The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

E-Book ข้อมูลพิพิธภัณฑ์วิถีวัฒนธรรมกูย วัดป่าอาเจียง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sairat69, 2023-08-16 23:35:55

E-Book ข้อมูลพิพิธภัณฑ์วิถีวัฒนธรรมกูย วัดป่าอาเจียง

E-Book ข้อมูลพิพิธภัณฑ์วิถีวัฒนธรรมกูย วัดป่าอาเจียง

โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓


โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ เรื่อง หน้ำ วัดป่ำอำเจียง ๑ วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ อัก และกง ๒ กระสวย และหลอดด้ายพุ่ง ๓ หลา และโฮงมัดหมี่ ๔ ฟืม และหวี(สะโกย) ๕ เครื่องสาวไหม ๖ กระบุงฝ้าย และเปียฝ้าย ๗ ไซ ๘ ลอบ ๙ ข้องเป็ด และข้องยืน ๑๐ ส้อม หรือแหลมแทงปลาไหล และบั้งลันดักเอี่ยน ๑๑ อีจู้ และจั่นดักปลา ๑๒ กระชังไม้ไผ่ และสุ่ม ๑๓ ตุ้ม ๑๔ สร้อยกระพรวน และกะโหล่ง ๑๕ ไม้โปง และกระดิ่งสัตว์โบราณ ๑๖ คันไถ และแอก ๑๗ กรงนก และเพนียด ๑๘ กระโจมนาค และฮางฮด ๑๙ เชี่ยนหมาก และครกต าหมาก ๒๐ เครื่องหั่นยาสูบ และโฮงกะบอง ๒๑ ก่องข้าว และกระติบ ๒๒ ถังตวงข้าว และถาดไม้คนข้าวเหนียว ๒๓ หวด และกระด้ง ๒๔ กระเป๋าถือจักสาน และคุไม้ไผ่ ๒๕ ภาชนะดินเผา และกาต้มน้ าดินเผา ๒๖ กระโซ่, กระเชอ และตลับยาเส้น ๒๗ กระต่ายขูดมะพร้าว ๒๘ กบไสไม้ และครกไม้ ๒๙ ตะเกียง และเตารีดถ่าน ๓๐ รูปภำพเพิ่มเติม ๓๑ สำรบัญ


โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ วัดป่ำอำเจียง วัดป่าอาเจียง เป็นศาสนสถานที่นับเป็นความภูมิใจของชาวสุรินทร์อีกแห่งหนึ่งที่ยังคงมีการอนุรักษ์ วัฒนธรรมโบราณของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวกูยพื้นเมืองไว้ได้อย่างสมบูรณ์ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน ในการแสวงบุญ ปฏิบัติธรรม ประกอบพิธีกรรมส าคัญทางพระพุทธศาสนา ตลอดจนเป็นพุทธศาสนสถาน ในเชิงการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ส าคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสุรินทร์ ภายในวัดป่าอาเจียง ประกอบไปด้วยสถานที่ส าคัญที่ควรค่าแก่การมาท่องเที่ยวและเยี่ยมชม ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ศาลาเอราวัณ (เป็นที่เก็บรวบรวมเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู) / ศาลปะก า (เป็นที่เก็บเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ เกี่ยวกับการจับช้างคล้องช้าง) / พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านชาวกูย (เก็บรวบรวมเรื่องราวความเป็นมาต่าง ๆ และเครื่องมือเครื่องใช้ของชาติพันธุ์ชาวกูย) / สุสานช้างขนาดใหญ่ หนึ่งเดียวในโลกที่มีการน าเอากระดูกช้างที่เสียชีวิตแล้วมาฝังไว้ที่นี่ แหล่งเรียนรู้พิพิธภัณฑ์วิถีวัฒนธรรมกูย เป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้รากเหง้าวิถีทางวัฒนธรรมกูยดั้งเดิม เพื่อก่อเกิดความภาคภูมิใจในการอนุรักษ์ สู่การฟื้นฟู ส่งเสริม สืบสาน และพัฒนาต่อยอดทางวัฒนธรรม ให้ด ารงคงอยู่ภายใต้ความแตกต่างทางวัฒนธรรมแบบมั่นคงยั่งยืน เป็นแบบอย่างให้กับนักเรียน นักศึกษา ตลอดจนนักท่องเที่ยวและชุมชนได้ตระหนักถึงวิถีในการด ารงอยู่ในสังคมที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ทั้งลาว เขมร จีน ไทย รวมถึงชาติพันธุ์อื่น ๆ ด้วย การยอมรับในกติกาทางสังคม เคารพในธรรมชาติ ปรับตัว ให้เข้ากับบริบททางสังคมในยุคโลกาภิวัฒน์ได้อย่างเหมาะสม สามารถเป็นแบบอย่างให้กับชุมชนอื่น ได้อย่างแท้จริง ๑


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ อุปกรณ์กำรในทอผ้ำ “อัก” หรือ อีสานเรียกว่า “กวัก” เป็นเครื่อง คัดเส้นด้ายหรือเส้นไหม ท าด้วยไม้คล้ายหลอดด้าย ตรงกลางใช้ไม้กากบาท เจาะรูตรงกลาง ปลายทั้ง ๔ ด้าน มีไม้ประกบส าหรับพันด้ายหรือไหม มีฐานและแกน ไม้ส าหรับสวมรูตรงจุดศูนย์กลางเพื่อให้อักหมุน อักใช้กรอด้ายหรือไหมจากระวิงให้เป็นระเบียบ ก่อนจะสาวเข้ากงเพื่อแยกเป็นปอยๆ และแยกเป็น ไจๆ อัก ส าหรับกรอด้าย เรียก อักด้าย อักส าหรับ กรอไหม เรียก อักไหม และอักอีกรูปแบบหนึ่งที่ใช้ จะมีลักษณะเป็นไม้ไผ่สานทรงกระบอก ใช้พัน เส้นด้ายหรือไหมเช่นกัน อัก ที่มำ : พิพิธภัณฑ์ธรรมศำสตร์เฉลิมพระเกียรติ กง กง หรือสะหวิง เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ ส าหรับใส่ไจเส้นด้าย ทั้งไหมและฝ้าย เพื่ อเ ต รี ย ม ก ร อเ ข้ าพั ก กับ อั ก ห รื อ เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของเส้นด้าย ก่อนน าไปใช้งาน ประกอบด้วยสองส่วน คือ กง และหลักตีนกง ที่มำ : งำนข้อมูลท้องถิ่นและจดหมำยเหตุ มหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ กระสวย กระสวย เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการทอผ้า มีหน้าที่ส่งเส้นด้ายพุ่งเข้าไปในด้ายเส้นยืน ที่ขึงอยู่บนกี่หรือหูกทอผ้า เพื่อที่จะให้ด้ายพุ่ง สอดอยู่ในระหว่างด้ายยืน ครั้งเมื่อช่างทอผ้า กระทบฟืมให้ด้ายพุ่งชิดกันครั้งหนึ่งก็จะพุ่ง กระสวยอีกครั้งหนึ่งสลับกันไปเรื่อย ๆ จนกว่า จะได้เนื้อผ้าตามที่ต้องการ กระสวยส่วนใหญ่ ท าจากไม้ที่มีน้ าหนัก เช่น ไม้พะยูงไม้ชิงชัน ไม้ ประดู่ เป็นต้น มีรูปร่างคล้ายเรือ โดยท า ส่วน หัวและส่วนท้ายให้เรียว เพื่อให้สะดวก ใน การพุ่งเข้าไประหว่างด้ายยืน ที่มำ : งำนข้อมูลท้องถิ่นและจดหมำยเหตุ มหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี หลอดด้ายพุ่ง เป็นไม้หลอดคล้ายเครือ เถาวัลย์ ที่บรรจุด้ายสีต่าง ๆ ซึ่งสอดอยู่ในราง ของกระสวยเพื่อใช้พุ่งไปขัดด้ายยืนในขณะที่ ช่างทอก าลังทอผ้าและกระตุกสายกระตุกไป หลอดด้ายพุ่งก็จะพุ่งไปขัดกับเส้นด้ายยืน เกิดเป็นลายผ้าตามที่ต้องการ ในปัจจุบันมี การน าหลอดพลาสติกมาใช้เป็นหลอดด้ายพุ่ง ร่วมด้วย เนื่องจากเป็นวัสดุที่หาได้ง่าย ที่มำ : งำนข้อมูลท้องถิ่นและจดหมำยเหตุ มหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี หลอดด้ำยพุ่ง ๓


