หน่วยที่ 5
Microsoft Excel เปน็ โปรแกรมประเภท Spreadsheet หรือตารางคานวณอิเลก็ ทรอนกิ ส์ ซง่ึ ออกแบบ
มาสาหรับบนั ทกึ วิเคราะห์ และแสดงข้อมูลเกีย่ วกบั ตัวเลขไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพท้งั ในรูปแบบของแผนภาพ
หรอื รายงาน ซ่ึงโปรแกรม Microsoft Excel ยังมีความสามารถในการจัดรูปแบบเอกสารไดส้ วยงาม
หนว่ ยที่ 5
จะบันทกึ ลงในชอ่ งที่เรียกว่า Cell โดยแต่ละเซลล์ จะอย่ตู ารางซง่ึ ประกอบไปดว้ ย Row (แถว)
และ Column (คอลมั น)์ ซึ่งตารางในแต่ละตารางเราเรียกวา่ Worksheet และ Worksheet
หลายๆ Worksheet รวมกนั จะเรยี กว่า Workbook ซ่งึ กค็ อื ไฟลข์ องโปรแกรม
หนว่ ยที่ 5
1. สร้างและแสดงรายงานของข้อมลู ตวั อักษร และตวั เลข โดยมคี วามสามารถในการจดั รปู แบบ
ใหส้ วยงามนา่ อา่ น เชน่ การกาหนดสีพน้ื การใสแ่ รเงา การกาหนดลกั ษณะและสขี องเส้นตาราง
การจัดวางตาแหน่งของตัวอกั ษรการกาหนดรูปแบบและสตี ัวอักษรเป็นต้น
2. อานวยความสะดวกในด้านการคานวณต่าง ๆ เชน่ การบวก ลบ คูณ หารตัวเลขและยังมี
ฟงั ก์ชัน่ ที่ใชใ้ นการคานวณอกี มากมาย เช่น การหาผลรวมของตวั เลขจานวนมาก การหาคา่
ทางสถติ ิและการเงิน การหาผลลัพธ์ของโจทย์ทางคณิตศาสตร์ เปน็ ตน้
หน่วยที่ 5
3. สรา้ งแผนภมู ิ (Chart) ในรปู แบบต่าง ๆ เพ่ือใชใ้ นการแสดงและการเปรียบเทียบขอ้ มูลไดห้ ลาย
รูปแบบ เชน่ แผนภมู คิ อลมั น์ (Column Chart หรือ Bar Chart) แผนภมู ิเส้น (Line Chart)
แผนภูมวิ งกลม (Pie Chart) ฯลฯ
4. มรี ะบบขอความช่วยเหลอื (Help) ท่ีจะคอยช่วยใหคาแนะนา ชว่ ยให้ ผูใ้ ช้สามารถทางานไดอ้ ย่างสะดวก
และรวดเรว็ เช่น หากเกิดปัญหาเกีย่ วกบั การใชง้ านโปรแกรม หรือสงสัยเก่ียวกับวธิ กี ารใช้งานแทนทจี่ ะตอ้ ง
เปิดหาในหนังสือค่มู อื การใชง้ านของโปรแกรมกส็ ามารถขอความช่วยเหลอื จากโปรแกรมไดท้ ันที
หนว่ ยท่ี 5
5. มีความสามารถในการค้นหาและแทนทข่ี อมลู โดยโปรแกรมมคี วามสามารถในการค้นหาและ
แทนท่ี ขอมลู เพอ่ื ทาการแกไ้ ขหรอื ทาการแทนท่ขี อ้ มลู ไดส้ ะดวกและรวดเร็ว
6. มีความสามารถในการจดั เรียงลาดับข้อมูล โดยเรียงแบบตามลาดบั จาก A ไป Z หรือจาก
1 ไป 100 และเรียงย้อนกลับจาก Z ไปหา A หรือจาก 100 ไปหา 1
หนว่ ยที่ 5
7. มคี วามสามารถในการจัดการข้อมูลและฐานข้อมูลซ่งึ เปนกลุมของข้อมลู ข่าวสารทถี่ กู
รวบรวมเขาไว้ด้วยกันในตารางทีอ่ ยใู น Worksheet ลักษณะของการเก็บขอ้ มูลเพื่อใช้เปน็
ฐานขอ้ มลู ในโปรแกรมตารางงานจะเก็บขอ้ มลู ในรูปแบบของตาราง โดยแตล่ ะแถวของ
