เรื่อง ประโยค

แบบทดสอบ

เร่อื ง ชนดิ ของประโยค

คำช้ีแจ้ง ให้นกั เรียนเลือกคำตอบท่ีถูกต้องท่ีสดุ

1. ประโยคใดต่อไปนี้ไม่เปน็ ประโยคความเดียว

ก. หมาเห่า

ข. เธอจะกินขนมหรือดมื่ นม

ค. แม่ไปตลาด

ง. แมวตัวน้อยร้องเหมียวเหมียว

2. ข้อใดเปน็ ประโยคควำมซอ้ น

ก. ขนมทองม้วนจำกรำ้ นดงั ในจงั หวดั เชยี งใหมเ่ จ้ำนมี้ รี สชำตหิ วำนมันกวำ่ เจำ้ อืน่

ข. สมชำยซื้อแกว้ กำแฟจำกร้ำนสะดวกซื้อเม่ือสองวันก่อน

ค. ผกั ตบชวำท่สี ระหลังบ้ำนแพร่กระจำยเร็วมำกมีทงั้ ใบและดอกเต็มไปหมด

ง. ขนมจนี ของเจ้ำทขี่ ำยทำ้ ยตลำดรำคำแพงพอ ๆ กบั ขนมจีนทแ่ี มซ่ ้ือมำเมอ่ื วำน

3. ข้อใดเป็นประโยคควำมซ้อนแบบนำมำนุประโยค

ก. หนงั สือท่อี ยู่ในกระเปำ๋ หำยไปไหน ข. แมช่ อบกนิ กงุ้ อบวนุ้ เส้น

ค. เขำออกกำลังกำยจนเหงื่อออก ง. วิถชี วี ติ อนั งดงำมของชำวบ้ำนเริ่มเลือนหำย

4. ประโยคในข้อใดมโี ครงสร้ำงตำ่ งจำกขอ้ อ่ืน

ก. เหตุกำรณใ์ นวันนคี้ ลำ้ ยกับเหตกุ ำรณ์ในอดีตในเร่อื งของควำมรนุ แรง

ข. เม่อื คำ่ วำนน้ีคณะรัฐมนตรีได้มีกำรประชุมเรื่องงบประมำณแผ่นดิน

ค. คณะกรรมกำธิกำรรำ่ งรัฐธรรมนญู ได้แสดงจุดยืนตอ่ หน้ำรัฐสภำ

ง. กำรศึกษำไทยนับตัง้ แต่อดีตจนปจั จุบนั ไดพ้ ฒั นำก้ำวไกลไปมำก

5. ประโยคข้อใดต่ำงจำกข้ออื่น

ก. สมบูรณ์ข้นึ รถไฟไปเที่ยวต่ำงจงั หวดั ข. คณุ ชำยชอบตน่ื ขน้ึ มำทำอะไรไมร่ ตู้ อนดกึ ๆ

ค. ตอนเด็ก ๆ เขำชอยว่ำยนำ้ ไปไลจ่ บั ปลำ ง. ถนนสำยน้ที อดยำวเกนิ กวำ่ จะมองเหน็ ปลำยทำง

6. ข้อใดเปน็ ประโยคควำมเดียว

ก. กำรสอบกลำงภำคเสรจ็ สน้ิ ลงแล้ว แต่นักเรยี นยังตอ้ งมำเรียนตำมปกติ

ข. ผู้กระทำควำมผิดยอ้ มได้รับโทษ เพรำะกฎหมำยย้อมไม่เข้ำข้ำงคนผิด

ค. ปีหน้ำพวกเรำจะมสี ทิ ธใ์ิ นกำรลงคะแนนเลือกตงั้ ผ้แู ทนรำษฎร

ง. หำกทกุ คนไม่ร่วมมือกนั ทรพั ยำกรธรรมชำตกิ ็จะหมดไปจำกประเทศของเรำ

7. ข้อใดไมใ่ ช่ประโยคควำมรวม

ก. ประชำชนขบั รถโดยประมำท ตำรวจจึงต้องตกั เตือน

ข. รัฐบำลประกำศเตือนว่ำทุกคนต้องระวังอำกำศเป็นพิษ

ค. ฉนั เปน็ คนรกั สงบ แต่เวลำมใี ครมำหำเรอื่ งกไ็ ม่ข้ีขลำด

ง. พอเห็นว่ำฝนใกล้จะตก เรำก็รบั เดินเข้ำอำคำรเพื่อหลบฝนทนั ที

8. ขอ้ ใดไม่ใชป่ ระโยคควำมเดียว

ก. นกตวั สขี ำวจกิ หนอน

ข. พ่อซื้อบำ้ นซ่ึงอยู่บนเนนิ เขำ

ค. พวกเรำทุกคนรกั ประเทศไทย

ง. ควำมเอือ้ เฟื้อเปน็ คุณสมบัติของคนไทย

9. “หมู่บำ้ นแหง่ นมี้ ผี ู้ใหญ่บำ้ นที่มคี วำมรับผดิ ชอบตอ่ ชมุ ชน” ประโยคข้ำงต้นเปน็ ประโยคประเภทใด

