The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผลของเทคนิคการสอนบันได 5 ขั้น ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วรรณคดี (ฉบับโรงเรียน)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Phanudet Dingram, 2021-12-17 02:09:36

ผลของเทคนิคการสอนบันได 5 ขั้น ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วรรณคดี (ฉบับโรงเรียน)

ผลของเทคนิคการสอนบันได 5 ขั้น ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วรรณคดี (ฉบับโรงเรียน)

41

บรรณานกุ รม

42

บรรณานกุ รม

กระทรวงศกึ ษำธิกำร. (255 ). หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551.
กรุงเทพฯ: ชมุ นมุ สหกรณ์กำรเกษตรแห่งประเทศไทย.

กิตติ รตั นรำษี และเบญจมำภรณ์ จนั ทร (256 ). กำรพัฒนำผลสัมฤทธทิ์ ำงกำรเรยี น
โดยใช้ชุดกิจกรรมกำรเรยี นรู้ 5 ขนั้ ตอน (QSCCS) ในรำยวชิ ำ กำรใชโ้ ปรแกรม
สำนกั งำนขัน้ สูงของนักศึกษำระดับประกำศนียบัตรวชิ ำชีพช้ันสงู ปีท่ี
วทิ ยำลยั เทคโนโลยปี ญั ญำภิวฒั น์. วารสารนวัตกรรมและเทคโนโลยี
เพื่อการเรียนรู้, ( ), 38-48.

กุหลำบ มัลลกิ ะมำส. (25 7). วรรณกรรมไทย. กรุงเทพฯ: คณะมษุ ยศำสตร์
มหำวิทยำลัยรำมคำแหง.

กหุ ลำบ มลั ลิกะมำส. (2527). วรรณคดวี จิ ารณ์. กรงุ เทพฯ: มหำวทิ ยำลัยรำมคำแหง.
เชยี รศรี ววิ ิธสริ .ิ (2527). จิตวทิ ยาการเรยี นรขู้ องผู้ใหญ่. กรุงเทพฯ: ภำควิชำกำรศึกษำผู้ใหญ่

มหำวทิ ยำลัยศรีนครินทรวโิ รฒประสำนมิตร.
ทศั นยี ์ ศุภเมธี. (2542). การสอนภาษาไทย. กรงุ เทพฯ: สถำบันรำชภัฏธนบรุ ี.
ทิพรัตน์ สิทธวิ งศ์ และทะเนศ วงศ์นำม. (2559). กำรศึกษำผลกำรใช้กจิ กรรมกำรเรยี นกำรสอน

ดว้ ยบันได 5 ขั้น (QSCSS) สำหรบั นิสติ ปริญญำโท สำขำเทคโนโลยี
และสื่อสำรกำรศกึ ษำ คณะศึกษำศำสตร์ มหำวทิ ยำลัยนเรศวร.
วารสารศกึ ษาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร, 8(4), 86-98.
เทยี มจันทร์ พำนิชผลนิ ไชย และคณะ. (2557). กำรประเมินโครงกำรพฒั นำครคู ุณภำพ
โดยใช้กระบวนกำรสร้ำงระบบพเี่ ลย้ี งของคณะศึกษำศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั นเรศวร
และสำนักงำนเขตพ้นื ท่ีกำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต 38 และเขต 39 รว่ มกับสำนักงำน
เขตพ้ืนทป่ี ระถมศึกษำสุโขทัย เขต 2. วารสารวชิ าการและวจิ ยั สังคมศาสตร์,
9(27), 5-3 .
ประดิษฐ์ กลัดประเสรฐิ . (2522). วรรณกรรมวจิ ารณ์และแนวทางการวจิ ารณว์ รรณกรรม.
พิษณุโลก: วทิ ยำลัยครพู ิบูลสงครำม.
ประภำศรี สีหอำไพ. (2535). วิธกี ารสอนภาษาไทยระดับมัธยมศึกษา.
กรุงเทพฯ: ไทยวฒั นำพำนิช.

43

ปรญี ำ ภูษำปำน. (256 ). การแกป้ ัญหาผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น รายวิชาคณิตศาสตร์
เรื่อง ความสมั พันธ์และฟังก์ชัน ของนกั เรียนชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 4
โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 15 (เวียงเก่าแสนภวู ิทยาประสาท)
ดว้ ยกระบวนการจัดการเรียนร้แู บบ QSCCS. มปท: มปพ..

ปรยี ำพร วงศอ์ นุตรโรจน์. (2534). จิตวิทยาการศกึ ษา. กรุงเทพฯ: ศูนยส์ อ่ื เสริมกรุงเทพ.
ปิยนชุ แหวนเพชร. (2560). การพฒั นาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนวรรณคดขี องนกั เรียน

ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 โดยใช้วธิ ีการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้
รว่ มกบั เทคนคิ การใชแ้ ผนท่ีความคิด. วิทยำนิพนธ์ ศษ.ม. (กำรสอนภำษำไทย),
มหำวิทยำลยั ศลิ ปำกร, กรงุ เทพฯ.
พศิน แตงจวง. (2537). องค์ประกอบท่ีมอี ิทธิพลตอ่ ผลสัมฤทธท์ิ างการสาเร็จการศกึ ษา
ระดบั บัณฑิตศึกษาภาคพิเศษของนักศกึ ษา สังกัดสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ.
รำยงำนกำรวจิ ัย คณะศึกษำศำสตร์ มหำวทิ ยำลัยเชียงใหม่, เชยี งใหม่.
พิชญะ กนั ธิยะ, วรี ะศกั ด์ิ ชมพูคำ และสกล แกว้ ศิริ. (2559). การพฒั นาทกั ษะการคิด
วิเคราะห์โดยใชก้ ารจดั การเรียนรแู้ บบบนั ได 5 ขนั้ วชิ าวิทยาศาสตร์
ของนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาตอนตน้ . วทิ ยำนิพนธ์ ศษ.ม. (หลกั สตู รและกำรสอน),
มหำวิทยำลยั รำชภัฏเชียงใหม่, เชยี งใหม.่
มำลี จุฑำ. (2544). การประยุกต์จิตวิทยาเพอ่ื การเรียนรู้. กรุงเทพ: บรษิ ัทอักษรำพิพัฒน์
จำกัด.
รำชบัณฑติ ยสถำน. (2556). พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พทุ ธศกั ราช 2564.
กรุงเทพฯ: ศริ วิ ัฒนำอินเตอร์พริ้น.
โรงเรียนพิไกรวทิ ยำ. (2564). หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรียนพไิ กรวทิ ยา พทุ ธศักราช 2562
(ฉบับปรับปรุง 2560) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน
พุทธศักราช 2551. มปท: มปพ..
ฤทยั สัจจพนั ธ์ุ. (2544). วรรณคดศี กึ ษา. กรงุ เทพฯ: ธำญบญั ญำ.
วสนั ต์ รัตนโภคำ. (2554). ควำมรูเ้ กยี่ วกบั วรรณคดีไทย. ใน เอกสารการสอน
ชดุ วรรณคดีไทย หน่วยท่ี 1-7. นนทบรุ :ี สำนักพมิ พ์
มหำวทิ ยำลัยสโุ ขทัยธรรมำธิรำช.
วจิ ำรณ์ พำนิช. (2555). วิถีสร้างการเรียนรเู้ พื่อศิษยใ์ นศตวรรษที่ 21. กรงุ เทพฯ: มูลนิธิ
สดศรี-สฤษด์ิวงศ์.
วภิ ำ กงกะนนั ทน์. (2533). วรรณคดีศึกษา. กรุงเทพฯ: ไทยวฒั นำพำนชิ .

44

วฒุ ิพงษ์ คำเนตร. ( 0 มิถุนำยน 2558). วทิ ยาการการจดั การเรียนรภู้ าษาไทย
โดยใชบ้ นั ได 5 ขน้ั ของการพฒั นาผู้เรียน สู่มาตรฐานสากลในศตวรรษท่ี 21
(Five Steps for Student Development). สบื คน้ เม่ือ 5 สิงหำคม 2564, จำก
http://wutthiphongkhamnet.blogspot.com/20 5/06/five-steps-for-student-
development.html

สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขัน้ พ้ืนฐำน. (2558). คู่มอื การเรยี นการสอนภาษาไทย
คดิ และเขยี นเชงิ สร้างสรรค์: เรยี งความ ยอ่ ความ และสรปุ ความ (พิมพ์ครัง้ ที่ 2).
กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ สำนักงำนคณะกรรมกำรส่งเสรมิ สวสั ดิกำรและสวัสดภิ ำพครู
และบุคลำกรทำงกำรศึกษำ.

สจุ รติ เพียรชอบ และสำยใจ อินทรมั พรรย์. (2538). วิธีสอนภาษาไทยระดับมธั ยมศกึ ษา
(พิมพค์ ร้งั ท่ี 3). กรุงเทพฯ: ภำควิชำมัธยมศกึ ษำ คณะครุศำสตร์
จฬุ ำลงกรณ์มหำวทิ ยำลยั .

อำรี พนั ธ์มณี. (2534). จิตวทิ ยาการเรยี นการสอน. กรุงเทพฯ: ตน้ อ้อ.

45

ภาคผนวก

46

ภาคผนวก ก เคร่อื งมือที่ใชใ้ นการวจิ ัย
1. แผนการจดั การเรียนรู้เรอื่ ง บทพากยเ์ อราวัณ ด้วยวธิ ีสอนแบบบันได 5 ข้ัน

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1

กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ภาคเรยี นท่ี 1 โรงเรยี นพไิ กรวิทยา
ปีการศกึ ษา 2564
รายวิชา ท23101 ภาษาไทย 5 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3
จานวน 2 ชั่วโมง
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 ทศั นาวรรณคดี ผสู้ อน นายภานุเดช ดงิ รมั ย์

แผนการจัดการเรยี นรู้ เรื่อง รู้เร่ืองบทพากยเ์ อราวณั

ครพู ีเ่ ลย้ี ง นายไกรจักร คาบุญเรอื ง

สาระ/มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวชี้วัด
สาระที่ 1 วรรณคดีและวรรณกรรม
มาตรฐาน ท 5. เข้ำใจและแสดงควำมคิดเห็น วิจำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย

อย่ำงเหน็ คณุ ค่ำและนำมำประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตจริง
ตัวช้ีวัด ม. 3/ สรุปเน้ือหำวรรณคดี วรรณกรรมและวรรณกรรมท้องถ่ินในระดับทยี่ ำก

ยง่ิ ขน้ึ

สาระสาคัญ (องค์ความร้)ู
บทพำกย์เอรำวัณ เปน็ ตอนหนึ่งในวรรณคดีเร่ือง รำมเกียรต์ิ ซึ่งใช้สำหรับประกอบ กำรแสดง

มหรสพ โดดเด่นทำงด้ำนวรรณศิลป์ กำรใช้ถ้อยคำเพื่อพรรณนำตัวละคร และฉำกในท้องเร่ือง ทำให้
ผ้อู ำ่ นเกิดจินตภำพ

