The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by smilep2538, 2021-05-13 23:00:30

โปรแกรม Photoshop 2204-2105

โปรแกรม Photoshop

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ หน่วยท่ี 1
รหัสวิชา 2204-2105 ความร้เู บื้องตน้ เก่ยี วกับคอมพวิ เตอรก์ ราฟกิ

T. WANPEN JINDARAT หนว่ ยที่ 2
อาจารยผ์ ู้สอนประจารายวชิ า ทฤษฏีสี และการใชแ้ สงในคอมพวิ เตอร์

หนว่ ยที่ 3
การใช้โปรแกรม Photoshop

หน่วยที่ 4
การปรบั แต่งรูปทรง และขนาดภาพ

หน่วยที่ 5
การเลอื กพ้นื ทภ่ี าพ และการตดั ต่อภาพ

หนว่ ยท่ี 6
การตกแตง่ ภาพ

หนว่ ยท่ี 7
การออกแบบข้อความกราฟกิ

หนว่ ยท่ี 8
การทางานกับเลเยอร์

หน่วยท่ี 1

1. บอกความหมายของคอมพิวเตอร์กราฟกิ ได้
2. อธบิ ายการเกิดภาพในคอมพิวเตอรก์ ราฟกิ ได้
3. อธิบายการประมวลผลภาพในคอมพวิ เตอร์กราฟกิ ได้
4. อธิบายหลักการใช้สีในคอมพิวเตอรไ์ ด้

หน่วยท่ี 1

ความหมายของคอมพิวเตอร์กราฟกิ

กราฟกิ มาจากภาษากรกี ซึ่งหมายถึง การวาดเขียน (Graphikos) และการเขียน (Graphein) ความหมายของคาว่า
กราฟกิ หมายถึง ศิลปะแขนงหนง่ึ ซึ่งใช้สอ่ื ความหมายดว้ ยเสน้ สัญลกั ษณ์ รูปวาด ภาพถ่าย กราฟ แผนภมู ิ การต์ นู
เพอ่ื ให้สามารถส่ือความหมายข้อมูลตามท่ีผสู้ อื่ สารต้องการคอมพิวเตอรก์ ราฟิก หมายถงึ การสรา้ ง การตกแตง่ แกไ้ ข
โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอรใ์ นการจัดการ เช่น การทา Image Retouching ภาพคนแก่ใหม้ วี ัยทเ่ี ดก็ ขึ้น การสร้างภาพ
ตามจินตนาการ และการใช้ภาพกราฟกิ ในการนาเสนอขอ้ มูลตา่ ง ๆ เพอ่ื ใหส้ ามารถส่อื ความหมายได้ตรงตามที่ผ้สู ือ่ สาร
ตอ้ งการ

หนว่ ยท่ี 1

ประเภทของภาพกราฟิก

ภาพกราฟกิ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ ภาพกราฟิกแบบ 2 มติ ิ และ กราฟิกแบบ 3 มิติ
กราฟกิ แบบ 2 มิติ เปน็ ภาพที่พบเหน็ โดยทวั่ ไป เช่น ภาพถา่ ย รูปวาด ภาพลายเส้น สญั ลกั ษณ์ กราฟ
รวมถงึ การ์ตูนต่าง ๆ ในโทรทศั น์ ส่วนกราฟิกแบบ 3 มติ ิ เปน็ ภาพกราฟกิ ที่ใช้โปรแกรมสร้างภาพ
3 มิติโดยเฉพาะ เช่น โปรแกรม 3Ds Max โปรแกรม Maya เป็นต้น

หน่วยท่ี 1

หลักการใชส้ ขี องคอมพิวเตอร์

การใช้สีและแสงในคอมพวิ เตอร์เกิดจากการทางานของโหมดสี RGB ซ่ึงประกอบด้วย สีแดง (Red)
สีเขยี ว (Green) และสนี า้ เงนิ (Blue) โดยใช้หลักยงิ ประจไุ ฟฟ้าให้เกิดการเปล่งแสงของสที ัง้ 3 สมี าผสมกนั

ทาใหเ้ กดิ เป็นจุดสสี ี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่เรยี กวา่ พิกเซล(Pixel) ซึง่ มาจากค าวา่ Picture กบั Element
โดยพิกเซลจะมีหลากหลายสี เม่อื น ามาวางตอ่ กันจะเกิดเป็นรูปภาพซึง่ ภาพที่ใช้กบั เคร่อื งคอมพิวเตอร์มี
2 ประเภทคือ แบบ Raster กบั Vector

หน่วยท่ี 1

Raster กับ Vector คืออะไร?

1. ภาพกราฟิกแบบราสเตอร์ (Raster) ภาพกราฟกิ แบบราสเตอร์ หรือเรยี กอีกอยา่ งหนงึ่ วา่
บติ แมพ (Bitmap) เปน็ ภาพ กราฟกิ ทีเ่ กิดจากการเรียงตัวของจดุ สีเ่ หลยี่ มเล็ก ๆ ท่ีเรียกวา่ พกิ เซล
(Pixel) มีการเก็บคา่ สีท่ีเจาะจงในแต่ละตาแหนง่ จนเกดิ เป็นภาพในลกั ษณะต่าง ๆ เชน่ ภาพถ่าย

ข้อดี ของภาพแบบราสเตอร์ คือ เหมาะสาหรบั ภาพทต่ี อ้ งการสรา้ งสหี รือกาหนดสี
ท่ตี ้องการความละเอยี ดและสวยงาม

ขอ้ เสีย ของภาพแบบราสเตอร์ คือ หากมีการขยายขนาดภาพซงึ่ จะเป็นการเพิ่ม
จานวนจดุ สีใหก้ ับภาพ สง่ ผลให้ คณุ ภาพของภาพน้ันสูญเสียไปความละเอียดของภาพจะลดลงมอง
เห็นภาพเป็นแบบ จุดสีชดั เจนข้ึนไฟลภ์ าพจะมีขนาดใหญ่และใชเ้ นื้อท่ใี นการจดั เกบ็ มาก

หนว่ ยที่ 1

Raster กับ Vector คอื อะไร?

