The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เห็ดและผักในเขากระโดง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Ann Pawina, 2022-08-24 09:13:43

เห็ดและผักในเขากระโดง

เห็ดและผักในเขากระโดง

เห็ดและผัก

ใ น ว น อุ ท ย า น เ ข า ก ร ะ โ ด ง อำ เ ภ อ เ มื อ ง จั ง ห วั ด บุ รี รั ม ย์

ความหลากหลายของ

เ ห็ ด

ใ น ว น อุ ท ย า น เ ข า ก ร ะ โ ด ง
อำ เ ภ อ เ มื อ ง จั ง ห วั ด บุ รี รั ม ย์

เ ห็ ด คื อ อ ะ ไ ร ?

เห็ดจัดเป็นราชั้นสูง ที่มีขนาดใหญ่อยู่ในอาราจักร ฟังไจ
ไม่มีคลอโรฟิลล์ จึงไม่สามารถสร้างอาหารได้เองโดยวิธีการ
สังเคราะห์ด้วยแสง ต้องอาศัยอินทรีย์สารจากสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต
ด้วยการดูดซับสารอาหารซึมผ่านเส้นใยเพื่อใช้ในการเจริญเติบโต

ก า ร เ จ ริ ญ

เ ติ บ โ ต ข อ ง เ ห็ ด

เมื่อดอกเห็ดเติบโตเต็มที่จะผลิต
สปอร์ที่สมบูรณ์ ออกจากครีบหรือ
โครงสร้างที่สร้างสปอร์แล้ว ปลิวไปตาม
ลม เมื่อสปอร์ของดอกเห็ดฟุ้งกระจายไป
ตกลงในแหล่งอาหาร
สปอร์จะงอกเป็น เส้นใยเข้าไปเจริญใน
แหล่งอาหาร เส้นใยเมื่อผสมกันแล้วรวม
กลุ่มกัน เรียกว่า กลุ่มเส้นใย แล้วจะก่อตัว
เป็น ดอกเห็ดอ่อนและเปลี่ยนเป็นดอกเห็ด
ที่พบเห็นได้ทั่วไป ลักษณะการเจริญ ของ
เห็ดมีทั้งดอกเดี่ยว ขึ้นเป็นกระจุก เจริญ
เป็นกลุ่ม แบนราบไปกับท่อนไม้

ส่ ว น ป ร ะ ก อ บ
ข อ ง เ ห็ ด

โดยทั่วไปประกอบด้วย หมวกดอก ครีบหรือ รูหรือซี่
ฟัน วงแหวน ก้าน และโคน เป็นต้น ในส่วนของดอกเห็ด
เป็นส่วนสร้าง สปอร์เพื่อใช้ขยายพันธุ์ซึ่งอยู่บริเวณใต้หมวก
ดอก ที่เรียกว่า ครีบหรือรูหรือซี่ฟันและอื่นๆ เป็นต้น เห็ดมี
รูปร่างที่แตกต่างกันตามชนิด พันธุ์ของเห็ด เช่น เหมือน
รังนก กลม รูปดาว หรือดอกไม้ รูปทรงไม่แน่นอน ยืดหยุ่น
คล้าย วุ้น กึ่งแข็งและอมน้ำ คล้ายปะการัง เหนียว แข็ง
คล้ายไม้ คล้ายพัด เหมือนร่มลักษณะนิ่ม ร่างแห หรือมีรู
พรุนคล้ายฟองน้ำ

ห น้ า ที่ สำ คั ญ
ข อ ง เ ห็ ด ร า

คือ การเป็นผู้ย่อยสลายที่สำคัญในระบบนิเวศ เป็น
กลไกหลักที่สำคัญ ในการหมุนเวียนแร่ธาตุอาหารใน
วัฏจักรคาร์บอน ซึ่งหากปราศจาก ผู้ย่อยสลายการ
หมุนเวียนแร่ธาตุอาหารและพลังงานจะเกิดขึ้นได้ช้า
ทำให้เกิดความไม่สมดุลในระบบนิเวศ เห็ดยังมีความ
สำคัญต่อมนุษย์ คือเป็นแหล่งอาหารและเป็นแหล่งราย
ได้ที่สำคัญของผู้อาศัยในพื้นที่ ใกล้ป่า เห็ดกินได้มี
หลายชนิดที่พบในช่วงฤดูฝน เช่น เห็ดหูหนู เห็ดโคน
เห็ดเผาะ เห็ดไคล เห็ดข้าวตอก เห็ดแดงน้ำหมาก เห็ด
เยื่อไผ่ เห็ดตับเต่า และเห็ดระโงกเป็นต้น

ค ว า ม สำ คั ญ
ข อ ง เ ห็ ด

ใ น ว น อุ ท ย า น เ ข า ก ร ะ โ ด ง อ . เ มื อ ง จ . บุ รี รั ม ย์

1 . ตั ว ชี้ วั ด ค ว า ม อุ ด ม ส ม บู ร ณ์ ข อ ง ป่ า
เ ห็ ด จ ะ เ กิ ด ใ น ส ภ า พ แ ว ด ล้ อ ม ที ส ม บู ร ณ์
ค ว า ม ชื้ น แ ล ะ อุ ณ ห ภู มิ ที่ เ ห ม า ะ ส ม

2 . ตั ว ช่ ว ย ใ น ก า ร กั ก เ ก็ บ ค า ร์ บ อ น
เ ส้ น ใ ย ย ข อ ง เ ห็ ด ช่ ว ย กั ก เ ก็ บ ค า ร์ บ อ น
ใ น ดิ น แ ล ะ ช่ ว ย ดู ด ซึ ม ธ า ตุ อ า ห า ร ใ ห้ แ ก่
ร า ก ข อ ง ต้ น ไ ม้

3 . ส่ ง เ ส ริ ม ก า ร เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต ข อ ง ต้ น ไ ม้
ค ว า ม สั ม พั น ธ์ แ บ บ ไ ม ค อ ร์ ไ ร ซ า เ ส้ น ใ ย
เ ห็ ด ช่ ว ย ดู ด น้ำ แ ล ะ เ เ ร่ ธ า ตุ ใ น ดิ น ใ ห้ กั บ
ต้ น ไ ม้ เ ห็ ด อ า ศั ย อ า ห า ร จ า ก ร า ก ไ ป ใ ช้ ใ น
ก า ร เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต

4 . แ ห ล่ ง อ า ห า ร แ ล ะ ย า
เ ห็ ด บ า ง ช นิ ด ส า ม า ร ถ นำ ม า บ ริ โ ภ ค เ ป็ น
อ า ห า ร แ ล ะ เ ป็ น ย า ส มุ น ไ พ ร รั ก ษ า โ ร ค

5 . ผู้ ย่ อ ย ส ล า ย ใ น ร ะ บ บ นิ เ ว ศ
เ ห็ ด จ ะ ผ ลิ ต เ อ น ไ ซ ม์ อ อ ก ม า ย่ อ ย ส ล า ย
ซ า ก สิ่ ง มี ชี วิ ต ทำ ใ ห้ เ กิ ด ก า ร ห มุ น เ วี ย น
ข อ ง ส า ร เ ป็ น วั ฏ จั ก ร ใ น ร ะ บ บ นิ เ ว ศ

