สารจากผู้อำนวยการ
โรงพยาบาลตากสิน
นายแพทย์ขจร อินทรบุหรั่น
ผู้ อำ น ว ย ก า ร โ ร ง พ ย า บ า ล ต า ก สิ น
สำ นั ก ก า ร แ พ ท ย์ ก รุ ง เ ท พ ม ห า น ค ร
กลุ่มโรค NCDs (Non-Communicable Diseases) หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังนั้น เป็นกลุ่มโรค
ที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ แต่เกิดจากปัจจัยต่าง ๆ ภายในร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากวิถีชีวิต การบริโภค
ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงตามสภาพสังคมที่เปลี่ยนเป็นสังคมเมืองในปัจจุบัน พบว่าประชากรไทยเจ็บป่วยและเสียชีวิต
จากโรคกลุ่มนี้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การพัฒนาระบบการรักษาและให้บริการแก่ผู้ป่วยกลุ่มนี้จึงมีความสำคัญ
และจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการศึกษา ค้นคว้าวิจัย การพัฒนาเทคโนโลยี วิทยาการรวมถึงนวัตกรรม ทางการแพทย์
ให้ทันสมัย จะช่วยให้ผู้ป่วย NCDs ได้รับการรักษา บำบัด ป้องกัน ฟื้ นฟูสุขภาพได้ตามมาตรฐาน และมีคุณภาพชีวิต
ที่ดียิ่งขึ้น
โรงพยาบาลตากสิน ซึ่งเป็นหนึ่ งในโรงพยาบาลตติยภูมิระดับสูง สังกัดสำนักการแพทย์
กรุงเทพมหานคร ตระหนักถึงความสำคัญและผลกระทบของกลุ่มโรค NCDs จึงได้พัฒนาระบบการให้บริการ
มาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปัจจุบันโรงพยาบาลตากสินมีศูนย์ความเป็นเลิศด้านการรักษาและให้บริการผู้ป่วย
NCDs แบบครบวงจรจำนวน 3 ศูนย์ด้วยกัน ได้แก่ ศูนย์เบาหวานและเมตาบอลิกครบวงจร ศูนย์สมองและ
หลอดเลือดสมองครบวงจร และศูนย์หัวใจครบวงจร
ดังนั้น ในการจัดประชุมวิชาการโรงพยาบาลตากสินประจำปี 2565 ภายใต้หัวข้อเรื่อง “Challenges
of NCDs Management in 2022” ซึ่งตรงกับครั้งที่ 18 จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้
ทางวิชาการเกี่ยวกับ แนวทาง การให้บริการ การรักษาโรค NCDs โดยมุ่งเน้น 3 กลุ่มโรค ได้แก่ โรคเบาหวาน
โรคหัวใจ โรคสมองและหลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดภาวะแทรกซ้อน การเกิดทุพพลภาพและ
เสียชีวิตของประชากรในประเทศไทย รวมถึงเขตกรุงเทพมหานคร
สำหรับรูปแบบ...
สารจากผู้อำนวยการ
โรงพยาบาลตากสิน
นายแพทย์ขจร อินทรบุหรั่น
ผู้ อำ น ว ย ก า ร โ ร ง พ ย า บ า ล ต า ก สิ น
สำ นั ก ก า ร แ พ ท ย์ ก รุ ง เ ท พ ม ห า น ค ร
สำหรับรูปแบบการประชุมในปีนี้นอกจากการสัมมนาหัวข้อทางวิชาการสำหรับบุคลากรทางการแพทย์
ระหว่างวันที่ 15 - 16 สิงหาคม ณ ทรูไอคอน ฮอลล์ ชั้น 7 ไอคอนสยาม ยังมีการจัดบูธแสดงเวชภัณฑ์ เทคโนโลยี
และนวัตกรรมทางการแพทย์จากองค์กรภาครัฐและเอกชน จำนวน 43 บูธ ณ ลานกิจกรรม บริเวณสุราลัย ฮอลล์
สำหรับบุคคลทั่วไปสามารถเยี่ยมชมนิทรรศการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลตากสินกับสำนักงานเขตคลองสาน
และสามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ หรือรับบริการตรวจสุขภาพพื้นฐาน อาทิ เช่น การตรวจวัดค่าดัชนีมวลกาย
ตรวจวัดความดันโลหิต ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ยังมีการให้บริการนวดแผนไทย การฝังเข็มเพื่อ
การรักษา โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
ในนามของผู้บริหารและบุคลากรโรงพยาบาลตากสิน ขอแสดงความขอบคุณวิทยากร ผู้ร่วมประชุม
ตลอดจนประชาชนที่ให้ความสนใจมาร่วมการประชุมวิชาการครั้งที่ 18 นี้ และขอขอบคุณผู้สนับสนุนการจัด
การประชุมวิชาการทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชน สำนักงานเขตคลองสาน ทรูไอคอน ฮอลล์ และไอคอนสยาม ที่ช่วย
ให้การจัดประชุมวิชาการครั้งนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ร่วมประชุมจะได้รับความรู้อันเป็นประโยชน์
ต่อการดูแลผู้ป่วยและพัฒนาการให้บริการแก่ผู้ป่วยNCDs ในสถานพยาบาลของท่าน และสามารถนำความรู้ที่ได้
รับไปใช้ในการดูแลสุขภาพของตนเองรวมถึงสมาชิกในครอบครัวให้มีสุขภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ห่างไกล
จากโรค NCDs
นายขจร อินทรบุหรั่น
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตากสิน
สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร
สารบัญ
ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องของแพทย์ (ศ.น.พ.)
Center for Continuing Medical Education (CCME)
12.25 Credit
ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องสาขาพยาบาลศาสตร์
Center for Continuing Nursing Education (CCNE)
12.5 Credit
1
ปาฐกถาเกียรติยศ
FUTURE OF MEDICINE
15 สิงหาคม 2565 08.45 – 09.15 น.
วิทยากร
รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ฉันชาย สิทธิพันธุ์
คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
2
บรรยาย
Novel Agents and New Diabetes
Technology for
The Treatment of T2DM
15 สิงหาคม 2565 09.15 – 10.30 น.
วิทยากร
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ทวีศักดิ์ วรรณชาลี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงสิรินาถ สิรินทร์วราวงศ์
อายุรแพทย์ต่อมไร้ท่อและเมตะบอลิซึม อายุรแพทย์ต่อมไร้ท่อและเมตะบอลิซึม
3
Novel Agents and New Diabetes Technology for
The Treatment of T2 DM
ผศ.นพ.ทวีศักดิ์ วรรณชาลี
ผศ.พญ.สิรินาถ สิรินทร์วราวงศ์
ปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ ส่วนในด้านการรักษา มีเครื่ องมือใหม่ ๆ เช่น
ในการดูแลรักษาผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 เพื่อช่วย ปากกาอินซู ลิน ซึ่งสามารถบันทึกข้อมู ลขนาดยา
ในการควบคุมระดับน้ำตาลให้ได้เป้าหมาย และ และเวลาที่ฉีดยาได้ นอกจากนี้ยังมี insulin
ลดการเกิดภาวะน้ำตาลต่ำ เช่น เครื่องวัดระดับ pump ที่ให้อินซู ลินเข้าชั้นใต้ผิวหนังอย่างต่อ
น้ำตาลอย่างต่อเนื่ องชนิดสอดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง เนื่ อง ซึ่งนอกจากจะช่วยลดจำนวนครั้งของการ
[Continuous glucose monitoring ฉีดอินซู ลินในแต่ละวันแล้ว ยังสามารถปรับอัตรา
(CGM) device] ที่วัดระดับน้ำตาลจากเนื้อเยื่อใต้ การให้อินซู ลินในแต่ละช่วงเวลาให้เหมาะกับ
ผิวหนังอย่างต่อเนื่อง และ แสดงผลแบบ real กิ จ ก ร ร ม แ ล ะ ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ย า ข อ ง ผู้ ป่ ว ย แ ต่ ล ะ
time บนหน้าจอส่วนตัวของผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วย ร า ย อี ก ด้ ว ย
ทราบระดับน้ำตาล ณ ขณะนั้น และสามารถนำข้อมูล
มาปรับเปลี่ยนการรักษาได้ทันที นอกจากนี้แพทย์
และบุคลากรผู้ดูแลผู้ป่วยยังสามารถเข้าถึงข้อมูล
ชุดเดียวกัน และ นำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการ
วางแผนการรักษาให้กับ
ผู้ป่วยได้
4
เสวนา
Practical Points in
Diabetes Management
15 สิงหาคม 2565 11.00 – 12.00 น.