ภาพกราฟิกแบบเวคเตอร์ (Vector) ภาพกราฟกิ แบบเวคเตอร์ เป็นภาพกราฟิกทเ่ี กดิ จาก
การประมวลผลโดยอาศยั หลักการ คานวณทางคณิตศาสตร์ มสี ีและตาแหน่งทแี่ นน่ อน ภาพจะมคี วามเปน็ อสิ ระต่อกัน
โดยแยกช้นิ ส่วนของภาพท้ังหมดออกเป็นเส้นตรง เสน้ โคง้ หรอื รปู ทรง เมื่อมีการขยายภาพความละเอียดของภาพ
จะไม่ลดลง เช่น ภาพการ์ตนู เมือ่ ถูกขยายภาพออกมา ภาพท่ีได้กจ็ ะยงั คงรายละเอยี ดและความชัดเจนไวเ้ หมอื นเดมิ
และขนาดของไฟลภ์ าพจะมีขนาดเล็กกวา่ ภาพแบบราสเตอร์

หนว่ ยที่ 2

1. บอกความหมายของสีในคอมพิวเตอร์กราฟิกได้
2. อธบิ ายประเภทของสีในคอมพิวเตอร์กราฟกิ ได้
3. อธบิ ายหลกั การใช้สีนคอมพิวเตอรก์ ราฟิกได้
4. อธิบายหลกั การใช้สบี นคอมพวิ เตอรไ์ ด้

หน่วยที่ 2

หลักการใช้สแี ละแสงสีในคอมพวิ เตอร์

สที ี่ใช้งานด้านกราฟกิ ทว่ั ไปมี 4 ระบบ คือ
1. RGB
2. CMYK
3. HSB
4. LAB

1. RGB เปน็ ระบบสีที่ประกอบด้วยแม่สี 3 สคี ือ แดง (Red), เขียว (Green) และสนี า้ เงิน (Blue)
เมื่อนามาผสมกันทาให้เกดิ สีตา่ ง ๆ บนจอคอมพิวเตอร์มากถงึ 16.7 ลา้ นสี ซึง่ ใกล้เคยี งกบั สที ่ีตาเรา
มองเห็นปกติ สีทไี่ ดจ้ ากการผสมสีข้ึนอยู่กบั ความเข้มของสี โดยถา้ สมี ีความเขม้ มาก
เมือ่ นามาผสมกันจะทาใหเ้ กิดเป็นสขี าว จึงเรยี กระบบสนี ้วี ่าแบบ Additive หรือการผสมสแี บบบวก

หน่วยท่ี 2

2. CMYK เป็นระบบสที ใี่ ช้กับเครื่องพิมพ์ท่ีพิมพ์ออกทางกระดาษหรือวัสดุผวิ เรยี บอนื่ ๆ ซง่ึ
ประกอบด้วยสีหลกั 4 สคี ือ สฟี า้ (Cyan), สีม่วงแดง (Magenta), สีเหลือง (Yellow) และสีดา (Black)
เมื่อนามาผสมกันเกดิ สเี ป็นสดี าแตจ่ ะไมด่ าสนิทเน่ืองจากหมึกพิมพ์มีความไมบ่ ริสุทธจ์ิ ึงเป็นการผสมสี
แบบลบ (Subtractive) หลักการเกดิ สขี องระบบน้ีคอื หมึกสหี นง่ึ จะดูดกลืนแสงจากสีหน่ึงแลว้ สะทอ้ น
กลับออกมาเป็นสตี ่าง ๆ เชน่ สีฟ้าดูดกลนื แสงของสีม่วงแล้วสะทอ้ นออกมาเป็นสีนา้ เงนิ ซึ่งจะสังเกต
ได้วา่ สีท่ีสะท้อนออกมาจะเป็นสีหลักของระบบ RGB การเกดิ สใี นระบบนี้จึงตรงขา้ มกับการเกดิ สใี น
ระบบ RGB ดังภาพ

หนว่ ยที่ 2

3. ระบบสี Grayscale
ระบบสแี บบ Grayscale จะจัดการแตล่ ะพิเซลในแบบ 8 บติ เหมอื นเปน็ สวทิ ท์ เปิด - ปดิ แสง
8 อนั เพ่อื สรา้ งเป็น 1 สดี า, 1 สขี าว, และ 254 ระดับสีเทา มักใชก้ ับภาพขาว - ดา หรือแปลงภาพสี
เพ่อื ไปใช้ในงานพมิ พ์แบบขาว - ดา ซึง่ ทาให้ขนาดของไฟล์ลดลง 2 ใน 3 ของ RGB
ระบบสี Bitmap
ระบบสแี บบ Bitmap จะประกอบดว้ ยสี 2 สี คือ ขาวและดา บางครง้ั เรียกว่า ภาพแบบ 1 บติ
ซง่ึ แต่ละพิกเซลในภาพจะเป็นไดเ้ พียงขาว หรือ ดา เท่านนั้ มักใช้กบั ภาพท่ีวาดหมกึ ดา, ภาพลายเสน้ ,
ภาพสเกตซ์ เปน็ ตน้

