คมู่ อื ความรู้
เกยี่ วกับ
กลว้ ย
โดย โรงเรียนบา้ นกล้วย
ต.หัวเมือง อ.เมอื งปาน จ.ลาปาง
สานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 3
ก
คำนำ
กลว้ ยเป็นพืชที่มีคณุ ค่า มีความสาคญั และความสัมพนั ธใ์ กลช้ ิดกบั ชีวติ ความเป็นอยคู่ ู่กบั คนไทย
มาชา้ นานเพราะเป็นผลไมช้ นิดแรกท่ีคนนามาเป็นอาหารและนาทุกส่วนมาใชป้ ระโยชน์สารพดั กลว้ ย
นอกจากจะมีคณุ ค่าทางอาหารสูงแลว้ ยงั เป็นอาหารหลกั ของคนไทยมาต้งั แต่เลก็ จนโต ทุกส่วนของ
กลว้ ยไมว่ า่ จะเป็นลาตน้ ใบ ดอกหรือปลี กาบ ราก เหงา้ และยางกลว้ ย ลว้ นเป็นสมนุ ไพรใกลต้ วั ที่รักษา
โรคไดด้ ี กลว้ ยมิไดเ้ พยี งประโยชนใ์ นครัวเรือนเทา่ น้นั ยงั สามารถสร้างรายไดแ้ ก่ครอบครัว และเป็นพืช
ส่งออกนารายไดเ้ ขา้ สู่ประเทศไทย
โรงเรียนบา้ นกลว้ ย จึงไดร้ วบรวมวิธีการ ข้นั ตอนการทาของเลน่ ของใช้ การแปรรูปหาอาหาร
จากกลว้ ย ไวใ้ นคูม่ ือเล่มน้ี เพื่อพฒั นาทกั ษะอาชีพใหก้ บั นกั เรียน ต่อยอดเป็นอาชีพในอนาคต
คณะผจู้ ดั ทา
โรงเรียนบา้ นกลว้ ย
สารบญั ข
สำยพนั ธ์กล้วย ๑
กลว้ ยน้าวา้ ๒
กลว้ ยไข่ ๓
กลว้ ยหอม
กำรแปรรูปอำหำรจำกกล้วย ๔
อำหำรคำว ๖
ยาไก่ใส่ปลี ๗
แกงหยวกใส่วนุ้ เส้น
แกงกลว้ ยดิบใส่เน้ือ ๙
อำหำรหวำน ๑๐
กลว้ ยน้าวา้ เชื่อม (กลว้ ยเชื่อมแดง) ๑๑
กลว้ ยไขเ่ ชื่อม ๑๒
กลว้ ยหกั มกุ เชื่อม ๑๓
กลว้ ยบวชชี ๑๔
กลว้ ยฉาบ (สูตรโบราณ) ๑๖
กลว้ ยฉาบเนยหวาน ๑๘
กลว้ ยฉาบเนยเคม็ ๑๙
กลว้ ยตาก
ขนมกลว้ ย ๒๐
ของใช้จำกต้นกล้วย ๒๒
กระทงใบตอง ๒๖
พานบายสี
กรวยใบตอง ๒๘
๒๙
ของเล่นจำกต้นกล้วย ๓๐
มา้ กา้ นกลว้ ย
ปื นกา้ นกลว้ ย
แหวน นาฬิกา
๑
สำยพนั ธ์ุกล้วย
กลว้ ยในประเทศไทยมีหลายสายพนั ธุ์ กล่าวกนั วา่ มีร่วมๆ ๑๐๐ สายพนั ธุ์ เช่น กลว้ ยป่ า กลว้ ย
บา้ นกลว้ ยเมลด็ เป็นตน้ แตใ่ นท่ีน้ีจะขอกล่าวถึงกลว้ ยท่ีมีและหาไดต้ ามทว่ั ไปในทอ้ งถ่ิน
๑.กล้วยนำ้ ว้ำ
เป็นพชื ลม้ ลกุ มีลาตน้ ใตด้ ิน (rhizome) เรียกวา่ เหงา้ และแตกหน่อออกดา้ นขา้ ง อายไุ ดห้ ลายปี
ลาตน้ บนดิน คอื ส่วนกาบใบที่เรียงเวยี นซ้อนกนั เป็นลาตน้ เทียมมีสีสีเขยี วและมีป้ื นดาเลก็ นอ้ ย ดา้ นในสี
เขยี วออ่ น รูปทรงกระบอก สูง ๒-๙ เมตร
ใบ เป็นใบเด่ียวขนาดใหญ่ กวา้ ง ๐.๗-๑.๐ เมตร ออกเรียงเวียนสลบั กนั ลกั ษณะใบรูปขอบขนาน
แกมรูปไข่ โคนใบมนหรือเฉียง ขอบใบเรียบ และมีแถบสีแดงเลก็ โดยรอบ ปลายใบแหลมหรือเรียว
แหลม แผน่ ใบยาวสีเขยี ว ทอ้ งใบหรือใตใ้ บสีขาวนวล เสน้ กลางใบหรือแกนใบเป็นร่องลึกแขง็ เห็น
ชดั เจน เสน้ ใบมีจานวนมาก แยกออกจากเส้นกลางใบท้งั สองขา้ ง ขนานกนั ไปจดขอบใบ กา้ นใบมี
ลกั ษณะเป็นเน้ือเยอื่ ตรงกลางเป็นรูพรุน ยาว ๑-๒ เมตร ส่วนโคนแผอ่ อกเป็นกาบ
ดอก เป็นช่อหอ้ ยลง เรียกหวั ปลี ยาว ๓๐-๑๕๐ ซม. กา้ นดอกช่อแขง็ ดอกยอ่ ยแยกเป็นดอกเพศผู้
และเพศเมีย ดอกเพศเมียมกั อยตู่ อนลา่ งของช่อ ดอกยอ่ ยเป็นกลุ่มๆ เป็นช่อดอกยอ่ ย แตล่ ะกลุ่มรองรับ
ดว้ ยใบประดบั ขนาดใหญส่ ีม่วงแดง ซ่ึงติดบนแกนกลางช่อ ดอกแบบเรียงเวยี นสลบั กนั ดอกยอ่ ยมีขนาด
ใหญ่ รูปทรงกระบอก กลีบดอกแยกออกเป็น ๓-๕ แฉก เกสรตวั ผทู้ ี่สมบรู ณ์มี ๕ อนั กา้ นเกสรตวั ผแู้ ขง็
๒
อบั เรณูรูปขอบขนาน มี ๒ พู รังไข่ติดอยไู่ ด้ กลีบดอกมี ๓ ช่อง แตล่ ะช่องมีไข่อ่อนจานวนมากติดรอย
เชื่อมของแต่ละช่อง เกสรตวั เมียเป็นเส้นดา้ ย ยอดเกสรตวั เมียคอ่ นขา้ งกลม มี ๖ พู
ผล ลกั ษณะรูปรี ผิวเรียบ ปลายเป็นจุก ออกผลเป็นแผงเรียกวา่ หวี และเรียงซอ้ นกนั หลายหวี
เรียกวา่ เครือ ผลดิบมีสีเขียว เมื่อสุกมีรสหวาน มีสีเหลือง เน้ือในสีขาวหรือขาวอมเหลือง รับประทาน
ได้
เมลด็ ไมม่ ี หรือ มีแต่นอ้ ย ค่อนขา้ งกลม สีดา
กล้วยไข่
กลว้ ยไข่ (Pisang Mas) เป็นเป็นผลไมช้ นิดหน่ึงในตระกูลกลว้ ย เป็นพชื เขตร้อน สามารถปลูก
ไดท้ กุ ภาคของไทย โดยเฉพาะจงั หวดั กาแพงเพชร เรียกไดว้ า่ เป็นผลไมข้ ้ึนชื่อของจงั หวดั เลยทีเดียว โดย
กลว้ ยไข่น้ีถือเป็นพชื เศรษฐกิจที่สาคญั นารายไดเ้ ขา้ สู่ประเทศไดม้ ากมาย เน่ืองจากมีรสชาติดี อร่อย
หอม ปัจจุบนั เป็นสินคา้ ส่งออกไปยงั ประเทศญ่ีป่ ุน สิงคโปร์ และฮ่องกง
ลกั ษณะทว่ั ไปของกลว้ ยไข่
กลว้ ยไข่เป็นผลไมแ้ ละพืชสมนุ ไพรจาพวกตน้ มีลาตน้ สูงประมาณ ๒.๕ เมตร ขนาดเส้นผา่ น
ศูนยก์ ลางประมาณ ๑๕-๒๐ เซนติเมตร ใบรูปไข่มว้ นงอข้ึน ปลายแหลม มีร่องกวา้ ง กา้ นใบสีเขียวอม
เหลือง โคนกา้ นมีปี กสีชมพู บริเวณช่อดอกมีขนอ่อน ส่วนผล ๑ เครือ มีประมาณ ๖-๗ หวี ใน ๑ หวีมี
ผลประมาณ ๑๒-๑๔ ผลดว้ ยกนั เป็นผลท่ีคอ่ นขา้ งเลก็ เปลือกบาง ผลสุกสีเหลือง เมื่อผลงอมอาจมีจุด
ดาๆ ประปราย รสชาติหวานอร่อย
๓
กล้วยหอม
