The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

E-book แบบฝึกฆ้องวงใหญ่

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by meilingjr15, 2022-07-14 09:21:27

E-book แบบฝึกฆ้องวงใหญ่

E-book แบบฝึกฆ้องวงใหญ่

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์

แบบฝึ กหั ด
ฆ้ องวงใหญ่
ขั้ นพื้ นฐาน

คำนำ

หนั งสื ออิ เ ล็ กทรอนิ กส์ ( E- BOOK) แบบฝึ กหั ดฆ้ องวงใ หญ่ ขั้ นพื้ น
ฐาน เ ป็ นส่ วนหนึ่ งในการฝึ กทั กษะทางด้ านดนตรี ไ ทยใ นระดั บขั้ นพื้ นฐาน
หลั กการสร้ างหนั งสื ออิ เ ล็ กทรอนิ กส์ ซึ่ งเ กิ ดขึ้ นจากการเ ล็ งเ ห็ นความสำคั ญ
ของผู้ เ รี ยน ที่ สามารถนำความรู้ จากการศึ กษา นำไ ปใ ช้ ใ นการฝึ กฝนทั กษะ
ฆ้ องวงใหญ่ ขั้ นพื้ นฐาน ในรู ปแบบการเ รี ยนรู้ ผ่ านสื่ อการเ รี ยนรู้ ดั งกล่ าวผู้
เ รี ยนสามารถเ รี ยนด้ วยตนเ องผ่ านหนั งสื ออิ เ ล็ กทรอนิ กส์ หรื อในรู ปแบบผู้
สอนใช้ สื่ อการเ รี ยนรู้ สอนผู้ เ รี ยน

การศึ กษาแบบฝึ กหั ดฆ้ องวงใหญ่ ขั้ นพื้ นฐานด้ วยหนั งสื อ
อิ เ ล็ กทรอนิ กส์ ( E- BOOK) ผู้ เ รี ยนสามารถเ ข้ าถึ งการใ ช้ เ ทคโ นโ ลยี และสื่ อ
การเ รี ยนรู้ ควบคู่ กั นให้ เ ป็ นประโ ยชน์ ผู้ เ รี ยนสามารถเ รี ยนรู้ ไ ด้ ทุ กที่ ทุ ก
เ วลา จึ งเ กิ ดความสะดวกต่ อผู้ เ รี ยนเ ป็ นอย่ างยิ่ ง อี กทั้ งผู้ เ รี ยนสามารถใ ช้
หนั งสื ออิ เ ล็ กทรอนิ กส์ ( E- BOOK) แทนการพกพาหนั งสื อธรรมดา สามารถ

ใช้เชื่อมต่อกับโลผู้กจัอดินหเวัทงอว่รา์เหน็นตังไสดื้อออยิ่
เาลง็กรทวดรอเรน็ิวกส์ (E-BOOK) เล่มนี้จะเป็น

ประโ ยชน์ ในการฝึ กฝนทั กษะฆ้ องวงใ หญ่ ขั้ นพื้ นฐานไ ด้ เ ป็ นอย่ างดี และ
สามารถนำไ ปใช้ ประโ ยชน์ เ พื่ อต่ อยอดใ นอนาคตของผู้ เ รี ยนต่ อไ ป

จิรายุ รังสิมันตุชาติ
ผู้จัดทำ

ประวัติความเป็นมา
ฆ้องวงใหญ่

ส่วนหนึ่งที่ทำให้นักโบราณคดีเชื่อว่า กลองมโหระทึกนี้ เป็น

เครื่องดนตรีที่เป็นรากเหง้าของฆ้องวงใหญ่ ก็เพราะว่าโลหะที่ใช้ใน

การสร้างเป็ นชนิดเดียวกัน สำหรับโลหะที่ใช้ในการสร้างกลอง

มโหระทึกนี้ จัดเป็นชิ้นงานโลหะผสม เช่นเดียวกับฆ้องซึ่งยังใช้อยู่

ในปัจจุบันนี้ด้วย และนอกเหนือไปจากชิ้นส่วนเนื้อโลหะแล้ว จาก

การสำรวจทางวิวัฒนาการก็พบว่า เครื่องดนตรี 2 ชิ้นนี้ ยังจัดเป็น

เครื่องดนตรีในตระกูลเดียวกันอีกด้วย แต่ก็ได้มีการปรับเปลี่ยน

หลายรูปแบบมาอย่างนานปี จนกระทั่งกลายมาเป็ นรูปร่างของ

ฆ้องวงใหญ่ดังเช่นในปั จจุบันนี้

สำหรับการพัฒนาแตกยอดกลายเป็นฆ้องวงใหญ่นี้ ได้รับการ

สันนิษฐานกันว่า น่าจะมาจากประเทศอินโดนีเซีย และถือกำเนิดมา

ตั้งแต่สมัยสุโขทัยแล้ว สิ่งที่ชี้ให้เห็นว่ากลองมโหระทึกเป็ นต้น

กำเนิดของฆ้องก็เพราะโลหะที่ใช้ในการสร้าง โลหะที่ใช้ในการสร้าง

กลองมโหระทึกเป็ นโลหะผสมแบบเดียวกับฆ้องที่ปรากฏอยู่ใน

ปัจจุบัน นอกจากลักษณะของเนื้อโลหะผสมแล้ว เส้นทาง

วิวัฒนาการของกลองมโหระทึกยังผ่านการพัฒนาเป็ นเครื่ องดนตรี

ในตระกูลเดียวกัน แต่เปลี่ยนแปลงรูปร่างที่มีทิศทางมาใกล้ฆ้องมา

ขึ้นนั้นคือการค้นพบ “กังสดาร” ซึ่งสร้างด้วยโลหะผสมแบบ

เดียวกันแต่รูปร่างเป็นแผ่นกลมขนาดใหญ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒

เมตร พบที่วัดพระธาตุหริกุญไชย ในจังหวัดลำพูน คาดว่าน่าจะอยู่

ราวศตวรรษที่ ๑๓

ส่วนประกอบ
ฆ้องวงใหญ่

ร้านฆ้อง

ร้านฆ้อง

ลูกฆ้อง

ร้านฆ้อง มีลักษณะเป็นรูปวงกลม เหมือนกับฝักมะขาม มีประตู
ฆ้องอยู่ ด้านหลังไว้สำหรับผู้บรรเลงเข้าออกได้สะดวก ตัวร้านต้อง
ทำด้วยหวายโป่ง มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ ๑ นิ้ว ยาวประมาณ
๔ เมตร หวายมี ๔ เส้น หวาย ๒ เส้นล่างวางราบกับพื้น และ ๒
เส้น บนมีไว้สำหรับ วางลูกฆ้อง ระยะห่างของหวายแต่ละคู่ห่างกัน
ประมาณ ๑๔ - ๑๗ ซม.

ส่วนประกอบ
ฆ้องวงใหญ่

ลูกมะหวด

ตัวเชื่อมต่อเส้นหวายวงนอก และวงในส่วนบน เพื่อเป็นตัวยึด
ไม่ให้โยก ทำด้วยไม้ไผ่ซีกหนา จำนวน ๓ อัน กั้นกลางระหว่าง
ลูกฆ้องทุก ๔ ลูก นอกจากนี้ผู้บรรเลง ยังใช้เป็นจุดสังเกต
ตำแหน่งของลูกฆ้อง

ส่วนประกอบ
ฆ้องวงใหญ่

โขนฆ้อง

ทำด้วยแผ่นไม้หนา เป็นสันเรียวแหลมเหมือนใบโพธิ์ข้างปาด
เรียวเล็ก งอนขึ้น เป็นตัวเชื่อมต่อที่ปลายสุดของเส้นหวาย
ส่วนบนทั้งสองด้าน

ส่วนประกอบ
ฆ้องวงใหญ่

รังผึ้ง

เป็นตัวเชื่อมต่อลูกมะหวดวงนอกและวงใน เพื่อยึดวงฆ้อง
ไม่ให้รวน หรือเซ ทำด้วยไม้ไผ่ที่เหลากลมคล้ายตะเกียบ
ยาวประมาณ ๖ - ๘ นิ้ว วางเรียงเป็นรูปตัววี (V)

ส่วนประกอบ
ฆ้องวงใหญ่

สะพาน

เป็นตัวเชื่อมต่อกันระหว่างเส้นหวายวงนอก และวงในส่วนล่าง
ทำด้วย ไม้เนื้อแข็งเป็นท่อนรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้า ฆ้องหนึ่งวง มี
สะพาน ๔ ท่อน กั้นช่วงระหว่างลูกฆ้องที่ ๔

ส่วนประกอบ หวายส่วนบน
ฆ้องวงใหญ่

หวายฆ้อง

หวายส่วนล่าง

มีจำนวน ๔ เส้น เส้นผ่าศูนย์กลางเส้นละ ๑ นิ้ว ความยาวเส้นละ
๔ เมตร โค้งเป็นรูปฝักมะขามหรือวงแหวนวางนอนราบกับพื้น
ประกอบเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนล่าง และส่วนบน ส่วนล่างเป็นหวาย
นอนมี ๒ เส้น คือ เส้นวงนอกและวงใน ใช้เชื่อมต่อกับสะพาน
และส่วนบนมีหวาย ๒ เส้น ใช้เชื่อมต่อกับส่วนล่างในแนวตั้งกับลูก
มะหวด

ส่วนประกอบ
ฆ้องวงใหญ่

ลวดเกี่ยวหนังฆ้อง

นิยมใช้กันในระยะหลัง เพื่อใช้เกี่ยวระหว่างหนังผูกฆ้องกับ
ลวดให้มีความมั่นคง สะดวกในการถอดหรือเปลี่ยนลูกฆ้อง