ประเภทของเห็ด เห็ดซิมไบโอซิส (Symbiosis)
เห็ดที่อยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่ นแบบ
เห็ดซาโปรไฟต์ (Saprophyte) พึ่ งพาอาศัยกัน ได้แก่ เห็ดโคนที่
เ ห็ ด ที่ ย่ อ ย ส ล า ย ซ า ก พื ช ซ า ก สั ต ว์ ต้ อ ง อ ยู่ ร่ว ม กั บ ป ล ว ก โ ด ย เ ส้ น ใ ย
ที่ ต า ย แ ล้ ว แ ล ะ อิ น ท รีย วั ต ถุ เ ป็ น ข อ ง เ ห็ ด โ ค น จ ะ เ ป็ น อ า ห า ร ข อ ง
อาหาร เช่น เห็ดน้ำหมึก เห็ดขอน ปลวกส่วนปลวกสร้างอาหารเลี้ยง
ขาว เห็ดปะการัง เห็ดแครง เห็ด เห็ดโคน
ลม เป็นต้น

เห็ดพาราไซต์ (Parasite) เห็ดที่ เห็ดไมคอร์ไรซา (Mycorrhiza)
ทำ ใ ห้ เ กิ ด โ ร ค โ ด ย เ ข้ า ทำ ล า ย พื ช เ ห็ ด ที่ อ า ศั ย อ ยู่ กั บ ร า ก ฝ อ ย ข อ ง พื ช
และสัตว์ที่มีชีวิตอยู่ให้ตาย เช่น ไม้ต้น ดึงธาตุอาหารและน้ำให้กับ
เห็ดถั่งเช่า เข้าทำลายหนอน พื ช แ ล ะ ป้ อ ง กั น ร า ก พื ช ไ ม่ ใ ห้เ ชื้ อ ร า
แมลง และแบคทีเรียเข้าทำลาย เห็ดได้รับ
อาหารจากพืชเพื่ อเจริญเติบโต
เช่น เห็ดน้ำหมาก เห็ดขิง เห็ดข่า
เ ป็ น ต้ น

เ ห็ ด

ใ น ว น อุ ท ย า น เ ข า ก ร ะ โ ด ง อำ เ ภ อ เ มื อ ง จั ง ห วั ด บุ รี รั ม ย์

วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง หรือ ในการสำรวจพบเห็ดที่ขึ้นบริเวณวนอุทยาน
ภูกระโดง ตั้งอยู่ที่บ้านเขากระโดง ตำบล เขากระโดงหลากหลายชนิด ซึ่งทำให้ทราบถึง
เสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ความอุดมสมบูรณ์ของป่าในวนอุทยานเขา
เป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว มีปากปล่อง กระโดง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
ทะลุเห็นได้ชัดเจน รอบบริเวณแวดล้อม นอกจากนี้เห็ดมีความสำคัญในการเป็นแหล่ง
ด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งอาศัย อาหารให้แก่คนในพื้ นที่ และมีความสำคัญต่อ
ของสัตว์ป่าขนาดเล็ก โดยเฉพาะนกนานา ระบบนิเวศเป็นอย่างมาก โดยทำหน้าที่ย่อย
ชนิด มีสภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าเต็งรัง สลายอินทรียวัตถุทำให้เกิดการหมุนเวียน
ของธาตุอาหารที่เอื้อประดยชน์แก่ พื ช สัตว์
และจุลินทรีย์ในระบบนิเวศให้สามารถดำรง
ชีวิตได้

แผนที่การสำรวจเห็ด

จากการสำรวจเห็ดบริเวณวนอุทยานเขากระโดง ซึ่งเป็น
ป่าเต็งรัง พบเห็ดตามแผนที่สำรวจโดยเห็ดที่พบ ได้แก่ เห็ดระโงก
เหลือง เห็ดระโงกขาว เห็ดแป้ง เห็ดน้ำหมาก เห็ดหน้าวัว เห็ด
ไส้เดือน เห็ดมันปู เห็ดขมิ้น เห็ดไคล

สรุป

เห็ดระโงกเหลือง

( ไ ม ค อ ร์ ไ ร ซ า )

ชื่อสามัญ : Coccora,Coccoli
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Amanita calyptroderma
วงศ์ : Amanitaceae
ชื่ออื่นๆ : ไข่น้ำตาลอมเหลือง ไข่เหลือง

ลักษณะ
หมวก : รูปกลมถึงรูปไข่ แล้วกางออกเมื่อแก่ 5 – 10 ซม. ผิวเรียบ เมื่อเปียกมี

ความมัน และหนืดมือ สีเหลืองถึงน้ำตาลอมส้มหรือน้ำตาลอมเหลือง มีสะเก็ดเป็นแผ่นสี
ขาวหนาปกคลุมและสามารถลอกออกได้ง่าย ขอบมีรอยขีดตามแนวรัศมี

ครีบ : ไม่ติดก้าน สีขาวนวลถึงสีขาวอมเหลืองอ่อน ครีบย่อย 3 – 4 ระดับ
ก้าน : ทรงกระบอก ขนาด 5 – 10 X 1 – 2.5 ซม. ผิวเรียบ สีเหลืองอ่อน มี
วงแหวน เป็นแผ่นบางสีขาวนวลติดอยู่ด้านปลายก้าน หลุดร่วงได้ง่าย ถ้วยหุ้มโคนก้าน สี
ขาว คงทน ภายในกลวง เนื้อหนา สีขาว

สรุป

เห็ดระโงกขาว

( ไ ม ค อ ร์ ไ ร ซ า )

ชื่อสามัญ :
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Amanita princeps
วงศ์ : Amanitaceae
ชื่ออื่นๆ : ไข่ห่านขาว ระโงกขาว ไข่ขาว ไข่นก

ลักษณะ
หมวก : รูปไข่แล้วเปลี่ยนเป็นรูปกระทะคว่ำถึงแบนราบเมื่อแก่ 5 – 20 ซม.

ผิวเรียบ สีขาวนวลหรือสีน้ำตาลอ่อน ๆ หนืดมือเล็กน้อยเมื่อเปียกชื้น ขอบมีรอยขีดเป็น
แนวรัศมี

ครีบ : ไม่ติดก้าน เรียงถี่ หนา สีขาวถึงขาวอมเหลืองอ่อน ๆ
ก้าน : ทรงกระบอก ที่โคนใหญ่กว่าปลายเล็กน้อย ขนาด 10 – 25 X 1 – 2.5
ซม. สีขาว เรียบ มีวงแหวนลักษณะคล้ายกระโปรง สีขาวนวล อยู่ตอนบนเกือบถึง
ปลายก้าน ถ้วยหุ้มโคนก้านขนาดใหญ่ คงทน เนื้อหนา สีขาวถึงครีม ภายในกลวง
เปราะ แตกหักง่าย ไม่เปลี่ยนสีเมื่อช้ำ

สรุป

เห็ดไส้เดือน

( ไ ม ค อ ร์ ไ ร ซ า )

ชื่อสามัญ : Grisette
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Amanita vaginata (Bull.) Lam.
วงศ์ : Strophariaceae
ชื่ออื่นๆ : เห็ดไข่เยี่ยวม้า