โดยอินทรชิต มีเดิมชื่อรณพักตร์ เรียนวิชำศิลปวิทยำกับฤำษีโคบุตร บำเพ็ญภำวนำมนต์อยู่
นำนถึง 7 ปี จึงได้ศร 3 เล่ม จำกพระผู้เป็นเจ้ำทั้งสำมองค์ ได้แก่ พระอิศวร ประทำนศรพรหมำสตร์
พระพรหม ประทำนศรนำคบำศ พระนำรำยณ์ ประทำนศรวษิ ณุปำณัม เมื่อไปรบกับพระอินทร์ได้รับชัย
ชนะและได้จักรแก้ว ของพระอินทร์ ทศกัณฐ์จึงให้ช่ือใหม่ว่ำ อินทรชิต แปลว่ำ มีชัยชนะแก่พระอินทร์
เมื่อข้ำศึกติดลงกำ อินทรชิตทำพิธีชุบศรพรหมำสตร์ แต่ไม่สำเร็จ เพรำะทศกัณฐ์บอกข่ำวกำรตำยของ
กุมภกรรณ อินทรชิตจึงออกรบโดยแปลงกำยเปน็ พระอินทร์ และให้กำรณุ รำชแปลงเป็นช้ำงเอรำวณั อัน
งดงำม เม่ือทัพพระลักษณ์เห็นก็เคลิบเคลม้ิ หลงกล อินทรชิตจึงแผลงศรนำคบำศถูกตัวพระลักษณ์และ
ทัพวำนร

47

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. ดา้ นความรู้ (K)
-นกั เรยี นสำมำรถอธบิ ำยเร่ืองรำวของบทพำกยเ์ อรำวัณได้
2. ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P)
-นกั เรยี นสำมำรถสรปุ เนื้อเรอ่ื งของบทพำกย์เอรำวัณได้
3. ด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
-นักเรยี นมีควำมซื่อสัตย์สจุ รติ
-นักเรยี นใฝ่เรียนรู้
-นักเรยี นรกั ควำมเปน็ ไทย

สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น
. ควำมสำมำรถในกำรส่อื สำร
2. ควำมสำมำรถในกำรคิด
3. ควำมสำมำรถในกำรใช้ทักษะชวี ิต

ช้นิ งาน/ภาระงาน
กจิ กรรมกำรนำเนอหน้ำชน้ั เรียน

การวดั และประเมินผลแผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 1

ดา้ นความรู้ (K) วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ กจิ กรรมกำรเรยี นกำรสอน โดยภำพรวม เขำ้ ใจ
ร้อยละ 80 ข้ึนไป
-นกั เรยี นสำมำรอธิบำยเรือ่ งรำว สังเกตกำรตอบคำถำม เครื่องมือ
ของบทพำกย์เอรำวณั ได้ ของนกั เรยี น แบบประเมินกำรนำเนอ เกณฑ์
หน้ำช้ันเรียน (แบบฝึกทกั ษะ) ถูกตอ้ ง ร้อยละ 70
ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) ขน้ึ ไป ผ่ำนเกณฑ์

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วิธีการ

-นักเรยี นสำมำรถสรปุ เนื้อเรือ่ ง ประเมนิ กำรนำเสนอ
ของบทพำกยเ์ อรำวัณได้ หนำ้ ชั้นเรยี น

48

การวดั และประเมนิ ผลแผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 (ต่อ)

ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ วธิ ีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์
แบบประเมนิ คุณลักษณะ ระดับคณุ ภำพ ดี
-นักเรยี นมีควำมซื่อสตั ยส์ จุ ริต สงั เกตพฤตกิ รรม อันพงึ ประสงค์ ขึน้ ไป ผำ่ นเกณฑ์
-นกั เรียนใฝ่เรียนรู้ ของนกั เรียน
-นักเรยี นรักควำมเป็นไทย

สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น

จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ ีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์
ระดับคณุ ภำพ ดี
. ควำมสำมำรถในกำรสอ่ื สำร สงั เกตพฤติกรรม แบบประเมินสมรรถนะสำคญั ขึน้ ไป ผำ่ นเกณฑ์
2. ควำมสำมำรถในกำรคดิ ของนักเรยี น ของผูเ้ รยี น
3. ควำมสำมำรถในกำรใช้ทักษะชีวิต

สื่อ/อปุ กรณ์/แหล่งการเรียนรู้
-หนงั สอื เรยี นวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปีที่ 3
-สื่ออินเทอรเ์ นต็
-แบบฝกึ ทักษะเรอ่ื งบทพำกยเ์ อรำวณั

กจิ กรรมการเรยี นรู้ บนั ได 5 ขนั้ (CQCCS)
คาบเรียนท่ี 1
1. ขัน้ การตงั้ คาถาม/สมมติฐาน (Learning to Question)
) ครกู ล่ำวทักทำยนกั เรียน
2) จำกนั้นให้นักเรียนดูภำพช้ำงเอรำวัณ แล้วให้นักเรียนตั้งคำถำมจำกภำพ 5 คำถำม

โดยเขยี นลงในสมดุ

49

2. ขั้นการสบื ค้นความรู้ และสารสนเทศ (Learning to Search)
) ให้นักเรยี นสบื ค้นควำมรูจ้ ำกหนังสือเรียนและส่อื อินเทอร์เน็ต เพ่อื หำคำตอบท่ีไดต้ ้ัง

คำถำมไว้
2) จำกนน้ั ให้นักเรียนศึกษำค้นคว้ำในประเด็นต่อไปนี้
-ผ้แู ตง่
-ลักษณะคำประพันธ์
-ควำมมงุ่ หมำยของเร่อื ง
-สำระสำคัญของเรื่อง
3. ข้นั การสรา้ งความรู้ (Learning to Construct)
) ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน จำกน้ันร่วมกันอภิปรำย สรุปองค์ควำมรู้ที่

ตนเองไดศ้ ึกษำค้นคว้ำ โดยเขยี นลงในแบบฝกึ ทักษะเร่อื งบทพำกยเ์ อรำวัณ

คาบที่ 2
4. ข้ันการสอื่ สาร/นาเสนออยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ (Learning to Communication)

) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมำนำเสนอควำมรู้ที่ได้จำกกำรร่วมกันอภิปรำยและสรุป
หน้ำช้นั เรียน โดยจับสลำกสุ่มทลี ะกลมุ่ จนครบทุกกลมุ่

5. ข้นั การบรกิ ารสังคม และจิตสาธารณะ (Learning to Serve)
) ครูซักถำมนักเรียนว่ำ มีประเด็นใดบ้ำง ที่ยังไม่เข้ำใจ พร้อมทั้งให้นักเรียนท่ีมีควำม

เขำ้ ใจแล้ว อธิบำยให้ฟงั
2) จำกนั้นขอตัวแทนนักเรียน คน ให้ทำกำรสรุปควำมรู้ที่ได้จำกกำรนำเสนอ ให้

เพื่อนฟงั ถือเปน็ กำรจบกำรเรียนกำรสอนในเร่ืองนี้

50

บันทกึ หลงั การจัดการเรยี นรู้ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 3/2

รายวิชา ท23101 ภาษาไทย 5 จานวน 2 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 ทศั นาวรรณคดี ผสู้ อน นายภานุเดช ดงิ รัมย์
แผนการจัดการเรียนรู้ เร่ือง รู้เรือ่ งบทพากยเ์ อราวณั
สอนวนั ที่ 23 กรกฎาคม 2564

ผลการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ จานวนนักเรียน 26 คน
1. ด้านความรู้ (K)
-ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมนิ 21 คน คิดเป็นร้อยละ 80.77
-ไมผ่ ่ำนเกณฑก์ ำรประเมิน 5 คน คิดเปน็ ร้อยละ 19.23
2. ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
-ผ่ำนเกณฑ์กำรประเมิน 25 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 80.77
-ไม่ผำ่ นเกณฑก์ ำรประเมิน 5 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 19.23
3. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
-ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมนิ 25 คน คิดเป็นร้อยละ 80.77
-ไมผ่ ่ำนเกณฑก์ ำรประเมนิ 5 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 19.23

สรปุ ผลหลังการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
นกั เรียนสำมำรถอธบิ ำยเนือ้ เร่ืองของบทพำกยเ์ อรำวัณได้ และนำเสนอข้อมูล

จำกกำรร่วมกันสรุปไดถ้ ูกต้อง พรอ้ มท้ังใหค้ วำมร่วมมือในกำรจดั กำรเรียนกำรสอน เข้ำเรียน
ตรงเวลำ

ปัญหาหรืออุปสรรค
นักเรยี นบำงส่วนไมเ่ ข้ำเรียน

แนวทางการแกไ้ ขหรอื ข้อเสนอแนะ
แจง้ ครทู ปี่ รึกษำให้ดำเนินกำรตดิ ตำมนักเรยี น

ลงช่อื ................................................. ลงชือ่ .................................................
(นำยภำนุเดช ดิงรมั ย์) (นำยไกรจักร คำบุญเรือง)
ผู้สอน ครูพเี่ ล้ยี ง

51

ความเห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรือผู้ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย

ความคิดเหน็ ของครูพเี่ ล้ยี ง ความคดิ เหน็ ของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้

ลงช่อื ................................................... ลงชือ่ ...................................................
(นายไกรจกั ร คาบุญเรือง) (นางสาวสธุ เนตร ถาวร)
ครพู เ่ี ล้ียง
ตาแหนง่ หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

ความเห็นของหัวหน้ากลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ

ลงชื่อ...................................................
(นางสาวรงุ่ ทิพย์ ขอนทอง)

ตาแหนง่ หวั หน้ากลุ่มบริหารงานวิชาการ

ความเห็นของผูบ้ ริหารสถานศึกษา
 อนมุ ัติ

 ไม่อนมุ ัติ

ลงชือ่ ...................................................
(นางสาวจฑุ ามาศ วงษ์เขียว)

ตาแหนง่ ผ้อู านวยการโรงเรียนพไิ กรวทิ ยา

52

แบบฝึกทักษะ
บทพากยเ์ อราวณั

คาชี้แจง: ใหน้ ักเรยี นตอบคำถำมต่อไปนี้
1 .ผ้แู ต่ง

2. ลกั ษณะคาประพันธ์

3. ความมุง่ หมายของเรอื่ ง

4. สาระสาคญั ของเร่ือง

53

เฉลย แบบฝึกทกั ษะ
บทพากย์เอราวัณ

คาชแี้ จง: ใหน้ ักเรียนตอบคำถำมต่อไปน้ี
1 .ผ้แู ต่ง

พระบทสมเด็จพระพุทธเลิศหลำ้ นภำลัย

2. ลักษณะคาประพันธ์
กำพยฉ์ บัง 6

3. ความมุ่งหมายของเรือ่ ง
ใหเ้ หน็ โทษของควำมลุ่มหลงในรูป รส กลนิ่ เสียง สัมผสั จะนำมำซึ่งควำมประมำท

อันเปน็ เหตุแหง่ หำยนะ

4. สาระสาคญั ของเร่อื ง
อินทรชติ แปลงกำยเปน็ พระอนิ ทร์ทรงช้ำงเอรำวัณ แลดะแปลงกำยทพั ของตนให้เปน็ เทพ