ลำต้น มีลาตน้ จริงเป็นหัวหรือเหงา้ อยใู่ ตด้ ิน และมีลาตน้ ที่อยเู่ หนือดินสูง ๒.๕ – ๓.๕ เมตร
เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางมากกวา่ ๒๐ เซนติเมตร กาบลาตน้ ดา้ นนอกมีประดา ดา้ นในสีเขียวอ่อนและมี
เสน้ ลายสีชมพู
ใบ เป็นใบเด่ียว เป็นแบบขนาน กา้ นใบมีร่องค่อนขา้ งกวา้ ง และมีปี ก เสน้ กลางใบสีเขยี ว ใบอาจยาวได้
มากถึง ๓ เมตร
ดอก/ปลี ดอกหรือปลีจะแทงออกจากหยวกตรงกลางปลายยอด เมื่อแทงออกช่วงแรกจะต้งั
ตรง และค่อยๆโคง้ งอลงดา้ นล่าง ดา้ นบนสีแดงอมม่วง มีไข่ ดา้ นในสีแดงซีด บรรจุน้าขา้ งใน
ผล กลว้ ยหอมติดผลเป็นเครือ เครือหน่ึงมี ๔ - ๖ หวี หวหี น่ึงมี ๑๒ - ๑๖ ผล กวา้ ง ๓ - ๔
เซนติเมตร ยาว ๒๑ - ๒๕ เซนติเมตร ปลายผลมีจุกเห็นชดั เปลือกบาง เม่ือสุกเปล่ียนเป็นสีเหลืองทอง
แต่ที่ปลายจุกจะมีสีเขยี ว แลว้ เปล่ียนสีภายหลงั เน้ือสีขาวขุ่น กลิ่นคาว รสหวานอุ่นฉ่า
๔
กำรแปรรูปอำหำรจำกกล้วย
อำหำรคำว
ยำไก่ใส่ปลี
ส่วนผสม
๑. ไก่บา้ นพร้อมเคร่ืองใน ๑/๒ ตวั (ถา้ ไม่มีใชน้ ่องไก่ติดสะโพกแทนได)้
๒. หวั ปลี ๑ หวั
๓ พริกลาบปรุงสาเร็จ ๒-๓ ชอ้ นโต๊ะ
๔. ตะไคร้ ๒ ตน้
๕. ขมิน้ สด ๑ หวั
๖. ผกั ชี ตน้ หอม ๑ กา
๗. ผกั ชีฝรั่ง ๑ กา
๘. ผกั แพว หรือ ผกั ไผ่ ๑ กา
๙. หอมแดง ๕ หวั
๑๐. กระเทียม ๑ หวั
๑๑. กะปิ ๑/๒ ชอ้ นโตะ้
๑๒. ปลาร้าสับ หรือน้าปลาร้าตม้ สุก ๑ ชอ้ นโตะ้
๑๓.น้ามนั พชื ๑ ชอ้ นโตะ้
วธิ ีการทา
๑.นาไก่มาลา้ งน้าใหส้ ะอาดพกั ไวก้ ่อน
๒. หน่ั ข่า, ขมิ้น, หอมแดง, ตะไคร้ รากผกั ชีรอใส่หมอ้ ตม้ เพื่อเพ่ิมความหอมใหน้ ้าซุป
๓.นาหมอ้ ตม้ น้าใส่เคร่ืองที่เตรียมไว้ และเกลือป่ นเลก็ นอ้ ย ใส่ไก่ลงไปตม้ ใหเ้ ปี่ อย พอไก่สุกกต็ กั ไก่ออก
พกั เอาไวใ้ หเ้ ยน็
๔.น้าตม้ ไก่ "อยา่ ทิ้ง" ตกั เอาข่า ตะไคร้ ขมิน้ ออกพกั ไวร้ อทาน้ายา
๕.ต้งั หมอ้ ใหมน่ าหวั ปลีท้งั หวั ลงไปตม้ ใหส้ ุก (ไมค่ วรผา่ หวั ปลี เพราะจาทาใหม้ ีสีคล้า) แลว้ กน็ าหวั ปลี
ที่สุกแลว้ มาฉีกเป็นชิ้นเลก็ ๆ
๕
๖.ฉีกเน้ือไก่เป็นชิ้นๆ ขนาดพอดีคา ใส่จานรอเอาไว้ สาหรับทายา
๗.ข้นั ตอนทาน้าพริกยาไก่ ก็นาพริกลาบ กระเทียมและกะปิ โขลกใหเ้ ขา้ กนั พอละเอียด
๘.จากน้นั ก็นาน้าปลาร้าลงไปผสม หรือใครจะนาไปโขลกพร้อมกะปิ เลยกไ็ ด้
๙.ต้งั กระทะไฟปานกลาง ใส่น้ามนั เลก็ นอ้ ย คว่ั น้าพริกยาใหม้ ีกล่ินหอม แลว้ ตกั ใส่ชามพกั ไว้
๑๐.หนั่ ผกั ชี ตน้ หอม ผกั ชีฝร่ัง และผกั ไผ่ เตรียมไว้
๑๑.นาพริกยา เน้ือไก่และหวั ปลี ท่ีเตรียมไวม้ าคลกุ ใหเ้ ขา้ กนั ใส่น้าตม้ ไก่ไปก่อนเลก็ นอ้ ยใหค้ นง่าย
๑๒.คอ่ ยๆเติมน้าตม้ ไก่ลงไปใหท้ ว่ มเน้ือไก่ โรยผกั ท่ีหั่นเตรียมไวล้ งไปปรุงรสตามใจชอบ รสชาดของ
ยาไก่ใส่หวั ปลี
จะมีความเผด็ และหอมเครื่องเทศจากพริกลาบ และมีรสกลมกล่อมของน้าซุป (ยาไก่ไม่มีรสเปร้ียวไม่
ตอ้ งใส่มะนาว)
๖
แกงหยวกใส่ว้นุ เส้น
หยวกหรือตน้ กลว้ ย ส่วนท่ีนามาแกง คอื ใจกลางตน้ ที่ยงั อ่อนอยู่ นิยมแกงใส่ไก่บา้ น และวุน้
เสน้ บา้ งแกงใส่ปลาแหง้ มีวิธีการแกงเช่นเดียวกบั แกงออ่ มเน้ือต่างๆ อีกแบบหน่ึงมีวธิ ีการแกง
เช่นเดียวกบั แกงผกั หวาน สูตรท่ีแกงแบบเดียวกบั แกงอ่อมเน้ือต่างๆ
ส่วนผสม
๑. หยวกกลว้ ยหน่ั ๓๐๐ กรัม
๒. วนุ้ เส้น ๑ ถว้ ย
๓. เน้ือไก่บา้ น ๒๐๐ กรัม
๔. ใบมะกรูดฉีก ๔ ใบ
๕. ผกั ชีซอย ๑ ชอ้ นโตะ๊
๖. ตน้ หอมซอย ๑ ชอ้ นโตะ๊
๗. น้ามนั พืช ๒ ชอ้ นโต๊ะ
เคร่ืองแกง
๑. พริกแหง้ ๕ เมด็
๒. กระเทียม ๕ กลีบ
๓. หอมแดง ๕ หวั
๔. กะปิ แกง ๑ ชอ้ นชา
๕. เกลือ ๑ ชอ้ นชา
๖. ผงชูรสนิดหน่อยตามใจชอบ
๗. น้าปลาปรุงรส
วิธีการทา
๑. โขลกเคร่ืองแกงรวมกนั ใหล้ ะเอียด
๒. ผดั เคร่ืองแกงกบั น้ามนั จนมีกลิ่นหอม ใส่ไก่ลงผดั ใหเ้ ขา้ กนั
๓. ใส่หยวกกลว้ ย ตม้ จนหยวกกลว้ ยน่ิม
๔. พอเดือด ใส่วนุ้ เสน้
๕. ใส่ใบมะกรูด ปิ ดไฟ โรยผกั ชีตน้ หอม พร้อมเสริฟ
๗
แกงกล้วยดบิ ใส่เนื้อ
แกงกลว้ ยดิบ เป็นแกงชนิดหน่ึง ใชก้ ลว้ ยน้าวา้ ดิบเป็นส่วนผสมเพราะหาไดท้ วั่ ไปกลว้ ยจึงเป็น
ท่ีนิยมท่ีจะนามาประกอบอาหารหลากหลายประเภท ประโยชนจ์ ากกลว้ ยน้าวา้ ดิบ ช่วยแกโ้ รคกระเพาะ
ไดด้ ีเนื่องจากมีสารแทนนิน ซ่ึงมีฤทธ์ิในการเคลือบรักษากระเพาะและลาไส้ป้องกนั การติดเช้ือ และยงั มี
ฤทธ์ิในการช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารไดเ้ ป็นอยา่ งดี
ส่วนผสม
๑. เน้ือส่วนสะโพก ๕๐๐ กรัม
๒. กลว้ ยน้าวา้ ดิบ ๖ ผล
๓.กะทิ ๑ ถว้ ยตวง
๔.หางกะทิ ๓ ถว้ ยตวง
๕.ปลา ๒ ชอ้ นโตะ๊
๖.น้าตาลปี๊ บ ๒ ชอ้ นโตะ๊
๗.ใบมะกรูด ๓ ใบ
วตั ถุดิบพริกแกง
๑.พริกข้ีหนูสด ๓๐ เมด็
๒.พริกไทยเมด็ ๑ ชอ้ นชา
๓.หอมแดงหนั่ ๒ ชอ้ นโตะ๊
๔.กระเทียมหนั่ ๒ ชอ้ นโต๊ะ
๕.ข่าหน่ั ๑ ชอ้ นโต๊ะ
๖.ตะไคร้ซอย ๓ ชอ้ นโตะ๊