วิทยากร
แพทย์หญิงจินตนันท์ จังศิริพรปกรณ์ นางสาวสุมิตรา ชูแก้ว นายภวินท์พล โชติวรรณวิรัช
นายแพทย์ชำนาญการ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ นักกำหนดอาหาร
โรงพยาบาลตากสิน
โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลตากสิน
5
Practical Points in Management of Type 2 Diabetes
แพทย์หญิงจินตนันท์ จังศิริพรปกรณ์
โรคเบาหวานเป็นปัญหาที่สำคัญทางด้าน 3. Physical activity แนะนำให้ออกกำลัง
สาธารณสุขในระดับโลก มีอุบัติการณ์เพิ่มมากขึ้นอย่าง กาย moderate intensity exercise คือ การออก
ต่อเนื่องจากข้อมูลการสำรวจสุขภาพประชากรไทย กำลังกายหนักปานกลาง เช่น วิ่งเร็วพอประมาณ รู้สึก
ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562-2563พบว่ามีผู้เป็นโรคเบาหวาน เหนื่อย แต่ยังพอพูดเป็นประโยคสั้นๆได้ โดยแนะนำให้
ร้อยละ 9.5 ซึ่งเพิ่มมากขึ้นจากปีพ.ศ. 2557 ที่มีความ ออกวันละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์
ชุกร้อยละ 8.9 นอกจากนี้จากฐานข้อมูลของสำนักงาน
หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พบว่าในช่วง 8 ปี 4. Psychosocial care ควรมีการคัด
ที่ผ่านมาผลการรักษาเบาหวานในประเทศไทยบรรลุ กรองภาวะซึมเศร้า ความเครียด เมื่อตรวจพบควรส่งต่อ
เป้าหมายเฉลี่ยเพียงร้อยละ 35 ซึ่งสะท้อนถึงปัญหา ผู้เชี่ยวชาญต่อไป
ในการป้องกันโรคเบาหวาน รวมถึงการเข้าถึงการตรวจ
วินิจฉัยและการรักษาโรคเบาหวานที่มีประสิทธิภาพ 5. Medication ยารักษาโรคเบาหวานใน
ปัจจุบันมีมากมาย ทั้งยาชนิดฉีดและยาชนิดรับประทาน
เป้าหมายที่สำคัญของการรักษาโรคเบาหวาน แต่ละตัวมีผลข้างเคียงและประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน
คือ การควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ควรมีการเลือกให้เหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละราย
เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนเรื้อรัง ซึ่งตาม
แนวทางการดูแลรักษาโรคเบาหวาน พ.ศ.2560 ของ เมื่อผู้ป่วยเบาหวานได้มีการปรับเปลี่ยน
สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ได้กำหนดเป้า พฤติกรรม ดูแลตนเอง ควบคุมอาหารอย่างเหมาะสม
หมายการควบคุมเบาหวานของผู้ใหญ่ คือ ระดับน้ำตาล และรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ จะนำไปสู่
ในเลือดก่อนอาหาร 80-130 มก./ดล., ระดับน้ำตาลใน ผลการรักษาที่ดี ป้องกันภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังทางตา
เลือดสูงสุดหลังอาหาร น้อยกว่า 180 มก./ดล., และ ทางไต และเท้า ที่นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
HbA1c < 7% ซึ่งการที่จะไปสู่เป้าหมายที่ควบคุมได้นั้น
ผู้ป่วยควรได้รับการรักษาหรือคำแนะนำในด้านต่าง ๆ
ดังนี้
1. Diabetes self-management
education เรียนรู้ทักษะในการดูแลตนเองเกี่ยวกับ
โรคเบาหวาน การได้แก่ การเรียนรู้เรื่องการควบคุม
อาหาร การใช้ยารักษา กิจวัตรประจำวัน และการดูแล
ตนเองในภาวะเจ็บป่วย
2. Medical nutrition therapy
โภชนบำบัดทางการแพทย์ ซึ่งปัจจุบันไม่ได้มีรูปแบบ
อาหารแบบใดแบบนึงที่ตอบโจทย์ในการดูแลในทุก ๆ
ด้านได้ ดังนั้นการให้คำแนะนำควรทำเป็นรายบุคคล
เพื่อให้เหมาะสมในแต่ละรายไป ควรลดอาหารจำพวก
แป้ง น้ำตาล เพิ่มผัก เพิ่มใยอาหารให้มากขึ้น และรับ
ประทานเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ใช้สารให้ความหวานแทน
น้ำตาลได้
6
Practical Points in Management of Type 2 Diabetes
นางสาวสุมิตรา ชูแก้ว
สมาคมโรคเบาหวานสหรัฐอเมริกา โดยการส่งเสริมการให้ผู้เป็นเบาหวานได้
(American Diabetes Association: ADA) เรียนรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคงไว้ซึ่งพฤติกรรม
และความสามารถในการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่อง
ได้ให้แนวทางว่า ผู้เป็นเบาหวาน ทุกรายควรได้รับ (Diabetes Self-Management Education
การให้ความรู้ และฝึกทักษะเพื่อให้สามารถการดูแล and Support: DSMES) ต้องให้ทีมสหวิชาชีพเข้าใจ
ตนเองได้อย่างถูกต้อง ร่วมกับได้รับการติดตาม เรื่องโรคเบาหวาน และสามารถสร้างแรงจูงใจให้ผู้เป็น
เพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือให้ผู้เป็นเบาหวานคงไว้ เบาหวาน และครอบครัวสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ซึ่งพฤติกรรมและความสามารถในการดูแลตนเอง ได้อย่างเหมาะสม โดยการใช้เทคนิคการให้คำปรึกษา
อย่างต่อเนื่อง (Diabetes Self-Management แบบการเสริมสร้างแรงจูงใจ (Motivational Inter-
Education and Support: DSMES) โดยเน้น viewing) เพื่อหวังผลให้ผู้ป่วยมีความรู้และเข้าใจที่
ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง โดยการให้ความรู้และฝึกทักษะ ถูกต้องเกี่ยวกับโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง
แก่ผู้เป็นเบาหวานตามมาตรฐานของสมาคมผู้ให้ เกิดแรงจูงใจ ตระหนักเห็นความสำคัญและนำไปสู่
ความรู้โรคเบาหวานสหรัฐอเมริกา (American การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ถูกต้องและเหมาะสมด้วย
Association of Diabetes Educators: ตนเองส่งผลให้สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้อย่าง
AADE) นั้นมี 7 ด้าน หรือที่เรียกว่า AADE7 Self- เหมาะสม ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานได้
Care Behaviors ได้แก่ ส่งผลให้ผู้เป็นเบาหวาน และครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
1) ด้านโภชนาการ (Healthy eating)
2) การออกกำลังกาย (Being active)
3) การติดตามประเมินภาวะแทรกซ้อนจาก
เบาหวาน (Monitoring)
4) การใช้ยาที่ถูกต้อง (Taking
medicine)
5) การวางแผนและแก้ไขปัญหา
(Problem solving)
6) การลดปัจจัยเสี่ยง (Reducing risk)
7) การจัดการด้านอารมณ์ และแก้ไขปัญหา
อย่างเหมาะสม (Healthy coping)
ควรมีการส่งเสริมให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
หลาย ๆ ด้านอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งออกเป็น 4 ช่วง
ดังนี้ คือ
1) เมื่อได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคเบาหวาน
2) เมื่อควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ตามเป้าหมาย
3) การเริ่มเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรค
เบาหวาน
4) การเปลี่ยนผ่านในแต่ละช่วงวัย
7
Practical Points in Management of Type 2 Diabetes
นายภวินท์พล โชติวรรณวิรัช
การควบคุมอาหารสำหรับควบคุมระดับ ซึ่งทำให้ผู้เป็นเบาหวานไม่รู้ว่าควรจะเลือก
น้ำตาลในเลือดไม่ใช่เรื่องยาก ผู้เป็นเบาหวานส่วนใหญ่ อาหารอย่างไรดีเพราะนึกถึงแต่อาหารที่ควรงด ในทาง
มักเคยได้รับข้อมูลมาจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ก่อนหน้านี้ กลับกันการที่ผู้เป็นเบาหวานรับรู้ถึงชนิดอาหารที่ควรกิน
แล้วซึ่งมีทั้งส่วนที่ถูกและไม่ถูกต้อง หรือถูกต้องแต่ จะช่วยให้นึกถึงอาหารที่ควรกินอยู่เสมอโดยเฉพาะอย่าง
ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงตามการดำเนินโรคในขณะนั้น ยิ่งตอนจะเลือกซื้ออาหารมากิน การตรวจระดับน้ำตาล
ผู้เป็นเบาหวานทุกคนควรได้รับความรู้ในการจำแนก จากปลายนิ้วหลังจากกินอาหารสองชั่วโมง
กลุ่มอาหารที่มีและไม่มีคาร์โบไฮเดรตออกจากกันได้ มีประโยชน์มากกว่าการตรวจน้ำตาลก่อนกินอาหารเช้า
รวมถึงควรสามารถอ่านฉลากโภชนาการได้เพื่อให้ เพราะจะช่วยให้ผู้เป็นเบาหวานเข้าใจถึงปริมาณอาหาร
สามารถเลือกซื้ออาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตในปริมาณ ที่ควรกินในแต่ละมื้อได้อย่างรวดเร็ว และเข้าถึงเป้าหมาย
ที่เหมาะสม การกินปริมาณคาร์โบไฮเดรตให้คงที่จะ การควบคุมระดับน้ำตาลในระยะเวลาอันสั้น
สามารถช่วยลดความแกว่งของระดับน้ำตาลหลัง โดยไม่จำเป็นต้องรอไปตรวจระดับน้ำตาลสะสมที่โรง
อาหาร ช่วยลดปัญหาน้ำตาลต่ำหรือสูงหลังจากกิน พยาบาล อีกทั้งยังช่วยควบคุมน้ำหนักตัวอันเป็นเป้า
อาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้เป็นเบาหวานควรได้รับ หมายสำคัญในการควบคุมการดำเนินโรคเบาหวานได้
ความรู้ถึงชนิดอาหารที่ควรกินมากกว่าชนิดอาหาร
ที่ควรงด
8
Luncheon Symposium
A Pioneer of T2 D
Management with Oral
GLP-1 RA
15 สิงหาคม 2565 12.00 – 13.00 น.