และอมนษุ ย์ ไดแ้ ก่ ควำญชำ้ ง คือ สำรถขี องอินทรชติ ชื่อ โลทนั แปลงกำยเป็นเทพบุตร ทพั หนำ้
เทพำรักษ์ ทัพหลงั คอื ครฑุ กนิ นร และนำค ปกี ซำ้ ย คอื วิทยำธร ปกี ขวำ คือคนธรรพ์
ทหำรทุกนำยมีอำวธุ ครบครัน ฝำ่ ยพระรำมครั้นต่ืนบรรทม พระลกั ษณ์เสดจ็ ยกทัพไปยงั
สนำมรบ ทอดพระเนตรเห็นควำมยิง่ ใหญ่ของกองทพั พระอินทรแ์ ปลง จงึ ตรสั ถำมสคุ รีพ
สุครีพทูลเตือนใหร้ ะวังพระองค์แต่อนิ ทรชิตส่ังให้บรวิ ำรจบั ระบำ จนพระลักษณ์เคลิ้มพระองค์
อินทรชติ จึงแผลงศรพรหมมำสตร์ใส่ทัพพระลกั ษณ์

54

แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน

คาช้ีแจง: ให้ครูผู้สอนประเมนิ กำรนำเสนอผลงำนของนักเรยี นตำมรำยกำรที่กำหนด
แล้วขีด  ลงในช่องที่ตรงกบั ระดับคะแนน

ชอื่ -สกลุ ความถกู ต้อง วธิ ี/ภาษา ประโยชนท์ ีไ่ ด้
กลมุ่ ท่ี ของสมาชิก ของเน้อื หา ท่ีใชใ้ นการ จากการ รวม
เนอื้ หาชดั เจน นาเสนอ 16
ท่รี ับการประเมนิ คะแนน
นาเสนอ

4321432143214321

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 4 คะแนน
ให้ 3 คะแนน
ผลงำนหรือพฤติกรรมสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ผลงำนหรอื พฤตกิ รรมมขี ้อบกพร่องบางส่วน ให้ คะแนน
ผลงำนหรือพฤติกรรมมขี ้อบกพร่องเปน็ ส่วนใหญ่
ผลงำนหรอื พฤติกรรมมขี ้อบกพรอ่ งมาก

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ลงชือ่ ...................................................ผูป้ ระเมนิ
(..................................................)
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
วนั ท.่ี ...........เดอื น...........................พ.ศ. .................
4- 6 ดมี ำก

- 3 ดี

8- 0 พอใช้

ต่ำกว่ำ 8 ปรบั ปรุง

55

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

กลมุ่ สำระกำรเรยี นร.ู้ .............................................ภำคเรียนท่ี........ปกี ำรศึกษำ……………………

ชอ่ื -สกุลนกั เรียน..........................................................ชั้น........................เลขท่.ี ...................

คาช้ีแจง: ให้ครูผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่ำงเรียนและนอกเวลำเรียน

แล้วขีด  ลงในช่องท่ีตรงกับระดับคะแนน

คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
อนั พึงประสงค์ 4321

1. ซอ่ื สัตย์สจุ ริต . เข้ำร่วมกิจกรรมเพ่ือแก้ปัญหำหรอื ร่วมสร้ำงส่ิงทีด่ งี ำม

ของสว่ นรวมตำมสถำนกำรณ์ทีเ่ กดิ ข้ึน

ดว้ ยควำมกระตือรือรน้

2. ใฝ่เรยี นรู้ 2. แสวงหำข้อมลู จำกแหลง่ กำรเรยี นรู้ต่ำงๆ

2.2 มีกำรจดบันทึกควำมรู้อย่ำงเปน็ ระบบ

2.3 สรุปควำมรู้ได้อย่ำงมีเหตุผล

3. รกั ความเปน็ ไทย 3. มีจติ สำนึกในกำรอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญำไทย

3.2 เห็นคณุ คำ่ และปฏิบตั ติ นตำมวัฒนธรรมไทย

รวมคะแนน

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 4 คะแนน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครง้ั ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ คะแนน
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยครงั้
ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมิน
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ (..................................................)

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ วนั ที่............เดอื น...........................พ.ศ. .................

9-24 ดีมำก

3- 8 ดี

6- 2 พอใช้

ต่ำกว่ำ 6 ปรับปรุง

56

แบบประเมินสมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น

กล่มุ สำระกำรเรยี นร.ู้ .............................................ภำคเรยี นท.ี่ .........ปกี ำรศกึ ษำ……….…………
ชื่อ-สกุลนกั เรียน.............................................................ชัน้ .....................เลขที่....................
คาช้ีแจง: ให้ครูผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่ำงเรียนและนอกเวลำเรียน

แล้วขีด  ลงในช่องที่ตรงกับระดบั คะแนน

สมรรถนะสาคัญ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
ของผเู้ รียน 4321

1. ความสามารถ . มคี วำมสำมำรถในกำรรบั – สง่ สำร
ในการส่ือสาร 1.2 มีควำมสำมำรถในกำรถำ่ ยทอดควำมรู้

ควำมคิด ควำมเข้ำใจของตนเอง โดยใช้ภำษำ
อย่ำงเหมำะสม

.3 ใช้วิธีกำรส่ือสำรท่ีเหมำะสม

1.4 วเิ ครำะหแ์ สดงควำมคดิ เห็นอย่ำงมเี หตผุ ล

1.5 เขยี นบนั ทกึ เหตุกำรณป์ ระจำวนั
แล้วเลำ่ ใหเ้ พอื่ นฟังได้

2. ความสามารถ 2. มีควำมสำมำรถในกำรคดิ วิเครำะห์ สงั เครำะห์
ในการคดิ 2.2 มีทักษะในกำรคิดนอกกรอบอย่ำงสร้ำงสรรค์

2.3 สำมำรถคิดอย่ำงมีวิจำรณญำณ

2.4 มคี วำมสำมำรถในกำรคดิ อยำ่ งมรี ะบบ

2.5 ตัดสินใจแก้ปญั หำเกย่ี วกับตนเองได้

3. ความสามารถ 3. เรียนรดู้ ้วยตนเองไดเ้ หมำะสมตำมวยั
ในการใชท้ กั ษะชวี ติ 3.2 สำมำรถทำงำนกล่มุ รว่ มกับผอู้ ื่นได้

3.3 นำควำมร้ทู ่ีได้ไปใช้ประโยชน์ในชวี ติ ประจำวัน

3.4 จดั กำรปญั หำและควำมขดั แย้งไดเ้ หมำะสม

3.5 หลีกเลย่ี งพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่สง่ ผลกระทบ
ต่อตนเอง

รวมคะแนน

57

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 3 คะแนน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งบางสว่ น ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งเปน็ ส่วนใหญ่ ให้ คะแนน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมมขี ้อบกพร่องมาก

เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมิน
(..................................................)
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
วนั ที่............เดือน...........................พ.ศ. .................
40-60 ดีมำก

20-39 ดี

0- 9 พอใช้

ต่ำกวำ่ 0 ปรบั ปรงุ

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2 58

กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ภาคเรียนที่ 1 โรงเรยี นพไิ กรวทิ ยา
ปีการศึกษา 2564
รายวชิ า ท23101 ภาษาไทย 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
จานวน 2 ชัว่ โมง
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 ทศั นาวรรณคดี ผสู้ อน นายภานเุ ดช ดงิ รมั ย์

แผนการจดั การเรียนรู้ เร่อื ง ข้อคิดจากบทพากย์เอราวณั

ครูพีเ่ ล้ยี ง นายไกรจกั ร คาบุญเรอื ง

สาระ/มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวดั
สาระท่ี 1 วรรณคดแี ละวรรณกรรม
มาตรฐาน ท 5. เข้ำใจและแสดงควำมคิดเห็น วิจำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย

อยำ่ งเหน็ คณุ คำ่ และนำมำประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ จริง
ตัวช้ีวัด ม. 3/3 สรุปควำมรู้และข้อคิดจำกกำรอ่ำน เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจรงิ

สาระสาคัญ (องคค์ วามรู)้
บทพำกย์เอรำวณั เป็นตอนหนึ่งในวรรณคดีเร่ือง รำมเกียรติ์ ซ่ึงใช้สำหรับประกอบกำรแสดง

มหรสพ โดดเด่นทำงด้ำนวรรณศิลป์ กำรใช้ถ้อยคำเพ่ือพรรณนำตัวละคร และฉำกในท้องเรื่อง ทำให้
ผ้อู ่ำนเกดิ จินตภำพ นอกจำกนี้ยังปรำกฏคุณค่ำในด้ำนต่ำง ๆ เช่น คณุ ค่ำด้ำนเนอ้ื หำ ด้ำนสงั คมและวิถี
ไทย รวมไปถงึ ให้ขอ้ คดิ ท่สี ำมำรถนำไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ จรงิ ได้

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. ด้านความรู้ (K)
-นกั เรียนสำมำรถบอกขอ้ คดิ ทไ่ี ดจ้ ำกบทพำกยเ์ อรำวัณได้
2. ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
-นกั เรยี นสำมำรถสรุปข้อคดิ ที่ได้จำกบทพำกย์เอรำวณั ได้
3. ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)
-นักเรยี นมีควำมซอื่ สัตยส์ จุ รติ
-นักเรียนใฝเ่ รยี นรู้
-นักเรียนรกั ควำมเปน็ ไทย

สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
. ควำมสำมำรถในกำรส่ือสำร
2. ควำมสำมำรถในกำรคดิ
3. ควำมสำมำรถในกำรใชท้ ักษะชีวติ

59

ชน้ิ งาน/ภาระงาน
ใบงำนที่ 5 ข้อคดิ จำกบทพำกย์เอรำวัณ

การวดั และประเมินผลแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 2

ด้านความรู้ (K) วิธีการ เคร่ืองมือ เกณฑ์
จุดประสงค์การเรียนรู้ กิจกรรมกำรเรียนกำรสอน
-นักเรยี นสำมำรถบอกขอ้ คิด สงั เกตกำรตอบ โดยภำพรวม เขำ้ ใจ
ที่ไดจ้ ำกบทพำกยเ์ อรำวณั ได้ คำถำมของนกั เรยี น ร้อยละ 80 ข้นึ ไป

ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)

จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีการ เคร่ืองมอื เกณฑ์

-นกั เรยี นสำมำรถสรุปขอ้ คดิ ตรวจใบงำนท่ี 5 ใบงำนท่ี 5 ขอ้ คิดจำกบทพำกย์ ถกู ตอ้ ง ร้อยละ 70
ที่ได้จำกบทพำกย์เอรำวณั ได้ ขอ้ คดิ จำกบทพำกย์ เอรำวณั ข้ึนไป ผำ่ นเกณฑ์
เอรำวัณ

ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)

จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธกี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์
แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภำพ ดี
-นกั เรียนมคี วำมซ่ือสตั ยส์ ุจรติ สังเกตพฤติกรรม อนั พึงประสงค์ ขน้ึ ไป ผำ่ นเกณฑ์
-นกั เรยี นใฝเ่ รยี นรู้ ของนกั เรยี น
-นักเรยี นรกั ควำมเป็นไทย

สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วิธีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์

. ควำมสำมำรถในกำรสอื่ สำร สังเกตพฤติกรรม แบบประเมินสมรรถนะสำคญั ของ ระดบั คณุ ภำพ ดี
2. ควำมสำมำรถในกำรคดิ ของนกั เรยี น ผ้เู รยี น ขึ้นไป ผำ่ นเกณฑ์
3. ควำมสำมำรถ