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ หลำ หลา หรือไน เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ใช้ ในกระบวนการทอผ้า ทั้งผ้าฝ้ายและผ้าไหม โครงสร้างประกอบด้วย กงล้อขนาดใหญ่ มี ขาและฐาน มีที่จับส าหรับหมุนด้วยมือ เรียกว่า แขนหลา เพื่อให้กงล้อหมุนรอบตัวเอง กงล้อนี้ มีสายพานโยงไปอีกด้านหนึ่ง เรียกว่า สายหลา ส่วนหัวหลาจะอยู่ด้านซ้ายของวงล้อ ที่หัวหลา จะมีแกนเหล็ก เรียก เหล็กไน วางอยู่บนหูหลา เมื่อหมุนกงล้อ เหล็กไนก็จะหมุนตามอย่างเร็ว โครงส ร้ างของหล าจ ะท าจ ากไม้เนื้ อแข็ง ส่วนวงล้อนั้นประกอบจากซี่ไม้ไผ่ ที่มำ : งำนข้อมูลท้องถิ่นและจดหมำยเหตุ มหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี หลา หรือไน โฮง หรือโรงมัดหมี่ เป็นเครื่องมือ ส าหรับขึงหัวหมี่เพื่อมัดลาย ก่อนน าไปย้อม ส าหรับทอผ้ามัดหมี่ โดยน าหัวหมี่แต่ละล า มาขึงบนโครงมัดหมี่และเรียงล าดับให้ตรง ตามแม่ลายที่จะมัด จ านวนล าหมี่จะขึ้นกับ ลวดลายโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง ๒๑-๖๕ ล า โดยจ านวนล าจะเป็นเลขคี่เสมอเมื่อค้น หรือ จัดเรียงเส้นไหมเรียบร้อยแล้ว จะมัดเป็น หมวดหมู่ด้วยเชือกฟางเรียกว่า ล าหมี่ ที่มำ : กรมหม่อนไหม โฮง หรือโรงมัดหมี่ ๔


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ ฟืม ฟืม หรือ ฟันหวีมีฟันเป็นซี่คล้ายหวี ใช้ส าหรับสอดเส้นไหมยืนเพื่อจัดเส้นไหมให้ อยู่ห่างกัน และใช้กระทบไหมเส้นพุ่งให้สานขัด กับไหมเส้นยืนที่อัดแน่นเป็นเนื้อผ้า ฟันฟืม อาจจะท าด้วยไม้ หรือโลหะก็ได้มีหลายขนาด ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจะต้องการผ้ากว้างขนาดเท่าใด ซึ่งผ้าที่ทอจากฟืมเหล็กจะมีเนื้อที่หนาและแน่น กว่าฟืมไม้ไผ่ หวีหรือสะโกย หวี หรือสะโกย ท าจากขนหมูป่าหรือ จากใยของก้านตาล ใช้ส าหรับจุ่มน้ าข้าวหรือ น้ าแป้ง แล้วน ามาหวีหรือสางเส้นยืนไปตาม ความยาว (ตามเครือ) ของกี่ทอผ้าเพื่อเคลือบ ไม่ให้เส้นไหมแตกเป็นขนหรือใช้ส าหรับแปรง เพื่อหวีหรือแยกเส้นด้ายยืนบนกี่ทอผ้า ไม่ให้ เส้นยืนไขว้หรือพันกันในขณะทอผ้า ปัจจุบัน อาจใช้แปรงพลาสติกแทน ที่มำ : กรมหม่อนไหม ที่มำ : งำนข้อมูลท้องถิ่นและจดหมำยเหตุ มหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี ๕


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ เครื่องสำวไหม เครื่องสาวไหม หรือ พวงสาวไหม เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการดึงเอาเส้นใยขนาดเล็กออก จากรังไหม โดยใช้วิธีน ารังไหมไปต้มเพื่อท าลายกาวที่ผนึกเส้นใยที่อัดแน่นออกจากกัน แล้วดึงเอาเส้นใย ออกมาตามกรรมวิธีอุปกรณ์ที่มาประกอบกันเป็นเครื่องสาวไหม มีดังนี้ ๑) โรงสาวไหม ๒) หม้อดิน ส าหรับใส่น้ าต้มรังไหม ๓) เตาไฟ นิยมใช้เตาถ่านในการต้มรังไหม ๔) ไม้ตีรังไหม ส าหรับท าให้รังไหมขยายตัวจนสามารถดึงเส้นใยออกมาได้ ที่มำ : งำนข้อมูลท้องถิ่นและจดหมำยเหตุ มหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี โรงสาวไหม ไม้ตีรังไหม ๖


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ กระบุงฝ้ำย กระบุงฝ้าย เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ใน การดีดฝ้าย หรือการแยกใยฝ้ายให้เป็น อิสระและขึ้นฟู โดยจะใช้กระบุงฝ้าย ร ่ว ม กับ ก ๋งดีด ฝ้า ย แ ล ะป ล้องไม้ไผ ่ ก ร ะ บ ุง ที ่ใ ช้จ ะ ต้อง มีข น า ด ก ว้าง พอประมาณ ด้านหนึ ่งของกระบุงต้อง มัดด้วยท ่อนไม้ เพื ่อให้ปากกระบุงยก หนุนสูงขึ้นจากพื้นขณะดีดฝ้าย ที่มำ : วัดไชยมงคล จังหวัดอุบลรำชธำนี เปียฝ้ำย เปียฝ้าย เป็นเครื่องมือจัดเก็บเส้นใย ฝ้ายที่ผ่านการปั่นแล้วโดยการพันให้เข้ากับไม้ นิยมท าจากไม้เนื้อแข็ง รูปร่างคล้ายตัว H ใน แถบอีสานพบทั้งไม้เปียแบบไขว้ และไม้เปีย แบบขนาน ที่มำ : งำนข้อมูลท้องถิ่นและจดหมำยเหตุ มหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี ๗


