The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยที่ 2 การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by yupapak1221, 2021-08-29 22:37:15

หน่วยที่ 2 การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลก

หน่วยที่ 2 การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลก

16.ภูมปิ ระเทศที่เกิดจากการกรอ่ นโดยลม มีลกั ษณะภมู ิประเทศอย่างไร พร้อมอธิบายลกั ษณะ
16.1…………………………………………………………………………………………………………
16.2…………………………………………………………………………………………………………
16.3…………………………………………………………………………………………………………
16.4…………………………………………………………………………………………………………

17.พลายา คือ…………………………………………………………………………………..………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
18.เนินทราย คอื ……………………………………………………………………………………………………………………………………….
19.ภูมิประเทศทีเ่ กิดจากการกระทาของน้าใต้ดนิ คอื ……………………………………………………………………………………
20.หลุมยุบ คือ………………………………………………………………………………………………………………………………….………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..….
21.ถา้ คอื ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
22.ปา่ ช้าหนิ ปนู หรอื สุสานหิน คอื ……………………………………………………………………………………………………………….
23.เขาลอมฟาง คือ…………………………………………………………………………………………………………………………………..
24. ภมู ปิ ระเทศท่ีเกิดจากการทบั ของนา้ ใต้ดินเกดิ จาก…………………………………………………………………………………
25.ลักษณะภมู ปิ ระเทศทีเ่ กดิ จากการกระทาของคลื่นและกระแสน้า คอื ………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……….
26.แหลม (cape) และอา่ ว (bay) คอื ………………………………………………………………………………………………………..
27.หนา้ ผาสงู ชนั รมิ ทะเล (sea cliff) และโพรงหินชายฝั่ง (sea cave) เกดิ จากสงิ่ ใด……………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
28.ซุม้ หนิ ชายฝ่ัง (sea arch) มักเกิดขึน้ บรเิ วณหัวแหลม โดยสง่ิ ใด………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
29.หาดทราย (beach) เกิดข้ึนจาก……………………………………………………………………………………………………………
30.สันดอน (bar) เกิดจาก…………………………………………………………………………………………………………………………
31.ท่รี าบชายฝ่ัง (coastal plain) เกิดจาก………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ใบงานท่ี 2.17 ชอื่ …………………………………………………………………………

หนว่ ยท่ี: 2 การเปลีย่ นแปลงทางกายภาพของโลก เลขท่ี……………………..หอ้ ง…………………………………………

เรือ่ ง: การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพที่ส่งผลต่อ ครผู สู้ อน…………………………………………………………………

ภมู ปิ ระเทศ ภมู ิอากาศ และทรพั ยากรธรรมชาติ โรงเรยี น…………………………………………………………………

คาชแี้ จง: ให้นกั เรยี นตอบคาถามตอนไปน้ีให้ถกู ต้อง

1.การเปล่ียนแปลงทางกายภาพท่สี ่งผลต่อภูมิประเทศ คอื การเกิดจากการปรับระดับพ้นื ผวิ โลกจากตวั กระทา ได้แก่

ธารน้าไหล ธารนา้ แข็ง ลม น้าใตด้ นิ คล่ืน และกระแสน้าชายฝ่ัง ทาให้เกดิ ทแี่ ตกหกั หรอื ผพุ งั อยกู่ ับที่เกดิ การกร่อนการพัดพา และ

การทบั ถม

2.ภูมิประเทศทเ่ี กิดจากการกระทาของนา้ และแมน่ ้า สง่ ผลใหเ้ กดิ ภูมปิ ระเทศได้หลายลักษณะ คอื

2.1 ภมู ิประเทศจากการรอ่ นโดยน้าและแมน่ า้ คือ เป็นการกระทาของแม่นา้ บรเิ วณทอ้ งน้าและตล่ิงท้ังสองฝ่งั ของ

แม่นา้ ด้วยการครูด การกระแทกเสยี ดสี แรงกระทาทางชลศาสตร์และการละลาย

2.2 ภมู ิประเทศจากการทับถมโดยนา้ และแมน่ ้า คือ เปน็ การทับถมของตะกอนเกดิ ขน้ึ เมอ่ื กระแสน้าลดความเร็ว วตั ถุ