ในกำรใชท้ ักษะชวี ิต

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งการเรยี นรู้
-หนงั สอื เรียนวรรณคดีและวรรณกรรม ชน้ั มัธยมศึกษำปีที่ 3
-ส่ืออินเทอรเ์ น็ต
-ใบงำนที่ 5 ข้อคดิ จำกบทพำกยเ์ อรำวณั
-กระดำน
-ปำกกำไวท์บอรด์

60

กจิ กรรมการเรียนรู้ บนั ได 5 ขนั้ (QSCCS)
คาบเรียนท่ี 1
1. ข้นั การต้งั คาถาม/สมมตฐิ าน (Learning to Question)
) ครูกล่ำวทกั ทำยนกั เรยี น
2) จำกนั้นให้นักเรียนร่วมกันพิจำรณำว่ำ จำกวรรณคดีเรื่อง บทพำกย์เอรำวัณ ให้ขอ้ คิด

ในดำ้ นใดบำ้ ง จำกนนั้ ครเู ขียนหัวขอ้ ของข้อคดิ ไวบ้ นกระดำน
3) ครูสุ่มนักเรียนให้อธิบำยข้อคิดในแต่ละด้ำนว่ำ ให้ข้อคิดในด้ำนน้ันอย่ำงไร (หัวข้อละ

คน)
2. ขนั้ การสืบคน้ ความรู้ และสารสนเทศ (Learning to Search)
) ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน จำกนั้น แจกใบงำนท่ี 5 ข้อคิดจำกบทพำกย์

เอรำวัณ คนละ แผน่
2) นักเรียนร่วมกันค้นหำคำตอบจำกหนังสือเรียนและส่ืออินเทอร์เน็ต ร่วมกันอภิปรำย

แลกเปล่ยี นควำมคิดเห็น ถึงข้อคดิ ท่ไี ด้แตล่ ะข้อ
3. ขนั้ การสร้างความรู้ (Learning to Construct)
) ครูให้นักเรียนสลับกลุ่ม โดยกำรให้แต่ละกลุ่มนับ -5 แล้วให้คนท่ีนับหมำยเลข

เดยี วกนั อย่กู ลมุ่ เดียวกนั
2) ให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม (กลุ่มใหม่) ร่วมกันสรุปองค์ควำมรู้แล้วเขียนคำตอบลงในใบงำนที่

แจกให้ กลุ่มละ แผ่น

คาบที่ 2
4. ขน้ั การส่ือสาร/นาเสนออยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ (Learning to Communication)

) ให้นักเรียนจับกลุ่ม (นักเรียนกลุ่มเดิม) จำกนั้นสุ่มนักเรียนกลุ่มละ คน ให้ออกมำ
อธิบำยข้อคิดที่ได้ในแต่ละข้อ กลุ่มละ ข้อ ทั้ง 5 ข้อ แล้วร่วมกันอภิปรำยทั้งชั้นเรียนว่ำ ข้อคิด ท่ี
เพ่ือนนำเสนอนั้น มีลักษณะเป็นอย่ำงไร เป็นข้อคิดที่ได้จำกบทพำกย์เอรำวัณจริงหรือไม่ ทำอย่ำงนี้
จนกระทั่งครบทง้ั 5 ข้อ

5. ขน้ั การบรกิ ารสังคม และจิตสาธารณะ (Learning to Serve)
) ครูใหน้ กั เรียนนำใบงำนตดิ ทป่ี ำ้ ยนิเทศหนำ้ หอ้ งเรยี น

61

บนั ทึกหลงั การจัดการเรียนรู้ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3/2

รายวชิ า ท23101 ภาษาไทย 5 จานวน 2 ชัว่ โมง
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 ทศั นาวรรณคดี ผสู้ อน นายภานเุ ดช ดิงรัมย์
แผนการจัดการเรยี นรู้ เรอื่ ง ขอ้ คิดจากบทพากยเ์ อราวณั
สอนวนั ที่ 26 กรกฎาคม 2564

ผลการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ จานวนนักเรยี น 26 คน
1. ดา้ นความรู้ (K)
-ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมิน 26 คน คิดเปน็ ร้อยละ 00
-ไม่ผ่ำนเกณฑก์ ำรประเมนิ 0 คน คิดเปน็ ร้อยละ 0
2. ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P)
-ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมิน 26 คน คดิ เป็นร้อยละ 100
-ไมผ่ ่ำนเกณฑ์กำรประเมิน 0 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 0
3. ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
-ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมนิ 26 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 00
-ไมผ่ ำ่ นเกณฑก์ ำรประเมิน 0 คน คดิ เป็นร้อยละ 0

สรุปผลหลังการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
นกั เรยี นสำมำรถบอกขอ้ คดิ ที่ไดจ้ ำกบทพำกยเ์ อรำวณั ได้ และนำเสนอขอ้ มลู

จำกกำรรว่ มกนั สรุปได้ถูกต้อง พรอ้ มท้งั ใหค้ วำมร่วมมือในกำรจัดกำรเรียนกำรสอนเป็นอย่ำงดี
อกี ทั้งมวี นิ ยั ใฝ่เรียนรแู้ ละมีควำมมงุ่ มนั่ ในกำรทำงำน

ปัญหาหรืออุปสรรค
-

แนวทางการแก้ไขหรอื ข้อเสนอแนะ
-

ลงช่ือ ................................................. ลงชอ่ื .................................................
(นำยภำนเุ ดช ดงิ รมั ย์)
ผูส้ อน (นำยไกรจักร คำบุญเรือง)
ครพู ่เี ลี้ยง

62

ความเห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรือผู้ทีไ่ ด้รับมอบหมาย

ความคิดเหน็ ของครูพเี่ ล้ยี ง ความคดิ เหน็ ของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้

ลงช่อื ................................................... ลงชือ่ ...................................................
(นายไกรจกั ร คาบุญเรือง) (นางสาวสุธเนตร ถาวร)
ครพู เ่ี ล้ียง
ตาแหนง่ หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

ความเห็นของหัวหน้ากลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ

ลงชื่อ...................................................
(นางสาวรุง่ ทิพย์ ขอนทอง)

ตาแหนง่ หวั หน้ากลุ่มบริหารงานวิชาการ

ความเห็นของผบู้ ริหารสถานศึกษา
 อนมุ ัติ

 ไม่อนมุ ัติ

ลงชือ่ ...................................................
(นางสาวจฑุ ามาศ วงษ์เขียว)

ตาแหนง่ ผ้อู านวยการโรงเรียนพไิ กรวทิ ยา

63

ใบงานท่ี 5
ขอ้ คดิ จากบทพากยเ์ อราวัณ

คาชแี้ จง: ให้นกั เรียนอำ่ นวรรณคดเี รื่อง บทพำกยเ์ อรำวัณ แล้วตอบคำถำมต่อไปน้ี
1. วรรณคดีเรอื่ ง บทพากย์เอราวัณ ให้ขอ้ คิดเรือ่ งการใชช้ ีวิตอยา่ งไร

2. วรรณคดเี ร่อื ง บทพากย์เอราวัณ ให้ขอ้ คดิ เรื่องการใช้อานาจของผทู้ มี่ อี านาจอย่างไร

3. วรรณคดเี รอื่ ง บทพากย์เอราวัณ ใหข้ ้อคิดเรอ่ื งการทาสงครามอยา่ งไร

4. ถ้าตัวละครในวรรณคดเี รือ่ ง บทพากยเ์ อราวัณ ตอ้ งการดารงชีวติ อยา่ งสงบและสันติ
ควรปฏิบัตอิ ยา่ งไร

64

เฉลย ใบงานท่ี 5
ขอ้ คดิ จากบทพากย์เอราวณั

คาช้ีแจง: ให้นักเรยี นอ่ำนวรรณคดีเร่ือง บทพำกย์เอรำวัณ แลว้ ตอบคำถำมต่อไปนี้

1. วรรณคดีเร่อื ง บทพากย์เอราวณั ใหข้ อ้ คดิ เรื่องการใช้ชีวิตอย่างไร
สอนใหใ้ ชช้ วี ติ อย่ำงมสี ติสัมปชญั ญะ รูจ้ กั กำรคิดพิจำรณำให้ถถี่ ว้ นไม่ลมุ่ หลง

ควำมลมุ่ หลงทำให้ขำดสติไม่คดิ วิเครำะห์ เป็นเหตใุ ห้เกิดควำมประมำทนำมำซงึ่ ควำมหำยนะ
เช่น พระลักษมณ์และไพรพ่ ลวำนรท่ีหลงดกู องทัพเนรมิตของอนิ ทรชติ อย่ำงเพลิดเพลิน
ในท่สี ดุ กเ็ สยี ทีแก่อินทรชิต
2. วรรณคดเี รอ่ื ง บทพากยเ์ อราวณั ใหข้ อ้ คิดเร่ืองการใชอ้ านาจของผู้ทีม่ ีอานาจอย่างไร

ท่มี ีอำนำจ ควรใชใ้ นทำงทถ่ี ูกต้อง ไม่ใชอ้ ำนำจในกำรทำลำยผอู้ ่นื เช่น อนิ ทรชติ
ใช้อำนำจและของวเิ ศษทต่ี นเอง มีอยู่ในกำรทำลำยล้ำงบุคคลอนื่

3. วรรณคดีเรื่อง บทพากยเ์ อราวัณ ให้ข้อคดิ เรอ่ื งการทาสงครามอย่างไร
กำรทำสงครำม คอื ควำมสูญเสยี เพรำะสงครำมไม่ไดท้ ำให้ฝำ่ ยใดฝ่ำยหนึ่ง

ได้ประโยชน์ หรือเสยี ประโยชน์ แตก่ ลบั ทำใหเ้ กดิ ควำมสูญเสยี

4. ถ้าตัวละครในวรรณคดเี รือ่ ง บทพากยเ์ อราวัณ ต้องการดารงชวี ติ อย่างสงบและสันติ
ควรปฏิบตั ิอยา่ งไร
ต้องไม่ใช้กำลังในกำรแกป้ ญั หำ เพรำะกำรตอ่ สู้ กำรทำสงครำมจะก่อใหเ้ กิด

ควำมสูญเสียทงั้ 2 ฝ่ำย

65

แบบประเมินการนาเสนอผลงาน

คาช้ีแจง: ให้ครูผู้สอนประเมนิ กำรนำเสนอผลงำนของนักเรียนตำมรำยกำรทกี่ ำหนด
แล้วขีด  ลงในช่องที่ตรงกบั ระดบั คะแนน

ชื่อ-สกลุ ความถกู ตอ้ ง วธิ ี/ภาษา ประโยชน์ทไี่ ด้
กลมุ่ ท่ี ของสมาชิก ของเนือ้ หา ท่ใี ช้ในการ จากการ รวม
เน้อื หาชดั เจน นาเสนอ 16
ท่รี ับการประเมนิ คะแนน
นาเสนอ

4321432143214321

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 4 คะแนน
ให้ 3 คะแนน
ผลงำนหรือพฤติกรรมสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ผลงำนหรอื พฤตกิ รรมมขี ้อบกพร่องบางส่วน ให้ คะแนน
ผลงำนหรือพฤติกรรมมขี ้อบกพรอ่ งเป็นสว่ นใหญ่
ผลงำนหรอื พฤติกรรมมขี ้อบกพรอ่ งมาก

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
(..................................................)
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
วันที.่ ...........เดอื น...........................พ.ศ. .................
4- 6 ดีมำก

- 3 ดี

8- 0 พอใช้

ต่ำกว่ำ 8 ปรับปรุง

66

แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้..............................................ภำคเรยี นที่........ปีกำรศึกษำ……………………

ชอ่ื -สกุลนกั เรยี น..........................................................ช้ัน........................เลขท่ี....................

