พระไตรปฎก
ฉบับ สงั เขปวัณณนา
พระไตรปฎก เลม ที่ ๓๕
สถาบนั พระไตรปฎ กศกึ ษา
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
พระไตรปฎ ก
ฉบบั สังเขปวัณณนา
พระอภิธรรวมิภปังคฎ ก เลม ท่ี ๒
สถาบนั พระไตรปฎกศึกษา
มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
พระไตรปฎ ก
ฉบับ สังเขปวณั ณนา
จัดทําโดย : ทมี สารสนเทศ สถาบันพระไตรปฎกศกึ ษา
เผยแพร : เมษายน ๒๕๖๕
ลิขสิทธ์ิ : สถาบันพระไตรปฎ กศึกษา
พระไตรปฎกภาษาไทย
ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
ISPN : 974-575-369-6
ขอมลู เฉพาะ
พระอภธิ รรมปฎ ก เลม ๒ : วภิ งั ค
จาํ นวนหนา : ๖๙๐ หนา
ปท พ่ี ิมพ : พ.ศ. ๒๕๓๙
พิมพท ่ี : โรงพิมพมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั
วิภงั ค
คมั ภรี ก ระจายปรมัตถธรรม
ยกหลกั ธรรมข้ึนมาแจกแจงแยกแยะอธิบาย
เร่อื งท่ยี กมาอธบิ ายมี ๑๘ เรอ่ื ง คือ
ขันธ อายตนะ ธาตุ สจั จะ อนิ ทรยี
ปฏิจจสมปุ บาท สตปิ ฏฐาน สัมมปั ปธาน อทิ ธบิ าท
โพชฌงค มรรค ฌาน อปั ปมญั ญา ศลี ปฏสิ มั ภทิ า
ญาณ ขทุ ทกวัตถุ และธัมมหทยวภิ งั ค
อรรถกถา
สมั โมหวโิ นทนี
ฎกี า
วิภงั คม ลู ฎีกา, วิภังคอนุฎีกา
1
พระอภิธรรวมภิ ปงั คฎ ก เลมท่ี ๒
วภิ งั ค แปลวา อธบิ ายขยายความหรอื จาํ แนกหวั ขอ ธรรม
ความหมายของคําวา “วภิ ังค” หมายถึง คัมภีรจําแนกสภาว
ธรรมใหกวางขวางพิสดารยิ่งขึ้น แมคัมภีรอภิธรรมอื่นๆ ก็
จาํ แนกสภาวธรรมเหมอื นกัน แตพระธรรมสังคาหกาจารยไ ม
เรียกคัมภีรเหลาน้ันวา “วิภังค” เพราะวาคัมภีรเหลาน้ันได
จําแนกเฉพาะนัยเทานั้น สวนคัมภีรวิภังคแหงอภิธรรมนี้
จาํ แนกทั้งนัยแหง พระสตู ร พระอภิธรรม และนัยแหง การถาม
ปญ หาท่เี รยี กวา สุตตันตภาชนีย อภิธรรมภาชนีย และปญ หา
ปจุ ฉกะ
คมั ภรี ว ภิ งั คน ที้ าํ หนา ทจ่ี าํ แนกอธบิ ายขยายความปรมตั ถ
ธรรมท่ีไดแสดงมาแลวในคัมภีรธัมมสังคณี โดยไดนําเอาติก
มาตกิ า ๒๒ หวั ขอ และทุกมาติกา ๑๐๐ หวั ขอ
จากคมั ภรี ธ มั มสงั คณีแยกประเภทเปน ขนั ธธาตุอายตนะ
และสัจจะเปนตน จดั ลําดับการอธิบายความ ดังนี้
๑. สตุ ตนั ตภาชนยี หมายถงึ นยั ทจ่ี าํ แนกธรรมตามทที่ รง
2
แสดงไวแ ลว ในพระสุตตันตปฎ ก โดยอนุโลมตามอธั ยาศยั หรอื
จรติ ของเวไนยสตั วแ ตล ะบคุ คล เปน การแสดงตามสถานการณ
ท่ีกําลังเปนไปอยู ณ สถานท่ีหรือเวลาน้ันๆ โดยเลือกเฟน
