ศาสนาชินโต
ชินโต ผูกพันแนบแน่นกับวิถีชีวิตของชาวญ่ีป่ ุน นับต้ังแต่ประวัติศาสตร์
มาจนถึงปั จจุบัน อิทธิพลที่มาจากความเช่ือน้ี เราจะเห็นได้จากวิถีชีวิตและ
ขนบธรรมเนียมของชาวญ่ีป่ ุน แต่ถึงกระนั้นหากจะมีคาถามท่ีว่าชินโตเป็ นศาสนา
หรือไม่ เราอาจตอบได้ว่าชินโตเป็ นเพียงลัทธิความเชื่อแบบพื้น ๆ และขาด
องค์ประกอบของศาสนาเพราะไม่มีศาสดาผู้ก่อตั้งศาสนา ไม่มีคัมภีร์แต่มีตานาน
ธรรมและเทพนิ ยายชิ นโตเกิ ดจาก
ธรรมชาติและธรรมชาติก็คือโลกของ
ชินโต ชินโตจึงเป็ นส่ วนหน่ึงของ
วัฒนธรรมทางเผ่าพันธ์ุของชาว
ญี่ป่ ุนท่ีซึมซาบเข้าไปในวิถีชีวิตแม้นว่า
ชาวญ่ีป่ ุนส่ วนใหญ่จะนับถือพุ ทธ
ศาสนาแต่ถ้าเปรียบเทียบศรัทธาที่
พวกเขามีต่อความเช่ือแบบชินโตกับ
ศาสนาคริสต์แล้ว เราจะพบว่าชาวญ่ีป่ ุนไม่ได้มีศรัทธาต่อชินโตอย่างเข้มแข็งและ
จริงจังมากเท่ากับศาสนาเหล่านั้นเลย ท้ังนี้อาจเน่ืองมาจากความเช่ือแบบชินโต
ขาดความเป็ นระบบไม่เหมือนกับศาสนาอ่ืน ๆ และความเข้มแข็งในการเผยแพร่
ศาสนาก็มีไม่มากนัก แต่ความเป็ นชินโตนี้สามารถสะท้อนให้เราเห็นค่านิยมหลัก
ของชาวญี่ป่ ุนท่ีเกิดและเติบโตใน
ญี่ป่ ุน ไม่ว่าพวกเขาจะเป็ นชาว
พุ ทธหรือชาวคริสต์ก็ตาม คาว่า
"ชินโต" นี้ มาซาฮารุ อนาซากิ
(Masaharu Anasaki. 1963 : 19 - 23)
ได้อธิบายว่า มาจากอักษรจีน
สองตัว คือ "เชน" (Shen) ซ่ึง
แปลว่า "เทพทั้งหลาย" ส่ วน
"เต๋า" (Tao) แปลว่า "ทาง" รวมความแล้ว แปลว่า "วิถีทางแห่งเทพท้ังหลาย"
เพราะชาวญ่ีป่ ุนบูชาเทพเจ้าเป็ นจานวนนับไม่ถ้วน เทพเหล่าน้ีเป็ นเทพที่มีอยู่ใน
ธรรมชาติ และการท่ีจะเข้าถึงองค์เทพได้น้ัน จะต้องเข้าถึงธรรมชาติชินโตจึงสอน
ให้บุคคลเคารพในธรรมชาติ
เพ่ือที่จะเข้าใจความเป็ น
ชินโตให้มากข้ึนเราจะต้อง
ศึ กษาเทพนิยายและตานาน
ธรรมของคนญี่ป่ ุนซ่ึงมีมา
นานก่อนศตวรรษที่ 6 อัน
เป็ นเร่ืองราวท่ีแสดงถึงชาติ
กาเนิดของคนญี่ป่ ุน ซ่ึงเช่ือ
กันว่าสื บสายเลือดมาจาก
เทพท้ังหลายท้ังปวง เทพเหล่าน้ีในภาษาญ่ีป่ ุนเรียกว่า"กามิ" (Kami) แต่นักศาสนา
บางท่านได้สั นนิษฐานว่า กามิ คือ มานา (mana) กามิจะเป็ นมานาหรือไม่ ยากท่ีจะ
ระบุลงไปได้เพราะแม้แต่นักศาสนาของญี่ป่ ุนท่ีช่ือ โมโตโอริ โนรินางะ (Motoori
Norinaga) ยังไม่ยอมที่จะอธิบายกามิให้มากไปกว่าความหมายซ่ึงเป็ นที่เข้าใจกันท่ัว
ๆ ไปอย่างไรก็ตามคนญี่ป่ ุนส่ วนมากเช่ือกันว่ากามิมีหลายองค์ มีท้ัง
เทพแห่งสวรรค์ เทพแห่งพ้ืนพิภพ รวมไปถึงการนับถือวิญญาณที่สิ งสถิตอยู่
ตามภูเขา ต้นไม้ ลาธาร แม่น้า ทะเล สั ตว์ และมนุษย์ เพราะฉะน้ันกามิก็คือ
วิญญาณท่ีมีพลังอานาจ