หรือตะกอนตา่ งๆ ท่ีมขี นาดหนกั เกนิ กว่าความเรว็ ของกระแสน้าพัดพาไปจกึ ตกทบั ถมกนั

3.ให้นกั เรียนเลอื ก อธบิ ายลักษณะประเทศท่ีเกดิ จาก ภูมิประเทศจากการร่อนโดยนา้ และแมน่ า้ และภมู ิประเทศ

จากการทับถมโดยน้าและแม่น้า อย่างใดอย่างหน่ึง โดยการวาดภาพประกอบ พร้อมระบายสีลงในช่องวาง

4.ภูมิประเทศที่เกดิ จากการกระทาของธารนา้ แขง็ คอื เกดิ จากการสะสมของหิมะจนเปน็ ชั้นหนาและอัดแขง็ ซงึ่ ไหลไป

ตามความลาดชนั ของหุบเขา

5.การกรอ่ นโดยธารน้าแข็งเกดิ จากสง่ิ ใด เกิดจาการละลายของธารน้าแขง็
6.เซิร์ก เป็นลักษณะอยา่ งไร ภูมปิ ระเทศบนไหลเ่ ขาชนั ท่ีเป็นรปู อฒั จันทรโ์ คง้
7.อาแรต็ เปน็ ลักษณะอย่างไร สันเขาแคบๆ มลี กั ษณะหยกั แหลมคล้ายฟันเล่ือย
8.หุบเขาลอย เปน็ ลกั ษณะอยา่ งไร เปน็ หุบเขาสาขาทอ่ี ย่สู ูงตา่ งระดบั กับหบุ เขาใหญ่ ซึง่ ตอนที่เชื่อมตอ่ กบั หุบเขาใหญเ่ ป็น

ท่ตี ัง้ ชนั มาก ถ้ามีธารนา้ ไหลผ่านหบุ เขสาขามาส่หู บุ เขาใหญ่ จะเกดิ โกรธธารหรือนา้ ตก

9.ยอดเขารปู พรี ะมิด เป็นลักษณะอย่างไร เป็นยอดเขาทมี่ ีสนั สงู ชันหลายดา้ นคล้ายพีระมดิ

10.จงเตมิ คาตอบลงในชอ่ งว่างท่กี าหนดให้ถกู ต้อง เก่ียวกับภาพ ภมู ิประเทศทีเ่ กดิ จากการกร่อนโดยธาร
นา้ แข็ง

11.ฟอี อรห์ รือฟนอร์ด เกดิ จากสิ่งใด เกดิ จากการกรอ่ นของธารนา้ แขง็ ใหเ้ ปน็ รอ่ งลึกขนาดใหญช่ ายฝ่งั ทะเล
12.ฟอี อร์หรือฟนอรด์ มีลกั ษณะอย่างไร อ่าวขนาดเล็ก เป็นรอ่ งลึกลงสทู่ ะเล
13.เนินคมกบั หลมุ ธารนา้ แขง็ มคี วามแตกตา่ งกนั อย่างไร เนินคมเป็นเนนิ หรอื สนั รปู รา่ งไม่สมา่ เสมอ สว่ นหลมุ ธารนา้ แขง็

เปน็ แอ่งในตะกอนธารน้าแขง็

14.เขารูปหงอนไก่ เกดิ จากส่ิงใด เกิดจากการสกึ กรอ่ นผพุ งั ที่ไมเ่ ทา่ กันโดยการกระทาของลมและเศษฝนุ่ ที่พัดแรงครูดถเู ขา

จนมรี ูปรา่ งแปลกตา

15.จงอธิบายภูมิประเทศทะเลทรายลกั ษณะต่าง ๆ จากการพดั พาและทับถมของลม ตามรูปท่ีกาหนด

