The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nontawat Khermkhan, 2022-10-26 10:30:27

คำในภาษาไทย

คำในภาษาไทย

คำ ภา
ใน ษา
ไทย

คำในภาษาไทย
มีอะไรบ้างนะ

หนังสือเล่มนี้มี
คำตอบ

คำนามคำนามคืออะไร ? มีกี่ประเภท

คำนามมี 5 ประเภท

คำสนภาาพมอหากมาารยถลัึกงษคำณที่ะใชท้ั้เงรีทยี่เกปช็ื่นอสิค่งนมีชีสวัิตตว์หพรืือชสิ่สงิ่ไงขม่อมีงชีวสิตถานที่


ทั้งที่เป็นรูปธรรม และนามธรรม

ปเเจปา็ากนะกจชืา่งอเทเัป่ชสว็่นนๆามต้ไปานปนลยาเนปผ็ีานเมสคื้อำหเรครืีอยนเกรีสสยิุ่งนกัตวข่่าางวคัๆดำนโตด้านยมไททััม่่ว้วไไบป้ปาไนคมื่อชหี้เนคฉัำงพนสืาอาะม

ที่

เคปพำว็ินสนระาคามพำมุาเททีรนี่ธยใยชนชิ้นนเเราจีรยมาากะชหจชื่งเรอืดลอเ็งกเฉรไชีายปะากยขว่วาอว่ิาทงเคคปวั็สำนนนใจสัาัคงมตหรเวห์วฉัดรหืพอพริืาเอจปะิส็ตนคถรืออาเะนปไ็ทนีร่ ตเ้ชน่น

สมุหนาม คือ คำนามที่ทำหน้าที่แสดงหมวดหมู่ของคำ

นามทั่วไปและคำนามเฉพาะ เช่น ฝูงผึ้ง กอไผ่ คณะนัก

ทัศนาจร บริษัท พวกกรรมกร หมู่ลูกเสือ โขลงช้าง เป็นต้น

ลักษณะนาม คือ เป็นคำนามที่บอกลักษณะของคำนาม

เพื่อแสดงรูปลักษณะ ขนาด ปริมาณ ของคำนามนั้นนั้นให้

ชัดเจน เช่น บ้าน ๑ หลัง โต๊ะ ๕ ตัว

ลักษณะนามน่ารู้

อาการนาม คือ คำนามที่เป็นชื่อกริยาอาการ
เป็นสิ่งที่เป็นนามธรรม ไม่มีรูปร่าง มักมีคำว่า "การ"นำหน้ากริยา และ

"ความ" นำหน้าวิเศษณ์ เช่น การกิน การเดิน การพูด การอ่าน
การเขียน ความรัก ความดี ความคิด ความฝัน เป็นต้น

หน้าที่ของคำนาม
ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค
ทำหน้าที่เป็นกรรมหรือผู้ถูกกระทำ
ทำหน้าที่ขยายนาม เพื่อทำให้นามที่ถูกขยายชัดเจนขึ้น
ทำหน้าที่เป็นส่วนสมบูรณ์หรือส่วนเติมเต็ม

คำสรรพนามคำสรรพนามคืออะไร ? มีกี่ประเภท

คำสรรพนามมี 6 ประเภท

นดแัิ่ฉนลั้วนอเะกพไื่รอระจผคใะำมคไสรด้กรไูบร้มพคาุ่ตงณน้อาเงปมทก็่นลาห่นตาม้วนาคใยำตถ้นึเงทา้มาคนำัเ้ทนขี่าใซ้ชม้ำัแอนีทกนสิเ่งชค่ใำนดนคาำผมูว้่ใาทีด่กฉัลนน่ีา่วเถรึงาม



ย่อยได้ บุรษสรรพนาม คือ คำ สรรพนามที่ใช้แทนผู้พูด แบ่งเป็นชนิด

3 ชนิด คือ
๑.๑
๑.๒ สรรพนามบุรุษที่ ๑ ใช้แทนตัวผู้พูด เช่น ผม ฉัน ดิฉัน เธอ
๑.๓ สรรพนามบุรุษที่ ๒ ใช้แทนผู้ฟัง หรือผู้ที่เราพูดด้วย เช่น คุณ
สรรพนามบุรุษที่ ๓ ใช้แทนผู้ที่กล่าวถึง เช่น เขา มัน ท่าน