ส่วนประกอบ
ฆ้องวงใหญ่

ลูกฆ้องวงใหญ่

วัสดุที่ใช้ทำลูกฆ้อง ทำด้วยโลหะผสมทองเหลือง เรียกอีกอย่างหนึ่ง
ว่า ทอง ห้าว หรือทองม้าล่อผสมเนื้อลงหิน ทองแดง และสังกะสี
ลูกต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑๒ - ๑๗ ซม. ปุ่มนูนตรงกลาง
เรียกว่า ปุ่มฆ้อง หรือ “กะหม่อมต้อง” ส่วนที่แบนราบ เรียกว่า
ฉัตร และส่วนที่งอลงเป็นขอบลักษณะตั้ง เรียกว่า ขอบฉัตร ที่ขอบ
ฉัตร เจาะรู ๒ ข้างๆ ละ ๒ รู เพื่อใช้ ร้อยเชือกหนังวัวตีเกลียวผูก
ติดกับร้านฆ้อง ด้านใต้ปุ่มฆ้องมีตาสำหรับติดตะกั่วผสมขี้ผึ้ง เพื่อ
ใช้เทียบ เสียงให้มีระดับ (สูง-ต่ำ)

ไม้ตีฆ้องวงใหญ่

ลักษณะไม้ฆ้องวงใหญ่ ทำให้เกิดเสียงนุ่มนวล ไพเราะ
ขณะบรรเลง โดยแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

1 ไม้นวม

หมายถึง การใช้ผ้าหุ้มรอบหัวไม้ตีประมาณ ๓ รอบ และใช้เชือกด้าย
พันไขว้ทับผ้าประมาณ ๒ - ๓ ชั้น ตามความต้องการของผู้บรรเลง
เมื่อตีบนปุ่มลูกฆ้องทำให้เสียง ไพเราะ นุ่มนวล น้ำหนักไม้ฆ้องต้อง
เท่ากันทั้ง ๒ ข้าง ก้านไม้ตีฆ้องทำมาจากไม้ไผ่ หรือไม้เนื้อแข็ง
นิยมใช้ตีกับวงปี่พาทย์ไม้นวม วงมโหรี และวงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์

ไม้ตีฆ้องวงใหญ่

2 ไม้แข็ง

หมายถึง การนำหนังช้าง หรือหนังควายมาตัดเป็นรูปวงกลม
ตามที่ผู้ บรรเลงต้องการ แล้วเจาะรูตรงกลางเพื่อสอดใส่ก้าน
ไม้ตี นิยมทำมาจากก้านไม้ไผ่ที่มีจำนวนข้อมากที่สุด เท่าที่
หาได้ ไม้แข็งใช้ตีกับวงปี่พาทย์ไม้แข็ง เช่น เพลงชุดโหมโรง
เช้า เพลงชุดโหมโรงเย็น เพลงเสภา เพลงหน้ าพาทย์ เพลง
เรื่อง และเพลงเดี่ยว

สิ่งที่ควรปฏิบัติ
ก่อนบรรเลง

2 1 การไหว้ก่อนบรรเลง

การไหว้ก่อนการบรรเลง ถือเป็นขนบธรรมเนียมปฏิบัติ

ทุกครั้งก่อน-หลังการฝึกซ้อม และการบรรเลง เพื่อเป็นสิริ

มงคลแก่ผู้บรรเลง และเป็นการระลึกถึง ครู อาจารย์ ที่ได้

ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้ นักดนตรีเชื่อกันว่าเครื่อง

ดนตรีไทยทุกชิ้น เป็นของมีครูที่มีความขลัง ศักดิ์สิทธิ์ การ

ไหว้ก่อนการบรรเลง

สิ่งที่ควรปฏิบัติ
ก่อนบรรเลง

2

2 การนั่งบรรเลง

การนั่งผู้บรรเลงต้องนั่งให้ลำตัวอยู่ตรงศูนย์กลางของวงฆ้องวง
ใหญ่ ระหว่างลูกที่ ๕-๔ โดยนับจากทางซ้ายมือของผู้บรรเลง

2.1 นั่งขัดสมาธิ

2.2 นั่งพับเพียบ

สิ่งที่ควรปฏิบัติ
ก่อนบรรเลง

2 2.1 นั่งขัดสมาธิ

หมายถึง การนั่งเอาขาขวาท่อนล่างทับขาซ้ายช่วงของเท้า

ซ้าย ก่อนการฝึกปฏิบัติหรือการบรรเลงทุกครั้ง ผู้บรรเลง

ต้องนั่งอย่างสุขุมสง่างามแก่ผู้พบเห็น จนมี สํานวนพูดกัน

ว่า “อกผาย ไหล่ผึ้ง หน้ าตั้ง ตัวตรง หลังตึง" การนั่งขัด

สมาธิ ใช้นั่งขณะการฝึกซ้อม และการบรรเลงบทเพลง

ทั่วไป นอกจากนี้ยังช่วยให้เกิดความคล่องตัวในการตี

บทเพลงประเภทต่างๆ ที่มีการเหวี่ยงแขน และข้อมือไป

ทางเสียง (สูง-ต่ำ) การนั่งขัดสมาธิ

สิ่งที่ควรปฏิบัติ
ก่อนบรรเลง

2 2.2 การนั่งพับเพียบ

หมายถึง การนั่งพับเข่าขวาทับท่อนขาส่วนล่างขาซ้าย
ก่อนการฝึ กซ้อมหรือการบรรเลงดนตรีไทยเฉพาะของ
กลุ่มปี่พาทย์ ถือเป็นขนบธรรมเนียมปฏิบัติกันมาตาม
แบบโบราณ คือ เมื่อขณะต่อเพลงกับครูอาวุโสหรือต่อ
เพลงหน้ าพาทย์ที่มีความขลัง ศักดิ์สิทธิ์ ต้องนั่งพับ
เพียบเสมอ เพื่อแสดงความเคารพต่อครูผู้สอน และบท
เพลงนั้นๆ