ลักษณะ :
หมวก : รูปไข่เปลี่ยนเป็นรูปกระทะคว่ำแล้วแบนราบเมื่อแก่ 5 – 10 ซม. ผิว

เรียบ เป็นมันเงา หนืดมือเมื่อเปียกชื้น สีเทาปนน้ำตาล กลางหมวกสีเข้มกว่าขอบบาง
ครั้งมีแผ่นสะเก็ดสีขาวติดอยู่แต่สามารถดึงออกได้ง่าย ขอบมีรอยขีดตามแนวรัศมี

ครีบ : ไม่ติดก้าน เรียงถี่ถึงห่างกันเล็กน้อย สีขาว
ก้าน : ทรงกระบอก ขนาด 4 – 12 X 1 – 1.5 ซม. ผิวเกือบเรียบ สีขาว มี
เส้นใยเป็น รอยคล้ายเกล็ดสีเทา ไม่มีวงแหวน ถ้วยหุ้มโคนก้านมีลักษณะเป็นถุงบางสี
ขาว เนื้อสีขาวภายในกลวง ไม่เปลี่ยนสีเมื่อช้ำ

สรุป

เห็ดขมิ้น

( ไ ม ค อ ร์ ไ ร ซ า )

ชื่อสามัญ : เห็ดขมิ้น
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Craterellus aureus Berk. & M. A. Curtis
วงศ์ : Cantharellalaceae
ชื่ออื่นๆ : เห็ดขมิ้นน้อย เห็ดขมิ้นปู เห็ดขมิ้นหลวง

ลักษณะ : ดอกรูปปากแตร เรียบ ขอบเป็นคลื่น สีเหลืองส้มถึงส้มสด ใต้ดอกเรียบ
ถึงย่นเล็กน้อย สีเหลืองอ่อนถึงเหลืองอมส้ม ขนาดกว้าง 0.5 - 3 ซม. ก้านทรง
กระบอก กลวง อยู่กึ่งกลางดอก บางครั้งค่อนไปข้างหนึ่ง สีเหลืองอมส้มถึงเหลือง
สด ยาว 2-4 ซม. เนื้อบาง

สรุป

เห็ดมันปู

( ไ ม ค อ ร์ ไ ร ซ า )

ชื่อสามัญ : เห็ดมันปูใหญ่
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cantharellus cibarius Fr
วงศ์ : Cantharellalaceae
ชื่ออื่นๆ : เห็ดขมิ้นใหญ่

ลักษณะ :
หมวก : รูปทรงเตี้ยเกือบแบน เส้นผ่าศูนย์กลาง 24-42 มม. สีเหลือง ผิวด้าน

บนเรียบ กลางหมวกเป็นแอ่ง ขอบเรียบงอลง ขอบหมวกเมื่อผ่าครึ่งตรงแล้วงอ ขอบ
หมวกเมื่อมองจากด้านบนเรียบ ผิวขอบหมวกเรียบงอลง

ครีบ : ยาว 14-26 มม. สีเหลืองอ่อน การติดของครีบกับก้านเรียวยาวลงไปติด
ก้าน ขอบครีบเรียบงอลง ความกว้างของครีบ 0.5-1.5 มม. การติดระยะห่างใกล้กัน
ขอบครีบเมื่อมองจากด้านหน้าเรียงห่าง มีครีบสั้นสลับและเรียวยาวขนานลงไปติดก้าน

ก้าน : ทรงกระบอกโคนโป่งออกยาว 36-42 มม. เส้นผ่าศูนย์กลาง 8-10 มม.
สีเหลืองอ่อน การติดก้านกับหมวกติดตรงกลาง ผิวเรียบ เนื้อในก้านตัน

สรุป

เห็ดแป้ง

( ไ ม ค อ ร์ ไ ร ซ า )

ชื่อสามัญ : เห็ดน้ำแป้ง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Russula alboareolata Hongo
วงศ์ : Russulaceae
ชื่ออื่นๆ : เห็ดหน้าขาว, เห็ดน้ำแป้ง

ลักษณะ :
หมวก : รูปคล้ายกระจกนูนและกางออกเมื่อแก่ 5 – 10 ซม. ผิวเรียบ สีขาว

ถึงปกคลุม ด้วยเกล็ดบาง ๆ สีน้ำตาล ขอบมีริ้ว เป็นคลื่น มักฉีกขาดเมื่อแก่
ครีบ : ติดก้าน เรียงห่างเล็กน้อย ส่วนที่ใกล้กับก้านอาจมีลักษณะเชื่อมต่อกัน

คล้ายส้อม (fork)
ก้าน : ทรงกระบอก ขนาด 2 – 5 X 1.5 – 2 ซม. ผิวเรียบ สีขาว เนื้อหนา

เปราะ สีขาว ภายในแน่น

สรุป

เห็ดหน้าวัว

( ไ ม ค อ ร์ ไ ร ซ า )

ชื่อสามัญ : Foetid Russula, Stinking Brittle Gill
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Russula foetens
วงศ์ : Russulaceae
ชื่ออื่นๆ : หน้างัวใหญ่ พุงหมู หน้าวัว

ลักษณะ :
หมวก : รูปครึ่งวงกลมถึงชามคว่ำแล้วเปลี่ยนเป็นนูนจนถึงแผ่แบน 3 – 6 ซม.

ตรงกลางมีแอ่งขนาดเล็ก ผิวเรียบ หนืดมือ สีน้ำตาลอมเหลือง ขอบมีร่องและริ้ว สีอ่อน
กว่าบริเวณกลางหมวก

ครีบ : ติดก้าน เรียงตัวห่างกันเล็กน้อย สีขาวหรือสีขาวนวล
ก้าน : ทรงกระบอก ขนาด 3 –5 X 1 –1.5 ซม. ผิวเรียบ สีขาว อาจมีรอยช้ำสี
น้ำตาลอ่อนให้เห็น เนื้อแข็ง เปราะ
สีขาว ภายในแน่น

สรุป

เห็ดน้ำหมาก

( ไ ม ค อ ร์ ไ ร ซ า )

ชื่อสามัญ : The Sickener
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Russula emetica
วงศ์ : Hygrophoraceae
ชื่ออื่นๆ : แดงน้ำหมาก หน้าแดงสด น้ำหมาก รัสซูลาสีแดงเลือด

ลักษณะ
หมวก : รูปคล้ายกระจกนูนแล้วกางออกเมื่อแก่ 3 – 15 ซม. กลางหมวกเป็น

แอ่ง เล็กน้อย ผิวเรียบ หนืดมือ สีแดงเข้มไปจนถึงสีแดงอมชมพู ขอบโค้งงอลง
ครีบ : ติดก้าน เรียงตัวถี่ สีขาว พบลักษณะเชื่อมต่อกันคล้ายส้อม
ก้าน : ทรงกระบอก โคนสอบลงเล็กน้อย ขนาด 5 – 10 X 1 – 1.5 ซม. ผิวมี

รอยย่นยาว สีขาว เนื้อแข็ง เปราะ สีขาว ภายในแน่น

สรุป

เห็ดไคล

( ไ ม ค อ ร์ ไ ร ซ า )

ชื่อสามัญ : Green Agaric หรือ Greenish Mushroom
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Russula delica Fr.
วงศ์ : Russulaceae
ชื่ออื่นๆ : เห็ดหล่ม