ประพันธสรรพนาม คือ คำสรรพนามที่ใช้แทนคำนามและ
ใช้เชื่อมประโยคทำหน้าที่เชื่อมประโยคให้มีความสัมพันธ์กัน

ได้แก่คำว่า ที่ ซึ่ง อัน ผู้

นิยมสรรพนาม คือ สรรพนามที่ใช้แทนนามชี้เฉพาะเจาะจงหรือ

บอกกำหนดความให้ผู้พูดกับผู้ฟังเข้าใจกัน ได้แก่คำว่า นี่ นั่น

โน่น
อนิยมสรรนาม คือ สรรพนามใช้แทนนามบอกความไม่ชี้เฉพาะ

เจาะจงที่แน่นอนลงไป ได้แก่คำว่า อะไร ใคร ไหน
บางครั้งก็เป็นคำซ้ำๆ เช่น ใครๆ อะไรๆ ไหนๆ

วิภาคสรรพนาม คือ สรรพนามที่ใช้แทนคำนาม ซึ่งแสดง

ให้เห็นว่านามนั้นจำแนกออกเป็นหลายส่วน ได้แก่คำว่า ต่าง

บ้าง กัน เช่น
- นักเรียน"บ้าง"เรียน"บ้าง"เล่น
- นักเรียน"ต่าง"ก็อ่านหนังสือ

ประพันธ์สรรพนาม เป็นคำสรรพนามที่ใช้เป็นบทเชื่อม

ข้อความหรือประโยคที่เกี่ยวกับนามที่อยู่ข้างหน้า มีอยู่ 3 คำ คือ

คำกริยาที่ ซึ่ง อัน

คำกริยา คือ คำที่แสดงอาการ สภาพ หรือการกระทำของคำนาม

และคำสรรพนามในประโยค คำกริยาบางคำอาจมีความหมายสมบูรณ์

ในตัวเอง บางคำต้องมีคำอื่นมาประกอบ และบางคำต้องไปประกอบคำ

อื่นเพื่อขยายความ

กริยาที่ไม่ต้องมีกรรมมารับ (อกรรมกริยา) เป็นกริยาที่มี

ความหมายสมบูรณ์ ชัดเจนในตัวเอง เช่น
- ครูยืน - น้องนั่งบนเก้าอี้
กริยาที่ต้องมีกรรมมารองรับ (สกรรมกริยา) เป็นกริยาที่

ต้องมีกรรมมารับจึงจะได้ใจความสมบูรณ์ เช่น
- แม่ค้าขายผลไม้ - น้องตัดกระดาษ

คำบุพบทคำบุพบทคืออะไร ? มีกี่ประเภท

คำบุพบทมี 6 ประเภท

สหคัมำรือพบัุคพนำบธว์ิเกทัศนษหมณ์ายซถึ่ึงงทคำำหทนี่้ใาชท้ี่นเำชื่หอมน้คาำคหำนรือากมลุ่คมำคสำรนัร้นพในหา้ตม่อคเำนืก่อรงิย



แห่คงเสปำื้เคบอรขุำะสพาีบเขอุบทค่พาาำทศวนบบอบไุหทพยทูอ่นบใบกัยงนอทคสเกตืวบูงอ้เิาเนอวจมสืลกน้ขเอาปสอดผ็ึ้งถนไกาฉาดเั้นเนคจแุ้ขาณทหกีาข่่ขาคอพไยาำ่งดยอว้่าแสไไ้ปดมกแ้่แทตคต่ำำำก่วองคต่ัาาย้ำูงน่ใวใแ่าแกตต้่ตลแ้่บสณเหช่นถ้งาาเขนรมิืีมอ่อตงำชจิรเดนวช่จนใจกนเลข้การไทะกำทัลง่งาทนีเ่ชอ่นนยู่อวิกทยใุกนระเจชา่นยเสียง