รายการจะเปน็ ระเบียนหรอื เรคอรด (Record) และคอลัมนจ์ ะเป็นไฟล์ (Field)
หนว่ ยที่ 5
การเรียกใช้งาน Excel เปดิ แฟม้ คือสมุดงานข้นึ มาซ่ึงสมุดงานจะ
ประกอบด้วยแผ่นงานหลายๆ แผน่ รวมกนั ซ่ึงในไฟลข์ องสมุด
งานแต่ละไฟล์จะมีแผน่ งานไดส้ งุ สดุ 255 แผน่ โดยการแทรกแผ่น
งาน การแทรกแผน่ งาน คลกิ ทค่ี าสง่ั แทรก(Insert) > แผ่นงาน
(Work sheet) หรอื คลิกที่ชอ่ื แผน่ งาน(work sheet) แลว้ คลกิ ขวา
> คลิกแทรก
หนว่ ยท่ี 5
จะมลี กั ษณะเปน็ ตารางขนาดใหญ่ โดยมีการแบง่ พื้นทท่ี างแนวนอนออเป็นส่วน ๆ เรยี กวา่ แถว (Row)
จะใช้ตวั เลขเป็นตวั ระบตุ าแหนง่ ขอแถว เริ่มต้นท่ี 1 และส้ินสุดท่ี 65,536 (ถา้ เป็นExcel 97 จะได1้ 6,384) และ
แบง่ พืน้ ทที่ างแนวตัง้ ออกเปน็ สว่ น ๆ เรยี กว่า สดมภ์ (Column) จะมีทง้ั หมด 256 สดมภ์ โดยจะใชต้ วั อักษร
ภาษาอักฤษเป็นตวั ระบตุ าแหนง่ เรม่ิ จาก A – IV สดมน์และแถวมาตัดกนั เปน็ ชอ่ งเล็กๆ เรียกว่า เซลล์
หนว่ ยท่ี 5
1. แถบชื่อ (Title Bar) คือสว่ นที่แสดงชื่อ ของโปรแกรมนั้น
ซ่ึงคือ Microsoft Excel แสดงช่ือของแฟ้มหรือสมุดงานแทน
2. แถบคาสั่ง (Menu Bar) คือ แถวท่รี วมคาสั่งทใ่ี ช้ในการ
ทางานได้แก่ แฟม้ (File) แก้ไข(Edit) มมุ มอง(View) แทรก
(Insert) รูปแบบ(Format) เคร่อื งมอื (Tool) ขอ้ มลู (Data)
หนา้ ต่าง(Window) ตัวชว่ ย(Help)
หนว่ ยท่ี 5
3. แถบเคร่อื งมอื (Tool Bar) เป็นแถบทใ่ี ช้แสดงเคร่ืองมอื สาหบั ส่งั ให้ Microsoft excel
ทางานในเรื่องตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่
3.1 แถบเครอื่ งมือมาตรฐาน(Standard Tool Bar)
3.2 แถบเครื่องมือจัดรปู แบบ (Formating Tool Bar)
3.3 แถบเครอื่ งมือรูปวาด (Drawing Tppl Bar)
หนว่ ยที่ 5
4. แถบสตู ร (Formular Bar) เปน็ ส่วนที่ใชแ้ สดงขอ้ มูลและสูตรตา่ ง ๆ ในเซลลท์ เี่ รากาลัง
ทางานอยู่ ใชป้ อ้ นข้อมูลและแกไ้ ขขอ้ มูล
5. แถบชตี งาน (Sheet Bar) แสดงชอ่ื ชที งานท่ใี ช้งานอยู่
6. แถบชีตงาน (Sheet Bar) แสดงชอ่ื ชที งานทีใ่ ชง้ านอยู่
หน่วยที่ 5
7. แถบสถานะ (Status Bar)เป็นสว่ นทแี่ สดงสถานะการทางานของ Excel และแป้นพิมพ์
8 แถบเล่อื น (Scroll Bar) ใชเ้ ล่อื นเอกสารไปซ้าย – ขวา หรือ เลื่อนข้นึ – ลง
9. ตวั ชเ้ี ซลล์ (Active Cell) คอื เซลล์ทกี่ าลังถูกใชง้ านในขณะนน้ั เซลลท์ ีเ่ ป็นแอกทพี เซลลจ์ ะ
มเี ส้นกรอบแบบสีดาล้อมรอบอยู่
หนว่ ยที่ 5
10. สมดุ งาน (Work Book)คือ ไฟลท์ สี่ ร้างจากExcel ซง่ึ ประกอบ Work sheet หลาย