หนว่ ยท่ี 2

4. HSB เปน็ ระบบสแี บบการมองเห็นของสายตามมนษุ ย์ ซึ่งแบ่งออกเปน็ 3 ส่วน คือ
1) Hue คอื สตี า่ ง ๆ ท่ีสะท้อนออกมาจากวัตถุแล้วเขา้ สู่สายตาของเรา ซง่ึ มกั เรยี กสีตาม
ชือ่ สี เชน่ สเี ขยี ว สีเหลือง สีแดง เปน็ ต้น
2) Saturation คอื ความสดของสี โดยค่าความสดของสจี ะเริ่มที่ 0 ถึง 100 ถ้ากาหนด
Saturation ที่ 0 สีจะมีความสดน้อย แตถ่ า้ กาหนดที่ 100 สีจะมคี วามสดมาก
3) Brightness/lightness คอื ระดับความสวา่ งของสี โดยค่าความสว่างของสีจะเรม่ิ ท่ี
0 ถึง 100 ถา้ กาหนดท่ี 0 ความสวา่ งจะนอ้ ยซึง่ จะเป็นสดี า แต่ถา้ กาหนดท่ี 100 สีจะมคี วามสว่างมากที่สดุ

หนว่ ยที่ 2

5. LAB เป็นระบบสีทไ่ี ม่ขึ้นกับอปุ กรณ์ใด ๆ (Device Independent) โดยแบง่ ออกเปน็ 3 ส่วน คือ
“L” หรอื Luminance เป็นการกาหนดความสวา่ งซึง่ มีค่าตั้งแต่ 0 ถงึ 100
ถ้ากาหนดท่ี 0 จะกลายเป็นสดี า แต่ถา้ กาหนดที่ 100 จะเป็นสีขาว
“A” เป็นคา่ ของสีทีไ่ ล่จากสเี ขยี วไปสแี ดง
“B” เป็นค่าของสที ไ่ี ล่จากสีนา้ เงินไปเหลอื ง

หนว่ ยที่ 3

1. อธิบายความสามารถโดยรวมของโปรแกรม Photoshop ได้
2. อธบิ ายสว่ นตา่ งๆ บนหน้าจอโปรแกรม Photoshop ได้
3. อธบิ ายชุดเครือ่ งมือของโปรแกรม Photoshop ได้

หน่วยที่ 3

โปรแกรม Photoshop เป็นโปรแกรมในตระกูล Adobe ทีใ่ ชส้ าหรบั ตกแต่งภาพถ่ายและภาพกราฟกิ
ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ เชน่ งานดา้ นส่ิงพมิ พ์ นติ ยสาร
และงานด้านมลั ติมีเดีย สามารถตกแตง่ ภาพและการสร้างภาพ การใส่ Effect ต่าง ๆ ให้กับภาพ
และตวั หนงั สอื การเรยี นรวู้ ธิ กี ารใชโ้ ปรแกรม Adobe Photoshop
น้สี ิ่งท่ขี าดไมไ่ ด้ก็คือ การใส่ข้อความประกอบลงในภาพด้วย และโปรแกรม Adobe Photoshop
มีการพฒั นาโปรแกรมมาอยา่ งตอ่ เนื่องทาใหผ้ ู้ใช้งานจาเป็นตอ้ งศึกษาคาส่ังต่าง ๆ ให้เข้าใจ
และเม่อื ไดเ้ รยี นรู้การใช้คาสั่งในเวอร์ช่ันเก่า ก็ยงั สามารถนาไปประยกุ ต์ใชก้ ับเวอร์ชั่นใหม่ ๆ ได้

หน่วยท่ี 3

ความสามารถพืน้ ฐานของ Adobe Photoshop ที่ควรทราบ
▪ ตกแต่งหรือแก้ไขรูปภาพ
▪ ตัดตอ่ ภาพบางสว่ น หรอื ทเี่ รียกวา่ crop ภาพ
▪ เปลี่ยนแปลงสขี องภาพ จากสหี นึง่ เปน็ อีกสีหนึ่งได้
▪ สามารถลากเสน้ แบบฟรสี ไตล์ หรอื ใส่รปู ภาพ ส่ีเหลี่ยม วงกลม หรอื สร้างภาพได้อยา่ งอสิ ระ
▪ มกี ารแบ่งชน้ั ของภาพเป็น Layer สามารถเคล่ือนย้ายภาพไดเ้ ป็นอิสระตอ่ กัน
▪ การทา cloning ภาพ หรอื การทาภาพซา้ ในรูปภาพเดียวกนั
▪ เพิม่ เติมข้อความ ใส่ effect ของข้อความได้
▪ Brush หรือแปรงทาสี ทีส่ ามารถเลือกรูปแบบสาเร็จรูปในการสรา้ งภาพได้และอน่ื ๆ