๗.ขมิน้ หนั่ ๑ ชอ้ นโตะ๊
๘
๘.เกลือป่ น ๒ ชอ้ นชา
๙.กะปิ ๒ ชอ้ นโตะ๊
วธิ ีทา
๑.โขลกพริกแกง หนั่ เครื่องสมุนไพรที่จะใหส้ าหรับโขลกพริกแกง เป็นชิ้นเลก็ ๆ ลงในครก
โขลกใหล้ ะเอียด
๒.ต้งั กระทะ ใชไ้ ฟกลาง ใส่หวั กะทิลงไปเคย่ี วจนแตกมนั ตามดว้ ยพริกแกงที่โขลกไว้ ผดั จน
ส่งกลิ่นหอม
๓.ใส่เน้ือลงไปผดั กบั พริกแกง ตามดว้ ยใส่กลว้ ยน้าวา้ ดิบห่นั ชิ้น ผดั ใหเ้ ขา้ กนั ปรุงรสดว้ ย
น้าปลา น้าตาลป๊ี บ แลว้ เติมหางกะทิลงไป
๔.ต้งั ไฟอ่อน เคีย่ วให้เขา้ เน้ือ ประมาณ ๒๐ นาที ฉีกใบมะกรูดใส่ลงไป
๕.แกงใส่ชามจดั เสิร์ฟ
๙
อำหำรหวำน
กล้วยน้ำว้ำเช่ือม (กล้วยเช่ือมแดง)
ส่วนผสม
๑. กลว้ ยน้าวา้ ห่าม ๆ 1 หวี (ประมาณ ๘-๑๐ ลกู )
๒ น้าปูนใส (สาหรับแช่กลว้ ย) **ถา้ ไม่มีน้าปนู ใสใหใ้ ชน้ ้าเปลา่ ผสมเกลือป่ นได้
๓. น้าเปลา่ ๓ ถว้ ยตวง
๔. ใบเตย ๓ ใบ
๕ น้าตาลป๊ี บ ๑๐๐ กรัม
๖. น้าตาลทรายแดง ๕๐ กรัม
๗.น้ามะนาว ๑/๒ ชอ้ นโตะ๊
วิธีทำ
๑. ปอกเปลือกกลว้ ยน้าวา้ ออกแลว้ หั่นเป็น ๔ ชิ้น นาไปแช่ทิ้งไวใ้ นน้าปูนใส (หรือน้าผสม
เกลือ) ประมาณ ๑ ชวั่ โมง พอครบเวลานาไปลา้ งจนหมดกลิ่นปนู
๒. ใส่น้าเปล่า ใบเตย น้าตาลปี๊ บ และน้าตาลทรายลงในหมอ้ พอเดือดใส่กลว้ ยน้าวา้ ลงไป
ตามดว้ ยน้ามะนาว รอใหเ้ ดือดอีกคร้ังแลว้ ชอ้ นฟองทิง้ จนหมด เคีย่ วต่อดว้ ยไฟอ่อนประมาณ ๒
ชวั่ โมง หรือจนกลว้ ยเปลี่ยนเป็นสีแดง ตกั ใส่ภาชนะ พร้อมเสิร์ฟ
๑๐
กล้วยไข่เช่ือม
ส่วนผสม
๑. กลว้ ยไขห่ ่าม ๆ ๒ หวี
๒. น้าตาลทรายขาว ๔๕๐ กรัม
๓ น้าสะอาด ๔๐๐ กรัม
ส่วนผสม กะทิสาหรับราดหนา้
๑. หวั กะทิ ๒ ถว้ ย
๒ เกลือป่ น (หยบิ มือ)
๓. แป้งสาลีอเนกประสงค์ ๑+๑/๒ ชอ้ นโต๊ะ
วธิ ีทากะทิสาหรับราดหนา้
วธิ ีที่ ๑ สาหรับหวั กะทิที่ค้นั โดยไม่ใชน้ ้า ใหเ้ อาหวั กะทิผสมเกลือป่ นเลก็ นอ้ ยแลว้ นาไปต้งั ไฟออ่ น
คนไปเรื่อย ๆ จนกะทิขน้ ข้ึน
วธิ ีที่ ๒ สาหรับหวั กะทิท่ีค้นั แบบใส่น้า หรือกะทิกลอ่ ง ใหเ้ อาหวั กะทิ ๒ ถว้ ย ผสมกบั แป้งสาลี
อเนกประสงค์ ๑+๑/๒ ชอ้ นโต๊ะ และเกลือป่ นหยบิ มือ (ใส่พอใหม้ ีรสเคม็ ปะแล่ม ๆ) คน ๆ ใหแ้ ป้ง
ละลายเขา้ กบั หวั กะทิก่อน แลว้ คอ่ ยนาไปต้งั ไฟกลาง ๆ ระหวา่ งต้งั ไฟกใ็ ชต้ ะกร้อมือคนเรื่อย ๆ
จนกระทงั่ แป้งสุกและกะทิขน้ พอกะทิสุกขน้ แลว้ ก็ยกลงจากเตา ต้งั พกั ไวใ้ ห้เยน็
วิธที ำ
๑. ปอกเปลือกกลว้ ยไข่ออก ดึงเสน้ ดาออกใหห้ มด ตดั หวั -ทา้ ยเลก็ นอ้ ยเพื่อความสวยงาม แช่ไวใ้ นน้า
ผสมเกลือนิดหน่อย เพื่อไมใ่ หก้ ลว้ ยเปล่ียนเป็นสีคล้า ๆ (แตถ่ า้ หากปอกแลว้ เช่ือมเลย ก็ไม่ตอ้ งแช่)
๒. ทาน้าเชื่อม โดยผสมน้ากบั น้าตาลทรายเขา้ ดว้ ยกนั แลว้ นาไปต้งั ไฟ คนใหล้ ะลาย นามากรองดว้ ย
ผา้ ขาวบางหรือกระชอนตาถ่ี ๆ คร้ังหน่ึง จากน้นั กเ็ ทใส่กลบั คืนหมอ้ แลว้ นาไปต้งั ไฟเคี่ยวตอ่ จน
น้าเชื่อมขน้ ขอ้ สงั เกตคือฟองกจ็ ะยงิ่ เลก็ ลงในสูตรเคี่ยวน้าเช่ือมใหล้ ดลงไปประมาณ ๑/๔ ส่วน กจ็ ะได้
น้าเช่ือมที่มีความเหนียวไดท้ ่ี
๓. ใส่กลว้ ยไขล่ งไปในน้าเชื่อม ใชไ้ ฟกลาง ๆ คอ่ นมาทางออ่ น รอจนกลว้ ยมีสีเหลืองเขม้ สม่าเสมอ
กนั ตกั ใส่ภาชนะ ราดกะทฺ
๑๑
กล้วยหกั มุกเชื่อม
ส่วนผสม
๑. กลว้ ยหกั มกุ ๑ หวี (เลือกแบบสุกเลก็ นอ้ ย)
๒. น้าปนู ใส
๓.น้าตาลปี๊ บ ๑๐๐ กรัม
๔. น้าตาลทรายขาว ๑๐๐ กรัม
๕.น้าเปล่า ๑ ถว้ ย
๖. เกลือป่ นตามชอบ
๗. ใบเตยมดั รวมกนั ๔ ใบ
๘. หวั กะทิ (สาหรับราดกลว้ ย)
๙. น้ามะนาว ๑/๒ ชอ้ นโต๊ะ
วธิ ีทา
๑. ลา้ งกลว้ ยท้งั เปลือกใหส้ ะอาด ปอกเปลือกออกแลว้ หน่ั เป็น ๔ ชิ้น นาลงแช่ในน้าปูนใสประมาณ
๑ ชวั่ โมง เทใส่ในกระชอน ลา้ งผา่ นน้ากอ๊ กใหส้ ะอาด
๒. เตรียมหมอ้ เติมน้าเปล่าและน้าตาลท้งั สองชนิด คนจนน้าตาลทรายละลาย ใส่เกลือป่ นกบั ใบเตย
ตามดว้ ยกลว้ ย
๓. เปิ ดไฟเตา ใชไ้ ฟแรงใหน้ ้าเช่ือมเดือด จากน้นั ค่อยลดไฟลงใชไ้ ฟกลาง เชื่อมตอ่ อีกประมาณ ๑-๒
ชว่ั โมงหรือนิ่มตามชอบ ระหวา่ งเชื่อมกลว้ ยใหช้ อ้ นฟองออก เพอ่ื ใหก้ ลว้ ยเช่ือมสวยงามไมด่ า ใส่น้า
มะนาวเพ่อื ช่วยใหน้ ้าตาลไมต่ กผลึก ตกั ใส่ภาชนะ ราดกะทิ จดั เสิร์ฟ
๑๒
กล้วยบวชชี
ส่วนผสม
๑. กลว้ ยน้าวา้ ห่าม ๑ หวี
๒. หวั กะทิ ๒ ถว้ ยตวง ( สามารถใชก้ ะทิกล่องได้ )
๓. เกลือป่ น ๑ ชอ้ นชา
๔. น้าตาล ๒๐๐ กรัม
๕. น้าเปล่า ๑ ถว้ ย
๖. ใบเตยมดั ปม
วธิ ีทา
๑.วิธีทากลว้ ยบวชชีไม่ใหฝ้ าด และไมเ่ ละ คือการเลือกกลว้ ยควรจะเลือก กลว้ ยน้าวา้ ที่หวหี ่าม
ๆ ที่มีสีเหลืองเจือเขยี วเลก็ นอ้ ย ใหท้ าการปอกเปลือก ผา่ เป็น ๔ ชิ้น นาไปตม้ ในน้าเดือด ใส่เกลือ
เลก็ นอ้ ย ประมาณ 7 นาที เพื่อใหย้ างกลว้ ยออกกจ็ ะทาใหก้ ลว้ ยไม่ฝาดไดอ้ ีกดว้ ย