16.ภมู ปิ ระเทศทีเ่ กิดจากการกร่อนโดยลม มลี กั ษณะภมู ิประเทศอยา่ งไร พร้อมอธิบายลกั ษณะ
16.1 เขารูปหงอนไก่ คือ ภูเขาหนิ ท่ปี ระกอบดว้ ยสันสลับร่องหลายๆช่วง จนดคู ลา้ ยรปู หงอนไก่
16.2 ลาดเชงิ เขา คอื บรเิ วณทรี่ าบหนิ แขง็ ตดิ เชงิ เขาท่มี ีความลาดชดั น้อย หรอื เปน็ ทีร่ าบลูกคล่ืนน้อย
16.3 ดาดหนิ ทะเลทราย เปน็ คาดทเี่ กิดจากทล่ี มพัดพาเอาทรายออกไปจากพน้ื ท่ที รายปรกรวดในทะเล
16.4 แอ่งลมหอบ เปน็ แอง่ ต่าทเ่ี กิดจากการกรอ่ นโดยสมพดั พาเมด็ ทรายออกไป

17.พลายา คอื พื้นที่ปลายลาดเชงิ เขา เกิดจากการทบั ถมของตะกอนทน่ี า้ และลมทับถมกัน ไมม่ ีทางให้นา้ ไหลออก จึงมีนา้ ขงั ซมึ

ลงใตด้ ินและระเหยจึงมคี ราบเกลอื

18.เนนิ ทราย คอื เนินที่เกิดขึ้นโดยลมพดั พาตะกอนทรายมากองรวมกัน พบมากในท่รี าบทะเลทราย
19.ภูมปิ ระเทศท่ีเกิดจากการกระทาของนา้ ใตด้ นิ คอื นา้ ท่ีอยู่ในระดับใตด้ ิน เกิดจากการดดู ซบั นา้ ลงสู่ใตด้ นิ
20.หลมุ ยุบ คือ หลมุ ยุบเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาตอิ ยา่ งหน่งึ ท่ีดินยบุ ตัวลงเปน็ หลมุ ลึก มรี ูปร่างและขนาดตา่ งๆกนั เชน่ รูป

เกอื บกลมหรอื เป็นวงรี (พจนานกุ รม ศพั ทธ์ รณวี ทิ ยา, 2544) มีนา้ ขังอยกู่ ้นหลุม ภายหลังนา้ ใต้ดินจะกดั เซาะและนาพาดินท่ีอยู่กน้
หลมุ ไป ทาให้หลมุ ยุบลึกขึน้ ส่วนปากหลุมก็จะพังอยู่ตลอดจนกระทัง่ จะเสถีย

21.ถ้า คือ ช่องท่ีเปน็ โพรงลึกขนาดใหญ่ในภูเขา
22.ป่าช้าหนิ ปนู หรอื สสุ านหิน คอื ทร่ี าบดินสีแดงทีม่ หี นิ ปนู โผล่พน้ ผวิ ดนิ ขึ้นมาเปน็ หย่อมๆ แตส่ ูงไมม่ าก มีรปู รา่ งต่างกัน
23.เขาลอมฟาง คอื ยอดเขาหนิ ปูนทถี่ ูกนา้ กร่อนละลายจนเหลอื เปน็ เขาโดดทีม่ ยี อดเขาห่างกันคลา้ ยกองฟางขา้ ว
24. ภมู ิประเทศท่ีเกิดจากการทับของนา้ ใต้ดนิ เกดิ จาก เกิดข้ึนในถ้าเม่อื นา้ ปนู ทีล่ ะลายหยอดผา่ นเพดานถ้า
25.ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศท่ีเกดิ จากการกระทาของคล่นื และกระแสน้า คอื การกระทาของคลืน่ และกระแสน้าทก่ี อ่ ให้เกดิ

ลักษณะภมู ิประเทศ ได้แก่ การกรอ่ น การพัดพา และการทบั ถม ทาใหเ้ กดิ ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศที่สาคญั

26.แหลม (cape) และอา่ ว (bay) คือ สว่ นหินแขง็ ทีย่ น่ื ออกไปในทะเล เรียกว่า แหลม ส่วนบรเิ วณทถ่ี กู กัดเซาะเวา้ เข้าไป

ในแผน่ ดิน เรียกวา่ อ่าว

27.หน้าผาสงู ชันริมทะเล (sea cliff) และโพรงหนิ ชายฝ่ัง (sea cave) เกิดจากสิ่งใด การกัดเซาะของคลืน่ ทาให้