คาช้ีแจง: ให้ครูผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่ำงเรียนและนอกเวลำเรียน

แล้วขีด  ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน

คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
อนั พึงประสงค์ 4321

1. ซอ่ื สัตย์สจุ ริต . เข้ำร่วมกิจกรรมเพ่ือแก้ปัญหำหรอื รว่ มสรำ้ งสง่ิ ทีด่ งี ำม

ของสว่ นรวมตำมสถำนกำรณ์ท่ีเกิดขึ้น

ดว้ ยควำมกระตือรือร้น

2. ใฝ่เรยี นรู้ 2. แสวงหำข้อมลู จำกแหลง่ กำรเรยี นรตู้ ำ่ งๆ

2.2 มีกำรจดบันทึกควำมรู้อย่ำงเป็นระบบ

2.3 สรุปควำมรู้ได้อยำ่ งมเี หตุผล

3. รกั ความเปน็ ไทย 3. มีจติ สำนึกในกำรอนุรักษ์วฒั นธรรมและภมู ิปัญญำไทย

3.2 เห็นคณุ คำ่ และปฏบิ ัติตนตำมวัฒนธรรมไทย

รวมคะแนน

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 4 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้งั ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยครง้ั
ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ (..................................................)

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ วนั ท.่ี ...........เดอื น...........................พ.ศ. .................

9-24 ดีมำก

3- 8 ดี

6- 2 พอใช้

ต่ำกว่ำ 6 ปรับปรุง

67

แบบประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น

กล่มุ สำระกำรเรยี นร.ู้ .............................................ภำคเรียนท.ี่ .........ปกี ำรศึกษำ……….…………
ชื่อ-สกุลนกั เรียน.............................................................ช้ัน.....................เลขที่....................
คาช้ีแจง: ให้ครูผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่ำงเรียนและนอกเวลำเรียน

แล้วขีด  ลงในช่องท่ีตรงกับระดับคะแนน

สมรรถนะสาคัญ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
ของผเู้ รียน 4321

1. ความสามารถ . มีควำมสำมำรถในกำรรับ – ส่งสำร
ในการส่ือสาร 1.2 มีควำมสำมำรถในกำรถำ่ ยทอดควำมรู้

ควำมคดิ ควำมเข้ำใจของตนเอง โดยใช้ภำษำ
อย่ำงเหมำะสม

.3 ใช้วิธีกำรสอื่ สำรทีเ่ หมำะสม

1.4 วเิ ครำะห์แสดงควำมคดิ เหน็ อย่ำงมีเหตผุ ล

1.5 เขียนบนั ทึกเหตุกำรณ์ประจำวนั
แลว้ เล่ำใหเ้ พอื่ นฟงั ได้

2. ความสามารถ 2. มีควำมสำมำรถในกำรคดิ วิเครำะห์ สังเครำะห์
ในการคดิ 2.2 มที กั ษะในกำรคิดนอกกรอบอย่ำงสรำ้ งสรรค์

2.3 สำมำรถคิดอย่ำงมีวิจำรณญำณ

2.4 มคี วำมสำมำรถในกำรคิดอยำ่ งมีระบบ

2.5 ตัดสินใจแก้ปญั หำเกยี่ วกับตนเองได้

3. ความสามารถ 3. เรียนรดู้ ว้ ยตนเองได้เหมำะสมตำมวัย
ในการใชท้ กั ษะชวี ติ 3.2 สำมำรถทำงำนกลมุ่ ร่วมกับผูอ้ ื่นได้

3.3 นำควำมรู้ที่ได้ไปใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจำวัน

3.4 จัดกำรปัญหำและควำมขัดแยง้ ไดเ้ หมำะสม

3.5 หลีกเลย่ี งพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ท่ีส่งผลกระทบ
ตอ่ ตนเอง

รวมคะแนน

68

เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 4 คะแนน
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมมขี อ้ บกพรอ่ งบางสว่ น ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมมขี ้อบกพร่องเปน็ ส่วนใหญ่ ให้ คะแนน
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมมขี อ้ บกพร่องมาก

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
(..................................................)
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
วันท.่ี ...........เดือน...........................พ.ศ. .................
40-60 ดีมำก

20-39 ดี

0- 9 พอใช้

ตำ่ กวำ่ 0 ปรบั ปรุง

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 69

กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ภาคเรยี นท่ี 1 โรงเรียนพิไกรวิทยา
ปีการศกึ ษา 2564
รายวชิ า ท23101 ภาษาไทย 5 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3
จานวน 2 ช่วั โมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 ทศั นาวรรณคดี ผสู้ อน นายภานุเดช ดงิ รมั ย์

แผนการจัดการเรียนรู้ เรือ่ ง การวเิ คราะหว์ ิถไี ทยและคณุ ค่า

ครูพเ่ี ลย้ี ง นายไกรจกั ร คาบญุ เรือง

สาระ/มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชวี้ ดั
สาระท่ี 1 วรรณคดีและวรรณกรรม
มาตรฐาน ท 5. เข้ำใจและแสดงควำมคิดเห็น วิจำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย

อย่ำงเหน็ คณุ ค่ำและนำมำประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตจริง
ตวั ชวี้ ดั ม. 3/2 วิเครำะห์วิถไี ทยและคณุ คำ่ จำกวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่ำน

สาระสาคัญ (องคค์ วามร)ู้
บทพำกย์เอรำวัณ เป็นตอนหนึ่งในวรรณคดีเรื่อง รำมเกียรติ์ ท่ีใช้สำหรับประกอบกำรแสดง

มหรสพ โดดเด่นทำงด้ำนวรรณศิลป์ กำรใช้ถ้อยคำเพื่อพรรณนำตัวละคร และฉำกในท้องเรื่อง ทำให้
ผูอ้ ่ำนเกดิ จินตภำพ นอกจำกนี้ยังปรำกฏคุณค่ำในด้ำนต่ำง ๆ เช่น คุณค่ำด้ำนเนื้อหำ ด้ำนสงั คมและวิถี
ไทย รวมไปถึงใหข้ ้อคิด ทีส่ ำมำรถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจรงิ ได้

จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. ดา้ นความรู้ (K)
-นกั เรียนสำมำรถบอกวิถีไทยและคุณค่ำจำกวรรณคดีเร่ือง บทพำกย์เอรำวัณได้
2. ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P)
-นักเรยี นสำมำรถวิเครำะหว์ ิถีไทยและคณุ ค่ำจำกวรรณคดีเรือ่ ง บทพำกย์เอรำวณั ได้
3. ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
-นักเรียนมคี วำมซื่อสัตยส์ ุจรติ
-นกั เรียนใฝเ่ รยี นรู้
-นักเรยี นรักควำมเป็นไทย

70

สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
. ควำมสำมำรถในกำรสอ่ื สำร
2. ควำมสำมำรถในกำรคดิ
3. ควำมสำมำรถในกำรใช้ทักษะชีวติ

ชิน้ งาน/ภาระงาน
-

การวดั และประเมนิ ผลแผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 3

ดา้ นความรู้ (K)

จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์
-นกั เรยี นสำมำรถบอกวิถไี ทยและ
คุณค่ำจำกวรรณคดีเรือ่ ง สังเกตกำรตอบคำถำม กิจกรรมกำรเรียนกำรสอน โดยภำพรวม เข้ำใจ
บทพำกยเ์ อรำวณั ได้ ของนักเรียน ร้อยละ 80 ข้นึ ไป

ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)

จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีการ เครอื่ งมอื เกณฑ์

-นกั เรียนสำมำรถวิเครำะหว์ ถิ ไี ทย ประเมนิ กำรนำเสนอ กำรนำเสนอหนำ้ ช้ันเรยี น ถกู ต้อง ร้อยละ 70
และคณุ คำ่ จำกวรรณคดเี ร่อื ง
หนำ้ ชนั้ เรยี น ขึ้นไป ผ่ำนเกณฑ์

บทพำกยเ์ อรำวณั ได้

ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ ีการ เคร่อื งมือ เกณฑ์
-นกั เรียนมีควำมซื่อสตั ย์สจุ ริต สงั เกตพฤตกิ รรม
-นกั เรยี นใฝ่เรยี นรู้ ของนักเรียน แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั ระดบั คณุ ภำพ ดี
-นกั เรียนรักควำมเปน็ ไทย
พึงประสงค์ ขนึ้ ไป ผำ่ นเกณฑ์

สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน

จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการ เคร่อื งมือ เกณฑ์

. ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร สงั เกตพฤติกรรม แบบประเมนิ สมรรถนะสำคญั ระดบั คณุ ภำพ ดี
2. ควำมสำมำรถในกำรคิด ของนกั เรยี น
3. ควำมสำมำรถ ของผูเ้ รยี น ขึ้นไป ผำ่ นเกณฑ์

ในกำรใช้ทกั ษะชวี ติ

71

ส่ือ/อปุ กรณ/์ แหลง่ การเรียนรู้
-หนงั สอื เรียนวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชนั้ มัธยมศึกษำปที ี่ 3
-สอื่ อนิ เทอร์เนต็
-กระดำน
-ปำกกำไวทบ์ อรด์

กิจกรรมการเรียนรู้ บันได 5 ขน้ั (QSCCS)
คาบเรยี นท่ี 1
1. ขน้ั การตัง้ คาถาม/สมมติฐาน (Learning to Question)
) ครูกลำ่ วทักทำยนกั เรียน
2) ครถู ำมคำถำมกระตุน้ ควำมคิด

คาถามกระตุ้นความคดิ
นักเรียนคิดวา่ วิถไี ทยในยคุ ปจั จุบนั มคี วามแตกตา่ งจากวถิ ีไทยในยุคกอ่ นอยา่ งไร
(คำตอบอยใู่ นดลุ ยพินจิ ของครผู สู้ อน)

3) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรำยถึงวิถีไทยตำมที่ปรำกฏในวรรณคดีที่นักเรียนเคย
เรยี นรมู้ ำว่ำ มีหัวข้อเก่ียวกบั อะไรบำ้ ง

2. ขัน้ การสบื คน้ ความรู้ และสารสนเทศ (Learning to Search)
) นักเรียนรวมกลุ่มเดิม (จำกแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี 2) จำกน้ันครูช้ีแจงให้นักเรียน

ทรำบวำ่ ควำมสำเร็จของกลุ่มน้ันจะต้องอำศัยผลจำกควำมร่วมมือกัน ช่วยเหลือกัน ผู้ท่ีเก่งกว่ำจะต้อง
ช่วยผูท้ ่อี ่อนกว่ำหรือเรยี นชำ้ กว่ำ

2) นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษำควำมรู้วรรณคดีเรื่อง บทพำกย์เอรำวัณ จำกหนังสือ
เรียน โดยแบ่งหน้ำท่ีกันศึกษำกลุ่มละ ตอน (ครูแบ่งเน้ือหำออกเป็น 4 ตอน ตำมควำมเหมำะสม) โดย
ให้คน้ หำขอ้ ควำมทปี่ รำกฏวิถไี ทยจำกขัวข้อท่ีร่วมกนั อภปิ รำยก่อนหน้ำ แลว้ เขยี นใสส่ มุดของตวั แทนกลุ่ม

3. ข้ันการสร้างความรู้ (Learning to Construct)
) ครูถำมคำถำมกระตุ้นควำมคิด

คาถามกระตุ้นความคดิ
นกั เรยี นคิดว่า มคี วามจาเป็นหรือไม่ที่ผสู้ รา้ งงานวรรณคดีในแตล่ ะยคุ แตล่ ะสมัยจะต้องสะทอ้ นภาพ

วถิ ีไทยลงไปในงานเขียนของตน
(คำตอบอยู่ในดลุ ยพินจิ ของครูผสู้ อน)

72

2) นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสรุปวิถีไทยจำกวรรณคดีเร่ือง บทพำกย์เอรำวัณ และร่วมกัน
อภิปรำยถึงคณุ ค่ำของเร่ือง พรอ้ มยกเหตผุ ลประกอบ

คาบท่ี 2
4. ข้ันการส่อื สาร/นาเสนออย่างมีประสิทธิภาพ (Learning to Communication)

) ให้แต่ละกลุ่มนำเสนองำนของตนเอง โดยบอกว่ำ วิถีไทยหัวข้อน้ัน ปรำกฏข้อควำม
ตรงไหนหรอื ไม่ปรำกฏเลย และอภิปรำยถงึ คุณค่ำของเร่ือง พรอ้ มยกเหตุผลประกอบ

2) เมื่อนำเสนอครบทุกกลุ่ม ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปคุณค่ำของวรรณคดีเรื่อง บทพำกย์
เอรำวัณ

5. ขั้นการบริการสังคม และจิตสาธารณะ (Learning to Serve)
) ครูให้นักเรียนนำใบงำนติดทป่ี ้ำยนิเทศหนำ้ ห้องเรยี น

73

บนั ทึกหลงั การจดั การเรียนรู้ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3/2

รายวิชา ท23101 ภาษาไทย 5 จานวน 2 ชวั่ โมง
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 ทัศนาวรรณคดี ผสู้ อน นายภานุเดช ดงิ รมั ย์
แผนการจดั การเรยี นรู้ เรอื่ ง การวเิ คราะหว์ ถิ ไี ทยและคุณค่า
สอนวันท่ี 26 กรกฎาคม 2564

ผลการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ จานวนนกั เรยี น 26 คน
1. ด้านความรู้ (K)
-ผ่ำนเกณฑ์กำรประเมิน 23 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 88.46
-ไม่ผำ่ นเกณฑก์ ำรประเมนิ 3 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 11.54
2. ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
-ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมนิ 23 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 88.46
-ไม่ผ่ำนเกณฑก์ ำรประเมนิ 3 คน คิดเปน็ ร้อยละ 11.54
3. ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)
-ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมนิ 23 คน คิดเปน็ ร้อยละ 88.46
-ไมผ่ ่ำนเกณฑ์กำรประเมนิ 3 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 11.54

สรุปผลหลังการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
นกั เรยี นสำมำรถบอกคณุ ค่ำและวิถไี ทยจำกบทพำกย์เอรำวัณได้ และนำเสนอข้อมูล

จำกกำรวิเครำะห์ รว่ มกันสรุปได้ถูกต้อง พร้อมท้ังเขำ้ เรียนตรงเวลำ ใหค้ วำมร่วมมอื ในกำรจัดกำรเรยี น
กำรสอนเปน็ อย่ำงดี อกี ท้ังมวี ินัย ใฝเ่ รียนรู้ และมคี วำมม่งุ ม่ันในกำรทำงำน

ปัญหาหรืออุปสรรค
นักเรียนบำงคนขำดควำมมัน่ ใจในกำรนำเสนอผลงำน

แนวทางการแกไ้ ขหรอื ข้อเสนอแนะ
ครพู ยำยำมกระตนุ้ นกั เรยี น และกล่ำวคำชน่ื ชมเพ่ือเสริมแรงนกั เรยี น

ลงชื่อ ................................................. ลงชื่อ .................................................
(นำยภำนุเดช ดงิ รมั ย์) (นำยไกรจักร คำบญุ เรือง)
ผสู้ อน ครูพ่ีเลีย้ ง

74

ความเห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรือผู้ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย

ความคิดเหน็ ของครูพเี่ ล้ยี ง ความคดิ เหน็ ของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้

ลงช่อื ................................................... ลงชือ่ ...................................................
(นายไกรจกั ร คาบุญเรือง) (นางสาวสุธเนตร ถาวร)
ครพู เ่ี ล้ียง
ตาแหนง่ หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย

ความเห็นของหัวหน้ากลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ

ลงชื่อ...................................................
(นางสาวรุ่งทพิ ย์ ขอนทอง)

ตาแหนง่ หวั หน้ากลมุ่ บรหิ ารงานวชิ าการ

ความเห็นของผูบ้ ริหารสถานศึกษา
 อนมุ ัติ

 ไม่อนมุ ัติ

ลงชือ่ ...................................................
(นางสาวจฑุ ามาศ วงษเ์ ขียว)

ตาแหนง่ ผ้อู านวยการโรงเรยี นพิไกรวทิ ยา

75

แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน

คาช้ีแจง: ให้ครูผู้สอนประเมนิ กำรนำเสนอผลงำนของนักเรยี นตำมรำยกำรที่กำหนด
แล้วขีด  ลงในช่องที่ตรงกบั ระดับคะแนน

ชอื่ -สกลุ ความถกู ต้อง วธิ ี/ภาษา ประโยชน์ทไ่ี ด้
กลมุ่ ท่ี ของสมาชิก ของเน้อื หา ท่ีใชใ้ นการ จากการ รวม
เน้อื หาชดั เจน นาเสนอ 16
ท่รี ับการประเมนิ คะแนน
นาเสนอ

4321432143214321

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 4 คะแนน
ให้ 3 คะแนน
ผลงำนหรือพฤติกรรมสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ผลงำนหรอื พฤตกิ รรมมขี ้อบกพร่องบางส่วน ให้ คะแนน
ผลงำนหรือพฤติกรรมมขี ้อบกพรอ่ งเปน็ ส่วนใหญ่
ผลงำนหรอื พฤติกรรมมขี ้อบกพรอ่ งมาก

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ลงชือ่ ...................................................ผูป้ ระเมนิ
(..................................................)
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
วนั ท.่ี ...........เดอื น...........................พ.ศ. .................
4- 6 ดีมำก

- 3 ดี

8- 0 พอใช้

ต่ำกว่ำ 8 ปรับปรุง

76

แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์

กลุม่ สำระกำรเรยี นร.ู้ .............................................ภำคเรียนที่........ปีกำรศกึ ษำ……………………

ช่ือ-สกลุ นกั เรียน..........................................................ชน้ั ........................เลขที.่ .......................

คาช้ีแจง: ให้ครูผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่ำงเรียนและนอกเวลำเรียน

แล้วขีด  ลงในช่องที่ตรงกับระดบั คะแนน

คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
อันพงึ ประสงค์ 4321

1. ซ่อื สัตยส์ ุจรติ . เข้ำร่วมกิจกรรมเพ่ือแกป้ ัญหำหรอื ร่วมสรำ้ งสง่ิ ท่ดี งี ำม

ของสว่ นรวมตำมสถำนกำรณ์ทเ่ี กดิ ข้ึน

ดว้ ยควำมกระตือรือรน้

2. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. แสวงหำขอ้ มลู จำกแหลง่ กำรเรียนร้ตู ำ่ งๆ

2.2 มกี ำรจดบนั ทึกควำมรู้อย่ำงเป็นระบบ

2.3 สรุปควำมรไู้ ด้อยำ่ งมเี หตุผล

3. รักความเป็นไทย 3. มีจติ สำนึกในกำรอนุรักษ์วฒั นธรรมและภูมิปญั ญำไทย

3.2 เหน็ คณุ คำ่ และปฏบิ ัตติ นตำมวฒั นธรรมไทย

รวมคะแนน

เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 4 คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ คะแนน
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยคร้งั
ลงช่อื ...................................................ผ้ปู ระเมิน
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ (..................................................)

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ วนั ที่............เดือน...........................พ.ศ. .................

9-24 ดมี ำก

3- 8 ดี

6- 2 พอใช้

ตำ่ กวำ่ 6 ปรับปรุง

77

แบบประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน

กล่มุ สำระกำรเรียนรู้..............................................ภำคเรยี นท่ี..........ปีกำรศึกษำ……….…………
ชอ่ื -สกุลนกั เรียน.............................................................ชั้น.....................เลขท.่ี .......................
คาชี้แจง: ให้ครูผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่ำงเรียนและนอกเวลำเรียน

แล้วขีด  ลงในช่องท่ีตรงกับระดับคะแนน

สมรรถนะสาคัญ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
ของผู้เรียน 4321

1. ความสามารถ . มคี วำมสำมำรถในกำรรบั – สง่ สำร
ในการสอ่ื สาร 1.2 มีควำมสำมำรถในกำรถ่ำยทอดควำมรู้

ควำมคิด ควำมเขำ้ ใจของตนเอง โดยใชภ้ ำษำ
อย่ำงเหมำะสม

.3 ใชว้ ธิ ีกำรสอ่ื สำรทีเ่ หมำะสม

1.4 วิเครำะหแ์ สดงควำมคิดเหน็ อยำ่ งมีเหตผุ ล

1.5 เขยี นบนั ทกึ เหตุกำรณป์ ระจำวัน
แล้วเล่ำใหเ้ พื่อนฟังได้

2. ความสามารถ 2. มีควำมสำมำรถในกำรคดิ วิเครำะห์ สังเครำะห์
ในการคดิ 2.2 มที กั ษะในกำรคดิ นอกกรอบอย่ำงสรำ้ งสรรค์

2.3 สำมำรถคดิ อย่ำงมวี จิ ำรณญำณ

2.4 มคี วำมสำมำรถในกำรคดิ อยำ่ งมรี ะบบ

2.5 ตดั สนิ ใจแก้ปัญหำเก่ียวกับตนเองได้

3. ความสามารถ 3. เรียนรูด้ ้วยตนเองไดเ้ หมำะสมตำมวัย
ในการใชท้ กั ษะชีวิต 3.2 สำมำรถทำงำนกลุม่ ร่วมกบั ผูอ้ ่นื ได้

3.3 นำควำมรูท้ ไ่ี ด้ไปใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจำวนั

3.4 จัดกำรปัญหำและควำมขดั แยง้ ไดเ้ หมำะสม

3.5 หลีกเล่ยี งพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบ
ต่อตนเอง

รวมคะแนน

78

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 3 คะแนน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งบางสว่ น ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งเปน็ ส่วนใหญ่ ให้ คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมมขี ้อบกพร่องมาก