คำบุพบทบอกที่มาหรือสาเหตุ ได้แก่คำว่า
แต่ จาก กว่า เหตุ ตั้งแต่ เช่น คุณแม่ซื้อผักมาจากตลาด ชาวนาเดินมาตั้งแต่ที่นาถึงบ้าน

คำบุพบทบอกฐานะเป็นผู้รับ ได้แก่คำว่า เพื่อ ต่อ แก่ แด่ เฉพาะ สำหรับ เช่น
ฉันทำทุกอย่างเพื่อแม่ เขาถวายปัจจัยแด่พระสงฆ์
คำบุพบทบอกฐานะเครื่องใช้ หรือติดต่อกัน ได้แก่คำว่า โดย ด้วย อัน ตาม กับ เช่น
เขาเดินทางโดยสวัสดิภาพ เขาทำตามคำสั่ง

คำเชื่อม แบ่งออกเป็น
4 ชนิด

คำเชื่อม คือ คำที่ทำหน้าที่เชื่อมคำกับคำ เชื่อมประโยคกับประโยค
เชื่อมข้อความกับข้อความ หรือข้อความให้สละสลวย

คำสันธานที่เชื่อมความคล้อยตามกัน เช่นคำว่า และ ทั้ง...และ
ทั้ง...ก็ ครั้น...ก็

คำสันธานที่เชื่อมความขัดแย้งกัน เช่นคำว่า แต่ แต่ว่า กว่า...ก็ ถึง...ก็
คำสันธานที่เชื่อมข้อมความให้เลือก เช่นคำว่า หรือ หรือไม่ ไม่...ก็

คำสันธานที่เชื่อมความที่เป็นเหตุเป็นผล ได้แก่คำว่า เพราะ เพราะว่า

ฉะนั้น...จึง ดังนั้น เหตุเพราะ เหตุว่า เพราะ

คำอุทาน

แบ่งออกเป็น
2ชนิด

คำอุทาน เป็นคำที่เปล่งออกมาโดยไม่คำนึงถึงความ

หมาย แต่เน้นที่การแสดงอารมณ์ ความรู้สึกของผู้พูด
ชนิดของคำอุทาน

คำอุทานบอกอาการ คือ คำอุทานที่เปล่งออกมาเพื่อให้รู้อาการต่าง ๆ ของผู้พูด เช่น
อาการดีใจ เสียใจ ตกใจ และประหลาดใจ เป็นต้น ได้แก่คำว่า เอ๊ะ โอ๊ย อ๊ะ เฮ่ เฮ้ย
โธ่ อนิจจา แหม ว้า ว้าย วุ้ย เป็นต้น อนึ่ง หลังคำอุทานพวกนี้มักมีเครื่องหมายอัศเจรีย์
(!) กำกับเสมอ ดังตัวอย่าง
- แหม! หล่อจริง
- เฮ้ย! อย่าเดินไปทางนั้น
- โธ่! หมดกัน

คำอุทานเสริมบท คือ คำอุทานที่ใช้เป็นคำสร้อยหรือเสริมบท
เพื่อให้เสียงหรือความกระชับสละสลวยขึ้น แบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด คือ
คำอุทานเสริมบทที่ใช้เป็นคำสร้อย ส่วนมากพบเป็นคำขึ้นต้นและลงท้ายบทประพันธ์
ประเภทโคลงและร่าย ได้แก่คำว่า โอ้ อ้า โอ้ว่า เถิด นา พ่อ แฮ เฮย เอย
คำอุทานเสริมบทที่ใช้เป็นคำแทรกระหว่างคำหรือข้อความ ได้แก่ คำว่า นา เอย เอ่ย เอ๋ย โวย
คำอุทานเสริมบทที่ใช้เป็นคำเสริม เพื่อต่อถ้อยคำข
้างหน้าให้ยาวออกไป แต่ไม่ต้องการความ
หมายที่เสริมนั้น


Click to View FlipBook Version