เกดิ เปน็ หน้าผาสงู ชนั ถา้ บริเวณหนา้ ผาชายทะเลถูกคลืน่ กดั เซาะบรเิ วณฐานของหนา้ ผา เรียกว่า โพรงหนิ ชายฝ่งั

28.ซ้มุ หนิ ชายฝ่ัง (sea arch) มกั เกิดขึน้ บรเิ วณหัวแหลม โดยสง่ิ ใด กระแสนา้ จะกดั เซาะจนทาให้เกิดเป็นโพรงหนิ

เมอ่ื โพรงน้ที ะลจุ ะมเี ปน็ ลักษณะเหมือนสะพานโคง้ อยเู่ หนอื นา้

29.หาดทราย (beach) เกิดขึน้ จาก การทับถมของกรวดทรายที่คลื่นพัดพามา
30.สันดอน (bar) เกิดจาก คล่ืนและกระแสน้าพดั พาเอากรวด ทรายมาทบั ถมขวางทางไว้ เม่อื นานเข้าจะปรากฏเป็นเนินสูง

พน้ จากพนื้ นา้

31.ท่รี าบชายฝ่ัง (coastal plain) เกิดจาก คล่นื และกระแสนา้ พดั พาเศษวตั ถจุ ากทะเลเข้ามาทบั ถมไว้ทีช่ ายฝ่ัง ทาให้เกดิ

เปน็ ทร่ี าบ

ใบงานที่ 2.18 ช่อื …………………………………………………………………………

หนว่ ยท่ี: 2 การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพของโลก เลขท่ี……………………..หอ้ ง…………………………………………

เรอื่ ง: การเปล่ยี นแปลงทางกายภาพท่สี ่งผลต่อ ครูผ้สู อน…………………………………………………………………

ภูมิอากาศ โรงเรยี น…………………………………………………………………

คาช้ีแจง: ใหน้ ักเรียนเลอื กอธิบายการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพทส่ี ง่ ผลตอ่ ภมู ิอากาศ โดยเขยี นเปน็ mind map

ใบงานที่ 2.19 ชอื่ …………………………………………………………………………

หน่วยท่ี: 2 การเปล่ยี นแปลงทางกายภาพของโลก เลขที่……………………..หอ้ ง…………………………………………

เรือ่ ง: การเปล่ยี นแปลงทางกายภาพท่สี ง่ ผลต่อ ครูผูส้ อน…………………………………………………………………

ทรพั ยากรธรรมชาติ โรงเรยี น…………………………………………………………………

คาชแ้ี จง: ให้นักเรยี นเลอื กอธิบายการเปล่ยี นแปลงทางกายภาพทส่ี ง่ ผลตอ่ ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเขียนเป็น

mind map

ใบงานท่ี 2.20 ชอ่ื …………………………………………………………………………

หนว่ ยท่ี: 2 การเปล่ยี นแปลงทางกายภาพของโลก เลขท่ี……………………..ห้อง…………………………………………

เรือ่ ง: การเปล่ียนแปลงทางกายภาพท่สี ง่ ผลต่อ ครูผสู้ อน…………………………………………………………………

ภมู ิอากาศ โรงเรียน…………………………………………………………………

คาชี้แจง: ใหน้ ักเรียนตอบคาถามตอนไปนใ้ี ห้ถูกต้อง

1.การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพทีส่ ่งผลต่อภูมิอากาศ คอื อะไร…………………………………….………………………………..

…………………………………….…………………………………….…………………………………….………………………………………………

2.สาเหตกุ ารเปล่ยี นแปลงทางกายภาพส่งผลต่อภมู ิอากาศ

2.1การผนั แปรวงโคจรของโลก คืออะไรจงอธบิ ายพร้อมวาดภาพประกอบลงในช่องว่าง

…………………………………….…………………………………….…………………………………….………………………………………………

2.2การผันแปรของรังสีจากดวงอาทติ ย์ เกิดจากสิ่งใดเป็นตัวแปร…………………………………………………….
…………………………………….…………………………………….…………………………………….………………………………………………

2.3การเปล่ยี นแปลงของแก๊สเร่อื นกระจก เกิดจากสิ่งใดบ้าง……………………………………………………………
…………………………………….…………………………………….…………………………………….………………………………………………
3.การจาแนกประเภทเพือ่ แบง่ เขตอากาศของโลกทไ่ี ด้รบั ความนยิ มกันอย่างแพรห่ ลาย ได้แก…่ ..........................
…………………………………….…………………………………….…………………………………….………………………………………………
4.สัญลกั ษณ์แทนลักษณะภูมิอากาศของเคิปเปนิ คอื ………………………………………………..………………………………….

