~2~
สารผู้อานวยการโรงเรยี นห้วยซอ้ วิทยาคม รัชมังคลาภิเษก
ขอยินดีต้อนรับลูกๆ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4 ปีการศึกษา 2563 ทุกคน ที่ได้เข้ามาเป็น
สมาชิกใหม่ของรว้ั นาเงิน-เหลือง ซ่ึงเปน็ “โรงเรยี นของพระราชา” โดยมคี วามโดดเด่น ดังน้ี
เอกลักษณ์ “รชั มังคลาภิเษกมหามงคล ผองชนยดึ มน่ั ทาความดี วถิ ีชีวิตพอเพียง”
รัชมังคลาภิเษกมหามงคล ความหมาย โรงเรียนหว้ ยซ้อวิทยาคม รชั มงั คลาภเิ ษก เป็นโรงเรียนท่ี
ก่อต้ังข้ึน ตามพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก ซ่ึงเป็นพิธีมหามงคลท่ีจัดข้ึนเพ่ือเป็นการเฉลิมฉลองเน่ืองในวโรกาสท่ี
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติยาวนานย่ิงกว่าสมเด็จพระบูรพมหา
กษัตริยาธิราชเจ้าในประวัติศาสตร์ชาติไทย นับต้ังแต่วันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2489 ถึงวันท่ี 2 กรกฎาคม
พุทธศกั ราช 2531 เปน็ เวลา 42 ปี 23 วัน
ผองชนยดึ ม่ันทาความดี ความหมาย นกั เรยี นและบคุ ลากรในโรงเรียน ม่งุ มน่ั ทาความดีตามรอย
เบอ้ื งยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช ในวันสาคญั ต่าง ๆ มจี ิตสาธารณะทเ่ี น้นการ
ช่วยเหลือซึง่ กนั และกนั โดยดาเนนิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ
วิถชี วี ติ พอเพียง ความหมาย ปฏบิ ตั ติ นตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพยี ง และการดาเนินชีวติ แบบเรียบงา่ ย
อัตลักษณ์ “อยู่อย่างพอเพียง ตามรอยเบื้องยุคลบาท” ความหมาย นกั เรยี นและบุคลากรโรงเรียน ปฏบิ ัติ
ตนโดยการน้อมนาพระบรมราโชวาทของสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัว เกีย่ วกับการดาเนนิ ชีวิต หลักธรรมและการทรงงาน
เพอื่ เป็นแนวทางในการดาเนนิ ชวี ิต พ่งึ ตนเองได้ มคี วามประหยดั ช่วยเหลอื สงั คม
ปณิธาน “รักษศ์ กั ดิ์ศรี มคี ุณธรรม นาวชิ าการ สืบสานงานพระราชดาริ”
รักษ์ศักด์ิศรี มีความภาคภูมิใจที่เป็น นักเรียนโรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก
มีคุณธรรม นักเรียนได้รับการปลูกฝังให้เป็นผู้ที่มีความประพฤติท่ีดีงาม เพ่ือส่วนรวมและมีศีลธรรม
นาวิชาการ นักเรียนเป็นบุคลท่ีมีความใฝ่เรียนรู้ ส่งผลให้นักเรียนได้รับรางวัลการแข่งขันทักษะวิชาการ
ระดับต่างๆ มีผลการทดสอบระดับชาติโอเนต็ สูงขนึ้
สืบสานงานพระราชดาริ นักเรียนได้ปฏิบัติโครงการหรือกิจกรรมตามแนวพระรา ชดาริ
ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั
โรงเรยี นได้ทุ่มเทสรรพกาลงั ทกุ ด้านเพอื่ เปา้ หมายสูงสุดในการหล่อหลอมนักเรยี นทุกคนใหเ้ ปน็ คนดี
ท้ายน้ีขอขอบพระคุณผู้ปกครองทุกๆ ท่านที่ให้ความไว้วางใจให้โรงเรียนได้จัดการศึกษาด้วยความ
ภาคภูมิใจ ในความเป็น “โรงเรยี นของพระราชา” ของโรงเรยี นหว้ ยซอ้ วิทยาคม รัชมังคลาภเิ ษก สืบตอ่ ไป
นายสชุ าติ ศรธี ินนท์
(ผอู้ านวยการโรงเรยี นหว้ ยซอ้ วิทยาคม รชั มังคลาภเิ ษก)
~3~
แผนผงั โรงเรยี นหว้ ยซอ้ วทิ ยาคม รชั มงั คลาภเิ ษก
~4~
สารบญั
ข้อมลู พนื้ ฐานของสถานศกึ ษา และทิศทางการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา 5
ทาเนียบผูบ้ รหิ าร 6
เคร่ืองหมายของโรงเรยี น 7
วิสัยทัศน์ / พันธกิจ / เปา้ ประสงค์ / นโยบาย มาตรการ 11
คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องนกั เรียน 13
แผนยุทธศาสตรก์ ระทรวงศึกษาธกิ าร (พ.ศ.2563-2565) 14
ผงั การเขา้ แถวประจาปีการศกึ ษา 2563 20
คาปฏญิ าณตน “ลกู น้าเงิน-เหลอื ง” 21
22
รายชอ่ื ครเู วรประจาวนั ประจาภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 24
รายชอ่ื ครูประจาคณะสี ปกี ารศกึ ษา 2563 26
รายชือ่ ครูทปี่ รกึ ษาประจาช้นั เรยี น ปีการศกึ ษา 2563 27
ลาดับพธิ หี นา้ เสาธง
30
ฝ่ายกิจการนกั เรียน 31
- หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 33
- การวดั ผลประเมนิ ผลการเรียน 35
- กิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น และการประเมินผล 36
- โครงสร้างการบริหารงานกจิ การนักเรยี น
- ระเบยี บ โรงเรยี นหว้ ยซ้อวิทยาคม รชั มังคลาภเิ ษก 38
40
ว่าดว้ ย “คณะกรรมการเครือขา่ ยผู้ปกครอง พ.ศ. 2561”
- ระเบยี บว่าด้วยการกระทาผดิ และการลงโทษ นกั เรยี นโรงเรยี นหว้ ยซอ้ วิทยาคม รัชมังคลาภเิ ษก 42
- ระเบียบ โรงเรียนหว้ ยซอ้ วิทยาคม รัชมังคลาภิเษก
44
ว่าด้วย “การพกพาโทรศพั ท์เคลอื่ นท่ีมาโรงเรียน พ.ศ. 2563”
- ระเบยี บ โรงเรียนหว้ ยซ้อวิทยาคม รัชมงั คลาภิเษก 48
ว่าดว้ ย “จรรยามารยาทและการทาความเคารพของนักเรยี น พ.ศ. 2563” 57
- ประกาศโรงเรียนโรงเรียนหว้ ยซอ้ วิทยาคม รชั มังคลาภเิ ษกว่าด้วย
58
“ระเบยี บแบบแผนและแนวปฏบิ ัติของนกั เรียน ปรับปรุง พ.ศ. 2563”
- ระเบยี บ โรงเรยี นหว้ ยซ้อวิทยาคม รัชมงั คลาภเิ ษก 59
วา่ ดว้ ย “การลงโทษและการตัดคะแนนความประพฤตขิ องนกั เรยี น พ.ศ. 2563” 62
64
- ระเบยี บ โรงเรียนห้วยซอ้ วิทยาคม รัชมงั คลาภเิ ษก 65
ว่าดว้ ย “ความปลอดภัยของนกั เรียนในโรงเรียน พ.ศ. 2563”
- ระเบียบ โรงเรียนหว้ ยซอ้ วทิ ยาคม รัชมังคลาภเิ ษก
วา่ ดว้ ย“การนารถจกั รยาน รถจักรยานยนตม์ าจอดในบริเวณโรงเรียน พ.ศ.2563”
- ระเบยี บ โรงเรียนห้วยซ้อวทิ ยาคม รชั มังคลาภิเษก
ว่าด้วย “การเพ่ิมคะแนนความประพฤตินกั เรียน”
- ระเบียบโรงเรยี นห้วยซอ้ วทิ ยาคม รชั มงั คลาภเิ ษก วา่ ดว้ ย แนวปฏบิ ัตอิ อกนอกบรเิ วณโรงเรยี น”
- คณะกรรมการสภานกั เรยี น
- การแตง่ กายของนักเรยี นโรงเรียนห้วยซอ้ วิทยาคม รชั มงั คลาภิเษก
~5~
ขอ้ มูลพืนฐานของสถานศกึ ษาและทิศทางการพัฒนาคณุ ภาพสถานศกึ ษา
1. ข้อมลู ทว่ั ไป
ชือ่ สถานศึกษา โรงเรยี นห้วยซอ้ วทิ ยาคม รชั มงั คลาภิเษก
ท่ตี ัง เลขท่ี 139 หม่ทู ี่ 9 บา้ นใหมด่ อนแก้ว ถนน ชมภู - ทุง่ งิว้ ตาบลหว้ ยซ้อ อาเภอเชยี งของ จงั หวัด เชยี งราย
รหสั ไปรษณีย์ 57140 สงั กัด สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน สานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษา
มธั ยมศึกษา เขต 36
Latitude: ละตจิ ดู / Longitude: ลองจิจูด 20.080513899541106/100.30684046955867
ปรชั ญาโรงเรยี นในโครงการเฉลิมพระเกียรติ “รักษศ์ กั ด์ศิ รี มีคุณธรรม นาวชิ าการ สบื สานงานพระราชดาริ”
ปรชั ญาโรงเรียน “ใฝศ่ ึกษา มารยาทดี สามัคคีเดน่ เน้นกฬี า”
คตพิ จน์ “สกิ ขา ชีวิตตัง โรเจติ” การศกึ ษานาชวี ติ ให้รุง่ โรจน์
สีประจาโรงเรียน นา้ เงนิ – เหลอื ง
อักษรยอ่ ห.ซ.ว. (หอจดุ ซอจุดวอจุด)
ชือ่ ภาษาองั กฤษ Huayso Wittayakhom Ratchamangklaphisek School
โทรสาร 053191705
โทรศพั ท์ 053191705
อเี มล์ [email protected]
เวบ็ ไซต์ http://www.hsw.ac.th
รหัสโรงเรียน 10 หลัก 1057120707
รหัสโรงเรียน 8 หลัก 57042003
ประเภทโรงเรยี น/โครงการ
-โรงเรียนเศรษฐกจิ พอเพยี ง
-โรงเรยี นปลอดยาเสพติด (โรงเรียนสขี าว)
-โรงเรยี นท่ีกอ่ ตง้ั ขน้ึ ตามพระราชพิธรี ัชมงั คลาภเิ ษก
ขนาดโรงเรยี น โรงเรยี นขนาดเล็ก
จานวนห้องแต่ละชน้ั รวม 6 ระดบั 21 ห้อง
ระดับ ม.1 ม.2 ม.3 ม.4 ม.5 ม.6
จานวนหอ้ ง 3 3 3 4 4 4
แหลง่ นาท่ี ร.ร.ใช้ แหลง่ น้าบาดาล
แหลง่ จา่ ยไฟฟ้า การไฟฟา้ ขนาดหมอ้ แปลง 50.0 (KVA) มิเตอรไ์ ฟฟ้า 100.0 AMP ประเภทเฟสไฟฟา้
จานวน 3 เฟส
พืนทีโ่ รงเรยี น 47 ไร่ 81.2 ตารางวา
ชอื่ - สกุล ~6~ ระยะเวลาดารงตาแหน่ง
1 ม.ิ ย. 2531 – 30 พ.ย. 2533
1 นายบญุ ลือ ปาระมี ทาเนยี บผบู้ ริหาร 1 ธ.ค. 2533 – 31 ต.ค. 2535
ตาแหน่ง 1 พ.ย. 2535 – 31 ต.ค. 2537
2 นายสมเจตน์ รตั นสวุ รรณี ครใู หญ่ 1 พ.ย. 2537 – 14 มี.ค. 2542
อาจารย์ใหญ่ 15 ม.ี ค. 2542 – 3 ธ.ค. 2544
3 นายสุเมธ เจตปยิ ะวัฒน์ อาจารยใ์ หญ่ 11 ธ.ค. 2544 – มกราคม 2545
4 นายวรทัศน์ บญุ โคตร ผอู้ านวยการ มกราคม 2545 – 26 มิ.ย. 2549
5 นายสรุ ินทร์ กันคา ผอู้ านวยการ กรกฎาคม2549 – ธนั วาคม 2553
6 นายชยั วฒั นร์ ณิ พฒั น์ ผูอ้ านวยการ 12 พฤษภาคม 2554 – 2558
7 นายบุญธรรม ดอกสนธิ์ ผู้อานวยการ
8 นายสุชาติ ศรธี ินนท์ ผอู้ านวยการ 4 ธนั วาคม 2558 – ปจั จุบนั
ผ้อู านวยการ
ผู้อานวยการ
2. ข้อมูลด้านการบริหาร ศรีธนิ นท์ ผ้อู านวยการโรงเรยี นห้วยซ้อวทิ ยาคม รชั มังคลาภเิ ษก
ผอู้ านวยการ
นายสุชาติ
ฝ่ายบรหิ าร โสประดษิ ฐ์ รก.รองผอู้ านวยการคนท่ี 1 หวั หน้าฝา่ ยกิจการนกั เรียน
นายพีระ ถาแหลง่ รก.รองผู้อานวยการคนที่ 2 หวั หนา้ ฝ่ายวชิ าการ
วิชา รก.รองผู้อานวยการคนที่ 3 หัวหน้าฝ่ายบรหิ ารท่ัวไป
นางหทยั ชนก วงศา รก.รองผอู้ านวยการคนท่ี 4 หัวหนา้ ฝ่ายอานวยการ
นายสงา่ ศรีทอง รก.รองผอู้ านวยการคนที่ 5 หัวหน้าฝ่ายแผนและนโยบาย
นางสาวศิรเิ ดียว
นางสาวกชพรรณ
เปดิ สอน ระดบั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ถงึ ระดบั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6
~7~
ตราประจาโรงเรียน
เครื่องหมายของโรงเรียน
สตี วั อกั ษร “ภ.ป.ร.”สเี หลอื งทอง เป็นอกั ษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร.
สเี หลอื งทอง หมายถงึ ความเจรญิ รงุ่ เรืองย่งิ ของประเทศชาติและประชาชน
พืนสนี าเงินเจือทอง หมายถึง สีประจาสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์
สีเหลือง หมายถึง อันเป็นสีประจาวันพระราชบรมราชสมภพ พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร
มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร รชั กาลท่ี ๙ ภายใตพ้ ระมหาพชิ ัย
มงกุฎ 9 ชนั้ เปล่งรศั มีรอบ 17 แฉก
พระมหาพชิ ัยมงกุฎอยู่ด้านบน หมายถงึ เปน็ เคร่ืองแสดงถงึ ความเป็นพระมหากษัตรยิ ์แหง่ พระมหาจักรี
บรมราชวงศ์
อณุ าโลมหรอื ประกอบเลขมหามงคลประจารัชกาลที่ ๙
เลข ๙ หมายถึง รชั กาลท่ี ๙ ทรงรับพระราชภาระอนั หนกั ยง่ิ ของแผ่นดินเพ่ือประโยชนส์ ขุ
ของประชาชน
อุณาโลม หมายถงึ วงกลมคลา้ ยก้นหอย หรือจุดวงกลมทีอ่ ยู่บนหนา้ ผากของพระพุทธรูป แสดงถึงการ
ตรัสรู้ เป็นสัญลักษณข์ องดวงตาที่สาม จุดทเี่ ปดิ ใหเ้ ห็นโลกแห่งความทกุ ขข์ องทกุ
สรรพสิง่ ถอื เปน็ ลกั ษณะสาคญั 1 ใน 32 ประการของพระสัมมาสมั พทุ ธเจา้ -
สมณโคดมผู้เปน็ มหาบุรษุ อณุ าโลมเป็นลกั ษณะลาดับที่ 31 ของมหาบุรษุ เปน็ จดุ
ท่ีสอ่ งแสงสีขาวออกมาจากบรเิ วณระหวา่ งค้ิวทั้งสองข้าง
แถบแพรผา้ สนี าเงนิ พระราชทาน หมายถงึ สขี องพระมหากษตั ริย์ ภายในจารึกอักษร
“โรงเรียนห้วยซอ้ วิทยาคม รัชมังคลาภิเษก ” พระมหากษัตริย์ รัชกาลท่ี ๙ พระราชทาน
“พระราชพธิ รี ัชมังคลาภเิ ษก วนั ท่ี ๒ กรกฎาคม พุทธศกั ราช ๒๕๓๑”
เม่อื วันท่ี ๒ กรกฎาคม ๒๕๓๑ นับเป็นมหามงคลสมัยของเหลา่ ปวงชนชาวไทยและประเทศไทย เนื่องใน
วโรกาสพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราชบรมนาถบพติ รอดุลยเดช (รชั กาลท่ี ๙)
ทรงดารงสริ ิราชสมบตั เิ ปน็ เวลานานถึง ๔๒ ปี ๒๒ วนั ซึง่ เทยี บเทา่ กับพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั
สมเดจ็ พระบรมอยั กาธิราช (รัชกาลที่ ๕) และเปน็ ระยะเวลายืนยาวนานท่สี ดุ กวา่ พระมหากษตั ริย์ ทุกพระองคใ์ น
พระราชพงศาวดารในสยามประเทศ
กระทรวงศึกษาธกิ ารประกาศจดั ต้ังโรงเรยี นมัธยมศกึ ษาทว่ั ประเทศเพม่ิ ข้ึนอีก ๓๐ โรงเรียน
~8~
กล่มุ โรงเรยี นรชั มังคลาภิเษก ๓๐ โรงเรียน
รฐั บาลจัดต้ังโรงเรยี นระดับสามญั ศกึ ษาเพ่อื เปน็ ที่ระลกึ ในโอกาสมหามงคลน้ี มดี งั นี้
โรงเรียนหว้ ยซอ้ วิทยาคม รชั มังคลาภิเษก อาเภอเชียงของ จงั หวดั เชียงราย
โรงเรยี นดอยหลวง รชั มังคลาภิเษก อาเภอดอยหลวง จงั หวัดเชยี งราย
โรงเรียนไตรเขตประชาสามัคคี รชั มังคลาภเิ ษก อาเภอสองแคว จงั หวัดนา่ น
โรงเรยี นสาธกุ จิ ประชาสรรค์ รชั มงั คลาภิเษก อาเภอเวียงสา จังหวัดนา่ น
โรงเรียนโป่งหลวงวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก อาเภอเมอื งลาปาง จงั หวดั ลาปาง
โรงเรยี นนครชมุ พิทยา รัชมังคลาภิเษก อาเภอนครไทย จงั หวดั พิษณโุ ลก
โรงเรียนศรจี นั ทร์วทิ ยาคม รชั มังคลาภิเษก อาเภอหล่มสกั จงั หวัดเพชรบรู ณ์
โรงเรียนไกรในวิทยาคม รชั มงั คลาภิเษก อาเภอกงไกรลาศ จงั หวัดสโุ ขทัย
โรงเรียนนา้ พองพฒั นศึกษา รชั มงั คลาภเิ ษก อาเภอนา้ พอง จังหวัดขอนแกน่
โรงเรยี นเหล่าคามพิทยาคม รัชมงั คลาภเิ ษก อาเภอเซกา จังหวดั บึงกาฬ
(ขณะนนั้ ยังขน้ึ กับจังหวดั หนองคาย)
โรงเรยี นหนองยองพิทยาคม รัชมงั คลาภเิ ษก อาเภอปากคาด จงั หวดั บึงกาฬ
(ขณะน้ันยงั ขน้ึ กบั จังหวดั หนองคาย)
โรงเรยี นนาไหมพทิ ยาคม รัชมงั คลาภิเษก อาเภอบ้านดงุ จังหวดั อุดรธานี
โรงเรียนปอพานพทิ ยาคม รชั มงั คลาภิเษก อาเภอนาเชือก จังหวดั มหาสารคาม
โรงเรียนดงใหญว่ ิทยาคม รชั มังคลาภิเษก อาเภอวาปีปทุม จงั หวัดมหาสารคาม
โรงเรียนนาเยยี ศกึ ษา รัชมังคลาภิเษก อาเภอนาเยยี จงั หวัดอุบลราชธานี
โรงเรยี นหนามแท่งพทิ ยาคม รชั มังคลาภเิ ษก อาเภอศรีเมอื งใหม่ จงั หวัดอบุ ลราชธานี
โรงเรียนกกตมู ประชาสรรค์ รชั มังคลาภิเษก อาเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร
โรงเรียนโนนคณู วทิ ยาคารรชั มังคลาภิเษก อาเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ
โรงเรียนนางแดดวงั ชมภูวิทยา รชั มงั คลาภิเษก อาเภอหนองบัวแดง จังหวดั ชัยภมู ิ
โรงเรียนรมยบ์ ุรพี ิทยาคม รชั มงั คลาภิเษก อาเภอบ้านดา่ น จงั หวัดบุรรี ัมย์
โรงเรียนพอกพิทยาคม รชั มงั คลาภิเษก อาเภอปรางค์กู่ จงั หวดั ศรีสะเกษ
โรงเรยี นทงุ่ ไชยพิทยา รัชมังคลาภิเษก อาเภออทุ มุ พรพิสยั จงั หวดั ศรีสะเกษ
โรงเรียนรามวทิ ยา รัชมงั คลาภเิ ษก อาเภอเมอื งสุรินทร์ จังหวัดสรุ ินทร์
โรงเรียนตาคงวทิ ยา รชั มงั คลาภเิ ษก อาเภอสงั ขะ จงั หวัดสรุ ินทร์
โรงเรียนนวลนรดิศวทิ ยาคม รชั มังคลาภเิ ษก เขตบางบอน กรงุ เทพมหานคร
โรงเรยี นไผด่ าวิทยาคม รัชมงั คลาภิเษก อาเภอบางน้าเปรยี้ ว จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา
โรงเรียนสะตอวทิ ยา รัชมงั คลาภเิ ษก อาเภอเขาสมงิ จงั หวัดตราด
โรงเรียนรม่ เกล้าวัฒนานคร สระแก้ว รชั มงั คลาภิเษก อาเภอวฒั นานคร จงั หวัดสระแก้ว
โรงเรยี นเสวียดวิทยา รัชมังคลาภิเษก อาเภอทา่ ฉาง จังหวัดสรุ าษฎร์ธานี
