อาณาจักร:อียิปต์ กำ เนิด อาณาจักรโบราณ อาณาจักรอียิปต์ ได้ถือกำ เนิดขึ้นในราว 3200 ปีก่อนคริสตกาล โดยราชาแมงป่อง ผู้ครองนครทีบส์ (Thebes) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ ตอนกลางแห่งลุ่มน้ำ ไนล์ พระองค์ได้กรีฑาทัพเข้ายึดครอง นครรัฐต่างๆ ในอียิปต์บนและตั้งตนเป็นฟาโรห์แห่งอาณาจักร อียิปต์ทางตอนบน ราชาแมงป่องปรารถนาจะรวมอียิปต์เข้าด้วย กันแต่พระองค์สิ้นพระชนม์เสียก่อน ต่อมาโอรสของพระองค์ นาม ว่า นาเมอร์ (Namer) ได้สานต่อนโยบายและกรีฑาทัพเข้าโจมตี อียิปต์ตอนล่าง ในที่สุดเมื่อถึงสมัยของฟาโรห์เมเนส (Menese) พระองค์สามารถรวมทั้งสองอาณาจักรเข้าด้วยกันได้สำ เร็จ และ ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นฟาโรห์พระองค์แรกของอียิปต์โดยตั้ง เมืองหลวงที่ เมมฟิส (Memphis) ซึ่งอยู่ตอนกลางของลุ่มน้ำ ไนล์ ฟาโรห์เมเนสเป็นฟาโรห์องค์แรกแห่งราชวงศ์ที่หนึ่งของ อาณาจักรอียิปต์ โบราณ ซึ่งยุคนี้เมืองหลวงของอียิปต์คือ นคร เมมฟิส (Memphis) ซึ่งชาวอียิปต์โบราณเชื่อกันว่า องค์ฟาโรห์ คือร่างประทับของสุริยเทพ ที่ลงมาปกครองมนุษย์ การแบ่งชนชั้นของอียิปต์ ในสังคมอียิปต์มีการแบ่งออกเป็นสามชนชั้น คือ ชนชั้นสูงได้แก่ เชื้อพระวงศ์, นักบวช และขุนนาง ชนชั้นกลางได้แก่ พ่อค้า, เสมียน และช่างฝีมือ สุดท้ายคือชนชั้นล่างได้แก่พวกชาวนาและ ผู้ใช้แรงงาน นอกจากฟาโรห์แล้ว บุคคลที่มีอำ นาจมากที่สุดคือ หัวหน้านักบวชของเทพเจ้ารา ซึ่งเป็นจอมเทพสูงสุด
จุดเริ่มต้นของพีระมิดเริ่มมาจากมาสตาบา มัสตาบา , (อาหรับ: "ม้า นั่ง") โครงสร้างส่วนบนเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าในสมัยโบราณสุสาน อียิปต์ สร้างด้วยอิฐโคลนหรือต่อมาเป็น หินมีกำ แพงลาดเอียงและ หลังคาเรียบ เพลาลึกลงไปที่ห้องฝังศพใต้ดิน คำ ว่า มัสตาบาถูกใช้ ครั้งแรกในเชิงโบราณคดีในศตวรรษที่ 19 โดยคนงานใน การขุด ค้น ของออกัสต์ มาริเอตต์ที่ซัคคาราเพื่ออธิบายโครงสร้างส่วนบน ของสุสานที่เป็นหินแบนและมียอดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ต่อจากนั้น มาสตาบายังใช้สำ หรับโครงสร้างส่วนบนของอิฐโคลน มาสทาบา ของอาณาจักรเก่าถูกนำ มาใช้เพื่อการฝังศพที่ไม่ใช่ราชวงศ์เป็น หลัก ในสุสานที่ไม่ใช่ราชวงศ์ มีห้องสวดมนต์ซึ่งมีแผ่นจารึกหรือสเต ลาอย่างเป็นทางการซึ่งแสดงผู้ตายนั่งอยู่ที่โต๊ะถวาย ตัวอย่างแรก สุดนั้นเรียบง่ายและไม่ต้องการสถาปัตยกรรมมากนัก ต่อมามีห้องที่ เหมาะสม ซึ่งก็คือโบสถ์สุสาน ไว้สำ หรับสเตลา (ปัจจุบันรวมอยู่ใน ประตูปลอม) ในโครงสร้างส่วนบน ของ สุสาน ห้องเก็บของเต็มไป ด้วยอาหารและอุปกรณ์ และผนังมักตกแต่งด้วยฉากที่แสดง กิจกรรมประจำ วันที่คาดหวังของผู้ตาย สิ่งที่เคยเป็นโพรงด้านข้าง ได้ขยายออกไปเป็นโบสถ์น้อยที่มีโต๊ะถวายและประตู ปลอม ซึ่ง วิญญาณของผู้ตายสามารถออกไปและเข้าไปในห้องฝังศพได้ จุดเริ่ม ริ่ ต้นพีระมิด