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ อุปกรณ์กำรเกษตรและประมง ไซ ไซ เป็นเครื่องมือดักสัตว์น้ า ส่วนใหญ่ใช้ในการ ดักปลาในกลุ่มปลาเล็กปลาน้อย ใช้งานในแหล่งน้ าตื้น มักเป็นแหล่งน้ าไหลและเป็นการเปิดช่องระบายน้ าเข้า ออกตามคันนา ไซมีหลายรูปทรง ตั้งชื่อตามรูปทรงนั้น เช ่น ไซปากแตร สานเป็นรูปกรวย ปากไซบานออก เป็นรูปปากแตร ไซท่อ สานคล้ายท่อดักปลา หรืออาจ ตั้งชื่อตามวัตถุประสงค์ เช่น ไซสองหน้า มีช่อง ๒ ด้าน ไซลอย ใช้วางลอยในช ่วงน้ าตื้น ๆ แหวกกอข้าวหรือ กอหญ้า วางแช ่น้ าไว้ ไซปลากระดี ่ ใช้ดักปลากระดี ่ ไซกบ สานเป็นลายขัดตาสี ่เหลี ่ยมรูปทรงกระบอก ใช้ดักกบ ไซโป้ง สานก้นโป ่งเล็กน้อย แม้ว ่าจะมี รูปลักษณ์ต ่างกัน แต ่มีลักษณะร ่วมกันคือ สานเป็น ทรงกระบอกและท าปากทางเข้าเป็นงาแซง (ซี่ไม้เสี้ยม ปลายแหลม รูปทรงคล้ายกรวยที่บีบแบน ๆ ท าให้ปลา เข้าได้แต่ว่ายสวนความคมของปลายไม้ออกมาไม่ได้) ไซเหล ่านี้สามารถน ามาดักปลาโดยไม ่ต้องใช้เหยื ่อ ยกเว้นไซกบที่ต้องใช้ลูกปลา ลูกปูขนาดเล็กเป็นเหยื่อล่อ ที่มำ : ประตูสู่อีสำน isangate.com


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ ลอบ เป็นเครื่องมือดักจับสัตว์น้ าที่มีลักษณะนอนแอบนิ่งเพื่อรอคอยสัตว์น้ าที่หลงเข้ามาภายใน ตัวลอบ เครื่องมือชิ้นนี้สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในพื้นที่ชนบทที่มีอาชีพท านา ลอบแต่ละชนิดมีชื่อเรียก และขนาดที่แตกต่างกันออกไปตามการใช้งาน เช่น ลอบปลา ลอบนอน ลอบตาข่าย เป็นต้น ลอบทุกชนิด มีรูปร่างลักษณะคล้ายกัน คือ มีรูปทรงกระบอก ปากตัด ปลายตัดที่ปลายด้านบนงอนขึ้นเล็กน้อย ท า จากไม้ไผ่เหลาเป็นเส้นเท่าๆ กัน แล้วน ามาผูกติดกับโครงไม้รูปวงกลม แบ่งเป็นช่วง ๆ ตามความยาวแล้ว ใช้เชือกมัดรัด ยึดแต่ละซี่เพื่อจัดช่องระยะความห่างให้เท่ากันและช่วยให้เกิดความแข็งแรง ที่ ปากลอบจะใช้ซี่ไม้ท างา บริเวณกลางลอบจะมีงาแบบเดียวกันผูกติดอยู่ภายในอีกชั้นหนึ่ง ที่ก้นลอบ จะใช้ไม้ไผ่ผูกเชือกร้อยต่อกันปิดทางออกเป็นช่องสี่เหลี่ยมลอบบางหลังอาจมีขนาดเล็กจะเหลาไม้เป็น ง่ามยาว ๆ เสียบสวมลงบนหลังคร่อมซี่ด้านบน ลอบ ที่มำ : ศูนย์มำนุษวิทยำสิรินธร ลอบตาข่าย ลอบนอน ๙


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ ข้องเป็ด ข้องเป็ด มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวนอน ใช้ไม้ไผ่เป็นวัสดุในการท า มีรูปร่างลักษณะคล้ายเป็ด ปากข้องบานหงายขึ้น ด้านบน ส าหรับใส่ปลาไว้ในข้อง ปลายปากข้องมีฝาเปิด-ปิดท าด้วยผิวไม้ไผ่ สามารถใส่ปลา ได้สะดวกแต่ปลาจะกระโดดออกมาไม่ได้เพราะติด ส่วนฝาปิด ที่เรียกว่า “งา” ข้องเป็ดมักจะไม่ค่อยถูกสะพาย ติดตัวไปในขณะจับปลาเหมือนข้องยืน แต่จะวางไว้บนเรือ ริมคลองหรือริมตลิ่งแทนเพราะมีขนาดใหญ่ ที่มำ : องค์กำรพิพิธภัณฑ์วิทยำศำสตร์แห่งชำติ ข้องยืน เป็ฃฃฃ ข้องยืน มีลักษณะรูปทรงคล้ายโอ่งน้ า ท าด้วยไม้ไผ่ ลักษณะการสานที่ก้นข้องมักจะสานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตัวข้อง มีลักษณะกลมป้อม ป่องตรงกลางค่อยๆ สอบเข้า ตรงคอข้อง แล้วบานออกที่ปลายปากข้องคล้ายปากแตร ปลายปากข้องมีฝาเปิด-ปิดท าด้วยผิวไม้ไผ่ สามารถใส่ปลา ได้สะดวก ปลาจะกระโดดออกมาไม่ได้เพราะติดส่วนฝาปิด ที่เรียกว่า “งา” ที่มำ : องค์กำรพิพิธภัณฑ์วิทยำศำสตร์แห่งชำติ ๑๐


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ ส้อม หรือแหลมแทงปลำไหล ส้อม หรือแหลมแทงปลาไหล เป็นเครื่องมือเสียบ แทงล่าปลาไหลที่อาศัยท ารูอยู่ในดินโคลนตามแหล่งน้ า สระน้ าที่เริ่มแห้งหรือแห้งแล้ว และดินโคลนหดตัวแยก แตกระแหง ส้อมเป็นชื่อเดียวกับอุปกรณ์บนโต๊ะอาหารที่ใช้ ร่วมกับช้อน เป็นซี่แยกออกสี่ซี่ใช้เสียบอาหาร หรือมีสองซี่ ใช้เสียบชิ้นผลไม้ จากลักษณะการใช้ใกล้เคียงกัน ส้อมปลาไหล ก็มีง่ามสองซี่ มีคันและด้ามมือจับใช้กดแทงเสียบปลาไหล ในดินโคลน ที่มำ : ศูนย์มำนุษวิทยำสิรินธร บั้งลันดักเอี่ยน บั้งลันดักเอี่ยน เป็นเครื่องมือที่ใช้ส าหรับดัก เอี่ยน (ปลาไหล) ท ามาจากกระบอกไม้ไผ่ล าใหญ่ โดย ตัดให้มีระยะประมาณ ๓ - ๔ ปล้อง แล้วเหลือข้อไม้ไผ่ ไว้ด้านหนึ่ง เพื่อท าเป็นก้นลัน ไม่ให้ปลาไหลหนีออกไป จากนั้นใช้ท่อนไม้หรือมีดทะลวงข้อไม้ไผ่ด้านใน ให้เป็นรูทะลุถึงกัน เว้นไว้เฉพาะข้อไม้ไผ่ที่ท าเป็นก้น เท่านั้น การท าบั้งลันในช่วงนี้มีลักษณะ คือ กระบอกน้ า ใช้มีดกรีดล าไม้ไผ่ส่วนปล้องที่เป็นก้นให้เป็นร่องเล็ก ๆ ทะลุเนื้อไม้ไผ่การกรีดร่องหรือเจาะร่องกระบอกไม้ไผ่ แบบนี้ เพื่อที่จะให้กลิ่นเหยื่อที่ใช้ดักเอี่ยน (ปลาไหล) กระจายไปในน้ าในบริเวณนั้นได้สะดวก เพื่อล่อให้ปลาไหล เข้าลันได้ดีเหยื่อที่นิยมใช้ คือ หอย ปู และปลา ที่มำ : ประตูสู่อีสำน isangate.com ๑๑