หนว่ ยที่ 3

1. เมนูของโปรแกรม Application menu หรอื Menu bar ประกอบดว้ ย
- File หมายถึง รวมคาสงั่ ทีใ่ ช้จัดการกบั ไฟลร์ ูปภาพ เชน่ สรา้ งไฟล์ใหม่, เปิด, ปดิ , บันทกึ
ไฟล,์ นาเขา้ ไฟล,์ ส่งออกไฟล์ และอ่นื ๆ ท่ีเกยี่ วกับไฟล์
- Edit หมายถงึ รวมคาสัง่ ทใ่ี ชส้ าหรับแก้ไขภาพ และปรบั แต่งการทางานของโปรแกรม
เบ้อื งตน้ เชน่ ก๊อปปี้, วาง, ยกเลิกคาส่งั , แก้ไขเคร่ืองมือ และอน่ื ๆ
- Image หมายถึง รวมคาสัง่ ทีใ่ ชป้ รับแตง่ ภาพ เชน่ สี, แสง, ขนาดของภาพ (image size),
ขนาดของ เอกสาร (Canvas), โหมดสขี องภาพ, หมุนภาพ และอื่น ๆ
-Layer หมายถึง รวมคาสั่งท่ีใช้จดั การกบั เลเยอร์ ทัง้ การสร้างเลเยอร์, แปลงเลเยอร์ และการ
จดั การ กับเลเยอรใ์ นดา้ นต่าง ๆ
- select รวม คาสัง่ เก่ียวกบั การเลอื กวัตถหุ รอื พ้ืนท่ีบนรปู ภาพ (Selection) เพือ่ นาไปใช้งาน
ร่วมกบั คาส่ังอ่นื ๆ เช่น เลือกเพ่อื เปลยี่ นสี, ลบ หรอื ใช้เอฟเฟก็ ตต์ ่าง ๆ กับรูปภาพ

หนว่ ยท่ี 3

- Filter เปน็ คาส่ังการเล่น Effects ตา่ ง ๆ สาหรบั รปู ภาพและวัตถุ
- View เป็นคาสั่งเกีย่ วกับมมุ มองของภาพและวตั ถุในลักษณะตา่ ง ๆ Window เปน็ ส่วนคาสัง่
ในการเลือกใช้อุปกรณ์เสรมิ ต่าง ๆ ทีจ่ าเป็นในการใช้สร้าง Effects ตา่ ง ๆ
- Help เป็นคาส่งั เพอ่ื แนะนาเก่ยี วกับการใชโ้ ปรแกรมฯ และจะมีลายละเอียดของโปรแกรม
อยใู่ นน้ัน
2. พาเนล (Panel) เป็นหน้าต่างย่อย ๆ ท่ใี ชเ้ ลือกรายละเอยี ด หรอื คาส่ังควบคมุ การทางาน
ตา่ ง ๆ ของโปรแกรม ใน Photoshop มพี าเนลอยู่เปน็ จานวนมาก เชน่ พาเนล Color ใช้สาหรบั เลอื กส,ี
พาเนล Layers ใช้สาหรับจัดการกับเลเยอร์ และพาเนล Info ใชแ้ สดงค่าสีตรงตาแหน่งท่ีชเ้ี มาส์
รวมถงึ ขนาด/ตาแหนง่ ของพ้ืนท่ที ี่เลอื กไว้
3. พื้นทท่ี างาน Stage
เป็นพืน้ ท่ีว่างสาหรบั แสดงขอ้ มูลภาพ หรือส่วนงานท่กี าลงั ทา

หน่วยที่ 3

4. เคร่อื งมือทีใ่ ช้งาน Tools box
ทลู บอ็ กซ์ (Tool box/Tools) กล่องเครอื่ งมอื จะประกอบไปด้วยเครือ่ งมอื ตา่ ง ๆ ทีใ่ ชใ้ น
การวาด ตกแต่ง และแก้ไขภาพ ซ่ึงมีเป็นจานวนมาก ดังนน้ั จึงมีการรวมเครือ่ งมือที่ทาหนา้ ท่ีคลา้ ย ๆ
กนั ไว้ในปุ่มเดียวกัน โดยจะมลี กั ษณะรูปสามเหลี่ยมอย่บู รเิ วณมมุ ดา้ นลา่ งดังภาพ 2 เพอื่ บอกใหร้ ูว้ า่ ใน
ปุม่ น้ยี งั มีเครือ่ งมอื อน่ื อยูด่ ว้ ย
5. Tools control menu หรอื Option bar
ออปชั่นบาร์ (Option Bar) เปน็ สว่ นที่ใช้ปรับแตง่ ค่าการทางานของเครื่องมอื ต่าง ๆ โดย
รายละเอยี ดในออปชัน่ บารจ์ ะเปล่ียนไปตามเครอ่ื งมอื ทีเ่ ลือกจากทลู บ็อกซใ์ นขณะนั้น เชน่ เมือ่ เรา
เลอื กเครอ่ื งมือ Brush (พ่กู ัน) บนออปชั่นบารจ์ ะปรากฏออปช่ันทใี่ ช้ในการกาหนดขนาด และลักษณะ
หวั แปรง, โหมดในการระบายความโปรง่ ใสของสี และอตั ราการไหลของสี เปน็ ตน้

หนว่ ยท่ี 3

6. ชดุ เครื่องมอื (Tools) ของโปรแกรม Photoshop

หนว่ ยที่ 4

1. ปรับแต่งขนาดภาพดว้ ยคาสงั่ Transform ได้
2. ปรับแต่งขนาดภาพดว้ ยคาสงั่ Canvas size ได้
3. ปรับแตง่ ขนาดภาพดว้ ยคาสั่ง Image size ได้

หน่วยที่ 4

การปรบั รูปทรงและขนาดภาพ เป็นสิง่ สาคัญอย่างหนงึ่ ในการสรา้ งภาพและ
แก้ไขขนาดของรปู ภาพ เพ่ือใหไ้ ด้ตามขนาดท่ีตอ้ งการ ดว้ ยโปรแกรม Photoshop
มีเครื่องมือท่ใี ช้งาน ในการปรบั รูปทรงและขนาดภาพ ไดเ้ ป็นอย่างดี และมีคาสัง่
หลากหลายคาสง่ั ใหเ้ ลอื ก ได้แก่ คาสัง่ transform คอื คาสง่ั ปรบั รูปทรงภาพ
ประกอบดว้ ย คาสัง่ canvas size, คาส่งั scale, คาสัง่ rotate, คาสั่ง distort,
คาสั่ง perspective คาสงั่ warp, และคาสง่ั ปรับขนาดภาพ ได้แก่ คาสง่ั canvas
size, คาสั่ง image size,