ต่อมาในรัชสมัยของฟาโรห์ โจเซอร์(Djoser)ฟาโรห์องค์ ที่สองของราชวงศ์ ที่ 3 โดย อิมโฮเทป สถาปนิกคนแรก ของโลกซึ่งเป็นบุคคลสำ คัญ ในประวัติศาสตร์การแพทย์ ด้วย Imhotep ออกแบบพีระมิด เมื่อประมาณศตวรรษที่ 27 ก่อนคริสตศักราช พีระมิดแห่งนี้สร้างขึ้นในทะเลทรายนอกเมือง เมมฟิส เมืองหลวงของโจเซอร์ซึ่งมองเห็นเส้นขอบฟ้าได้อย่าง ชัดเจน โดยการนำ สถาปัตยกรรมอียิปต์ในยุคก่อนๆ กลายมาเป็น หิน ชั้นหินและดินเหนียวหกชั้นที่ลดน้อยลงนั้นสูงขึ้นประมาณ 200 ฟุต (61 ม.) และเดิมถูกปกคลุมไปด้วยหินปูน สีขาว แวววาว โดย ทั่วไปแล้วใบหน้าทั้งสี่ของฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสของพีระมิดจะเน้นไปที่ จุดสำ คัญ มีประตูหลายบาน แต่ทางเข้าที่แท้จริงเพียงทางเดียวอยู่ ระหว่างเสาและนำ ไปสู่ลานกลาง เชื่อกันว่าพีระมิดเป็นที่ประดิษฐาน รูปปั้นเทพเจ้าแห่งอียิปต์และของ Djoser เองและสมาชิกใน ครอบครัวของเขา พีระมิดขั้นบันได
พีระมิดขั้นบันได1.1 รวมถึงรูปปั้นขนาดเท่าจริงของเขาที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ของเขา ใต้ พีระมิดมีโครงสร้างใต้ดินที่มีขนาดและซับซ้อนอย่างที่ไม่เคยมีมา ก่อน พร้อมด้วยแกลเลอรีและห้องประมาณ 400 ห้อง พีระมิดตั้ง อยู่ในกลุ่มอาคารต่างๆ ซึ่งบางส่วนดูเหมือนเป็นหุ่นจำ ลอง ซึ่งอาจ หมายถึงวิญญาณของกษัตริย์ชั่วระยะเวลาหนึ่งหลังจากการ สิ้นพระชนม์หรือเกี่ยวข้องกับพิธีเฉลิมฉลองของพระองค์ ทางด้าน ทิศใต้เป็นเส้นทางที่ฟาโรห์ แต่ละองค์ จะวิ่งไปรอบๆ ในระหว่าง พิธี เฮ็บเซดในพิธีราชาภิเษกของพระองค์ นอกจากนี้ยังมีสุสาน สำ หรับสมาชิกคนอื่นๆ ในสภาปกครองอีกด้วย กำ แพงรอบๆ อาคารนี้ยาวมากกว่า 1 ไมล์ (1.6 กม.) และเดิมสูง 34 ฟุต (11 ม.) เว็บไซต์ทั้งหมดได้รับการอธิบายว่าเป็น " เมืองแห่งความตายอัน กว้างใหญ่ "พีระมิดขั้นบันไดแห่งนี้เป็นเพียงสิ่งก่อสร้างอย่างหนึ่ง ภายในอาณาเขตที่ตั้งสุสานฟาโรห์โจเซอร์ ซึ่งมีความยาว ๑,๔๗๐ ฟุตและกว้าง ๘๘๕ ฟุต ความงดงามของพีระมิดแห่งนี้ในสมัยนั้น ทำ ให้ชื่อเสียงของอิมโฮเทปขจรขจายไปทั่ว จนกระทั่งบดบังความ ยิ่งใหญ่ของฟาห์โจเซอร์ผู้เป็นเจ้าของและผู้สั่งให้สร้างพีระมิดเอง