โรงเรียนท่งุ ใหญ่เฉลิมราชอนสุ รณ์ รชั มังคลาภเิ ษก อาเภอทงุ่ ใหญ่ จงั หวัดนครศรีธรรมราช
โรงเรยี นบางกล่าวทิ ยา รัชมงั คลาภเิ ษก อาเภอบางกลา่ จังหวัดสงขลา
~9~
เอกลักษณ์“รชั มังคลาภเิ ษกมหามงคล ผองชนยึดม่ันทาความดี วิถีชีวติ พอเพียง”
รัชมังคลาภเิ ษกมหามงคล ความหมาย โรงเรยี นห้วยซ้อวิทยาคม รชั มงั คลาภเิ ษก เปน็ โรงเรยี นท่กี อ่ ต้งั ขึ้นตาม
พระราชพธิ รี ชั มังคลาภเิ ษก ซ่ึงเป็นพธิ ีมหามงคลท่จี ดั ข้นึ เพ่อื เป็นการเฉลมิ ฉลองเน่อื งในวโรกาสท่ี
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช ทรงครองสริ ิราชสมบตั ยิ าวนานยิง่ กว่าสมเดจ็ พระ
บูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ในประวัตศิ าสตรช์ าติไทย นบั ต้งั แต่วันที่ 9 มถิ นุ ายน พทุ ธศกั ราช 2489 ถึง
วันท่ี 2 กรกฏาคม พทุ ธศกั ราช 2531 เปน็ เวลา 42 ปี 23 วนั
ผองชนยดึ มน่ั ทาความดี ความหมาย นกั เรียนและบุคลากรในโรงเรียน ม่งุ มัน่ ทาความดตี ามรอยเบื้องยคุ ลบาท
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั ภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช ในวนั สาคญั ตา่ ง ๆ เขา้ วดั ฟังธรรม ลด ละ เลิก
อบายมุข มีจิตสาธารณะทเ่ี น้นการชว่ ยเหลือซึง่ กันและกนั เช่น โครงการเศรษฐกจิ พอเพียง ฯลฯ
วถิ ีชีวิตพอเพยี ง ความหมายการปฏิบัติตนตามแนวคดิ เศรษฐกิจพอเพียง มีความเปน็ อยอู่ ย่างพอเพียงพอ
ตามอัตภาพที่เหมาะสมกับตนเอง เห็นแก่ประโยชนส์ ว่ นรวมมากกวา่ ประโยชนส์ ่วนตน อยูร่ ว่ มกนั กบั
ผู้อ่ืนอย่างเอ้อื เฟ้อื เผอ่ื แผ่ และรักส่ิงแวดล้อม เหน็ คุณค่าของ วัฒนธรรม ค่านยิ ม เอกลักษณ์ความเป็น
ไทย และการดาเนินชวี ิตแบบเรยี บง่าย
อตั ลกั ษณ์ “อยู่อย่างพอเพยี ง ตามรอยเบอื งยุคลบาท”
ความหมาย นกั เรยี นและบคุ ลากรโรงเรยี น ปฏิบตั ิตนโดยการนอ้ มนาพระบรมราโชวาทของสมเด็จพระ
เจ้าอยหู่ วั เกย่ี วกับการดาเนนิ ชวี ิต หลักธรรมและการทรงงาน เพื่อเป็นแนวทางในการดาเนินชวี ิต
พ่ึงตนเองได้ มคี วามประหยดั ช่วยเหลือสงั คม
ปณธิ าน “รกั ษศ์ ักดิศ์ รี มคี ณุ ธรรม นาวชิ าการ สบื สานงานพระราชดาริ”
รกั ษศ์ ักด์ิศรี นกั เรียนมคี วามภาคภมู ิใจที่เป็น นักเรียนโรงเรียนหว้ ยซ้อวทิ ยาคม รชั มังคลาภิเษก
มคี ุณธรรม นักเรียนได้รบั การปลกู ฝังเปน็ ผู้ที่ มศี ีลธรรม มีความเมตตา กรุณา และเสยี สละเพ่ือส่วนรวม
นาวิชาการ เป็นผูใ้ ฝ่เรยี นรู้ ได้รบั รางวลั ในการแขง่ ขันทักษะวิชาการ มีผลการทดสอบระดบั ชาตโิ อเน็ตสงู ขึ้น
สบื สานงานพระราชดาริ นักเรียนปฏิบัติโครงการตามแนวพระราชดาริของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว
~ 10 ~
ประวตั ิโรงเรียน
โรงเรียนห้วยซอ้ วิทยาคม รัชมังคลาภิเษก กอ่ ตัง้ โดยการร่วมมอื ของประชาชนชาวตาบลหว้ ยซอ้ และตาบล
ศรีดอนชัย โดยทางสภาตาบลห้วยซ้อ มีกานันแปง ตาคา เป็นผู้นา และมีผู้บริหาร-ครูอาจารย์จากโรงเรียน
ประถมศึกษาประกอบ ด้วยนายไชยยา ไชยเขียวอาจารย์ใหญ่โรงเรียนบ้านแก่น และนายบุญศรี มิตกิตติ อาจารย์
ใหญ่โรงเรียนบ้านเกี๋ยง ในขณะนั้น ได้เตรียมการเร่ืองท่ีดินและงานเอกสารต่าง ๆ ต่อมาทางสภาตาบลและนาย
นิเวศ ผลากอง ผอู้ านวยการโรงเรียนบา้ นเก๋ียง ประกอบกบั ครูประถมศึกษาท่อี าสามาชว่ ยสอนอีก 3 ท่านคือ
นายสมคิด พอใจ , นายสมชาย ไชยเขยี ว และนายสมศกั ดิ์ ไตรโยธี ได้ร่วมกนั ดาเนินการต่อ และทางโรงเรยี น
มัธยมศึกษานั้น นายพชิ ติ ไชยเขยี วจากโรงเรยี นเชียงของวทิ ยาคมได้มาชว่ ยจัดการ เตรียมการเปิดเรยี นทง้ั หมด
วัตถุประสงค์ของการต้ังโรงเรียนใหม่ เพื่อรองรับนักเรียนท่ีจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในเขต ตาบลห้วยซ้อ และ
ตาบลใกล้เคียง ได้มีโอกาสเข้ารับการศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จึงได้ดาเนินการขอจัดตั้ง โรงเรียนตอ่
สานักงานศึกษาธิการอาเภอเชียงของ และได้ประสานงานกับทางคณะกรรมการสามัญศึกษาจังหวดั เชียงรายและ
ทางสภาตาบลห้วยซ้อ ได้จัดสร้างอาคารเรียนช่ัวคราวขึ้นที่ บ้านใหม่ดอนแก้ว หมู่ที่ 9 ตาบลห้วยซ้อ อาเภอเชียง
ของ จังหวัดเชียงราย บนเนอ้ื ท่ี 47 ไร่ 81.2 ตารางวา การก่อสร้างอาคารเรียนหลงั แรกได้รับความชว่ ยเหลือจาก
ชมรมผู้บาเพ็ญ ประโยชน์ มศว.ประสานมิตร และประชาชนในตาบล ในวั นท่ี 31 มีนาคม 2531
กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศจัดตั้งโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วประเทศเพ่ิมข้ึน อีก 30 โรงเรียน โรงเรียนห้วยซ้อ
วิทยาคม เป็น 1 ใน 30 โรงเรียนท่ีได้รับการประกาศจัดต้ังในครั้งน้นั วันที่ 16 พฤษภาคม 2531 โรงเรียนห้วย
ซ้อวิทยาคม เร่ิมเปิดดาเนินการเรียนการสอน มีนักเรียน จานวน 87 คน วันท่ี 1 มิถุนายน 2531 กรมสามัญ
ศกึ ษาไดแ้ ตง่ ต้งั นายบุญลอื ปาระมี ตาแหน่งอาจารย์ 2 โรงเรยี นแม่สายประสิทธ์ิศาสตร์ มาเปน็ ผบู้ รหิ ารโรงเรียน
และขอข้าราชการครูสังกัดสานักงานประถมศึกษาอาเภอเชียงของ จานวน 3 คน มาช่วยราชการท่ีโรงเรียนวันที่
31 สิงหาคม 2531 กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศใหโ้ รงเรยี นท่จี ัดต้ังขึ้นในปี พ.ศ. 2531 ซง่ึ มี 30 โรงเรียน ทวั่
ประเทศ ให้ใช้คาว่า “รัชมังคลาภิเษก” ต่อท้ายช่ือโรงเรยี นเดมิ เพื่อร่วมเฉลิมพระเกยี รติ เน่ืองในวโรกาสพระราช
พิธี รัชมังคลาภิเษก ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวทรงสิริราชสมบัติยาวนานท่ีสุดในราชวงศ์จักรี ดังนัน้
โรงเรยี นหว้ ยซ้อวทิ ยาคม จึงเปลีย่ นชือ่ เป็น โรงเรยี นห้วยซอ้ วทิ ยาคม รัชมงั คลาภิเษก ตัง้ แต่นัน้ เป็นตน้ มา
~ 11 ~
วสิ ัยทัศน์
รกั ษ์ศักดิ์ศรี นักเรยี นมีความภาคภมู ิใจท่ีเป็น นกั เรยี นโรงเรียนห้วยซ้อวทิ ยาคม รัชมังคลาภิเษก
มีคุณธรรม มีศีลธรรม มีความเมตตา กรุณา มีวนิ ยั เสียสละเพอื่ ส่วนรวม
นาวิชาการ นักเรยี นมคี วามใฝร่ ใู้ ฝ่เรียน สง่ ผลใหไ้ ดร้ บั รางวัลในการแข่งขันทักษะวิชาการ มผี ลการทดสอบ
ระดับชาติสงู ข้ึน
สืบสานงานพระราชดาริ ยึดมัน่ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุข ไดป้ ฏิบตั ิตนตามแนว
พระราชดาริตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั
มีความเปน็ ไทย สืบสานวัฒนธรรมล้านนา อยูใ่ นสงั คมได้อย่างมีความสขุ
พนั ธกจิ
1. ส่งเสรมิ และพัฒนาผ้เู รยี นใหม้ คี ณุ ภาพตามมาตรฐานการศึกษาของโรงเรียนและ มาตรฐานสากล
2. สง่ เสริมและพัฒนา ภาคเี ครอื ขา่ ย และกรรมการสถานศกึ ษาให้ปฏบิ ตั งิ านตามบทบาทหน้าที่
อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และเกดิ ประสิทธผิ ลตามมาตรฐานสากล
3. ส่งเสรมิ และพัฒนา การจัดกระบวนการเรยี นรู้ และกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี นให้สง่ ผล
ตอ่ การพฒั นาผ้เู รียนอยา่ งรอบด้าน
4. สง่ เสริมและพัฒนาโรงเรียนใหม้ สี ภาพแวดล้อม และสง่ เสริมใหผ้ ู้เรียนพัฒนาเตม็ ศกั ยภาพ
5. ส่งเสรมิ และพัฒนาโรงเรียนให้มีการประกนั คุณภาพภายในตามที่กาหนดในกฎกระทรวง
6. สง่ เสริม สนบั สนนุ และพัฒนาโรงเรียนใหเ้ ป็นสังคมแหง่ การเรียนรู้
7. สง่ เสริมและพฒั นาโรงเรียนให้บรรลเุ ป้าหมาย ตามวสิ ยั ทัศน์ ปรัชญาและจุดเนน้ ท่กี าหนด
8. จดั กจิ กรรมตามนโยบาย จุดเนน้ แนวทางการปฏิรูปการศึกษา เพื่อพัฒนาและสง่ เสรมิ
โรงเรียนให้ยกระดับคณุ ภาพสูงขึ้น
9. ส่งเสรมิ และพัฒนาผู้เรียนในการอนุรักษแ์ ละสืบสานวฒั นธรรมลา้ นนา ดารงตนตาม
หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
เป้าหมาย
1. เพื่อให้ฝ่ายกจิ การนักเรียน เป็นเอกภาพ เกดิ ความคล่องตวั ในการทางานรว่ มกับงานสว่ นต่างๆ
ท่เี กีย่ วข้องกบั การศึกษาโดยเฉพาะอย่างยง่ิ ในโรงเรียนและนอกโรงเรยี น มีหลักธรรมมาภิบาล โปร่งใส
ตรวจสอบได้ เพือ่ ใหส้ ามารถบรรลุวสิ ยั ทัศน์ท่ีกาหนดไว้
2. เพื่อให้ผู้เรียนเป็นพลเมืองดีมีคุณธรรมเป็นพลเมือง ที่มีความรู้ ทักษะมีทัศนคติท่ีดีและถูกต้องต่อ
บ้านเมือง มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคงเข้มแข็ง มีระเบียบ วินัย มีความอดทน เข้มแข็ง มีความฉลาดรู้สารสนเทศความ
ฉลาดรูส้ ่อื เรียนรู้ตลอดชวี ติ ตลอดจนรกู้ ติกามารยาทจริยธรรมเกี่ยวกับการใชส้ ่ือและการส่ือสารบนอินเทอรเ์ น็ต
3. การเตรยี มความพรอ้ มมีความรู้ทักษะท่ีจาเป็น รองรับการเปล่ยี นแปลงของโลกในศตวรรษที่ ๒๑
4. มีคุณลักษณะตามมาตรฐานการศึกษาชาติ มีคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ โดยน้อมนาพระราโชบายดา้ น
การศึกษาของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั เป็นแบบอย่างของชวี ิต
~ 12 ~
อตั ลักษณข์ องสถานศึกษา
อยูอ่ ย่างพอเพยี ง ตามรอยเบื้องยุคลบาท
เอกลักษณข์ องสถานศึกษา
“รัชมงั คลาภเิ ษกมหามงคล ผองชนยึดมัน่ ทาความดี”
มาตรการ
1. สง่ เสริม สนับสนนุ การนาเทคโนโลยสี ารสนเทศมาใช้ในการบริหารจดั การ
2. สง่ เสริมการทางานเปน็ ทมี มสี ่วนรว่ มในการทางานมกี ารสรา้ งขวญั กาลงั ใจอยา่ งหลากหลาย
3. สง่ เสริมนักเรียน ไดร้ บั การอบรมและศึกษาดงู าน การนาภมู ปิ ัญญาท้องถ่ินมาประยกุ ต์ใช้
4. สง่ เสรมิ การเรยี นรู้จากแหลง่ เรยี นรู้ชุมชน เพ่ือสนับสนนุ การเรียนการสอนท่เี น้นผ้เู รียนเป็นสาคญั
5. ส่งเสรมิ ทักษะความสามารถพิเศษ ด้านคณุ ธรรม และความสนุ ทรียภาพทั้งดา้ นศิลปะ ดนตรี และกฬี า
6. ส่งเสรมิ การจดั กระบวนการดูแลช่วยเหลือนกั เรียน ใหน้ กั เรยี นได้ทางานในรูปแบบขององคก์ รนักเรยี น
7. พัฒนาระบบงานประกันคุณภาพ การประเมินภายในสถานศึกษา เพ่ือรองรับการประเมนิ ภายนอก
8. ส่งเสริมสร้างและสงิ่ แวดล้อมของโรงเรียน โดยโครงการธนาคารขยะ โครงการปลูกวนั แมเ่ กี่ยววนั พ่อ
9. สง่ เสรมิ ให้นกั เรียนมีรายไดร้ ะหวา่ งเรียนโดยโครงการปลูกผกั สวนครัว โครงการกระถางดอกไม้
10.ส่งเสรมิ สนบั สนนุ ทกั ษะความสามารถพเิ ศษ แข่งขันงานศิลปหตั ถรรม ดนตรี กฬี า และศลิ ปะ
11.พฒั นาระบบการบรหิ ารโดยใหโ้ รงเรียนเปน็ ฐาน (SBM) SCHOOL BASED MANAGEMENT สนับสนนุ
ให้คณะกรรมการสถานศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน และเครอื ขา่ ยผ้ปู กครอง ชุมชน มสี ว่ นรว่ มในการบรหิ ารจดั การ
แผนยทุ ธศาสตรก์ ระทรวงศึกษาธิการ (พ.ศ. ๒๕๖๓ – ๒๕๖๕)
แผนแม่บทภายใตย้ ุทธศาสตรช์ าติ (พ.ศ.๒๕๖๑ – ๒๕๘๐)
ด้านนักเรยี น
1. เพอ่ื การเรียนรวู้ ธิ กี ารเรยี นรูใ้ นการเรยี นรตู้ ลอดชีวติ มคี วามรู้ มคี ุณธรรม มีทกั ษะ
2. มีทัศนคติทีถ่ ูกต้องตอ่ บ้านเมืองและเป็นพลเมืองที่เขม้ แขง็
3. มีความฉลาดร้สู ารสนเทศ ความฉลาดรู้ส่อื ตลอดจนรู้กติกามารยาทจริยธรรมเก่ียวกับการใช้สือ่
และการส่อื สารบนอนิ เทอร์เน็ต
4. เพอ่ื ให้ผูเ้ รียนมคี วามรทู้ ักษะท่ีจาเปน็ ในศตวรรษที่ ๒๑ และคุณลกั ษณะตามมาตรฐานการศึกษาชาติ
5. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นมกี ารเตรยี มความพร้อมรองรบั การเปลี่ยนแปลงของโลกในศตวรรษท่ี ๒๑
6. เพ่อื ใหผ้ ้เู รยี นเป็นคนไทยทีม่ ีคุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ โดยน้อมนาพระราโชบายดา้ นการศึกษา
ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว คอื การศกึ ษาตอ้ งสร้างใหค้ นไทยมีคณุ สมบตั ไิ ดแ้ ก่มีทัศนคติที่ดแี ละ
ถูกตอ้ งมีพืน้ ฐานชวี ติ ที่มัน่ คงเขม้ แข็ง มีระเบยี บ วนิ ยั มีความอดทน มงี านทามีอาชพี และเป็นพลเมืองดี
~ 13 ~
คา่ นยิ มหลกั ของคนไทย 12 ประการ ตามนโยบายของ คสช.
1. มคี วามรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2. ซอื่ สัตย์ เสยี สละ อดทน มอี ดุ มการณ์ในสง่ิ ทด่ี ีงามเพอ่ื สว่ นรวม
3. กตญั ญูตอ่ พอ่ แม่ ผปู้ กครอง ครูบาอาจารย์
4. ใฝห่ าความรู้ หมน่ั ศึกษาเลา่ เรยี นทั้งทางตรง และทางออ้ ม
5. รกั ษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอนั งดงาม
6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวงั ดีต่อผู้อน่ื เผอื่ แผ่และแบ่งปัน
7. เข้าใจเรียนรกู้ ารเปน็ ประชาธปิ ไตย อันมพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมขุ ท่ถี ูกตอ้ ง
8. มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้นอ้ ยร้จู ักการเคารพผ้ใู หญ่
9. มสี ติรู้ตวั รคู้ ดิ ร้ทู า รูป้ ฏิบัติตามพระราชดารัสของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั
10. ร้จู ักดารงตนอยู่โดยใชห้ ลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งตามพระราชดารสั ของ
พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว รจู้ ักอดออมไว้ใชเ้ มอ่ื ยามจาเปน็ มไี วพ้ อกนิ พอใช้ ถา้ เหลือกแ็ จกจ่าย
จาหนา่ ย และพร้อมที่จะขยายกจิ การ เมอื่ มคี วามพรอ้ ม เมื่อมภี มู ิคุม้ กนั ทดี่ ี
11. มคี วามเขม้ แขง็ ทงั้ รา่ งกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพต้ ่ออานาจฝ่ายต่า หรือกเิ ลส มีความละอาย
เกรงกลัวตอ่ บาป ตามหลกั ของศาสนา
12. คานึงถงึ ผลประโยชน์ของส่วนรวม และของชาติมากกวา่ ผลประโยชน์ของตนเอง
8 คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ นกั เรียนโรงเรียนหว้ ยซอ้ วทิ ยาคม รัชมงั คลาภเิ ษก
1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
2. ซื่อสัตย์ สุจรติ
3. มีวินัย
4. ใฝเ่ รียนรู้
5. อยู่อย่างพอเพียง
6. ม่งุ ม่นั ในการทางาน
7. รกั ความเป็นไทย
8. มจี ิตสาธารณะ
5 สมรรถนะสาคัญ นกั เรยี นโรงเรียนห้วยซอ้ วิทยาคม รชั มังคลาภิเษก
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
~ 14 ~
แผนยุทธศาสตร์กระทรวงศกึ ษาธิการ (พ.ศ. ๒๕๖๓ – ๒๕๖๕)
ดา้ นความเป็นครู
1. มจี ิตวิญญาณของความเป็นครู
2. ครสู ามารถปรับบทบาทเป็นผู้อานวยการเรียนรู้
3. การเรยี นรูท้ ี่ม่งุ เน้นพหปุ ญั ญาของผเู้ รยี นตามศกั ยภาพ
จติ วิญญาณความเปน็ ครู
“…ครูทแี่ ทจ้ ริงน้ันต้องเปน็ ผ้ทู ่ที าแต่ความดี คือตอ้ งหมน่ั ขยัน และอตุ สาหะพากเพยี ร ตอ้ งเออื้ เฟื้อเผื่อแผ่
และเสียสละ ต้องหนกั แน่นอดทนและอดกลนั้ สารวมระวงั ความประพฤติปฏบิ ตั ขิ องตนให้อยใู่ นระเบียบ
แบบแผนท่ีดงี าม รวมทง้ั ต้องซื่อสตั ย์ รักษาความจริงใจวางใจเปน็ กลาง ไมป่ ล่อยไปตามอานาจอคติ...”
พระราชดารัส พระราชทานแกค่ รอู าวุโส.