สิ่งที่ควรปฏิบัติ
ก่อนบรรเลง

23 การสำรวจความพร้อม

การสำรวจความพร้อมของฆ้อง หมายถึง การตรวจ
สอบดูส่วนต่างๆ ของฆ้องว่าอยู่ในสภาพที่พร้อมบรรเลง
หรือไม่ มีดังนี้
1 ตัวร้านฆ้องต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้
2 ลูกฆ้องผูกอยู่ตรงกลางร้านฆ้องในลักษณะค่อนข้างตึง
3 ลูกฆ้องต้องเรียงตามลำดับเสียงถูกต้อง
4 ยอดของปุ่มลูกฆ้องและฉัตรต้องทุกลูกอยู่ในระดับ
เดียวกัน
5 คุณภาพเสียงลูกฆ้องทุกลูกอยู่ในสภาพสมบูรณ์
6 หัวไม้ตีต้องไม่สั่นคลอน

สิ่งที่ควรปฏิบัติ
ก่อนบรรเลง

42 การจับไม้ฆ้องวงใหญ่

4.1 การจับแบบปากนกแก้ว

การจับแบบปากนกแก้ว ต้องรวบนิ้วทั้งหมด คือ นิ้วกลาง
นิ้วนาง นิ้วก้อย ให้ก้านไม้ฆ้องอยู่กลางฝ่ามือ และใช้นิ้ว
หัวแม่มือกดไว้ที่ก้านไม้ที่ด้านใน ส่วนปลายของนิ้วชี้รัด
ก้าน ไม้ฆ้องด้านล่างไว้ ทำให้มองดูลักษณะคล้ายกับ
ปากนกแก้ว

สิ่งที่ควรปฏิบัติ
ก่อนบรรเลง

4.2 การจับแบบปากกา

การจับแบบปากกา มีลักษณะคล้ายคลึงกับปากนกแก้วทุก
ประการ แตกต่างที่ นิ้วชี้ แทนที่จะใช้นิ้วซึ่งองุ้มตวัดรัดไม้ด้าน
ล่างไว้ให้เหยียดนิ้วชี้ตรงบนส่วนก้านของไม้ตี ฆ้อง ส่วนปลาย
สุดของนิ้วชี้จะอยู่ติดด้านหลังของแผ่นหนังหรือแป้ นที่ตีฆ้อง
การจับแบบปากกาต้อง ใช้นิ้ว กดจากด้านบนของไม้ในขณะที่
นิ้วหัวแม่มือกดด้านข้าง

สิ่งที่ควรปฏิบัติ
ก่อนบรรเลง

2

5 วิธีการตีฆ้องวงใหญ่

วิธีการตีฆ้องผู้ฝึกต้องเน้ นการใช้กำลังที่แขน และข้อมือเป็น
หลัก โดยวิธีการเกร็ง กล้ามเนื้อพอประมาณแล้วใช้ข้อศอกเข้า
มาช่วย ตีลักษณะเปิดปิดเสียงตลอด นักดนตรี เรียกว่า “การตี
ประคบมือ” หรือ “การที่ประคบเสียง” เพื่อให้เสียงที่ดีออกมา
เกิดความไพเราะ นุ่มนวล น่าฟัง สิ่ง สำคัญของคนฆ้อง คือ ตี
ทำนองหลักได้อย่างถูกต้องแม่นยำตลอดทั้งเพลง สิ่งที่ผู้ฝึกต้อง
ปฏิบัติขณะ บรรเลงฆ้องวงใหญ่ มีดังนี้
1 ขณะตีให้หน้ าไม้ตั้งฉากกับลูกฆ้อง
2 ตีลงบนกลางปุ่มลูกฆ้องให้เต็มขึ้นของไม้ตีห้ามตีถูกฉัตร เพราะ
ไม่ได้เสียงที่ต้องการ และทําให้ลูกฆ้องเสียหายได้
3 ยกไม้ที่สูงพอสมควร ประมาณ 5-6 นิ้วฟุต
4 ขณะบรรเลงให้หมุนหน้ าไม้ตีบ้าง เพื่อรักษาสภาพหัวไม้ตีไม่ให้
เสียรูปทรง แต่ไม่ควรหมุนตลอดเวลา
5 ขณะหยุดบรรเลงช่องรอรับร้อง ห้ามใช้ข้อศอกท้าวไปที่ส่วนใด
ส่วนหนึ่ งของวงฆ้อง