ลักษณะ : ดอกเห็ดอ่อนสีขาวนวล ผิวหมวกเห็ด เรียบ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ
3-15 ซม. เมื่อบานรูปร่างคล้ายกรวย ตรงกลางหมวกเว้าลงเล็กน้อย สีน้ำตาลอ่อน
หรือสีเนื้อ เห็ดไคลมีหลายสี ขาว เหลือง เขียว เนื้อหมวกหนาด้านล่างหมวกมีครีบ
เรียงกันเป็นรัศมี ก้านดอกมีลักษณะกลมใหญ่ โคนก้านดอกเรียวเล็กกว่าด้านบนเล็ก
น้อย
ผิวด้านนอกสีขาวนวลและเรียบ

ความหลากหลายของ

ผั ก

ใ น ว น อุ ท ย า น เ ข า ก ร ะ โ ด ง
อำ เ ภ อ เ มื อ ง จั ง ห วั ด บุ รี รั ม ย์

ผั ก คื อ อ ะ ไ ร ?

คือ พืชที่มนุษย์นำส่วนใดส่วนหนึ่งของพืชอาทิ ผล ใบ ราก
ดอก หรือลำต้น มาประกอบอาหาร ซึ่งไม่นับรวมผลไม้ ถั่ว สมุนไพร
และเครื่องเทศ แต่เห็ด ซึ่งในทางชีววิทยาจัดเป็นพวกเห็ดรา ก็นับ
รวมเป็นผักด้ว

รายงานประจำปีของเกรทไอเดีย 01

ผัก

จำแนกตามส่วนที่นำมาบริโภค

1. ราก รากพืชที่เรานำมาบริโภค 3. ใบ ใบพืชที่เรานำมาบริโภคเป็น
เป็นผัก เช่น หัวแครอทมันแกว ผักมีมากมายหลายชนิด ได้แก่
รากกระชาย มันเทศมันสำปะหลัง ผักหวาน ผักบุ้ง ยอดชะอม ยอด
แรดิช หัวปีท กระถิน สะระแน่ โหรพา ใบชะพลู
และอีกหลาย ๆ ชนิด
2. ลำต้น ลำต้นที่เรานำมาบริโภค
เป็นผัก มีทั้งลำต้นใต้ดินและ 4. ดอก ดอกที่เรานำมาบริโภค
เหนือดิน ได้แก่หน่อไม้ กะหล่ำปลี เป็นผัก ได้แก่ ดอกโสน ดอก
ผักกาดหอมชนิดต้น มันฝรั่ง กระเจียว ดอกผักติ้ว
เผือกฯลฯ
5. ผล ผลที่นำมาบริโภคเป็นผักก็
มีหลายชนิดได้แก่ แตงกวา ถั่วพู
ถั่วฝักยาว ถั่วแขก ถั่วลันเตาฟัก
บวบ แตงโมอ่อน กระเจี้ยบ
มะเขือเปราะ

แผนที่การสำรวจผัก

จากการสำรวจผักบริเวณวนอุทยานเขากระโดง ซึ่งเป็นป่า
เต็งรัง พบผักตามแผนที่สำรวจโดยผักที่พบ ได้แก่ กระถิน
กระสัง กระเจียวขาว ก้านตรง เข้าพรรษา ตำลึง ตำลึงทอง
ทิ้งถ่อน ไผ่รวก เพกา ฟ้าทลายโจร มะกอก มะระขี้นก
สะเดา ส้มลม ส้มเสี้ยว โสมไทย องุ่นป่า

กระถิน

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Leucaena leucocephala (Lamk) de wit
ชื่อสามัญ : White popinac, Wild tamarind, Leadtree
ชื่อท้องถิ่น : กะเส็ดโคก กะเส็ดบก กะตง กระถิน กระถินน้อย กระถินบ้าน ผักก้านถิน ผัก
ก้านถิน ผักหนองบก กระถินไทย ตอเบา สะตอเทศ สะตอบ้าน กระถินยักษ์
วงศ์ : LEGUMINOSAE

ลักษณะพืช : ไม้ยืนต้นสูง 3-10 ม. ลำต้นผิวขรุขระ เปลือกสีเทา มีปุ่มนูนรอยกิ่งก้านที่ร่วง
ใบประกอบขนนกสองชั้น เรียงสลับ แกนกลางยาว 8-28 ซม. ใบย่อยชั้นแรกแยกแขนง
3-10 คู่ เรียงตรงข้าม ใบย่อยชั้นสอง 5-20 คู่ เรียงตรงข้าม ปลายใบแหลม โคนใบโค้งมน
ไม่เท่ากัน ขอบใบเรียบดอกช่อกระจุกอัดแน่นบนฐานรองดอก ไม่มีก้านดอกย่อย ช่อดอก
ออกจากซอกใบ 1-3 ช่อ ช่อดอกทรงกลม ผลเป็นฝักแบนมีรอยแตกตามยาวเป็นตะเข็บ 2
รอย เมล็ด รูปไข่แบน
การใช้ประโยชน์ : ใบ ยอด และเมล็ดอ่อน กินเป็นผักสด

กระสัง

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Peperomia pellucida (L.)
ชื่อสามัญ : Peperomia, Shiny leave
ชื่อท้องถิ่น : ผักกะสัง ชากรูด ตาฉี่โพ ผักกูด ผักราชวงศ์ ผักสังเขา ผักฮากกล้วย
วงศ์ : PIPERACEAE

ลักษณะพืช : เป็นพืชล้มลุกอวบน้ำ สูงประมาณ 20 - 60 ซม. ลำต้นขาวใส ตั้งตรง แตกกิ่ง
มาก กิ่งที่โค้งลงแนบติดกับพื้นดินสามารถเกิดรากที่บริเวณข้อได้ การเกาะติดของใบบนกิ่ว
แบบสลับ ใบเดี่ยวรูปไข่ถึงสามเหลี่ยม ขนาดโดยประมาณ กว้าง 1 - 3 ซม. ยาว 1 - 4 ซม. ผิว
ใบด้านบนเป็นมัน ด้านล่างขุ่นและสีอ่อนกว่า ดอกออกเป็นช่อที่ซอกและปลายกิ่ง ดอกย่อย
ขนาดเล็กมาก ไม่มีกลีบเลี้ยงและกลีบดอก ผลสดรูปทรงกลม เมล็ดสีดำทรงกลมขนาดเล็ก
การใช้ประโยชน์ : กินเป็นผักสดหรือผักลวกกับน้ำพริก เอาไปทำแกงจืด แกงเลียง แกงอ่อม
หรือแกงป่าได้อร่อย บางคนเอาผักกระสังไปผัดกับเต้าเจี้ยว (เหมือนผัดผักบุ้งไฟแดง)

กระเจียวขาว

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Curcuma singularis Gagnep.
ชื่อสามัญ : White angel
ชื่อท้องถิ่น : กระเจียวป่า
วงศ์ : ZINGIBERACEAE