(28 ตุลาคม 2523). อา้ งถงึ ใน กรมประชาสัมพนั ธ์
สานกั นายกรัฐมนตรี
กลา่ วโดยสรุป จิตวญิ ญาณ คอื ความรสู้ ึกอนั เป็นความรแู้ จง้ ในจติ ใจของจนวา่ อะไรดี อะไรช่ัว อะไรควรทาหรือไม่
ควรทา ซง่ึ นับว่าเป็นสว่ นประกอบที่สาคญั ยงิ่ ของความเป็นมนุษย์และสรรพสิง่ ท้ังหลายทัง้ ปวง คอื ความเป็นผู้มี
จิตใจอันประเสรฐิ
จติ วญิ ญาณของครู หมายถงึ ความรูส้ กึ ในความเปน็ ครู หมายความวา่ รู้ถงึ บทบาทหนา้ ท่ีและความ
รบั ผดิ ชอบของครูตลอดเวลาและไดป้ ฏบิ ัตหิ นา้ ท่ีของครู โดยยึดถืออดุ มการณ์ของครเู ปน็ แนวทางอยู่เสมอ
ท่ีมาของจิตวิญญาณความเปน็ ครู
ครทู ีด่ ีต้องมี 3 สุ (สุ แปลว่า ดี)
1. สุวิชาโน >> มีความรู้ดี
2. สุสาสโน >> สอนดี มเี ทคนิคดี มีการเตรยี มการทดี่ ี
3. สปุ ฏปิ ัณโน >> มคี วามประพฤติดี
ครทู ด่ี ตี ้องมี 4 เตม็ (เตม็ หมายถึง มจี ติ ใจทุ่มเทใหศ้ ิษยเ์ ต็มที่)
1. สอนใหเ้ ตม็ หลกั สูตร
2. สอนให้เต็มเวลา
3. สอนด้วยความเต็มใจ
4. สอนเตม็ ความสามารถ
ครูท่ีดีตอ้ งมีคุณสมบัตขิ องครูทด่ี ี 7 ประการ
1. ประพฤตติ วั ใหเ้ ป็นที่รัก (ปิโย)
2. มใี จหนักแนน่ ทาตนใหน้ ่ายาเกรง (ครุ)
3. อบรมตนเองสมา่ เสมอ (ภาวนโิ ย)
4. ฉลาดสอน ฉลาดพูด (วตฺตา)
5. อดทนต่อถอ้ ยคาล่วงเกนิ (วจนกขฺ โม)
6. พูดเร่อื งลกึ ซึง้ ให้เข้าใจลึกซ้งึ ได้ (คมภฺ รี กถ กตฺตา)
7. ไมช่ กั นาศษิ ย์ไปในทางเสยี หาย (โน จฎฺฐาเน นิโยชเย)
~ 15 ~
จดั การเรยี นรู้ที่มุ่งเนน้ พหปุ ญั ญาของผ้เู รยี นตามศักยภาพ
พหุปญั ญา 8 ประการของ Dr. Howard Gardner
พหุปญั ญา 8ประการของ Dr. Howard Gardner
ทฤษฎีพหุปญั ญาคิดค้นขน้ึ โดย Dr. Howard Gardner ในปี คศ. 1983
เพื่อชี้ชัดถึงมโนทัศน์ของความฉลาด และแจกแจงวิธีวัดความฉลาด ซึ่งมีหลากหลาย (ภาษาไทยเรียกพหุ
ปัญญา) ว่าเป็นวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง ทฤษฎีของเขาอธิบายโต้แย้งว่าความฉลาด โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ตามท่ีเคย
ระบคุ วามหมายไวแ้ ตเ่ ดมิ ซ่ึงเรยี ก “ไอคิว” (IQ) น้นั ไมเ่ พียงพอท่ีจะช้นี าไปส่กู ารแสดงความสามารถของมนุษย์ท่ีมี
มากมายหลากหลาย ในความคิดของเขาเด็กท่ีฝึกคูณเลข (คณิตศาสตร์) ได้อย่างคล่องแคล่วไม่จาเป็นว่าจะฉลาด
กว่าคนท่ีคิดเลขไม่ค่อยได้ เด็กคนท่ีสองอาจมีปัญญาชนิดอ่ืนท่ีแกร่งกว่าก็ได้ ดังนั้นการเรยี นรทู้ ่ีดีท่ีสุดอาจเกิดจาก
วัตถุดบิ ที่ให้ผา่ นวธิ ีการท่ีต่างกนั เขาอาจจะทาได้ดใี นเรื่องท่ไี ม่ใช่คณิตศาสตร์หรืออาจจะกาลังดูผ่าน กระบวนการ
เรียนร้กู ารคณู ทร่ี ะดับพ้ืนฐานท่ีลึกซ้ึงกว่าซ่งึ ซ่อนศกั ยภาพ ทีเ่ หนอื ชั้นกวา่ ปญั ญาทางคณิตศาสตร์ไว้สงู กว่าคนที่แค่
จาหลกั คิดได้เทา่ นั้น
ประเภทของพหุปญั ญาตามการจาแนกของ Gardner
1. ปญั ญาด้านปฏิสมั พนั ธต์ อ่ ผู้อื่น (Interpersonal Intelligence)
ขอบเขตของปัญญาด้านนี้เก่ียวกับการปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่ืน ในทฤษฎีผู้ท่ีมีปัญญา ทางการปฏิสัมพันธ์สูงมี
แนวโน้มเอาใจใส่ต่อส่ิงภายนอก ลักษณะนิสัยตามการสัมผัสถึงอารมณ์ ความรู้สึก ภาวะจิตใจ แรงจูงใจของผ้อู นื่
สามารถร่วมไมร้ ่วมมอื เพื่อเป็นส่วนหนงึ่ ของทีมให้ได้สื่อสารอยา่ งมีประสิทธภิ าพเอาใจใส่ผู้อ่ืนได้ง่าย เป็นไดท้ ้ังผู้นา
และผตู้ าม ปกตเิ รียนรู้ไดด้ ที ี่สดุ ผา่ นการทางานร่วมกบั ผอู้ ่นื ชอบการได้อภิปรายถกเถียง
อาชพี ทเี่ หมาะสม ได้แก่ พนกั งานขาย นักการเมอื ง ผ้จู ดั การ ครู นักแสดง นกั สงั คมสงเคราะห์
ตัวอย่างผมู้ ชี ื่อเสียง เช่น บลิ คลินตัน คานธี โอปราห์ วนิ ฟรยี ์
2. ปญั ญาดา้ นปฏสิ มั พนั ธต์ ่อตนเอง (Intrapersonal Intelligence)
ขอบเขตของปัญญาด้านนี้จะเกี่ยวกับความสามารถในการใคร่ครวญและวิเคราะห์ตนเอง คนท่ีมีปัญญา
ประเภทนี้ มกั เป็นคนเก็บตวั และชอบทางานคนเดียว เปน็ คนระวงั ตัวสูง สามารถเขา้ ใจอารมณ์ เป้าหมาย และ
~ 16 ~
แรงจูงใจของตนเองได้ มักมีความเกี่ยวข้องกับการแสวงหาทางความคิด เช่น ปรัชญา จะเรียนรู้ได้ดีท่ีสุด เมื่อรับ
อนุญาตใหจ้ ดจอ่ สิ่งที่ตนสนใจ มีระดบั การเปน็ ผพู้ อใจในความเปน็ เลศิ สงู เนื่องมาจากปัญญาของเขา
อาชีพท่เี หมาะ คือ นกั ปรัชญา นกั จติ วทิ ยา นักศาสนศาสตร์ นกั เขียน เจ้าของกิจการ และนกั วิทยาศาสตร์
ตัวอย่างผ้มู ีชื่อเสยี ง เชน่ ฟรอยด์ บิล เกตส์ และเพลโต
3. ปญั ญาค้านตรรกะ-คณติ ศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence)
ขอบเขตของปญั ญาดา้ นนี้เก่ยี วกบั ตรรกะ นามธรรม การใช้เหตุผลและตวั เลข คนทมี่ ีปัญญาด้านนี้มักจะ
เกง่ คณติ ศาสตร์ หมากรุก การโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และกิจกรรมอน่ื ทเ่ี กีย่ วกับตัวเลขและตรรกะคานิยามที่
ถูกต้องตั้งอยู่บนการเน้นย้าบนความสามารถทางคณิตศาสตร์แบบเดมิ ความสามารถในการใช้เหตุผล การจดจา
รูปแบบ-เทยี บเคยี งกับมโนทัศน์เร่ืองปญั ญาแบบเดิมหรือ IQ ได้
อาชพี ที่เหมาะ คือ นักวิทยาศาสตร์ นกั คณิตศาสตร์ วิศวกร หมอ นกั เศรษฐศาสตร์
อาชพี ทเี่ หมาะ คือ นกั วทิ ยาศาสตร์ นกั คณิตศาสตร์ วิศวกร หมอ นกั เศรษฐศาสตร์
ผูท้ ่มี ชี อื่ เสยี ง เช่น อัลเบอรต์ ไอสไตน์ เออรว์ นิ ชโรดินเกอร์ จอห์น ดวิ อ้ี
4. ปญั ญาด้านการมองเหน็ -พืนที่ (Visual-Spatial Intelligence)
ขอบเขตของปัญญาด้านนเ้ี กี่ยวกับการตัดสินภาพและพื้นท่ี ผู้ที่มีปัญญาด้านน้ีจะเป็นคนท่ีใช้สายตา และ
วเิ คราะห์วัตถุ ในมโนภาพได้ดี ผูท้ ่ีมปี ัญญาทางพ้ืนท่มี ักมีประสทิ ธภิ าพในการแก้ปริศนาไดด้ ี
พวกเขามคี วามจาทางสายตาท่ีดีและโนม้ เอียงไปในทางศิลปิน และมักมสี มั ผสั เร่อื งทศิ ทางไดด้ ีรวมถงึ อาจมเี ร่ืองการ
ประสานงานระหว่างมอื และตาทีด่ ดี ว้ ย ซง่ึ จะเหมือนกับลักษณะทีเ่ หน็ ในกลมุ่ ปัญญาดา้ นการเคล่ือนไหว
ดูเหมือนว่ามีความใกล้เคียงกันอย่างสูงระหว่างปัญญาด้านพื้นที่ และปัญญาด้านคณิตศาสตร์ ซ่ึงเท่ากับว่าปัญญา
ท้ังสองชนิดน้ีไม่ได้เป็นอิสระต่อกัน เนื่องจากการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เก่ียวข้องกับการจัดการสัญลักษณ์
จานวน และปัญญาดา้ นพนื้ ที่กม็ ลี ักษณะเดียวกนั ดว้ ย
อาชพี ท่ีเหมาะสม คอื ศลิ ปิน วศิ วกร สถาปนกิ
ตัวอยา่ งผู้มีช่อื เสียง เช่น ปกิ ัสโซ แฟรงค์ ลอยด์ ไรท้ ์ และลโี อนาโด ดาวนิ ชี
5. ปญั ญาดา้ นการเคล่อื นไหวทางร่างกาย (Bodily-Kinesthetic Intelligence)
ขอบเขตของปัญญาด้านนี้เก่ียวกับการเคล่ือนไหวทางร่างกายและจิตวิทยา ตามทฤษฎีผู้ที่มีปัญญาด้าน
การเคล่ือนไหวของร่างกายจะเรยี นรูไ้ ด้ดีข้ึนเมื่อเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่น การยืนขึ้นและเดินไป
รอบๆ และมักจะเก่งในกิจกรรมทางร่างกายเช่น กีฬา หรือเต้นราพวกเขาอาจจะชอบการละครหรือการแสดง
โดยท่ัวไปมักถนัดการสร้างหรือทาบางสิ่ง มักจะเรียนรู้ได้ดีท่ีสุดโดยใช้ร่างกาย มากกว่าแค่อ่านหรือฟัง ผู้ที่มี
ความสามารถเช่นน้ีมักจะใช้ส่ิงที่เรียกวา่ ความทรงจาจากกล้ามเน้ือ คือ พวกเขาจะจาสิ่งต่างๆ ผ่านร่างกายเช่น
การจาถอ้ ยคาหรือรูป
อาชีพที่เหมาะสม คือ นักกฬี า นักเต้น นักแสดง ศลั ยแพทย์ แพทยท์ ั่วไป พนักงานกอ่ สร้าง และทหาร แมว้ ่าอาชีพ
พวกนจ้ี ะเลียนแบบได้ด้วยการมองเหน็ แตไ่ ม่ได้กอ่ ให้เกดิ การเรยี นรู้ทางกายท่ีแทจ้ รงิ ซึ่งจาเปน็ ต่อปัญญาด้านน้ีอีก
ทั้งยังแบ่งย่อยได้อีก เป็นการถนัดใช้กล้ามเน้ือมัดใหญ่ (gross motor skills) และการถนัดใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก
(fine motor skills)
ตวั อยา่ งผ้มู ชี ่ือเสยี ง เชน่ ไมเคิล แจค็ สนั จเู ลยี โรเบริ ์ตส์ มชิ าเอล บาริช นิคอฟ เอลวิส เพรสลยี ์ เป็นตน้
6. ปัญญาดา้ นถ้อยคา-ภาษา (Linguistic Intelligence)
ขอบเขตของปัญญาด้านนี้เกี่ยวกับเร่ืองคา ท้ังพูดและเขียน ผู้ท่ีมีปัญญาด้านนี้จะแสดงความสามารถใน
เรือ่ งคาและภาษา พวกเขามกั จะเกง่ การอ่าน การเขียนการเลา่ เรอื่ ง และจดจาคาพรอ้ มกบั วนั เดอื น ปี ไดด้ ีพวกเขา
~ 17 ~
มีแนวโนม้ เรียนไดด้ ีทีส่ ุดผ่านการอ่าน การจดบนั ทึก ฟังการสอน และผา่ นการอภปิ รายถกเถียง และมักมีทกั ษะการ
อธิบาย การสอน การปราศรัยหรือพูดจูงใจ จะเรียนภาษาต่างประเทศได้อย่างสบายเพราะมีความจาเรื่องคาไดด้ ี
สามารถนึกยอ้ นหลงั ได้ และมคี วามสามารถเขา้ ใจ และจดั การโครงสร้างประโยคได้
อาชีพทีเ่ หมาะสม คือ นักเขยี น ทนาย นกั ปรชั ญา นกั หนังสือพมิ พ์ นกั การเมอื ง กวี และครู
ผ้มู ชี ่ือเสียง ได้แก่ วิลเลียม เชคเสปยี ร์ เวอรจ์ เิ นยี วูลฟ์ อบั ราฮมั ลนิ คอลน์ วอลท์ วิทแมน และบารคั โอบามา
7. ปัญญาด้านเขา้ ใจธรรมชาติ (Naturalist Intelligence)
ขอบเขตของปัญญาด้านนเี้ ก่ยี วกับการเข้าใจลึกซึ้งเรือ่ งธรรมชาติ การดูแล และเชื่อมโยงข้อมูลกับสิ่งแวดล้อมตาม
ธรรมชาติของผูน้ นั้ ผู้ท่ีมปี ญั ญานอี้ าจกล่าวไดว้ ่ามีความออ่ นไหวต่อธรรมชาติ และสถานทที่ ่ีตนอยู่ ความสามารถที่
จะดูแลบางสิ่ง และเอาใจใส่ ฝึกสัตว์ให้เชื่อง และสัมพันธ์กับสัตว์ได้ดีกว่า ทั้งยังสามารถสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลง
ในอากาศ หรือความแปรปรวนทั่วไปในสิ่งรอบตัวได้ การจดจาและจัดกลุ่มสิ่งของเป็นส่ิงหลักของผู้มปี ัญญาเข้าใจ
ธรรมชาติ พวกเขาจะต้องเชื่อมโยงประสบการณ์ใหม่กับความรู้ท่ีมีมาก่อนหน้าน้ีเพ่ือจะได้เรียนรู้ส่ิงใหม่ที่แท้จริง
นักธรรมชาติวิทยา เรียนได้ดีที่สุดเม่ือสิ่งนั้นๆเกี่ยวกับการรวบรวม และการวิเคราะห์ หรือเก่ียวพันกับบางสิ่งท่ี
สะดุดตาอย่างย่งิ ในธรรมชาติ ผู้เรยี นแนวธรรมชาตจิ ะสนใจเรียนมากขึน้ เมือ่ อย่นู อกสถานท่หี รอื ดว้ ยการเคล่ือนไหว
อาชีพที่เหมาะสม คอื นักวทิ ยาศาสตร์ นักธรรมชาตวิ ิทยา นกั อนรุ กั ษ์ เกษตรกร
ผ้มู ีช่อื เสยี ง เชน่ ชาลส์ ดารว์ ิน และ อี โอวิลสัน
8. ปญั ญาด้านดนตรี (Musical Intelligence)
ขอบเขตของปัญญาด้านน้ีเก่ียวกับจังหวะ ดนตรี และการได้ยิน ผู้ที่มีปัญญาทางดนตรีและจังหวะสูง จะแสดง
ความสามารถในการสัมผัสทางเสียง จังหวะ ระดับเสียง และดนตรีได้ดีกว่าพวกเขามักมีช่วงเสียงที่ดี หรือแม้แต่
ช่วงเสยี งท่สี มบูรณ์ สามารถร้องเพลง เลน่ ดนตรี และแตง่ เพลงได้ เนอื่ งจากมีองคป์ ระกอบทางเสียงมาประกอบกับ
ปัญญาด้านน้ี ผู้ท่ีมีปัญญาน้ีอาจจะเรียนได้ดีที่สุดผ่านการฟัง นอกจากนี้ยังใช้เพลงหรือจังหวะเพ่ือเรียนและจดจา
ข้อมลู เสมอๆ และอาจทางานได้ดีที่สดุ ดว้ ยการมีดนตรเี ปน็ พืน้ ภมู ิ
อาชีพที่เหมาะสม คือ นักดนตรี นักร้อง วาทยกร ดีเจ นักสุนทรพจน์ นักแต่งเพลง นักเขียน (เป็นส่วนน้อย) หรอื
ผแู้ ทนจาหน่าย
ตวั อยา่ งผู้มชี ื่อเสียง เชน่ โมสาร์ท จลู ่ี แอนดรูว์ แอนเดรีย บอชเชลลี่ ลีโอนารด์ เบิรน์ สไตน์
เมื่อ Dr. Howard Gardner ถกู ถามในการสัมภาษณว์ ่าเขาคิดทฤษฎพี หุปญั ญาไดอ้ ย่างไร เขาตอบวา่ “สิง่
สาคัญท่ีสุดน้ันมาจากการศึกษาสมองที่เสียหายและสิ่งที่เกิดขึ้นเม่ือผู้คนเป็นโรคเส้นโลหิตในสมองแตก บางส่วน
ของสมองเสยี หาย และการบาดเจ็บนน้ั สามารถบอกได้ว่าสมองส่วนใดทาหน้าท่ีอะไร บางคนเสยี ความสามารถของ
กล้ามเนื้อแต่ยังพูดได้ บางคนเสียความสามารถทางภาษาแต่ยังร้องเพลงได้ ความเข้าใจนี้ไม่เพียงแต่นาผมมายัง
การศึกษาเร่ืองสมองเท่าน้ัน ยังเป็นเมล็ดพนั ธ์ุท่ีนาไปสู่เรื่องพหุปัญญาในท่ีสุด ตราบเท่าที่คุณเสียความสามารถไป
อย่างหนงึ่ แต่อยา่ งอน่ื ยังคงอยู่ คุณไม่สามารถมเี พียงปัญญาเพยี งด้านเดียว แต่เราตอ้ งมพี หุปัญญา”
แผนยุทธศาสตรก์ ระทรวงศกึ ษาธิการ (พ.ศ. ๒๕๖๓ – ๒๕๖๕)
(ฝา่ ยกจิ การนกั เรยี น โรงเรยี นหว้ ยซ้อวทิ ยาคม รัชมงั คลาภเิ ษก มีสว่ นเกย่ี วข้อง ด้านภาคีเครือข่ายผู้ปกครอง
คณะกรรมการการศกึ ษาขนั พืนฐาน)
1. เพ่อื ความเปน็ เอกภาพ การทางาน งานกจิ การนกั เรยี น
~ 18 ~
1.1 เพ่ือให้เปน็ เอกภาพ เกิดความคล่องตวั ในการทางานรว่ มกับงานส่วนต่างๆ โดยเนน้ ไปทีก่ าร
วางระบบบรหิ ารจดั การนาเทคโนโลยี ดจิ ิทัล แพลตฟอร์ม มาใช้ที่เกย่ี วข้องกับการศึกษาโดยเฉพาะอยา่ งยิ่งใน
โรงเรียนและนอกโรงเรยี น มีหลักธรรมมาภิบาล โปรง่ ใส ตรวจสอบได้ เพอ่ื ให้สามารถบรรลุวิสยั ทัศนท์ ่กี าหนดไว้
2 . การสรา้ ง พัฒนาและส่งเสริม กลไก ในการจัดการศกึ ษารว่ มกันระหวา่ งภาครัฐ องคก์ รปกครองส่วน
ท้องถ่ินภาคเอกชนภาคประชาสงั คม โดยมภี าคเี ครือข่ายผูป้ กครอง และคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน
โรงเรียนห้วยซอ้ วิทยาคม รชั มังคลาภเิ ษก เป็นต้น
๒.๑ยทุ ธศาสตรพ์ ฒั นาหลักสตู รกระบวนการจัดการเรียนรู้การวดั และประเมนิ ผล
(หัวข้อที่ฝ่ายกจิ การนักเรียนโรงเรยี นห้วยซ้อวิทยาคม รัชมังคลาภเิ ษก เกี่ยวขอ้ ง)
๑) ทักษะที่จาเป็นในศตวรรษท่ี๒๑และเหมาะสมกับผเู้ รียนในแตล่ ะช่วงวยั
๔) นามาตรฐานการศกึ ษาของชาติมาใช้เปน็ เปา้ หมายและกรอบสาหรับการจัดการศกึ ษาของ
โรงเรียนสถานศึกษาและหนว่ ยงานตน้ สงั กัด
๕) จดั การเรยี นรู้ที่ม่งุ เน้นพหุปัญญาของผูเ้ รียนตามศักยภาพและสรา้ งทกั ษะพื้นฐานทเี่ ชือ่ มโยงสู่
การสร้างอาชีพและมีงานทา
๖) จัดการเรยี นรู้ให้ผู้เรยี นไดล้ งมือปฏบิ ัติ (Active Learning) โดยใชส้ ถานการณ์จริง /
สถานการณจ์ าลองที่สอดคลอ้ งเหมาะสมกบั บริบทของแต่ละพื้นทแี่ ละกาหนดกิจกรรมให้
ผ้เู รยี นและครูได้แสดงความคดิ เหน็ ร่วมกัน
๗) ออกแบบการเรยี นรูเ้ พื่อฝึกทักษะการคดิ แบบมีเหตุผลและเป็นขัน้ ตอน
๘) จดั การเรยี นรแู้ ละกิจกรรมโครงงานดว้ ยแนวคดิ ทางวทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยวี ิศวกรรม
คณติ ศาสตร์และภูมสิ ังคมบรู ณาการร่วมกับการสง่ เสริมการนาคณุ ธรรมจริยธรรมและความ
เป็นพลเมอื งทเี่ ขม้ แขง็ มาสูผ่ ู้เรียน (STAR STEMS)
๙) นากระบวนการลกู เสือมาใชใ้ นกิจกรรมเสริมทักษะชวี ิตผู้เรียนอย่างเข้มขน้ ตลอดจนพฒั นา /
ปรับปรุงใหค้ า่ ยลูกเสือเปน็ แหลง่ เรยี นร้แู ละจัดกจิ กรรมเสรมิ สรา้ งระเบยี บวนิ ัยการมีจิตอาสา
และการมที ศั นคติทถี่ ูกตอ้ งตอ่ การอยู่ร่วมกนั ในสังคม
๑๐) สง่ เสรมิ การเรียนรเู้ พ่อื สรา้ งจติ สานกึ ในการอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
๑๑) ส่งเสริมการเรยี นรู้ในการนาแนวคดิ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงสู่การปฏบิ ตั ิใน
การดาเนนิ ชีวติ
๑๒) สง่ เสริมการเรียนรเู้ พื่อสรา้ งความเข้าใจความตระหนักในการเลอื กรบั /การส่งต่อขอ้ มูล
ข่าวสารจากสอ่ื เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างถูกตอ้ ง
๑๔) ส่งเสรมิ กิจกรรมการเรยี นรูเ้ พื่อสรา้ งทกั ษะการอยู่ร่วมกนั ในสังคมพหุวฒั นธรรมการขจดั
ความขัดแย้งและกิจกรรมสันตศิ ึกษา
๑.๙ พระราชบญั ญัตกิ ารบรหิ ารงานและการใหบ้ รกิ ารภาครัฐผ่านระบบดิจิทลั พ.ศ. ๒๕๖๒
(หัวข้อท่ฝี า่ ยกจิ การนกั เรียนโรงเรยี นหว้ ยซอ้ วิทยาคม รัชมังคลาภเิ ษก เกย่ี วข้อง)
๑.๙.๑ จัดทาขอ้ มลู ตามภารกิจให้อยู่ในรปู แบบขอ้ มลู ดิจิทลั โดยเปน็ ข้อมลู ที่มีความสมบรู ณ์เชอื่ ถอื
ได้และสามารถใช้ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
๑.๙.๒ ให้งานกิจการนกั เรยี น จัดทากระบวนการหรือดาเนนิ การทางดจิ ทิ ัลเพ่ือการบรหิ าร
ราชการแผน่ ดินและการใหบ้ รกิ ารประชาชนจัดทาบรกิ ารสาธารณะในรูปแบบดิจทิ ัลโดย
มุ่งเนน้ ถึงการอานวยความสะดวกและการเข้าถงึ ของประชาชนทเ่ี ป็นไปตามมาตรฐาน
และมีการบริหารจดั การและบรู ณาการขอ้ มลู ระหว่างหนว่ ยงานภาครฐั เปน็ สาคญั
~ 19 ~
ยทุ ธศาสตร์ที่๑
(หวั ขอ้ ทฝ่ี ่ายกิจการนกั เรยี นโรงเรยี นห้วยซอ้ วทิ ยาคม รชั มังคลาภิเษก เก่ยี วขอ้ ง)
งานกจิ การนักเรยี น ส่งเสริม สนับสนนุ เพื่อให้ยกระดบั คณุ ภาพของการจดั ศึกษาผเู้ รียนมีคุณลักษณะตาม
มาตรฐานการศกึ ษาของชาตมิ ผี ลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นทสี่ งู ขนึ้ มีทกั ษะการเรยี นรู้ท่คี รอบคลุมท้ังดา้ นวิชาการวชิ าชพี
วชิ าชีวิตสอดคล้องกบั ทักษะทีจ่ าเป็นในศตวรรษท่ี ๒๑ และทักษะในด้านพหุปญั ญา
- ออกแบบการเรียนรเู้ พ่ือฝึกทักษะการคดิ แบบมเี หตผุ ลและเป็นขั้นตอน
- นากระบวนการลกู เสือมาใช้ในกิจกรรมเสริมทักษะชวี ิตผู้เรยี นอย่างเข้มข้นและจัดกจิ กรรมเสริมสร้างระเบียบวนิ ัย
การมจี ติ อาสา
- ส่งเสริม สนับสนนุ ระบบประเมินผลการจัดการเรยี นรูใ้ หส้ อดคลอ้ งกับผลลพั ธ์ของมาตรฐานการศึกษาของชาติ
- ส่งเสรมิ สนับสนุนครใู หม้ คี วามสามารถในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรแู้ บบบูรณาการที่ม่งุ เนน้ พหุปัญญาที่
หลากหลาย
- สง่ เสริม สนบั สนนุ ระบบประเมนิ ผลการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับผลลพั ธข์ องมาตรฐานการศึกษาของชาติ
- สง่ เสริม สนับสนุนครใู ห้มีความสามารถในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้แบบบรู ณาการท่มี ุ่งเน้นพหปุ ญั ญาท่ี
หลากหลาย
- สง่ เสรมิ สนบั สนนุ วางรากฐานทักษะอาชพี ของผู้เรียนทุกระดบั ให้ทันกับความเปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยี
- ส่งเสรมิ สนับสนุนให้ผู้เรยี นทม่ี ีความสามารถพเิ ศษช่วยสร้างองค์ความรแู้ ละนวตั กรรมใหมๆ่ แกป่ ระเทศ
- ส่งเสริมสนบั สนุน เพมิ่ และขยายช่องทางการเรยี นรดู้ ว้ ยเทคโนโลยีดจิ ิทัลเขา้ ไปในการเรยี นการสอนเพ่อื สร้าง
ความคุ้นเคยและยกระดบั ความสามารถด้านการอ่านของนกั เรยี นสาหรับเป็นฐานในการเรียนรู้วิชาอื่นๆ
- ส่งเสรมิ สนบั บสนุน สร้างแพลตฟอร์มดจิ ทิ ัลเพอื่ การเรียนรู้และสนบั สนุนให้ผูเ้ รียนใชด้ จิ ิทัลเปน็ เคร่ืองมอื
การเรยี นรู้
- สง่ เสริมการผลติ สอื่ การเรียนการสอนหนังสือและตาเรยี นในระบบดจิ ทิ ัล
๑. กฎหมายสาคญั ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั อานาจหนา้ ท่ีของกระทรวงศกึ ษาธิการ (ศธ.)