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

5.คาอธิบายความหมายของลกั ษณะภูมิอากาศของเคปิ เปนิ คอื
 A คอื …………………………………………………………………………………………………………………………………
 B คือ …………………………………………………………………………………………………………………………………
 C คอื …………………………………………………………………………………………………………………………………
 D คอื …………………………………………………………………………………………………………………………………

 E คอื …………………………………………………………………………………………………………………………………
 H คอื …………………………………………………………………………………………………………………………………
 a คอื …………………………………………………………………………………………………………………………………
 b คอื …………………………………………………………………………………………………………………………………
 c คอื …………………………………………………………………………………………………………………………………
 d คือ …………………………………………………………………………………………………………………………………
 f คอื …………………………………………………………………………………………………………………………………
 s คือ …………………………………………………………………………………………………………………………………
 w คือ …………………………………………………………………………………………………………………………………
 m คอื …………………………………………………………………………………………………………………………………
คาช้แี จง: ใหน้ ักเรียนเลอื กเขตภูมิอากาศ มา 3 เขต โดยการติดรปู พรอ้ มอธบิ ายถงึ ลกั ษณะของภูมิอากาศ

รูป …………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………….……………….…………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………

รูป …………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………….……………….…………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………

รูป …………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………….……………….…………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………

ใบงานที่ 2.20 ช่อื …………………………………………………………………………

หนว่ ยท่ี: 2 การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพของโลก เลขท่ี……………………..ห้อง…………………………………………

เรือ่ ง: การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพทีส่ ่งผลต่อ ครูผสู้ อน…………………………………………………………………

ภมู ิอากาศ โรงเรียน…………………………………………………………………

คาชแ้ี จง: ให้นักเรียนตอบคาถามตอนไปน้ีให้ถูกต้อง

1.การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพทีส่ ง่ ผลต่อภูมิอากาศ คืออะไร การทอ่ี ุณหภูมขิ องโลกคอ่ ยๆเปลยี่ นแปลงไปทลี ะนอ้ ย

อนั เนอ่ื งมาจาก 2 ปัจจัยสาคญั ไดแ้ ก่ ปัจจัยทางธรรมชาติ และปัจจยั จากการเปลยี่ นแปลงปรมิ าณและความเข้มขน้ ของแกส๊ เรอื น

กระจกในบรรยากาศ

2.สาเหตกุ ารเปลย่ี นแปลงทางกายภาพส่งผลตอ่ ภมู ิอากาศ

2.1การผันแปรวงโคจรของโลก คืออะไรจงอธบิ ายพร้อมวาดภาพประกอบลงในช่องว่าง

ตามวัฏจักรมลิ านโควทิ ช์จะเกดิ การผันแปรวงโครของโลกใน 3 ลกั ษณะ

2.2การผันแปรของรังสจี ากดวงอาทติ ย์ เกดิ จากสิ่งใดเป็นตวั แปร จากการเกดิ จดุ ดบั บนดวงอาทติ ย์ทาใหม้ ี

อณุ หภูมติ ่ากว่าบรเิ วณโดยรอบ สง่ ผลต่อการแผร่ งั สขี องดวงอาทิตย์มายังโลก ทาใหอ้ ุณหภมู ิบนโลกลดลง

2.3การเปลยี่ นแปลงของแก๊สเรือ่ นกระจก เกิดจากสิ่งใดบ้าง จากการปะทขุ องภูเขาไฟทร่ี นุ แรงทาให้เกดิ แกส๊

คารบ์ อนไดออกไซด์ มเี ทน ไนตรัสออกไซด์ ส่งผลทาใหเ้ กดิ ยคุ น้าแขง็ และยุคนา้ แขง็ ละลาย หรือการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