ลักษณะ : ไม้ล้มลุก อายุหลายปี สูง 40-60 ซม. ลำต้นตังตรงมีเหง้าใต้ดิน อวบน้ำ เนื้อในสี
ขาวหรือเหลืองอ่อน มีข้อปล้อง ใบเดี่ยวออกเรียงสลับ 1-5 ใบ ก้านใบเป็นกาบหุ้มข้อใต้ดิน
แผ่นใบรูปขอบขนานแกมรูปไข่ กว้าง 7.5-12 ซม. ยาว 12-35 ซม. ปลายใบเรียวแหลม
โคนใบสอบลงสู่ก้านใบ ขอบใบเรียบ ดอกช่อเชิงลด ออกที่ปลายยอด ยาว 5-8.5 ซม. ใบ
ประดับปลายช่อดอกสีขาว โคนช่อสีเขียวเข้ม ช่อดอกมี 4-5 ดอก ดอกย่อยสีขาวป่นม่วง
ปลายประสีชม หรือม่วง โคนกลีบเลี้ยงเชื่อมเป็นหลอด ยาว 1-1.3 ซม. ปลายแยกสองแฉก
ด้านบนสีม่วงปลายแยกเป็นสองพู รูปไข่กลับ เกสรเพศเมีย 1 อัน ปลายแยก 2 แฉก ผลสด
แบบแคปซูล รูปไข่
การใช้ประโยชน์ : ดอกอ่อนใช้เป็นผักสด หรือลวกเป็นผักจิ้ม และใส่แกง

ก้านตรง

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Colubrina asiatica Brongn
ชื่อสามัญ : คันทรง
ชื่อท้องถิ่น : ก้านตรง , ก้านถึง ก้านเถิ่ง ก้านเถิง ผักก้านเถิง, คันซง คันซุง คันชุง คันทรง , กะ
ทรง ,ทรง, ผักหวานต้น , ก้านเถง ผักก้านตรง ผักก้านถึง ผักคันทรง
วงศ์ : RHAMNACEAE

ลักษณะพืช : ไม้พุ่ม สูง 1-9 ม. ลำต้นแตกกิ่งก้าน เปลือกสีเทา แตกเป็นร่องตื้น ใบเดี่ยว ออก
เรียงสลับฉาก ก้านยาว 1-2.5 ซม. หูใบเล็ก แผ่นใบรูปไข่ กว้าง 2-5.5 ซม. ยาว 5-13.5
ซม. ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมน ขอบใบจักฟันเสื่อย ผิวใบเรียบ ดอกช่อแบบกระจุก สีเขียว
อมเหลือง ออกที่ซอกใบ ดอกย่อย 8-14 ดอก ดอกสมบูรณ์เพศและดอกเพศผู้อยู่ในช่อเดียว
ดอกสมบูรณ์เพศ รูปจาน กลีบเลี้ยง 5 กลีบ สีเขียว รูปสามเหลี่ยม กลีบดอก 5 กลีบ ปลาย
กลีบแหลม โคนติดกับฐานรองดอก เกสรเพศผู้ 5 อัน เกสรเพศเมีย 1 อัน ดอกเพศผู้ คล้าย
ดอกสมบูรณ์เพศ ผลแห้ง รูปทรงกลมเมล็ดแบนสีดำหรือสีน้ำตาลเทา
การใช้ประโยชน์ : ยอดอ่อนลวกกินกับน้ำพริก ผักรองห่อหมก ผัดน้ำมัน แกงส้ม แกงเลียง

เข้าพรรษา

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Globba winitii C.H. Wright
ชื่อสามัญ : dancing ladies ginger
ชื่อท้องถิ่น : กล้วยจะก่าหลวง ข่าเจ้าคุณวินิจ ว่านสาวหลง เข้าพรรษา กลางคาน
วงศ์ : ZINGIBERACEAE

ลักษณะ : ไม้ล้มลุกอายุหลายปี มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นสูง 50-70 ซม. ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปใบ
หอกแกมรูปขอบขนาน กว้าง 5.5-20 ซม. ยาว 15-25 ซม. โคนใบรูปหัวใจแคบๆ แฉกลึก
ปลายใบเรียวแหลม ใบอ่อนมีขนสีขาวเล็กๆ ปกคลุม ก้านใบยาว 5-7 ซม. ส่วนโคนแผ่เป็น
กาบหุ้มซ้อนกันเป็นลำต้นเทียม ช่อดอกออกที่ปลายยอด กลีบดอกสีเหลือง ก้านช่อยาว ใบ
ประดับรูปไข่กว้าง รูปขอบขนานหรือรูปใบหอกกลับ สีขาวอมชมพูหรือสีม่วงเข้มรองรับ
ปลายมน แหลม หรือแหลมยาว ใบประดับย่อยสีขาว แต่ละช่อแขนงมี 2-3 ดอก ผลเข้า
พรรษา รูปไข่ ยาวประมาณ 0.7 ซม. มี 3 พู ตื้นๆ ผิวด้านนอกขรุขระ
ประโยชน์ : เหง้า รสหวานร้อน บำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้อ่อนเพลีย หรือทา
ภายนอกแก้อักเสบ ลดอาการบวม ใบ แก้บวมอักเสบมีหนอง ขับน้ำนม ราก บำรุงปอด แก้
อาการอ่อนเพลีย หรือหลังฟื้ นไข้ ปัสสาวะขัด เหงื่อออกมาก ศีรษะมีไข้ ไอเป็นเลือด แก้ไอ
บำรุงปอด ประจำเดือนผิดปกติ ท้องเสีย

ตำลึง

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Coccinia grandis (L.) Voigt
ชื่อสามัญ : Ivy gourd
ชื่อท้องถิ่น : ผักแคบ แคเด๊าะ ผักแคบ ผักตำลึง
วงศ์ : CUCURBITACEAE

ลักษณะ : ไม้เลื้อยอายุหลายปี ลำต้นเป็นเถา เถาอ่อนสีเขียว เถาแก่สีน้ำตาล มีมือเกาะสี
เขียวยาว 12-14 ซม. งอคล้ายลวดสปริง ออกตรงกันข้ามกับใบ กิ่งแตกออกตามลำต้น
ใบเดี่ยวเรียงสลับกว้าง 3-4 ซม. ยาว 3-6 ซม. ปลายใบแหลม โคนรูปหัวใจ ขอบใบหยัก
ฟันเลื่อย ตื้นหยักเว้าห้าแฉก ดอกเดี่ยวสีขาวออกที่ซอกใบ แยกเพศ กลีบดอก 5 กลีบ ติด
กันเป็นรูประฆัง ดอกเพศผู้มีกสีบเลี้ยงเชื่อมกันเป็นรูปกรวย ปลายแยก เกสรเพศผู้ 3 อัน
ดอกเพศเมีย มีเกสรเพศเมีย 1 อัน กลีบดอกเชื่อมกันปลายแยก 5 แฉก รังไข่ใต้ฐานรอง
ดอก ผลสดกว้าง 2-3 ซม. ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่มีสีแดงสด เมล็ดรูปไข่แบน
การใช้ประโยชน์ : ยอดอ่อน ใบอ่อน ลวกเป็นผักสด หรือแกง

ตำลึงทอง

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Passiflora foetida L.
ชื่อสามัญ : Fetid passionflower, Scarletfruit passionflower

, Stinking passion flower
ชื่อท้องถิ่น : เถาสิงโต ผักแคบฝรั่ง กะทกรก กระโปรงทอง
วงศ์ : PASSIFLORACEAE