พีระมิดคูฟู หรือ พีระมิดคีออปส์ นิยมเรียกกันโดย ทั่วไปว่า มหาพีระมิดแห่งกีซา : The Great Pyramid of Giza เป็น พีระมิดในประเทศอียิปต์ที่มี ความใหญ่โตและเก่าแก่ที่สุด ในหมู่พีระมิดทั้งสามแห่ งกีซา เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในสมัย ฟาโรห์คูฟู (Khufu) แห่ง ราชวงศ์ที่ 4 ซึ่งปกครองอียิปต์โบราณ เมื่อ ประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล หรือกว่า 4,600 ปี มาแล้ว พีระมิดคุฟู เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จในสมัยของฟาโรห์คูฟู มหาพีระมิด มี ความสูงถึง 147 เมตร นับจากก่อสร้างแล้วเสร็จ พีระมิดคูฟูนับ เป็นสิ่งก่อสร้างสูงที่สุดในโลก เป็นเวลาต่อเนื่องยาวนานถึง 43 ศตวรรษ จนกระทั่ง มีการก่อสร้าง มหาวิหารลินคอล์น ที่ ประเทศอังกฤษ ซึ่งมียอดวิหารสูง 160 เมตร ในปี พ.ศ. 1843 ซึ่งต่อมายอดวิหารนี้ถูกพายุทำ ลายในปี พ.ศ. 2092 (ค.ศ. 1549) แต่ขณะนั้นส่วนยอดพีระมิดคูฟูก็สึกกร่อนลงจนมีความ สูงไม่ถึง 140 เมตร ทำ ให้ วิหารเซนต์โอลาฟ (St. Olav’s Church) ในประเทศเอสโตเนีย ซึ่งเพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2062 (ค.ศ. 1519) กลายเป็นสิ่งก่อสร้างสูงที่สุดในโลก
พีระมิดคาเฟร พีระมิดคาเฟร (Khafre) เป็นพีระมิดในประเทศอียิปต์ ตั้งอยู่ บริเวณที่ราบสูงกีซา ชานกรุงไคโร สร้างโดย ฟาโรห์คาเฟร ผู้ เป็นราชโอรสของ ฟาโรห์คูฟู โดยสร้างขึ้นเคียงข้าง พีระมิดของพระราชบิดา และสำ เร็จด้วยขนาดใกล้เคียงกัน ที่ความสูง 144 เมตร (ปัจจุบันคงเหลือความสูง 136 เมตร) ฐานแต่ละด้านกว้างประมาณ 215 เมตร และเอียงทำ มุมประมาณ 53 องศา ลักษณะสำ คัญอีกอย่างหนึ่ง ของพีระมิด คาเฟรคือ ส่วนยอดของพีระมิดยังคงมีชั้น หินปูนขัดมัน ที่ชาวอียิปต์โบราณก่อสร้าง ปิดเป็นผิวชั้นนอกของพีระมิดหลงเหลืออยู่ หินปูนขัดมันที่เป็นผิวชั้นนอกนี้ บางก้อนมี น้ำ หนัก ถึง 7 เมตริกตัน บริเวณใกล้เคียงกับพีระมิดคาเฟรจะมี มหาสฟิงซ์ ที่มักปรากฏอยู่ในภาพถ่ายพร้อมกับ พีระมิดคาเฟร มหาสฟิงซ์นี้เป็นรูป แกะสลักจากหินก้อนเดียว ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และยังนับเป็นอนุสาวรีย์แบบแกะสลักลอยตัวที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย
พีระมิดเมนคุเร พีระมิดเมนคูเร (Pyramid of Menkaure) หนึ่งในพีระมิดในประเทศอียิปต์ตั้งอยู่ บริเวณที่ราบสูงกีซา ทางทิศตะวันตกนอกกรุงไคโร สร้างโดย ฟาโรห์เมนคูเร หรือ ชื่อในภาษากรีกคือ ฟาโรห์ไมซีรีนัส (Micerinus) ทรงเป็นราชโอรสของ ฟาโรห์ คาเฟร ผู้สร้างพีระมิดคาเฟร และเป็นพระนัดดาของฟาโรห์คูฟู ผู้สร้างมหาพีระมิด แห่งกิซ่าฟาโรห์เมนคูเรได้สร้างพีระมิด