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมิน
(..................................................)
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
วนั ที่............เดือน...........................พ.ศ. .................
40-60 ดีมำก

20-39 ดี

0- 9 พอใช้

ต่ำกวำ่ 0 ปรบั ปรงุ

79

2. แบบทดสอบเร่ือง บทพากยเ์ อราวัณ

แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิก์ ่อนและหลงั เรียนวรรณคดี เรอ่ื ง บทพากยเ์ อราวณั
คาชี้แจง: ให้นักเรยี นเลอื กคำตอบท่ีถกู ตอ้ งท่สี ดุ แล้วทำเครือ่ งหมำย  ลงในกระดำษคำตอบ
. ใครเป็นผพู้ ระรำชนิพนธบ์ ทพำกย์เอรำวัณ

ก. พระบำทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟำ้ จฬุ ำโลกมหำรำช
ข. พระบำทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลำ้ นภำลยั
ค. พระบำทสมเดจ็ พระจอมเกลำ้ เจำ้ อยู่หวั
ง. พระบำทสมเดจ็ พระน่งั เกล้ำเจ้ำอยู่หัว

2. บทพำกย์หรอื คำพำกย์ใชส้ ำหรบั กำรแสดงประเภทใด ค. ละครร้อง ง. ละครนอก
ก. โขน ข. ละครรำ

3. บทพำกย์เอรำวณั แตง่ ดว้ ยคำประพันธป์ ระเภทใด
ก. กำพยย์ ำนี
ข. กำพย์ฉบัง 6
ค. กำพย์สรุ ำงคนำงค์ 28
ง. โคลงสี่สภุ ำพ

เมอ่ื น้นั พระศรอี นชุ ำ เออ้ื นอรรถวัจนำ

ตรัสถำมสคุ รีพขุนพล

4. จำกคำประพันธ์ข้ำงตน้ คำท่ขี ีดเสน้ ใต้หมำยถึงใคร

ก. พระลกั ษณ์ข. พระรำม ค. หนุมำน ง. พเิ ภก

ผึง้ ภ่หู มคู่ ณำเหมหงส์ ร่อนรำถำลง

แทรกไซใ้ นสรอ้ ยสมุ ำลี

ดุเหวำ้ เรำ้ เรง่ พระสรุ ีย์ศรี ไกข่ ันปกี ตี

กู่กอ้ งในท้องดงดำน

5. คำประพนั ธ์ข้ำงต้นปรำกฏชอ่ื สัตวท์ ัง้ สิน้ กช่ี นิด

ก. 4 ชนดิ ข. 5 ชนดิ ค. 6 ชนดิ ง. 7 ชนิด

6. คำประพันธ์ในข้อใดไม่มกี ำรแสดงกำรเคลือ่ นไหว 80
ง. สัทพจน์
ก. ผึ้งภ่หู มู่คณำเหมหงส์ รอ่ นรำถำลง

แทรกไซ้ในสร้อยสุมำลี

ข. อินทรชติ บดิ เบือนกำยิน เหมือนองค์อมรนิ ทร์

ทรงคชเอรำวัณ

ค. ล้วนถอื อำวุธเกรยี งไกร โตมรศรชัย

พระขรรคค์ ทำถ้วนตน

ง. ดุเหว้ำเรำ้ เรง่ พระสุรียศ์ รี ไก่ขันปกี ตี

กกู่ ้องในท้องดงดำน

7. คำประพันธใ์ นขอ้ ใดไมป่ รากฏภำพพจน์ เศียรหนึ่งเจด็ งำ
ก. สำมสบิ สำมเศยี รโสภำ สระหน่งึ ยอ่ มมี
ดังเพชรรัตนร์ ูจี ชำเลืองหำงตำ
ข. งำหนึ่งเจ็ดโบกขรณี ทกุ เกศกุญชร
เจ็ดกออบุ ลบนั ดำล
ค. จับระบำรำร่ำยส่ำยหำ
ทำทดี งั เทพอปั สร
ง. มวี ิมำนแกว้ งำมบวร
ดงั เวไชยนั ต์อมรนิ ทร์

8. คำประพันธ์ทก่ี ำหนดให้มีภำพพจน์ชนดิ ใดปรำกฏอยู่

“สตั ภณั ฑบ์ รรพตทง้ั หลำย ออ่ นเอยี งเพยี งปลำย ประนอมประนมชมชยั ”

ก. อปุ มำ ข. อปุ ลกั ษณ์ ค. บคุ คลวัต

81

9. คำประพันธใ์ นขอ้ ใดแสดงควำมย่ิงใหญข่ องกองทพั พระรำมชัดเจนทีส่ ุด

ก. เสียงพลโหร่ อ้ งเอำชยั เล่อื นลนั้ สนน่ั ใน

พิภพเพยี งทำลำย

ข. พสุธำอำกำศหวำดไหว เนื้อนกตกใจ

ซกุ ซอ่ นประหวนั่ ขวัญหนี

ค. เพลำลอยพลอยประดบั ดมุ วง กึกกอ้ งกำกง

กระทบกระทง่ั ธรณี

ง. สัตภณั ฑบ์ รรพตทง้ั หลำย ออ่ นเอยี งเพียงปลำย

ประนอมประนมชมชยั

เมอ่ื น้นั อินทรชิตยกั ษี ตรสั สัง่ เสนี

ใหจ้ บั ระบำรำถวำย

ใหอ้ งคอ์ นชุ ำนำรำยณ์ เคลิบเคลมิ้ วรกำย

จะแผลงซง่ึ ศสั ตรศรพล

0. จำกคำประพนั ธข์ ้ำงตน้ กำรกระทำของอนิ ทรชติ ตรงกบั พฤตกิ รรมในข้อใด

ก. คิดไม่ซื่อ ข. เลน่ สกปรก ค. ฉลำดแกมโกง ง. ฉลำดเป็นกรด

. ขอ้ ใดเปน็ แนวคิดสำคัญของบทพำกยเ์ อรำวณั ข. แพเ้ ป็นพระชนะเป็นมำร
ก. ธรรมมะย่อมชนะอธรรม ง. ควำมประมำทเปน็ หนทำงของควำมหำยนะ
ค. สงครำมย่อมมีผูแ้ พแ้ ละผชู้ นะ

2. ข้อใดใชภ้ ำพพจน์อตพิ จน์ เล่ือนล้ันสนน่ั ใน
ก. เสยี งพลโหร่ อ้ งเอำชยั เป็นเทพบุตรควำญ
พภิ พเพียงทำลำย รีบเรง่ รี้พล
ข. โลทันสำรถีขนุ มำร ออ่ นเอยี งเพียงปลำย
ขบั ท้ำยท่ีนง่ั ช้ำงทรง
ค. ลอยฟำ้ มำในเวหน
มำถงึ สมรภูมชิ ัย
ง. สัตภณั ฑบ์ รรพตท้งั หลำย
ประนอมประนมชมชัย

ปีกซ้ำยฤๅษิตวทิ ยำ คนธรรพป์ ีกขวำ 82
ตั้งตำมตำรบั ทัพชยั ง. สลั ลำปงั คพสิ ยั
3. คำทีข่ ีดเสน้ ใตห้ มำยถึงส่งิ ใด
ก. สำรถีของพระอนิ ทร์
ข. ฤๅษีบำเพ็ญตบะจนมวี ิชำแกก่ ล้ำ
ค. เหลำ่ นำงอปั สรบรวิ ำรของพระอินทร์
ง. ชำวสวรรคท์ ี่มีควำมชำนำญดำ้ นดนตรแี ละขบั ร้อง

4. คำประพนธ์ท่กี ำหนดให้ตอ่ ไปนี้ใชร้ สวรรณคดรี สใด

สำมสิบสำมเศยี รโสภำ เศยี รหน่งึ เจด็ งำ

ดงั เพชรรัตนร์ จู ี

งำหนึ่งเจ็ดโบกขรณี สระหนง่ึ ย่อมมี

เจด็ กออบุ ลบันดำล

กอหนงึ่ เจด็ ดอกดวงมำลย์ ดอกหนง่ึ แบง่ บำน

มกี ลีบเจ็ดกลีบผกำ

กลีบหนึ่งมเี ทพธิดำ เจ็ดองค์โสภำ

แนง่ นอ้ ยลำเภำนงพำล

ก. เสำวรจนี ข. พโิ รธวำทงั ค.นำรีปรำโมทย์

5. คำประพันธใ์ นขอ้ ใดแสดงถึงเวลำเชำ้ ไกข่ นั ปีกตี
ก. ดูเหวำ่ เรำ้ เรง่ พระสุริย์ศรี รอ่ นรำถำลง
กู่กอ้ งในทอ้ งดงดำน สร่ำงแสงอโณทัย
ข. ผึ้งภู่หมู่คณำเหมหงส์ โลกลน่ั อึงอล
แทรกไซ้ในสรอ้ ยสมุ ำลี
ค. เดอื นดำวดับเศรำ้ แสงใส
ก็ผำ่ นพยับรองเรือง
ง. อำกำศก้องโกลำหล
อำนำจสะท้ำนธรณี

83

6. ข้อใดคอื เหตุกำรณ์สำคัญจำกบทพำกยเ์ อรำวณั
ก. อนิ ทรชติ แปลงกำยเปน็ ช้ำงเอรำวณั
ข. สุครพี เตอื นพระลักษณใ์ หร้ ะวังภัยจำกกองทพั ยักษ์
ค. พระรำมและพระลักษณจ์ ัดเตรียมกองทพั สำหรับกำรสรู้ บ
ง. พระลักษณ์ต้องศรเนอ่ื งจำกเคลบิ เคล้มิ ไปกบั อบุ ำยของอินทรชติ

7. คำในขอ้ ใดไม่ได้มคี วำมหมำยวำ่ ชำ้ ง
ก. คช
ข. สนิ ธพ
ค. หสั ดนิ
ง. ไอยรำ

8. ขอ้ ใดไม่ใชข่ ้อคิดที่ได้จำกบทพำกยเ์ อรำวัณ
ก. จงมีสตอิ ยู่เสมอ
ข. ควำมประมำทเปน็ หนทำงแหง่ ควำมตำย
ค. กำรมีพรรคพวกมำกยอ่ มไดเ้ ปรียบ
ง. ไมม่ ีข้อถกู

9. ข้อใดไม่อาจอนุมำนได้จำดเน้อื เร่ืองบทพำก์เอรำวณั
ก. อนิ ทรชิตเป็นผมู้ ีควำมเฉลยี วฉลำด
ข. กองทัพอินทรชติ มีไพร่พลจำนวนมำก
ค.สคุ รีพเปน็ ผชู้ ำ่ งสังเกตและระมดั ระวงั ตน
ง. ชำ้ งเอรำวณั มคี วำมสง่ำงำมกว่ำสัตว์มุกชนดิ

20. ขอ้ ใดคอื คณุ ค่ำด้ำนวรรณศลิ ป์ท่เี ด่นชัดของบทพำกยเ์ อรำวณั
ก. กำรใชบ้ รรยำยโวหำร
ข. กำรใชพ้ รรณนำโวหำร
ค. กำรใชภ้ ำพพจนอ์ ุปลกั ษณ์
ง. กำรใชภ้ ำพพจนบ์ คุ คลวตั