ลักษณะ : ไม้เลื้อย อายุ 2-5 ปี ลำต้นเป็นเถา สีเขียว มีขน มีมือเกาะที่ซอกใบ ใบเดี่ยวออก
เรียงสลับ ก้านใบยาว 1-2 ซม. แผ่นใบรูปหัวใจแยก 3 แฉก กว้าง 4-8 ซม. ยาว 5-10 ซม.
ปลายใบแหลม โคนรูปหัวใจ ขอบหยัก แผ่นใบมีขน ดอกเดี่ยวออกตามซอกใบ กลีบเลี้ยงเป็น
ร่างแหสีเขียว แยก 3 กลีบ กลีบดอก 10 กลีบสีขาวหรือสีขาวอมม่วง เรียงซ้อนสองชั้นๆ ละ
5 กลีบ กลีบดอกชั้นแรกสีเขียว ด้านบนสีขาว รูปไข่ มีกลีบรูปเข็ม รอบเกสรเพศผู้และเกสร
เพศเมีย โคนสีม่วงเรียงตามแนวรัศมี เกสรเพศเมีย 1 อัน มีก้านเชื่อมกับก้านชูเกสรเพศผู้ 5
อัน ยอดเกสรเพศเมียแยก 3 แฉก รังไข่เหนือวงกลีบ ผลสด รูปกลม มีกลีบเลี้ยงเป็นเส้นฝอย
ร่างแห ห่อหุ้ม เมล็ดรูปรี สีดำ ภายมีเมล็ด 10-20 เมล็ด มีเนื้อลื่นหุ้ม
การใช้ประโยชน์ : ใบและยอดอ่อน กินสด หรือ ลวกเป็นผัก

ทิ้งถ่อน

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Albizia procera (Roxb.) Benth
ชื่อสามัญ : White siris, Sit
ชื่อท้องถิ่น : ถ่อน ถินถ่อน นมหวา นุมหวา ทิ้งถ่อน
วงศ์ : FABACEAE

ลักษณะพืช : เป็นไม้ต้นผลัดใบขนาดกลาง สูง 15–30 เมตร ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก
สองชั้น เรียงเวียนหรือเรียงตรงข้าม 4–11 คู่ ใบย่อยรูปขอบขนานแกมรูปไข่ ปลายใบมน
โคนใบเบี้ยว ขอบใบเรียบ ดอกออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกแยกแขนง ออกตามซอกใบและปลาย
กิ่ง ดอกย่อยขนาดเล็ก สีขาว รวมเป็นกระจุก ขนาด 1.3–2 ซม. กลีบเลี้ยง 5 กลีบโคนเชื่อม
ติดกันเป็นหลอด กลีบดอก 5 กลีบ ปลายแยกแฉก เกสรเพศผู้จำนวนมาก โคนก้านชูอับเรณู
ติดกันเป็นหลอดรังไข่เหนือวงกลีบ มี 1 ช่อง มีออวุลจำนวนมาก ออกเดือนเดือนพฤษภาคม–
สิงหาคม ผลเป็นฝักแบนแห้งแตก เมื่อแก่มีสีน้ำตาล ภายในมี 6–12 เมล็ด เมล็ดนูนรูปไข่ ฝัก
จะแก่เดือนตุลาคม–ธันวาคม
การใช้ประโยชน์ : ใบอ่อน ยอดอ่อน และดอกอ่อนสามารถนำไปลวกหรือต้มรับประทานเป็น
ผักร่วมกับน้ำพริกได้ ใบมีรสเฝื่ อนเมา นำมาเผาไฟผสมกับน้ำใบยาสูบฉุน ๆ และน้ำปูนขาว ใช้
เป็นยาฉีดฆ่าตัวสัตว์ หนอน และแมลงได้เป็นอย่างดี

ไผ่รวก

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Thyrsostachys siamensis Gamble
ชื่อสามัญ : Long sheath Bamboo
ชื่อท้องถิ่น : ตีโย ไผ่รวก ไผ่ฮวก ว่าบอบอ แวบ้าง แวปั่ ง สะลอม
วงศ์ : POACEAE

ลักษณะ : ไม้ล้มลุก สูง 5-10 ม. มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นทรงกระบอกกลวง ตั้งตรง เส้นผ่าน
ศูนย์กลาง 2-5 ซม. ผิวเรียบ สีเขียวอมเทา ไม่มีหนาม เนื้อแข็ง ข้อปล้องชัดเจน แต่ละ
ปล้องยาว 15-30 ซม. มีกาบหุ้มลำต้นบางแนบชิดลำต้น ไม่หลุดร่วง ยอดกาบบางเรียว
สอบไปหาปลาย ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปใบหอก กว้าง 0.6-1.2 ซม. ยาว 8-14 ซม. ปลาย
แหลม โคนมน ขอบเรียบคม แผ่นใบสีเขียวอ่อน เส้นใบข้างละ 3-5 เส้น ไม่มีติ่ง สากมือ
ออกดอกเป็นช่อ ที่ปลายกิ่ง ดอกสีขาว ขนาดเล็ก
การใช้ประโยชน์ : หน่ออ่อนรับประทานได้ เนื้อไม้ใช้ทำอุปกรณ์เครื่องใช้ หรือที่อยู่อาศัย

เพกา

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Oroxylum indicum (L.) Kurz
ชื่อสามัญ : Broken bones tree, Damocles tree, Indian trumpet flower
ชื่อท้องถิ่น : ลิ้นฟ้า กาโด้โด้ง มะลิ้นไม้ มะลิดไม้ ลิดไม้
วงศ์ : BIGNONIACEAE

ลักษณะ : ไม้ต้น สูง 3-12 เมตรแตกกิ่งก้านน้อย ใบประกอบแบบขนนกสามชั้น ขนาดใหญ่
เรียงตรงข้ามรวมกันอยู่บริเวณปลายกิ่ง ใบย่อยรูปไข่หรือรูปไข่แกมวงรี กว้าง 4-8 ซม.
ยาว 6-12 ซม. ดอกช่อ ออกที่ปลายยอดก้านช่อดอกยาว ดอกย่อยขนาดใหญ่กลีบดอกสี
นวลแกมเขียว โคนกลีบเป็นหลอดสีม่วงแดง หนาย่น บานกลางคืน ผลเป็นฝัก รูปดาบ เมื่อ
แก่จะแตก ภายในเมล็ดแบน สีขาว มีปีกบางโปร่งแสง
การใช้ประโยชน์ : ยอดและดอกอ่อนสีเหลืองอ่อน นำมาลวก ต้มใช้เป็นผักจิ้มกับน้ำพริก
หรือนำมาผัดใส่กุ้ง ฝักอ่อน ที่อายุไม่เกิน 1 เดือน ขนาดไม่ใหญ่มากนัก ใช้เล็บมือจิกลงไป
ได้ จิ้มกินกับน้ำพริก เป็นเครื่องเคียงลาบ ก้อย ใช้ทอดกินกับไข่ ใส่แกง คั่ว ยำ ผัดกับหมู
หรือทำแกงอ่อมปลาดุกใส่ฝักเพกาแทนใบยอ