แผน่ มารวมกนั
11. แผ่นงาน(Work Sheet) หมายถงึ พนื้ ทส่ี ่วนทใ่ี ช้เปฯ็ กระดาษคานวณมลี ักษณะเปน็
ตารางเราสามารถปอ้ นขอ้ มูลและสูตร
หน่วยท่ี 6
1. บอกชนดิ ของขอ้ มูลได้
2. จดั การขอ้ มูลในเซลลไ์ ด้
3. จัดการแถวและคอลมั น์ได้
4. กาหนดรปู แบบเซลล์ได้
5. การจดั การแผน่ งานได้
หนว่ ยที่ 56
ข้อมลู ท่ี ป้อนในตารางสามารถแบง่ ออกเป็น 3 ประเภทหลกั ๆ ได้แก่
1. ตัวเลข
2. วนั ท่ี
3. ข้อความ
ซงึ่ สามารถกาหนดรูปแบบการแสดงข้อมลู ท้งั 3 ประเภทใหเ้ หมาะสมกบั งาน
หนว่ ยที่ 56
รูปแบบการแสดงตัวเลข มีหลายรปู แบบให้ เลอื กใชต้ ามความเหมาะสม เช่น
เป็นตวั เลขเกยี่ วกบั สกลุ เงนิ ตวั เลขเกยี่ วกบั เปอรเ์ ซน็ ต์ หรอื กาหนดจานวน
ทศนิยมของตัวเลข วธิ ีการกาหนดรูปแบบการแสดงตวั เลขทีม่ กี ารใช้งานบอ่ ย ๆ
คอื การกาหนดจากแถบเครอื่ งมือ
หน่วยท่ี 56
หน่วยท่ี 56
การปรับและแสดงผลของตัวเลข
1. เลือกเซลลห์ รือกลมุ่ ของเซลลท์ ี่จะกาหนดรปู แบบของตัวเลข
2. ไปท่คี าสั่งรปู แบบ (Format)> เซลล์ (Cell) หรอื คลกิ ขวาเลือกคาส่ัง
รูปแบบเซลลห์ รอื กดป่มุ Ctrl+1
3. คลกิ ท่ี Tab ตัวเลข แล้วเลือกรูปแบบตวั เลข จานวนหลักทศนยิ ม และ
เครอื่ งหมายคัน่ ทหี่ ลกั พัน
หนว่ ยที่ 65
ขอ้ ความตา่ ง ๆ ทจ่ี ะทาไวใ้ นเซลลส์ ามารถจัดตาแหน่งได้ตาม
ความต้องการใชง้ าน
ทง้ั ในแนวตั้งแนวนอน จดั วางองศา ด้วยวิธกี ารดังนี้
การวางตาแหนง่ ในเซลล์
1. เลอื กเซลล์หรือกล่มุ ของเซลล์ที่จะกาหนดรูปแบบของตัวเลข
2. ไปทีค่ าสั่งรปู แบบ (Format) > เซลล์ (Cell) หรอื คลกิ ขวา
เลอื กคาสั่ง รปู แบบเซลล์
3. คลิกทก่ี ารจัดวาง (Alignment)
หน่วยท่ี 56
1. การจัดชดิ ซ้ายของเซลล์ (ใช้กับขอ้ ความตวั อกั ษร)
2. การจัดก่ึงกลางของเซลล์
3. การจดั ขวาของเซลล์
4. การผสานและจดั กง่ึ กลางของเซลล์
หน่วยท่ี 56
วิธีการจดั วางทาโดยคลกิ เลือกเซลลข์ ้อความที่ตอ้ งการจดั รปู แบบแลว้ คลกิ เลอื กปุ่มท่เี ครอ่ื งมอื ทูลบาร์
บางคร้ังท่ี จาเปน็ ตอ้ งตัด แต่ง คาหรอื ประโยคในช่องเซลล์ ให้ไปข้ึนบรรทัดใหม่มวี ธิ กี ารดงั น้ี
1. ปุ่ม F2 (หรือ ดบั เบล้ิ คลก๊ิ ) ในเซลล์เป้าหมายทม่ี ีประโยคตอ้ งการตดั อยู่….แลว้ เลือ่ นเคอร์เซอรไ์ ป
ตาแหน่งทต่ี ้องการตัด
2. กดปมุ่ Alt คา้ งไว้ แล้วกดป่มุ Enter คลิกทค่ี าสง่ั รปู แบบ (Format) > เซลล์ (Cell) >
คลิดทีจ่ ดั ตาแหนง่ > คลกิ เครื่องหมายถูกหนา้ ตัดขอ้ ความ
หนว่ ยท่ี 65
1. คลกิ ระบายกลมุ่ เซลล์ทตี่ อ้ งการจะใช้ตารางอตั โนมัติ