หน่วยท่ี 4

1. การปรับรปู ทรงภาพด้วย คาส่งั transform คือ วิธีการนาภาพหรือพ้ืนท่ภี าพท่เี ราเลอื กไว้
มาปรบั รปู ทรงใหเ้ ปล่ยี นแปลงไปจากเดมิ เช่น ปรับภาพให้มีขนาดเลก็ ลง ปรับทศิ ทางการวางภาพให้เอียง
ยืดและบดิ ภาพ มีวิธีการใชง้ านดังนี้

ขั้นตอนการทางาน
1. สร้างกระดาษใหม่ ทเ่ี มนู File → New กาหนดขนาดกระดาษใหใ้ หญ่กวา่ รูปภาพ
2. เปิดแฟ้มรปู ภาพท่ตี ้องการ ทาการคัดลอกลงกระดาษทก่ี าหนดให้ (ตามหมายเลข 1)
3. คลิกที่รูปภาพ และเลือกเมนู Edit → Transform จะได้จุดลอ้ มรอบภาพ (ตามหมายเลข 2)
4. เลอื กคาสงั่ scale จากน้ันสามารถหยึดหรือลดขนาดตามต้องการ (ตามหมายเลข 3)
ในกรณีท่ตี อ้ งการความกวา้ งและความสูงในสมดุลกันให้กดปุ่ม shift ค้างไว้แล้วหยดื หดตามขนาดทต่ี ้องการ

หน่วยท่ี 4

1.2 การปรับขนาดภาพด้วย คาสัง่ rotate
ข้นั ตอนการทางาน
1. สร้างกระดาษใหม่ ท่ีเมนู File→ New กาหนดขนาดกระดาษให้ใหญ่กวา่ รปู ภาพ
2. เปิดแฟม้ รปู ภาพที่ต้องการ ทาการคัดลอกลงกระดาษท่ีกาหนดให้ตามหมายเลข 1
3. คลิกทร่ี ูปภาพ และเลอื กเมนู Edit → Transform จะได้จุดล้อมรอบภาพ (ตามหมายเลข 2)
4. เลือกคาสงั่ rotate จากนน้ั สามารถหมุนภาพตามตอ้ งการ (ตามหมายเลข 3)

หน่วยท่ี 4

1.3 การปรับขนาดภาพดว้ ย คาส่งั distort
ขน้ั ตอนการทางาน
1. สร้างกระดาษใหม่ ทเี่ มนู File → New กาหนดขนาดกระดาษให้ใหญ่กว่ารูปภาพ
2. เปดิ แฟ้มรปู ภาพที่ตอ้ งการ ทาการคัดลอกลงกระดาษทก่ี าหนดให้ตามหมายเลข 1
3. คลิกทรี่ ูปภาพ และเลือกเมนู Edit → Transform จะไดจ้ ดุ ล้อมรอบภาพ (ตามหมายเลข 2)
4. เลือกคาส่ัง distort จากนน้ั สามารถเอียงภาพตามมุมตา่ ง ๆ ตามตอ้ งการ (ตามหมายเลข 3)

หน่วยท่ี 4

1.4 การปรับขนาดภาพดว้ ย คาส่งั perspective
ขน้ั ตอนการทางาน
1. สรา้ งกระดาษใหม่ ท่เี มนู File → New กาหนดขนาดกระดาษให้ใหญก่ ว่ารปู ภาพ
2. เปดิ แฟ้มรูปภาพทีต่ ้องการ ทาการคดั ลอกลงกระดาษที่กาหนดใหต้ ามหมายเลข 1
3. คลิกทีร่ ูปภาพ และเลอื กเมนู Edit → Transform จะไดจ้ ดุ ลอ้ มรอบภาพ (ตามหมายเลข 2)
4. เลอื กคาสั่ง perspective เป็นการบิดภาพเพือ่ สร้างมิติ มคี วามลึก ความสงู โดยลากเมาสเ์ พือ่ ปรบั ยอ่
หรอื ขยายมุมของภาพพร้อม ๆ กนั ทัง้ 2 มมุ ทาใหเ้ กดิ ความรู้สึกใกล้ไกลในภาพได้ (ตามหมายเลข 3)

หนว่ ยที่ 4

1.5 การปรบั ขนาดภาพด้วย คาส่งั warp
ขนั้ ตอนการทางาน
1. สรา้ งกระดาษใหม่ ทเ่ี มนู File → New กาหนดขนาดกระดาษให้ใหญ่กวา่ รูปภาพ
2. เปิดแฟ้มรปู ภาพที่ต้องการ ทาการคัดลอกลงกระดาษที่กาหนดใหต้ ามหมายเลข 1
3. คลิกท่ีรูปภาพ และเลอื กเมนู Edit → Transform จะไดจ้ ุดลอ้ มรอบภาพ (ตามหมายเลข 2)
4. เลอื กคาสั่ง warp เป็นการดัดภาพแนวโคง้ จะปรากฏเส้นตารางในลกั ษณะของตาขา่ ย โดยสามารถเลอ่ื น
ตาขา่ ยให้พอดีกบั ภาพที่จะปรบั ได้ มีความพริว้ โดยดัดแขนของเส้นโครงตาข่ายตามต้องการได้
(ตามหมายเลข 3)