ขึ้นเป็นหลังที่สามที่ความสูง 65.5 เมตร (ปัจจุบันคงเหลือ ความสูง 62 เมตร) ฐานแต่ละด้านกว้างประมาณ 105 เมตร และ เอียงทำ มุมประมาณ 51 องศา ซึ่งแม้จะมีขนาดเล็กที่สุด ในหมู่พีระมิดทั้ง 3 แห่งกิ ซ่า แต่ก็ยังสูงประมาณอาคาร 18 ชั้น (เมื่อคิดความสูงที่ชั้นละ 3.5 เมตร) เพิ่มข้อความในส่วนเนื้อหาเล็กน้อยทางทิศใต้ของพีระมิด เมนคูเร มีการสร้างหมู่พีระมิดราชินีทั้ง 3 (The Three Queen’s Pyramids) เป็นที่ไว้พระศพของราชินี 3 องค์ ในสมัยของฟาโรห์เมนคูเร หมู่พีระมิดราชินีทั้ง 3 นี้มัก ปรากฏในภาพถ่ายร่วมกับพีระมิดเมนคูเร สำ หรับ พีระมิดเมนคูเร นี้ขอตั้งข้อสังเกตว่า หากนับตำ แหน่ง มุมด้านตะวันออกเฉียงใต้ ของพีระมิดเมนคูเร เป็นตำ แหน่ง อ้างอิง และหาก พีระมิดเมนคูเร มีขนาดใหญ่ประมาณเท่ากับ พี ระมิดคาเฟร มุมด้านตะวันออกเฉียงเหนือของพีระมิด จะต่อกับ มุมด้านตะวันตกเฉียงใต้ ของพีระมิดคาเฟรพอดี และมีระยะห่าง กันเท่ากับระยะระหว่างพีระมิดคูฟูและคาเฟร นั่นคือเป็นไปได้ว่า เดิมการก่อสร้าง พีระมิดเมนคูเร อาจมีความตั้งใจสร้างให้มี ขนาด เท่ากับพีระมิดแห่งกีซา 2 หลังก่อน แต่ต่อมาตัดสินใจ ก่อสร้าง เป็นขนาดเล็กอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
พีระมิดแดงของฟาโรห์สเนเฟรู พีระมิดแดง (Red Pyramid) สร้างโดยฟาโรห์สนอฟรู หลังจากพีระมิดเม ดุม และพีระมิดหักงอ นับเป็นพีระมิดที่มีรูปร่างสมบูรณ์แบบแห่งแรกของ โลก ด้านทั้ง 4 ของพีระมิดแดงทำ มุมเอียง 43 องศาเท่ากับมุมเอียงในส่วน บนของพีระมิดหักงอ ซึ่งเท่ากับมีการนำ บทเรียนจากการสร้างพีระมิดครั้ง ก่อนมาใช้นั่นเอง พีระมิดแดงมีความสูงถึง 104 เมตร (341 ฟุต) หรือประมาณอาคารสูง 30 ชั้น (เมื่อคิดความสูงที่ชั้นละ 3.5 เมตร) ฐานพีระมิดแต่ละด้านยาว 220 เมตร (722 ฟุต) หรือมีขนาดฐานเกือบเท่ากับมหาพีระมิดคูฟูแห่งกิซ่า นับเป็น พีระมิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพีระมิด 3 แห่งที่เมืองดาชูร์ (Dahshur) และใน ยุคสมัยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จยังนับเป็นสิ่งก่อสร้างสูงที่สุดในโลกในขณะนั้น อีกด้วย และเนื่องจากพีระมิดนี้สร้างโดยปิดผิวนอกด้วยหินแกรนิตสีแดง ทำ ให้ได้ชื่อว่าพีระมิดแดงจากสีหินแกรนิตนั่นเอง พีระมิดแดง