(หวั ข้อทฝี่ า่ ยกิจการนักเรยี นโรงเรียนหว้ ยซ้อวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก เกี่ยวขอ้ ง)
๑.๑รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทยพทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐
ซง่ึ เปน็ กฎหมายสูงสดุ ในการปกครองประเทศทย่ี งั คงเจตนารมณ์ยดึ มน่ั ในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มี
พระมหากษตั ริย์ ทรงเป็นประมุขโดยได้ระบขุ อ้ มาตราท่ีตอ้ งนาไปใช้บังคบั ในการจดั การศกึ ษา การส่งเสริม
และสนับสนุนการจัดการศึกษาและการเข้ารบั บริการการศึกษาของประชาชน ดงั นี้
๑.๑.๔ การศึกษาทัง้ ปวงต้องมุง่ พัฒนาผูเ้ รยี นใหเ้ ป็นคนดี มวี ินยั ภมู ใิ จในชาติสามารถเช่ียวชาญไดต้ ามความถนัด
ของตนและมีความรับผดิ ชอบต่อครอบครัวชุมชนสังคมและประเทศชาติ
๑.๑.๗ ส่งเสริม สนับสนุน พฒั นา ใหค้ รมู ีมีจติ วญิ ญาณแหง่ ความเป็นครู อยา่ งแท้จริง
(๔) ส่งเสรมิ สนบั สนนุ พฒั นา ปรบั ปรุงการจดั การเรียนการสอนเพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถเรยี นได้ตามความถนัด
๑.๓ พระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ (ฉบบั ที่๔) พ.ศ. ๒๕๖๒
๑.๕ พระราชบัญญัตริ ะเบยี บบริหารราชการกระทรวงศกึ ษาธิการ (ฉบบั ท่ี๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๑.๒ คาสั่งหวั หนา้ คณะรักษาความสงบแหง่ ชาตทิ ี่๑๙ / ๒๕๖๐
~ 20 ~
ผงั การเข้าแถวประจาปกี ารศกึ ษา 2563
โรงเรยี นห้วยซอ้ วทิ ยาคม รัชมงั คลาภเิ ษก
ธงนาเงิน-เหลือง ~ 21 ~
สีนาเงิน
สีเหลอื ง คาปฏิญาณตน “ลกู นาเงิน- เหลอื ง”
หมายถงึ สีประจาพระมหากษตั รยิ ์
หมายถึงสีประจาวนั พระราชสมภพพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั รัชกาลท่ี ๙
เป็นสัญลกั ษณ์พระราชทานจาก เราจกั เทิดทูนสถาบนั พระมหากษัตริยส์ บื ไป
กาหนดวันปิด – เปดิ ภาคเรียนตามปกติ
ภาคเรยี นที่ 1 1 กรกฎาคม 2563 – 30 พฤศจกิ ายน 2563
ภาคเรยี นที่ 2 1 ธนั วาคม 2563 – 30 เมษายน 2564
โรงเรียนเปดิ เรียน ต้ังแต่วันจันทร์ – วันศกุ ร์ เรยี นวันละ 7 – 8 ช่ัวโมง
หยดุ เรยี น วันเสาร์ – อาทติ ย์ และวันหยดุ ราชการ
นกั เรยี นชว่ งชนั ที่ 3 ( ม.1 – ม.3 ) เรียนกจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี วันพธุ
คาบท่ี 7 แตง่ กายชุดลกู เสอื -เนตรนารี
นักเรียนชว่ งชนั ที่ 4 ( ม.4 – ม.6 ) เรยี นกจิ กรรมรกั ษาดินแดน สาหรบั นักเรยี นทส่ี นใจ,สมัครใจ
แตง่ กายชุดนักศึกษาวิชาทหาร วนั อังคาร
ณ ศูนย์ฝกึ นักศกึ ษาวิชาทหาร จงั หวดั ทหารบก เชียงรายตามทีก่ าหนด
นกั เรยี นทไี่ ม่เรียน รด. เขา้ ร่วมทากิจกรรมชมุ นุม
วนั จนั ทรน์ กั เรียนทุกคน แต่งกายชุดนักเรียน หรอื ชุดตามกิจกรรมทมี่ กี ารฝึก เข้าแถวหนา้ เสาธง
วนั อังคาร แตง่ กาย ชดุ พลศกึ ษาของโรงเรียนเท่านัน้ กิจกรรมออกกาลงั กาย เข้าแถวหนา้ เสาธง
ตามห้อง ระดับชน้ั เรียน ก่อนแล้วคอ่ ยแยกตามกลุ่ม กิจกรรมกีฬาสี
วันพุธ ม.ต้น แต่งกาย ชดุ ลูกเสือ เนตรนารี
เปดิ ประชุมกองโดยผู้กากบั ลกู เสอื เนตรนารี ม.1 หลังกองอานวยการ /ม.2 สนามบาส 2/ม.3 สนามบาส 1
นักเรียนระดับชัน ม.ปลาย เขา้ แถวหน้าเสาธง ดาเนนิ กิจกรรมโดย สภานกั เรยี น
วันพฤหสั บดี แต่งกายชดุ นักเรียนเข้าแถวหนา้ เสาธง
วนั ศกุ ร์ตอนเช้า แต่งกายชดุ พื้นเมอื ง (ทกุ วนั ศกุ ร์) ถวายความเคารพ เพลงสรรเสรญิ พระบารมี
วันศุกรต์ อนเย็น คาบคุณธรรม ประชมุ ระดับ ใหพ้ บครปู ระจาชั้น ห้องโฮมรมู ตนเอง
ตารางเวลาเรียน
คาบท่ี เวลา รายการ
07.50 น. สญั ญาณเข้าแถวทาพิธีในตอนเช้า
08.00 น. เคารพธงชาติ สวดมนต์
08.00 – 08.30 น. พบครทู ่ีปรกึ ษา
1 08.30 – 09.20 น. เรียน
2 09.20 – 10.10 น. เรียน
10.10 -10.20 น. พัก 10 นาที
3 10.20 – 11.00 น. เรียน
4 11.00 – 12.00 น. พักรับประทานอาหารม.ตน้ / เรยี น ม.ปลาย
12.00 – 13.00 น. พักรับประทานอาหารม.ปลาย
12.50 น.-13.00 น. เตรียมความพรอ้ ม เข้าแถวหนา้ หอ้ งเรียน
5 13.00 – 13.50 น. เรยี น
6 13.50 – 14.40 น. เรยี น
7 14.40 – 15.30 เรยี น/แนะแนว/ชุมนุม/จรยิ ธรรม
15.50 – 16.0 0 น. เข้าแถวหน้าเสาธง/ประกาศข่าวสาร
~ 22 ~
รายช่อื ครเู วรประจาวนั ประจาภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2563
นายพีระ โสประดิษฐ์ หัวหน้าฝ่ายกจิ การนักเรียน หัวหน้าเวร
รองหัวหนา้ เวร
ครเู วรประจาวันจันทร์ ประกอบด้วย กรรมการ
กรรมการ
1. นายณัฐชยั ฐานะราช กรรมการ
2. นางแสงพลอย อตุ ส่าห์ กรรมการ
3. นางสาวปารชิ าติ ฤทธ์กิ ล้า เลขานุการ
4. นศ.นางสาวอินทริ า ไชยลังกา
5. นศ.นางสาวกญั ญาณฐั จนิ ะสาม หัวหน้าเวร
6. นางสาวพัชรภี รณ์ ปาระมี รองหวั หน้าเวร
7. นายกรี ติ ทะเย็น กรรมการ
กรรมการ
ครูเวรประจาวันองั คาร ประกอบด้วย กรรมการ
กรรมการ
1. นายปพนธนยั อนิ ตะ๊ ออ้ ม เลขานุการ
2. นางสาววรางค์จนา เนตรธิยา
3. นายอัษฎาพงษ์ เวียงส่ี หัวหนา้ เวร
4. นางสาวเสาวลักษณ์ ตอโนนสงู รองหัวหน้าเวร
5. นางสาวศรัณยพ์ ร จอมมงคล กรรมการ
6. นศ.นางสาวนวิยา รตั นไตร กรรมการ
7. นางสาวกรณกิ า สยี า กรรมการ
เลขานุการ
ครเู วรประจาวันพุธ ประกอบดว้ ย เลขานกุ าร
1. นายวชิ ยั อ่นุ มหาวรรรณ์ หัวหน้าเวร
2. นายปวันรตั น์ ไชยคาวัง รองหัวหน้าเวร
3. นางสาวศริ ิเดยี ว วงศา กรรมการ
4. นางทศั นีย์ จันทรล์ า กรรมการ
5. นางสาวอภิรดา ผ้าเจริญ กรรมการ
6. นางสาวภัสวรลักษณ์ วรรณรัตน์ กรรมการ
7. นายอดุ ม สมบูรณ์ กรรมการ
เลขานกุ าร
ครเู วรประจาวนั พฤหัสบดี ประกอบด้วย
1. นายพบิ ลู ย์ แสงทอง
2. นายจีระศกั ดิ์ คานิล
3. นางหทยั ชนก ถาแหลง่
4. นางณัฐกานต์ ผลากอง
5. นางอทุ มุ พร ปญั ญาบญุ
6. นางสาววราพร พรมมี
7. นศ.นางสาวกัลยา โชตณิ ัฐวัฒนก์ ลุ
8. นางสาวธญั ญา หวังสินสุจรติ
~ 23 ~
ครูเวรประจาวันศุกร์ ประกอบดว้ ย หัวหน้าเวร
รองหวั หนา้ เวร
1. นางบุหงา วชิ า กรรมการ
2. นายชัยพฤษ ทกุ ขนโิ รธ
3. นายสง่า วชิ า กรรมการ
4. นางสาวกชพรรณ ศรที อง กรรมการ
5. นางธารทพิ ย์ ศรีพชิ ยั
6. นางสาวพรรณภา ชมิ โพธ์ิครัง กรรมการ
7. นายกฤตนยั แซซ่ ิว กรรมการ
8. นางสาวกณิการ์ ปญั ญาอน่ิ แก้ว เลขานุการ
~ 24 ~
รายชือ่ ครูประจาคณะสี ปีการศึกษา 2563
นายพรี ะ โสประดิษฐ์ หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ุขศึกษาและพลศกึ ษา
ครปู ระจาคณะสแี ดง ประกอบด้วย
1. นายสง่า วชิ า หวั หน้าคณะสี
2. นายณฐั ชยั ฐานะราช กรรมการ
3. นางแสงพลอย อุตสา่ ห์ กรรมการ
4. นางสาวปารชิ าติ ฤทธิก์ ลา้ กรรมการ
5. นางสาวอนิ ทริ า ไชยลังกา (นักศึกษาฝกึ ประสบการณ์) กรรมการ
6. นางสาวกญั ญาณัฐ จินะสาม (นกั ศกึ ษาฝกึ ประสบการณ)์ กรรมการ
7. นางสาวกณกิ าร์ ปญั ญาอิน่ แก้ว กรรมการ
8. นายกีรติ ทะเย็น กรรมการ
9. นางสาวพชั รภี รณ์ ปาระมี กรรมการ
10. นางสาวกชพรรณ ศรีทอง เลขานกุ าร
ครูประจาคณะสเี หลือง ประกอบด้วย หวั หน้าคณะสี
1. นายอษั ฎาพงษ์ เวยี งส่ี กรรมการ
2. นายปพนธนัย อินตะ๊ ออ้ ม กรรมการ
3. นางสาววรางค์จนา เนตรธยิ า กรรมการ
4. นางสาวเสาวลกั ษณ์ ตอโนนสงู กรรมการ
5. นางสาวศรัณยพ์ ร จอมมงคล กรรมการ
6. นางธารทพิ ย์ ศรพี ชิ ัย กรรมการ
7. นางสาวนวิยา รตั นไตร (นกั ศึกษาฝกึ ประสบการณ)์ กรรมการ
8. นางสาวกรณิกา สียา
9. นางสาวพรรณภา ชมิ โพธิค์ รัง เลขานุการ
ครูประจาคณะสีชมพู ประกอบด้วย หัวหน้าคณะสี
กรรมการ
1. นางสาวศริ ิเดยี ว วงศา กรรมการ
2. นายปวันรัตน์ ไชยคาวัง กรรมการ
3. นายวิชัย อุน่ มหาวรรรณ์ กรรมการ
4. นางทัศนีย์ จันทร์ลา กรรมการ
5. นางสาวภสั วรลักษณ์ วรรณรัตน์
6. นายอุดม สมบูรณ์ กรรมการ
7. นายกฤตนยั แซ่ซวิ (นกั ศึกษาฝกึ ประสบการณ์) กรรมการ
8. นายชยั พฤษ ทุกขนโิ รธ เลขานุการ
9. นางสาวอภริ ดา ผ้าเจรญิ
~ 25 ~ หัวหนา้ คณะสี
กรรมการ
ครปู ระจาคณะสฟี า้ ประกอบดว้ ย กรรมการ
1. นางหทัยชนก ถาแหล่ง กรรมการ
2. นางณัฐกานต์ ผลากอง กรรมการ
3. นายชยั พฤษ ทุกขนโิ รธ
4. นายจีระศกั ด์ิ คานิล กรรมการ
5. นางหทยั ชนก ถาแหลง่ กรรมการ
6. นายพิบลู ย์ แสงทอง กรรมการ
7. นางอุทมุ พร ปญั ญาบญุ
8. นางสาวกัลยา โชตณิ ัฐวฒั น์กุล (นกั ศกึ ษาฝกึ ประสบการณ)์ กรรมการ
9. นางสาวธัญญา หวงั สินสจุ ริต เลขานุการ
10. นางสาววราพร พรมมี
~ 26 ~
รายชอื่ ครทู ีป่ รึกษาประจาชันเรยี น ปกี ารศึกษา 2563
ระดับชันมธั ยมศกึ ษาตอนต้น นางสาวนวยิ า รัตนไตร
ม.1/1 นางสาวศรัณพร จอมมงคล นางสาวอนิ ทิรา ไชยลงั กา
นางสาวพัชรภี รณ์ ปาระมี
ม.1/2 นายปพนธนยั อินตะ๊ ออ้ ม
ม.1/3 นางสาวภสั วรลักษณ์ วรรณรัตน์ นายกฤตนยั แซ่ซวิ
ม.2/1 นางสาวศิรเิ ดยี ว วงศา
ม.2/2 นางสาวกชพรรณ ศรที อง
ม.2/3 นายพบิ ูลย์ แสงทอง
ม.3/1 นายณฐั ชัย ฐานะราช
ม.3/2 นางสาวกณกิ าร์ ปญั ญาอ่นิ แก้ว
ม.3/3 นางสาวธญั ญา หวงั สินสุจรติ
ระดับชันมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย นางสาวเสาวลกั ษณ์ ตอโนนสงู
นางแสงพลอย อตุ ส่าห์
ม.4/1 นางสาววรางค์จนา เนตรธยิ า นางสาวปาริชาติ ฤทธิ์กล้า
ม.4/2 นายวชิ ัย อนุ่ มหาวรรณ์
นางสาวกรณิการ์ สียา
ม.4/3 นางณฐั กานต์ ผลากอง นายจรี ะศักดิ์ คานิล
นางสาวกัลยา โชติณัฐวัฒนกลุ นางสาววราพร พรมมี
นางบหุ งา วชิ า
ม.4/4 นายพีระ โสประดษิ ฐ์ นายอุดม สมบูรณ์
นางสาวกญั ญาณัฐ จนิ ะสาม
ม.5/1 นางทศั นยี ์ จันทร์ลา นางธารทิพย์ ศรพี ชิ ัย
ม.5/2 นายชัยพฤษ ทกุ ขนโิ รธ นางอุทมุ พร ปัญญาบุญ
นายปวนั รตั น์ ไชยคาวัง
ม.5/3 นายสงา่ วชิ า
ม.5/4 นางหทัยชนก ถาแหลง่
ม.6/1 นายกีรติ ทะเย็น
ม.6/2 นางสาวพรรณภา ชิมโพธคิ์ รงั
ม.6/3 นายอัษฎาพงศ์ เวียงส่ี
ม.6/4 นางสาวอภิรดา ผ้าเจรญิ
รายชอื่ หัวหนา้ ระดบั ประจาปีการศึกษา 2563
1. นางสาวศรันญ์พร จอมมงคล หัวหน้าระดับชน้ั ม.1
2.นายพบิ ูลย์
แสงทอง หวั หน้าระดบั ชน้ั ม.2
3. นางสาวกณกิ าร์
4. นางณฐั กานต์ ปัญญาอนิ่ แก้ว หวั หนา้ ระดับชน้ั ม.3
5. นางทศั นีย์ ผลากอง หวั หน้าระดับชั้น ม.4
6. นายกรี ติ
จนั ทรล์ า หวั หนา้ ระดับชั้น ม.5
ทะเย็น หวั หนา้ ระดบั ชน้ั ม.6
~ 27 ~
ลาดบั พธิ ีหนา้ เสาธง
ทุกวันน้ี ศึกไกลยังไม่ห่วง แต่หว่ันทวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง ถ้าคนไทยหันมากันเอง จะร้องเพลง ชาติไทย
ให้ใครฟัง บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมือง คุ้มเหย้า เสียเลือด เสียเน้ือ มิใช่เบา หน้าท่ีเรารักษา
สบื ไปธงชาตแิ ละเพลงชาติไทย เปน็ สญั ลักษณ์ของความเป็นไทย เราจงรว่ มใจยืนตรงเคารพธงชาติ“ตรง”
1. เคารพธงชาติ เวลา 08.00 น. (คาแปล)
ประเทศไทยรวมเลอื ดเนอื ชาติเชอื ไทย เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทกุ สว่ น
หมายถึง แผ่นดินไทยประเทศเป็นแผ่นดินของคนไทยทกุ คนทีอ่ ย่อู าศยั บนแผน่ ดนิ น้ี ทกุ คนคือเจา้ ของ
แผน่ ดินพืน้ น้ีเปน็ เจ้าของประเทศนี้ ไม่ใชข่ องใครคนใดคนหน่งึ
อยดู่ ารงคงไว้ไดท้ งั มวล ด้วยไทยลว้ นหมาย รกั สามัคคี
หมายถงึ ประเทศจะอยไู่ ด้นัน้ ประชาชนต้องร่วมมือรว่ มใจดแู ลปกปอ้ งแผน่ ดนิ ด้วยความสามัคคกี นั เป็นนา้
หนงึ่ ใจเดียวกนั ไม่แบง่ แยกไมว่ า่ เชอื้ ชาติไหนหากเกิดบนแผ่นดินไทยคอื คนไทย ดว้ ยกันทัง้ หมดท้ังสน้ิ
ไทยนรี ักสงบ แต่ถงึ รบไมข่ ลาด เอกราชจะไมใ่ ห้ใครขม่ ขี่
คนไทยนนั้ รกั สงบ แต่ถึงคราวทต่ี อ้ งต่อสู้คนไทยกไ็ มเ่ คยกลวั ใคร และไม่ตอ้ งการเป็นเมอื งขึ้นของใคร
ไม่ยอมอย่ใู ต้อานาจใคร ทุกคนพร้อมท่ีจะทาทุกอยา่ งเพอื่ ชาตไิ ทย
สละเลอื ดทุกหยาดเปน็ ชาติพลี เถลงิ ประเทศชาตไิ ทยทวี มชี ัย ชโย
คนไทย ทกุ คนยอมสละชีวิตไดเ้ พือ่ ให้ ชาติไทย ดารงคงอยู่และมีแตค่ วามกา้ วหน้าเจรญิ รุ่งเรอื งสืบไป
แมว้ ่าจะต้องพลีชีพคนไทยทุกคนก็ยอม เพื่อให้แผ่นดนิ ไทยคงอยู่เพื่อลูกหลานได้อยู่อย่างม่ันคงสืบไปตราบนานเท่านาน
แม้วา่ จะมกี ารถอดความหรือตีความหมายกันออกมาอยา่ งไร เพลงชาติ กเ็ ป็นเพลงท่ีคอยกระตุน้ เตอื นให้
คนไทยทกุ คนภูมใิ จในความเปน็ ไทย และรู้จกั ท่ีจะรักษาแผน่ ดินไทยเอาไว้ใหล้ ูกหลาน
2. เคารพธงโรงเรียน โรงเรยี นหว้ ยซ้อวิทยาคม รัชมงั คลาภเิ ษก
ธงนาเงนิ -เหลือง
สีนาเงนิ หมายถงึ สีประจาพระมหากษตั ริย์
สีเหลือง หมายถงึ สีประจาวันพระราชสมภพพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวรชั กาลที่ ๙
เป็นสัญลักษณ์พระราชทาน เราจักเทิดทูนสถาบันพระมหากษตั รยิ ์สืบไป “เคารพธงโรงเรียน” “ตรง”
เพลงมารช์ ประจาโรงเรยี น
นาเงนิ -เหลอื ง ดเู ดน่ เป็นสง่า สรา้ งศรทั ธาผองเราชาวหว้ ยซ้อ
เหล่าพีน่ อ้ งสรา้ งความดีไม่รรี อ พวกเราขอปฏญิ าณสตั ยา
ใฝศ่ ึกษา วิชาการใหเ้ รอื งรุ่ง ท้งั หวังมุ่งดีเดน่ เนน้ กีฬา
มารยาทดี มีคุณธรรม เลิศล้าค่า เสยี สละ สามัคคี มีวนิ ัย
ร้รู าลกึ นึกพระคุณเทดิ ทนู ชาติ ขอถวายอภวิ าทพระบาทศรี
เราภูมิใจเกดิ ในมหาพิธี พระบารมีรชั มังคลาภิเษก
** ราชาคอื ม่ิงขวัญอนั ยง่ิ ใหญ่ พระภูมพิ ลของชาวไทยฤกษด์ ิถี
รัชมงั คลาภเิ ษกพธิ ี ห้วยซ้อสดดุ กี ่อตังสถาบัน
การศึกษา สรา้ งชีวเี ป็นฐานม่ัน มุ่งช่วยกนั บารุงชาติศาสนา
ดารงไวซ้ งึ่ องค์กษตั รา พฒั นาสังคมไทยใหร้ งุ่ เรอื ง (ซา) **
~ 28 ~
3. สวดมนต์ พร้อมคาแปล
การสวดมนต์ไหว้พระของนักเรยี น
เพอื่ เป็นการส่งเสริม จริยศกึ ษาของนักเรยี น ผูน้ ับถือศาสนาพทุ ธ กระทรวงศึกษาธิการจงึ กาหนดระเบียบ
ว่าด้วยการสวดมนต์ไหว้พระของนักเรียนข้ึน เพื่อใช้ในโรงเรียนที่อยู่ในความควบคุม ของ
กระทรวงศึกษาธิการ
(หัวหน้านา นักเรียนทกุ คน พนมมือไหวพ้ ระ นักเรยี นทนี่ ับถอื ศาสนาอ่นื ใหย้ ืนสงบนงิ่ อยูใ่ นอาการสารวม )
อะระหัง สัมมาสมั พุทโธภะคะวา
พระผมู้ พี ระภาคเจา้ เป็นพระอรหนั ต์ ดับเพลิงกิเลส เพลิงทกุ ข์สิน้ เชงิ ตรสั ร้ชู อบได้ โดยพระองคเ์ อง
พทุ ธงั ภะคะวนั ตัง อะภิวาเทมิ
ขา้ พเจ้าอภวิ าทพระผู้มพี ระภาคเจ้า ผรู้ ู้ ผตู้ ่ืน ผู้เบกิ บาน (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธมั โม
พระธรรม เปน็ ธรรมท่พี ระผู้มพี ระภาคเจา้ ตรสั ไว้ดีแล้ว
ธมั มงั นะมสั สามิ
ข้าพเจ้านมัสการพระธรรม (กราบ)
สปุ ะฏปิ นั โน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ
พระสงฆ์ สาวกของพระผมู้ พี ระภาคเจา้ ปฏิบตั ิดีแลว้
สังฆงั นะมามิ
ขา้ พเจ้านอบน้อมพระสงฆ์ (กราบ)
4. คาแผเ่ มตตา (หัวหน้านา กล่าว)
คาแผ่เมตตาใหแ้ ก่ตนเอง
อะหังสขุ โิ ต โหมิ ขอใหข้ ้าพเจ้ามีความสขุ
นิททกุ โข โหมิ ปราศจากความทุกข์
อะเวโร โหมิ ปราศจากเวร
อัพยาปัชโฌโหมิ ปราศจากอุปสรรค์ อนั ตราย ทง้ั ปวง
อะนีโฆโหมิ ปราศจากความทกุ ขก์ าย ทกุ ข์ใจ
สขุ ี อตั ตานงั ปะรหิ ะรามิ มีความสขุ กาย สขุ ใจ รกั ษาตนใหพ้ ้นจากทุกขภ์ ยั ท้งั สนิ เถดิ
คาแผ่เมตตาใหส้ รรพสัตว์
สพั เพ สัตตา สัตว์ทัง้ หลายทเ่ี ป็นเพอ่ื นทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ดว้ ยกันท้ังหมดทัง้ สิน้
อะเวรา โหนตุ จงเปน็ สุขเป็นสขุ เถิด อย่าไดม้ ีเวรแกก่ นั และกันเลย
อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุข เปน็ สขุ เถดิ อย่าได้เบียดเบียนซึง่ กนั และกนั เลย
อะนคี า โหนตุ จงเปน็ สขุ เปน็ สขุ เถิด อยา่ ไดม้ ีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สขุ ี อตั ตานัง ปะรหิ ะรนั ตุ จงมีความสขุ กาย สุขใจ ร้จู กั รกั ษาตนให้พ้นจากทกุ ขภ์ ัยท้งั สน้ิ เถิด....
5. สงบนิ่ง เวลา 1 นาที (ระลกึ บญุ คณุ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัว รชั กาลท่ี ๙ / บญุ คุณคุณพ่อ-คณุ แม่ ที่
เลีย้ งดูมาจนเติบใหญ่ ครูอาจารย์ทกุ ท่าน ท่ใี ห้ความรู้ ความเจรญิ ก้าวหนา้ ในชีวติ ) “เลิก ปฏบิ ัติ”
~ 29 ~
6. คาปฏิญาณตน (นกั เรียนทกุ คนกล่าวตาม หวั หนา้ นา)
“เราคนไทย ใจกตญั ญู รู้คุณชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์
เรานักเรียน จกั ตอ้ งประพฤติตน อยใู่ นระเบียบวินยั ของโรงเรยี น
มีความซ่อื สัตยต์ อ่ ตนเองและผอู้ น่ื
เรานกั เรียน จักตอ้ งไมท่ าตน ใหเ้ ปน็ ท่เี ดอื ดรอ้ นตอ่ ตนเองและผู้อื่น
รกั ศักด์ศิ รี มีคุณธรรม..นาวิชาการ สบื สานงานพระราชดาริ”
“ม.ตน้ เคารพ รุ่นพี่ นักเรียนทังหมดเคารพ คุณครู”
7. ครเู วรอบรม หวั หนา้ เวร หรอื ครทู ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย/ประกาศขา่ วสาร
8. พธิ ีมอบรางวลั วนั พฤหัสบดี (ถา้ มี) กล่าวอบรม ช้แี จง
9. ประกาศขา่ วสาร ...........................................