๒.สาหรับหลายคนท่ีอาจจะกลวั วา่ กลว้ ยจะมีรสเปร้ียว กม็ ีวธิ ีทากลว้ ยบวชชีไม่ใหเ้ ปร้ียวไดโ้ ดย
การนากลว้ ยท้งั เปลือกมาตม้ กบั น้าเดือด ใส่เกลือเลก็ นอ้ ยใชเ้ วลาประมาณ ๗ นาที จากน้นั นามาพกั ไวใ้ ห้
เยน็ ก่อนปอกเปลือกแลว้ ผา่ เป็น ๔ ชิ้น เท่าน้ีกลว้ ยบวชีกจ็ ะไมม่ ีรสเปร้ียวแลว้
๓.นากะทิใส่หมอ้ ใส่น้าตาล เกลือป่ น คนใหน้ ้าตาลละลายโดยท่ียงั ไมต่ ้งั ไฟเพ่อื ไมใ่ หก้ ะทิแตกมนั
หากไม่สามารถซ้ือกะทิสดได้ ก็ปรับเปล่ียนเป็นวธิ ีทากลว้ ยบวชชี กะทิกล่อง ไดเ้ ช่นกนั รสชาติกจ็ ะมี
ยงั คงหอมมนั ไมแ่ พก้ นั
๔. เม่ือกะทิน้าตาลละลายดีแลว้ ใหน้ าข้ึนต้งั ไฟ ใส่กลว้ ยตม้ ลงไป ตม้ ต่อประมาณ ๑๐ นาที เพอื่ ให้
กะทิซึมเขา้ ในเน้ือกลว้ ย จากน้นั ตกั เสิร์ฟ
๑๓
กล้วยฉำบ (สูตรโบรำณ)
ส่วนผสม
๑. กลว้ ยดิบ ๑ หวี (กลว้ ยหกั มกุ จะใหเ้ น้ือฟกู รอบ มากกว่ากลว้ ยน้าวา้ )
๒. น้ามนั พืชสาหรับทอด ๒ ถว้ ยตวง
๓. น้าตาลทราย ๒ ถว้ ยตวง
๔. น้า ๒ ถว้ ยตวง
๕. เกลือป่ น ๑/๓ ชอ้ นชา
วิธีทา
๑. ปอกเปลือกกลว้ ยดิบ ดว้ ยมีดปอกเปลือก (มีดคู่)
๒. นากลว้ ยท่ีปอกเปลือกใหห้ มดท้งั หวี ลา้ ง และแช่ไวใ้ นน้าสะอาด ต้งั พกั ไว้
๓. ต้งั กระทะใหร้ ้อนเติมน้ามนั พืชลงในกระทะ พอให้ น้ามนั ร้อนพอดี มีควนั ลอยบา้ งบางๆ (อยา่ ให้
ร้อนจดั จนควนั คลุง้ กะทะ) จึงฝานเน้ือกลว้ ยดิบเป็นแผน่ บาง ๆ ตาม ความยาวของผล (ดว้ ยมีดค)ู่ ใส่ลง
ทอดในน้ามนั ทนั ที เมื่อกลว้ ยลอยตวั ข้ึนมาบนผิวน้ามนั (ประมาณ ๒๐ – ๓๐ วนิ าที ให้หมน่ั คนและ
พลิกชิ้นกลว้ ยกลบั ใหถ้ กู น้ามนั เพอื่ ความร้อนสม่าเสมอทวั่ กนั ทุกชิ้น จนเหลืองดีแลว้ (อยา่ เหลืองมาก
เพราะกวา่ จะเยน็ คลายตวั กลว้ ยจะไหม้ มีรสขม) ตกั ข้ึนใหส้ ะเดด็ น้ามนั
๔. เทน้ามนั ออกจากกระทาใหห้ มด ต้งั ไฟเบาๆ (อยา่ แรงเหมือนตอนทอดกลว้ ย) ใส่น้าตาล น้า และ
เกลือ ลงในกระทะน้นั ตม้ จนน้าตาลละลาย และเคยี่ วตอ่ อีกครู่ จนน้าตาลเหนียวเป็นเสน้ เม่ือใชป้ ลายมีด
จุ่มลงในน้าเช่ือม แลว้ ยกมีดข้นึ น้าเช่ือมจะยดื ตามมีดเป็นเส้น
๕. ใส่กลว้ ยท่ีทอดไว้ ลงในกระทะน้าเชื่อมทนั ทีท่ียกลงจากเตา เคลา้ เบา ๆ ใหน้ ้าเชื่อมจบั ชิ้นกลว้ ยให้
ทวั่ ถึง
๖. พกั ไวจ้ นเยน็ สนิทและน้าเช่ือมแหง้ สนิทดว้ ย จึงเกบ็ ใส่ขวดโหล หรือภาชนะฝาปิ ดสนิท เพอื่ ป้องกนั
ลมเขา้
๑๔
กล้วยฉำบเนยหวำน
ส่วนผสมน้าเชื่อม (สาหรับกลว้ ย 2 หว)ี
๑. น้าเปล่า ๑๐๐ มิลลิลิตร
๒.น้าตาลป๊ี บ ๑ ถว้ ยตวง
๓.น้าตาลทรายแดง ๑/๒ ถว้ ยตวง
๔.เกลือป่ น ๑ + ๑/๒ ชอ้ นชา
๕.เนยสดชนิดหวาน ๑ ชอ้ นโตะ๊
ส่วนผสมกลว้ ยทอด
๑. กลว้ ยน้าหวา้ ดิบแก่จดั ๑ หวี
๒. เกลือป่ น ๑ ชอ้ นโตะ๊ (แช่กลว้ ย)
๓. มะนาว ๑ ลูก (แช่กลว้ ย)
๔. น้าเปล่า (สาหรับแช่กลว้ ย)
๕. น้ามนั ปาลม์ ๑ ขวด
๖. ใบเตยหน่ั ทอ่ น ๔-๕ ใบ
วิธีทา
๑. เตรียมชามผสม ใส่น้าเปล่า ตามดว้ ยเกลือ และน้ามะนาว คนใหเ้ ขา้ กนั จากน้นั นากลว้ ยมาหน่ั
หวั หน่ั ทา้ ยออก ปอกเปลือก แลว้ แช่น้าไว้ ๕-๑๐ นาที พอครบเวลาใหน้ าไปลา้ งน้าเปล่า แลว้ พกั ให้
สะเด็ดน้า
๒. ใชม้ ีดปอกผลไม้ ปอกกลว้ ยออกเป็นแผ่นบาง ๆ ใหม้ ีขนาดเท่า ๆ กนั จะหนั่ ตามแนวยาว หรือ
หนา้ ตดั เป็นแผน่ กลมก็ได้ พอหนั่ เสร็จแลว้ ใหใ้ ส่ถาดเตรียมไว้
๑๕
๓. ต้งั กระทะ ใส่น้ามนั ลงไป เปิ ดไฟกลาง วอร์มน้ามนั ใหร้ ้อนจดั พอร้อนไดท้ ี่แลว้ ใหใ้ ส่ใบเตยลง
ไปเพอ่ื เพ่ิมกลิ่นหอม แลว้ ใส่กลว้ ยลงไปทอด คอยคนเพอ่ื ใหก้ ลว้ ยทอดกรอบสม่าเสมอทว่ั ทกุ แผน่ ทอด
ใหพ้ อมีสีเหลืองทอง พอไดท้ ่ีแลว้ ใหต้ กั ข้นึ พกั ใหส้ ะเด็ดน้ามนั
๔. ทาน้าเชื่อม โดยต้งั กระทะ ใส่น้าตาลปี๊ บ น้าเปลา่ น้าตาลทรายแดง เกลือป่ น คนใหน้ ้าตาล
ละลาย พอน้าตาลละลายแลว้ ใหใ้ ส่เนยสดรสหวานลงไป คนใหท้ ุกอยา่ งละลาย แลว้ เคีย่ วตอ่ ดว้ ยไฟ
ออ่ น ๔-๕ นาที พอฟองอากาศเร่ิมเลก็ ลงและน้าเชื่อมเร่ิมงวดดีแลว้ ใหป้ ิ ดไฟ พกั ใหเ้ ยน็ สนิท
๕. นากลว้ ยทอดใส่ชามผสม แลว้ เทน้าเช่ือมลงไป คลกุ เคลา้ ใหน้ ้าเชื่อมเคลือบกลว้ ยทอดใหท้ ว่ั ทุก
แผน่ จากน้นั ใหเ้ ทใส่ลงในกระชอน เพ่ือกรองเอาน้าเชื่อมส่วนเกินออก
๖. ต้งั กระทะ ใส่น้ามนั ใหมล่ งไป (ไม่ใชน้ ้ามนั เดิม) เปิ ดไฟกลาง วอร์มน้ามนั ใหร้ ้อนจดั พอร้อน
ไดท้ ่ีแลว้ ใหใ้ ส่กลว้ ยฉาบลงไป ทอดแค่แปบเดียวประมาณ ๑๐ วนิ าที แลว้ ตกั ข้ึน พกั ใหเ้ ยน็ พอเยน็
สนิทดีแลว้ ถา้ ทาทานเอง ก็ใหร้ ับประทานไดเ้ ลย แตถ่ า้ ทาขายใหร้ ีบแพคใส่ถงุ หรือ กล่องถนอมอาหาร
เพราะกลว้ ยฉาบถา้ โดนลมมาก ๆ อาจนิ่มลงและเริ่มเหนียวได้
๑๖
กล้วยฉำบเนยเค็ม
ส่วนผสมน้าเช่ือม (สาหรับกลว้ ย ๒ หว)ี
๑. น้าเปล่า ๒๐๐ มิลลิลิตร
๒. น้าตาลทราย ๔๐๐ กรัม
๓ .เกลือป่ น ๑+ ๑/๒ ชอ้ นชา
๔. เนยสดชนิดเคม็ ๑๕๐ กรัม