“พีระมิดไมดุม” (Meidum Pyramid) สร้างโดย ‘ฟาโรห์สนอฟูรู’ (Snofru) หรืออีกพระนามหนึ่งคือ “ซเนเฟรู' (Sneferu) ผู้ก่อตั้ง ราชวงศ์ที่ 4 ของอียิปต์โบราณ เมื่อ 2,620 ปีที่แล้ว เป็นพีระมิดที่ พยายามพัฒนารูปแบบต่อจากพีระมิดขั้นบันไดของฟาโรห์โซ เซอร์ โดย ตั้งใจจะก่อสร้างให้มีรูปร่างเป็นพีระมิดที่สมบูรณ์ แต่ เกิดปัญหาพัง ทลายลงระหว่างการก่อสร้างเนื่องจากพื้นทรายด้าน ล่างรองรับน้ำ หนัก พีระมิดไม่ไหว นักประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่งเชื่อ ว่า ฟาโรห์สนอฟรูสร้าง พีระมิดไมดุมนี้ให้กับ “ฟาโรห์ฮูนิ’ (Huni) ฟาโรห์องค์สุดท้ายของ ราชวงศ์ที่ 3 ผู้เป็นพระราชบิดาของ พระองค์ ปัจจุบันพีระมิดไมดุมตั้งอยู่ ทางใต้ของกรุงไคโร พีระมิดไมค์ดุม
พีระมิดหักงอ (Bent Pyramid) หรือบางครั้งเรียกกันสั้นๆ ว่า พีระมิดเบี้ยว สร้างขึ้นโดย ฟาโรห์สนอฟรู (Snofru) หลังจากการก่อสร้างพีระมิดไมดุม ประสบความล้มเหลว เดิมมีเป้าหมายจะสร้างให้มีรูปร่างเป็นแบบพีระมิดที่ สมบูรณ์ แต่เกิดปัญหาในระหว่างการก่อสร้างเนื่องจากแต่ละด้านของ พีระมิดทำ มุมชันมากเกินไปคือชันถึง 54 องศาทำ ให้ต้องเปลี่ยนแบบการ ก่อสร้างกลางคัน กลายเป็นพีระมิดที่แต่ละด้านหักมุมเปลี่ยนความชันที่ ประมาณระหว่างกลางความสูงของพีระมิดเหลือความชัน 43 องศา นับเป็น พีระมิดที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งเนื่องจากรูปร่างที่แปลกตาอย่างเห็นได้ชัด และแสดงถึงความสามารถของผู้สร้างที่สามารถแก้ไขปัญหาการก่อสร้างที่ เกิดขึ้นเมื่อกว่า 4,600 ปีมาแล้ว ประสบการณ์จากพีระมิดหักมุมนี้เอง ทำ ให้การก่อสร้างพีระมิดแห่งต่อ มาประสบความสำ เร็จ และส่งผลให้มีการสร้าง มหาพีระมิดแห่งกิซ่า ที่กลาย เป็นหนึ่งเดียวของ เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน พีระมิดหักงอ
หลังจากสิ้นพระชนม์ของฟาโรห์สเนเฟรู พระโอรสของพระองค์ ฟาโรห์คูฟูได้สร้างพีระมิดแห่งที่สามขึ้น ซึ่งฟาโรห์คูฟูต้องการ ที่จะสร้างพีระมิดตามที่พระราชบิดาของพระองค์ ในการ ออกแบบและการก่อสร้างพีระมิดแห่งที่สามใช้ระยะเวลา ประมาณ 23 ปี (ระหว่าง 2589-2566 ปีก่อนคริสตกาล)โดยมี ความสูงประมาณ 481 ฟุต (147 เมตร) และทำ มุมประมาณ 52 องศา และหลังจากนั้นก็มีฟาโรห์หลายพระองค์จนถึงราชวงศ์ที่ 12 ฟาโรห์อเมเนมเฮตที่สองได้สร้างพีระมิดขาวขึ้นในดาห์ชูร์ และพระราชนัดดาของฟาโรห์อเมเนมเฮตที่สอง ฟาโรห์เซนุ สเรตที่สามก็ได้สร้างพีระมิดสำ หรับเป็นที่ฝังพระศพของ พระองค์กับพระราชธิดาของพระองค์ ฟาโรห์อเมเนมเฮตที่สาม ได้ก่อสร้างพีระมิดดำ ในดาห์ชูร์ พีระมิดดำ