10. วนั ศกุ รร์ ้องเพลงสรรเสริญพระบารมี (หวั หน้านา) “ถวายความเคารพ”
เพลงสรรเสริญพระบารมี
ขา้ ฯ..วรพทุ ธเจา้ หมายถงึ ข้าพเจา้ ทั้งหลาย ซง่ึ เป็นขา้ ของพระองค์ผปู้ ระดจุ ดังพระพทุ ธเจ้า โดยพระพุทธเจา้
ในทีน่ ี้กค็ อื เป็นผู้ตรัสร้แู ละโปรดมวลมนษุ ย์ใหบ้ รรลธุ รรม ให้พ้นจากกเิ ลส เพราะในมโนทศั นข์ องไทยโบราณถอื ว่า
กษตั ริยค์ อื พระโพธสิ ัตว์
เอามโนและศิระกราน หมายถงึ ขอเอาดวงใจและศรี ษะกม้ น้อมกราบ
นบพระภมู บิ าล บญุ ดเิ รก หมายถงึ ขอนบไหว้พระผ้ปู กครองแผ่นดิน ผ้มู บี ุญญาธิการอนั ใหญห่ ลวง
เอกบรมจกั รนิ หมายถงึ ทรงเป็นวงศ์แหง่ พระจักรีอนั ประเสรฐิ
พระสยามินทร์ หมายถึง เป็นผู้เป็นใหญ่แห่งสยาม
พระยศยงิ่ ยง หมายถงึ เกยี ตรยิ ศของพระองคน์ น้ั ยิ่งใหญแ่ ละยนื นาน
เยน็ ศิระเพราะพระบรบิ าล หมายถึง พวกเราจึงรม่ เยน็ ด้วยการปกครองของพระองค์
ผลพระคณุ ธ รกั ษา ปวงประชาเปน็ สขุ ศานต์ หมายถึง พระคณุ ของพระองค์มีผลรกั ษาปวงประชาให้เปน็ สขุ
ขอบันดาล ธ ประสงคใ์ ด หมายถึง ขอพระคุณน้ัน บันดาลให้สิ่งทีพ่ ระองคป์ ระสงคส์ าเรจ็ ตามความปรารถนา
จงสฤษฎด์ ัง หวังวรหฤทัย หมายถงึ ขอให้ได้ดังใจหวงั
ดจุ ถวายชยั ชโย หมายถึง ดังทไ่ี ด้น้อมเกลา้ ฯ ถวายพระพรชัย
ความหมายโดยรวมของเพลงสรรเสริญพระบารมี คอื ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอกราบไหว้
พระองคผ์ มู้ ีบญุ ญาธกิ าร ซงึ่ พระองค์ที่ปกครองปวงชนให้เปน็ สุข ด้วยใบบญุ ของพระองค์ประชาชน
จึงสานึกในพระมหากรุณาธคิ ณุ จึงขอบนั ดาลใหพ้ ระองคส์ มประสงคใ์ นทกุ ส่งิ เป็นการถวายพระพรชยั
แดพ่ ระองค์
11. การแตง่ กาย ครแู ละบุคคลากรทางการศึกษา วันจันทร์ ชดุ ข้าราชการ / วันองั คาร ชดุ วอร์มโรงเรยี น
ชดุ นักศึกษาวชิ าทหาร / วนั พธุ ชดุ ผกู้ ากบั ลูกเสอื -เนตรนารี/ วันพฤหสั บดี ชุดสภุ าพ / วนั ศุกร์ ชดุ พืน้ เมือง
~ 30 ~
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขันพนื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
แนวปฏิบัติการวัดผลประเมินผลการเรยี น
การกาหนดการวดั ผลและประเมนิ ผลการเรยี นไดแ้ บง่ การวัดผลและประเมนิ ผลการเรยี นออกตามชว่ งช้ัน ดังนี้
1. ชัน้ มธั ยมศกึ ษาตอนต้น (ม.1 – ม.3) จะมีการวดั ผล กลางภาคเรยี น ปลายภาคเรยี น และ ประเมนิ ผล
การเรียนของนักเรยี นภาคเรียนละ 1 ครั้ง
2. ช่วงมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4 – ม.6) จะมีการวัดผล กลางภาคเรียนปลายภาคเรียน และ
ประเมินผลการเรียนของนกั เรียน ภาคเรียนละ 1 ครัง้
การสอบปลายภาค
โรงเรยี นจะดาเนินการสอบปลายภาคเรยี นแตล่ ะภาคหลงั จากเปิดเรียนแล้ว ประมาณ 19 สปั ดาห์
(สอบสปั ดาหท์ ่ี 20) ถ้านกั เรียนไดร้ ับระดับผลการเรียนปลายภาคเรยี น “0” ต้องสอบแกต้ ัวโดยปฏบิ ตั ดิ งั น้ี
1. ใหน้ ักเรียนไปพบอาจารยป์ ระจาวิชาเพ่ือขอเรยี นซอ่ มเสรมิ กอ่ นสอบแกต้ วั ทกุ ครั้ง
2. หากนักเรียนสอบแก้ตัวไม่ผ่านต้องปฏิบัติตามข้างต้นและสอบได้ไม่เกิน 2 ครั้ง หลังจากนั้น
ต้องเรียนซ้า
3. ถ้าหากขาดสอบปลายภาค หรือ ได้รับผลการเรียน “ร” ให้นักเรียนติดต่อครูประจาวิชาเพื่อ
ขอแก้ “ร” และใหไ้ ด้รบั ผลการศกึ ษาตามปกติ (ต้ังแต่ 0 – 4) ในกรณีท่ีเป็นเหตุสุดวิสัยหาก
ไดร้ ับผลการเรียน “ร” โดยไม่ใชเ่ หตุสดุ วิสยั จะได้ระดับผลการเรียนไมเ่ กิน “1”
การตดิ ตอ่ ฝา่ ยทะเบยี น – วัดผล
1. การขอเปล่ยี นแปลงหลักฐานขอไดใ้ น 2 กรณี
1.1 การขอแก้ วัน เดอื น ปี เกดิ
ในกรณีที่ปรากฎว่า วนั เดอื น ปี เกิด ของนกั เรียนมีความผดิ พลาดไม่ตรงกบั ความเป็นจรงิ ไมว่ ่าจะกรณีใด
ก็ตาม ผ้ปู กครองจะตอ้ งติดตอ่ กับทางโรงเรยี น พร้อมนาหลกั ฐานต่อไปนี้
1.1.1. ใบคารอ้ ง (ตามแบบของโรงเรียน)
1.1.2. สูติบัตร (ตามแบบของโรงเรียน)
1.1.3. ทะเบียนบ้านปัจจุบนั ท่ีถกู ตอ้ ง และสาเนาถูกต้อง
1.2 การเปลีย่ นชือ่ หรอื ชื่อสกลุ
สาหรับนักเรียนที่ขอเปลี่ยนช่ือ ช่ือสกุล ของตัวเอง หรือของบิดา มารดา เม่ือได้รับอนุมตั ิ
จากทางราชการแล้ว บิดา มารดา จะต้องติดต่อกับทางโรงเรียน เพื่อขอเปล่ียนชื่อ ช่ือสกุล ใน
ทะเบียนของโรงเรียน หลกั ฐานการเปลีย่ นชือ่ หรือชื่อสกุล มี
1.2.1. ใบคาร้อง (ตามแบบของโรงเรยี น)
1.2.2. หนังสอื สาคัญการเปล่ยี นชอ่ื หรือชอื่ สกุล และสาเนาถูกต้อง
1.2.3. สาเนาทะเบยี นบา้ น และสาเนาถูกต้อง
การขอแก้ วัน เดือน ปีเกิด และช่ือ หรือชื่อสกุล นักเรียนจะต้องขอแก้ไขให้เสร็จส้ินก่อนการ
สอบไล่ปลายปี อย่างนอ้ ย 1 เดือน ในกรณที ี่บดิ า มารดา มยี ศทางทหาร หรือตารวจ เมื่อไดร้ ับการเล่ือน
ยศให้แจ้งทางโรงเรียนทราบเพ่ือที่จะแก้ไขในทะเบียนของโรงเรียนใหถ้ ูกต้อง และเมื่อเปล่ียนแปลงท่ีอยู่
อาศัยกต็ อ้ งแจง้ ให้ทางโรงเรียนทราบดว้ ย
2. การออกใบรบั รอง ใบระเบยี นแสดงผลการเรียนและใบประกาศนยี บตั ร
2.1 ใบรบั รองทางโรงเรยี นจะออกใหแ้ ก่
ก. นักเรียนที่กาลังเรียนอยู่ในโรงเรียนซึ่งประสงค์จะขอใบรับรองวุฒิใบรับรองการเป็น
นักเรียน(ปพ.7) ใบรับรองประเภทนี้ใช้ได้เพียง 120 วัน นับต้ังแต่วันท่ีออกให้
~ 31 ~
ข. นักเรียนที่ต้องออกจากโรงเรยี นเพราะถูกไล่ออกหรอื คัดชื่อออก เนื่องจากประพฤติผิดระเบยี บ
ของโรงเรยี น / กระทรวง ใบรับรองประเภทนจ้ี ะต้องรอภายใน 10 วนั นับจากวันจาหนา่ ยออกจากทะเบียน
นักเรยี น ถ้าพน้ กาหนดทางโรงเรยี นจะออกใหไ้ ด้ต่อเมื่อได้รบั อนญุ าตจากตน้ สังกดั
2.2 ใบระเบยี นแสดงผลการเรยี น (ปพ.1)
ปพ. 1 : บจะออกให้แก่นกั เรยี นทีจ่ บช้นั ประโยคมธั ยมศกึ ษาตอนตน้
ปพ. 1 : พจะออกใหแ้ ก่นกั เรยี นทจ่ี บชน้ั ประโยคมธั ยมศึกษาตอนปลาย
หมายเหตุ
ก. การขอใบรบั รอง (ปพ.7) และใบระเบยี นแสดงผลการเรยี น (ปพ.1) นกั เรียนและผปู้ กครอง
เทา่ นัน้ เปน็ ผขู้ อและจะตอ้ งแจ้งความจานงท่กี ลุม่ งานทะเบียน พรอ้ มทงั้ สง่ รูปถา่ ยหนา้ ตรง ไมส่ วมหมวก
ผมถูกต้องตามระเบียบ ขนาด 3×4 ซ.ม. (1 นิ้วคร่ึง) จานวน 1 รูป สาหรบั ปพ.1 ใบรบั รองใช้จานวน
1 รปู จะไดร้ บั หลังจากท่ีย่นื ความจานงไว้ 1 สปั ดาห์ (หา้ มขอด่วน)
ข. ใบระเบียนแสดงผลการเรียนเป็นภาษาต่างประเทศ (Transcript) ผู้ขอต้องมากรอก
รายละเอียด พร้อมทั้งส่งรูปถ่ายขนาด 3×4 ซ.ม. (1 น้ิวครึ่ง) ตามจานวนระเบียนแสดงผลการเรียน
เป็นภาษาต่างประเทศ และให้โรงเรยี นไวต้ ดิ สาเนาอีก 1 รปู
2.3 ใบประกาศนียบตั ร
จะออกใหแ้ กน่ กั เรยี นที่จบช้นั ประโยคมัธยมศึกษาตอนต้นและประโยคมัธยมศึกษาตอนปลายพร้อมกับใบ ปพ.1
2.4 การขอลาออก ขอหยุดพักการเรียน
ก. การขอลาออก ผู้ปกครองเท่าน้ันเป็นผู้ขอและจะต้องแจ้งความจานงท่ีกลุ่มงานทะเบียนพรอ้ ม
รับแบบคาร้อง ตามแบบของโรงเรียน พร้อมทั้งรูปถ่ายหน้าตรง ไม่สวมหมวก ผมถูกต้องตามระเบียบ
ขนาด 3X 4 ซม. (1 นิว้ คร่งึ ) จานวน 1 รูป สาหรับ ปพ.1
ข. การขอหยุดพักการเรียน ผู้ปกครองเท่าน้ันเป็นผู้ขอและจะต้องแจ้งความจานงที่กลุ่มงาน
ทะเบยี น พร้อมรบั แบบคารอ้ ง ตามแบบของโรงเรยี น
หมายเหตุ นักเรยี นจะได้ลาออกหรอื ได้พักการเรียนกต็ ่อเมื่อได้รับอนุมตั ิจากผู้อานวยการกอ่ น
การประเมินผลการเรียน
นกั เรยี นต้องผ่านการประเมินผลการเรียนกลมุ่ สาระฯ, การอ่านคดิ วเิ คราะห์ และเขียนสือ่ ความ และ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ดังนี้
1. ผลการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้
ชว่ งคะแนน 80 – 100 ไดร้ ะดับผลการเรยี น 4
ช่วงคะแนน 75 – 79 ไดร้ ะดับผลการเรยี น 3.5
ช่วงคะแนน 70 – 74 ได้ระดบั ผลการเรียน 3
ช่วงคะแนน 65 – 69 ไดร้ ะดบั ผลการเรยี น 2.5
ช่วงคะแนน 60 – 64 ไดร้ ะดับผลการเรียน 2
ช่วงคะแนน 55 – 59 ได้ระดบั ผลการเรียน 1.5
ช่วงคะแนน 50 – 54 ได้ระดบั ผลการเรียน 1
ชว่ งคะแนน 0 – 49 ไดร้ ะดบั ผลการเรยี น 0
2. การประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ / การอา่ นคิดวเิ คราะหแ์ ละเขยี นส่อื ความ
ช่วงคะแนน 80 – 100 ไดร้ ะดบั ผลการเรยี น 3
~ 32 ~
ชว่ งคะแนน 70 – 79 ได้ระดบั ผลการเรียน 2
ช่วงคะแนน 50 – 69 ได้ระดับผลการเรยี น 1
ตา่ กว่า 0 - 49 ได้ระดบั ผลการเรยี น 0
ในการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ / การอ่านคิดวิเคราะห์และเขียนส่ือความ จะมีการนาผลการ
ประเมินของทุกกลมุ่ สาระมาหาคา่ เฉลี่ยแลว้ ตดั สนิ เป็นผลการประเมนิ ดังนี้
ผลการประเมนิ เฉลีย่ 2.5 – 3 ระดับผลการประเมนิ ผล ดเี ย่ยี ม
ผลการประเมินเฉลยี่ 1.75 – 2.49 ระดบั ผลการประเมนิ ผล ดี
ผลการประเมนิ เฉลยี่ 1 – 1.74 ระดบั ผลการประเมินผล พอใช้
ต่ากว่า 1 ระดับผลการประเมินผล ต้องปรบั ปรงุ
ถ้านกั เรียนไดผ้ ลการประเมนิ เฉลี่ยต่ากว่า 1 จะตอ้ งดาเนินการแกไ้ ขใหไ้ ดร้ ะดับที่มากกว่า 1 ก่อนจึงจะผ่าน
การประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์/การอา่ นคิดวเิ คราะหแ์ ละเขียนสือ่ ความ
การตัดสินผลการเรยี น
1. ช้ันมธั ยมศึกษาตอนต้น (ชั้น ม.1 – ม.3) จะตดั สินผลการเรียนเปน็ ภาคเรยี น
เม่ือจบ การศกึ ษาช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 3 ถอื วา่ เปน็ การจบการศกึ ษาภาคบังคับ
2. ชน้ั มัธยมศึกษาตอนปลาย (ชน้ั ม.4 – ม.6) จะตดั สินผลการเรียนเป็นรายภาคเรียน
เม่อื จบการศึกษาในชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 ถอื ว่าเปน็ การจบการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน
~ 33 ~
กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น และการประเมินผล
นักเรยี นทุกคนจะตอ้ งเข้าร่วมกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น ดังนี
กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียนชนั มธั ยมศึกษาตอนตน้ จานวน 4 กิจกรรม ประกอบดว้ ย
1. กจิ กรรมแนะแนว 1 คาบเรียน/ 1 สัปดาห์
2. กิจกรรม จติ อาสา จานวน 20 ชวั่ โมง/ 1 ภาคเรยี น
3. กจิ กรรมลกู เสอื – เนตรนารี 1 คาบเรยี น/ 1 สปั ดาห์
4. กิจกรรมบงั คับเลือก (กจิ กรรมชุมนมุ ) คือ กิจกรรมตา่ งๆ ทโี่ รงเรียนกาหนดใหน้ กั เรียนเลือกตามตาราง
ท่ีกาหนดให้จานวน 1 กิจกรรม จานวน 1 คาบเรียน/ 1 สัปดาห์ จะเรียนทุกวันอังคาร คาบที่ 7 ทา
กจิ กรรมชุมนุมทีต่ นเองเลือกและวางแผนไว้
การประเมนิ ผล
การตดั สินผลการเข้ารว่ มกจิ กรรม ผา่ น/ไมผ่ า่ น 4 ผลการเรียน โดยประเมนิ ผลเป็นรายภาคเรยี น
1. กจิ กรรมแนะแนว ประเมนิ ผลผา่ น / ไม่ผ่าน
2. กจิ กรรมจิตอาสา ประเมินรวม 3 ปี เวลาไมน่ ้อยกว่า 45 ชว่ั โมง
3. กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ประเมนิ ผล ผา่ น/ไม่ผ่าน
4. กจิ กรรมบงั คบั เลือก (กจิ กรรมชมุ นมุ ) ประเมนิ ผา่ น / ไม่ผา่ น
กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียนชันมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย จานวน 3 กิจกรรม ประกอบด้วย
1. กจิ กรรมแนะแนว 1 คาบเรยี น/ 1 สัปดาห์
2. กิจกรรม จิตอาสา จานวน 20 ช่วั โมง/ 1 ภาคเรียน
3. กิจกรรมบังคับเลือก (กิจกรรมชุมนุม) คือ กิจกรรมต่างๆ ท่ีโรงเรียนกาหนดให้นักเรียนเลือกตาม
ตารางที่กาหนดให้ 1 กิจกรรม 1 คาบเรียนจะเรียนในวันอังคาร คาบที่ 7 ทุกสัปดาห์ มีกิจกรรมให้
เลือก หรือนกั เรยี นจะรวมกลุม่ กัน เพอ่ื วางแผนการดาเนินกิจกรรม
การประเมนิ ผล
การตัดสินผลการเข้ารว่ มกิจกรรม ผา่ น /ไมผ่ า่ น 3 ผลการเรียน โดยการประเมินผลเป็นรายภาคโดยแยก
เป็นภาคเรยี น ดังนี้
1. กิจกรรมแนะแนว ประเมนิ ผล ผ่าน / ไม่ผ่าน
2. กจิ กรรมจิตอาสา ประเมินผล ผา่ น/ ไมผ่ ่าน 1 ผลการเรยี น รวม 3 ปี เวลาไม่น้อยกว่า 60 ช่วั โมง
3. กิจกรรมบังคบั เลือก (กิจกรรมชนุ นมุ ) ประเมนิ ผล ผา่ น/ ไมผ่ ่าน
การประเมนิ ผลการจัดกิจกรรมนกั เรยี น
ข้อบังคับ นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมตามกาหนดในแต่ละภาคเรียนการประเมินผลโดยมี
หลักเกณฑ์การประมวลคือ
ผ (ผ่าน)หมายถึงผ่านเกณฑ์การประเมิน โดยมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลา
ทั้งหมดที่จัดกิจกรรม ของแต่ละภาคเรียน/ปีการศึกษาและผ่านจุดประสงค์สาคัญ ชิ้นงาน/ผลงาน/การปฏิบัติ
กิจกรรม ของกิจกรรมตามกาหนด มีผลงาน ชิ้นงานตามกาหนด
มผ (ไม่ผ่าน) หมายถึง ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน โดยมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ถึงร้อยละ 80ของเวลา
ท้ังหมดท่ีจัดกิจกรรม ของแต่ละภาคเรียน / ปีการศึกษาและ/หรือ ไม่ผ่านจุดประสงค์สาคัญชิ้นงาน/ผลงาน/การ
ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมของกิจกรรมตามกาหนด หรือไมล่ งทะเบียนเป็นสมาชิกของกิจกรรมใดในภาคเรียนน้นั ๆ ไมม่ ีผลงาน
ช้ินงานตามกาหนด
~ 34 ~
การเปล่ียนแปลงการเรยี นของนักเรียน
นักเรยี นท่ไี ดผ้ ลการเรยี นกจิ กรรม มผ ในภาคเรียนใด หรอื ปีการศึกษาใด จะต้องดาเนนิ การแกไ้ ขผลการเรียน
ใหแ้ ล้วเสรจ็ ภายในภาคเรียนถัดไป หรอื หลงั จากที่ทราบผลแลว้ แต่กรณี โดยมขี ้ันตอนดงั นี้
1. ย่นื คารอ้ งขอเปลยี่ นผลการเรยี นทงี่ านกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน
2. งานกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียนบันทกึ ขอ้ มลู แจง้ ประธานครูท่ีปรึกษากจิ กรรมหรือผูบ้ งั คับบัญชาตามสังกัด
3. นักเรียนนาไปยนื่ ประธานครทู ี่ปรกึ ษากิจกรรมหรือ ผ้บู งั คับบญั ชาตามสังกัดแลว้ ดาเนนิ การเปลี่ยนผล
การเรยี นตามแตก่ รณี
4. ประธานครูท่ีปรึกษากิจกรรมหรือผู้บังคับบัญชาตามสังกัด ลงนามรับรองการเปล่ียนแปลงผลการ
เรียนกิจกรรม แลว้ ส่งกลบั ไปทีง่ านกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน
5. งานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนขออนุมัติผลการเรียนกิจกรรมแล้วแจ้งผลการเปลี่ยนแปลงผล การ
เรียนให้งานวัดผลงานทะเบียนและครูท่ีปรึกษาประจาช้ัน
คาอธบิ ายเกณฑก์ ารประเมินของสถานศกึ ษา
เกณฑก์ ารจบหลกั สูตรระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย
1. ผู้เรียนเรียนรายวิชาพ้ีนฐานและเพิ่มเติมไม่นอ้ ยกว่า 81 หน่วยกติ โดยเปน็ รายวิชาพ้นื ฐาน 39 หน่วย
กติ และรายวิชาเพมิ่ เติมตามโครงสร้าง แผนการเรยี นของโรงเรียน
2. ผู้เรยี นต้องไดห้ นว่ ยกติ ตลอดหลักสตู รไมน่ ้อยกว่า 77 หน่วยกติ โดยเปน็ รายวิชาพืนฐาน 39 หนว่ ยกิต
และรายวิชาเพม่ิ เติมไม่นอ้ ยกวา่ 38 หน่วยกติ
3. ผเู้ รียนมผี ลการประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี นไม่ตา่ กวา่ ระดับ “ผ่าน”
4. ผู้เรียนมผี ลการประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงคไ์ มต่ ่ากว่าระดบั “ผา่ น”
5. ผู้เรียนเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี นและมีผลการประเมินไม่ต่ากวา่ ระดบั “ผ่าน”
คาอธบิ ายเกณฑ์การประเมินของสถานศึกษา
เกณฑก์ ารจบหลักสูตรระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น
1. ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติมไม่เกิน 81 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพืนฐาน 63 หน่วยกิต
และรายวชิ าเพิ่มเตมิ ตามโครงสรา้ ง แผนการเรียนของโรงเรยี น
2. ผู้เรยี นต้องไดห้ น่วยกติ ตลอดหลกั สตู รไมน่ อ้ ยกวา่ 77 หน่วยกิต โดยเปน็ รายวชิ าพืนฐาน 63 หนว่ ย
กิต และรายวิชาเพม่ิ เตมิ ไมน่ อ้ ยกวา่ 14 หน่วยกิต
3. ผู้เรียนมผี ลการประเมนิ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นไม่ตา่ กว่าระดับ “ผ่าน”
4. ผเู้ รียนมผี ลการประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ไม่ตา่ กว่าระดบั “ผา่ น”
5. ผู้เรยี นเข้ารว่ มกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียนและมีผลการประเมนิ ไม่ตา่ กว่าระดับ “ผ่าน”