หน่วยที่ 4

2. การปรบั ขนาดภาพดว้ ยคาส่งั canvas size / image size
2.1 การปรับขนาดภาพด้วย คาสั่ง canvas size

ข้นั ตอนการทางาน
1. เปดิ รปู ภาพที่เลือกไว้ ด้วยคาส่ัง open file
2. เลอื กเมนู image → canvas size จากนน้ั สามารถเตมิ ตวั เลยความกวา้ ง ความสงู ของของกระดาษ
จะไดพ้ ื้นท่วี า่ งด้านต่าง ๆ (ตามหมายเลข 2)

หน่วยท่ี 4

2.2 การปรับลดขนาดภาพด้วย คาสง่ั image size
ข้ันตอนการทางาน
1. เปิดรูปภาพทเ่ี ลือกไว้ ดว้ ยคาส่งั open file (ตามภาพที่ 1)
2. เลอื กเมนู image → image size จากนั้นเปลยี่ น ความกวา้ ง หรือความสงู ตามท่ีตอ้ งการ
(ตามภาพท่ี 2) และภาพยังมคี วามคมชัด
***เรามกั จะเปลย่ี นหนว่ ยวัดใหเ้ ป็น percent เพราะจะง่ายตอ่ การคานวณภาพ และมกั จะเปลย่ี นเพียงแคค่ วาม
กว้างหรอื ความสงู เพียงอยา่ งเดยี ว ภาพจะแปรผันค่าตาม ทาให้ภาพเกดิ ความสมดลุ

หน่วยที่ 5

1. เลือกพน้ื ทีภ่ าพในรปู ทรงเรขาคณิตได้
2. เลอื กพน้ื ท่ีภาพแบบอิสระได้
3. เลือกเครือ่ งมือเลอื กพนื้ ท่ภี าพได้เหมาะสมกับลกั ษณะของภาพได้
4. ปรบั ขอบเขตการเลอื กพืน้ ท่ใี หเ้ ป็นรปู แบบใหม่ตามที่ต้องการได้
5. ใช้พื้นทท่ี ่เี ลือกไว้ได้

หนว่ ยที่ 5

ในการปรบั แต่งแก้ไขภาพกราฟิกดว้ ย Photoshop สิง่ ที่มคี วามสาคญั คือการ “เลือก”
พื้นทบี่ างสว่ นของภาพ เพ่อื ใชค้ าสัง่ ตา่ ง ๆ ใหแ้ สดงผลเฉพาะพ้ืนท่ีส่วนทเ่ี ลือกไว้ “เลือก”
พน้ื ที่บน Photoshop เรยี กวา่ การสรา้ ง Selection ประกอบดว้ ยคาส่ังท่สี าคญั ไดแ้ ก่
rectangular/marquee/elliptical/lasso/polygonal/magnetic/quick selection/magic wand
Rectangular Marquee : ใช้เลอื กพื้นทีร่ ูปสเ่ี หลยี่ ม
Elliptical Marquee : ใชเ้ ลือกพน้ื ท่ีรูปวงกลม หรอื วงรี
Single Row Marquee : ใชเ้ ลือกพืน้ ทใ่ี นแนวนอน ขนาด 1 Pixel
Single column Marquee : ใช้เลือกพ้นื ทีใ่ นแนวตั้ง ขนาด 1 Pixel
Lasso : ใช้เลือกพ้ืนทีด่ ้วยการใชเ้ มาสค์ ลิกลากไปตามส่วนต่าง ๆ ของภาพตามตอ้ งการ
Polygonal Lasso : ใชเ้ ลอื กพนื้ ทดี่ ้วยการใช้เมาสค์ ลิกเพอ่ื สรา้ งรปู หลายเหลยี่ มลอ้ มรอบพน้ื ท่ี
Magnetic Lasso : ใชเ้ ลอื กพ้นื ทีโ่ ดยให้โปรแกรมกาหนดขอบเขตเองโดนอัตโนมัติตามเส้นทางทเี่ มาสเ์ ลื่อนผา่ นไป

หนว่ ยท่ี 5

ข้นั ตอนการเลอื กพ้นื ท่ีด้วยเคร่ืองมือกลุ่ม Lasso และ Marquee
1. เลอื กเคร่อื งมอื Lasso จาก Toolbox
2. กาหนด Option ตา่ ง ๆ บน Options Bar
3. ใชเ้ มาสค์ ลกิ ลากรอบพนื้ ที่ท่ีต้องการเลือกจานวนกลับไปที่จุดเรมิ่ ต้นอกี ครั้ง จะเห็นมีเสน้ ล้อมรอบภาพเกดิ ข้นึ
ตวั อย่างการเลอื กพ้นื ทดี่ ้วยเครือ่ งมอื

marquee/Rectangular marquee/ Elliptical Lasso Lasso/polygonal Lasso/ Magnetic

หนว่ ยที่ 6

1. ปรบั แตง่ ความคมชัดของภาพ
2. ปรบั โทนสขี องภาพ
3. สร้างลวดลายให้ภาพ
4. เทคนคิ รีทชั เพอื่ แก้ไขสว่ นที่เปน็ ตาหนิในภาพ
5. ใชเ้ คร่อื งมอื รที ัชให้เหมาะสมกบั ลกั ษณะของภาพ
6. ท าสาเนาภาพเพ่ือใชใ้ นการตกแตง่ ภาพ
7. แก้ไขภาพตาแดงท่เี กิดจากการถ่ายภาพในทม่ี ืด