ทฤษฎีเบื้องต้น

การอ่านโน้ ตเพลงไทย

โน้ ต คือ สัญลักษณ์ ที่บ่งบอกถึงความสูงต่ำของเสียงที่
เป็นกำหนดสัดส่วนของจังหวะ เพื่อสะดวกในการเรียนรู้
ด้วยตนเอง นอกจากนี้สามารถจดบันทึกเพื่อกันลืมเพลง
โน้ ตเพลง ไทยมีการใช้สัญลักษณ์อยู่หลายรูปแบบ เช่น
โน้ ตตัวเลข โน้ ตที่เปล่งออกมาจากปากหรือคอ เป็นต้น
ปัจจุบันนิยมใช้โน้ ตพยัญชนะเรียกว่า โน้ ต ด ร ม ฟ ซ ล
ท เป็นตัวย่อ เมื่ออ่านออกเสียงเป็น โด เร มี ฟา ซอล ลา
ที ที่ใช้แทนระดับความ (สูง-ต่ำ) ของเสียงที่กำหนดไว้

องค์ประกอบของโน้ ต

ห้องเพลง

ทำหน้ าที่เช่นเดียวกันกับจังหวะเคาะ คือ มี
อัตราความช้า-เร็ว ที่ สม่ำเสมอ มีจํานวน 8
ห้องเพลง ตำแหน่งจังหวะเคาะ หรือเรียกว่า
จังหวะตก อยู่ท้ายสุดของห้อง เพลงทุกห้อง
ในขีดที่ 4

องค์ประกอบของโน้ ต

การจัดวางเรียงตำแหน่งตัวโน้ ต

เป็นสิ่งสำคัญต่อทำนองเพลงที่บ่งบอกถึง ความสั้น-ยาว
ของบท เพลงนั้นๆ โดยใช้เครื่องหมายขีด (-) เป็นตัว
บอกถึงค่าความยาวของเสียง

องค์ประกอบของโน้ ต

การเคาะจังหวะ

การเคาะจังหวะ เป็นการฝึกขั้นพื้นฐานของการ
อ่านโน้ ต เริ่มจากการนับเลข 1 - 4 ตามจังหวะ
ในแต่ละ 1 ห้องเพลง เน้ นที่จังหวะเคาะท้าย
ห้องเพลงเลขที่ 4 ตามลูกศรชี้ของห้อง เพลง
ให้ได้จังหวะสม่ำเสมอกัน

องค์ประกอบของโน้ ต

โน้ ตที่คละกันแต่ละห้องเพลง

การกำหนดค่าของเสียงโน้ ตไทย ต้องอาศัยห้อง
เพลงเป็นตัวกำหนดจังหวะ โดยการ แบ่งเป็น
ห้องเท่ากัน 4 ห้อง คือ 1 บรรทัด ของแต่ละห้อง
มีขีด (- - - -) หรือมีตัวโน้ ต ด ร ม ฟ รวมกันได้
ไม่เกิน 4 ตัว มี 3 ตัว 2 ตัว หรือตัวเดียว และ
ไม่มีตัวโน้ ตเลยก็ได้ กรณีที่ไม่มีตัวโน้ ตมีขีดแทน
แต่เมื่อนับรวมทั้งตัวโน้ ตและขีดแล้วรวมกันต้อง
ได้ 4 ตัว หรือเรียกว่า 1 จังหวะ หมายถึง ห้องละ
๑ จังหวะ

องค์ประกอบของโน้ ต

การเคาะและการอ่านออกเสียง

การเคาะและการอ่านออกเสียงตามตัวโน้ ตเป็นทำนอง
ให้ถูกจังหวะ การอ่านโน้ ตได้ดี ควรฝึกออกเสียงกับ
เครื่องดนตรี ประเภทดำเนินทำนองที่มีเสียงตายตัว
เช่น ขลุ่ย ระนาด ฆ้องวงใหญ่ เป็นต้น โดยออกเสียง
ตัวโน้ ตให้ตรงกับเสียงเครื่องดนตรี เมื่อฝึกออกเสียง
ได้แม่นยำแล้ว จึงเริ่มอ่าน ออกเสียงเป็นทำนองจาก
แบบฝึกง่ายๆ และเคาะจังหวะไปพร้อมกับการอ่าน

องค์ประกอบของโน้ ต

การเคาะจังหวะจากเสียงโดต่ำ - โดสูง

การอ่านออกเสียงไล่เรียงตามลำดับเสียง (ต่ำ-สูง)
ให้จังหวะสม่ำเสมอ ห้องละ 1 จังหวะ กำหนดให้
ออกเสียงยาวเท่ากับจำนวนขีด ฝึกไปพร้อมกับ
เสียงเคาะ

องค์ประกอบของโน้ ต

การอ่านออกเสียงตัวโน้ ตตามจังหวะ (ฉิ่ง-ฉับ)
อัตราจังหวะ สองชั้น

การอ่านออกเสียงห้องละ 2 ตัว

องค์ประกอบของโน้ ต

การอ่านออกเสียงห้องละ 3 ตัว
การอ่านออกเสียงห้องละ 4 ตัว

องค์ประกอบของโน้ ต

การอ่านออกเสียงแบบโน้ ตผสม

เครื่องหมายและสัญลักษณ์

เครื่องหมายและสัญลักษณ์ ที่ใช้บังคับในโน้ ตเพลงไทยไม่
ค่อยชัดเจนมากนัก โน้ ตของดนตรีไทยยังไม่เป็นมาตรฐาน
เดียวกัน ส่วนมากเป็นการกำหนดหรือใช้กันเฉพาะให้เข้าใจกัน
ในกลุ่ม ซึ่งต่างกับโน้ ตสากลที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก
จึงไม่มีปัญหาในการบรรเลงและการเข้าใจ สัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่
ใช้กันอยู่ในปั จจุบันที่ทำความเข้าใจตรงกันมีอยู่หลายลักษณะ
คือ เสียงทางใน และเสียงทางเพียงออ ดังนี้