2. คลกิ คาสัง่ รูปแบบ(Format)> รปู แบบอตั โนมตั ิ (Auto Format) จะไดไ้ ดอะลอ็ กบ็อกซ์
การจัดรูปแบบอตั โนมตั ิ คลกิ เลอื กรูปแบบตามตอ้ งการ แลว้ คลิก ตกลง
หนว่ ยที่ 65
สามารถปกปอ้ งขอ้ มลู ในเซลลไ์ ด้โดยล็อคเซลลไ์ มใ่ หถ้ กู แกไ้ ขหรอื ซ่อนสตู รไว้
ซ่งึ จะมีผลกต็ ่อเมอื่ มกี ารปกป้องแผ่นงานไวก้ อ่ นมีวิธกี าร ดังนี้
1. เลือกเซลลห์ รือกลุ่มของเซลล์ทจ่ี ะกาหนดรูปแบบของตวั เลข
2. ไปท่ีคาสั่งรปู แบบ (Format) > เซลล์ (Cell) หรือคลกิ ขวาเลือกคาสง่ั รูปแบบเซลล์
3. คลกิ ท่ปี า้ ยการป้องกนั (Protect) เลอื กลอ็ ค (locked) จะไมส่ ามารถแกไ้ ขข้อมลู ในเซลลท์ เี่ ลอื ก
การซ่อนสตู รมไี วเ้ พ่อื ป้องกนั การแกไ้ ขข้อมลู ใหผ้ ิดเพี้ยนไปจากความเปน็ จรงิ หลกั การใชค้ าส่งั
Format > Cell เพอื่ ซ่อนสตู ร แล้วทาการProtect Sheet คลกิ ท่ี Tool>protection>protect sheet ไม่
ตอ้ ง lock cell
หนว่ ยที่ 65
สามารถทาไดโ้ ดยคลกิ ท่ีปุ่ม หรอื ์ คลิกท่คี าสง่ั แฟ้ม(File) > พมิ พ์ (print)
1. ชือ่ เครอื่ งพิมพ์ หมายถงึ เครื่องพิมพ์ทจ่ี ะใช้ในการพมิ พ์
2. ระบชุ ว่ งที่พมิ พ์ พมิ พข์ อ้ มลู ท้ังหมดคลกิ ทท่ี ้งั หมด (All) พิมพเ์ ฉพาะหนา้ คลกิ ท่ี หน้า (Page) พิมพ์
ในช่วงหนา้ ต่อเนอ่ื ง
3. ส่ิงที่พิมพ์ (print) สามารถเลอื กส่วนของเอกสารทต่ี อ้ งการพิมพ์ ดังน้ี สว่ นทเ่ี ลือก(Selection)
พมิ พ์เฉพาะสว่ นทเี่ ลือก พมิ พ์ทงั้ สมดุ งาน (Entire Workbook) พมิ พ์ทุกแผน่ งานทมี่ ีในสมดุ งานน้นั ๆ
แผน่ งาน ทใี่ ชง้ านอยู่ (Active Cell) กาหนดใหพ้ มิ พเ์ ฉพาะแผน่ งานทใ่ี ชง้ านอยู่
4. กาหนดจานวนสาเนาทพ่ี มิ พ์ (Number of copies) พิมพ์ก่ีชดุ เม่อื เลือกกาหดส่งิ ที่ตอ้ งการพมิ พ์
เรียบรอ้ ยแล้วใหก้ ดปุ่มตกลง (Ok) เพือ่ สง่ั พิมพ์
หน่วยที่ 65
ใหค้ ลิกท่ีแฟม้ (File) > ตงั้ ค่าหนา้ กระดาษ (Page Setup)หวั เรื่องเก่ยี วกบั หน้า (Page)
ใชก้ าหนดเกย่ี วกบั ตวั กระดาษ การวางแนวหน้า (Orientation) แนวตัง้ (Portrait) พิมพแ์ นวต้ัง
แนวนอน (Landscape) พมิ พ์แนวนอน มาตราส่วน(Scaling) หมายถึงขนาดทตี่ อ้ งการพมิ พ์
(คดิ เปน็ เปอรเ์ ซน็ ตข์ นาดเท่าจรงิ ) ขนาดกระดาษ (Paper Size) ขนาดกระดาษที่ใช้ ภาพการพมิ พ์
(Print Quality) ความละเอียดในการพมิ พ์ หมายเลขหนา้ แรก (First Page Number) หมายถงึ
หมายเลขหนา้ เรม่ิ ตน้ วา่ จะใสเ่ ลขหนา้ อะไรเป็นหนา้ แรก
หนว่ ยที่ 65
การต้งั ระยะขอบให้กาหนดเกย่ี วกบั ระยะขอบดา้ นตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ ด้านบน(Top) ด้านลา่ ง