คาอธิบายเกณฑ์ผลการประเมินรายวชิ า
4 หมายถงึ ดีเยี่ยม
3.5 หมายถึง ดมี าก
3 หมายถงึ ดี
2.5 หมายถงึ คอ่ นขา้ งดี
2 หมายถงึ ปานกลาง
1.5 หมายถึง พอใช้
1 หมายถึง ผ่านเกณฑ์ขั้นตา่
0 หมายถึง ตา่ กวา่ เกณฑ์
ร หมายถงึ รอการตัดสนิ
~ 35 ~
โครงสรา้ งการบรหิ ารฝา่ ยกิจการนกั เรียน
โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม รชั มังคลาภิเษก
ผอู้ ำนวยกำร
หัวหนา้ ฝา่ ยกจิ การนกั เรยี น
รองหัวหน้าฝา่ ยกิจการนักเรียน เครือขำ่ ยผูป้ กครอง
โรงเรยี นหว้ ยซ้อวิทยำคมฯ
คณะกรรมกำรบริหำร
งำนกจิ กำรนักเรยี น (ครวู รำงค์จนำ)/ ครปู ระสานงาน
(ครวู ิชัย) หน.เวร/หน.คณะสี/ ผูป้ กครองเครอื ขา่ ยระดับช้นั 1-6
หน.ระดับ/ ครูแนะแนวระดับ
งำนระบบดแู ล งำนส่งเสรมิ วินยั งำนกจิ กรรม งำนสำนกั งำน
ชว่ ยเหลอื นักเรียน คุณธรรมจรยิ ธรรม นักเรียน
งานกิจการนกั เรียน
(ครวู ิชัย/วรำงคจ์ นำ) (ครจู รี ะศกั ด์ิ (ครเู สำวลกั ษณ)์ (ครวู รำงคจ์ นำ/
ปพนธนยั /วรำพร) เสำวลกั ษณ์)
- งานเครือข่ายผปู้ กครอง - งานส่งเสรมิ ระเบียบวนิ ยั - งานกจิ การนักเรียน - งานเลขานกุ าร และ
และความประพฤติ - งานสภานักเรยี น ผู้ช่วยงาน
- ศูนย์ไกล่เกลย่ี นักเรียน - งานสง่ เสรมิ คุณธรรม - งานกิจกรรมหน้าเสาธง - งานสารบรรณ
- งานระบบดแู ลชว่ ยเหลอื - งานส่งเสรมิ ประชาธิปไตย - งานพัสดคุ รุภณั ท์
นักเรียน จรยิ ธรรม - เชด็ ช่ือนกั เรียนเขา้ /ไมเ่ ข้าแถว - งานการเงนิ
- งาน S.D.Q นกั เรียน/คร/ู - โรงเรยี นสีขาว - เชค็ ยอดนักเรยี นแต่ละวนั - งานข้อมลู
ผู้ปกครอง - งานสง่ เสรมิ ประเพณีและ - เชค็ ยอดนักเรียนเขา้ /ไมเ่ ข้าเขต
- งานหน.ระดับ/ครปู ระจาช้นั วัฒนธรรม พัฒนา สารสนเทศ
หน้าเสาธงประจาวัน - งานปอ้ งกันและแก้ไข - งานประกวดห้องเรยี นสะอาด - ประชาสมั พนั ธ์
- ครเู ขา้ เขตพฒั นา/โฮมรูม - ให้คะแนนประเมินครู - งาน/แบบโฮมรมู
- คร/ู เวรประจาวัน ส่งิ เสพตดิ และอบายมขุ เพ่ือประกอบเล่อื นเงินเดือน / - งานแผนงาน/ประเมนิ ผล
- ครูงานคณะสี /กฬี าสี - ทู บี นัม เบอรว์ ัน ตามหวั ข้อท่ีมอบหมาย และสรุปรายงาน
- งานปรบั พฤติกรรมนกั เรียน - งานออกกาลงั กายตอนเช้า -ให้คะแนนประเมนิ ครู
บาเพ็ญระโยชน์ -งานรกั ษาความลอดภัยและ เพือ่ ประกอบเล่อื นเงนิ เดอื น
- งานเพ่ิมคะแนนนกั เรยี น การจราจร ตามหวั ขอ้ ทมี่ อบหมาย
-ร่วมพจิ ารณาคะแนนประเมินครู - ประสานงาน ครแู ละตารวจ
เพ่อื ประกอบเล่อื นเงินเดือนตาม
หวั ขอ้ ทีม่ อบหมาย 3 ฝา่ ย
- ใหค้ ะแนนประเมินครเู พ่อื
ประกอบเลือ่ นเงนิ เดือน ตาม
หวั ข้อทมี่ อบหมาย
~ 36 ~
ระเบยี บ โรงเรียนห้วยซอ้ วิทยาคม รัชมังคลาภิเษก
วา่ ด้วย คณะกรรมการเครือขา่ ยผู้ปกครอง พ.ศ. 2563
เพ่ือให้การดาเนินงานตามระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนท่ีเก่ียวข้องกับคณะกรรมการเครือข่าย
ผู้ปกครองเป็นไปอย่างประสิทธภิ าพสอดคลอ้ งกบั พระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 อาศัยอานาจ
ตามความในมาตรา 9 วรรค (6) แห่งพระราชบัญญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พุทธศกั ราช 2542 โรงเรยี นหว้ ยซ้อ
วทิ ยาคม รัชมงั คลาภิเษก จงึ วางระเบียบไวด้ งั น้ี
ข้อ 1. ระเบียบเรียกว่า “โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก ว่าด้วยคณะกรรมการเครือข่าย
ผู้ปกครอง พ.ศ. 2563”
ขอ้ 2. ระเบียบนี้ใหใ้ ชบ้ งั คับตัง้ แตว่ ันถัดไปจากวนั ประกาศเปน็ ต้นไป
ขอ้ 3. ในระเบียบน้ี “ เครือข่าย ” (Network) หมายความว่า การเข้ามามีบทบาท ในการสรา้ งความ
รว่ มมือแนวรว่ ม หรอื การมสี ่วนในการดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรยี นรว่ มกันระหวา่ งผูป้ กครองกบั โรงเรียน
ข้อ 4. คาว่า “ คณะกรรมการ ” หมายความวา่ คณะกรรมการเครือขา่ ยผู้ปกครองกบั โรงเรยี น
ขอ้ 5. วัตถุประสงค์ของคณะกรรมการเครือข่ายผูป้ กครอง
5.1 เพ่อื การดาเนินงานสรา้ งความสัมพนั ธ์อนั ดรี ะหวา่ งบา้ นและโรงเรียน
5.2 เพอ่ื ให้ พอ่ แม่ – ผู้ปกครองมสี ว่ นรว่ มในการจัดกจิ กรรมพัฒนาพฤตกิ รรมนักเรยี น
5.3 เพ่ือให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์และแนวคิดระหว่างผู้ปกครอง ครู
และนักเรียนในโรงเรียน
5.4 เพื่อรว่ มมอื กันระหวา่ งผปู้ กครองและโรงเรยี นในการจดั กิจกรรมต่างๆ ทสี่ ่งเสรมิ ความรู้
ประสบการณ์ให้นักเรยี นสามารถช่วยเหลือตนเอง ดารงไว้ซง่ึ วฒั นธรรมประเพณี
ตลอดจนละเว้นอบายมุข
5.5 เพือ่ สง่ เสริมความสามัคคชี ่วยเหลอื เกื้อกูลซง่ึ กันและกัน
5.6 เพ่ือสรา้ งเสรมิ ความสัมพันธ์และการตดิ ตอ่ สอ่ื สารระหวา่ งพอ่ แม่ ผูป้ กครองอยา่ งรวดเรว็
และมปี ระสิทธภิ าพ
ขอ้ 6. ระเบยี บและหนา้ ท่ขี องคณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง
6.1 คณะกรรมการเครอื ขา่ ยผปู้ กครองประกอบด้วย
( 1 ) คณะกรรมการระดับห้องเรียนมีจานวนไม่น้อยกว่า 5 คน ประกอบด้วย ประธาน, รอง
ประธาน, เลขานุการ, นายทะเบียนและประชาสัมพันธ์ โดยการคัดเลือกจากผู้ปกครองของ
แตล่ ะห้องเรยี น
( 2 ) คณะกรรมการระดบั ช้นั เรยี นประกอบด้วย ประธาน รองประธาน เลขานุการ นายทะเบียน
และประชาสัมพันธ์โดยการคัดเลือกจากคณะกรรมการระดับห้องเรียนของชั้นเรีย นน้ันๆ
ระดับช้ันละ 2 คน
( 3 ) คณะกรรมการระดับโรงเรียนประกอบไปด้วยคณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครองทั้งส้ิน
จานวน 12 คน
( 4 ) การได้ซ่ึงคณะกรรมการระดับโรงเรียน ได้มาจากประธานและเลขานุการของแต่ล
ระดับช้ันเรียนท้ังหมด จานวน 12 คน ประกอบด้วย ประธาน รองประธาน เลขานุการ
~ 37 ~
ประชาสัมพนั ธ์ นายทะเบียน ปฏคิ ม และกรรมการที่เหลือเปน็ กรรมการ กรณที ผ่ี ู้แทนของระดับ
ใดได้รับการคัดเลือกเป็นประธานเครือข่ายผู้ปกครอง ให้เลือกผู้แทนของระดับน้ันข้ึนมาแทน
ตาแหน่งท่วี ่างลง เพ่อื ให้ครบจานวน 12 คน ตามขอ้ ( 3 )
6.2 คุณสมบตั ิของกรรมการเครือขา่ ยผปู้ กครอง
( 1 ) ประกอบอาชพี สจุ รติ มที ีอ่ ยู่อาศัยเปน็ หลกั แหล่งแน่นอน
( 2 ) บรรลุนิติภาวะและมีสถานภาพเป็นผู้ปกครองนักเรียนในปัจจุบันใน
สถานศึกษา โดยชอบตามกฎหมาย
( 3 ) ไม่เปน็ โรคติดต่อรา้ ยแรงหรอื โรคทีส่ ังคมรงั เกียจ
6.3 การพน้ จากตาแหน่งของกรรมการเครอื ขา่ ยผปู้ กครอง
( 1 ) ตาย
( 2 ) ลาออก
( 3 ) ขาดคณุ สมบตั ติ ามทไี่ ด้กาหนดไว้ใน ข้อ 6.2
6.4 วาระการดารงตาแหน่งของคณะกรรมการเครอื ข่ายผู้ปกครองคณะกรรมการเครือข่าย
ผู้ปกครองทุกระดับมีวาระ 1 ปี นับต้ังแต่วันที่ได้รับการคัดเลือกส้ินสุดลงวันท่ีคณะกรรมการเครือข่าย
ผูป้ กครองชุดใหมไ่ ดร้ บั การคัดเลือก
ขอ้ 7. บทบาทและหนา้ ท่ีของคณะกรรมการเครือขา่ ยผ้ปู กครอง
7.1 รว่ มสนับสนนุ กิจกรรมของโรงเรียนโดยผา่ นความเหน็ ชอบจากผู้อานวยการโรงเรยี น
7.2 ร่วมสร้างสายใยเช่ือมสมั พันธ์อันดีระหวา่ งครแู ละผู้ปกครอง
7.3 สนบั สนุนการพฒั นาการเรยี นการสอนของโรงเรยี น
7.4 ให้ขอ้ คิดเหน็ และเสนอแนะต่อโรงเรียน ในเรือ่ งต่างๆ ท่ีจะเปน็ ประโยชน์แกน่ กั เรยี นและโรงเรียน
7.5 จดั การประชมุ กรรมการและผู้ปกครองในห้องเรยี นตามความเหมาะสมอยา่ งนอ้ ยปีละ 2 ครัง้
7.6 จัดทาทาเนียบนักเรียนและผู้ปกครองโดยละเอียด และส่งมอบสาเนาให้เลขานุการ
กรรมการเครือข่ายผู้ปกครองในระดับชั้นเรียนและระดบั โรงเรียน
7.7 กรรมการเครือข่ายผู้ปกครองในระดับโรงเรียนจะต้องรวบรวมข้อมูลและกิจกรรมของ
แตล่ ะระดับชัน้ นาเสนอโรงเรยี นเพอื่ ดาเนนิ การต่อไป
7.8 ให้คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครองระดับโรงเรียนจัดการประชุมใหญ่ร่วมกันกับ
คณะกรรมการเครือขา่ ยผูป้ กครองทุกระดบั ตามความเหมาะสมอย่างนอ้ ย 2 ครง้ั ต่อปี
ข้อ 8. ให้โรงเรียนแต่งต้งั ครู เป็นผู้ประสานงานกบั คณะกรรมการเครอื ขา่ ยผปู้ กครองใน ทุกระดบั
ขอ้ 9. ใหผ้ ู้อานวยการโรงเรียนรกั ษาการให้เปน็ ไปตามระเบียบน้ี และเปน็ ผ้ลู งนามในประกาศแต่งต้ัง
คณะกรรมการเครือขา่ ยผู้ปกครองได้ กรณสี นิ้ สุดวาระลง ตามข้อ 6.4
ขอ้ 10. คณะกรรมการท่โี รงเรียนจดั ตัง้ ข้ึนมอี ยู่ก่อนระเบียบน้ีใช้บังคบั ให้สิ้นสภาพ และให้จดั การใหม่
ตามระเบยี บนี้
ประกาศ ณ วนั ท่ี 1 เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2563
(นายสุชาติ ศรธี นิ นท)์
ผูอ้ านวยการโรงเรยี นห้วยซอ้ วทิ ยาคม รชั มงั คลาภิเษก
~ 38 ~
ระเบยี บวา่ ด้วยการกระทาผิดและการลงโทษ
นกั เรียนโรงเรยี นหว้ ยซ้อวิทยาคมรัชมงั คลาภเิ ษก
ด้วยฝ่ายกิจการนักเรียน โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก ตระหนักถึงการสอดส่องดูแลพฤติกรรมของ
นกั เรยี น เพือ่ ให้เกิดความสงบสุขในโรงเรียนและร่วมมือกันแก้ไขพฤติกรรมเบี่ยงเบนของนักเรียน คณะกรรมการฝ่ายกิจการ
นักเรียนจึงเห็นควรให้มีการออกระเบียบว่าด้วยการกระทาความผิดและการลงโทษนักเรียน โดยทางโรงเรียนได้แต่งตง้ั ครู
ประจาชั้นและครเู วรประจาวัน เพ่ือดูแลความเรียบร้อย ในด้านความประพฤติของนักเรียน การมาโรงเรียนสาย การหนี
เรยี นและปัญหาอ่ืนๆ ฝ่ายกิจการนักเรียนได้ออกมาตรการควบคุมดูแลนักเรียนตามระบบดูแลนักเรียน โดยกาหนดให้
ใช้วิธีตัดคะแนนพฤติกรรม โดยครู – อาจารย์ ทุกคนมีสิทธิในการตัดคะแนนตามท่กี าหนดไว้เม่ือพบเห็นนกั เรียนประพฤติ
ตนผดิ ระเบยี บของโรงเรียน
ความประพฤตอิ นั ดีของนกั เรียน
นักเรียนเปน็ ผทู้ อ่ี ยู่ในวยั การศึกษา มีหนา้ ท่ีเลา่ เรียนตามสภาพของนักเรียนซ่งึ ผลของการศกึ ษาเลา่ เรยี นจะเป็นหลกั ประกัน
ชีวติ ในอนาคต ดังนนั้ สมควรจะยึดหลักตอ่ ไปน้ี
1. นักเรยี นรักษามารยาทของสงั คม และไม่พงึ กระทาสง่ิ ต่อไปน้ี
ก. เทยี่ วกลางคนื
ข. ทาความราคาญแกผ่ สู้ ญั จรไปมา
ค. ประพฤติไมส่ มควรแกว่ ยั หรอื สภาพการเปน็ นกั เรยี น
2. ไมป่ ระพฤตผิ ดิ ระเบยี บของโรงเรียนที่กาหนดไว้
3. นักเรียนย่อมเป็นผเู้ ล่นกฬี าเปน็ ดกู ฬี าเป็น รแู้ พ้ ร้ชู นะ รูอ้ ภยั
4. นกั เรียนย่อมต้องเคารพต่อบดิ า มารดา ผู้ใหญ่ ครู และอาจารย์ เมือ่ มีปญั หาเกดิ ข้ึนต้องปรกึ ษาผู้ใหญ่
5. นักเรยี นตอ้ งสวมเครือ่ งแบบนักเรียนและต้องรกั ษาชอ่ื เสยี งของตนเองและของโรงเรยี นอย่เู สมอ
6. นกั เรยี นตอ้ งเป็นผ้มู ีระเบียบวินยั อันดงี ามและเคารพกฎหมาย
7. นกั เรยี นควรยึดถือคุณธรรมตอ่ ไปนี้
ก. ความซือ่ สัตย์
ข. ความกตญั ญูกตเวที
ค. ความสามคั คี
ง. ความประหยัด
8. นักเรียนต้องยึดมั่น เคารพ เทิดทูน ในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบ
ประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษัตรยิ ์เปน็ ประมขุ
การกระทาผดิ ระเบียบของโรงเรยี น และการลงโทษ
มีระเบียบว่าดว้ ยการกระทาความผดิ ระเบียบของโรงเรียน และการลงโทษไว้ ดังน้ี
1. ความผิดขนั ลหุโทษ
เปน็ โทษสถานเบา ใหท้ าหนังสอื ถงึ ผ้ปู กครอง (บางขอ้ หาฝ่าฝืนมากกวา่ 2 คร้ัง ให้ถือวา่ เป็นความผดิ สถานหนกั )
ก. ว่ากล่าวตักเตือน อบรม สัง่ สอน
ข. ตดั คะแนนความประพฤติ
2. ความผิดขนั ปานกลาง
1. มาโรงเรียนสายเป็นประจา เว้นแตม่ เี หตุผลตามสมควร
2. แต่งกายไมถ่ กู ต้องตามระเบียบของโรงเรยี นให้ลงโทษตามท่ีกาหนดไว้
3. แตง่ กายไมส่ ุภาพท้ังภายนอกและภายในโรงเรียน อันส่อใหเ้ ห็นว่าเปน็ การไมถ่ ูกระเบยี บ
4. พดู จาหยาบคาย
~ 39 ~
5. แสดงกริ ยิ าวาจา หรอื กระทาอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงทไ่ี มส่ ุภาพ
6. มว่ั สุมและก่อความเดอื ดร้อนราคาญอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่
7. เที่ยวเร่รอ่ นในสาธารณะหรอื ทาลายทรพั ย์สมบตั ิของโรงเรยี นสถานศกึ ษาหรอื สาธารณสมบัติ
8. สูบบหุ รี่
9. คบเพือ่ นต่างเพศเกินขอบเขต ส่อเจตนาในทางชูส้ าว มีไว้ครอบครองหรือดูซึ่งภาพยนตร์หรือสื่อลามกอนาจาร
10. ฝ่าฝืนระเบียบของโรงเรยี นทวี่ างไว้ เช่น หนีโรงเรยี น, หนีห้องเรียน, ออกนอกบริเวณโรงเรียนไม่ขออนุญาต,
หลบหนกี ารเขา้ แถว ฯลฯ
11. นารถจักรยานยนต์มาโรงเรียนโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีใบขับข่ี/กรณีที่ได้รับอนุญาตนารถจักรยานยนต์
มาแล้ว ไมน่ าไปจอดในโรงรถ จอดในทห่ี า้ มจอด จอดนอกโรงเรยี น เพื่อสะดวกในการหลบหนเี รยี น เปน็ ตน้
12. ไม่ให้ความร่วมมือในกิจกรรมของโรงเรยี น ซง่ึ ทางโรงเรียนไดน้ ัดหมาย
13. เท่ียวเตร่เวลากลางคืน ระหว่าง 22.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่ไปกับบิดา มารดาหรือ
ผู้ปกครอง หรอื ไดร้ บั อนุญาตจากโรงเรียนหรอื สถานศึกษา
14. นาโทรศัพทม์ ือถือมาใช้ในโรงเรียนไมไ่ ด้รับอนุญาต
3. ความผดิ ขันอุกฤษฎโ์ ทษ (เปน็ โทษสถานหนัก) ใหด้ าเนนิ การลงโทษ ดังนี้
ก. ทาทณั ฑ์บน
ข. ตัดคะแนนความประพฤติ
ค. ทากจิ กรรมเพือ่ ปรบั พฤตกิ รรมตามแนวปฏิบัติทก่ี ระทรวงกาหนด
แล้วแต่กรณี โดยเชิญผู้ปกครอง และให้อานาจของงานกิจการนักเรียนเสนอความเห็นในการพิจารณาโทษ
ใหผ้ ูอ้ านวยการพิจารณาอนุมตั ิต่อไป
ความผดิ ขันอกุ ฤษฎ์โทษ ไดแ้ ก่
1. กระทาความผิดในคดอี าญา
2. การใชส้ ่ืออนิ เตอร์เนต็ ไมเ่ หมาะสม และทาใหเ้ กิดความเสยี หายตอ่ บุคคลและองคก์ ร
3. เล่นการพนนั ซ่ึงตอ้ งห้ามตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการพนัน (สว่ นความผดิ ทค่ี ลา้ ยการพนนั เปน็ ความผดิ ลหโุ ทษ)
4. เขา้ ไปในสถานคา้ ประเวณี คา้ ประเวณี / เป็นธรุ ะจัดหา เว้นแต่จะเป็นผู้อาศัยอยู่ในที่น้ันหรอื เขา้ ไปเย่ียมญาติ
ซง่ึ อาศยั อยูใ่ นน้ัน
5. เข้าไปในสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบรกิ าร หรือสถานบริการอนื่ ๆ ซ่ึงมีลักษณะคลา้ ยคลงึ กบั โรง
รับจานา หรือสถานการพนนั ในระหว่างการเลน่ พนนั เวน้ แต่จะเป็นผ้อู าศัยหรอื เยี่ยมญาตใิ นสถานท่ีน้นั
6. เข้าไปในงานหรือร่วมงานสังสรรค์ และงานนั้นมกี ารเต้นรา หรือกระทาการไม่ควรแก่สภาพนักเรียน เว้นแต่
ได้ไปกบั บิดามารดาหรอื ผปู้ กครอง หรืองานนัน้ บดิ ามารดาหรอื ผปู้ กครองหรอื สถานศกึ ษาของนกั เรยี นคนหนึ่ง
คนใดเปน็ ผ้จู ัด หา้ มเข้าผับหรอื สถานท่ีเรงิ รมย์
7. ประพฤติตนในทานองชสู้ าว
8. มวี ตั ถุระเบิด หรืออาวุธติดตัว หรือซอ่ นเร้นไว้เพอ่ื ใช้การประทุษร้าย
9. สบู กัญชา หรอื เสพสรุ า ยาเสพตดิ หรอื ของมนึ เมาอย่างอน่ื
10. ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ก่อให้เกดิ ความไม่สงบวุ่นวายภายในหรอื ภายนอกโรงเรียนก่อความแตกแยกสามัคคี
11. ประพฤติตนซึง่ คณะกรรมการงานกจิ การนักเรียนไดพ้ จิ ารณาเหน็ วา่ ทาให้เสือ่ มเสียชอ่ื เสยี งของโรงเรียน
12. ประพฤติผดิ กฎหรอื ประกาศของกระทรวงศึกษาธิการอันจดั เปน็ โทษสถานหนกั
ประกาศ ณ วนั ท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
(นายสุชาติ ศรีธินนท์)
ผอู้ านวยการโรงเรยี นหว้ ยซ้อวิทยาคม รัชมังคลาภเิ ษก
~ 40 ~
ระเบยี บโรงเรยี นห้วยซ้อวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก
วา่ ด้วย “การพกพาโทรศัพทเ์ คลือ่ นท่ี มาโรงเรียน พ.ศ. 2563”
*******************
ในปัจจบุ นั นกั เรียนจานวนมากมคี ่านยิ มในเร่ืองของการใชโ้ ทรศัพท์เคลื่อนท่โี ดยไมม่ คี วามจาเปน็ นกั เรียน
มีการเลียนแบบการใช้โทรศัพท์ในทางที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม ส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอน สมาธิสั้น ขาดความอดทน
ไม่มีสมาธิ ขาดการจดจ่อต่อสิ่งที่ทาเกี่ยวการเรียนการสอน นักเรียนมีนิสัยการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายของ
ครอบครวั ทีส่ าคัญทีส่ ดุ คือสง่ ผลกระทบตอ่ พฤติกรรมท่ไี ม่พงึ ประสงค์และความปลอดภัยในชีวิต ทรพั ย์สนิ ของนักเรียน
เพอื่ ปอ้ งกันปญั หาท่ีจะเกิดข้นึ กับนักเรยี น โรงเรยี นห้วยซอ้ วทิ ยาคม รชั มงั คลาภิเษก จึงไมอ่ นญุ าตให้นักเรียน