เครื่องหมายและสัญลักษณ์

รฺ มฺ ฟฺ ซฺ ลฺ ทฺ ด ร ม ฟ ซ ล ทํ ดํ รํ มํ
มฺ ฟฺ ซฺ ลฺ ทฺ ด ร ม ฟ ซ ล ท ดํ รํ มํ ฟํ

โน้ ตประจุดอยู่ด้านล่าง หมายถึง โน้ ตเสียงต่ำ เช่น (ม)
หมายถึง (มีเสียงต่ำ)
โน้ ตประจุดอยู่ด้านบน หมายถึง โน้ ตเสียงสูง เช่น (1) หมาย
ถึง (มีเสียงสูง)
โน้ ตไม่ประจุด หมายถึง โน้ ตเสียงกลาง เช่น (1) หมายถึง
(มีเสียงกลาง)

เครื่องหมายและสัญลักษณ์

1 สัญลักษณ์ที่ใช้แทนช่วงทบเสียง

ฆ้องวงใหญ่ เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีที่
มีช่วงพิสัยที่กว้างมากกว่าจำนวน 7 เสียง ดัง
นั้นจึงจำเป็ นต้องกำหนดสัญลักษณ์แทนเสียงๆ
เดียวกันแต่ต่างระดับเสียง สัญลักษณ์แทน ช่วง
ทบเสียงสำหรับโน้ ตฆ้องวงใหญ่แบ่งออกเป็น 3
ลักษณะ

เครื่องหมายและสัญลักษณ์

1.1 ช่วงทบเสียงสูง

สัญลักษณ์แทนระดับทบเสียงสูงใช้จุด (.) บนตัวอักษร

เครื่องหมายและสัญลักษณ์

1.2 ช่วงทบเสียงต่ำ

สัญลักษณ์แทนระดับทบเสียงต่ำใช้จุด (.) ล่างตัวอักษร

เครื่องหมายและสัญลักษณ์

1.3 ช่วงทบเสียงกลาง

การกำหนดสัญลักษณ์ตัวอักษรของฆ้องวงใหญ่ คือ ด ร
ม ฟ ซ ล และ ท รวม ทั้งหมด ๗ ระดับเสียง ดังนั้น
หากนำระดับเสียง ในช่วงทบเสียงสูง ช่วงเสียงต่ำ และ
ช่วงเสียงกลางมาเรียงติดต่อกัน จะได้ทุกระดับเสียง
ของฆ้องวงใหญ่

รฺ มฺ ฟฺ ซฺ ลฺ ทฺ ด ร ม ฟ ซ ล ทํ ดํ รํ มํ
มฺ ฟฺ ซฺ ลฺ ทฺ ด ร ม ฟ ซ ล ท ดํ รํ มํ ฟํ

เครื่องหมายและสัญลักษณ์

2 สัญลักษณ์ที่ใช้แทนมือฆ้อง

สัญลักษณ์ที่ใช้แทนตำแหน่งมือขวาและซ้าย แสดง
โดยการแบ่งห้องเพลงออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนบน
และส่วนล่าง ในกรณีที่อักษรถูกบรรจุส่วนบน หมาย
ถึง โน้ ตที่บรรเลงด้วยมือขวา และตัวอักษรถูกบรรจุ
ไว้ในส่วนล่าง หมายถึง โน้ ตที่บรรเลงด้วยมือซ้าย

เครื่องหมายและสัญลักษณ์

2.1

คําอธิบาย ตัวอย่างทํานองเพลงที่กล่าวมาข้างต้น มีการใช้
มือฆ้องตีแบ่งมือซ้ายและขวา และที่เป็นคู่เสียงต่างๆ ดังนี้
ห้องที่ 1 ตีแบ่งมือซ้ายและขวา 3 เสียง (ซ-ล-ท) การใช้มือ
ฆ้อง (ซ้าย-ขวา-ขวา) อยู่ ในช่วง “ทบเสียงต่ำ
ห้องที่ 2-3 ตีสองมือพร้อมกันคู่ 4 เสียง (ร) (ม) (ซ) (ล) อยู่
ในช่วง “ทบเสียงกลาง
ห้องที่ 4 ตีสองมือพร้อมกันคู่ 4 เสียง (ท) อยู่ในช่วง “ทบ
เสียงกลาง” และเสียง (ดำ) อยู่ในช่วง “ทบเสียงสูง”
ห้องที่ 5-6 ตีสองมือพร้อมกันคู่ 8 เสียง (ร) (3) (3) (ต) อยู่
ในช่วง “ทบเสียงสูง”
ห้องที่ 7-8 ตีสองมือพร้อมกันคู่ 8 เสียง (ท) (3) (ข) (ม) อยู่
ในช่วง “ทบเสียงกลาง” จากทํานองเพลงที่มีการใช้สัญลักษณ์
แทนมือฆ้องขวาและซ้ายที่กล่าวมาข้างต้น
การเรียกสัญลักษณ์โน้ ตเสียงนั้นๆ ว่าอยู่ในระดับช่วงเสียง สูง
กลาง หรือ ต่ำ ให้ยึดจากทำนองเพลงที่มี การใช้มือฆ้องเสียง
มือขวา เป็นหลัก