(Bottom) ดา้ นซ้าย(left) ด้านขวา (Right) หวั กระดาษ (Header) ระยะเวน้ จากขอบด้านบนถึง
หวั กระดาษ ท้ายกระดาษ (Footer) ระยะเวน้ จากดา้ นลา่ งถงึ ทา้ ยกระดาษ ก่งึ กลางหนา้ กระดาษ
(Center On Page) หมายถึงการจดั ขอ้ มูลที่จะพมิ พใ์ ห้อยกู่ ลางหนา้ กระดาษซง่ึ มีให้เลือก
2 แบบ ตามแนวนอน (Horlizontally) ตามแนวต้ัง (Vertically)
หนว่ ยที่ 7
1. มีความรคู้ วามเข้าใจในการใชส้ ูตรในการคานวณ
2. อธิบายในการใช้สตู รการคานวณ
หนว่ ยที่ 75
ใน Excel สามารถทาการคานวณได้ อย่างเช่น บวก ลบ คณู หาร ซ่งึ ปกติแลว้ จะมี 3
วธิ ีในการคานวณ วิธแี รกคอื การใชเ้ ครื่องหมายบวก (+) ลบ (-) คูณ (*) หาร (/) โดยเรม่ิ จาก
การใสเ่ คร่อื งหมายเท่ากับ (=) แล้วใสต่ ัวเลขท่ี ต้องการ บวก ลบ คูณ หาร เขา้ ไป โดยตัวเลขแตล่ ะ
ชุด จะตอ้ งถูกแยกดว้ ยเครอื่ งหมายบวกลบคูณหาร ยกตวั อยา่ งเช่น = 25+31 แล้วกด enter
โปรแกรม Excel จะทาการคานวณตัวเลขเหลา่ น้ี แล้วใสค่ าตอบลงในเซลลเ์ ดมิ ท่ี กรอกไว้
หนว่ ยที่ 57
อาจจะใส่เครอ่ื งหมายเท่ากบั แลว้ คลิกเซลลต์ วั เลขท่ี ต้องการคานวณ แลว้ ใสเ่ ครอ่ื งหมาย
บวก ลบ คณู หาร ลงในเซลล์นั้น ตามด้วยเซลลต์ ัวเลขอื่นๆ ก็ได้ วธิ ที ส่ี องคอื การใช้ฟงั ก์ชน่ั ซึ่ง
ฟงั กช์ ่ันคานวณคา่ และให้คาตอบกบั โดย ใส่เคร่ืองหมายเท่ากบั (=) ตามด้วยฟงั กช์ ่ันท่ี ตอ้ งการ
ยกตวั อยา่ งเชน่ พมิ พ์ =SUM ( ) แลว้ ใส่ตัวเลขท่ี ตอ้ งการลงในวงเล็บ โดยแยกแตล่ ะชดุ ตวั เลข
ด้วยเคร่ืองหมายคอมมา่ (,) ถ้าตัวเลขอย่มู ีสมุดงานของ ให้ คลิกทเ่ี ซลล์ๆนนั้ วิธที ี่สาม คือการใช้
สมบตั ฟิ งั ก์ชนั่ AUTO SUM ของ Excel ซ่งึ ใชห้ ลกั การเหมือนกบั Point and click เดยี วกนั
หน่วยท่ี 57
1. ให้ พิมพ์เครือ่ งหมาย =
2. โดยคลิกเซลล์ที่ ต้องการคานวณตัวเลข หรือพมิ พ์ตัวเลขแรกใน
ช่องกอ่ นกไ็ ด้
3. ใส่เคร่ืองหมายที่ ต้องการ อยา่ งเช่น เครอื่ งหมายบวก (+) ลบ (-)
คณู (x) และหาร (/)
4. แล้วคลิกเซลลท์ ่ี ตอ้ งการใสต่ ัวเลข หรือ อาจจะพิมพเ์ ลขถัดไปกไ็ ด้
5. ทาตามขน้ั ตอนท่ี 2 ถงึ 4 อีกครั้ง ในกรณีท่จี าเปน็
6. กด Enter ผลลัพธจ์ ะปรากฏอยใู่ นเซลลท์ ี่ คานวณไว้
หนว่ ยที่ 75
1. ให้ ใสต่ ัวเลขท้งั 2 เซลลใ์ นบรรทดั ถดั มา เพือ่ นามาใชค้ านวณ ดงั
ภาพ
2. ในเซลล์ถดั มาอีก ให้ พิมพเ์ ครื่องหมาย = ตามด้วยสตู รทเี่ ปน็
ตวั อกั ษร ซง่ึ ในตวั อย่างใช้ SUM
รายการฟงั ก์ชน่ั น้นั จะปรากฏข้นึ มา
3. ให้ ดบั เบ้ิลคลกิ ทอ่ี อปชัน่ ท่ี ต้องการจะใช้