พีระมิดของ Userkaf ตั้งอยู่ที่มุมตะวันออกเฉียงเหนือของพีรามิดขั้นบันไดของ Djoser พีระมิดนี้แต่เดิมมีความสูงประมาณ 49 เมตร (161 ฟุต) และขนาดใหญ่ 73 เมตร (240 ฟุต) โดยมีความเอียง 53° เหมือนกับปิรามิดอันยิ่งใหญ่ของคูฟู โดยมี ปริมาตรรวม 87,906 ม. 3 (114,977 ลูกบาศ์กหลา ) แกนกลางของปิรามิดสร้าง จากหินปูนในท้องถิ่นขนาดเล็กที่ตัดเป็นท่อนๆ วางเรียงเป็นชั้นในแนวนอน นี่ หมายถึงการประหยัดแรงงานได้มากเมื่อเทียบกับแกนหินขนาดใหญ่และสกัดได้ แม่นยำ กว่าของปิรามิดสมัยราชวงศ์ที่ 4 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปลอกหุ้มด้าน นอกของพีระมิด Userkaf ตกเป็นเหยื่อของโจรขโมยหินมาเป็นเวลานับพันปี วัสดุ หลักที่ประกอบอย่างหลวม ๆ ก็ถูกเปิดเผยขึ้นเรื่อยๆ และมีอาการแย่ลงเมื่อเวลา ผ่านไปมากกว่าของปิรามิดรุ่นเก่า สิ่งนี้อธิบายสถานะที่ถูกทำ ลายในปัจจุบันของปิ รามิด พีระมิดแห่ง Userkaf
พีระมิดเตติ เป็นพีระมิดชั้นบันไดแบบเรียบ ตั้งอยู่ภายในบริเวณ พื้นที่พีระมิดซัก การา เป็นพีระมิดแห่งที่สองที่พบ ข้อความภายในพีระมิด โดยพีระมิดถูกค้นพบ จากการสำ รวจ ภาพถ่ายดาวเทียม โดยพบพีระมิดทั้งหมดสองอัน นอกจากนี้ ยัง พบโครงสร้างของสถานที่ประกอบพิธีการ และวิหารบรรจุพระศพ พีระมิดถูก สำ รวจโดย กัสตง มาสเปโฮ ในปี ค.ศ. 1882 และการสำ รวจค้นคว้าในลักษณะทาง กายภาพแบบเชิงลึกในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1907 ถึง ค.ศ. 1965 ชื่อเดิมของพีระมิด ถูกเรียกว่า Teti's Places Are Enduring (สถานที่อันยั่งยืนแห่งเตติ) สถานะ ของพีระมิดอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ แม้จะมีความพยายามบูรณะ ปัจจุบันพีระมิด ปรากฏเป็นเนินขนาดย่อม แต่บริเวณภายในของห้องโถงและทางเดินยังคงสภาพ สมบูรณ์อยู่ พีระมิดเตติ
แม้ว่าการครองราชย์ของ Unas จะใช้เวลาประมาณ30ถึง33 แต่พีระมิดของเขา เป็นสิ่งที่เล็กที่สุดที่สร้างขึ้นในอาณาจักรเก่าข้อ จำ กัด ด้านเวลาไม่สามารถ พิจารณาได้ว่าเป็นปัจจัยที่อธิบายขนาดที่เล็กและมีแนวโน้มว่าการเข้าถึง ทรัพยากรจะ จำ กัด โครงการ ขนาดของอนุสาวรีย์ก็ถูกยับยั้งเช่นกันเนื่องจากการ ขุดหินที่จำ เป็นเพื่อเพิ่มขนาดของปิรามิด Unas เลือกที่จะหลีกเลี่ยงภาระเพิ่มเติม นั้นและเก็บปิรามิดของเขาไว้แทน แกนกลางของพีระมิดถูกสร้างขึ้นสูงหกขั้นโดยสร้างด้วยบล็อกหินปูนที่มีลักษณะ หยาบซึ่งมีขนาดลดลงในแต่ละขั้น วัสดุก่อสร้างสำ หรับแกนกลางควรได้รับการ จัดหาในท้องถิ่นนี้ถูกห่อหุ้มไว้แล้วด้วยดีหินปูนสีขาว สกัดจากตูรา ปลอกบางส่วน ในขั้นตอนต่ำ สุดยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พีระมิดมีความยาวฐาน 57.75 ม. (189.5 ฟุต 110.21 ลูกบาศ์ก) มาบรรจบกันที่ปลายยอดที่มุมประมาณ 56 °ทำ ให้มี ความสูง 43 เมตร (141 ฟุต 82 ลูกบาศ์ก) เมื่อสร้างเสร็จ พีระมิดมีปริมาตรรวม 