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ อีจู้ อี จู้ ห รื อ ตุ้ ม ดั กป ล าไห ล เป็ น เ ค รื่ อง มือ ดักปลาไหลชนิดหนึ่ง สานด้วยไม้ไผ่ มีงาแซงอยู่ริมก้น ใส่เหยื่อไว้ในกะพล้อ (กระบอกไม้ไผ่ชนิดหนึ่ง) อีจู้ มีลักษณะกลมป่องส่วนก้น แล้วเรียวที่ส่วนบน คล้ายคนโทใส่น้ าบางชนิด หรือคล้ายรูปหม้อคอสูง การสานอีจู้ใช้ตอกไม้ไผ่เหลาบาง ๆ เริ่มสานที่ก้น เป็นลายขัดสี่เหลี่ยมเป็นตาห่างๆ แล้วสานในแนวตั้ง ขึ้นมาเป็นลายขัดทึบ สานปลายปากอีจู้เรียวแคบลง ทีละน้อย ส่วนริมปลายปากจะบานออกเล็กน้อย เพื่อวางที่ปิดปากอีจู้ ส่วนใหญ่ใช้กะลามะพร้าว หรือเศษฟางเศษหญ้าจุกปากให้แน่น ที่มำ : ประตูสู่อีสำน isangate.com จั่นดักปลำ จั่นดักปลา เป็นเครื่องมือดักปลาชนิด หนึ่ง นิยมใช้มากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของไทย มีลักษณะเป็นกล่องทรงสี่เหลี่ยม มี ทางเข้าทางเดียวด้วยฝากลไกที่จะเชื่อมไปยัง ภายใน หากมีปลา หรือสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เข้าไปชน กับเชือกกลไกภายในจั่นจะให้ให้ฝาจั่นปิดลงทันที ที่มำ : baanmaha.com ๑๒


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ กระชังไม้ไผ่ กระชังเป็นเครื่องขังปลา สานด้วยไม้ไผ่มีหลายชนิด และมีรูปร่างแตกต่างกันไป กระชังส่วนมากจะมีฝาบิดเปิด ได้ ใช้ใส่ปลาแล้วลอยไว้ในน้ า เพื่อขังปลาไว้ไม่ให้ตาย กระชังมีขนาดแตกต่างกันตั้งแต่เล็กไปถึงขนาดใหญ่มาก อ า จ จ ะมี ขน าดใหญ่ม า ก ก ว้ างป ร ะม าณ ๔ เมต ร ยาว ๕ เมตร สูง ๒ เมตร เป็นต้น ที่มำ : งำนข้อมูลท้องถิ่นและจดหมำยเหตุ มหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี สุ่ม สุ่มดักปลา เป็นเครื่องมือไว้ส าหรับครอบปลาในน้ าตื้น มีวิธีการจักสานหลายขั้นตอน ตั้งแต่น าไม้ไผ่ตัดเป็นท่อนๆ ท่อนละ ๖๐ เซนติเมตร น าไปรมควันจนด าท าให้มีสีสวย ป้องกันมอดไม้ที่จะมากัดไม้ไผ่ แล้วน าไม้ไผ่มาเหลาเป็นซี่ ขนาด ๑ - ๑.๕๐ เซนติเมตร ไปลนไฟ ให้ท่อนตรงปลายอ่อน และขยายเล็กน้อย น าไปเจาะรูทั้งหมด ๖๑ รูเพื่อสานไม้ไผ่ใส่ ซึ่งต้องเน้นความถี่เป็นส าคัญ ป้องกันปลาออกนอกสุ่ม ก่อนน าเชือก มาถักระหว่างซี่ไม่ให้หลุดออกจากกัน นับเป็นของใช้พื้นบ้าน ที่มีอยู่ทั่วทุกภาค หากแต่มีการเรียกชื่อแตกต่างกันตามท้องถิ่น เช่น สุ่มโมง เป็นสุ่มที่มีขนาดกว้างและใหญ่กว่าสุ่มชนิดอื่น ๆ บางพื้นที่เรียก สุ่มซี่ หรือ สุ่มก่อง การสุ่มปลามักสุ่มในห้วงน้ า ไม่กว้างและลึกนัก สุ่มไปเรื่อย ๆ เหมือนค าว่า สุ่มสี่สุ่มห้า แล้วเอามือล้วงควานภายในสุ่ม ถ้าครอบปลาได้จะควานจับใส่ ข้องที่มัดสะพายติดตัวไปด้วย ที่มำ : ประตูสู่อีสำน isangate.com ๑๓


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ ตุ้ม ตุ้ม เป็นเครื่องจักสานที่ท าด้วยไม้ไผ่ใช้ส าหรับดักปลา มีลักษณะคล้ายข้อง มีงาแซงอยู่ ด้านล่าง ส าหรับเป็นทางให้ปลาเข้าแต่ออกไม่ได้ ด้านบนมีช่องปากส าหรับให้มือล้วงหรือเทป ลาออกได้ตุ้มมีหลายขนาดหลายลักษณะขึ้นกับสภาพของหนองน้ าหรือชนิดของปลาที่จะดัก วิธีการใช้งานตุ้มจะมีทั้งดักปลาในทางน้ าไหลและน้ านิ่ง ถ้าวางดักในบริเวณน้ านิ่งจะวางเหยื่อ ล่อปลาไว้ข้างในตุ้ม เช่น ไส้เดือน ดินเหนียวคลุกร าหรือปลวก การก าหนดชนิดของตุ้มนั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของสัตว์น้ าที่ต้องการจับ ผู้สร้างจะต้องศึกษาพฤติกรรมของสัตว์น้ านั้น ๆ ก่อนที่จะออกแบบตุ้มดักปลาและหาต าแหน่งที่วางตุ้ม ตุ้มที่พบได้ทั่วไป เช่น ตุ้มปลายอน ตุ้มปลาขาว ตุ้มปลาดุก เป็นต้น ที่มำ : งำนข้อมูลท้องถิ่นและจดหมำยเหตุ มหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี ๑๔


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ สร้อยกระพรวน สร้อยกระพรวน เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ส าหรับแขวน ที่คอช้าง ม้า วัว ควาย หรือสัตว์อื่น ๆ เพื่อบอกต าแหน่ง ของสัตว์จากเสียงของกระพรวน ประกอบด้วยตัวสร้อย ที่ท าจากเชือก และลูกกระพรวนที่ท าจ ากโลหะ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อโบราณว่า กระพรวนเป็นของ ศักดิ์สิทธิ์เมื่อเกิดเสียงดังจะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย เสริม โชคลาภ และความมั่งคั่ง ที่มำ : baanjompra.com เชือก ลูกกระพรวนโลหะ กะโหล่ง กะโหล่ง เป็นอุปกรณ์ที่ท าหน้าที่คล้ายกระดิ่ง คือใช้แขวนที่คอของสัตว์ ชาวกูยสุรินทร์ใช้กะโหล่งกับทั้ง วัว ควาย รวมถึงช้างด้วย ลักษณะภายนอกของกะโหล่ง จะเหมือนกระดิ่งที่ท าจากไม้ ขึ้นรูปเป็นคล้ายสี่เหลี่ยม คางหมูแบบโค้ง ภายในแขวนลูกกระพรวนหรือแท่งไม้ ขนาดเล็กไว้เพื่อให้เกิดเสียง ใช้ประโยชน์ในด้านการบอก ต าแหน่งของสัตว์จากเสียงของกะโหล่ง และขนาดของ กะโหล่งนั้นจะถูกท าให้พอดีกับขนาดของสัตว์ตัวนั้น ๆ ที่มำ : ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ กะโหล่งวัว กะโหล่งช้าง ลูกกระพรวน ๑๕