หน่วยที่ 6

การรที ัช เปน็ เทคนิคการตกแต่งภาพท่ีใช้ลบจดุ ตาหนิ และปรับแกไ้ ขภาพเฉพาะในบางจดุ ให้ดูสวยงาม เราจะพบบ่อยในการ
ตกแต่งภาพดารา นางแบบ เพอื่ ใช้ประกอบในงานกราฟกิ ต่าง ๆ โดยมีชดุ เครอ่ื งมือทีเ่ ก่ียวขอ้ ง ได้แก่ healing/spot
healing/patch/red eye/clone stamp/ pattern stamp/ blur/ shape/ smudge/ dodge/ burn / sponge

Healing : ใชค้ ลิกแก้ไขจุดบกพร่องหรอื ลบร้วิ รอยท่ีไม่ต้องการบนภาพ
spot healing : การใช้เครือ่ งมือ Healing Brush Tool
Healing Brush Tool เคร่อื งมือที่มรี ปู แบบการทางานคลา้ ยกบั Clone Stamp Tool คือจะต้องคดั ลอกพ้ืนทท่ี ี่
ต้องการและนาไปแทนที่พน้ื ทท่ี ตี่ ้องการตกแตง่ และมลี ักษณะคล้ายกบั รปู แบบการทางานของ Spot Healing Tool
คอื จะทาการเกลยี่ สีท่นี าไปแทนที่ให้เข้ากบั สีของพน้ื ท่ีเดิมจึงทาใหเ้ ป็นธรรมชาติมากย่งิ ข้นึ

หนว่ ยท่ี 6

การใช้เครือ่ งมือ Healing Brush Tool
1. เปดิ ไฟลร์ ปู ภาพที่ตอ้ งการใช้งานข้นึ มา
2. คลกิ ขวาทเี่ คร่อื งมอื (Spot Healing Brush Tool) บนกล่องเครื่องมอื (Tool Box) และคลกิ เลอื ก (Healing Brush Tool)
3. คลิกขวาพน้ื ทร่ี ูปภาพจะปรากฎหน้าตา่ งสาหรับกาหนดคา่ เครอ่ื งมือ หรือจะกาหนดทีแ่ ถบ
ตวั เลือก (Options Dar) ใหก้ าหนดขนาดของเครื่องมือที่ Diameter ให้มีขนาดใหญก่ วา่ สว่ นท่ีตอ้ งการแกไ้ ขเล็กนอ้ ย
4. กาหนดคา่ Hardness เพอื่ ใหค้ า่ ความคมชัดของขอบการใชเ้ คร่ืองมือกับรูปภาพมีความกลมกลืนกันจนไมเ่ ห็นความแตกตา่ ง
5. กาหนดคา่ Spacing ให้มีคา่ น้อยทสี่ ดุ เพื่อใหร้ ะยะห่างระหว่างการลากเมาส์มีน้อยที่สดุ ทาให้สามารถให้งานได้ละเอยี ด

หนว่ ยท่ี 6

6. กาหนดรปู ทรงของเครื่องมอื ท่ี Angle และกาหนดองศาของการเอยี งตวั ของเครื่องมอื ที่ Roundness

หนว่ ยที่ 6

7. เลอื กหาพ้นื ท่ีท่ีจะคัดลอกโดยจะต้องเลือกพืน้ ที่ท่ีมีสที ี่กลมกลืนกบั พ้ืนทท่ี ตี่ อ้ งการตกแต่ง
กดแป้น Alt + คลิกเมาส์เพือ่ เลอื กพื้นท่นี ้นั
8. เลอื่ นเมาสไ์ ปยังพน้ื ทีท่ ี่ตอ้ งการตกแตง่ และเลือกเครื่องมอื Healing Brush ลงไปบนพืน้ ที่ท่ตี อ้ งการแกไ้ ข
พนื้ ท่ที ่คี ัดลอกไว้จะถูกนาไปแทนท่ีบนพ้ืนที่ทเี่ ลอื ก

หน่วยที่ 6

9. ใหค้ ลิกเมาสแ์ ละลากเมาสไ์ ปบนพ้ืนที่ที่ต้องการแก้ไขได้เลยเม่ือเปรยี บเทยี บรปู ภาพกอ่ นลบรว้ิ รอยและหลงั ลบ
ริ้วรอยจะเหน็ ว่าเครอ่ื งมือ Healing Brush สามารถลบริ้วรอยไดอ้ ย่างกลมกลืนจนไม่เห็นรอ่ งรอยด่างทเี่ กดิ
จากการตัดกันระหว่างสีท่ีถูกคดั ลอกมาแทนที่ และสีพน้ื หลังของรูปภาพ

หนว่ ยท่ี 6

การใชเ้ คร่อื งมอื Patch
1. เปิดไพลร์ ูปภาพที่ตอ้ งการใช้งานข้นึ มา
2. คลกิ ขวาท่ีเครื่องมอื Spot Healing Brush บนกลอ่ งเครื่องมือ และคลกิ เลอื ก Patch Tool
3. กาหนดรูปแบบการทางานของเครอื่ งมือโดยการคลิกเลอื ก Source ท่แี ถบตัวเลือก Options Bar
4. คลิกเมาส์คา้ งและลากเมาสร์ อบพ้ืนท่ีท่ีต้องการแก้ไข