วิทยากร
รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ธาดา คุณาวิศรุต
อายุรศาสตร์ต่อมไร้ท่อและเมตะบอลิสม
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
9
บรรยาย
Case Discussion : Diabetes and
Pregnancy
15 สิงหาคม 2565 13.00 – 14.00 น.
วิทยากร
แพทย์หญิงอิสรีย์ หาญอุทัยรัศมี แพทย์หญิงสุพรรณี สุวรรณรัตนเดช
นายแพทย์ชำนาญการ นายแพทย์ชำนาญการ
โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลตากสิน
10
Case Discussion : Diabetes and Pregnancy
ภาวะเบาหวานในหญิงตั้งครรภ์ อาจเกิดขึ้น แพทย์หญิงอิสรีย์ หาญอุทัยรัศมี
ทั้งในสตรีตั้งครรภ์ที่ทราบอยู่แล้วว่าตนเองเป็นโรคเบา
หวาน (Pregestational diabetes) หรืออาจเกิด แพทย์หญิงสุพรรณี สุวรรณรัตนเดช
ภาวะเบาหวานที่พบครั้งแรกหรือเกิดขึ้นใหม่ในสตรีที่ตั้ง
ครรภ์ (Gestational diabetes, GDM) โดยภาวะ โดยการวินิจฉัยในปัจจุบัน ใช้เกณฑ์ที่ราชวิทยาลัยสูติ
เบาหวานที่เกิดขึ้นใหม่ในสตรีตั้งครรภ์มักได้รับการ นรีแพทย์แห่งประเทศไทยแนะนำให้ใช้ มี 2 เกณฑ์คือ
วินิจฉัยในไตรมาสที่ 2 หรือ 3 ทั้งนี้ภาวะเบาหวานใน เกณฑ์ของ Carpenter และ Coustan (100 gm
ระหว่างตั้งครรภ์ที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดีอาจก่อให้ OGTT) และเกณฑ์ของ International Diabetes
เกิดภาวะแทรกซ้อนทั้งต่อมารดาและบุตรได้ เช่น ภาวะ Federation, IDF (75 gm OGTT) โดยหากพบว่ามี
แท้งบุตร ทารกพิการแต่กำเนิด ภาวะน้ำตาลต่ำในทารก ความผิดปกติเข้าเกณฑ์วินิจฉัยโรคเบาหวานในระหว่าง
ทารกตัวเหลือง เป็นต้น ดังนั้นจึงมีความสำคัญทั้งใน ตั้งครรภ์ก็จะเข้าสู่กระบวนการรักษาเพื่อให้ทารกมี
แง่การให้คำปรึกษาวางแผนครอบครัวต่อสตรีวัยเจริญ สุขภาพแข็งแรง และมารดาปราศจากภาวะแทรกซ้อน
พันธุ์ที่เป็นโรคเบาหวาน การวินิจฉัยภาวะเบาหวานใน
หญิงตั้งครรภ์ การดูแลรักษาภาวะเบาหวานในระหว่าง สำหรับการรักษาโรคเบาหวานในระหว่าง
ตั้งครรภ์โดยทีมสหสาขาวิชาชีพ และการตรวจติดตาม ตั้งครรภ์นั้นมีเป้าหมายของระดับน้ำตาลในเลือด ดังนี้
ภาวะเบาหวานในหญิงที่เคยได้รับการวินิจฉัยภาวะเบา ระดับน้ำตาลปลายนิ้ว 1.ก่อนอาหารเช้า ไม่เกิน 95
หวานในระหว่างตั้งครรภ์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร 2.หลังอาหาร 1 ชั่วโมง ไม่เกิน 140
คุณภาพชีวิตที่ดีของมารดาและทารก มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร 3.หลังอาหาร 2 ชั่วโมง ไม่เกิน 120
มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร นอกจากนี้หากพิจารณาถึงระดับ
หญิงที่ตั้งครรภ์ควรได้รับการคัดกรองภาวะ น้ำตาลสะสม (HbA1C) ควรอยู่ในระดับไม่เกิน 6%
เบาหวานเมื่อฝากครรภ์ครั้งแรก และหากผลปกติควร ในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ โดยแนะนำสตรีตั้งครรภ์ที่มี
ได้รับการคัดกรองภาวะเบาหวานอีกครั้งเมื่ออายุครรภ์ ภาวะเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ให้คุมอาหารโดยให้ได้รับ
24-28 สัปดาห์ ยกเว้นหญิงที่มีความเสี่ยงต่ำมาก ปริมาณพลังงานจากอาหารที่เหมาะสมต่อมารดาและ
ได้แก่ อายุน้อยกว่า 25 ปี และน้ำหนักตัวก่อนตั้งครรภ์ ทารกในครรภ์ หลีกเลี่ยงของหวาน ออกกำลังกาย
ปกติ และไม่มีประวัติโรคเบาหวานในครอบครัว และไม่ หากยังไม่ได้ระดับน้ำตาลตามเกณฑ์ข้างต้นให้พิจารณา
เคยมีประวัติการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติมาก่อน การใช้ยาควบคุมระดับน้ำตาล ซึ่งเมื่อคำนึงถึงความ
ปลอดภัยของมารดาและทารกในครรภ์ ในระหว่าง
ตั้งครรภ์พิจารณาใช้อินซูลินเป็นยารักษาเบาหวานหลัก
เนื่องจากไม่ผ่านรกและไม่มีอันตรายต่อทารกในครรภ์
สตรีที่มีภาวะเบาหวานในขณะตั้งครรภ์เพิ่ม
ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานในอนาคตมากกว่า
หญิงปกติ 7.4 เท่า ดังนั้นหลังการคลอดบุตรควรมีการ
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย
ควบคุมน้ำหนัก และต้องได้รับการติดตามเพื่อวินิจฉัย
โรคเบาหวานหลังคลอด 4-12 สัปดาห์ โดยวิธีการตรวจที่
เหมาะสมและมีความไวต่อการวินิจฉัยโรคเบาหวานหลังค
ลอดคือ 75-g OGTT โดยใช้เกณฑ์วินิจฉัยสำหรับคน
ทั่วไปที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ หากผลปกติแนะนำให้ตรวจติดตาม
วินิจฉัยโรคเบาหวานทุก 1-3 ปี ด้วยการตรวจแบบใดก็ได้
ตามเกณฑ์
11
บรรยาย
Neurological Manifestation
of Hypo-Hyperglycemia
15 สิงหาคม 2565 14.00 – 14.45 น.