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ ไม้โปง หรือ ปกหลก เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แขวนคอ สัตว์เลี้ยงเพื่อบอกต าแหน่งจากเสียงของอุปกรณ์ที่ กระทบกัน การท าไม้โปงจะนิยมใช้ไม้ไผ่ป่าหรือไม้สีสุก ล าโต แก่จัด เนื้อแน่น ตัดให้เหลือข้อหัวท้าย ปอกเอาผิว ไม้ไผ่ออก คว้านกระบอกด้านหนึ่งเป็นรางยาว จากนั้นใช้ เชือกร้อยรูเพื่อผูกคอสัตว์ ในเวลากลางคืน ผู้เลี้ยงสัตว์จะ น าเศษใบไม้หรือเศษหญ้ามาอัดไว้ในรางไม้โปง เพื่อป้องกัน ไม่ให้มีเสียงดังรบกวนในยามวิกาล ที่มำ : ศูนย์มำนุษยวิทยำสิรินธร ไม้โปง กระดิ่งสัตว์โบรำณ กระดิ่งสัตว์โบราณ เป็นกระดิ่งแขวนคอ สัตว์ที่ท าจากโลหะ ปากกระดิ่งเป็นรูปวงกลม ด้านบนมีรูส าหรับร้อยเชือก ท าหน้าที่บอกต าแหน่ง สัตว์จากเสียงของอุปกรณ์เช่นเดียวกับสร้อย กระพรวน กะโหล่ง และไม้โปง นิยมใช้เมื่อถึงเวลา ปล่อยสัตว์ออกไปหากินตามทุ่งหญ้าหรือท้องนา แบบอิสระ ที่มำ : ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ ๑๖


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ คันไถ คันไถ เป็นเครื่องมือประกอบการท านาท าไร่ ใช้ควายหรือวัวลากเพื่อกลับดิน แล้วใช้คราดหรือขลุบ ท าดินที่ไถไว้ให้ก้อนเล็กลงเพื่อเพาะปลูกพืชได้สะดวก คันไถ เป็นส่วนโค้งงอนเสียบเข้าเดือยกับหางยาม ไม้ที่น ามาท าคันไถจะใช้ไม้แดง ไม้ประดู่ และไม้ชิงชัน โดยเลือกใช้กิ่งต้นที่มีลักษณะโค้งงอคล้ายรูปคันไถอยู่แล้ว ใช้ขวานถากไม้ให้มีขนาดเล็กลง ใช้บุ้งและกระดาษทราย ขัดเนื้อไม้ให้เรียบ ปลายคันไถมักท าเป็นรูปดอกบัวตูม เจาะรูส่วนปลายเพื่อร้อยเชือกหนังมัดกับแอกน้อย ให้ควายลากไถ ที่มำ : ศูนย์มำนุษวิทยำสิรินธร แอก แอก เป็นอุปกรณ์ใช้ส าหรับคล้องคอวัว ควาย เพื่อลากไถ คราด เป็นแม่แรงในการท าให้ไถนาได้ ห รือเทียมเก วียนเป็นเค รื่องบังคับไปในทิศท าง ที่เราต้องการ ท าจากท่อนไม้เนื้อแข็ง มีความโค้งงอ ประกอบด้วยแม่แอก (ไม้คาน) และลูกแอก (ไม้หนีบคอ วัว คว าย) จะมีรูบนตัวแอก ข้ างละ 2 รู เพื่อใส่ ไม้เหลากลมข้างละ 2 ซี่ ส าหรับครอบลงบนคอควาย หรือวัว ที่มำ : ส ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหำวิทยำลัยรำชภัฏสุรินทร์ รากไถ หางไถ คางหมู หรือจมูกหมู ๑๗


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ กรงนก กรงนก มักใช้เลี้ยงนกเขาหรือนกกรงหัวจุก มักท าด้วยไม้ไผ่และไม้จริงประกอบกัน ซี่กรงท าด้วยไม้ไผ่ โ ค รงท าด้ ว ยห ว า ย มักท าเป็น รูปท รง ก ร ะบ อ ก หรือทรงกลมป้อม ๆ อย่างลูกจันทน์ ส่วนหัวกรงโค้งมน มีขอส าหรับแขวนกรงท าด้วยเหล็กหรือทองเหลือง มีประตูปิดเปิดข้างกรง ภายในมีคอนให้นกเก าะ และมีภาชนะส าหรับใส่อาหาร ใต้กรงมักมีกระด้งส าหรับ รองมูลนก ที่มำ : ศูนย์มำนุษวิทยำสิรินธร เพนียด เพนียด เป็นเครื่องมือดักนก ประกอบด้วย ส่วนส าคัญ ๒ ส่วน คือ ส่วนที่เป็นห้องหับใช้ใส่นกต่อ เพื่อล่อนกเป้าหมาย อีกส่วนหนึ่งคือส่วนกลไกดักนก ประกอบด้วยคอนไม้และตาข่ายครอบนกใช้วัสดุ อย่างไม้ไผ่ หวาย ไม้เนื้อแข็ง และเชือกใช้ถักเป็นตาข่าย การต่อนกโดยจะเลือกใช้นกตัวผู้ที่ร้องมาก เรียกนกเก่ง ใส่ไว้ข้างในกรงเพื่อดึงดูดนกตัวอื่น เมื่อ นกป่าได้ยินก็จะบินลงมาเกาะที่เพนียดและต่อสู้กับนกใน กรงจนถูกตาข่ายดีดลงมาทับตัวเอาไว้หากไม่ต้องการใช้ นกต่อตัวจริง สามารถอัดเสียงนกไว้แล้วน ามาเปิดล่อนก ป่าได้เช่นกัน ที่มำ : ศูนย์ข้อมูลกลำงทำงวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ๑๘


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ กระโจมนำค กระโจมนาค หรือ ชฎานาค ท าจากไม้ไผ่และ ต กแต่งด้ ว ย ก ร ะด าษสี ห้ อย ฝ้ า ยไ ว้ด้ าน ข้ างนั้น มีความหมายว่า ยอดที่แหลมเปรียบดั่งสมอง อัน หลักแหลมในการศึกษาพระธรรม กระดาษสี เปรียบ ดั่งความเปลี่ยนแปลงของแสงสี ไม่ให้เรา หลง ละเลิงไปกับมันเพราะทุกอย่างมีทั้งดีและไม่ดี มี การเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และ นุ่นที่ห้อยไว้ด้านข้างของ กระโจมนาค ถูกใช้แทนต่างหู เปรียบได้ว่าอย่าได้ เป็น คนหูเบา อีกทั้งยังมีเครื่องประดับอื่น ๆ เช่น สังวาล, ตรึม , ก าไล (เครื่องประดับโบราณ) ซึ่งปัจจุบันสิ่งเหล่านั้นได้ สูญหายไปหมดแล้ว จึงมีการใส่สร้อยทองแทน ที่มำ : ผู้จัดกำรออนไลน์ ฮำงฮด ฮ างฮด ห รือ ร าง รด เป็นอุปก รณ์ส าคัญ ในพิธีฮดสรง มีลักษณะเป็นท่อนไม้รูปพญานาค หรือ คล้ายเรือสุพรรณหงส์ ตรงกลางถูกท าให้เป็น ร่อง เพื่อที่จะให้น้ าไหลผ่าน และส่วนหางมีการเจาะเป็นรู ส าหรับการเทน้ าอบน้ าหอมลงไป ตกแต่งให้สวยงามโดย การแต่งแต้มสีสัน ส่วนขนาดใหญ่น้อยนั้นขึ้นอยู่กับชุมชน ว่าจะท าขึ้นมาอย่างไร น้ าที่ใช้สรงพระบางชุมชน ที่เคร่งครัดต้องมีการตระเตรียมน้ าจากบ่อหรือแหล่งน้ า ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเชื่อถือ ในกรณีที่หาไม่ได้ต้องใช้น้ าฝน ที่ผ่ านพิ ธี ก ร ร ม แ ล ะ มี คนห าบน้ าใ ส่หม้ อ ดิน แห่ พร้อม ๆ กับขบวนแห่พระด้วย ที่มำ : จำรุวรรณ ด้วงค ำจันทร์ Nairobroo.com อุปกรณ์ในชีวิตประจ ำวัน