๕.ใบเตยหน่ั ท่อน ๑-๒ ใบ (ใส่หรือไมใ่ ส่ก็ได)้
ส่วนผสมกลว้ ยทอด
๑. กลว้ ยน้าหวา้ ดิบแก่จดั ๑-๒ หวี
๒. เกลือป่ น ๑ ชอ้ นโต๊ะ (แช่กลว้ ย)
๓. มะนาว ๒ ลูก (แช่กลว้ ย)
๔. น้าเปล่า (สาหรับแช่กลว้ ย)
๕. น้ามนั ปาลม์ ๒ ขวด
๖.ใบเตยหน่ั ทอ่ น ๔-๕ ใบ
วิธีทา
๑. เริ่มทาน้าเช่ือม โดยต้งั หมอ้ ใส่น้าเปล่า น้าตาลทราย เกลือป่ น เนยสดชนิดเคม็ ใบเตยหั่นทอ่ น
แลว้ เปิ ดไฟกลาง พอน้าเร่ิมเดือด ใหล้ ดลงเป็นไฟออ่ น เค่ยี วต่อสักพกั ใหป้ ิ ดไฟ แลว้ พกั ใหเ้ ยน็ สนิท ก็
จะไดน้ ้าเชื่อมพร้อมใชแ้ ลว้
๒. เตรียมชามผสม ใส่น้าเปล่า ตามดว้ ยเกลือ และน้ามะนาว คนใหเ้ ขา้ กนั จากน้นั นากลว้ ยมาหนั่
หวั หน่ั ทา้ ยออก ปอกเปลือก แลว้ แช่น้าไว้ ๕-๑๐ นาที พอครบเวลาใหน้ าไปลา้ งน้าเปลา่ แลว้ พกั ให้
สะเด็ดน้า
๑๗
๓. ใชม้ ีดปอกผลไม้ ปอกกลว้ ยออกเป็นแผน่ บาง ๆ ใหม้ ีขนาดเท่า ๆ กนั จะหนั่ ตามแนวยาว หรือ
หนา้ ตดั เป็นแผน่ กลมกไ็ ด้ พอหนั่ เสร็จแลว้ ใหใ้ ส่ถาดเตรียมไว้
๔. ต้งั กระทะ ใส่น้ามนั ลงไป เปิ ดไฟกลาง วอร์มน้ามนั ใหร้ ้อนจดั พอร้อนไดท้ ่ีแลว้ ใหใ้ ส่ใบเตยลง
ไปเพ่อื เพ่ิมกล่ินหอม แลว้ ใส่กลว้ ยลงไปทอด คอยคนเพอ่ื ใหก้ ลว้ ยทอดกรอบสม่าเสมอทวั่ ทุกแผน่ ทอด
ใหพ้ อมีสีเหลืองทอง พอไดท้ ่ีแลว้ ใหต้ กั ข้ึน พกั ใหส้ ะเดด็ น้ามนั
๕. นากลว้ ยทอดใส่ชามผสม แลว้ เทน้าเชื่อมลงไป คลกุ เคลา้ ใหน้ ้าเช่ือมเคลือบกลว้ ยทอดใหท้ วั่ ทุก
แผน่ จากน้นั ใหเ้ ทใส่ลงในกระชอน เพอ่ื กรองเอาน้าเช่ือมส่วนเกินออก
๖. ต้งั กระทะ ใส่น้ามนั ใหมล่ งไป (ไมใ่ ชน้ ้ามนั เดิม) เปิ ดไฟกลาง วอร์มน้ามนั ใหร้ ้อนจดั พอร้อน
ไดท้ ี่แลว้ ใหใ้ ส่กลว้ ยฉาบลงไป ทอดแคแ่ ปบเดียวประมาณ ๑๐ วินาที แลว้ ตกั ข้ึน พกั ใหเ้ ยน็ พอเยน็
สนิทดีแลว้ ถา้ ทาทานเอง ก็ใหร้ ับประทานไดเ้ ลย แต่ถา้ ทาขายใหร้ ีบแพคใส่ถงุ หรือ กล่องถนอมอาหาร
เพราะกลว้ ยฉาบถา้ โดนลมมาก ๆ อาจนิ่มลงและเร่ิมเหนียวได้
๑๘
กล้วยตำก
ส่วนผสม
๑. กลว้ ยน้าวา้ แก่
๒. เกลือป่ น
๓. น้า
วธิ ีทา
๑. ตดั กลว้ ยออกเป็นหวี นาวางลงบนใบตอง ปิ ดทบั ดว้ ยใบตองและกระสอบ หรือนาใส่โอ่ง หรือถงั
จากน้นั บ่มทิง้ ไวจ้ นกลว้ ยสุกดี (บม่ จนผลกลมมน ไม่มีรอยเหล่ียม และเปลือกตกกระสีดา)
๒. ปอกเปลือกกลว้ ยออก เรียงลงบนตะแกรง นาไปตากแดดจนกลว้ ยเกือบแหง้ สนิท นานประมาณ
๕ วนั และหมนั่ คอยพลิกกลบั ดา้ นอยเู่ สมอ
๓. ก่อนนากลว้ ยไปตากแดดในวนั ท่ี ๖ ใหล้ ะลายน้ากบั เกลือใหเ้ ขา้ กนั นาข้ึนต้งั ไฟตม้ จนเดือด ทิง้
ไวจ้ นเยน็ จากน้นั ใชข้ วดน้าคลึงหรือกดกลว้ ยใหแ้ บน แลว้ นากลว้ ยลงไปลา้ งในน้าเกลือที่เตรียมไว้
จากน้นั นากลว้ ยวางเรียงบนตะแกรง นาไปตากแดดอีก ๑-๒ วนั จนกลว้ ยแหง้ ไดท้ ่ี
๔. เม่ือกลว้ ยแหง้ ไดท้ ี่แลว้ ใส่กลว้ ยลงในหมอ้ ปิ ดฝาใหส้ นิท วางทิ้งไว้ ๑ คนื เพ่ือใหน้ ้าตาลจาก
กลว้ ยซึมออกมา (กลว้ ยจะเงาและไมแ่ หง้ ) จากน้นั เกบ็ ใส่ภาชนะที่มีฝาปิ ดมิดชิด พร้อมรับประทาน
๑๙
ขนมกล้วย
ส่วนผสม
๑. กลว้ ยน้าวา้ สุกงอม ๑๐ ผล ( ๖๐๐-๖๕๐ กรัม)
๒. แป้งขา้ วเจา้ ๘๐ กรัม
๓. แป้งมนั ๔๐ กรัม
๔. แป้งทา้ วยายมอ่ ม ๑ ชอ้ นตวง
๕. หวั กะทิ ๒๖๐ กรัม
๖. น้าตาลทราย ๑๓๐ กรัม (ชอบหวานเพ่ิมเป็น๑๕๐ กรัม)
๗. เกลือป่ น ๑/๒ ชอ้ นชา
๘. มะพร้าวทึนทึกขดู เสน้ ๑/๒ ลกู
๙. กระทงใบตอง,ถว้ ยตะไล
วิธีทำ
๑. ปลอกกลว้ ย หนั่ เป็นชิ้นเล็กๆ เตรียมไว้
๒. จากน้นั ผสมแป้งขา้ วเจา้ แป้งมนั และแป้งเทา้ ยายม่อม
๓. ใส่หวั กะทิลงไปเลก็ นอ้ ย ใหพ้ อต้งั แป้งให้เป็นกอ้ น นวดต่อไปเป็นเวลา ๕ นาที
๔. ใส่กลว้ ยลงไป ตามดว้ ยน้าตาลทรายขาว เกลือป่ น ขยาใหเ้ ขา้ กนั ใหก้ ลว้ ยมีขนาดเลก็ ลงแต่
ไม่ตอ้ งเละ
๕. เติมน้ากะทิที่เหลือลงไปท้งั หมด คนผสมใหเ้ ขา้ กนั อีกคร้ัง
๖. ต้งั หมอ้ น่ึง หยอดขนมใส่ถว้ ยตะไล โรยมะพร้าวทึนทึกลงไป
๗. นาไปน่ึงดว้ ยไฟกลาง ใชเ้ วลา ๒๐ นาที เป็นอนั เสร็จ
๒๐
ของใช้จำกต้นกล้วย
กระทงใบตอง
วธิ ีทำกระทงใบตอง แบบท่ี ๑
๑. ตดั ใบตองขนาดความกวา้ ง ๑.๕ นิ้ว ยาว ๖ นิ้ว โดยประมาณ
๒. พบั ตามรูป จานวน ๓ กลีบ จากน้นั นามาวางซอ้ นใหล้ ดหลนั่ กนั ไปตามภาพ ซ่ึงจะนบั เป็น ๑ ตบั
๓. นาไปติดโดยรอบที่ขอบของฐานกระทง ซ่ึงเป็นตน้ กลว้ ยตดั เป็นแวน่ ความหนา ๑.๕ - ๒ นิ้ว
โดยประมาณ ท้งั น้ีปริมาณของกลีบกระทงที่ใชจ้ ะมากหรือนอ้ ยน้นั ข้ึนอยกู่ บั ขนาดของตวั ฐาน
๔. จากน้นั ประดบั ดว้ ยดอกไมต้ ามความชอบ และปักธูปเทียนลงไป เป็นอนั เสร็จ
๕ สามารถนาการพบั ใบตองรูปแบบน้ีไปใชร้ ่วมกบั การพบั รูปแบบอ่ืนๆ ในผลงานชิ้นเดียวกนั ไดต้ าม
ความชอบ และความคดิ ดดั แปลง
๒๑
แบบท่ี 2 (กลีบกุหลาบ)
วิธีทำกระทงใบตองแบบที่ ๒