วิทยากร
นายแพทย์สุรพล สุขสาคร
อายุรแพทย์ระบบประสาท
โรงพยาบาลตากสิน
12
Neurological Manifestations of Hypo/Hyperglycemia
นายแพทย์ สุรพล สุขสาคร
1. Hypoglycemia Drowsiness and lethargy
Hypoglycemia is characterized Delirium
Coma
by a reduction in plasma glucose Focal or generalized seizures
concentration to a level that may induce Visual changes or
symptoms or signs such as altered disturbances
mental status and/or sympathetic Hemiparesis
nervous system stimulation Sensory deficits
When diabetes is not adequately
The glucose level at which an controlled, it can lead to excess sugar in
individual becomes symptomatic is the blood. It can also damage the tiny
highly variable (threshold generally at < vessels that supply blood to the nerves,
50 mg/dL) resulting in diabetic neuropathy, diabetic
plexopathy.
Neurogenic or According to a Cochrane review
neuroglycopenic symptoms of evaluating gabapentin for chronic
hypoglycemia may be categorized as neuropathic pain and fibromyalgia,
follows: gabapentin leads to significant pain relief
in patients with chronic neuropathic pain
Neurogenic (adrenergic) There was no difference
(sympathoadrenal identified between gabapentin and
activation) symptoms: tricyclic antidepressants in the
Sweating, shakiness, achievement of pain relief of diabetic
tachycardia, anxiety, and a neuropathy
sensation of hunger Topical therapy with capsaicin or
Neuroglycopenic transdermal lidocaine may be useful in
symptoms: Weakness, some patients.
tiredness, or dizziness;
inappropriate behavior,
difficulty with
concentration; confusion;
blurred vision; and, in
extreme cases, coma and
death
2.Hyperglycemia
In severe hyperglycemic state,
such HHS/DKA, a wide variety of acute
focal and global neurologic changes may
be present, including the following:
13
บรรยาย
Case Discussion : Diabetes and
Heart Disease
15 สิงหาคม 2565 15.00 – 15.45 น.
วิทยากร
แพทย์หญิงชัชชล แก้วกระแสสินธ์ นายแพทย์สุเมธ ปรีชาวุฒิเดช
นายแพทย์ชำนาญการ อายุรแพทย์โรคหัวใจ
โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลตากสิน
14
Case Discussion : Diabetes and Heart Disease
แพทย์หญิงชัชชล แก้วกระแสสินธ์
นายแพทย์สุเมธ ปรีชาวุฒิเดช
โรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุการเสีย ของแพทย์โรคหัวใจ แพทย์ต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิสม
ชีวิตที่สำคัญอันดับต้นของประเทศไทย ในปัจจุบัน รวมไปถึงสหวิชาชีพหลากหลายสาขา เพื่อให้ได้การดูแล
ความก้าวหน้าในการตรวจรักษาโรคหัวใจพัฒนาไปมาก ผู้ป่วยที่ครบถ้วนและมีความเฉพาะเจาะจงต่อโรคและสุข
ได้แก่ การใช้ยาที่มีประสิทธิภาพ เทคนิค และเครื่องมือ ภาวะของผู้ป่วย (Individualized medicine)
ในการขยายหลอดเลือดหัวใจ (Percutaneous
coronary interventions หรือ PCI) เป็นต้น ในระยะเวลาที่ผ่านมาจึงได้มีการพยายาม
ทำให้อัตราตายจากโรคหัวใจและหลอดเลือดลดลง ผู้ พัฒนายาเบาหวานที่สามารถลดและชะลอการดำเนิน
ป่วยที่รอดชีวิตเหล่านี้ ส่วนหนึ่งมีภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดหัวใจมาโดยตลอด และในที่สุดการค้นพบ
เรื้อรัง (Chronic heart failure) ร่วมด้วย ซึ่งมี ยากลุ่มใหม่ ได้แก่ Sodium glucose co-trans-
จำนวนที่เพิ่มมากขึ้น และต้องได้รับการดูแลรักษาอย่าง porter type2 inhibitor (SGLT2 inhibitor) และ
ใกล้ชิด เนื่องจากมีอัตราตายที่สูง และมีโอกาสที่จะเข้า Glucagon like peptide 1 receptor agonist
รับการรักษาในโรงพยาบาลบ่อย ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการ (GLP1RA) ในทศวรรษที่ผ่านมาได้เปลี่ยนโฉมหน้า
รักษาพยาบาลมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ การรักษาผู้ป่วยเบาหวานที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจ และ
เศรษฐกิจของประเทศ โรคหัวใจล้มเหลวไปโดยสิ้นเชิง เนื่องจากได้พบหลักฐาน
เชิงประจักษ์ว่ายาเบาหวานทั้งสองกลุ่มนี้สามารถลด
โรคเบาหวานเป็นโรคกลุ่มไม่ติดต่อ ( Non อัตราตาย และลดการนอนโรงพยาบาลของผู้ป่วย
communicable disease, NCD) ที่พบทั่วโลก เบาหวานที่มีโรคหัวใจได้อย่างมีนัยสำคัญ จึงได้เข้ามา
และทราบกันดีว่าเป็นต้นเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นหนึ่งในแกนหลักของยาเบาหวานสำหรับผู้ป่วยที่มี
และ โรคหลอดเลือดสมองที่เรียกกันว่า ความเปราะบางเป็นอย่างมากกลุ่มนี้
Macrovacular diabetic complication จาก
การทบทวนการศึกษาที่ผ่านมาในอดีต การควบคุม ศูนย์หัวใจ (Taksin Heart Center)
ระดับน้ำตาลเพื่อให้ได้เป้าหมายจะทำให้ลดโอกาสเกิด ได้เล็งเห็นถึงปัญหาและความสำคัญในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้
ภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวเมื่อติดตามไประยะยาว ส่วนใน จึงได้มีการจัดตั้งคลินิกรักษ์หัวใจ (Heart failure clinic)
ผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจและหลอดเลือดอยู่แล้ว ภาวะเบา ขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2563 ซึ่งให้การดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจ
หวานยิ่งทำให้เผู้ป่วยมีทุพลภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ล้มเหลวอย่างเฉพาะเจาะจง โดยมีการใช้แนวทางเวชปฏิบัติ
การดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างเป็นองค์รวม (Holistic เพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษาผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว
Approach) เป็นกุญแจสำคัญในการให้การรักษา ของสมาคมแพทย์โรคหัวใจและชมรมหัวใจล้มเหลว
ผู้ป่วยเปราะบางกลุ่มนี้ นั่นคืออาศัยการร่วมมือกัน แห่งประเทศไทย และยังมีการประสานกับศูนย์เบาหวานและ
เมตาบอกลิก (Diabetes and metabolic care
center) ในผู้ป่วยที่มีโรคเบาหวานร่วม เพื่อให้บรรลุการดูแล
ผู้ป่วยอย่างองค์รวม (Holistic Care) และ เฉพาะเจาะจง
(Individualized Medicine) ซึ่งด้วยความร่วมมือของ
สหสาขาวิชาชีพจากที้งสองคลินิกทำให้สามารถให้การรักษา
ด้วยยา หัตถการ ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคและการปฏิบัติตัว
รวมไปถึงการดูแลติดตามผู้ป่วยอย่างไร้รอยต่อ
15
บรรยาย
Role of Cerebrovascular Surgery
in Stroke patient
16 สิงหาคม 2565 08.30 – 09.30 น.