พกพาโทรศพั ทเ์ คลือ่ นท่ีมาโรงเรียน ยกเว้นกรณีท่ีนักเรยี นมีปญั หาด้านสุขภาพอย่างรุนแรง ปัญหาด้านภาระความรับผิดชอบ
ตอ่ ครอบครวั หรอื ปัญหารา้ ยแรงอ่นื ๆ ท่นี ักเรยี นมคี วามจาเป็นตอ้ งพกพาโทรศัพทเ์ คลื่อนทมี่ าโรงเรยี น ผปู้ กครองและนกั เรียน
ต้องปฏิบัตติ ามระเบียบโรงเรียนห้วยซอ้ วิทยาคม รัชมงั คลาภิเษก ว่าด้วยการพกพาโทรศพั ท์เคล่ือนท่ีมาโรงเรยี น พ.ศ. 2563
ดังต่อไปน้ี
ข้อ 1. ระเบียบน้ีเรียกว่า “ระเบียบโรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก ว่าด้วย การพกพาโทรศัพท์เคล่ือนที่มา
โรงเรียนพ.ศ. 2563”
ขอ้ 2. ให้ใช้ระเบยี บน้ี ต้งั แต่วันท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เปน็ ตน้ ไป
ขอ้ 3. ให้ยกเลิกประกาศโรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก ฉบับอนื่ ว่าด้วย นาโทรศัพท์เครอ่ื งมือสอ่ื สารต่าง ๆ
มาโรงเรียน และให้ใช้ “ระเบียบโรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก ว่าด้วยการพกพาโทรศัพท์เคล่ือนที่มา
โรงเรยี น พ.ศ. 2563” แทน
ข้อ 4. ในระเบียบนี้
4.1 นักเรยี น หมายถงึ นกั เรยี นทุกคนของโรงเรียนหว้ ยซอ้ วิทยาคม รัชมงั คลาภเิ ษก
4.2 บิดา หรอื มารดา หรอื ผู้ปกครอง หมายถงึ บคุ คลที่เปน็ ผู้ลงชอ่ื มอบตวั นักเรยี นไว้กับโรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม
รชั มังคลาภิเษก
ข้อ 5. นักเรียนท่ีมีความจาเป็นต้องพกพาโทรศัพท์เคล่ือนที่มาโรงเรียน ตามเหตุผลที่ระบุไว้ในระเบียบน้ี บิดา หรือ
มารดา หรอื ผ้ปู กครองและนกั เรียนตอ้ งดาเนนิ การดงั ต่อไปนี้
5.1 นักเรียน บิดา หรือมารดา หรือผู้ปกครอง มาติดต่อกับงานกิจการนักเรียนพร้อมทาบันทึกขออนุญาตให้
นักเรียนในปกครอง พกพาโทรศัพทเ์ คลือ่ นที่มาโรงเรียน
5.2 นักเรียนนาบนั ทกึ ขออนญุ าตพกพาโทรศพั ทม์ าโรงเรียน เสนอครูประจาชัน้ เพ่ือตรวจสอบข้อมลู
5.3 ครปู ระจาช้นั นาบันทึกดังกล่าวทผ่ี า่ นการตรวจสอบแลว้ เสนอตอ่ หัวหนา้ ระดบั
5.4 หัวหนา้ ระดับกลั่นกรองแล้วนาเสนอหัวหน้างานกจิ การนักเรียนและนาเสนอผู้อานวยการโรงเรยี น เพื่อการ
พจิ ารณาอนญุ าต
5.5 นักเรียนท่ีได้รับอนุญาตให้พกพาโทรศัพท์เคลื่อนที่มาโรงเรียนได้ โรงเรียนจะออกบัตรอนุญาตพก พา
โทรศพั ทใ์ ห้นักเรียนไว้เป็นหลักฐาน และนกั เรยี นจะต้อง ปฏบิ ัติดงั นี้
5.5.1 นกั เรียนต้องเกบ็ โทรศพั ทไ์ ว้ในที่มิดชดิ
5.5.2 นักเรียนตอ้ งปิดโทรศัพท์ขณะท่ีมีการเรียนการสอน การเข้าหอ้ งประชุม และการเขา้ ร่วมกิจกรรม
5.5.3 นกั เรียนใช้โทรศัพทต์ ามเหตุผลที่แจง้ ไวใ้ นบันทึกขออนุญาต และในสถานที่ ที่เหมาะสม
5.6 หากนักเรียนไมป่ ฏบิ ัติตามข้อ 5.5.1 – 5.5.3 โรงเรียนจะระงบั การอนุญาตใหพ้ กพาโทรศพั ท์เคลอ่ื นท่ี
เป็นเวลา 1 สัปดาห์ และถูกยึดโทรศัพท์เก็บไว้ที่ฝ่ายกิจการนักเรียน และแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ โดย
สามารถติดตอ่ รบั ได้เมอ่ื ครบกาหนดเวลา
ขอ้ 6 นักเรียนทไ่ี มไ่ ดร้ ับอนุญาต หากพกพาโทรศัพท์เคล่อื นท่มี าโรงเรยี น แสดงว่านกั เรียนไมป่ ฏิบัติตามกฎ ระเบียบ
ของโรงเรียน โรงเรยี นจะยึดโทรศัพทไ์ วท้ ฝี่ ่ายกิจการนักเรยี น นักเรยี นตอ้ งปฏบิ ตั ดิ งั นี้
~ 41 ~
6.1 นักเรียนบันทึกความผิด และถกู ตัดคะแนนความประพฤติ
6.2 นกั เรยี นแจ้งบดิ า หรือมารดา หรอื ผู้ปกครองท่มี าลงชอื่ มอบตัวนักเรียนไว้
6.3 หากนักเรียนยงั พกพาโทรศัพทเ์ คลอื่ นทม่ี าโรงเรียนอกี โรงเรยี นดาเนินการ ตามข้อ 6.1 และผู้ปกครองจะ
รับโทรศัพท์คนื ได้ในวันสอบปลายภาคเรยี น
ทั้งนี้ ให้หัวหน้าฝา่ ยกจิ การนักเรยี น รักษาการใหเ้ ปน็ ไปตามระเบียบน้ี
ประกาศ ณ วนั ที่ 1 เดอื น กรกฎาคม พ.ศ. 2563
(นายสชุ าติ ศรธี ินนท์)
ผู้อานวยการโรงเรยี นห้วยซ้อวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก
~ 42 ~
ระเบยี บโรงเรียนหว้ ยซอ้ วทิ ยาคม รชั มังคลาภเิ ษก
ว่าด้วยจรรยามารยาทและการทาความเคารพของนกั เรยี น พ.ศ. 2563
****************
ด้วยจรรยามารยาทที่ดีงามของไทย อันเป็นเอกลกั ษณข์ องชาติ “โรงเรยี นห้วยซอ้ วทิ ยาคมรชั มงั คลาภิเษก”จงึ กาหนด
ระเบียบว่าดว้ ยจรรยามารยาทและการทาความเคารพของนักเรียน ดงั ตอ่ ไปน้ี
ข้อ 1 ระเบยี บนเี้ รียกว่า “ระเบยี บจรรยามารยาทและการทาความเคารพ “ของนักเรยี น พ.ศ.2563
ขอ้ 2 ใหใ้ ช้ระเบยี บนต้ี ั้งแต่ “วนั ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เป็นตน้ ไป
ข้อ 3 ในระเบียบน้ี
3.1 “นักเรียน” หมายถงึ นักเรยี นทกุ คนของโรงเรียนห้วยซ้อวทิ ยาคม รัชมังคลาภเิ ษก
3.2 “ครูเวรประจาวนั ” หมายถงึ ครูท่ไี ด้รับการแตง่ ตงั้ หรือรับมอบหมายใหป้ ฏบิ ตั ริ าชการจาก
ทางโรงเรียนในการดแู ลนักเรยี น ตามสถานท่ตี า่ งๆ ในแตล่ ะวนั
“คร”ู หมายถึง ครูทกุ คนท่ีปฏบิ ตั ริ าชการในโรงเรียนหว้ ยซ้อวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก
“บุคคลภายนอก” หมายถึง บุคคลท่ีรบั การเชิญ หรือมาติดต่อราชการหรอื มาเยยี่ มชมโรงเรียนเปน็ หมู่คณะหรอื รายบุคคล
“แบบกาหนดของสานกั งานคณะกรรมการวัฒนธรรมแหง่ ชาติ” หมายถึง หน่วยงานทกี่ าหนดแบบการปฏบิ ตั มิ ารยาทไทย
ออกใชเ้ ป็นแบบเดยี วกนั ท่ัวประเทศ
ข้อ 4 การแสดงความเคารพเมอื่ แรกเรม่ิ เข้าสบู่ ริเวณโรงเรยี น ให้ถือปฏบิ ัตดิ ังนี้
เมอ่ื นักเรยี นเขา้ มาส่บู ริเวณโรงเรียน ให้นกั เรยี นหยุดยนื ทาความเคารพครูเวรประจาวันด้วยการไหวโ้ ดยใช้
การไหว้ตามแบบกาหนดของสานักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ไหว้พระตามจุดตาแหน่งท่ีทาง
โรงเรียนกาหนด
ข้อ 5 การแสดงความเคารพเมอื่ อยูใ่ นหอ้ งเรียน ให้ปฏิบัตดิ งั ต่อไปน้ี
เมื่อครูเข้ามาในห้องเรยี นให้หัวหน้าชั้นบอกทาความเคารพ โดยให้ใช้คาว่า “นักเรียน”ให้นักเรียนทุกคน
หยุดทากิจกรรมต่างๆ ทุกอย่างแล้วน่ังตัวตรงหัวหน้าบอกว่า “ทาความเคารพ” ให้นักเรียนทุกคนไหว้
พร้อมกล่าวคาว่า “สวัสดีครับ/ค่ะ” ในระหว่างที่ ครูกาลังสอน หากมีข้อสงสัยในบทเรยี นให้ยกมอื ขึ้นรอ
เพ่ือให้ครอู นญุ าต จงึ ยืนถามขอ้ สงสัยได้ เม่ือไดร้ บั คาอธิบายเขา้ ใจแลว้ ใหก้ ล่าวคาว่า “ขอบคุณครบั /คะ่ ”
เม่ือจะเข้าไปหา ครูเพ่ือส่งงานหรอื รบั รอง ให้นักเรียนยืนตรงในระยะที่ห่างพอสมควร เมื่อรับหรือส่งงาน
แล้ว นักเรียนจะกลับมาท่โี ต๊ะ ให้นักเรียนทาความเคารพด้วย “การไหว้” การออก หรือเข้าห้องเรยี นใน
ขณะที่ ครูกาลังสอนหรืออยู่ในห้องนักเรียนต้องขออนุญาตก่อนทุกคร้ัง โดยยืนตรงแล้วกล่าวคา “ขอ
อนุญาตครับ/ค่ะ” เม่ือไดร้ บั อนญุ าตแล้วให้นกั เรียน “ไหว้”พรอ้ มกับกล่าวคาว่า“ขอบคุณครับ/ค่ะ”เม่อื
หมดคาบเรียน ครูจะออกจากห้องเรยี นให้หวั หน้าห้องบอกทาความเคารพอีกคร้ัง เช่นเดียวกันกับครูเข้า
หอ้ งเรยี น แลว้ ให้นักเรยี น “ไหว้”พร้อมกับกลา่ วคา “ขอบคณุ ครับ/คะ่ ”
ข้อ 6 การแสดงความเคารพเมื่ออยภู่ ายนอกห้องเรียนให้ปฏิบัติดงั ต่อไปน้ี
เม่ือเดินสวนทางกับครหู รือผูท้ ่เี คารพ หรือบุคคลภายนอกทมี่ าเย่ยี มชมโรงเรียน ใหห้ ยดุ ยืนตรงแล้ว “ไหว”้
พร้อมกลา่ วคาทักทายว่า “สวัสดคี รับ/ค่ะ” ในกรณที ่ีใช้เม่ือเป็นการพบครัง้ แรก และถา้ เปน็ การพบในครั้ง
ต่อๆ ให้แสดงเคารพโดยยืนตรงเม่ือขึ้นลงบันได ให้ยึดหลักชิดขวามือเสมอ และเม่ือเดินสวนทางกับครู
หรือผูท้ เี่ คารพหรอื บุคคลภายนอก ให้นักเรียนหยุดยนื ตรงจนกว่าครู หรือบคุ คลภายนอกเดนิ ผ่านไปเมื่อจะ
เดินแซงครู ใหน้ กั เรียนกล่าวคาว่า “ขออนุญาตครับ/ค่ะ” แล้วจงึ เดินกม้ หลงั เล็กน้อยแล้วเดินผ่านไปขณะท่ี
ครู หรอื บุคคลภายนอกอยูก่ บั ที่ ถา้ นักเรียนต้องการเดนิ ผา่ นใหก้ ม้ หลงั เล็กนอ้ ย
ข้อ 7 การแสดงความเคารพ เมอ่ื อย่นู อกบริเวณโรงเรยี น ให้ปฏิบตั ดิ งั น้ี
เมื่อพบครู ให้นักเรียนทาความเคารพด้วยการ “ไหว้” อาจจะกล่าวทักทายตามควรแก่กรณีทั้งน้ีการทา
ความเคารพใหพ้ จิ ารณาตามความเหมาะสมกบั กาลเทศะ
~ 43 ~
ข้อ 8 สถานการณ์ทีน่ กั เรยี นไมต่ ้องทาความเคารพ ให้ปฏบิ ตั ดิ งั นี้
8.1 ขณะทอี่ ยูใ่ นแถว หรอื อยู่ในความควบคมุ ดแู ลของครู
8.2 ขณะกาลงั รว่ มในมณฑลพธิ ีตา่ งๆ
8.3 ขณะกาลงั ถอื หรอื แบกหามสง่ิ ของต่างๆ
8.4 ขณะขบั ขย่ี านพาหนะหรอื อยู่ในที่คับขันอันตราย
ข้อ 9 การทาความเคารพให้ใช้ตาม แบบกาหนดของสานักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
กระทรวงศกึ ษาธิการ
ข้อ 10 นักเรียนทุกคนต้องแสดงความเคารพ ครู ของโรงเรียนทุกคนทั้งที่อยู่ภายในบริเวณโรงเรยี นและภายนอก
บริเวณโรงเรียน ทงั้ นี้ หากนักเรียนคนใดฝ่าฝืนตามความในระเบียบน้ี ให้ครูท่พี บเห็นวา่ กล่าวตักเตือน และชี้แจงใน
การปฏบิ ัติตามทก่ี าหนด
ข้อ 11 ให้หัวหนา้ ฝ่ายกิจการนกั เรยี น รักษาการใหเ้ ป็นไปตามระเบยี บน้ี
ประกาศ ณ วนั ท่ี 1 เดอื น กรกฎาคม พ.ศ. 2563
(นายสุชาติ ศรธี ินนท์)
ผู้อานวยการโรงเรยี นห้วยซอ้ วิทยาคม รัชมังคลาภเิ ษก
~ 44 ~
ประกาศโรงเรยี นห้วยซอ้ วิทยาคม รชั มงั คลาภเิ ษก
วา่ ด้วย ระเบียบแบบแผนและแนวปฏิบัติของนกั เรียน
(ปรบั ปรุงปีการศกึ ษา 2563)
เพ่ือให้นักเรียนมีกรอบและแนวทางการประพฤติปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นนักเรียน โรงเรียนจึง
กาหนดระเบียบแบบแผนและแนวปฏิบตั ขิ องนักเรยี น โรงเรยี นห้วยซอ้ วทิ ยาคม รัชมงั คลาภิเษกดังตอ่ ไปนี้
ข้อที่ 1 การมาโรงเรยี น
1.1 นักเรียนทุกคนต้องมาถึงโรงเรียนอย่างช้าเวลา 07.50 น. เม่ือเข้ามาโรงเรียนแล้วออกนอกบริเวณโรงเรียน
ไม่ได้ เว้นแต่มีกิจธุระจาเป็น ซ่ึงต้องมีผู้ปกครองหรือผู้มอบตัวนักเรียนเป็นผู้มารับนักเรียนในปกครองด้วย
ตนเอง
1.2 นกั เรียนทม่ี าโรงเรยี นไม่ทัน (คาบเรียนที่ 1-4) ใหไ้ ปรายงานตวั กับฝ่ายกิจการนักเรียนเพ่ือรับบัตรอนุญาตเข้า
ชั้นเรียน แลว้ นาแสดงตวั แก่ครูผู้สอนในช่ัวโมงนั้น ๆ เพอ่ื ขออนญุ าตเขา้ เรียน กรณีมาโรงเรยี นสายเกิน 4 คร้ัง
โรงเรยี นจะแจ้งใหผ้ ูป้ กครองมารับทราบ และเชญิ พบเพ่อื รว่ มมือกันแก้ไขพฤติกรรมของนักเรียน
1.3 นกั เรียนท่ีมผี ปู้ กครองขับรถมาสง่ ให้ลงจากรถแล้วเดินเขา้ ประตทู าความเคารพครเู วรท่ีประตโู รงเรยี น
1.4 โรงเรยี นไมอ่ นญุ าตใหน้ ารถมาส่งนักเรียนในบริเวณโรงเรยี น ยกเวน้ ในกรณที น่ี กั เรียนมีปญั หาด้านสุขภาพหรือ
มคี วามจาเปน็ เปน็ กรณพี เิ ศษหากฝนตก อนุญาตใหน้ ารถเข้ามาจอดรบั -สง่ ข้างสนามบาสเกตบอล
1.5 หา้ มนกั เรียนขับรถยนตม์ าโรงเรยี น
1.6 ใหน้ ักเรียนมาเรียน เข้ามาโรงเรียน ทางประตู 1 เทา่ นน้ั ประตู 2 จะปิด เม่ือเวลา 08.00น.
ข้อที่ 2 นักเรยี นที่มาสายหมายถงึ ไมท่ ันเข้าแถวเคารพธงชาตจิ ะต้องปฏบิ ัตติ นดงั น้ี
2.1 กลุม่ ทม่ี าไมท่ ันเข้าแถว แตท่ นั เคารพธงชาติ(หนา้ ประตู 1)
หลงั จากเวลา 07.50 น.- 08.00 น. หา้ มนักเรยี นเข้าไปแทรกในแถว โดยหยดุ อยกู่ บั ท่ีในขณะประกอบพิธี
การหนา้ เสาธงให้เข้าแถวอยู่ บริเวณหนา้ ป้อมยาม หรือกรณฝี นตกให้เขา้ แถวบรเิ วณ ปอ้ มยาม ทากิจกรรม รว่ มกับนกั เรยี นที่
เข้าแถวหน้าเสาธงเป็นปกติ บทลงโทษ ครเู วรประจาวันวา่ กล่าวตกั เตือน อบรมเรือ่ งการมวี นิ ยั ตอ่ ตนเอง และการตรงต่อเวลา
2.2 กลุ่มทีม่ าไมท่ นั เข้าแถว และไมท่ นั เคารพธงชาติ (หน้าประตู 1)
เวลา 08.01- 08.10น. ห้ามนักเรยี นเข้าไปในแถว ใหเ้ ข้าแถวอยู่ บริเวณป้อมยาม
ครง้ั ท่ี 1 ตักเตอื น/ บันทึก
ครั้งท่ี 2 หักคะแนน 5 คะแนน
คร้งั ท่ี 3 หกั คะแนน 10 คะแนน เชญิ ผู้ปกครองมาพบ
คร้งั ท่ี 4 เปน็ ตน้ ไป หกั คะแนน 15 คะแนน
เชญิ ผปู้ กครองมารบั ทราบทุกครง้ั รายงานใหก้ ับหัวหน้าฝา่ ยกิจการนักเรียนทราบ
2.3 กลมุ่ ท่มี าไมท่ ันเข้าแถวไม่ทันเคารพธงชาติ และไมท่ นั โฮมรูม (หน้าประตู 1)
เวลา 08.20 - 08.30น. ให้เข้าแถวนอกประตูโรงเรยี นบทลงโทษ ครเู วรประจาวัน สอบถามสาเหตุของการ
มาสายอบรมเร่ืองการมีวินยั ตอ่ ตนเอง และการตรงตอ่ เวลา หากไมม่ เี หตผุ ลเพยี งพอ ใหด้ าเนินการ ดังนี้
ครง้ั ที่ 1 ตกั เตือน/ บนั ทกึ
คร้งั ที่ 2 หักคะแนน 10 คะแนน
ครง้ั ที่ 3 หกั คะแนน 15 คะแนน เชิญผู้ปกครองมาพบ
ครงั้ ท่ี 4 เปน็ ตน้ ไป หกั คะแนน 15 คะแนน
เชิญผ้ปู กครองมารับทราบทุกคร้งั รายงานให้กบั หัวหน้าฝา่ ยกจิ การนักเรยี นทราบ
~ 45 ~
2.4 เม่ือมาสาย ไม่ทันเขา้ เรียน หลังเวลา 08.30 น. ใหป้ ฏบิ ัติดังนี
2.5.1 รายงานตัวตอ่ ครูเวรหรอื ยามรกั ษาการณ์
2.5.2 แสดงหนังสอื ของผู้ปกครองในกรณที ี่นักเรียนมคี วามจาเป็นท่เี ปน็ สาเหตุทาให้นักเรียนมาโรงเรียน
มาสายหากไมม่ เี หตผุ ลเพยี งพอใหด้ าเนนิ การหักคะแนนความประพฤติตามขอ้ 2.2 2.3 และ 2.4
2.5.3 ให้นกั เรยี นติดตอ่ ประสานงานกบั ผู้ปกครองทันที
2.5.4 ลงช่ือในสมุดบนั ทึกการมาสายกบั ครเู วรประจาวนั
2.5.5 หากมาไม่ทนั เรยี นถึงคาบเรยี นใด ให้ตดั เวลาเรยี นรายวชิ าในคาบเรยี นนนั้ ๆ
ขอ้ ที่ 3 นักเรียนทจ่ี ะขออนุญาตออกนอกบรเิ วณโรงเรียนต้องปฏิบัตติ นดงั นี
3.1 ให้ผปู้ กครองมาขออนญุ าตและรบั ตวั ออกไป(ผู้ปกครองแสดงบัตรดว้ ย)โดยติดต่อท่ีห้องกจิ การนกั เรยี น
3.2 เม่ือนักเรียนมีความจาเป็นต้องขออนุญาตออกนอกบริเวณโรงเรียนให้นาจดหมายขออนุญาตของผู้ปกครอง
มาแสดงกับครูประจาชั้น เพื่อให้ครูประจาชั้นรับรอง และนักเรียนนาส่งที่ห้องกิจการนักเรียนเพื่อรับบัตร
อนุญาตออกนอกบริเวณโรงเรียน
3.3 ผมู้ อี านาจในการอนญุ าตให้นักเรยี นออกนอกบริเวณโรงเรียน คนใดก็ได้ จานวน 1 คน
3.3.1 ผ้อู านวยการโรงเรยี น
3.3.2 หัวหนา้ ฝา่ ยกจิ การนักเรียน
3.3.3 รองหัวหน้างานกิจการนกั เรยี น
3.3.4 หัวหนา้ คณะสีที่ 1-5 ในแตล่ ะวนั
3.3.5 หวั หนา้ เวรประจาวนั ในแต่ละวนั
3.4 กรณีเจ็บป่วยทีไ่ ด้รบั การติดต่อจากหอ้ งพยาบาล ใหร้ ับตวั ที่หอ้ งพยาบาลได้ ซ่งึ ทางงานอนามัยโรงเรยี น
ห้องพยาบาลจะออกใบอนุญาตให้(เจ้าหน้าที่พยาบาลแจ้งงานกจิ การนักเรยี นทุกครง้ั ดว้ ย)
3.5 กรณมี คี วามจาเปน็ เรง่ ดว่ นอ่ืน ใหต้ ิดต่อขออนุญาตโดยตรงทห่ี ัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรยี น
3.6 ใหน้ ักเรียนนาบัตรอนุญาตออกนอกบรเิ วณโรงเรียนไปแสดงกบั ยามรกั ษาการณจ์ งึ จะออกนอกบริเวณโรงเรียน
ได้และนกั เรียนตอ้ งใช้ 1 บัตร ต่อ 1 คน เท่านัน้
3.7 ให้นกั เรียนนาบตั รอนุญาตออกนอกบรเิ วณโรงเรียนติดตัวไปในขณะอย่นู อกบริเวณโรงเรยี น เพอื่ แสดงว่าได้รับ
อนญุ าตจากโรงเรียนแล้ว
ข้อท่ี 4 การขออนุญาตออกนอกบรเิ วณโรงเรยี น มี 2 แบบ ดงั นี
4.1 การขออนญุ าตออกนอกบรเิ วณและไมก่ ลับเขา้ โรงเรยี นอกี ในวนั ลา ใหผ้ ู้ปกครองมาขออนญุ าตด้วยตนเองที่
ผ่ายกจิ การนกั เรียน โดยนกั เรยี นจะตอ้ งไปแจง้ ครปู ระจาช้นั หวั หน้าระดบั เพอ่ื รับทราบ และบนั ทึก
4.2 เมือ่ ได้รับบตั รอนญุ าตแลว้ ให้นาไปแสดงต่อยามรกั ษาความปลอดภัยที่ประตูโรงเรียน
4.3 การขออนญุ าตออกนอกบริเวรและกลบั เขา้ โรงเรยี นในวนั เดยี วกัน แนวปฏบิ ัตเิ หมอื นกบั ขอ้ 3.1 แต่เม่ือกลบั
มาแล้วต้องไปรายงานตวั กับงานกจิ การนกั เรียน หรือผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมายเพื่อขอรบั บัตรเขา้ ชน้ั เรยี น
ขอ้ ที่ 5 การเขา้ แถวเคารพธงชาตแิ ละสวดมนต์
5.1 เม่ือเปดิ เพลงประจาโรงเรยี น เวลา 07.50 น. นกั เรียนทุกคนต้องไปเข้าแถวอยา่ งเป็นระเบียบเรียบร้อย
โดยให้หัวหน้าและรองหัวหน้าห้อง นักเรียนเป็นผู้ดูแล ความเรียบร้อย ภายใต้การกากับดูแลของครู
ประจาช้ันและหวั หน้าระดบั
5.2 นกั เรียนรอ้ งเพลงชาติ สวดมนต์ กล่าวคาแผเ่ มตตา และกลา่ วคาปฏญิ าณตนดว้ ยอาการสารวม
ขอ้ ที่ 6 การเดินเขา้ หอ้ งเรียนหลงั เคารพธงชาติและสวดมนต์
1.1 นกั เรยี นเดนิ แถวเข้าห้องเรยี นอย่างเปน็ ระเบียบตามขอ้ ตกลงทท่ี างโรงเรียนกาหนด