๑. ตดั ใบตองขนาดความกวา้ ง ๑.๕ นิ้ว ยาว ๖ นิ้ว โดยประมาณ
๒. พบั เป็นกลีบกหุ ลาบตามรูป จานวน ๓ กลีบ จากน้นั นามาสวมเรียงกนั ใหม้ ีระยะห่างพองามตาม
ความชอบ ควรจดั ใหย้ อดของกลีบ และลอนของกลีบตรงเสมอเป็นแนวเดียว ซ่ึงจะทาใหผ้ ลงานออกมา
ดูสวยงามเป็ นระเบียบเรี ยบร้อย
๓. ใชด้ า้ ยสีเขียวใกลเ้ คยี งกบั ใบตอง หรือสีดามาเยบ็ ติดกนั ดว้ ยดน้ ถอยหลงั ใหเ้ ป็นแนวตรงเสมอกนั โดย
ตลอด
๔. พบั กลีบใบตองแลว้ เยบ็ ต่อเนื่องไปเร่ือยๆ จนกระทงั่ สามารถหุม้ ขอบของฐานกระทงไดโ้ ดยรอบ
ตรึงกลบั ใบตองกบั ฐานของกระทงดว้ ยหมดุ แลว้ ขลิบส่วนท่ีเลยพน้ ฐานลงมาใหเ้ รียบร้อยเสมอกบั ฐาน
เม่ือทาเสร็จแลว้ จะมีลกั ษณะคลา้ ยกบั มงกฏุ สวมศีรษะ
๕. จากน้นั ประดบั ดว้ ยดอกไมต้ ามความชอบ และปักธูปเทียนลงไป เป็นอนั เสร็จ
๒๒
พำนบำยสี
วธิ ีทา
วสั ดุอปุ กรณ์
๑. ใบตอง (ควรใหใ้ บตองกลว้ ยตานี)
๒. พานแวน่ ฟ้า ขนาดเลก็ กลาง ใหญ่ ผกู ติดกนั ไวด้ ว้ ยลวด และรองพ้ืนพานดว้ ยโฟม
๓. ภาชนะปากกวา้ งสาหรับใส่น้าแช่ใบตอง ๒ ใบ
๔. สารสม้
๕. น้ามนั มะกอก ชนิดสีเหลือง หรือขาว
๖. ไมป้ ลายแหลม (ขนาดไมเ้ สียบลกู ชิ้น) ประมาณ ๒๐-๓๐ อนั
๗. ดอกไม้ (ดอกพุด ดอกดาวเรือง ดอกบานไม่รู้โรย ฯลฯ)
๘. กรรไกร สาหรับตดั ใบตอง
๙. ลวดเยบ็ กระดาษ
การเลือก และ การทาความสะอาดใบตอง
ใบตองท่ีนามาใชส้ าหรับทาบายศรี มกั นิยมใชใ้ บตองจากกลว้ ยตานี เน่ืองจากเป็นใบตองที่มี
ลกั ษณะเป็นเงา มนั วาว เมื่อโดนน้าจะยงิ่ เกิดประกายสีเขยี วเขม้ สวยงามยง่ิ ข้นึ และท่ีสาคญั ใบตองจาก
กลว้ ยตานี มีความคงทน ไมแ่ ตกงา่ ย ไม่เห่ียวงา่ ย สามารถนามาพบั มว้ นเป็นรูปลกั ษณะตา่ งๆไดง้ ่าย และ
สามารถเกบ็ ไวไ้ ดน้ านหลายวนั หรือถา้ รักษาโดยหมนั่ พรมน้าบ่อยๆ ใบตองกลว้ ยตานี จะสามารถคงทน
อยไู่ ดน้ านเป็นสปั ดาหท์ ีเดียว เม่ือไดใ้ บตองกลว้ ยตานีมาแลว้ จะตอ้ งนามาทาความสะอาดก่อน ดว้ ยการ
เช็ด โดยใชผ้ า้ นุ่มๆ เช็ดฝ่ ุนละอองและสิ่งสกปรกตา่ งๆออกจากใบตองเสียก่อน โดยการเช็ด จะตอ้ งใช้
ผา้ เช็ดตามรอยของเสน้ ใบไปในทางเดียว อยา่ เช็ดกลบั ไปกลบั มา หรืออยา่ เช็ดขวางเสน้ ใบเป็นอนั ขาด
เพราะจะทาใหใ้ บตองเสียหาย มีรอยแตก และช้า ทาใหไ้ ม่สามารถนาใบตองมาใชง้ านไดเ้ ตม็ ที่ เม่ือเชด็
สะอาดดีแลว้ กใ็ หพ้ บั พอหลวมๆ เรียงซอ้ นกนั ไวใ้ ห้เป็นระเบียบ เพ่ือรอนามาใชง้ านในข้นั ตอนต่อไป
๒๓
การฉีกใบตองเพื่อเตรีมทากรวยบายศรี
ใบตองที่ไดท้ าความสะอาดเป็นที่เรียบร้อยแลว้ หยบิ มาทีละใบ แลว้ นามาฉีกเพื่อเตรียมไวส้ าหรับ
มว้ นหรือพบั ทากรวยบายศรี
การพบั หรือฉีกใบตอง แบง่ เป็นสามประเภทคือ
๑. ใบตองสาหรับทากรวยแม่ ฉีกกวา้ งประมาณ ๒ นิ้วฟุต
๒. ใบตองสาหรับทากรวยลกู ฉีกกวา้ งประมาณ ๒ นิ้วฟุต
๓. ใบตองสาหรับห่อ ฉีกกวา้ งประมาณ ๑.๕ นิ้วฟุต
ใบตองแตล่ ะประเภท ควรฉีกเตรียมไวใ้ หไ้ ดจ้ านวนที่ตอ้ งการ กลา่ วคอื ถา้ ทาพานบายศรี ๓ ช้นั
ช้นั ละ ๔ ทิศ ( ๔ ริ้ว ) นน่ั ก็หมายถึงวา่ จะมีริ้วท้งั หมด ๑๒ ริ้ว ในแตล่ ะริ้ว จะประกอบดว้ ยกรวยแม่ ๑
กรวย และ กรวยลูก ๙ กรวย รวมท้งั สิ้น จะมีกรวยแม่ ๑๒ กรวย และ กรวยลกู ๑๐๘ กรวย นน่ั เอง แสดง
วา่ จะตอ้ งมีใบตองสาหรับทากรวยแม่ ๑๒ ชิ้น ใบตองสาหรับทากรวยลูก ๑๐๓ ชิ้น ใบตองสาหรับห่อ
๑๐๒ ชิ้น นน่ั เอง แตใ่ บตองสาหรับห่อ จะตอ้ งเตรียมไวเ้ พ่ือห่อริ้วอีก คือใน ๑ ริ้วจะประกอบไปดว้ ย
กรวยแม่ ๑ กรวย กรวยลูก ๑ กรวย ซ่ึงจะตอ้ งมาห่อรวมกนั ดงั น้นั จึงตอ้ งเพมิ่ ใบตองสาหรับห่ออีก ๑๒๐
ชิ้น รวมเป็นใบตองสาหรับห่อ ๑๓๐
การพบั กรวย และห่อกรวย
การพบั หรือห่อกรวย หมายถึงการนาใบตองที่ฉีกเตรียมไวแ้ ลว้ สาหรับพบั กรวย มาพบั โดยการ
พบั กรวยแม่และกรวยลกู จะมีลกั ษณะวธิ ีการพบั เหมือนกนั คอื การนาใบตองมาพบั มว้ นใหเ้ ป็นกรวย
ปลายแหลม เพียงแต่กรวยลูกจะมีการนาดอกพุด มาวางเสียบไวท้ ี่ส่วนยอดปลายแหลมของกรวยดว้ ย
เมื่อพบั หรือมว้ นใบตองเป็นกรวยเสร็จในแต่ละกรวยแลว้ ใหน้ าลวดเยบ็ กระดาษ มาเยบ็ ใบตองไวเ้ พ่ือ
ป้องกนั ใบตองคลายตวั ออกจากกนั แลว้ เก็บกรวยแตล่ ะประเภทไวจ้ นครบจานวนที่ตอ้ งการเมื่อไดก้ รวย
แต่ละประเภทครบตามจานวนที่ตอ้ งการแลว้ ก็นากรวยที่ไดม้ าห่อ โดยการนาใบตองท่ีฉีกเตรียมไว้
สาหรับห่อมาห่อกรวย หรือเรียกอีกอยา่ งวา่ ห่มผา้ หรือ แต่งตวั ใหก้ รวยบายศรี
๒๔
การห่อริ้วบายศรี คือการนากรวยแม่ และ กรวยลูกท่ีไดห้ ่อกรวยไวเ้ รียบร้อยแลว้ มาห่อมดั รวมเขา้ ไว้
ดว้ ยกนั ที่นิยมทากนั ใน ๑ ริ้ว จะประกอบดว้ ย กรวยแม่ ๑ กรวย กรวยลูก ๙ กรวย
วิธีการห่อริ้ว มีการห่อคลา้ ยกบั การห่อกรวยแม่หรือกรวยลกู
แตจ่ ะแบง่ วธิ ีตามลกั ษณะงานท่ีไดเ้ ป็น ๒ วธิ ี คอื