วิทยากร
นายแพทย์ชัยยศ เสียงประเสริฐกิจ
นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ
โรงพยาบาลตากสิน
16
Role of Cerebrovascular Surgery in Stroke patient
นายแพทย์ชัยยศ เสียงประเสริฐกิจ
ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่จำเป็นต้องได้ -โรคหลอดเลือดผิดปกติ Arteriovenous
รับการผ่าตัดรักษา แบ่งเป็น 3 กลุ่มได้แก่ malformation (AVM) จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด
กำจัดหลอดเลือดผิดปกติเพื่อป้องกันเลือดออกซ้ำ
1. ภาวะหลอดเลือดสมองอุดตัน *การผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ ระบายเลือดออกจากเนื้อ
(Cerebrovascular occlusion) ทำให้เกิดภาวะ สมอง (Craniotomy with clot removal)
เนื้อสมองขาดเลือด เกิดภาวะเนื้อสมองตายถาวร
กรณีหลอดเลือดเส้นใหญ่อุดตันถ้าไม่ได้รับการรักษา *การผ่าตัดวางอุปกรณ์หนีบหลอดเลือด
เปิดหลอดเลือดได้ทัน จะทำให้เกิดเนื้อสมองตายเป็น สมองโป่งพอง (Aneurysmal clipping)
บริเวณกว้าง เกิดภาวะสมองบวมอย่างมากความดัน
ภายในกะโหลกศีรษะสูงจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด *การผ่าตัดกำจัดหลอดเลือดผิดปกติ (AVM
สมองอย่างเร่งด่วน หลอดเลือดสมองอุดตันสามารถ resection)
เกิดกับหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำ
3. ภาวะหลอดเลือดสมองตีบ (Cerebro-
*การผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ ขยาย vascular stenosis) ทำให้เกิดอาการสมองขาดเลือด
เยื่อหุ้มสมอง ตัดเนื้อสมองตายออก (Decompressive แบบเรื้อรัง มีอาการเป็นๆ หายๆ หรืออาการแย่ลง
craniectomy with duraplasty with lobectomy) มีอาการถี่มากขึ้น เวลาที่สมองต้องการเลือดไปเลี้ยง
มากขึ้น เช่น ขณะออกกำลังกาย ภาวะขาดน้ำ อาการ
2. ภาวะหลอดเลือดสมองแตก (Cerebro- แสดงมีหลายรูปแบบ อ่อนแรงแขนขาครึ่งซีก ตาพร่ามัว
vascular hemorrhage) ทำให้เกิดภาวะเนื้อสมองตาย ครึ่งซีก ชาแขนขาครึ่งซีก วูบหมดสติ เวียนศีรษะ
และขาดเลือดบริเวณเลือดออก และเกิดภาวะสมองบวม ความจำลดลง มีความผิดปกติในการพูด พูดไม่ชัด
รอบก้อนเลือด ถ้าเลือดออกมีปริมาณมากจะทำให้ความดัน พูดไม่ออก ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเพื่อเพิ่ม
ภายในกะโหลกศีรษะสูงขึ้นอย่างเฉียบพลันจำเป็นต้องได้ อัตราการไหลเวียนเลือดไปลี้ยงสมองทำให้คุณภาพชีวิต
รับการผ่าตัดสมองอย่างเร่งด่วน ดีขึ้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ดังเดิม ป้องกันไม่ให้เกิด
เนื้อสมองตาย
หลอดเลือดสมองแตกเกิดจากหลายสาเหตุ
มีสาเหตุที่พบบ่อยดังนี้ -หลอดเลือดสมองบริเวณคอตีบ (Carotid
stenosis) จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดลอกผนังหลอด
-โรคหลอดเลือดสมองแตกจากความดัน เลือดแตงบริเวณคอ (Carotid endarterectomy)
โลหิตสูง (Hypertensive hemorrhage) เกิดจาก เพื่อทำให้เลือดไหลไปสู่สมองมากขึ้น
ความดันโลหิตสูงเป็นเวลานานหรือไม่ได้รับการรักษา
อย่างเหมาะสม -หลอดเลือดสมองภายในกะโหลกศีรษะตีบ
(Intracranial stenosis) จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด
-โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองแตก ทำทางเบี่ยงหลอดเลือดจากภายนอกกะโหลกศีร
(Ruptured cerebral aneurysm) ปัจจัยที่ทำให้ ษะไปสู่หลอดเลือดภายในกะโหลกศีรษะ
เกิดหลอดเลือดสมองโป่งพองได้แก่ สูบบุหรี่ ความดัน (Extracranial-Intracranial bypass : EC-IC
โลหิตสูง จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดวางอุปกรณ์หนีบ bypass)
หลอดเลือดสมองโป่งพองเพื่อป้องกันเลือดออกซ้ำ
17
บรรยาย
Endovascular Treatment in
Acute Ischemic Stroke and
Cerebrovascular Disease
16 สิงหาคม 2565 09.30 – 10.30 น.
วิทยากร
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์อิทธิชัย ศักดิ์อรุณชัย
นายแพทย์ชำนาญการ
โรงพยาบาลตากสิน
18
Endovascular Treatment in
Acute Ischemic Stroke and Cerebrovascular Disease
ผศ.นพ.อิทธิชัย ศักดิ์อรุณชัย
ในประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2560 พบอุบัติ จะส่งผลให้การฟื้ นตัวของสมองได้เร็วและดี ลดอัตราการ
การณ์โรคหลอดเลือดสมองในประชากรไทย 72 คนต่อ เสียชีวิตและพิการได้อย่างมีนัยสำคัญ การรักษาด้วยวิธี
100,000 คน และพบสมองขาดเลือดถึงร้อยละ 87 MT จะต้องอาศัยทีมงานที่เกี่ยวข้องหลายแผนก เช่น
ในจำนวนนี้มีสาเหตุจากหลอดเลือดแดงขนาดใหญ่ ระบบการส่งต่อ ห้องฉุกเฉิน รังสีแพทย์ อายุรแพทย์
อุดตัน (large vessel occlusion: LVO) ถึงร้อยละ ระบบประสาท ประสาทศัลยแพทย์ แพทย์เฉพาะทางด้าน
40 ในผู้ป่วยกลุ่มนี้มักจะไม่ตอบสนองจากการรักษา รังสีร่วมรักษาระบบประสาท วิสัญญีแพทย์ และหอผู้ป่วย
ด้วยวิธีมาตรฐานคือการให้ยาละลายลิ่มเลือดทาง โรคหลอดเลือดสมอง (stroke unit) ซึ่งจะต้องมีระบบ
หลอดเลือดดำ (intravenous thrombolysis) การจัดการและการประสานงานที่ดี มีเครื่องมือที่ทันสมัย
ได้แก่ rt-PTA จากข้อมูลพบว่ายาสามารถเปิด โดยเฉพาะห้องสวนหลอดเลือด (Angio suite) ที่มี
หลอดเลือดบริเวณ M1 ของหลอดเลือดสมองของ เจ้าหน้าที่ที่ชำนาญการ เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลา
middle cerebral artery ได้สำเร็จเพียงร้อยละ 16
และไม่สามารถเปิดหลอดเลือดที่มีการอุดตันของ นอกจากโรคหลอดเลือดสมองอุดตันแล้ว
internal carotid artery ได้เลย ทั้งนี้การให้ยา ยังมีการรักษาด้วยวิธีผ่านสายสวนหลอดเลือดสมองที่
rt-PA ดังกล่าวจะมีข้อจำกัดให้ได้หลังเกิดอาการ เป็นที่นิยมในปัจจุบันได้แก่หลอดเลือดสมองโป่งพอง
หลอดเลือดสมองอุดตันไม่เกิน 4.5 ชั่วโมง ทำให้ (cerebral aneurysm) หลอดเลือดสมองขอด
เสียโอกาสการได้รับการรักษาในผู้ป่วยบางราย (cerebral arteriovenous malformation)
หลอดเลือดสมองตีบ (intracranial stenosis)
หัตถการการรักษาผ่านสายหลอดเลือดสมองที่ ลดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงเนื้องอกสมองก่อนการผ่าตัด
