์โมนต่างๆ เช่น ฮอรโ์ มนตา้ นการขับปัสสาวะ อลั โดสเตอโรน และ
พาราไทรอยด์ เปน็ ตน้

ห่วงเฮนเล (loop of Henle)

บรเิ วณห่วงเฮนเลขาลงมผี นงั บาง นำ้ จะถกู ดูดซมึ ออกมา โซเดยี มและยูเรียถกู ขบั
ออกไป ทำใหค้ วามเขม้ ขน้ เพ่ิมขน้ึ เรื่อยๆ จนมคี วามเขม้ ขน้ สูงสดุ ทฐี่ านรูปตัวยูของ
Henle ’ s loop สว่ นห่วงเฮนเลขาขน้ึ มผี นงั หนา โซเดยี มจะถกู ลำเลยี งออกน้ำไม่
ถูกดดู กลับ ทำให้นำ้ มปี ริมาณมากขนึ้

ฮอร์โมนแอนติไดยูเรติก

(antidiuretic hormone ; ADH)

การหล่ังฮอร์โมนชนดิ นขี้ ึน้ อยู่กบั แรงดันออสโมตกิ ในเลอื ด คอื ถ้ารา่ งกายมีน้ำใน
เลอื ดน้อย แรงดันออสโมตกิ ของเลอื ดจะสูง เมอื่ เลือดนผี้ ่านเข้าไปทสี่ มองสว่ นไฮโพ
ทาลามสั จะไปกระตนุ้ ให้กลุม่ เซลล์บาง กลมุ่ ของตอ่ มใตส้ มองส่วนหลงั ใหห้ ลง่ั
ฮอร์โมน ADH ออกมา แล้วลำเลียงไปยงั หนว่ ยไต ซงึ่ ฮอรโ์ มน ADH จะกระตุ้นใหท้ ่อ
ขดสว่ นปลาย และทอ่ รวมของหนว่ ยไตมีการดูดนำ้ กลับเข้ากระแสเลอื ดมากขน้ึ
ปรมิ าณปสั สาวะก็จะลดลง แต่ถา้ รา่ งกายมนี ำ้ ในเลอื ดมาก แรงดนั ออสโมติกใน
เลือดต่ำมผี ลไปยับย้งั การหล่ังฮอรโ์ มน ADH ทำให้การดดู กลบั คนื นอ้ ย


Click to View FlipBook Version