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ เชี่ยนหมำก เชี่ยนหมาก มีหลายชื่อเรียก เช่น เซี่ยนหมาก เฆี่ยนหมาก และขันหมาก ตามภาษาเฉพาะแต่ละท้องถิ่น ซึ่งหมายความถึงภาชนะกล่องไม้ที่มีไว้ใส่หมากพลู ลักษณะเชี่ยนหมากทางอีสาน จะมีทั้งเชี่ยนหมาก แบบกล่องตัวผู้ เชี่ยนหมากแบบกล่องตัวเมีย และ เชี่ยนหมากแบบแอวขันปากพาน ซึ่งเชี่ยนหม าก โดยทั่วไปจะประกอบไปด้วย ๔ ส่วน ได้แก่ ปาก แบ่งออกเป็น ๓ - ๔ ช่อง ส าหรับใส่ของ, ล าตัว หรือ ด้านข้างของเชี่ยนหมาก เป็นจุดเด่นในการแสดงลวดลาย ของแต่ละพื้นที่, เอว คือส่วนเชื่อมระหว่างล าตัวและขา ไม่มีการตกแต่งลวดลายใด ๆ และขา เป็นส่วนที่มีการ เจาะเป็นช่อง พร้อมทั้งแกะสลักลวดลายต่าง ๆ ที่มำ : พิพิธภัณฑ์ธรรมศำสตร์เฉลิมพระเกียรติ ครกต ำหมำก ครกต าหมาก มีลักษณะคล้ายครกทั่วไป แต่มีขนาดเล็กกว่า ท าจากไม้และแกะสลัก ลวดลายเพื่อความสวยงาม ใช้ส าหรับต าส่วนผสม ในการเคี้ยวหมาก เช่น หมาก พลู ปูน เป็นต้น โดยทั่วไปจะใช้ครกเป็นอุปกรณ์รองรับ และใช้ สากเป็นอุปกรณ์ในการต าหรือบด ที่มำ : ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ ๒๐


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ เครื่องหั่นยำสูบ เครื่องหั่นยาสูบ มีลักษณะคล้ายม้านั่งท าด้วยไม้ มีขา ๒ หรือ ๓ ขา ขาด้านหัวเจาะรูกลมตรงกลาง ไม้พื้นเซาะร่อง ตรงกลาง ปลายสอบน าไปตีประกอบกับขาหน้าให้ร่อง อยู่ตรงกับรู ท าขาหลังด้วยไม้ค้ ายัน ๒ ขา หรือไม้แผ่น โดยเครื่องมือนี้จะใช้หั่นยาสูบโดยการน าใบยามาซ้อนกันแล้ว ม้วนให้กลมใส่ไปในรูวงกลมให้พ้นขอบรู แล้วใช้เหล็กแผ่น ลับด้านหนึ่งให้คม แล้วค่อย ๆ เลื่อนใบยาสูบและหั่นจนหมด ที่มำ : ศูนย์ข้อมูลกลำงทำงวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม โฮงกะบอง โฮงกะบอง ห รือโ รงกระบอง เป็นอุปกรณ์ที่วางขี้กระบอง (วัสดุที่ให้ ความสว่าง) ที่ติดไฟแล้ว ท าจากไม้เนื้อแข็ง จากนั้นน าไม้อีกท่อนมาท าเป็นแท่นวาง กระบอง ซึ่งโฮงกะบองนี้เป็นอุปกรณ์ที่ช่วย ไม่ให้ขี้กระบองที่ยังติดไฟอยู่หล่นใส่พื้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้ได้ขณะใช้งาน โฮงกะบองจะมีการน าทรายมาโรยไว้ ที่บริเวณหลุมบนแผ่นไม้เพื่อป้องกันเพลิง ลุกไหม้ ที่มำ : ศูนย์ข้อมูลกลำงทำงวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ๒๑


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ ก่องข้ำว ก่องข้าว มีทั้งแบบสานจากไม้ไผ่ และท าจาก กะลามะพร้าวแกะสลักลวดลาย มีรูปทรงแตกต่างกันไป ตามความนิยมของแต่ละท้องถิ่น แต่โดยส่วนใหญ่ จะมีรูปทรงคล้ายโถ ฐานหรือเชิงหรือตีน ท าด้วยแผ่นไม้ เบญจพรรณไขว้กันเป็นรูปก ากบาทผูกติดกับก้น เพื่อใช้เป็นฐานเพื่อให้ก่องข้าวตั้งได้ ฝา มีรูปร่างคล้าย ฝาชี ใช้ก้านตาลท าเป็นขอบ มีหูส าหรับร้อยเชือกขึ้นมา จากก้นไว้แขวนหรือสะพายบ่าติดตัว ก่องข้าวมักจะ ใช้ส าหรับใส่ข้าวพกติดตัวเวลาเดินทางออกไปนอกบ้าน เนื่องจากก่องข้าวมีฐานที่สูงเพื่อตั้งไว้ในนาที่มีน้ า เพื่อป้องกันมดขึ้นข้าวและกับข้าว ที่มำ : ศูนย์มำนุษวิทยำสิรินธร กระติบ กระติบหรือกระติ๊บ เป็นภาชนะสานส าหรับ ใส่ข้าวเหนียวนึ่ง มีทั้งรูปทรงกระบอกและรูปทรง สี่เหลี่ยม มีฝาปิดมีเชือกร้อยส าหรับหิ้วและถือ นิยมใช้กัน ในผู้ที่บริโภคข้าวเหนียวในภาคเหนือและอีสาน วัสดุที่ใช้ ท ากระติบข้าวคือ วัสดุธรรมชาติตามท้องถิ่น เช่น กก หวาย ใบลาน กระจูด เตย ย่านลิเพา ใบมะพร้าวและไม้ ไผ่ ที่นิยมมากที่สุดคือไม้ไผ่ เพราะหาได้ง่ายและมี คุณสมบัติพิเศษคือ แข็งแรง เหนียว มีการยืดตัวหดตัว สามารถตัดโค้งดีดเด้งตัวได้ ที่มำ : ศูนย์สำรนิเทศอีสำนสิรินธร มหำวิทยำลัยมหำสำรคำม ๒๒