47,390 ม. 3 (61,980 ลูกบาศ์กหลา) พีระมิดเป็นด้านเรียบ พีระมิดได้ถูกทำ ลายลง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา[4]เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ในราชวงศ์ที่ห้า อันเป็นผลมาจากการ ก่อสร้างและวัสดุที่ไม่ดี ปิรามิดแห่งราชวงศ์ที่ห้าถูกรื้อถอนอย่างเป็นระบบในช่วง อาณาจักรใหม่เพื่อนำ กลับมาใช้ใหม่ในการสร้างสุสานใหม่ พีระมิดUnas
พีระมิดแห่งเซนุสเรตที่ 1 เป็นพีระมิดแห่งอียิปต์โบราณที่สร้างขึ้นสำ หรับใช้เป็น สถานที่ฝังพระบรมศพของฟาโรห์เซนุสเรตที่ 1 พีระมิดนี้สร้างขึ้นในช่วงสมัย ราชวงศ์ที่สิบสองแห่งอียิปต์ที่เอล-ลิชต์ โดยตั้งอยู่ใกล้กับพีระมิดแห่งอเมนเอมฮัต ที่ 1 ซึ่งเป็นพีระมิดพระราชบิดาของพระองค์ และพีระมิดแห่งนี้มีชื่อเดิมว่า เซนุ สเรต เพเตอิ ทาวิ (เซนุสเรตทรงทอดพระเนตรทั้งสองดินแดน) พีระมิดแต่ละด้านมีความยาวด้านละ 105 เมตร ความสูง 61.25 เมตร และมีความ ชันของด้านข้างทั้งสี่ของพีระมิดคือ 49° 24' พีระมิดแห่งนี้ใช้วิธีการก่อสร้างที่ไม่ เคยเห็นมาก่อนในการก่อสร้างพีระมิดอียิปต์ในช่วงเวลาก่อนหน้า กำ แพงหินทั้งสี่ ที่แผ่ออกมาจากจุดศูนย์กลางซึ่งสร้างจากบล็อกหินที่หยาบ ซึ่งลดขนาดลงตาม ตำ แหน่งที่สูงขึ้น แปดส่วนที่เกิดจากกำ แพงเหล่านี้ถูกแบ่งย่อยด้วยกำ แพงอีก สามส่วน โดยแยกพีระมิดออกเป็น 32 หน่วยที่แตกต่างกัน จากนั้นจึงเต็มไปด้วย แผ่นหินและเศษซาก และโครงสร้างภายนอกที่ปิดด้วยหินปูนชั้นดี วิธีการก่อสร้าง แบบใหม่นี้ไม่ได้มีประสิทธิภาพมากนัก และพีระมิดที่สร้างแล้วเสร็จได้ประสบปัญหา ความเสถียรของตัวพีระมิด หลักฐานที่ชัดเจนสำ หรับทางลาดที่ใช้สร้างพีระมิดยัง คงมีอยู่อย่างผิดปกติ พีระมิดแห่งเซนุสเรตที่ 1
พีระมิดMerikare ปิระมิดแห่งเมริกาเรเป็นปิรามิดอียิปต์โบราณ ที่ไม่ปรากฏชื่อ แต่ได้รับการยืนยันด้วยการ จารึกบนแผ่นศิลาฝังศพ และอาจตั้งอยู่ในซัค คารา พีระมิดนี้สันนิษฐานว่าเป็นสถานที่ฝังศพ ของฟาโรห์เมริกาเรแห่งเฮราคลีโอโพลิ ตัน ซึ่ง ปกครองในช่วงปลายราชวงศ์ที่ 10 ก่อนคริ สตศักราช 2040 ปีก่อนคริสตกาล ในช่วงยุค กลางที่หนึ่ง บางครั้งพีระมิดไร้หัวในซัคคารา เหนือถูกระบุว่าเป็นปิระมิดแห่งเมริคาเร แม้ว่า ปิรามิดแห่งหลังนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นของ ฟาโรห์เมนเกาฮอร์ มากกว่าก็ตาม รูปภาพนี้กล่าวถึงพีรมิดเมริกาเร