4. คลิกและลากออปชั่นที่ ตอ้ งการคานวณ
5. เลือก Check ผลลพั ธจ์ ะปรากฏอยู่ในเซลลท์ ่ี คานวณไว้
หนว่ ยท่ี 75
1. ให้ ใสต่ ัวเลขลงท้ัง 2 เซลลใ์ นบรรทดั ถัดมา เพอ่ื นามาใชค้ านวณ ดงั ภาพ
2. ให้ คลิกเซลลท์ ่ี คานวณหาผลลัพธ์
3. แล้วคลิกทแี่ ถบ Formulas
หน่วยท่ี 57
4. คลิกตามภาพตวั อย่าง และเลือกออปชนั่ ในตวั อย่างนี้ จะใชส้ ตู ร SUM
Excel จะวาง =sum (number) ในเซลลใ์ ห้อตั โนมัติ ซง่ึ ในวงเล็บ อาจจะใสต่ ัวเลขลงไป
กไ็ ด้
5. จากน้นั Excel จะทาการคานวณตวั เลขให้ เพื่อเปน็ การยอมรบั การคานวณ ให้
กด Enter ในการเลอื กตวั เลขในเซลลช์ ่องอ่ืนๆ ให้ คลกิ และลากเซลล์เหลา่ นน้ั แลว้ กด
Enter ผลลพั ธ์จะปรากฏข้ึนในเซลลท์ ่ี เลอื กไว้ ในข้นั ตอนท่ี 2
ขอ้ ควรรู้
สามารถคลิกปมุ่ เครอื่ งหมายฟันหนู (chevron) ( ) ที่อยดู่ า้ นลา่ งของ formula bar
เพอ่ื ขยายหรือย่อ bar ได้ ซ่ึงการขยาย bar จะทาให้ สามารถใส่สตู รทย่ี าวๆได้
หนว่ ยที่ 8
1. มีความรคู้ วามเขา้ ใจในการใชฟ้ ังกช์ ัน่ ในการคานวณ
2. อธบิ ายในการใช้ฟังกช์ น่ั การคานวณ
หน่วยท่ี 58
มคี วามสามารถในการวิเคราะห์ประมวลผล คานวณคา่ ตา่ งๆมากมาย โดย
การนา ค่าคงที่ ตัวเลข ตวั แปร หรือการอา้ งอิงเซลลท์ อ่ี ยู่ในเซลลข์ อ้ มูล
นามาคานวณเพ่อื ให้ได้ผลลพั ธต์ ามทต่ี ้องการโดยใชส้ ตู รคานวณ ใชต้ ัว
ดาเนนิ การ หรือ เครอ่ื งหมายคานวณในรปู แบบต่างๆ
หน่วยที่ 58
การใชฟ้ ังกช์ นั (Function) คานวณค่าตา่ งๆ เป็นการคานวณที่มคี วามสะดวกรวดเรว็ เพยี งแค่
พมิ พฟ์ ังก์ชนั และใสค่ า่ อารก์ ิวเมนต์ (Argument) ก็สามารถคานวณได้แลว้ โปรแกรมตารางคานวณ
มีฟงั ก์ชนั ใหใ้ ชง้ านมากมายแตล่ ะฟงั กช์ ันใช้งานแตกต่างฟงั กช์ นั มีส่วนประกอบ ดงั น้ี
= ชอ่ื ฟงั กช์ นั (ค่า Argument1, คา่ Argument2, ค่า Argument) เช่น = SUM(A1+D2),
= MAX(B2:B9), = AVERAGE(D4:F6) เปน็ ต้น
หน่วยท่ี 58
1. ฟงั กช์ นั ทางคณิตศาสตร์ 6. ฟังกช์ ันทเี่ กีย่ วกบั ตวั อกั ษร
2. ฟังก์ชันทางตรรกะศาสตร์ 7. ฟังกช์ นั ทางสถติ ิ
3. ฟงั กช์ นั ที่เกย่ี วกบั วนั ท่ี 8. ฟังก์ชนั ในการค้นหาข้อมลู
4. ฟงั กช์ นั ทเ่ี ก่ียวกบั เวลา 9. ฟังกช์ นั ทางด้านวิศวกรรม
5. ฟงั ก์ชนั ทเี่ กีย่ วกบั การเงิน 10. ฟงั กช์ ันในการจัดการฐานขอ้ มลู
หน่วยที่ 58
1. พมิ พฟ์ ังก์ชนั ลงในเซลล์หรือพิมพบ์ นแถบสตู ร
การพมิ พ์ฟงั กช์ นั ลงในเซลล์หรอื พมิ พ์บนแถบสตู รสามารถปฏิบตั ไิ ด้ดงั นี้ใช้
เมาส์เลอื กเซลล์ท่ีจะสรา้ งฟงั ก์ชนั คานวณแลว้ พมิ พ์เครื่องหมายเทา่ กบั (=) พมิ พ์