เรียกว่า “mechanical thrombectomy (MT)” จึง (pre-operative embolization) หรือหลอดเลือด
ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา LVO โดยใส่สายสวนเข้าไป ดำผิดปกติบริเวณใบหน้า (venous malformation)
ในหลอดเลือดที่มีการอุดตันแล้วนำลิ่มเลือดออกมาด้วย เป็นต้น ซึ่งการรักษาทั้งหมดสามารถทำการรักษาแบบ
แรงกระทำ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สายสวนขนาดใหญ่เพื่อดูด ไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ผู้ป่วยลดความเสี่ยงของการเสียเลือดขณะ
ลิ่มเลือด (thrombo-aspiration) หรือให้อุปกรณ์ ผ่าตัด ไม่มีแผลหลังการผ่าตัดเป็นต้น โดยผลลัพธ์
ตาข่ายลากลิ่มเลือด (stent retriever) เพื่อทำการเปิด การรักษาค่อนข้างได้ผลดี
หลอดเลือดได้ในระยะเวลาอันสั้น จากการศึกษาทั่วโลกที่มี
หลักฐานเชิงประจักษ์พบว่าการรักษาด้วยวิธี MT ได้ผล ในปัจจุบันในประเทศไทย การรักษาชนิดนี้จะมี
การรักษาที่ดีมากเมื่อเทียบกับการให้ยาละลายลิ่มเลือด เฉพาะที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยหรือโรงพยาบาลศูนย์
ทางหลอดเลือดดำเพียงอย่างเดียว จึงเป็นที่ยอมรับ ขนาดใหญ่บางแห่งเท่านั้น ซึ่งโรงพยาบาลในสังกัดสำนัก
ให้เป็นการรักษาที่เป็นมาตรฐานของผู้ป่วยที่มีภาวะ LVO การแพทย์ กรุงเทพมหานคร ยังไม่เคยเปิดบริการให้
ในปัจจุบัน ประกอบกับระยะเวลาของการรักษาด้วยวิธี MT การรักษาที่ใดมาก่อน จนกระทั่งเดือนสิงหาคม 2564
สามารถทำได้ในระยะเวลา 6-24 ชั่วโมงหลังเกิดอาการ ที่ผ่านมา ได้เริ่มเปิดให้บริการการรักษาที่ รพ.ตากสิน เป็น
ซึ่งเพิ่มโอกาสการรักษาให้กับผู้ป่วยที่ไม่สามารถให้ยา ครั้งแรกในนามของ “ศูนย์สมองและหลอดเลือดสมอง”
rt-PA ได้ มาตรฐานการรักษาของการเปิดหลอดเลือด เพื่อให้เข้ากับการเปิดเป็นศูนย์การรักษาหลอดเลือดสมอง
ด้วยวิธี MT ที่เป็นที่ยอมรับ โดยเริ่มตั้งแต่การใส่อุปกรณ์ ครบวงจรของโรงพยาบาลและสำนักการแพทย์
(puncture time) จนถึงเปิดหลอดเลือดได้สำเร็จ
(successful recanalization) อยู่ที่ 30-45 นาที
ซึ่งการรักษาที่ใช้ระยะเวลาที่สั้นที่สุดและสามารถให้เลือด
กลับไปเลี้ยงสมองได้ดี โดยที่ระยะเวลาอุดตันน้อยที่สุด
19
บรรยาย
Updated acute ischemic
stroke management
16 สิงหาคม 2565 11.00 – 12.00 น.
วิทยากร
นายแพทย์พชร วีระรัตน์ตระกูล
อายุรแพทย์ระบบประสาท
โรงพยาบาลตากสิน
20
Updated acute ischemic stroke management
Prehospital approach นายแพทย์พชร วีระรัตน์ตระกูล
EMS screening for LVO; NIHSS,
VAN, LAMS Time clock approach
POST-NIHSS examination for Hospital specific algorithm for IV
prediction poor outcome (mRS thrombolysis and mechanical
≥3) in posterior circulation stroke; thrombectomy within 6h
edited item 7 (ataxia) and added Alternative IVT; Tenecteplase
item 12 (bulbar signs) Direct MT vs Bridging (IVT + MT);
favor bridging therapy
Best practice Strategies Intra-arterial adjunctive medication
Reminded phase I and II for as rescue/concurrent therapy with
shorten Door to needle time MT
Updated phase III (higher goals) Tandem occlusion (both
for greater good; Door-to-Device extracranial and intracranial-ICA
strategies occlusion); reasonable to consider
acute carotid stenting and trend to
intracranial recanalization as first
approach
Clot; tapered contrast opacification
likely to intracranial atherosclerosis
etiology with less complete
recanalization
Revascularization (recanalization +
reperfusion); reperfusion grading at
least mTICI 2b for good outcome
(mRS 0-2)
IVT; attaining early and consistent
reductions in SBP to <140 over 24h
associated with better outcomes
MT; not support intensive (100-
129mmHg) SBP reduction in 1h for
first 24h
21
Tissue clock approach (including CT-based
approach incase limited perfusion imaging)
SWIFT PRIME and EXTEND-IA using
target mismatch for MT selection
causing better outcome than MR
CLEAN (core not assessed)
Acute ischemic stroke with unknown
onset/onset up to 24h algorithm
Core assessment [rCBF<30% (CTP) and
DWI (MR)]; MT in very large core (>130mL
or ASPECTS ≤3) associated with midline
shift
Other hemodynamic parameters;
proportion of added water (predicted
within 4.5h onset), low
ADC540/ADC620 ratio (predicted
less severe ischemic stress inside
diffusion lesion)
Core growth rate; faster have greater
benefit from MT
Penumbra assessment [Tmax >6s (CTP
and MRP)]; meet mismatch profile
resulting larger response to reperfusion
Other hemodynamic parameters;
FLAIR may serve as tissue clock in MT
Role of MT after 24h; penumbral
profile index >1
Collateral assessment [Tan, Mitteff, Mass,
and ASPECT 20-point (CTASI), multiphase
CTA, ASITN/SIR (DSA)]; predict good
outcome and device-pass efficacy
Pial collateral assessment (DSA);
ASPECTS on CECT ≥8 estimated for
fair pial collateral formation and 90d
good prognosis
Tissue-level collateral (HIR); predict
infarct growth
Posterior circulation
22
Luncheon Symposium
The Early Benefit in T2 D Patients
with Early Combination
16 สิงหาคม 2565 12.00 – 13.00 น.
วิทยากร
รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ธาดา คุณาวิศรุต แพทย์หญิงจินตนันท์ จังศิริพรปกรณ์
อายุรศาสตร์ต่อมไร้ท่อและเมตะบอลิสม นายแพทย์ชำนาญการ
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โรงพยาบาลตากสิน
23
บรรยาย
Panel Discussion Neurosurgery
and Cardiologist for Hemorrhagic
Stroke in AF Patient
16 สิงหาคม 2565 13.00 - 14.00 น.