พีระมิดMerikare1.1 แม้จะไม่มีใครค้นพบ แต่พีระมิดแห่ง Merikare ก็เป็นปิ รามิดเพียงแห่งเดียวของกษัตริย์ในราชวงศ์ Herakleopolitan (ที่เก้าและสิบ ) พีระมิดนี้เป็นที่รู้จัก จากจารึกเก้าฉบับ โดยแปดฉบับมาจากทางตอนเหนือ ของซัคคารา ; ในขณะที่เก้าไม่ทราบที่มา จากคำ จารึกดัง กล่าว เป็นที่ทราบกันดีว่าชื่อโบราณของปิรามิดคือ" Wadj Sut Merikare"ซึ่งแปลได้หลากหลายว่า"ความ เจริญรุ่งเรืองเป็นที่พำ นักของ Merikare"หรือ"สถานที่ สดใหม่แห่ง Merikare"จารึกทั้งหมดนี้พบในหลุมศพ ของพระสงฆ์ และพระสงฆ์อย่างน้อย 4 คนในจำ นวนนี้ มีหน้าที่รับผิดชอบงานพิธีศพของกษัตริย์เมริกาเรทั้ง สองและกษัตริย์องค์ก่อนๆกษัตริย์ลำ ดับที่ 6เตติ นักบวชอาศัยอยู่ในช่วงต้นราชวงศ์ที่ 12 (พ.ศ. 2534 ถึง พ.ศ. 2345) แสดงให้เห็นว่าลัทธิพิธีศพของกษัตริย์เหล่า นี้ยังคงมีบทบาทอยู่ในอาณาจักรกลางและที่สำ คัญที่สุด คือ ปิรามิดของเมริคาเรต้องอยู่ใกล้ปิรามิด ของเตติใน ซัคการา รูปถ่ายพีระมิดจากมุมสูง
พีระมิด G1-a G1-aเป็นหนึ่งในปิรามิดในเครือของGiza East FieldของGiza Necropolisซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันออก ของมหาพีระมิดแห่งกีซาทันที มันถูกสร้างขึ้นในช่วง ราชวงศ์สี่ของอียิปต์ หลุมฝังศพอยู่ทางเหนือสุดของปิ รามิดทั้งสามของราชินี[1]และมีฐานกว้าง 49.5 เมตร (162 ฟุต) และเดิมมีความสูง 30.25 เมตร (99.2 ฟุต); พีระมิดสูญเสียความสูงไปสองในสามของความสูงเดิม ในผนังทางทิศตะวันตกของห้องฝังศพเป็นช่องเล็ก ๆ ที่ ถูกขุดในที่พบชิ้นส่วนของหินบะซอล เป็นที่รู้จักกันในชื่อ พีระมิดเฮเทเฟเรสที่ 1ซึ่งค้นพบโดยมาร์กเลห์เนอร์; มัน เป็นความคิดเดิมที่จะเป็นราชินีเมอริติตสอี
พีระมิด Queen Henutsen Henutsen เป็นพระนามของพระมเหสีและสมเด็จพระ ราชินีของราชวงศ์อียิปต์โบราณที่อาศัยและปกครองใน ช่วงราชวงศ์ที่สี่ ของยุคราชอาณาจักรเก่า พระองค์เป็น พระมเหสีพระองค์ที่สองหรือสามของฟาโรห์คูฟูและพระ ศพอาจจะถูกฝังอยู่ที่กิซา พระองค์อาจถูกฝังอยู่ในพีระมิด จี 1-ซี เชื่อกันว่าปิรามิด แห่งนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของปิรามิดของฟาโรห์คูฟู แต่ ภายหลังได้เพิ่มไว้เนื่องจากด้านทิศใต้ของมันไม่ สอดคล้องกับที่ของมหาพีระมิด ในความเป็นจริงด้านใต้ ของพีระมิดสอดคล้องกับสุสานมาสตาบาของคูฟูคาฟที่ อยู่ใกล้เคียง นอกจากนี้เชื่อว่าเจ้าชายคูฟูคาฟอาจจะเป็น พระองค์เดียวกันกับฟาโรห์คาเฟร และสร้างคาเฟร จี 1-ซี เป็นหลุมฝังศพของพระมารดา และพีระมิด จี 1-ซี ถูกระบุ ว่าเป็นปิรามิดที่ยังไม่เสร็จซึ่งสร้างขึ้นโดยรีบร้อน
นายชินดนัย สีดา เลขที่ 23 นายปุญญพัฒน์ เกษรบัว เลขที่31 นายภัทรดนัย แท่นแก้ว เลขที่28 นายอชิระวิชญ์ แจกอง เลขที่20 นาย เทพปัญญา ธิแพร่ เลขที่32 รายชื่อสมาชิก