ฟงั กช์ นั ตามทต่ี อ้ งการ แลว้ กด Enter
หนว่ ยที่ 58
2. เลือกจากฟังกช์ นั ไลบรารี (Function Library)
การเลือกจากฟังกช์ นั ไลบรารี สามารถเรยี กใชง้ านไดอ้ ย่างสะดวก ซ่ึงอยูใ่ น
ริบบอน แท็บสตู ร โดยฟังกช์ นั ไลบรารจี ะแยกฟังกช์ นั ออกเป็นประเภทต่างๆ
มากมายหลายฟงั กช์ นั สามารถปฏิบัตไิ ด้ดงั นี้
1. ใช้เมาส์เลือกเซลล์ท่ีจะสรา้ งฟงั ก์ชันคานวณ 5. เลือกฟังกช์ นั ท่ีต้องการ
2. เลือกแท็บสูตร 6. ตกลง
3. เลือกจากฟังกช์ นั ไลบรารที ต่ี อ้ งการ 7. ระบุเซลล์ที่ต้องการหาผลรวม
4. เลือกประเภท 8. ตกลง
หนว่ ยที่ 58
3. เลือกฟังกช์ ันจาก Name Box
ปกติแล้ว Name Box จะเป็นเคร่ืองมอื บอกตาแหนง่ เซลลห์ รอื ชอื่ เซลล์ แต่ถ้าพมิ พ์
เครอ่ื งหมายเทา่ กบั (=) ลงบนเซลล์ Name Box จะแสดงรายชื่อของฟังก์ชนั
ข้นึ มาใหเ้ ลอื กสามารถปฏบิ ตั ไิ ดด้ ังน้ี
1) ใช้เมาสเ์ ลอื กเซลลท์ ี่จะสร้างฟังกช์ นั การคานวณแลว้ พิมพเ์ ครอ่ื งหมายเท่ากบั (=)
2) เลอื กฟังกช์ นั จาก Name Box
หน่วยท่ี 58
1) การคานวณโดยใช้ฟงั กช์ นั SUM
= SUM (Number1, Number2,…) ทาหนา้ ท่ี หาผลรวมของจานวน Number
2) การคานวณโดยใชฟ้ งั กช์ นั MAX
= MAX (Number1, Number2,…) ทาหนา้ ท่ี หาคา่ สูงสดุ ของจานวน Number
3) การคานวณโดยใชฟ้ งั ก์ชนั MIN
= MIN (Number1, Number2,…) ทาหน้าท่ี หาคา่ ต่าสุดของจานวน Number
หนว่ ยที่ 58
4) การคานวณโดยใช้ฟงั กช์ นั AVERAGE
= AVERAGE (Number1,Number2,…) ทาหนา้ ท่ี หาคา่ เฉลีย่ ของจานวน Number
5) การคานวณโดยใชฟ้ งั ก์ชนั COUNT
= COUNT (Value1,Value2,…) ทาหนา้ ท่ี นับขอ้ มูลเฉพาะตวั เลข
6) การคานวณโดยใชฟ้ งั กช์ นั COUNTA
= COUNTA (Value1,Value2,…) ทาหน้าที่นบั ขอ้ มลู ทั้งตวั เลขข้อความและสญั ลกั ษณ์
ทอ่ี ยู่ในเซลล์ทกุ เซลล์ Value
หนว่ ยที่ 85
7) การคานวณโดยใชฟ้ งั กช์ นั STDEV
= STDEV (Number1,Number2,…) ทาหนา้ ท่ี หาค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐาน Number
8) การคานวณโดยใชฟ้ งั กช์ นั ROUND
= ROUND (Number,Num_digits) ทาหน้าท่ี ปดั คา่ ตวั เลข Number เป็นตัวเลข Num
digits เป็นจานวนหลักทศนยิ มเท่ากบั ท่รี ะบไุ ว้
9) การคานวณโดยใชฟ้ งั กช์ นั DATE
= DATE (Year,Month,Day) ทาหน้าที่ แปลงตวั เลขวัน เดอื น ปี ใหเ้ ป็นวนั ที่ Year= ใสค่ า่ ปี
ค.ศ.Month=ใส่คา่ เดือนDay= ใส่ค่าวนั ท่ี
หนว่ ยที่ 58
10) การคานวณโดยใชฟ้ งั กช์ นั NOW