สามารถดลบันดาลให้สิ่ งต่าง
ๆ เกิดข้ึนหรือเป็ นไปตาม
ปรารถนา ชีวิตของคนญี่ป่ ุน
จึงผูกพันกับการทาให้เกิดเทพ
นิยายที่เล่าขานสื บต่อกันมาจน
ทุกวันน้ี ฮอพฟ์ (Hopfe. 1994 :
238 - 241) ได้กล่าวถึงบันทึก
ทางประวั ติ ศาสตร์เล่ มหน่ึ งท่ี
ช่ือ โคจิกิ (Kojiki) หนังสื อบันทึก
เล่ มน้ี มี ความสาคั ญและ
น่าสนใจมาก เพราะเกี่ยวข้อง
กับประวัติศาสตร์ของชนชาติ
ญี่ป่ ุน โดยรวบรวมอยู่ในรูปแบบของเทพนิยายหรือตานานธรรม (สั นนิษฐานกัน
ว่าน่าจะรวบรวมข้ึนมาเมื่อประมาณคริสศตวรรษที่ 7 และท่ี 8 น้ีเอง) บันทึกนี้ได้
กล่าวถึงกามิที่สร้างเกาะญี่ป่ ุน คือ อิซานากิ (Izanagi) และอิซานามิ (Izanami) ท้ัง
สองได้อยู่ร่วมกันจนให้กาเนิดเกาะ 8 เกาะ ซ่ึงเป็ นแผ่นดินญี่ป่ ุนในปั จจุบันและให้
กาเนิดกามิอื่น ๆ อีก ต่อมากามิอิซานามิได้เสี ยชีวิตหลังจากให้กาเนิดเทพเจ้าแห่ง
ไฟ กามิอิซานากิตามหานางไปพบที่สวรรค์ชั้นล่าง แต่ร่างกายของกามิอิซานามิ
เน่าเฟะ มีหนอนชอนไช ทาให้
กามิอิซานากิตกใจกลัวมาก
จึงหนีกลับไป และต้ังใจท่ีจะ
ทาความสะอาดตนเองให้
บริสุ ทธิ์ ดังน้ันกามิอิซานากิ
จึ งไปท่ี แม่ น้ าเพื่ อชาระล้ าง
ตนเองและขับไล่สิ่ งชั่วร้าย
ด้วยการล้างที่ตาซ้าย ทาให้
เกิดกามิองค์หน่ึงข้ึนมา คือ สุ ริยะเทวี ซ่ึงเป็ นกามิ ที่สาคัญและยิ่งใหญ่ท่ีสุด คน
ญี่ป่ ุนเรียกว่า อะมาเตระสุ (Amaterasu) และเช่ือกันว่า พระจักรพรรด์ิผู้ปกครอง
ญี่ป่ ุนทุกพระองค์เป็ นสายเลือดของกามิองค์นี้ นอกจากน้ีก็มีทสึกิโยมิ (Tsukiyomi)
ซ่ึงเป็ นเทพแห่งพระจันทร์ท่ีเกิดจากการล้างตาขวา และเม่ือกามิอิซานากิล้างท่ี
จมูกทาให้เกิดกามิซูซาโน๊ะ (Susanoo) ซ่ึงเป็ นกามิแห่งความกล้าหาญและเป็ นกามิ
ฝ่ ายช่ัวร้าย
หลังจากน้ันกามิอิซานากิได้มอบสร้อยพระศอให้แก่สุริยะเทวี และมอบอานาจ
ให้กามิ องค์น้ีปกครองสวรรค์ ส่ วนเทพแห่งพระจันทร์ปกครองอาณาจักรแห่ง
ความมืด เทพแห่งความกล้าหาญปกครองอาณาจักรแห่งท้องทะเลมหาสมุทร
ต่อมาสุ ริยเทวีได้ให้กามินีนีกิ - โน๊ะ - มิโกโต (Ninigi - no - mikoto) ซ่ึงเป็ นหลานลงมา
ปกครองโลกมนุษย์ ท่านลงมาพร้อมกับต้นข้าว ศั กด์ิสิ ทธิ์ และนี้คือจุดเริ่มต้น
กสิ กรรมของญ่ีป่ ุน หลังจากน้ันหลายของกามินินิกิ - โน๊ะ - มิโกโต ได้ลงมา
ปราบปรามประเทศญี่ป่ ุน และได้เป็ นพระจักรพรรดิ์องค์แรกทรงพระนามว่า จิมมู
เทนโน (Jimmu Tenno) เช่ือกันว่าพระองค์ได้รับของศั กดิ์สิ ทธ์ิ 3 ประการจากเทพเจ้า
คือ กระจก ดาบ และเพชรนิลจินดา การครอบครองเคร่ืองราชกกุธภัณฑ์น้ี จึงถือ
เป็ นสัญลักษณ์ของราชอานาจและเป็ นอาวุธป้ องกันตัวของพระจักรพรรดิ์