ฟ้าทลายโจร

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Andrographis paniculata
ชื่อสามัญ : The Creat, Creyat Root, Halviva, Kariyat, Green Chiretta, Kreat
ชื่อท้องถิ่น : ฟ้าทะลาย, ฟ้าทะลายโจร ,หญ้ากันงู
วงศ์ : ACANTHACEAE

ลักษณะพืช : ไม้ล้มลุก สูง 30-70 ซม. ทุกส่วนมีรสขม กิ่งเป็นใบสี่เหลี่ยม ใบ เดี่ยว แผ่นใบสี
เขียวเข้มเป็นมัน ดอก ช่อ ออกที่ปลายกิ่งและซอกใบ ดอกย่อย กลีบดอกสีขาว โคนกลีบติดกัน
ปลายแยก 2 ปาก ปากบนมี 3 กลีบ มีเส้นสีม่วงแดงพาดอยู่ ปากล่างมี 2 กลีบ ผล เป็นฝัก
เมื่อแก่เป็นสีน้ำตาล แตกได้ ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก
การใช้ประโยชน์ : ช่วยลดเสมหะ โดยใช้ใบฟ้าทะลายโจรมาบดเป็นยาขมเเละสูดดม ช่วยแก้
อาการปวดหัว ตัวร้อน ใบฟ้าทะลายโจรช่วยทำให้เจริญอาหาร

มะกอก

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Spondias pinnata (L.f.) Kurz
ชื่อสามัญ : Jew's plum, Otatheite apple
ชื่อท้องถิ่น : กอก กอกกุ๊ก กอกทรวง กอกเขา มะกอกป่า
วงศ์ : AMACARDIACEAE

ลักษณะ : ไม้ยื่นต้น สูง15-25 ม. ลำต้นกลม ตั้งตรง เปลือกสีเทา ใบประกอบแบบขนนก
ปลายที่ ออกเรียงแบบสลับ ใบย่อย 46 คู่ เรียงเป็นคู่ ตรงข้ามหรือเยื้องเล็กน้อย แผ่นใบรูปรี
กว้าง 24 ซม. ยาว 39 ซม. ปลายแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ ใบอ่อนสีน้ำตาลแดงดอกช่อ
ออกตามซอกใบหรือปลายกิ่งดอกย่อยจำนวนมาก สีขาวครีม แยกเพศ กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูป
ถ้วย ปลายแยก 5 แฉก กลีบดอก 5 กลีบ เกสรเพศผู้ 10 อัน เกสรเพศเมีย 1 อัน ผลสด รูปไข่
กว้าง 2.5-4 ซม. ยาว 3-6 ซม. ผลแก่สีเหลือง อมเขียวหรือสีเหลืองอ่อน เมล็ดเดียวใหญ่และ
แข็ง ผิวเสี้ยนขรุขระ
การใช้ประโยชน์ : ยอดอ่อนใช้รับประทานสดเป็นผักเคียง หรือใช้ประกอบอาหาร ผลสุกมีรส
เปรี้ยว ใส่ในส้มตำ นํ้าพริก และยำ มีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพรพื้นบ้าน

มะระขี้นก

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Momordica charantia Linn.
ชื่อสามัญ : Bitter Cucumber, Balsum Pear
ชื่อท้องถิ่น : ผักไซ ผักไห่ มะไห่ มะนอย มะห่วย
วงศ์ : CUCURBITACEAE

ลักษณะ : ไม้เลื้อย อายุ 1 ปี ลำต้นเป็นเถา 5 เหลี่ยม มีขนนุ่ม เลื้อยพัน ใบเดี่ยว ออกเรียง
สลับแผ่นใบ รูปฝ่ามือ หยักเว้าลึก 7 แฉก ปลายใบแหลม โคนใบเว้ารูปหัวใจ ขอบใบหยัก
หลังและท้องใบมีขนนุ่ม ดอกเดี่ยวแยกเพศอยู่ต้นเดียวกัน ออกตามซอกใบ ดอกเพศผู้ ใบ
ประดับรูปหัวใจ สีเขียว 1 ใบ กลีบเลี้ยง 5 กลีบ สีเหลืองรูปไข่ปลายแหลม กลีบดอก 5
กลีบ สีเหลือง บางย่น ปลายกลีบเว้าเกสรเพศผู้ 5 อัน ดอกเพศเมีย สีเหลือง ก้านดอกยาว
ใบประดับ 1 ใบ กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปไข่ปลายแหลม กลีบดอก 5 กลีบ ปลายกลีบเว้า เกสร
เพศเมีย 1 อัน ปลายแยก 5 แฉก รังไขใต้ฐานรองดอก ผลสด รูปกระสวย ผิวขรุขระ กว้าง
3-4.5 ซม. ยาว 4-6 ซม. เมล็ดรูปไข่แบน 5-14 เมล็ด
การใช้ประโยชน์ : ใบ ยอด และผลอ่อนลวก นึ่งกินเป็นผัก

สะเดา

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Azadirachta indica A. Juss. Var. siamensis
ชื่อสามัญ : Siamese neem tree, Nim , Margosa, Quinine
ชื่อท้องถิ่น : สะเลียม กะเดา ควินิน สะเลียม สะเดาอินเดีย
วงศ์ : MELIACEAE

ลักษณะ : ไม่ยืนตันสูง 20-25 ม. ลำต้นมีเปลือกแข็ง สีน้ำตาลเมื่อแก่แตกเป็นร่อง ใบ
ประกอบแบบขนนกปลายคี่ ออกเรียงตรงข้าม ก้านใบรวมใบประกอบยาว 15-35 ซม. ใบ
ย่อยรูปใบหอก กว้าง 2.5-3 ซม. ยาว 4-6.2 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบเบี้ยว ขอบใบจัก
ฟันเลื่อย ดอกช่อสีขาวเป็นช่อดอกแบบแยกแขนงออกที่ปลายยอด กลีบดอก 5 กลีบหลอด
กลีบดอกส่วนโคนสั้น ปลายแยกเป็นแฉก เกสรเพศผู้เชื่อมติดกันล้อมเกสรเพศเมีย ผลส
ตรูปวรี ปลายมน ชนาดกว้าง 5-8 มม. ยาว 0.5-1.2 ซม. ผลอ่อนสีเขียว ผลสุกมีสีหลือง
การใช้ประโยชน์ : ใบ ยอด ช่อดอก ลวก กินเป็นผักรับประทานกับน้ำปลาหวาน หรือ
อาหารรสจัด ลาบ ก้อย เป็นต้น

ส้มลม

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aganonerion polymorphum
ชื่อสามัญ : ส้มลม
ชื่อท้องถิ่น : เครือส้มลม
วงศ์ : APOCYNACEAE