๑. ห่อแบบตรง คือการห่อโดยเร่ิมตน้ จากกรวยแม่ แลว้ วางกรวยลกู ไวด้ า้ นบนกรวยแมเ่ ป็นช้นั ๆทบั
กนั ข้ึนมา หรือหันกรวยลูกเขา้ หาตวั ผหู้ ่อ การห่อแบบน้ี จะไดร้ ิ้วบายศรีค่อนขา้ งตรง และในช่วงตวั ริ้ว
จะมีรอยหยกั ของใบตองห่อเรียกวา่ มีเกลด็
๒. ห่อแบบหวาน คือการห่อ โดยเริ่มตน้ จากกรวยแม่ แต่วางกรวยลูกไวด้ า้ นลา่ งของกรวยแม่ และ
วางซอ้ นลงดา้ นลา่ งลงไปจนครบ หรือหันกรวยแม่เขา้ หาตวั ผหู้ ่อ โดยวางกรวยลกู ลงดา้ นล่างจนครบ
นนั่ เอง การห่อแบบน้ี จะไดร้ ิ้วบายศรีเป็นลกั ษณะอ่อนชอ้ ย งอน อ่อนหวาน
เม่ือห่อริ้วจนเสร็จในแต่ละริ้วแลว้ จึงนาริ้วท่ีไดล้ งแช่ในน้าผสมสารส้มที่เตรียมไวป้ ระมาณ ๒๐
นาที เพอื่ ใหใ้ บตองเขา้ รูปทรง อยตู่ วั ตามที่ไดพ้ บั และห่อ จากน้นั จึงนาไปแช่ในน้าผสมน้ามนั มะกอก
ต่อไป เพื่อใหร้ ิ้วมีความเป็นมนั วาว เนน้ สีเขียวเขม้ ของใบตองมากข้นึ และมีกล่ินหอมในตวั เอง
การประกอบพานบายศรี
การประกอบพานบายศรี ถือเป็นข้นั ตอนสุดทา้ ยในการทาบายศรี คือการนาริ้วที่ทาเสร็จแลว้ และ
แช่ในน้าผสมน้ามนั มะกอกแลว้ มาประกอบเขา้ กบั พานบายศรี ๓ ช้นั ที่ไดเ้ ตรียมไว้
การน้าริ้ว มาประกอบกบั พาน ควรเริ่มตน้ จากพานใหญ่สุด หรือพานท่ีวางอยชู่ ้นั ล่างสุดก่อน โดย
การวางใหร้ ิ้วอยบู่ นพานใหม้ ีระยะห่างเท่าๆกนั ๔ ริ้ว ( ๔ ทิศ ) ซ่ึงจะยดึ ริ้วติดกบั พานโดยใชไ้ มป้ ลาย
แหลมที่เตรียมไวแ้ ลว้ มากลดั หรือเสียบจากดา้ นบนของริ้วใหท้ ะลไุ ปยดึ ติดกบั โฟมท่ีรองไวบ้ นพ้ืนพาน
การประกอบริ้วกบั พานช้นั กลาง และช้นั บนสุด ก็ใชว้ ิธีเดียวกนั แต่จะตอ้ งใหร้ ิ้วช้นั ท่ี ๒ วางสลบั
กบั ริ้วช้นั แรก และริ้วบนพานช้นั บนสุด ก็ใหส้ ลบั กบั ริ้วบนพานช้นั กลาง
๒๕
การประกอบริ้วกบั พานช้นั บนสุด ใหห้ ่อใบตองเป็นกรวยขนาดใหญ่พอควรวางไวเ้ ป็นแกนกลาง
ของพาน เมื่อวางริ้วท้งั ๔ ริ้วเสร็จแลว้ ใหร้ วบปลายสุดของริ้วท้งั ๔ เขา้ หากนั โดยมีกรวยท่ีทาเป็น
แกนกลางอยดู่ า้ นใน แลว้ นาใบตองมว้ นเป็นกรวยขนาดใหญอ่ ีกกรวย มาครอบทบั ยอดท้งั ๔ ของริ้วไว้
ซ่ึงจะทาใหพ้ านบายศรีท่ีได้ มียอดแหลมท่ีสวยงามและมน่ั คง จากน้นั จึงนาใบไม้ (ส่วนใหญ่จะนา
ใบไมท้ ่ีมีชื่อเป็นมงคล เช่น ใบเงิน ใบทอง ) มาวางรองบนพาน เพ่ือปกปิ ดไมใ่ หม้ องเห็นโฟมที่รองพ้นื
พาน และนาดอกไมส้ ีสด เช่น ดอกบานไม่รู้โรย หรือดอกดาวเรือง มาประดบั บนพานเพ่ิมความสวยงาม
หรือทามาลยั สวมบนยอด หรือทาเป็นอบุ ะร้อยรอบพานแต่ละช้นั ก็จะเพิ่มสีสนั และความสวยงาม
ใหแ้ ก่พานบายศรีมากข้นึ
ข้นั ตอนและวิธีทาบายศรี ก็มีอยเู่ พยี งเท่าน้ี หมนั่ ศึกษาจากซีดีประกอบการสอนน้ี และฝึกฝน
บ่อยๆ ก็จะสามารถทาบายศรีไดด้ ว้ ยตนเอง และมีฝีมือสามารถทาบายศรีใชใ้ นงานพิธีต่างๆ และทาเป็น
อาชีพ นารายไดใ้ หแ้ ก่ตนเองและครอบครัว
๒๖
กรวยใบตอง
วสั ดุ อปุ กรณ์
๑. ใบตอง
๒. ไมเ้ ขม็ กลดั
วธิ ีทา
การทากรวยช้นั นอก
๑. ใชใ้ บตองความกวา้ ง ๘ นิ้ว ยาว ๑๒ นิ้ว จานวน ๒ ชิ้น วางสลบั หวั ทา้ ยโดยหนั ดา้ นนวลเขา้ หากนั
๒. มว้ นใบตองจากริมดา้ นขวาเขา้ มา
๓. มว้ นเขา้ มาจนสุดริมใบตองจะไดร้ ิมใบตองท่ีต้งั ฉาก
๔. มว้ นจนสุดใบตองใหแ้ น่น
๕. ใหป้ ลายไมก้ ลดั ขนานกบั ดา้ นยาวของกรวย
๖. ตดั แต่งใบตองใหป้ ากกรวยเสมอกนั
๗. กรวยช้นั นอกที่สาเร็จความยาว ประมาณ ๙ นิ้วปากกรวยกวา้ ง ประมาณ ๒.๕ นิ้ว
การทากลีบบน
๑. ฉีกใบตองขนาด ๑ - ๒ นิ้ว
๒. หนั ใบตองดา้ นนวลเขา้ หาตวั แลว้ มว้ นจากปลายดา้ นขวามือมายงั ดา้ นซา้ ยมือ ใหถ้ ึงบริเวณก่ึงกลาง
๓. มว้ นดา้ นซา้ ยมาทางขวาใหช้ นกบั ดา้ นแรกท่ีทาไว้
๔. พบั ดา้ นล่างข้ึนดา้ นบนประมาณ ๑ นิ้ว และนาปลายที่เหลือพบั กลบั เขา้ หาตวั เพื่อจะไดเ้ ร่ิมพบั กลีบ
ต่อไปจานวน ๓ คร้ัง จึงจะพอดีกบั ฐานท่ีทาไว้
๕. พบั แบบเดิมอีก ๔ ชิ้น แลว้ นามาประกบกบั กรวยนอกจากน้นั นากรวยในที่ทาไวม้ า สวมทบั ลงไป
และตกแต่งดว้ ย ดอกไมธ้ ูปเทียนใหส้ วยงาม
๒๗
การทากรวยช้นั ใน
๑. ใชใ้ บตองความกวา้ ง ๘ นิ้ว ยาว ๑๒ นิ้วจานวน ๒ ชิ้น วางสลบั หวั ทา้ ยมว้ นทากรวยเหมือน กรวย
ช้นั นอก
๒. ตดั ปลายกรวยออกประมาณ ๓ - ๔ นิ้ว
๒๘
ของเล่นจำกต้นกล้วย
ม้ำก้ำนกล้วย
วสั ดุอปุ กรณ์
- กา้ นกลว้ ย , มีด , ไมก้ ลดั , เชือก หรือเชือกฟางก็ไดแ้ ลว้ แตเ่ ราสะดวกในการเล่น
วธิ ีทา
๑. ตวั มา้ ตดั กา้ นกลว้ ยขนาดใหญม่ าหน่ึงกา้ น ใหม้ ีความยาวประมาณ1 เมตรข้ึนไป ใชม้ ีดคมเลาะใบ
กลว้ ยถึงปลาย เอาส่วนกลางกา้ นกลว้ ยมาทาเป็นลาตวั
๒. หางมา้ ปลายกา้ นกลว้ ยใหเ้ หลือส่วนที่เป็นใบตองไวเ้ ลก็ นอ้ ย เพอื่ สมุมติใหเ้ ป็นหางมา้
๓. หวั มา้ กา้ นกลว้ ยตรงโคนที่มีขนาดใหญ่ ใหใ้ ชม้ ีดปาดท้งั สองดา้ น ความยาวประมาณ ๑๐ ซ.