วิทยากร
นายแพทย์วราวุธ อัมพรวิโรจน์กิจ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ อิทธิชัย ศักดิ์อรุณชัย นางสาวสุภาพร พัฒนสาร
นายแพทย์ชำนาญการ
นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลตากสิน พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ
โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลตากสิน
24
Panel Discussion Neurosurgery and Cardiologist for
Hemorrhagic Stroke in AF Patient
นายแพทย์วราวุธ อัมพรวิโรจน์กิจ
ผศ.นพ.อิทธิชัย ศักดิ์อรุณชัย
นางสาวสุภาพร พัฒนสาร
เนื่องจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยเฉพาะ Apixaban และ Edoxaban เนื่องจากกลไกการออก
ภาวะ atrial fibrillation (AF) จะก่อให้เกิดการปลิว ฤทธิ์ไม่เหมือนกับ Warfarin และแต่ละชนิดในกลุ่ม
ของลิ่มเลือดไปอุดตัน (thromboembolism: TE) NOACs ก็ใช้กลไกต่างกันทำให้ยาต้านพิษจำเพาะ
ที่หลอดเลือดสมอง ก่อให้เกิดภาวะสมองขาดเลือด (specific antidote) ต่างกัน ทำให้ไม่สามารถรักษา
(ischemic stroke) พบอุบัติการณ์ได้สูงถึงร้อยละ โดยการให้ Fresh frozen plasma (FFP),
20 ของผู้ป่วยหลอดเลือดสมองอุดตันทั้งหมด vitamin K หรือ Prothrombin complex
การรักษาด้วยการรับประทานยาละลายลิ่มเลือด concentration (PCC) ได้ ดังนั้นแพทย์ผู้ทำการ
(anticoagulant) จะสามารถลดการเกิดภาวะสมอง รักษาจำเป็นต้องเลือกชนิดของยา NOACs ให้เหมาะสม
ขาดเลือดได้อย่างมาก ในปัจจุบัน ชนิดของยาละลาย โดยพิจารณาจากยาที่ใช้ในการต้านพิษจำเพาะที่มีในแต่ละ
ลิ่มเลือดที่นิยมใช้มี 2 ประเภท ได้แก่ ยา Warfarin โรงพยาบาลนั้นๆ ด้วยในกรณีเกิดภาวะเลือดออกฉุกเฉิน
และยาละลายลิ่มเลือดกลุ่มใหม่ ได้ Non-vitamin k
Antagonist Oral Anticoagulant (NOACs) เมื่อเกิดภาวะเลือดออกในสมองหลังจากได้ยา
ละลายลิ่มเลือด จะทำการรักษาแบบผ่าตัดเอาก้อนเลือด
อย่างไรก็ตาม การเกิดเลือดออกในสมองหลัง ออกถ้ามีการกดเบียดสมองส่วนอื่ นและทำให้เกิด
(hemorrhagic stroke) จากได้ยาละลายลิ่มเลือด ความดันในสมองเพิ่มสูง หรือรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด
ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้เกิดทุพลภาพหรือเสีย ถ้าเลือดที่ออกมีขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม หลังการผ่าตัด
ชีวิตได้ มีการศึกษาเชิงประจักษ์พบว่าอัตราการเกิด หรือการรักษาภาวะเลือดออกในสมองเสร็จสิ้น จะต้อง
ภาวะแทรกซ้อนของยากลุ่ม NOACs น้อยกว่ายา มีการให้ยาละลายลิ่มเลือดกลับคืน เพื่อป้องกันภาวะ
Warfarin ถึง 2 เท่า ทำให้มีการให้ยากลุ่ม NOACs แทรกซ้อนจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ อย่างไรก็ตาม
รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะประเภท AF การให้ยากลุ่ม NOACs กลับคืนหลังจากการรักษาภาวะ
เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ยาในกลุ่ม NOACs จะมี 4 เลือดออกในสมอง พบว่าสามารถลดอัตราการเกิด
ชนิดใหญ่ๆ ได้แก่ Rivaroxaban, Dabigatran, เลือดออกซ้ำได้ร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับการให้ยา Warfarin
และระยะเวลาที่เริ่มให้ยาละลายลิ่มเลือดกลับคืนควร
เริ่มเร็วที่สุดภายใน 2 สัปดาห์เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ
ของภาวะ TE แต่อย่างไรก็ตามสามารถเริ่มได้เร็วหรือ
ช้ากว่าเวลาดังกล่าวได้ ถ้าภาวะเลือดอออกในสมอง
มีความรุนแรงแตกต่างกันออกไป
25
บรรยาย
Practical Point in ACS
Management
16 สิงหาคม 2565 14.00 – 14.45 น.
วิทยากร
แพทย์หญิงอรทัย กุลพรพันธ์
นายแพทย์ชำนาญการ
โรงพยาบาลตากสิน
26
Practical Point in ACS Management
แพทย์หญิงอรทัย กุลพรพันธ์
ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Acute ปัจจัยสำคัญในการดูแลรักษาผู้ป่วยในกลุ่มนี้คือ
coronary syndromes, ACS) เป็นกลุ่มอาการ 1.การเข้าถึงบริการเมื่อเจ็บป่วย
ของโรคหลอดเลือดหัวใจที่มีอัตราการเสียชีวิตสูง และ 2.เส้นทางสู่การรักษาที่ต้องมีแผนส่งต่อและ
มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น การดูแลรักษาผู้ป่วยภาวะหัวใจ
ขาดเลือดเฉียบพลันจีงจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัย การประสานงานที่ชัดเจนระหว่างเครือข่าย
และการรักษาที่รวดเร็วและแม่นยำ เพื่อลดอัตราการ 3.การวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องแม่นยำ
เสียชีวิตและลดอุบัติการณ์การเกิดภาวะแทรกซ้อน 4.การเลือกวิธีการรักษา โดยมีเวลาเป็นปัจจัย
โดยภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน แบ่ง สำคัญในการเลือกวิธีเปิดหลอดเลือด ว่าควรเปิดหลอด
ออกเป็นสองกลุ่ม คือ ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน เลือดหัวใจผ่านสายสวน (Percutaneous
ชนิด ST segement ยกขึ้น (ST-segment Coronary Intervention, PCI) หรือเปิดหลอด
elevation myocardial infartion, STEMI) และ เลือดหัวใจด้วยยาละลายลิ่มเลือด (Fibrinolytic
ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันชนิด ST segment ไม่ therapy) เพื่อลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นต่อกล้าม
ยกขึ้น (Non ST-segement elevation acute เนื้อหัวใจให้มากที่สุด และ
coronary syndrome, NSTE-ACS) โดยสาเหตุ
หลักของการเกิดภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน 5.การดูแลรักษาเพื่อป้องกันการเกิดโรคซ้ำ
มากกว่าร้อยละ 90 เกิดจาก การปริแตกของคราบไข โดยผู้ป่วยต้องมีการติดตามการรักษาและได้รับยาที่
มันที่ผนังหลอดเลือด (plaque rupture) หรือ เหมาะสมภายใต้การดูแลของแพทย์ และปรับเปลี่ยน
การกร่อนของคราบไขมันที่ผนังหลอดเลือด (plaque พฤติกรรมการดูแลตนเองให้เหมาะสม
erosion)
แนวทางการรักษาโดยการเปิดหลอดเลือด
หัวใจ (Reperfusion therapy) ในผู้ป่วย STEMI
แนะนำให้ทำการสวนหัวใจและเปิดหลอดเลือดที่อุดตัน
ทันที (Primary Percutaneous Coronary
27
Intervention, Primary PCI) ซึ่งเป็นวิธีการ สำหรับแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วย NSTE-
รักษาที่ได้ผลดีกว่าการให้ยาละลายลิ่มเลือด ACS โดยผู้ป่วยทุกรายควรได้รับการประเมินความเสี่ยง
(Fibrinolytic therapy) แต่เนื่องจากข้อจำกัดของ (risk stratification) และเลือกวิธีการรักษาตามระดับ
โรงพยาบาลในประเทศไทย ไม่สามารถทำ Primary ความรุนแรงของผู้ป่วย สำหรับการรักษาหลอดเลือด
PCI ได้ทุกแห่ง ดังนั้นถ้าระยะเวลาในการส่งต่อผู้ป่วย หัวใจ (revascularization) ในผู้ป่วย NSTE-ACS
ไปทำ Primary PCI น้อยกว่าหรือเท่ากับ 120 นาที สามารถแบ่งได้เป็นสองวิธี คือ การเปิดหลอดเลือดหัวใจ
ควรส่งตัวผู้ป่วยไปทำ Primary PCI แต่ถ้าระยะเวลา ผ่านสายสวน (PCI) และการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอด
ในการในการส่งต่อมากกว่า 120 นาที ควรเลือกวิธีการ เลือดหัวใจ (Coronary artery bypass graft,
เปิดหลอดเลือดโดยการให้ยาละลายลิ่มเลือดถ้าไม่มีข้อ CABG) การเลือกวิธีการรักษา ให้พิจารณาจากอาการ
ห้าม หากหลอดเลือดหัวใจไม่เปิดหลังจากที่ให้ยาละลาย ของผู้ป่วย โรคร่วม ความรุนแรงของโรค และความเสี่ยง
ลิ่มเลือดภายใน 90 นาที โดยประเมินจากอาการและ ในการผ่าตัด โดยเป็นการตัดสินใจร่วมกันของผู้ป่วย
คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electorcardiogram, ECG) คือ แพทย์สหสาขาวิขา และความพร้อมในแต่ละโรงพยาบาล
มี ST-segment ลดลงจากเดิมน้อยกว่าร้อยละ 50
ซี่งถือว่าหลอดเลือดหัวใจไม่เปิดหลังให้ยาละลายลิ่ม
เลือด ควรส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่สามารถทำ
PCI ได้โดยเร็ว รวมทั้งควรส่งต่อผู้ป่วยที่หลอดเลือด
หัวใจเปิดแล้วหลังได้ยาละลายลิ่มเลือดไปยังโรง
พยาบาลที่สามารถทำ PCI ได้ภายใน 24 ชั่วโมง และ
ควรทำการเปิดหลอดเลือดหัวใจ (Reperfusion
therapy) ผู้ป่วยทุกรายที่มีอาการเจ็บหน้าอกไม่เกิน
12 ชั่วโมง ที่ยังมีการยกขึ้นของ ST-segment (ST-
segment elevation) สำหรับผู้ป่วย STEMI ที่มี
อาการเจ็บหน้าอกนานเกิน 12 ชั่วโมง แนะนำให้ทำ
Primary PCI ในกรณีที่ยังมีอาการเจ็บหน้าอก, มี
ระบบไหลเวียนโลหิตไม่คงที่ หรือมีหัวใจเต้นผิดจังหวะ
รุนแรงต่อชีวิต
28
เสวนา
DSC : Key to Success
16 สิงหาคม 2565 15.00 – 15.45 น.