= NOW() ทาหนา้ ที่ แสดงวันทแี่ ละเวลาปัจจบุ นั ของระบบ
11) การคานวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั TODAY
= TODAY() ทาหน้าท่ี แสดงวนั ท่ีปจั จบุ ันของระบบ
12) การคานวณโดยใชฟ้ งั กช์ ัน HOUR
= HOUR() ทาหนา้ ที่ แปลงขอ้ มูลเกี่ยวกบั เวลา
โดยแสดงผลลพั ธ์เปน็ เลขจานวนเตม็ มคี า่ ตง้ั แต่ 0 ถงึ 23 เป็นคา่ ชว่ั โมงใน 1 วนั
หนว่ ยท่ี 85
13) การคานวณโดยใชฟ้ งั กช์ นั NETWORKDAYS
= NETWORKDAYS(start_date,end_date,holidays) ทาหนา้ ที่
คานวณหาจานวนวนั ทางานทั้งหมดระหวา่ งวนั ทส่ี องคา่ คอื วันทเ่ี ร่มิ ต้นถงึ วันทส่ี ิน้ สุด ไมร่ วม
วนั หยดุ เสาร์-อาทติ ย์ และวันหยดุ พเิ ศษ
14) การคานวณโดยใชฟ้ งั กช์ นั VLOOKUP
= VLOOKUP(Lookup_Value,Table_array,Col_index_num,Range_lookup)
ทาหน้าที่ คน้ หาและแสดงข้อมูล
หนว่ ยที่ 85
15) การคานวณโดยใช้ฟงั กช์ นั IF
= IF(Logical,Value_if_true,Value_if_false) ทาหน้าที่
ตรวจสอบเงือ่ นไขหาคา่ จริงหรอื เทจ็ แลว้ ตดั สนิ ใจในการประมวลผล
16) การคานวณโดยใชฟ้ งั กช์ นั IF ซ้อน IF
=IF(Logical,Value_if_ture,IF(Logical,Value_if_ture,IF(Logical,Value_if_ture,Value_if_false)))
ทาหนา้ ที่ ตรวจสอบเงือ่ นไขในกรณที ี่มหี ลายเงอ่ื นไขและหาค่าจริง
17) การคานวณโดยใชฟ้ งั กช์ ัน SUMIF
= SUMIF(Range,Criteria,Sum_range) ทาหน้าท่ี หาผลรวมแบบมีเงอ่ื นไข
หน่วยท่ี 58
18) การคานวณโดยใช้ฟงั ก์ชนั COUNTIF
= COUNTIF(Range,Criteria) ทาหนา้ ท่ี นบั จานวนแบบมเี งอ่ื นไข
19) การคานวณโดยใชฟ้ งั ก์ชัน BATHTEXT
= BATHTEXT(Number) ทาหนา้ ที่ แปลงตัวเลขใหเ้ ป็นตัวอักษร
20) การคานวณโดยใชฟ้ งั กช์ นั PMT
= PMT(rate,nper,pv,fv,type) ทาหน้าที่ คานวณหายอดการชาระเงนิ สาหรบั เงนิ กู้
(Payment) หรอื ผอ่ นชาระต่องวดจากการกู้ยืม
หนว่ ยที่ 9
1. เรม่ิ ตน้ ใชง้ านโปรแกรม
Microsoft Office PowerPoint ได้
2. จัดการภาพนิ่ง (Slide) ได้
หน่วยท่ี 59
การนาเสนอ หรือเรยี กตามศพั ท์ภาษาอังกฤษว่า การพรเี ซนเตชัน(Presentation)
มกั เรยี กติดปากส่ันๆวา่ การพรเี ซนต์ ซ่ึงก็คือการบรรยายเพอ่ื นาเสนอหรอื โน้มนา้ ว
ผฟู้ งั ด้วยขอ้ มูลตา่ งๆโดยการนาเสนอท่ีดตี อ้ งมขี อ้ มลู ทถี่ ูก ตอ้ ง กระชับ ถกู ต้อง
และเขา้ ใจไดง้ า่ ย
หน่วยที่ 59
การจาลองการทางานของเคร่อื งฉายสไลด์ โดยข้อมูลที่ใชใ้ น
การนาเสนอจะถกู เกบ็ อยู่ในสไลด์ (Slide) แตล่ ะสไลดจ์ ะประกอบ
ไปดว้ ยข้อความ กราฟ ตาราง รปู ภาพ ไดอะแกรม หรือ
ภาพเคลอ่ื นไหวต่างๆ