ลักษณะ : ไม้เถา เลื้อยพัน 3 - 4 เมตร มีน้ำยางสีขาว เส้นผ่าศูนย์กลางลำต้น 2.9 - 4.8
มิลลิเมตร ใบเดี่ยวเรียงตรงข้ามกัน รูปรี (elliptic) กว้าง 2.0 - 3.5 ซม. ยาว 5.1 - 7.2 ซม.
ก้านใบยาว 0.6 - 1.6 ซม. ใบนุ่มสีเขียวค่อนข้างเข้ม ขอบใบเรียบ (entire) ไม่มีขน ออกดอกที่
ยอดหรือปลายกิ่ง ช่อดอกมีดอกย่อย 3 - 5 ดอก กลีบเลี้ยงมีสีแดงแกมชมพูมี 5 กลีบ โคนกลีบ
ตัดกัน และมีกลีบดอก 5 กลีบ สีชมพูหรือสีบานเย็น โคนกลีบดอกติดกัน ออกดอกช่วงเดือน
มีนาคมถึงเมษายน ผลยาวได้ประมาณ 20 ซม. เกลี้ยง เมล็ดเรียวยาว ยาวประมาณ 1 ซม. ขน
กระจุกยาว 1.5-3 มม. ลำต้นสีเขียวถึงเขียวออกน้ำตาล
การใช้ประโยชน์ : กินเป็นผักสดกับน้ำพริกหรือแจ่ว รากต้มน้ำดื่มช่วยขับลม คลายกล้ามเนื้อ
หรือผสมกับยาสมุนไพรอื่นๆ รักษาอาการปวดเมื่อย ปัสสาวะขัด ในเวียดนาม นำไปใส่ในอาหาร
ประเภทต้มที่เรียกกัญจัว

ส้มเสี้ยว

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bauhinia malabarica Roxb
ชื่อสามัญ : Orchid Tree, Purple Bauhinia
ชื่อท้องถิ่น : แดงโค คังโค เสี้ยงใหญ่ เสี้ยวส้ม ป้าม
วงศ์ : FABACEAE

ลักษณะ : จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น มีความสูงประมาณ 6-15 ม.
เปลือกลำต้นเป็นสีเทา แตกสะเก็ดยาวตามลำต้น กิ่งอ่อนมีสีเขียว มีขนประปราย กิ่งแก่สี
น้ำตาล เกลี้ยง ใบเป็นใบเดี่ยว รูปไข่ออกแบบเรียงสลับ เนื้อใบหนาคล้ายหนัง ปลายใบกลม
มน ขอบใบเรียบ โครนใบรูปหัวใจ ผิวใบด้านบนและด้านล่างเกลี้ยง แผ่นใบยาว 4.5-9 ซม.
กว้าง 5.5-12 ซม. ปลายใบแยกเป็นสองแฉก ระหว่างแฉกใบมีติ่งเรียวยาว ดอกออกแบบ
ช่อกระจาย มีขนประปราย ฐานดอกเป็นรูปลูกข่าง ส่วนกลีบเลี้ยงมี 5 กลีบสีเขียว เชื่อม
ติดกันคล้ายกาบ เชื่อมกันเป็นหลอด ปลายกลีบแยกแหลม กลีบดอกมี 5 กลีบสีขาว ผลอ
อกเป็นฝักรูปดาบ ฝักเมื่ออ่อนสีเขียว เมื่อแก่สีน้ำตาลดำเกลี้ยง แข็งคล้ายเนื้อไม้ ฝักแก่
แตกแล้วจะบิดเป็นเกลียว เมล็ดสีน้ำตาลดำกลมแบน
การใช้ประโยชน์ : ใบอ่อน ยอดอ่อน และดอก (ซึ่งมีรสเปรี้ยว) มารับประทานเป็นผักสดกับ
น้ำพริก หรืออาหารรสจัด หรือใช้ใบอ่อนมาทำแกงส้มหรือแกงผักรวมต่างๆ อีกด้วย

โสมไทย

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Talinum paniculatum(Jacq.) Gaertn.
ชื่อสามัญ : Java ginseng , Sweetheart, Fame Flower, Surinam Purslane,
waterleaf, Ceylon Spinach
ชื่อท้องถิ่น : โสมคน ว่านผักปั๋ ง
วงศ์ : PORTULACACEAE

ลักษณะ : พืชล้มลุก ขนาดเล็ก มีอายุหลายปี สูงได้ถึง 1 ม. มีเหง้าใต้ดินเมื่อรากโตเต็มที่
จะมีรูปร่างเหมือนโสมจีน ต้นเป็นเหลี่ยม ลำต้นฉ่ำน้ำ ใบเดี่ยวเรียงเวียนสลับ ใบรูปไข่กลับ
ปลายโตแหลม ยาว 6-13 ซม. โคนสอบแหลม ปลายใบมนหรือแหลมสั้น ขอบใบเรียบ แผ่
อยู่เหนือดิน ใบมีสีเขียวเรียบเป็นมัน เนื้อใบหนา ก้านใบชูตั้ง ดอกมีขนาดเล็ก เป็นช่อที่ส่วน
ยอดหรือปลายกิ่ง ดอกสีชมพู มี 5 กลีบ กลีบเลี้ยงมี 2 กลีบ ผลสีแดง กลมรี มีขนาด
ประมาณ 3 มม. เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีเทา เมล็ดจำนวนมากอยู่ภายใน สีดำ
การใช้ประโยชน์ : ใบและต้นนำมาผัด เป็นผักที่มีรสดี ใช้แทนผักโขมสวนได้ เป็นพืชที่อุดม
ด้วยวิตามิน เป็นอาหารที่มีคุณค่าสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ที่เพิ่งฟื้ นไข้

องุ่นป่า

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ampelocissus martinii Planch
ชื่อสามัญ : องุ่นป่า , เถาเปรี้ยว
ชื่อท้องถิ่น : เครืออีโกย (อีสาน) กุ่ย (อุบล) เถาวัลย์ขน (ราชบุรี) ส้มกุ้ง (ประจวบฯ)
ตะเปียงจู องุ่นป่า อีโก่ย (สุรินทร์)
วงศ์ : VITACEAE

ลักษณะพืช : ไม่เลื้อยล้มลุก หลายฤดู ลำาต้น ไม่มีเนื้อไม้ ใบ เดี่ยวรูปหัวใจเว้าลึกเป็น 5 พู ผิวใบ
อ่อนมีขน เป็นเส้นใยแมงมุมปกคลุม มีขนอ่อนสีชมพูที่มีต่อมแซม (glandularhair )ขอบใบ
หยักฟันเลื่อย ดอก ออกเป็นช่อแบบพานิเคิล (panicle) ดอกย่อยมีขนาดเล็กสีชมพูอ่อน กลีบ
ดอก 4 กลีบ กรขยายพันธุ์ ด้วยเมล็ดหรือแดกยอดใหม่จากเหง้าใต้น นิเวศวิทยาและการแพร่
กระจ่าย พบทั่วไปตามบำาเบญจพรรณในที่ร่มชื้น เถาจะงอกในช่วงฤดูฝน
การใช้ประโยชน์ : ยอดอ่อน รับประทานเป็นผักสดมีรสหวานอมเปรี้ยว ผลอ่อนต้มตำน้ำพริก
หรือใส่ส้มตำ เพราะมีรสเปรี้ยว ถ้ารับประทานดอกมากจะทำให้ระคายคอ ชาวบ้านจะจิ้มเกลือ
ก่อน รับประทานจะลดอาการระคายคอหรือนำผลสุกมาตำใส่ส้มตำ

MUSHROOMS AND
WILD VEGETABLES

วนอุ ทยานภูเขาไฟเขากระโดง


Click to View FlipBook Version