3.การจาแนกประเภทเพ่ือแบ่งเขตอากาศของโลกที่ไดร้ ับความนยิ มกนั อย่างแพร่หลาย ได้แก่ การจาแนกเขต

ภมู อิ ากาศของ ดร.วลาดีเมียร์ เคิปเปนิ (Dr.Wladimir Köppen) นกั พฤกษศาสตร์และภมู ิศาสตร์ชาวเยอรมนั ศาสตราจารย์แห่ง
มหาวิทยาลยั เกรซ ประเทศออสเตรยี โดยใชอ้ ักษรภาษาองั กฤษเปน็ สัญลกั ษณ์

4.สญั ลกั ษณแ์ ทนลักษณะภูมิอากาศของเคปิ เปิน คือ เคปิ เปนิ ใชอ้ กั ษร A, B, C, D, E และ H เปน็ อักษรตวั แรก เพื่อ

กาหนดลักษณะภมู อิ ากาศสาคญั 6 ประเภท และแบ่งย่อยโดยใชส้ ญั ลกั ษณ์เปน็ อักษรตวั ท่ี 3

5.คาอธบิ ายความหมายของลักษณะภมู ิอากาศของเคิปเปนิ คอื

 A คือ อณุ หภมู เิ ฉลยี่ ทุกเดอื นสูงกวา่ 18 องศาเซลเซียส ไมม่ ฤี ดูหนาว ปริมาณนา้ ฝนสงู กวา่ การระเหย

 B คือ การระเหยมมี ากกวา่ ความชื้นทไ่ี ด้รบั เป็นเขตท่ีไมม่ ตี ้นนา้ ลาธาร

 C คือ อุณหภมู ขิ องเดอื นทหี่ นาวที่สุดตา่ กว่า 18 องศาเซลเซียส แตไ่ มต่ า่ กว่า 0 องศาเซลเซยี ส เปน็ เขตท่ีมีทง้ั ฤดรู ้อน

และฤดูหนาว
 D คอื อณุ หภมู ขิ องเดือนทห่ี นาวทสี่ ุดตา่ กว่า 3 องศาเซลเซียส และอุณหภมู เิ ฉลย่ี ของเดือนทีร่ อ้ นทสี่ ดุ สงู กว่า 10 องศา

เซลเซียส

 E คือ อุณหภมู ขิ องเดือนทีร่ ้อนทสี่ ุดต่ากว่า 10 องศาเซลเซียส เปน็ เขตท่ีไมม่ ีฤดูรอ้ นเลย

 H คอื ภมู อิ ากาศแบบทสี่ ูง

 a คือ เดอื นท่รี อ้ นทสี่ ุดมีอุณหภมู เิ ฉล่ยี สูงกวา่ 22 องศาเซลเซียส
 b คือ เดือนที่ร้อนทีส่ ุดมีอณุ หภมู เิ ฉลี่ยต่ากว่า 22 องศาเซลเซยี ส
 c คือ อณุ หภมู เิ ฉล่ียของเดือนทหี่ นาวทส่ี ุดสงู กว่า -38 องศาเซลเซยี ส และใน 1 ปี มีเดือนทีมอี ณุ หภมู สิ งู กว่า 10องศา

เซลเซียส น้อยกวา่ 4 เดือน

 d คอื เดือนที่หนาวทีส่ ดุ มีอณุ หภูมติ า่ กวา่ -38 องศาเซลเซียส
 f คอื มีฝนตกตลอดทั้งปี ไม่มฤี ดรู ้อนชัดเจน ปรมิ าณฝนแตล่ ะเดอื นไมต่ ่ากว่า 60 มิลลิเมตร
 s คอื ฤดรู อ้ นแห้งแล้ง เดอื นท่แี หง้ แลง้ ที่สดุ ปรมิ าณฝนนอ้ ยกวา่ 30 มลิ ลเิ มตร
 w คือ ฤดูหนาวแหง้ แลง้
 m คือ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากลมมรสมุ มปี ริมาณฝนรวมท้งั ปคี อ่ นขา้ งสงู แตล่ ะปมี ฤี ดู 2 – 3 เดือน
คาช้ีแจง: ให้นักเรียนเลอื กเขตภูมอิ ากาศ มา 2 เขต โดยการตดิ รปู พรอ้ มอธิบายถึงลักษณะของภมู ิอากาศ