84

เฉลย แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์กิ ่อนและหลงั เรียนวรรณคดี เรือ่ ง บทพากย์เอราวัณ
คาชแ้ี จง: ใหน้ ักเรยี นเลือกคำตอบทีถ่ ูกต้องที่สดุ แลว้ ทำเครือ่ งหมำย  ลงในกระดำษคำตอบ
. ใครเปน็ ผพู้ ระรำชนพิ นธบ์ ทพำกยเ์ อรำวณั

ก. พระบำทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟำ้ จุฬำโลกมหำรำช
ข. พระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หล้านภาลัย
ค. พระบำทสมเดจ็ พระจอมเกลำ้ เจำ้ อยู่หัว
ง. พระบำทสมเดจ็ พระนง่ั เกล้ำเจำ้ อย่หู ัว

2. บทพำกยห์ รือคำพำกย์ใช้สำหรบั กำรแสดงประเภทใด

ก. โขน ข. ละครรำ ค. ละครร้อง ง. ละครนอก

3. บทพำกย์เอรำวณั แต่งดว้ ยคำประพนั ธ์ประเภทใด
ก. กำพย์ยำนี
ข. กาพยฉ์ บงั 16
ค. กำพย์สรุ ำงคนำงค์ 28
ง. โคลงสสี่ ภุ ำพ

เมอื่ น้นั พระศรีอนุชำ เอ้อื นอรรถวัจนำ

ตรัสถำมสคุ รพี ขุนพล

4. จำกคำประพนั ธ์ขำ้ งตน้ คำทีข่ ีดเสน้ ใต้หมำยถงึ ใคร

ก. พระลกั ษณ์ ข. พระรำม ค. หนมุ ำน ง. พเิ ภก

ผึง้ ภหู่ ม่คู ณำเหมหงส์ ร่อนรำถำลง

แทรกไซ้ในสร้อยสมุ ำลี

ดเุ หวำ้ เรำ้ เรง่ พระสุรีย์ศรี ไกข่ นั ปีกตี

กกู่ อ้ งในท้องดงดำน

5. คำประพนั ธข์ ้ำงต้นปรำกฏชอื่ สตั ว์ท้ังส้ินกี่ชนดิ

ก. 4 ชนดิ ข. 5 ชนิด ค. 6 ชนดิ ง. 7 ชนดิ

6. คำประพันธใ์ นขอ้ ใดไม่มกี ำรแสดงกำรเคลื่อนไหว 85
ง. สัทพจน์
ก. ผึ้งภู่หมู่คณำเหมหงส์ ร่อนรำถำลง

แทรกไซใ้ นสรอ้ ยสมุ ำลี

ข. อินทรชติ บดิ เบือนกำยนิ เหมอื นองคอ์ มรินทร์

ทรงคชเอรำวัณ

ค. ล้วนถอื อาวธุ เกรยี งไกร โตมรศรชัย

พระขรรคค์ ทาถว้ นตน

ง. ดุเหวำ้ เรำ้ เร่งพระสุรียศ์ รี ไกข่ ันปกี ตี

กกู่ ้องในท้องดงดำน

7. คำประพนั ธ์ในข้อใดไม่ปรากฏภำพพจน์ เศียรหน่งึ เจด็ งำ
ก. สำมสิบสำมเศยี รโสภำ สระหน่งึ ยอ่ มมี
ดังเพชรรตั นร์ จู ี ชำเลืองหำงตำ
ข. งาหนึง่ เจด็ โบกขรณี ทกุ เกศกุญชร
เจด็ กออบุ ลบันดาล
ค. จับระบำรำร่ำยส่ำยหำ
ทำทีดังเทพอปั สร
ง. มีวมิ ำนแก้วงำมบวร
ดงั เวไชยนั ต์อมรินทร์

8. คำประพนั ธท์ ่ีกำหนดให้มภี ำพพจน์ชนิดใดปรำกฏอยู่

“สตั ภัณฑ์บรรพตทง้ั หลำย อ่อนเอยี งเพยี งปลำย ประนอมประนมชมชยั ”

ก. อุปมำ ข. อปุ ลกั ษณ์ ค. บุคคลวัต

86

9. คำประพนั ธ์ในขอ้ ใดแสดงควำมยิง่ ใหญข่ องกองทพั พระรำมชัดเจนท่สี ดุ

ก. เสียงพลโหร่ อ้ งเอาชัย เลื่อนล้ันสน่นั ใน

พิภพเพียงทาลาย

ข. พสธุ ำอำกำศหวำดไหว เนอ้ื นกตกใจ

ซกุ ซอ่ นประหวนั่ ขวญั หนี

ค. เพลำลอยพลอยประดับดุมวง กกึ ก้องกำกง

กระทบกระทั่งธรณี

ง. สตั ภัณฑบ์ รรพตทั้งหลำย ออ่ นเอียงเพยี งปลำย

ประนอมประนมชมชยั

เมือ่ น้ันอนิ ทรชิตยกั ษี ตรสั สงั่ เสนี

ใหจ้ บั ระบำรำถวำย

ให้องค์อนุชำนำรำยณ์ เคลิบเคล้ิมวรกำย

จะแผลงซึง่ ศสั ตรศรพล

0. จำกคำประพันธข์ ้ำงตน้ กำรกระทำของอินทรชิตตรงกับพฤติกรรมในข้อใด

ก. คิดไม่ซ่อื ข. เลน่ สกปรก ค. ฉลาดแกมโกง ง. ฉลำดเป็นกรด

. ขอ้ ใดเปน็ แนวคิดสำคญั ของบทพำกยเ์ อรำวณั

ก. ธรรมมะย่อมชนะอธรรม ข. แพเ้ ป็นพระชนะเป็นมำร

ค. สงครำมยอ่ มมีผู้แพ้และผชู้ นะ ง. ความประมาทเป็นหนทางของความหายนะ

2. ข้อใดใชภ้ ำพพจน์อติพจน์ เล่ือนลั้นสนั่นใน
ก. เสยี งพลโหร่ ้องเอาชยั เป็นเทพบตุ รควำญ
พิภพเพียงทาลาย รีบเร่งรีพ้ ล
ข. โลทนั สำรถีขนุ มำร อ่อนเอียงเพยี งปลำย
ขบั ท้ำยทีน่ ั่งชำ้ งทรง
ค. ลอยฟ้ำมำในเวหน
มำถงึ สมรภูมิชยั
ง. สตั ภัณฑ์บรรพตทงั้ หลำย
ประนอมประนมชมชัย

ปกี ซำ้ ยฤๅษติ วทิ ยำ คนธรรพป์ กี ขวำ 87
ต้งั ตำมตำรบั ทพั ชัย ง. สลั ลำปังคพสิ ัย
3. คำทข่ี ีดเส้นใตห้ มำยถงึ สง่ิ ใด
ก. สำรถีของพระอินทร์
ข. ฤๅษีบำเพ็ญตบะจนมวี ชิ ำแกก่ ล้ำ
ค. เหล่ำนำงอัปสรบรวิ ำรของพระอนิ ทร์
ง. ชาวสวรรคท์ ่มี คี วามชานาญด้านดนตรแี ละขบั รอ้ ง

4. คำประพนธ์ที่กำหนดให้ตอ่ ไปน้ใี ช้รสวรรณคดีรสใด

สำมสิบสำมเศยี รโสภำ เศียรหนึง่ เจด็ งำ

ดงั เพชรรตั นร์ ูจี

งำหนง่ึ เจ็ดโบกขรณี สระหนงึ่ ยอ่ มมี

เจ็ดกออบุ ลบันดำล

กอหน่ึงเจ็ดดอกดวงมำลย์ ดอกหนึง่ แบ่งบำน

มีกลบี เจด็ กลีบผกำ

กลีบหนงึ่ มเี ทพธดิ ำ เจ็ดองคโ์ สภำ

แนง่ นอ้ ยลำเภำนงพำล

ก. เสาวรจนี ข. พโิ รธวำทัง ค.นำรปี รำโมทย์

5. คำประพันธใ์ นขอ้ ใดแสดงถึงเวลำเชำ้ ไกข่ ันปีกตี
ก. ดูเหวา่ เรา้ เร่งพระสุรยิ ์ศรี รอ่ นรำถำลง
กู่กอ้ งในท้องดงดาน สรำ่ งแสงอโณทัย
ข. ผึง้ ภูห่ มู่คณำเหมหงส์ โลกลนั่ อึงอล
แทรกไซ้ในสร้อยสมุ ำลี
ค. เดือนดำวดบั เศร้ำแสงใส
ก็ผ่ำนพยบั รองเรือง
ง. อำกำศก้องโกลำหล
อำนำจสะท้ำนธรณี

88

6. ข้อใดคอื เหตุกำรณ์สำคัญจำกบทพำกย์เอรำวณั
ก. อนิ ทรชติ แปลงกำยเปน็ ช้ำงเอรำวัณ
ข. สุครีพเตือนพระลกั ษณใ์ หร้ ะวังภัยจำกกองทพั ยักษ์
ค. พระรำมและพระลกั ษณ์จัดเตรียมกองทพั สำหรบั กำรสรู้ บ
ง. พระลักษณต์ อ้ งศรเนอ่ื งจากเคลิบเคลิ้มไปกบั อบุ ายของอนิ ทรชิต

7. คำในข้อใดไม่ได้มคี วำมหมำยวำ่ ช้ำง
ก. คช
ข. สนิ ธพ
ค. หสั ดิน
ง. ไอยรำ

8. ข้อใดไมใ่ ชข่ ้อคดิ ทไี่ ด้จำกบทพำกยเ์ อรำวณั
ก. จงมีสตอิ ยู่เสมอ
ข. ควำมประมำทเป็นหนทำงแหง่ ควำมตำย
ค. การมพี รรคพวกมากยอ่ มไดเ้ ปรียบ
ง. ไม่มีข้อถกู

9. ข้อใดไม่อาจอนุมำนได้จำดเนื้อเร่ืองบทพำกเ์ อรำวัณ
ก. อนิ ทรชิตเปน็ ผูม้ คี วำมเฉลยี วฉลำด
ข. กองทพั อนิ ทรชิตมไี พรพ่ ลจำนวนมำก
ค. สุครพี เปน็ ผ้ชู ำ่ งสงั เกตและระมัดระวังตน
ง. ช้างเอราวัณมคี วามสงา่ งามกวา่ สัตวท์ ุกชนดิ

20. ข้อใดคอื คุณค่ำด้ำนวรรณศลิ ป์ทเ่ี ด่นชดั ของบทพำกยเ์ อรำวณั
ก. กำรใชบ้ รรยำยโวหำร
ข. การใช้พรรณนาโวหาร
ค. กำรใชภ้ ำพพจนอ์ ปุ ลักษณ์
ง. กำรใชภ้ ำพพจน์บุคคลวัต

89

ภาคผนวก ข คา่ สถติ ิ t-test dependent ของการเปรียบเทยี บคะแนน
ก่อนเรียนและหลังเรยี น ดว้ ยโปรแกรม SPSS

ภาพ 2 แสดงค่าสถิติ t-test dependent ของการเปรียบเทียบคะแนน
ก่อนเรยี นและหลังเรียน ด้วยโปรแกรม SPSS

90

ประวัตผิ ศู้ กึ ษาคน้ คว้า


Click to View FlipBook Version