6.2 นักเรียนเขา้ หอ้ งเรยี นอยา่ งมวี นิ ยั ไมส่ ่งเสียงดังและไม่ออกนอกหอ้ งเรียนโดยไมไ่ ด้รบั อนุญาต
ข้อที่ 7 การเรียนในห้องเรียน
7.1 นักเรียนต้องตั้งใจเรยี นอย่างเต็มศักยภาพไมส่ ่งเสยี งรบกวนในขณะเรยี น
7.2 เมือ่ ต้องการซักถามใหย้ กมอื ขน้ั เพ่อื เปน็ การขออนญุ าตก่อนการซักถาม
7.3 หา้ มลกุ เดินไปมาในระหวา่ งการเรยี นการสอน ถ้ามีธุระใหข้ ออนุญาตกอ่ น
7.4 หา้ มนาเคร่อื งด่ืม ของขบเคย้ี วหรอื อาหารเขา้ ไปรบั ประทานในห้องเรยี นหรอื บนอาคารเรยี น
~ 46 ~
ขอ้ ท่ี 8 การขออนุญาตเข้า – ออก ในหอ้ งเรียนในขณะเรยี น
8.1 การเข้า – ออก ห้องเรียนทุกครง้ั ต้องได้รับอนุญาตจากครผู ู้สอน กรณีเข้าห้องช้าอาจมีสาเหตุมาจากมาสาย
เข้าห้องพยาบาล พบงานกิจการนกั เรยี น จะตอ้ งมบี ตั รอนญุ าตเข้าชนั้ เรียน
8.2 เม่ือครูทมี่ ิไดท้ าการสอนตอ้ งการเรยี กนักเรยี นคนใดในหอ้ งระหว่างการเรยี นการสอนนกั เรยี นท่จี ะไปพบต้องขอ
อนญุ าตครผู สู้ อนก่อนออกจากห้องเรยี น
8.3 การรับประทานอาหารและการซื้ออาหารให้นักเรียนเข้าแถวและ ซื้ออาหารอย่างเป็นระเบียบ
ตามลาดับก่อนหลัง ตามเวลาท่ีทางโรงเรียนกาหนดให้
8.3.1 รับประทานอาหารในโรงอาหารหรือสถานทที่ ่ีจดั ไวใ้ ห้ตามขอ้ ตกลงแตล่ ะภาคเรียน
8.3.2 หลังจากรับประทานอาหารแล้วใหน้ าภาชนะใสอ่ าหารทกุ ชนดิ เกบ็ ไว้ในสถานท่ีท่โี รงเรียนกาหนด
8.3.3 หา้ มนักเรยี นทง้ิ เศษอาหาร ในบรเิ วณทีน่ ง่ั รบั ประทานอาหาร
8.3.4 หา้ มนักเรยี นสัง่ ซอ้ื อาหารจากรา้ นคา้ ภายนอกเขา้ มารับประทานภายในโรงเรยี น
ข้อที่ 9 ข้อปฏบิ ตั เิ ม่อื ทาของหายหรอื เกบ็ ของได้
9.1 การแจ้งเพื่อรับหรือคนื ของหายให้ตดิ ตอ่ งานกจิ การนักเรยี น
9.2 เมอื่ เกบ็ ของได้ ให้นาไปมอบไว้ที่งานกิจการนกั เรียน พร้อมทงั้ บนั ทึกรายละเอยี ดในแบบฟอรม์ การรบั แจ้งเพื่อ
รบั – คนื ของหายด้วย
9.3 บนั ทึกความดี ที่เก็บของหาย สง่ คนื เจ้าของ เพือ่ สง่ เสรมิ ความเปน็ คนดขี องนกั เรยี น
ขอ้ ที่ 10 การติดต่อขอพบนักเรยี น
10.1 ผู้ปกครองมาพบนักเรียนท่ีโรงเรียน ให้ติดต่อท่ีฝ่ายกิจการนักเรียน ไม่อนุญาตให้ผู้ปกครองพบนักเรียนโดย
ลาพงั ตามห้องเรยี น
10.2 โรงเรียนไมอ่ นญุ าตใหน้ กั เรียนนาเพื่อนนกั เรียนต่างโรงเรียน หรอื บุคคลภายนอกเขา้ มาในโรงเรียนหรอื เขา้ ร่วม
กิจกรรมของโรงเรยี น
ข้อท่ี 11 การมาโรงเรยี นในวันหยดุ ให้ปฏบิ ตั ดิ งั นี
11.1 นกั เรยี นทม่ี าทากิจกรรมของโรงเรยี นในวันหยุด ตอ้ งมีหนงั สืออนุญาตจากผปู้ กครองโดยมีครูผูร้ บั ผิดชอบเป็น
ผ้คู วบคุมดูแล
11.2 นกั เรียนต้องแตง่ กายให้เหมาะสมกบั สภาพความเป็นนกั เรยี น
11.3 กรณีทน่ี กั เรยี นตดิ ตอ่ ราชการกับทางโรงเรียน ใหแ้ ตง่ เครื่องแบบนักเรียน
ขอ้ ที่ 12 การร่วมกจิ กรรมของนักเรียน
12.1 นกั เรียนทุกคนจะต้องเขา้ รว่ มกจิ กรรมทุกกิจกรรมท่ีทางโรงเรยี นจดั ให้
12.2 เม่อื มกี ิจกรรมทีเ่ ก่ียวกับการบาเพ็ญประโยชน์ตา่ งๆ ทีห่ น่วยงานภายนอกมาขอความร่วมมือจากทางโรงเรียน
นกั เรยี นสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ตามความสมคั รใจ
12.3 นักเรียนท่ีไม่เข้าร่วมกจิ กรรมทีโ่ รงเรยี นกาหนด โดยไม่มีเหตุผลอนั ควร จะถือว่านักเรียนผู้นั้นผลการประเมิน
กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนไม่ผา่ นตามเกณฑก์ ารประเมิน
ข้อที่ 13 การใช้โทรศัพทส์ าธารณะในโรงเรียนของนักเรียน
อนญุ าตใหน้ ักเรียนใชใ้ นช่วงเวลากอ่ นเข้าแถว พกั กลางวนั และหลังเลิกเรยี นเท่านั้น
ขอ้ ท่ี 14 ความสามคั คแี ละการรกั ษาช่อื เสียงของโรงเรยี น
14.1 ให้นักเรยี นมคี วามสามคั คกี ลมเกลียว นักเรียนร่นุ พี่ต้องประพฤติตนเป็นตัวอย่างทดี่ ี ช่วยเหลอื ในความเมตตารุ่นนอ้ ง
14.2 นกั เรยี นร่นุ น้องตอ้ งเคารพเช่ือฟังคาแนะนาในทางท่ถี ูกตอ้ งดงี ามจากรุ่นพี่
14.3 นักเรียนต้องช่วยกันรักษาช่ือเสียงของโรงเรียน โดยไม่ประพฤติตนในทางเส่ือมเสียและช่วยดูแลแก้ไขผู้ท่ีมี
พฤตกิ รรมอันจะกอ่ ให้เกิดความเสยี หาย
14.4 ใหน้ กั เรยี นช่วยสอดส่องดแู ลและรายงานตอ่ ครใู นกรณที ่นี ักเรียนประพฤติผิดระเบียบหรอื มบี คุ คลภายนอกท่ีมี
พฤติกรรมไมน่ า่ ไวว้ างใจเขา้ มาในโรงเรยี น
ข้อท่ี 15 การรักษาความสะอาด การใชท้ รพั ย์สนิ ของโรงเรียน เช่น
15.1 ช่วยกนั รกั ษาความสะอาดหอ้ งประจาช้ัน หอ้ งเรียน ห้องน้าห้องส้วม และบริเวณโรงเรียน
15.2 ห้ามเคลอ่ื นย้ายโต๊ะ เก้าอ้ี วสั ดุ และครุภณั ฑท์ ปี่ ระจาอย่ตู ามท่ตี ่างๆ โดยพลการ
15.3 ไมข่ ดี เขยี นขอ้ ความใด ๆ บนโต๊ะ เก้าอี้ พนื้ ฝาผนงั อาคารทุกแห่ง
~ 47 ~
15.4 ปิดก๊อกนา้ ให้สนทิ เม่ือเลกิ ใช้
15.5 ปดิ ไฟฟา้ พัดลม เมอ่ื เลกิ ใช้
15.6 ไม่ทาใหส้ วนหย่อม หรือพันธ์ไุ มป้ ระดับต่าง ๆ เสียหาย
ข้อที่ 16 บาเพญ็ ตนให้เหมาะสมกับสภาพและวัยของนักเรยี น ตามระเบยี บของโรงเรียน ว่าดว้ ยการกาหนดคะแนน
พฤติกรรมนักเรียน ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2563
ประกาศ ณ วนั ท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
(นายสุชาติ ศรธี ินนท)์
ผู้อานวยการโรงเรยี นหว้ ยซ้อวิทยาคมรัชมังคลาภิเษก
~ 48 ~
โรงเรยี นหว้ ยซ้อวิทยาคม รัชมงั คลาภเิ ษก
วา่ ด้วยการลงโทษและการตดั คะแนน
ความประพฤติของนักเรยี น พ.ศ. 2563
เพ่ือให้การควบคุมความประพฤติของนักเรียนให้อยู่ในระเบียบ และมีคุณธรรมจริยธรรมย่ิงข้ึน จึงได้ปรับปรุง
ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ และการตัดคะแนนความประพฤติของนักเรียนโดยให้ยกเลิกระเบียบโรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม
รชั มังคลาภิเษก วา่ ด้วยการลงโทษนักเรียนที่ประพฤติตนไมเ่ หมาะสมผิดระเบียบวินัยของโรงเรียนท้งั หมด และใหใ้ ช้ระเบียบ
ฉบับน้ี เพอื่ เป็นแนวทางการปฏบิ ัตติ อ่ ไป ดงั น้ี
ขอ้ 1 ระเบียบนเี รียกว่า“ระเบียบโรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก”
ว่าด้วยการลงโทษและการตัดคะแนนความประพฤติของนกั เรียน พ.ศ. 2563 ในระเบียบนี
“โรงเรยี น”หมายถึง โรงเรยี นหว้ ยซอ้ วิทยาคมรัชมงั คลาภเิ ษก
“ผอู้ านวยการ”หมายถงึ ผูอ้ านวยการโรงเรียนห้วยซอ้ วิทยาคม รชั มงั คลาภเิ ษก
“หัวหนา้ ฝา่ ยกิจการนักเรียน”หมายถงึ หวั หนา้ ฝา่ ยกิจการนกั เรียนโรงเรยี นห้วยซ้อวทิ ยาคม รชั มังคลาภเิ ษก
“รองหัวหนา้ ฝา่ ยกิจการนกั เรยี น”หมายถงึ รองหวั หน้าฝ่ายกิจการนักเรยี นโรงเรยี นหว้ ยซอ้ วิทยาคม รชั มงั คลาภเิ ษก
“ครู”หมายถึง ครทู ั้งท่ีเป็นข้าราชการประจาและ พนักงานราชการ ครอู ัตราจ้างช่วั คราวในปจั จุบนั
“นักเรยี น”หมายถึง นักเรยี นปัจจบุ ันของโรงเรยี นหว้ ยซ้อวทิ ยาคม รัชมงั คลาภิเษก
“ผปู้ กครอง” หมายถึง ผู้ท่ไี ดล้ งช่อื เป็นผู้ปกครองนกั เรียนในเอกสารมอบตวั นักเรียนทีใ่ หไ้ วก้ ับทางโรงเรยี น
“ครูหวั หนา้ ระดับชัน”หมายถงึ ครูท่านหนึ่งทีไ่ ดร้ ับมอบหมายให้ทาหน้าท่ีเป็นหัวหน้าในระดับชั้น
“ครแู นะแนวระดับชัน”หมายถงึ ครทู า่ นหนงึ่ ท่ีได้รบั มอบหมายให้ทาหนา้ ที่เป็นครูแนะแนวในระดับช้ัน
“ครหู ัวหน้าคณะส”ี หมายถึงครูที่ไดร้ บั มอบหมายให้ทาหน้าทเี่ ป็นหัวหนา้ คณะสี
“ครูหวั หน้าเวรประจาวัน”หมายถึงครทู ่ีได้รับมอบหมายให้ทาหนา้ ท่เี ป็นหัวหน้าเวรประจาวนั
ขอ้ 2 การลงโทษนกั เรียนท่กี ระทาความผิด จะปฏบิ ตั ิตามขนั ตอนดังนี
2.1 เตือนด้วยวาจาหรือบันทึกเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรให้นักเรียนลงลายมือช่ือรับทราบ
2.2 ตัดคะแนนความประพฤติ
2.3 เชิญผ้ปู กครองมาพบ และรับทราบพฤติกรรม
2.4 เชญิ ผู้ปกครองมาทาทัณฑบ์ น
2.5 เขา้ รบั การปรับพฤตกิ รรมทโ่ี รงเรยี นจัดให้
ขอ้ 3 การลงโทษแตล่ ะขันตอนใหย้ ึดแนวปฏิบตั ิดังนี
3.1 เมือ่ ครูพบนกั เรยี นกระทาความผดิ ใหร้ ายงานเปน็ ลายลักษณ์อักษร โดยระบคุ วามผิด วนั เวลา และ
สถานท่ี ตามแบบฟอร์มการรายงานความผดิ ท่นี ักเรยี นกระทาความผิดให้ชัดเจน พรอ้ มกับลงลายมือชอื่
3.2 สง่ แบบแจ้งการกระทาผิดใหค้ รหู ัวหน้าระดบั ชนั้ ครูหวั หนา้ เวรประจาวัน ครูหวั หน้าคณะสี
ทหี่ อ้ งกจิ การนักเรยี น
3.3 ครูหวั หนา้ ระดับชั้น ครหู ัวหนา้ เวรประจาวัน ครูหัวหน้าคณะสี แจง้ การกระทาความผิดของนักเรียนให้ครู
ประจาชนั้ และครูแนะแนวระดับชนั้ ทราบ แล้วส่งให้หวั หนา้ ฝา่ ยกิจการนักเรียนดาเนนิ การ ต่อไป
3.4 ครทู กุ คน มีสทิ ธ์ิ ตดั คะแนนความประพฤติ ของนักเรียนทีก่ ระทาผิด ถกู ตัดคะแนน 1-10 คะแนน
3.4 ให้ครูหัวหน้าระดับช้ัน ครูหัวหน้าเวรประจาวัน และครูหัวหน้าคณะสี และคณะกรรมการบริหารฝ่าย
กิจการนักเรียนเป็นผ้พู จิ ารณาอนมุ ตั กิ ารตดั คะแนนความประพฤติของนักเรียนทก่ี ระทาความผิด ถกู ตัดคะแนน
1-20 คะแนน
3.5 รองหัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรียน เป็นผู้พิจารณาอนุมัติการตัดคะแนนความประพฤตขิ องนกั เรียน
ทีก่ ระทาความผดิ ถกู ตัดคะแนน 20-30 คะแนน
3.6 หัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรยี น เป็นผู้พิจารณาอนุมัติการตัดคะแนนความประพฤติของนักเรียนท่ีกระทา
ความผิด ถกู ตัดคะแนนเกนิ 30 -40 คะแนน
~ 49 ~
3.7 ผู้อานวยการโรงเรียน เปน็ ผพู้ ิจารณาอนมุ ตั ิการตัดคะแนนความประพฤติของนักเรียนทมี่ คี วามผิดถูก
ตดั คะแนน 40-100 คะแนน
3.8 ให้เจ้าหน้าที่ธุรการงานกิจการนักเรียนหรือ แจ้งผลอนุมัติในข้อ 3.4 3.5 และ 3.6 เป็นลายลักษณ์
อักษร ระบุความผิดและคะแนนที่ถูกตัด รวมทั้งคะแนนท่ีถูกตัดสะสมครั้งสุดท้าย ต่อครูประจาชน้ั
ครูแนะแนวระดบั ชนั้ หวั หน้าระดับชน้ั หวั หน้าเวรประจาวัน หัวหนา้ คณะสี ทราบและเชิญผปู้ กครอง
มาพบ เพื่อรับทราบความผิดและคะแนนท่ีถูกตัด พร้อมกับปรับพฤติกรรมโดยการบาเพ็ญประโยชน์
สาธารณะและไถถ่ อนความผดิ ซง่ึ สามารถได้คะแนนคืนตามสดั ส่วนของความผิด
ขอ้ 4 ความผิดที่ตอ้ งตดั คะแนนความประพฤติ และลงโทษ
เพ่ือให้การดาเนินควบคุมและดูแลความประพฤติของนักเรียนให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสม
โรงเรียนจึงไดก้ าหนดมาตรการการลงโทษนกั เรียนท่ีกระทาผดิ ระเบยี บของโรงเรียนทก่ี าหนดไว้ ดังนี้
รหัส ลักษณะพฤติกรรม ตัด การพจิ ารณาและวธิ ีปฏิบตั ิ
คะแนน
1 หมวดการเรยี น
1.1 ขาดเรียนโดยไม่แจ้งเหตุผลเกนิ 3 วนั 5 1. ตักเตือน 2. แจ้งผปู้ กครอง
1.2 ไม่เขา้ ร่วมกิจกรรมท่ที างโรงเรียนจัด 5 1. ตกั เตือน 2. แจ้งผู้ปกครอง
1.3 ไมเ่ ข้าหอ้ งเรยี นตามตารางของตน 5 1. ตักเตือน 2. แจง้ ผปู้ กครอง
1.4 ไมเ่ ข้าโฮมรมู /ไม่เขา้ เขตพัฒนา/ไมเ่ ข้าคาบคุณธรรม /ไม่ประชมุ 5 1. ตักเตือน
สง่ เสรมิ /ไมเ่ ขา้ อบรมตามทีโ่ รงเรยี นกาหนด 2. แจง้ ผปู้ กครอง
1.5 ทจุ ริตในการสอบ 10 1. ตกั เตอื น 2. เชญิ ผ้ปู กครองมาพบ
3. ปรับพฤตกิ รรมตามทโี่ รงเรยี นกาหนด
1.6 ออกนอกบรเิ วณโรงเรยี นโดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าต 1. ตกั เตอื น2.แจ้งผูป้ กครอง
5 3. เชิญผปู้ กครองมาพบ
4. ปรับพฤติกรรมตามท่โี รงเรียนกาหนด
2 หมวดการแตง่ กาย
2.1 เส้ือไมป่ กั ห.ซ.ว. / ชอื่ – สกลุ ชัน้ 5 1. ตกั เตือน 2.แจ้งผปู้ กครอง /ใหไ้ ปแกไ้ ข
2.2 ใส่เสอื้ ผู้อื่นมาโรงเรียน /ใส่เส้อื กีฬาหรอื ชดุ พลศกึ ษาทไ่ี ม่ใชต่ ามท่ี 5 1. ตักเตือน 2. แจง้ ผ้ปู กครอง/ใหไ้ ปแก้ไข
โรงเรียนกาหนด/ใส่มาในวันทีไ่ มไ่ ด้เรียน/ใส่ มาผดิ วนั
2.3 ใสเ่ สื้อกันหนาวโดยไม่สวมเสอื้ นักเรยี นข้างใน/ไมใ่ ส่ชุดโรงเรยี น 5 1. ตักเตอื น 2. แจง้ ผปู้ กครอง/ให้ไปแก้ไข
2.4 ใส่เครื่องประดับมาโรงเรยี น 5 1. ตกั เตอื น 2. ให้ถอดเก็บ/ให้ไปแก้ไข
2.5 ชายเสอื้ ออกนอกกระโปรง / กางเกง 5 1. ตักเตอื น 2. ให้ไปแกไ้ ข
2.6 ทรงผมไมถ่ ูกตอ้ งตามระเบียบของโรงเรยี น(ปรับตามราชกิจจา 10 1. ตักเตอื น 2. แจง้ ผ้ปู กครอง/ใหไ้ ปแก้ไข
นุเษกษาฯ 1 พค 2563) จะตัดส้นั หรือจะไว้ผมยาวก็ได้ 3. เชิญผูป้ กครองมาพบ
หากจะไว้ยาวต้องรวบผมและผกู โบว์สีขาวใหเ้ รียบรอ้ ย 4. ปรับพฤติกรรมตามที่โรงเรียนกาหนด
ห้าม ย้อม ดดั กัดสีผม เปลย่ี นสหี รือซอยผม สไลด์ผม
ไว้ผมยาวเลย ตนี ผม อยใู่ นสภาพเหมาะสมกบั การเปน็ นักเรยี น
2.7 ไว้หนวด / เครา / แต่งหน้า / กนั คิ้ว / ทาปาก/ เขียนค้ิว 5 1. ตกั เตอื น 2. ใหไ้ ปแกไ้ ข
2.8 ไมแ่ ตง่ เคร่อื งแบบ ลส./ยว./รด/น.น ตามกาหนด 10 1. ตักเตอื น 2. ใหไ้ ปแกไ้ ข
3 .เชญิ ผู้ปกครองมาพบ
4. ปรับพฤตกิ รรมตามทโ่ี รงเรียนกาหนด
2.9 กระโปรง / กางเกง / ยาวหรือสัน้ กวา่ เกณฑ์ 5 1. ตักเตือน 2. ใหไ้ ปแก้ไข
3 หมวดความประพฤติ
3.1 กล่าววาจาไมส่ ุภาพ หยาบคาย 10 1. ตกั เตอื น 2. แจง้ ผู้ปกครอง
3.2 โกหก/ให้การอนั เป็นเทจ็ /ไม่ให้ความรว่ มมือกับทางโรงเรยี นใน 10 1. ตักเตือน 2. เชิญผู้ปกครองมาพบ
การสืบสวน 3. ปรับพฤติกรรมตามท่ีโรงเรยี นกาหนด
~ 50 ~ 10 1. ตักเตือน 2. เชิญผปู้ กครองมาพบ
3.3 ไม่สารวมกริยามารยาททง้ั นอกและในโรงเรียนในเครอ่ื งแบบ 2. ปรบั พฤติกรรมตามท่โี รงเรียนกาหนด
3.4 ประพฤตติ นทาใหเ้ สอ่ื มเสียภาพพจนแ์ ละเกียรตภิ มู ขิ องโรงเรยี น
3.5 ทะเลาะวิวาทแตไ่ ม่ใช้กาลังทารา้ ยกัน 10 1. ตกั เตือน 2. เชิญผ้ปู กครองมาพบ
3.6 ทะเลาะววิ าทและใชก้ าลงั ทาร้ายกัน 3. ปรบั พฤติกรรมตามท่ีโรงเรยี นกาหนด
3.7 ร่วมวงทะเลาะววิ าทระหว่างโรงเรยี น
3.8 นาคนนอกมาทะเลาะววิ าทกบั นักเรยี นในโรงเรียน 15 1. ตกั เตือน 2. เชิญผู้ปกครองมาพบ
3.9 มสี ว่ นรว่ มในการกระทาผิด 3. ปรับพฤตกิ รรมตามท่ีโรงเรยี นกาหนด
3.10 สูบบหุ รี่ / มบี หุ รไี่ ว้ในครอบครอง
3.11 มีสอื่ ลามกไว้ในครอบครองหรอื อ่าน 20 1. ตกั เตอื น 2. เชญิ ผูป้ กครองมาพบ
3.12 เลน่ การพนนั 3. ปรบั พฤติกรรมตามทโ่ี รงเรียนกาหนด
3.13 แสดงการขม่ ข่เู พ่อื หวังทรพั ย์
3.14 ด่มื เครื่องดม่ื ท่ีมีแอลกอฮอล์ /สุรา ในโรงเรียน 20 1. เชิญผปู้ กครองมาพบ 2. ทณั ฑ์บน
3. ปรับพฤติกรรมตามท่โี รงเรียนกาหนด
3.15 มีพฤตกิ รรมใช้ยาเสพตดิ
30 1. เชิญผปู้ กครองมาพบ 2. ทณั ฑบ์ น
3.16 มีเสพยาเสพตดิ ท่ีผดิ กฎหมายหรือมีไวค้ รอบครอง 3. ปรับพฤติกรรมตามที่โรงเรียนกาหนด
3.17 จาหน่ายยาเสพติดใหก้ ับนกั เรยี นในโรงเรียน 15 1. ตักเตอื น 2. เชญิ ผู้ปกครองมาพบ
3. ปรบั พฤติกรรมตามทโ่ี รงเรียนกาหนด
3.18 ลกั ขโมยหรอื แอบอ้างเอาของผ้อู ่ืน
3.19 ทาลายทรพั ย์สินของโรงเรยี น/ครูและบคุ ลากรในโรงเรียน 20 1. ตกั เตอื น 2. เชิญผู้ปกครองมาพบ
3. ปรบั พฤตกิ รรมตามทโี่ รงเรยี นกาหนด
3.20 กลน่ั แกลง้ เพอื่ นโดยเจตนา
3.21 เทยี่ วในสถานที่ทีไ่ มเ่ หมาะสม 5 1. ตักเตือน2. แจ้งผ้ปู กครอง
3.22 ประพฤติตัวไปในทางชูส้ าว
20 1. เชิญผปู้ กครองมาพบ 2. ทัณฑ์บน
3. ปรับพฤติกรรมตามท่โี รงเรยี นกาหนด
20 2. เชิญผู้ปกครองมาพบ 2. ทณั ฑบ์ น
3. ปรับพฤตกิ รรมตามท่โี รงเรยี นกาหนด
80 1. เชญิ ผู้ปกครองมาพบ 2. ทัณฑบ์ น
3. เขียนหนงั สือพันธะสัญญา /ลาออก
4. ย้ายสถานศึกษา
40 1. เชิญผู้ปกครองมาพบ 2. ทัณฑบ์ น
3.ปรับพฤติกรรมตามทโ่ี รงเรยี นกาหนด
4. เขียนหนงั สือพันธะสัญญา /ลาออก
5. ยา้ ยสถานศกึ ษา
60 1. เชญิ ผู้ปกครองมาพบ 2. ทัณฑ์บน
3. เขยี นหนังสอื พันธะสญั ญา /ลาออก
4. ย้ายสถานศกึ ษา
80 1. เชญิ ผปู้ กครองมาพบ 2. ทณั ฑบ์ น
3. เขียนหนังสือพันธะสัญญา /ลาออก
4. ย้ายสถานศกึ ษา
30 1. เชญิ ผู้ปกครองมาพบ 2. ทณั ฑ์บน
3. ปรับพฤตกิ รรมตามท่ีโรงเรยี นกาหนด
20 1. เชิญผปู้ กครอง มาพบ 2. ทัณฑบ์ น
3. ชดใชต้ ามคุณค่าของทรัพย์
4. ปรบั พฤติกรรมตามทโ่ี รงเรียนกาหนด
10 1. ตกั เตอื น 2. เชิญผปู้ กครองมาพบ
2. ปรบั พฤตกิ รรมตามที่โรงเรียนกาหนด
10 1. ตักเตือน 2. เชญิ ผูป้ กครอง
20 1. เชิญผ้ปู กครองมาพบ 2. ทณั ฑ์บน
3. ปรับพฤติกรรมตามท่ีโรงเรยี นกาหนด