วิทยากร
นายแพทย์ขจร อินทรบุหรั่น นางนิตยา ฉันทกิจ นายแพทย์ชัยยศ เสียงประเสริฐกิจ
ผู้อำนวยการ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนา นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ
โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาล โรงพยาบาลตากสิน
แพทย์หญิงจินตนันท์ จังศิริพรปกรณ์ นางสาวฉบาไพร ทองหล่อ นางสาวสุมิตรา ชูแก้ว
นายแพทย์ชำนาญการ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ
โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลตากสิน
29
DSC : Key to Success
จุดเริ่มต้นการพัฒนาการดูแลผู้ป่วย นายแพทย์ขจร อินทรบุหรั่น
สู่การรับรองรายโรค นางนิตยา ฉันทกิจ
เมื่อทีมนำการดูแลผู้ป่วยโดยเฉพาะทีมศูนย์ นายแพทย์ชัยยศ เสียงประเสริฐกิจ
ความเป็นเลิศ รพ.ตากสิน มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แพทย์หญิงจินตนันท์ จังศิริพรปกรณ์
ยาวนาน มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพการดูแลผู้
ป่วยและก้าวสู่การขอรับรองรายโรค การเตรียมตัวจึง นางสาวฉบาไพร ทองหล่อ
เกิดขี้นตั้งแต่การเตรียมทีมสหสาขาวิชาชีพ ที่ปรับมา นางสาวสุมิตรา ชูแก้ว
จากคณะกรรมการศูนย์ความเป็นเลิศฯ ซึ่งนอกจากทีม
ที่เข้มแข็งแล้ว ยังต้องมีการจัดการองค์กรที่ดี จึงจะ และทีมศูนย์คุณภาพ เป็นต้น มีการออกแบบและปรับระบบ
ประสบความสำเร็จได้ ทีมได้ร่วมกัน กำหนดวิสัยทัศน์ การบริการในหลายส่วน นอกจากในศูนย์เบาหวาน ศูนย์
พันธกิจ วางแผนงาน หลังจาก ลงตามรอยวิเคราะห์ หลอดเลือดสมอง ตั้งแต่การเข้าถึง การประเมินผู้ป่วย การ
สถิติ ข้อมูลระบบการบริการผู้ป่วยเบาหวานและโรค วางแผนการดูแลผู้ป่วย การให้ความรู้ความเข้าใจและเสริม
หลอดเลือดสมอง ร่วมกับการเรียนรู้มาตรฐานรายโรค พลังแก่ ผู้ป่วยและครอบครัว และการดูแลรักษา พัฒนา
โดยมีแพทย์ระบบต่อมไร้ท่อและแพทย์ศัลยกรรม ระบบ Fast tract การพัฒนา Intervention
ประสาทร่วมกับแพทย์อายุรกรรมระบบประสาท เป็น Thrombectomy โดยทั้ง 2 กลุ่มโรคมีการพัฒนาอย่าง
แกนนำร่วมกับทีมสหสาขาผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆเช่น ต่อเนื่อง รวมทั้งการบริการคัดกรองภาวะแทรกซ้อนเชิงรุก
กุมารแพทย์ สูติแพทย์ ศัลยแพทย์ นักกำหนดอาหาร primary Prevention เพื่อป้องกัน และเมื่อพบก็นำผู้
เภสัชกร ฝ่ายการพยาบาล case manager ป่วยเข้าสู่กระบวนการรักษาที่รวดเร็ว ตลอดจนมีการประสาน
งานที่มีประสิทธิภาพระหว่างทีมสหสาขาวิชาชีพ การประสาน
งานกับหน่วยงานอื่นๆทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี
คุณค่าการพัฒนาที่ได้รับ
การปรับแนวคิดของบุคลากรให้มีการวางแผนงาน
และปรับกระบวนการทำงานให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น โดยใช้
แนวคิดการพัฒนา ตามวงล้อคุณภาพ PDCA เข้าไปอยู่ใน
ทุกกระบวนการในการให้บริการผู้ป่วย(care process)ตาม
สายธารคุณค่าในการดูแลผู้ป่วย มีแนวคิดที่จะพัฒนางาน
ต่อยอดขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง และมีการสร้างการทำงานเป็น
ทีมแบบสหสาขา ที่สอดประสานทั้งกระบวนการหลักและ
กระบวนการสนับสนุน อย่างต่อเนื่อง เพื่อคุณภาพการรักษา
ที่ดีที่สุด
30
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น Key Success Factor
เมื่อทีมแกนนำร่วมกับทีมนำวางเป้าหมาย 1.ผู้นำองค์กรร่วมกำหนดนโยบายและเป้าหมาย
การขอรับรองมาตรฐานรายโรค มีการเตรียมทีมงานให้ รวมทั้งให้การสนับสนุนทรัพยากรทุกด้าน มีการกำกับ
มีความพร้อมรับการตรวจเยี่ยม มีการให้ความรู้แก่ ติดตามอย่างต่อเนื่องที่จะก้าวไปสู่การขอรับรองมาตรฐาน
บุคลากรที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อให้ มีความเข้าใจตรง เฉพาะโรค
กันและตั้งเป้าหมายร่วมกัน ตั้งคณะทำงานพัฒนา
คุณภาพ เพื่อวางแผนการปฏิบัติการ มีผู้เชี่ยวชาญ 2.ความร่วมแรงร่วมใจของทีมงานทุกทีม ทั้งทีม
ด้านงานพัฒนาคุณภาพเป็นที่ปรึกษา มีการประชุมย่อย หลักและทีมสนับสนุน Team work สำคัญมาก
ๆ ในแต่ละทีม เตรียมเอกสารคุณภาพ คู่มือ แนวทาง
ปฏิบัติ flowต่างๆ มีการลงตามรอยระบบหน้างาน การพัฒนาที่เกิดขึ้น เมื่อได้รับการรับรองมาตรฐาน
และตรวจเยี่ยมภายในเพื่อให้ทีมคุณภาพได้เสนอแนะ รายโรคแล้ว ทำให้บุคลากรมีความภาคภูมิใจ และมีแนวคิดที่
ประเด็นต่างๆ และโอกาสพัฒนาให้แก่ทีมงาน มีการ จะพัฒนางานต่อยอดขยายผลไปยังกลุ่มโรคอื่นๆ ซึ่งผลที่ได้
รวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ ทบทวนเวชระเบียน คือเกิดประโยชน์ต่อผู้ป่วย เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร
ทบทวน dead care มีการกำหนดเกณฑ์และตัวชี้วัด
ต่างๆ ทำให้มีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนางาน การ
จัดทำ Risk Matrix การเฝ้าระวังความเสี่ยงเฉพาะ
โรค วิเคราะห์และหาแนวทางป้องกันความเสี่ยงต่างๆ
ที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ มีการวิเคราะห์ปัญหา
และการวางแผน แก้ไขปัญหา และลงมือปฏิบัติและนำ
มาทบทวนเพื่อพัฒนางานต่อเนื่องไป
31 บูธกิจกรรม
1 มูลนิธิโรงพยาบาลตากสิน
2
3 จุดตรวจวัดค่าดัชนีมวลกาย
4
5 จุดตรวจวัดความดันโลหิต
6
7 จุดตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
8
9 การรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
นวด ประคบ เพื่อรักษาโรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน
และหลอดเลือดสมอง
ฝังเข็ม เพื่อรักษาโรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน
และหลอดเลือดสมอง
หลักสูตรแพทยศาสตรศึกษา
นวัตกรรมการออกแบบผ้าสำหรับผู้ป่วย
32
บอร์ดนิทรรศการ
33
บอร์ดนิทรรศการ
34
บอร์ดนิทรรศการ
35
บอร์ดนิทรรศการ
36
บอร์ดนิทรรศการ
37
บอร์ดนิทรรศการ
38
บอร์ดนิทรรศการ
39
บอร์ดนิทรรศการ
40
บอร์ดนิทรรศการ
41
บอร์ดนิทรรศการ
42
บอร์ดนิทรรศการ
43
บอร์ดนิทรรศการ