หนว่ ยท่ี 6

5. เมื่อคลกิ เมาสจ์ นรอบพื้นที่ทต่ี ้องการแก้ไขแลว้ ให้คลิกเมาส์คา้ งและลากพ้ืนท่ี Selection ออกมาจาจุดเดมิ ไปยงั พ้ืนท่ี
ท่ีต้องการคดั ลอก

6. โปรแกรมจะทาการคดั ลอกพ้นื ท่ีที่ตอ้ งการนามาแทนที่บนพื้นทที่ ต่ี อ้ งการแก้ไขและเกลย่ี สีให้กลมกลืนโดยอัตโนมัติ

ภาพก่อนและหลงั การคัดลอกพื้นท่ี

หน่วยท่ี 6

pattern stamp : ใช้ระบายลวดลาย หรอื แสตมปล์ วดลายท่เี ลอื กลงในพน้ื ที่ท่ีคลกิ
วธิ ีใชง้ าน Pattern Stamp Tool
1. เปดิ ไฟลภ์ าพ
2. คลิกเลือกเครือ่ งมือ
3. เลอื กส่วนท่ีต้องการโดยลากเป็นเส้นประครอบ
4. คลิก Edit >> Define Pattern
5. พิมพช์ อื่ แพทเทิร์น
6. คลิกป่มุ OK

หน่วยที่ 6

7. คลกิ เลอื กเครื่องมือ Pattern Stamp
8. คลกิ เลือกรูปแบบ Pattern
9. ช้ีที่พ้นื ทที่ างาน กดเมาสค์ ้างไว้แล้วลากออก
10. จะปรากฏภาพตาม Pattern ท่ีได้เลอื ก

หน่วยท่ี 6

blur : ใชร้ ะบายภาพใหเ้ บลอในจุดท่ีคลิกลากเมาส์ผา่ น(ขณะใช้ตอ้ งคลิกเมาส์ค้างแล้วลาก)
วธิ ีปรับภาพเบลอโดยใช้ Blur Tool
1. คลิกเมาส์ท่ี Blur Tool

หนว่ ยที่ 6

2. ปรบั แตง่ คา่ พ่กู ันท่ใี ช้

หนว่ ยท่ี 6

3. ลากเมาสไ์ ปมาบริเวณท่ีต้องการทาใหภ้ าพเบลอ

หนว่ ยที่ 6

Shape : ใชร้ ะบายภาพใหค้ มชัดในจดุ ท่ีคลิกเมาส์ผา่ น (ขณะใช้ตอ้ งคลกิ เมาสค์ า้ งแล้วลาก)
วิธีปรับความคมชดั ของภาพโดยใช้เคร่ืองมอื Shape

1. การปรบั ความคมชดั ในภาพถา่ ยน้ัน โดยปกติเราก็ใช้ Filter ในกลมุ่ ของ Sharpen แต่วธิ นี มี้ ีผลโดยรวมกบั
ภาพถา่ ยท้งั หมด หากตอ้ งการปรับความคมชัดบางจดุ ของภาพถ่าย เราจงึ ต้องใช้เคร่ืองมอื ทม่ี ชี ือ่ ว่า Sharpen
Tool ซ่ึงมวี ิธีการดงั ตอ่ ไปนี้ เร่ิมจากเปิดภาพถ่ายทต่ี ้องการปรบั แตง่ ขน้ึ มา จะทาการ Copy Layer ด้วยการกด
Ctrl + J ทีค่ ียบ์ อร์ดดว้ ยกไ็ ด้

หนว่ ยที่ 6

2. ซมู ภาพ 100 % แลว้ เลื่อนไปยังบริเวณท่ีเราตอ้ งการเพ่มิ ความคมชดั

3. คลิกเลือกเครอื่ งมือ Sharpen tool

หนว่ ยที่ 6

4. Option bar ไม่ไดป้ รบั เปล่ยี นอะไรนอกจะจะปรบั หวั แปรงให้มีความฟุ้ง และมขี นาดทเ่ี หมาะสมกับจุดที่ตอ้ งการ
ปรับแต่ง

5. จากนั้นระบายตรงสว่ นที่ต้องการเพมิ่ ความคมชัด ถ้าพลาดกก็ ดปุ่ม Ctrl + z แลว้ คอ่ ยระบายใหม่ จากภาพ
ด้านลา่ งผมพยายามระบายใหม้ ันคมชดั มาก ๆ เพ่อื ใหเ้ หน็ ความแตกตา่ ง เครอ่ื งมอื นก้ี ็คล้าย ๆ กับ Dodge Tool และ
Burn Tool คอื ต้องคอ่ ย ๆ ปรบั แตง่ และดูความแตกต่าง เพราะจะทาให้ภาพนน้ั ดูหรอก และเกินจริง

หนว่ ยที่ 6

smudge : ใชเ้ กล่ียสใี นภาพให้กลมกลืน หรอื ใช้ลบขอบภาพที่คม

วิธใี ชง้ านเครื่องมอื Smudge Tool

เปน็ เครอ่ื งมือเกลย่ี สใี ห้ภาพ เหมอื นกับเอานิว้ ไปเกล่ยี หรือลากภาพที่สยี งั ไม่แห้ง ถา้ เกล่ยี สมี ากเกนิ ไปจนดไู มร่ ู้

เร่ืองแบบรปู ดา้ นบน ก็คงตอ้ งใช้ History Brush Tool

1. ภาพก่อนเกลีย่ สี และใช้ Smudge Tool เกลีย่ สไี ด้เลย

หนว่ ยที่ 6

2. เกลย่ี สบี างส่วนของภาพ เชน่ ผา้ สีชมพู ผา้ สีขาวบนพื้น เปน็ ตน้


Click to View FlipBook Version