ก. ประโยคแบบ ๓ ส่วน ข. ประโยคควำมเดียว

ค. ประโยคควำมรวม ง. ประโยคควำมซ้อน

10. ประโยคใดเปน็ ประโยคควำมรวม

ก. นกั กีฬำทมี ชำติไทยมุ่งมน่ั ไปสจู่ ดุ หมำย

ข. กมลอำ่ นหนังสือสำรคดซี ่ึงแมซ่ อ้ื มำให้

ค. พอพ่อกลับถึงบ้ำนแมก่ ็เตรียมอำหำรเยน็ เสรจ็ แล้ว

ง. นักแสดงทีม่ ีควำมสำมรถย่อมได้รับกำรกลำ่ วขำน

11. “สรพงษ์เดินทำงไปสงขลำเพื่อแสดงภำพยนตร์” จำกประโยคขำ้ งตน้ ประโยคใดเปน็ ประโยคหลัก

ก. สรพงษ์เดินทำง ข. สรพงษ์เดนิ ทำงไปสงขลำ

ค. สรพงษแ์ สดงภำพยนตร์ ง. สรพงษ์เดินทำงไปแสดงภำพยนตร์

12. ข้อใดเป็นประโยคควำมซ้อน

ก. ฉันร้องเพลง

ข. ฉันและแม่กินขำ้ ว

ค. ฉนั ชอบบ้ำนที่อยูช่ ำยทะเล

ง. ฉนั จะร้องเพลงแต่พ่จี ะเตะฟุตบอล

13. คาที่พิมพต์ วั หนาในข้อใดเปน็ คากรยิ าสกรรม

ก. พวกตดั ไมย้ ังตดั กันไม่หยุด ข. วัวแดงตวั นน้ั ลม้ จมพงหญ้า

ค. ขบวนเรอื ถงึ วดั ตอนดกึ เกือบหา้ ทุ่ม ง. ไม้สกั ต้นกาลังงานข้ึนปนกับไมแ้ ดงไม้ยาง

14. คาท่ีขดี เส้นใต้ในข้อใดทาหน้าทก่ี รยิ าหลัก

ก. เธอจงถักทอฝันทเ่ี ธอหวงั

ข. หนึง่ ชีวิตหน่งึ ใจมอบใหเ้ พียงเธอ

ค. อปุ สรรคขวากหนามท่ิมแทงอย่างโหดรา้ ย

ง. เกดิ คาถามขึน้ ในใจวา่ ทาไมผูใ้ หญ่ถกู เสมอ

15. ขอ้ ใดเปน็ ประโยคความเดยี ว

ก. สมบัตขิ นึ้ รถไฟไปเท่ียวทางใต้ทกุ ปี ข. คุณยายตื่นขน้ึ มาทาอะไรกุกกกั ตอนดึกบอ่ ยๆ

ค. เรอ่ื งสั้นของ “วินทร์” มกั จะจบแบบหกั มุม ง. ตอนเด็กๆ เขาว่ายน้าไปเกาะเรอื โยงเสมอ

16. ข้อใดไม่ถกู ต้อง

ก. ประโยคต้องประกอบดว้ ยภาคประธานและภาคแสดง

ข. ประโยคทส่ี มบูรณบ์ างประโยคมี 2 คาก็ได้

ค. ภาคประธานประกอบดว้ ย บทประธาน และบทขยายประธาน

ง. ภาคแสดงประกอบด้วย บทกรยิ า และบทขยายกรยิ าเท่าน้ัน

17. ขอ้ ใดเปน็ ประโยค

ก. ทะเลสคี ราม ข. ท้องฟ้าแจม่ ใส

ค. ไขฟ่ องโต ง. ไกข่ นั

18. ประโยคใดเป็นประโยคความรวม

ก. ลกู หลานมาเยีย่ มคุณยายจึงยมิ้ แก้มปริ

ข. คนแต่ละคนย่อมเลือกทางเดนิ ชวี ิตของตนเองได้อย่างอสิ ระ

ค. พวกเขาอาศัยอยู่ในชุมชนแหง่ นม้ี านานตัง้ แต่รนุ่ บรรพบุรุษ

ง. องคก์ ารอาหารและยาตรวจสอบบะหมีส่ าเร็จรูปจากตา่ งประเทศ

19. ข้อใดไม่ใชป่ ระโยคความเดียว

ก. นกตวั สีขาวจิกหนอน ข. พอ่ ซ้ือบ้านซึง่ อยู่บนเนนิ เขา

ค. พวกเราทุกคนรักประเทศไทย ง. ความเอ้อื เฟ้ือเป็นคุณสมบัติของคนไทย

20. ข้อใดไม่ถูกต้อง

ก. ประโยคทุกประโยคต้องมีคาสันธานเสมอ

ข. ประโยคทส่ี มบรู ณบ์ างประโยคอาจมี ๒ คาก็ได้

ค. ประโยคอาจจะไมม่ ี “กรรม”

ง. คาตงั้ แต่ ๒ คาข้ึนไปเรียงกัน มีความหมายเป็นเรื่องเดยี วกันเรียกวา่ ประโยค