๔. คอมา้ หกั คอใหเ้ ป็นคอมา้ มีหูสองขา้ งต้งั ชนั แลว้ ใชไ้ มก้ ลดั แทงตรงกา้ นหวั ใหแ้ น่นเพอื่ เป็นหวั มา้
๕.บงั เหียนตดั เชือก ใหม้ ีความยาวพอประมาณ ผกู ตรงหวั และตรงทา้ ยสาหรับสะพายหรือไวค้ ลอ้ งไหล่
ผเู้ ล่น
วิธีการเล่น
ใหน้ ากา้ นกลว้ ยที่เปล่ียนสภาพมาเป็นกา้ นกลว้ ยโดยสมบรู ณ์แลว้ ข้ึนขีบ่ นกา้ นกลว้ ยแลว้
ออกวิง่ จากน้นั ส่งเสียงร้อง ฮ้ีฮ้ี แตถ่ า้ มีผเู้ ลน่ ๒ คนข้นึ ไป ก็สามารถจดั เป็นการแขง่ ขนั ข้ึนได้ โดยฝ่าย
ไหนวง่ิ เร็วที่สุดก็จะเป็นผชู้ นะ
๒๙
ปื นก้ำนกล้วย
วสั ดุอปุ กรณ์
๑. ใบกลว้ ยท้งั ใบ
วิธีทา
๑. นาใบกลว้ ยท้งั ใบมาริดเอาใบตองออกใหห้ มด
๒. ตดั กา้ นกลว้ ยขนาดยาวพอเหมาะประมาณ ๗๕ ซม.
๓. ใชม้ ีดเฉือนบริเวณสนั ของกา้ นกลว้ ยใหเ้ ป็นลิ้นแลว้ ยกข้นึ ห่างกนั ประมาณ ๑๐ ซม. จะไดเ้ หลือโคน
ไวเ้ ป็นดา้ มจบั
วิธีเล่น
๑. ดึงลิ้นที่เฉือนไวใ้ หต้ ้งั ข้ึนทกุ ๆ อนั
๒. มือหน่ึงจบั ดา้ ม ใชส้ นั มืออีกมือหน่ึงสับลงไปยงั ลิน้ ที่งา้ งไวข้ นานไปกบั กา้ นกลว้ ย จะเกิดเสียงดงั
ตอ่ ๆ กนั คลา้ ยเสียงปื น
๓๐
นำฬิกำและแหวนใบตอง
วสั ดุอปุ กรณ์
๑. ใบตอง
๒. กรรไกร
วธิ ีทา
มี ๔ แบบ ไดแ้ ก่ นาฬิกาเหลี่ยม หวั เพชร หัวแหลม หวั โบว์
๑.ตดั สองใบตอง ใบนึงยาวประมาณ ๒ นิ้ว อีกใบนึงยาวตามขนาดใบจริง ตดั ใหม้ ีความกวา้ งเท่ากนั
๒.นาใบส้นั มาวางขวางไวด้ า้ นลา่ งใหใ้ บบนทบั ไวเ้ ป็นตวั T วางใบส้นั ห่างจากริมใบยาวประมาณ
เกือบ ๒ ซม
๓.พบั ริมใบส้นั ท้งั สองขา้ งเขา้ หาใบยาว แลว้ พบั ริมใบยาวลงมา ถือเป็นส่วนตวั เรือนนาฬิกา
๔.คว่าส่วนตวั เรือนนาฬิกา แลว้ หยบิ ปลายใบยาวสอดเขา้ ช่องดา้ นลา่ งใหท้ ะลุแลว้ ดึงปลายใบยาวจน
สุดแลว้ รีดส่วนท่ีเหลือใหม้ ีขนาดกวา้ งเทา่ ส่วนตวั เรือน
๕.จากน้นั พลิกดา้ นที่นูนข้ึนแลว้ เอาปลายใบยาวสอดเขา้ ช่อง จากน้นั ใหข้ ยบั สายให้มีขนาดพอดีกบั
ขอ้ มือ แลว้ ตดั ส่วนท่ีเหลือ
๖.ตดั ขอบบริเวณใกลต้ วั เรือนเพ่ือสร้างมิติ ตกแตง่ ตามชอบ
นาฬิกาหวั แหวน แบบสามเหล่ียมทรงตดู แหลม
เตรียม ๒ ใบ ใบนึงส้นั ใบนึงยาว นาใบมาวางแบบกากบาทเอาเสน้ ที่อยดู่ า้ นล่าง พบั ข้ึนมา ๔ คร้ัง ฝั่ง
ที่ไม่ไดพ้ บั ใหต้ ดั ปลายออกใหข้ นาดพอกบั หน่ึงพบั พลิกกลบั ดา้ นบนดา้ นล่างแลว้ พบั ปลายส่วนที่เพ่งิ
ตดั เขา้ มาหลงั จากน้นั พบั ใบที่ยงั ไม่เคยพบั พบั เขา้ มา พลิกแลว้ เอาปลายเส้นที่เพงิ่ สอดเมื่อสกั ครู่ สอดเขา้
ไป ดึงใหแ้ น่น ต่อไปคือข้นั ตอนการทาหวั แหวน โคง้ ปลายสอดเขา้ ฝ่ังท่ีใกลก้ บั ใบน้นั หลวมๆ ไมแ่ น่
เสร็จแลว้ ใหม้ ว้ นอีกปลายอีกฝ่ังหน่ึงแลว้ สอดเขา้ ไปในช่องหวั แหวนเมื่อสกั ครู่ แลว้ ดึงจดั ทรงใหส้ วย
นาปลายมาสอดเขา้ ดา้ นล่างเป็นการเกบ็ ปลายใหเ้ รียบร้อย ตดั ใบส่วนท่ีเกินออก และนาปลายที่เหลือ
สอดดา้ นล่างของแหวน กาหนดขนาดใหพ้ อดีกบั ขอ้ มือหรือนิ้วมือ
๓๑
นาฬิกาเรือนเพชร
ทาตวั เรือนตามข้นั ตอนของนาฬิกาเรือนเหลี่ยมต้งั แต่ข้นั ตอนท่ี ๑-๔ นาปลายดา้ นยาวสอดเขา้ ใตต้ วั
เรือน แต่พลิกใบยาวลกั ษณะโคง้ แลว้ ดึงให้ตึงอยา่ งเบามือจะไดห้ วั แหวนเพชรหน่ึงฟาก หลงั จากน้นั ทา
อีกฟากโดยวธิ ีเดียวกนั จากน้นั จบั กลบั ขา้ งแลว้ สอดปลายเขา้ ใตต้ วั เรือน
นาฬิกาหวั โบว์
ทาตวั เรือนตามข้นั ตอนของนาฬิกาเรือนเหลี่ยมต้งั แต่ข้นั ตอนท่ี ๑-๔ จากน้นั โคง้ ปลายสอดขา้ มอีก
ฝ่ังจะไดว้ งกลมเลก็ จากน้นั สอดปลายแบบมว้ นเขา้ ใตว้ งกลม ดึงไม่ตอ้ งสุดพอให้เป็นวงเลก็ ทาอีกฝ่ัง
เหมือนกนั เวลาดึงใหป้ ระครองใบเพอื่ อีกฝั่งจะไดไ้ มข่ ยบั จากน้นั มว้ นและสอดปลายเขา้ ดา้ นล่าง ดึงให้
วงกลมยาวกวา่ ดา้ นบน ทาซ้าอีกฝ่ัง จะไดล้ กั ษณะคลา้ ยโบวส์ องช้นั และสอดปลายเขา้ ดา้ นลา่ งทาขนาด
ใหพ้ อดีกบั ขอ้ มือ
บรรณานุกรม
หมายจิต จิตรธี รรม. สารพนั กลว้ ย. กรุงเทพฯ : สานกั พิมพแ์ ม๊ค จากดั
สวุ มั ฒน์ อศั วไชยชาญ และชนนั สิริ มากสมั พนั ธ.์ กลว้ ยไทย. : สานกั พมิ พป์ ลาตะเพยี น พ.ศ. ๒๕๕๐
สมศกั ดิ์ วรรณศริ .ิ สวนกลว้ ย กรุงเทพฯ : สานกั พมิ พฐ์ านเกษตรกรรม
เกษตร สนุ ทรเสรี. กลว้ ยพชื สารพนั ประโยชน์ : สานกั พมิ พไ์ ทยวฒั นพานิช จากดั
https://cooking.kapook.com/view82396.html
https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=38&chap=2&page=t38-2-infodetail07.html
https://www.sac.or.th/databases/folktoys/item.php?id=137