เครื่องหมายและสัญลักษณ์

2.2 เครื่องหมายกลับต้น

การบรรเลงดนตรีไทยในบทเพลงต่างๆ เมื่อบรรเลง
จบท่อนเพลง จะต้องมีการบรรเลงย้อนกลับต้นใหม่
อีกหนึ่งครั้ง เป็นท่อนละ 2 เที่ยว ส่วนมากนิยมใช้
เครื่ องหมายเป็ นอักษรย่อ

การกำหนดชื่อ
ลูกฆ้องวงใหญ่

นิยมเรียก 7 ชื่อ ได้แก่

ลูกทวนหรือลูกทั่ง

หมายถึง การกำหนดชื่อของลูกฆ้องที่ 1
(เสียงต่ำสุดหรือลูกใหญ่สุด) อยู่ทางซ้ายมือของผู้บรรเลง

ลูกรองทวน

หมายถึง การกำหนดชื่อของลูกฆ้องลูกที่ 2
(ที่มีเสียงสูงกว่าลูกทวน 1 เสียง อยู่ทางซ้ายมือ
ของผู้บรรเลง

ลูกประเดิมวง

หมายถึง การกำหนดชื่อของลูกฆ้องที่ 8 โดยเสียงตรง
กับลูกทวน หรือลูกทั่ง อยู่ทางเสียงต่ำ เมื่อตีลงไปบน
ลูกฆ้องพร้อมกันทั้ง 2 มือ จะเป็นคู่ 8

การกำหนดชื่อ
ลูกฆ้องวงใหญ่

ลูกโอด
หมายถึง การกำหนดชื่อของลูกฆ้องที่ 12 นับจากลูก
ฆ้องทางซ้ายมือไปขวามือ

ลูกเพียงออ

หมายถึง การกำหนดชื่อของลูกฆ้องที่ 10 ที่มีเสียงต่ำกว่า
ลูกโอด 2 เสียง อยู่ทางขวามือของผู้บรรเลง

ลูกรองยอด

หมายถึง การกำหนดชื่อของลูกฆ้องลูกที่ 15 ที่มีเสียง
ต่ำกว่าลูกยอด 1 เสียง อยู่ทางขวามือของผู้บรรเลง

ลูกยอด

หมายถึง การกำหนดชื่อของลูกฆ้องที่ 16 (เสียงที่สูงสุด
หรือลูกเล็กสุด) อยู่ทางขวามือของผู้บรรเลง

การกำหนดทางเสียง
ลูกฆ้องวงใหญ่

1 ทางเพียงออ

หมายถึง ทางฆ้องวงใหญ่ที่บรรเลงรวมวงกับลุ่มเครื่อง
สายมโดยมีการกำหนดให้เสียงโด อยู่ตรงกับลูกฆ้องที่
6 และลูกที่ 13

2 ทางใน

หมายถึง เสียงที่ฆ้องวงใหญ่บรรเลงอยู่ในวงปี่พาทย์ไม้
แข็ง โดยกำหนดเสียงโด ให้ตรงกับลูกที่ 7 และลูกที่
14 เนื่องจากเป็นทางที่ปี่ในเป่าได้สะดวกที่สุด

วิธีการแก้ปั ญหา
ฆ้องวงใหญ่

1 วิธีแก้ไขลูกฆ้องติดกัน

ข้อปฏิบัติ ควรหมั่นตรวจสอบความพร้อมของลูกต้อง
ให้อยู่ในสภาพพร้อมก่อนการฝึกซ้อม และ
การบรรเลงเสมอ

วิธีแก้ไข ควรจัดเรียงลูกน้ องใหม่ไม่ให้ฉัตรไปสัมผัส
กับร้านฆ้อง ไม้ถ่างร้านฆ้อง และลูกฆ้อง
ข้างเคียง

วิธีการแก้ปั ญหา
ฆ้องวงใหญ่

2 วิธีแก้ไขลูกฆ้องหย่อน

สาเหตุ มาจากอากาศเย็นชื้น ทำให้หนังผูกลูกฆ้อง
ยืดหย่อนยานได้ อีกประการหนึ่ง คือ ไม่
ผูกลูกต้องให้ตึงอย่างสม่ำเสมอ

วิธีแก้ไข 1.ผู้บรรเลงควรหมั่นผูกหนังร้อยลูกฆ้องให้
ตึงอยู่เสมอ
2.การผูกหนังลูกต้องไม่ควรให้ตึงมากเกิน
ไป เพราะขณะที่ตีลงไปบนปุ่มลูกฆ้อง ไม่
เกิดการสั่นสะเทือนของหนังและลูกฆ้องจึง
ทำให้เสียงไม่ดังก้องกังวาน