รูป …………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………….……………….…………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………

รูป …………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………….……………….…………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………

ใบงานที่ 2.21 ช่อื …………………………………………………………………………

หน่วยที่: 2 การเปล่ยี นแปลงทางกายภาพของโลก เลขท่ี……………………..ห้อง…………………………………………

เร่ือง: การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพทีส่ ง่ ผลต่อ ครูผู้สอน…………………………………………………………………

ทรพั ยากรธรรมชาติ โรงเรยี น…………………………………………………………………

คาชีแ้ จง:ใหน้ ักเรียนอธิบายปจั จัยทางธรรมชาติและการกระทาของมนุษย์ทมี่ ผี ลตอ่ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลก

บจั จยั ถางทรรมชาติ

ปรากฏการณ์ การปะทขุ องภูเขาไฟ การเปลย่ี นแปลงแนววงโคจรของโลก
เอลนีโญ-ลานีญา รอบดวงอาทิตย์

ใบงานที่ 2.21 ช่อื …………………………………………………………………………

หนว่ ยท่ี: 2 การเปลีย่ นแปลงทางกายภาพของโลก เลขที่……………………..หอ้ ง…………………………………………

เรือ่ ง: การเปล่ยี นแปลงทางกายภาพท่ีส่งผลต่อ ครผู ้สู อน…………………………………………………………………

ทรัพยากรธรรมชาติ โรงเรียน…………………………………………………………………

คาชแี้ จง:ให้นักเรียนอธิบายปัจจยั ทางธรรมชาตแิ ละการกระทาของมนษุ ยท์ ม่ี ผี ลตอ่ การเปล่ียนแปลงอณุ หภูมขิ องโลก

บจั จยั ถางทรรมชาติ

ปรากฏการณ์ การปะทุของภเู ขาไฟ การเปล่ียนแปลงแนววงโคจรของโลก
เอลนีโญ-ลานีญา รอบดวงอาทติ ย์

เอลนโิ ญ เปน็ ปรากฏการณท์ ่ี การปะทุของภเู ขาไฟท่ีมีความ วงโคจรของโลกรอบดวงอาทติ ย์
ผิวนา้ ทะเลทางตะวนั ออกของ รุนแรงมากๆ จะมีกาลังมากพอทจ่ี ะ จะเปลย่ี นแปลงในรอบ 1 แสนปี
มหาสมทุ รแปซิฟิกเขตร้อนอนุ่ กว่า พน่ แก๊สและเศษวสั ดทุ ี่มีขนาดเลก็ วงโคจรจะยาวและรีมากขนึ้ ทาให้
ปกติ มากๆ จานวนมหาศาลขนึ้ ไปจนถงึ รังสจี ากดวงอาทิตยท์ ่ีโลกไดร้ บั
ลานีญา เป็นปรากฏการณ์ทีผ่ วิ น้า บรรยากาศช้นั สตราโตสเฟียร์ แลว้ เปล่ียนแปลงไป และจะมผี ลทาให้
ทะเลทางตะวนั ออกของมหาสมุทร แผก่ ระจายออกไปทวั่ โลก และ อุณหภมู ขิ องโลกแตกต่างจากที่
แปซิฟกิ เขตรอ้ นเยน็ ลงกว่าปกติ ลอ่ งลอยอยูใ่ นบรรยากาศเปน็ เวลา เป็นอยใู่ นปัจจุบัน
ปรากฏการณ์ทั้งสองนี้จะเกิดสลับ นาน ทาใหเ้ กิดการปิดกน้ั รังสจี าก
กันไปมา สง่ ผลให้อณุ หภมู ขิ องโลก ดวงอาทติ ย์ สง่ ผลให้อณุ หภมู ลิ ด
สูงข้ึน เกดิ ความแหง้ แลง้ และในบาง ตา่ ลง ทาใหอ้ ากาศหนาวเยน็ ผดิ ปกติ
ประเทศเกดิ ฝนตกหนักและนา้ ท่วม


Click to View FlipBook Version