เฉพาะประเด็นทจ่ี ะทาํ ใหผ ฟู งบรรลผุ ลในขณะนั้นๆ ดวยเหตุนี้
พระสูตรจึงเปน เทศนาท่มี ีเนื้อความชดั เจน เขาใจงา ย แตยงั ไม
สมบรู ณ เพราะองคธรรมยังไมสมบรู ณ และนัยตางๆ กย็ ังไม
สมบรู ณ
๒. อภธิ รรมภาชนยี หมายถงึ นยั ทท่ี รงจาํ แนกธรรมตาม
กระบวนการแหง พระอภธิ รรมปฎ ก ซง่ึ ไมไ ดค าํ นงึ ถงึ เวลา สถาน
ท่ี หรอื บคุ คล แตเ ปน การมงุ แสดงองคธ รรมใหส มบรู ณด วยนยั
ตางๆ อยางเดียว เปนนัยที่ทรงแสดงโดยการประมวลสภาว
ธรรมที่มอี ยทู ัว่ ทั้งอนนั ตจักรวาลมารวมไว เปนการแสดงตาม
อํานาจของพระสัพพญั ตุ ญาณ
๓. ปญหาปุจฉกะ หมายถึง นัยท่ีแสดงโดยการนําติก
มาตกิ า ทงั้ ๖๖ บท และทุกมาตกิ า ๒๐๐ บท จากคมั ภีรธ มั ม
สังคณีมาตงั้ เปน คาํ ถามคําตอบ จําแนกโดยขนั ธ อายตนะ และ
ธาตุ เปน ตน
3
คัมภีรว ิภงั คแบง เนือ้ หาเปน ๑๘ วิภงั ค ดังน้ี
๑. ขนั ธวิภงั ค การจําแนกขนั ธ
๒. อายตนวภิ งั ค การจาํ แนกอายตนะ
๓. ธาตวุ ภิ ังค การจําแนกธาตุ
๔. สจั จวภิ งั ค การจาํ แนกสัจจะ
๕. อินทริยวภิ งั ค การจําแนกอนิ ทรีย
๖. ปฏิจจสมปุ ปาทวภิ งั ค การจาํ แนกปฏจิ จสมปุ บาท
๗. สติปฏฐานวภิ งั ค การจาํ แนกสติปฏ ฐาน
๘. สัมมปั ปธานวภิ งั ค การจําแนกสัมมปั ปธาน
๙. อทิ ธปิ าทวภิ ังค การจาํ แนกอทิ ธบิ าท
๑๐. โพชฌังควิภังค การจําแนกโพชฌงค
๑๑. มัคคังควิภังค การจาํ แนกองคม รรค
๑๒. ฌานวิภงั ค การจาํ แนกฌาน
๑๓. อปั ปมัญญาวภิ งั ค การจาํ แนกอัปปมัญญา
๑๔. สิกขาปทวิภังค การจาํ แนกสกิ ขาบท
๑๕. ปฏสิ มั ภทิ าวิภังค การจาํ แนกปฏสิ มั ภทิ า
4
๑๖. ญาณวภิ งั ค การจําแนกญาณ
๑๗. ขุททกวิภงั ค การจําแนกอกุศลธรรมตางๆ
๑๘. ธัมมหทยวิภังค การจําแนกธรรมอันเปรียบ
เสมอื นดวงใจ
การจาํ แนกวภิ งั คทง้ั ๑๘ นี้ วภิ งั คท ่ี ๑ ถึง ๔, ๖ ถงึ ๑๓ และ
๑๕ จําแนกโดยนัยครบทง้ั ๓ คือ สุตตันตภาชนีย อภธิ รรมภา
ชนยี และปญหาปุจฉกะ
วิภงั คที่ ๕ และที่ ๑๔ ไมไดจําแนกโดยอภิธรรมภาชนีย
และปญ หาปุจฉกะ
สวนวภิ งั คท่ี ๑๖ และ ๑๗ จําแนกตามแนวพระสูตร เอกก
นบิ าต องั คุตตรนกิ าย เปน การจาํ แนกจากนอยไปหามาก
วิภงั คท ่ี ๑๘ เปน การจําแนกจากนอยไปหามาก จากงา ย
ไปหายาก จากโลกยิ ะ ไปสโู ลกตุ ตระ โดยการนาํ เอานยั ทง้ั ๓ มา
ผสมผสานกนั และจบลงดว ยการจัดตามหวั ขอธรรมซึ่งเปน มา
ติกาในธัมมสังคณี
5
พระอภธิ รรมปฎ ก เลม ที่ ๒
วภิ ังค
จบ