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ ถังตวงข้ำว ถังตวงข้าว คือ เครื่องตวงข้าวลักษณะ ทรงกระบอกปากกลม ท าด้วยไม้ การตวงข้าวด้วยถัง จะต้องเทข้าวให้พูนปากถัง แล้วใช้ไม้เรียบตรง ปาดข้าว ให้เสมอขอบปากถัง ลักษณะเด่นของถังตวงข้าว คือ การเข้าเดือยไม้โดยไม่มีการช่วยยึด ส่วนของฝาและพื้น ถังได้เข้าลิ้นไม้ ซึ่งจะช่วยในการใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ถังตวงข้าวส่วนใหญ่จะท าด้วยไม้สัก เพราะมีคุณสมบัติ คือ มีความแข็งแรงคงทนใช้ตวงข้าวสารได้ดี ไม่มีเชื้อรา ปลวกไม่มากินเนื้อไม้ และยางไม้สามารถช่วยขับไล่มอด ไม่ให้มารบกวนข้าวในถัง คุณสมบัติดังกล่าวยังท าให้ ถังตวงข้าวสามารถใช้ใส่น้ าแข็ง หรือแช่ไวน์ได้อีกด้วย ที่มำ : masasom.com ถาดไม้คนข้าวเหนียว ท าขึ้นมาจากไม้ สักแบบหนาแผ่นเดียว ด้านหนึ่งน ามาขุดเป็นแอ่ง เพื่อใช้ส าหรับคนข้าวเหนียวเวลาสุกใหม่ ๆ อีก ด้านอาจแกะสลักเป็นลวดลายเพื่อความสวยงาม หรือท าให้เป็นผิวเรียบก็ได้เมื่อข้าวสุกได้ที่แล้ว จะต้องยกไหข้าวเทลงบนถาดไม้ เพื่อให้ความร้อน หรือไอ จากการนึ่งออกไปให้ความร้อนพอดี ไม่ให้ข้าวที่จะใส่ ในไหแฉะจนเกินไป ที่มำ : ส ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหำวิทยำลัยรำชภัฏสุรินทร์ และ masasom.com ถำดไม้คนข้ำวเหนียว ถาดไม้ทรงกลม ถาดไม้ทรงสี่เหลี่ยมแบบมีลายแกะสลัก ๒๓


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ หวด หวดเป็นภาชนะสานส าหรับนึ่งอาหาร เช่น ข้าวเหนียว ผัก ถั่วงา โดยเฉพาะข้าวเหนียวจะนิยมนึ่ง ด้วยหวดเป็นส่วนใหญ่ มีรูปทรงคล้ายกรวย ก้นสอบ ปากผาย มักสานด้วยตอกไม้ไผ่โดยสานทึบตลอดทั้งใบ ในการนึ่งให้น าสิ่งที่ต้องการจะนึ่งใส่ไว้ในหวด จากนั้น จึงตั้งไฟจนน้ าเดือด ไอน้ าจะระเหยเข้าไปตามช่องว่าง ระหว่างรอยสานของตอกไม้ไผ่ ท าให้ความร้อนระอุอยู่ ภายในจนของที่ต้องการจะนึ่งสุก ที่มำ : ศูนย์มำนุษวิทยำสิรินธร กระด้ง กระด้ง เป็นภาชนะสานรูปร่างเป็นวงกลมแบน ท าจากไม้ไผ่สานแล้วมัดด้วยเชือกหวายหรือลวดที่ขอบ กระด้ง ใช้ส าหรับฝัดข้าวเพื่อแยกเอาเศษฝุ่นและแกลบ ออกจากเมล็ดข้าวหรือเมล็ดพันธุ์อื่นที่มีเปลือก ในการใช้ กระด้งฝัดข้าว ชาวนาจะน าข้าวที่ต าแล้วมาใส่ไว้ในกระด้ง แล้วจึงท าการฝัดโดยใช้มือทั้งสองข้างจับขอบปากกระด้ง แล้วท าการร่อนโดยให้กระด้งขึ้นลง เพื่อท าให้เศษหรือ เปลือกข้าวให้ลอยขึ้นมาจากกระด้ง เศษและเปลือกข้าวที่ มีน้ าหนักเบากว่าเมล็ดข้าวก็จะปลิวออกไปตามแรงลม ส่วนเมล็ดข้าวที่มีน้ าหนักมากกว่าก็จะตกลงมาบนกระด้ง ที่มำ : ศูนย์มำนุษวิทยำสิรินธร ๒๔


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ กระเป๋ำถือจักสำน กระเป๋าถือจักสาน มีลักษณะเป็นกระเป๋าทรง กลมที่สานจากตอกไม้ไผ่ เสริมความแข็งแรงที่ขอบฝา ด้วยการน าไม้ไผ่ที่เหลาเป็นเส้นมาประกบแล้วมัดด้วย เชือกหวาย หูกระเป๋าท าจากหวาย ใช้ส าหรับการใส่ข้าว ของโดยทั่วไปในชีวิตประจ าวัน ที่มำ : ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ คุหรือครุไม้ไผ่ คุ หรือ ครุ เป็นภาชนะที่ใช้ตักและ ขน ย้ายน้ า ท าด้วยไม้ไผ่ทาด้วยชันผสมน้ ามันยาง สามารถบรรจุน้ าได้ ลักษณะทั่วไปจะเป็นทรง กลมเหมือนตะกร้าและกระบุง แต่มีลักษณะเล็ก กว่า ส่วนกลางป่องออกเล็กน้อยมีลักษณะคล้าย หม้อดิน โดยปกติจะท าคุเป็นคู่เพื่อใช้หาบน้ า เ รียกว่ า “ห าบคุ” และน าม าใช้ง านเพื่ อ วัตถุประสงค์อื่น เช่น ใช้ขังปลา เป็นต้น ที่มำ : งำนข้อมูลท้องถิ่นและจดหมำยเหตุ มหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี ๒๕


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ ภำชนะดินเผำ ภาชนะดินเผา เป็นภาชนะส าหรับ บรรจุของเหลวหรือของแข็ง ส าหรับใช้บริโภค หรือเก็บสะสมอาหาร เช่น หม้อ ไห จาน ชาม ถ้วย ผลิตขึ้นโดยน าดิน หิน ทราย และแร่ธาตุ ต่าง ๆ มาผสมกับน้ า ปั้นตามรูปร่างที่ต้องการ แล้วเผาให้แข็งตัวคงรูปร่างอยู่ได้ ที่มำ : พิพิธภัณฑสถำนแห่งชำติ สุรินทร์ กำต้มน้ ำดินเผำ ก า ต้ม น้ า ดิน เ ผ า เ ป็น ภ า ช น ะ ส าหรับใส ่น้ าหรือต้มน้ า ท ามาจากดินเผา เคลือบ ก้นกาต้มน้ ามีลักษณะเป็นวงกลม ตรงกลางของกาป ่องออก และปากกาต้ม น้ าแคบเข้าเป็นวงกลมและท าฝาปิดกาน้ า ด้วย มีพวยและหูส าหรับหิ้วหรือจับได้นิยม ใช้กันในชนบท จะใช้ตั้งบนเตาถ่านหรือเตา ฟืนก็ได้ สามารถกักเก็บความร้อนได้นาน ที่มำ : ศูนย์ข้อมูลกลำงทำงวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ๒๖