วิธีการแก้ปั ญหา
ฆ้องวงใหญ่

3 วิธีแก้ไขเสียงฆ้องทึบไม่ดังกังวาน

สาเหตุ 1.หนังร้อยลูกฆ้องมีความหย่อนยาน
2.เสียงที่ทึบนั้นจะมีสาเหตุมาจากตะกั่วที่ใช้
ถ่วงระดับเสียงฆ้องกำลังจะหลุด

วิธีแก้ไข 1.ผูกหนังร้อยลูกฆ้องให้ตึงพอประมาณ
2.ติดตะกั่วใหม่ ให้มีสภาพที่ใช้การได้ พร้อม
ทำความสะอาด

วิธีการแก้ปั ญหา
ฆ้องวงใหญ่

4 วิธีแก้ไขเสียงฆ้องแตกพร่า

สาเหตุ

1.อาจเกิดจากตะกั่วถ่วงระดับเสียงกำลังจะ
หลุด ดังนั้น เมื่อตีไปบนลูกฆ้อง จึงเกิดการสั่น
สะเทือนกระทบกันระหว่างเนื้ อโลหะของลูก
ฆ้อง และตะกั่วถ่วงระดับเสียง

2.อาจเกิดจากส่วนปลายของหนังผูกฆ้องที่ผูก
ต่อเอาไว้ในกรณีที่หนังผูกฆ้องขาด กระทบกับ
ผิวโลหะ ในขณะที่บรรเลงจึงทำให้เกิดการสั่น
สะเทือน

3.อาจเกิดจากการแตกของลูกฆ้อง ที่ก่อให้เกิด
เสียงแตกพร่านั้น หมายถึง ส่วนใดส่วนหนึ่ง
เกิดการร้าวมักจะพบที่บนของฉัตรต้อง หรือ
อาจเกิดจากผู้บรรเลงขาดความแม่นยำทำนอง
เพลงที่ไปโดนฉัตรต้องทำให้เสียงแตกพร่า

วิธีการแก้ปั ญหา
ฆ้องวงใหญ่

4 วิธีแก้ไขเสียงฆ้องแตกพร่า

สวาิธเีหแตกุ้ไข

1.ติดตะกั่วเสียใหม่

2.ต้องระวังไม่ให้จุดของการเชื่อมต่อหนัง
ร้อยลูกฆ้องติดอยู่กับฉัตรของลูกฆ้อง

3.วิธีแก้ที่ดีที่สุด คือ การเปลี่ยนลูกน้ องใหม่
ทำให้ลูกน้ องใหม่มีลักษณะแตกต่าง ไปจาก
ลูกฆ้องลูกอื่นๆ ทำให้ขาดความสวยงาม
เหตุผลนี้จึงแก้ปั ญหาโดยใช้การเลื่ อยเจาะ
ตามรอยเส้นที่แตกร้าว เพื่อไม่ให้เกิดการสั่น
สะเทือนกระทบกัน

วิธีการแก้ปั ญหา
ฆ้องวงใหญ่

4 วิธีแก้ไขตะกั่วถ่วงลูกฆ้องหลุด

สสาเาหเหตุตุ ตะกั่วถ่วงลูกฆ้องหลุดอาจมีสาเหตุมาจากผู้
วิธีแก้ไข บรรเลงใช้ไม้ต้องแข็งเกินไปแล้วตีไปถูก
ฉัตรส่วนบน หรือใช้น้ำหนักมือดีลงไปที่ลูก
ฆ้องแรงเกินไปจึงทำให้ตะกั่ว ถ่วงลูกฆ้อง
หลุด

1.ถอดลูกฆ้องออกจากร้านฆ้องแล้วผูกใหม่
โดยวิธีหงายลูกฆ้องขึ้นเอาตะกั่วที่หลุดใส่ที่
เดิม ใช้เทียนรนที่ปุ่มลูกฆ้องให้เป็นน้ำยาง
มะตูมทิ้งไว้ให้แห้งพอประมาณ แล้วกด
ตะกั่วให้ติดกับเบ้าต้องให้แน่น ปั้นตะกั่วให้
นูนสวยงาม
2.ใช้ผ้าเช็ดปุ่มต้องให้สะอาดแล้วผูกไว้ที่
เดิม รอตะกั่วเย็นจึงบรรเลงได้

ข้อควรระวัง อย่าให้เทียนหยดลงไปผสมกับตะกั่ว
จะทำให้ตะกั่วหลุดได้ง่าย

วิธีการดูแลรักษาหลัง
การฝึ กซ้อมบรรเลง

การดูแลรักษา

1.ทำความสะอาดโดยใช้ผ้าแห้งเช็ดตามร้าน


ฆ้องและลูกฆ้อง

2.ใช้ผ้าคลุมตามรูปร้านฆ้องแล้วเก็บเข้าที่ให้
เรียบร้อย
3.วางร้านฆ้องเอาส่วนที่เป็ นลูกฆ้องขึ้นบน

ข้อห้ามปฏิบัติ

1.ห้ามใช้เครื่ องขัดลูกฆ้องให้เป็ นเงางาม
อาจทำให้เสียงฆ้องทึบอับได้
2.ห้ามวางฆ้องวงซ้อนกัน อาจทำให้ลูก
ฆ้องแตกพร่าได้


Click to View FlipBook Version