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ กระโซ่ กระเชอ ก ร ะ เ ช อ เ ป็น ภ า ช น ะ ที ่ส า น ด้ว ย ไ ม้ไ ผ ่ ปากกว้าง ก้นสอบมีลักษณะเป็นสี ่เหลี ่ยม ส ่วนฐาน ใช้ก้านตาลเพื่อเสริมความแข็งแรง ใช้หวายหรือเชือก เป็นวัสดุในการยึด ใช้ส าหรับใส่ข้าวสาร ข้าวเปลือก ใส่ของในพิธีกรรมต่าง ๆ และใช้พกติดตัวไว้ใส่ของป่า ที่มำ : ศูนย์มำนุษยวิทยำสิรินธร กระโซ ่ หรือชื ่อเรียกอื ่น เช ่น กันโซ้, คันโซ ่ และข้องโซ้ เป็นเครื่องมือจักสานด้วยไม้ไผ่ชนิดหนึ่ง รูป ร ่างคล้ายเ รือค รึ ่งท ่อนมีด้ามย า ว ช า วน าใน ภาคอีสานใช้วิดน้ าเข้านา หรือวิดน้ าในนาให้งวด เพื ่อข้าวกล้าจ ะได้ไม ่จมน้ าต าย ห รือวิดน้ า ออก เพื่อจับปลาในนา ที่มำ : งำนข้อมูลท้องถิ่นและจดหมำยเหตุ มหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี ตลับยำเส้น ตลับยาเส้น หรือ แอ่บยาเส้น เป็นภาชนะส าหรับใส่ ยาเส้น หรือยาสูบ มีลักษณะเป็นกระบอกทรงสูง ท าจากไม้ ใช้ยางไม้ในการทาเคลือบตัวตลับ นอกจากจะใช้ในการใส่ยา เส้นแล้ว ยังสามารถน ามาใช้ใส่หมากพลู และอุปกรณ์ในการ รับประทานหมากได้อีกด้วย ที่มำ : สถำบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์กำรมหำชน) ๒๗


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ กระต่ำยขูดมะพร้ำว กระต่ายขูดมะพร้าว เป็นเครื่องมือส าหรับขูดมะพร้าว บริเวณโครงไม้ใช้ส าหรับเสียบฟันขูดและใช้ นั่งเวลาขูดมะพร้าว มีแผงฟันท าด้วยเหล็กเป็นซี่เล็ก ๆ คล้ายฟันเลื่อยยื่นออกมาจากปากเป็นที่ขูดมะพร้าว บริเวณโครงไม้ในสมัยโบราณนิยมท าเป็นรูปกระต่าย ต่อมาเริ่มมีการท าเป็นรูปสัตว์ชนิดอื่น ๆ เช่น แมว สุนัข นก หนู สิงห์ เต่า ตะกวด ตามแต่ความนิยมของผู้สร้าง หรือในบางครั้งก็มีการสร้างออกมาในรูป ที่เกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์ทางเพศด้วยตามอารมณ์ขันของผู้สร้าง เนื่องจากคนขูดมะพร้าวมักจะเป็นผู้หญิง จึงเป็นการสร้างความขบขันให้แก่ผู้พบเห็น แต่ก็ยังคงนิยมเรียกว่ากระต่ายขูดมะพร้าวเนื่องจากแต่เดิมนั้น นิยมท าเป็น รูปกระต่ายและเรียกกันมาจนเคยชิน หรือส่วนฟันที่ใช้ขูดเนื้อมะพร้าวมีลักษณะเป็นซี่ยาว เหมือนฟันกระต่าย จึงยังคงเรียกกระต่ายขูดมะพร้าวเช่นเดิม ที่มำ : ศูนย์มำนุษวิทยำสิรินธร ตัวกระต่าย ฟันกระต่าย ฟันกระต่าย ตัวกระต่าย ๒๘


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ กบไสไม้ กบไสไม้เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตกแต่งผิวไม้ ให้มีความเรียบเนียนและมีรูปร่างตามที่ต้องการ ใน การใช้งาน ส่วนประกอบโดยทั่วไปของกบไสไม้นั้น ประกอบด้วย รางกบซึ่งจะท ามาจากไม้จ าพวกไม้แดง ไม้ป ระดู่เพร าะเป็นไม้เนื้อแข็ง และน าม าเข้ ากับ ส่วนประกอบต่าง ๆ ของกบไสไม้คือ รางกบที่เป็น ส่วนส าหรับใส่สิ่วกบหรือใบกบเหล็กประกับ ขื่อกบที่ใช้ ในการบีบอัดส่วนต่าง ๆ ของกบคือ เหล็กประกับ ลิ่ ม แ ล ะใบ กบให้ เ ข้ า กับ ร าง กบ น อ ก จ า กนี้ยัง มี ส่วนของหูกบที่ใช้เป็นที่จับในการท างาน กบไสไม้ มีความยาวหลายขนาดซึ่งการเรียกขนาดจะเรียกตาม ความยาวของราง ที่มำ : ศูนย์ข้อมูลกลำงทำงวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ครกไม้ ครกไม้ ถือเป็นครกโบราณของชาวเหนือและ ชาวอีสาน เพราะเป็นแหล่งที่มีไม้มาก ครกไม้เป็นอุปกรณ์ ที่ทนทาน ไม่ต้องดูแลรักษา ใช้เป็นอุปกรณ์ในครัวชนิดหนึ่ง ที่เพื่อบดหรือต าวัตถุดิบต่าง ๆ ให้แหลกละเอียด หรือแม้แต่ การผสมหรือย าให้ส่วนประกอบรวมเข้าด้วยกันอย่างทั่วถึง คนไทยใช้ครกกันมาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ ที่ขาดไปไม่ได้ในการท าอาหารไทย เพราะสามารถ ใช้บดเครื่องเทศอย่างพริกไทย กระเทียม พริกสด เครื่องแกง รวมไปถึงการต าน้ าพริก พริกแกง ที่ให้รสสัมผัส และความหอมได้ดีกว่าเครื่องปั่นไฟฟ้าในปัจจุบัน ที่มำ : mybest.com ๒๙


วัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ ตะเกียง ตะเกียง เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการให้แสงสว่าง มีหลากหลายลักษณะ ทั้งตะเกียงน้ ามันก๊าด ที่ท าจากวัสดุ ง่าย ๆ ในชีวิตประจ าวัน คือ ขวดหรือกระป๋องโลหะ โดยใช้ สังกะสีม้วนเป็นหลอดส าหรับใส่ไส้ที่ท าจากด้ายดิบที่สอด ลงไปในกระป๋องที่มีน้ ามันก๊าด เมื่อจุดไฟใส้ก็จะให้แสงสว่าง และตะเกียงอีกหนึ่งชนิด คือ ตะเกียงเจ้าพายุ เป็น ตะเกียงที่ท าจากโลหะและกระจก วิวัฒนาการมาจาก โฮงกะบอง ใช้น้ ามันก๊าดเป็นเชื้อเพลิง โดยใช้แรงอัดจาก ลมพ่นน้ ามันออกมาเป็นฝอย ที่มำ : ศูนย์ข้อมูลกลำงทำงวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และ ศูนย์มำนุษยวิทยำสิรินธร เตำรีดถ่ำน เตารีดถ่าน สมัยก่อนเรียกว่า “อุดเตา” มีน้ าหนักมาก เพื่ อ ช่ ว ยให้ ผ้ า เ กิ ด ค ว า ม เ รี ยบ เ มื่ อ ถู ก เ ต า รี ด ก ด ทั บ ก้นเตารีดเรียบแบน มีฝาปิด และด้ามจับท าจากไม้ เวลารีดผ้า ต้องใช้ถ่านร้อน ๆ ใส่เข้าไปด้านใน เพื่อให้เหล็กร้อน จะท าให้รีดผ้าได้เรียบ หากเหล็กร้อนเกินไปจนท าให้รีดเสื้อผ้า ได้ติดขัด มีวิธีแก้โดยการน าเตารีดไปนาบกับใบตองเพื่อให้รีด เรียบลื่นขึ้น ที่มำ : ศูนย์มำนุษยวิทยำสิรินธร ตะเกียงน้ ามันก๊าด ตะเกียงเจ้าพายุ ๓๐


โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓ ๓๑ ชุมชนคุณธรรมบ้ำนหนองบัว ศูนย์คชศึกษำ โครงกำรคชอำณำจักร


โดย ส ำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ ๐๔๔-๕๑๑๙๖๓


Click to View FlipBook Version