กรมอุตนุ ยิ มวิทยา
๔๓๕๓ ถนนสุขุมวทิ บางนา กรงุ เทพฯ ๑๐๒๖๐
METEOROLOGICAL DEPARTMENT
4353 SUKHUMVIT ROAD, BANGKOK 10260, THAILAND
รายงานอุตนุ ิยมวิทยาเกษตร
ตลุ าคม 2561
Agrometeorological Report
October 2018
รายงานอากาศเลขท่ี ๕๕๑.๕๘๖-๐๑-๒๕๖๒
Weather Report No. 551.586-01-2019
รายงานอุตุนยิ มวิทยาเกษตร
ตลุ าคม 2561
สว นอตุ นุ ิยมวทิ ยาเกษตร กองพฒั นาอตุ นุ ิยมวทิ ยา
กรมอตุ นุ ยิ มวิทยา
กระทรวงดจิ ิทลั เพ่ือเศรษฐกิจและสงั คม
คํานาํ
วิธีการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรใหไดมาตรฐานและมีคุณภาพ นอกจากตองมีเทคโนโลยี
ท่ีทันสมัยแลว ยังจําเปนตองมีความรูความเขาใจถึงสภาพของลมฟาอากาศและภูมิอากาศท่ีมีผล
ตอการเกษตร ขอมูลที่ไดจากการตรวจวัดจากสถานีตรวจอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา นับเปนสิ่งจําเปน
ท่ีสําคัญตอการคนควาทดลองหรือวิจัยทางการเกษตร ตลอดจนการคาดหมายสภาพอากาศขางหนา ซ่ึงมี
ความสําคัญตอการประยุกตใชในการวางแผนและดําเนินกิจการทางการเกษตรใหมีประสิทธิภาพสูงสุด
เชน การเพาะปลกู การเก็บเกย่ี ว การใหน้าํ และการพน ยาปราบศัตรพู ชื เปนตน
สว นอุตุนยิ มวทิ ยาเกษตร กรมอุตุนิยมวิทยาไดจ ัดทาํ รายงานอตุ ุนิยมวทิ ยาเกษตรรายเดอื น โดยการ
รวบรวมขอมูลจากหนวยงานภายในกรมอุตุนิยมวิทยา และขอมูลจากกรมสงเสริมการเกษตร เพ่ือเผยแพร
ขอมูลอุตุนิยมวิทยาเกษตร ขอมูลภูมิอากาศ ขอมูลอุตุนิยมวิทยาเชิงวิเคราะห การติดตามสถานการณ
ภัยแลง และรายงานการระบาดของศัตรูพืช ใหแกนักอุตุนิยมวิทยา เจาพนักงานอุตุนิยมวิทยาท้ังสวนกลาง
และสวนภูมิภาค รวมท้ังภาครัฐและภาคเอกชน เกษตรกร นักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชนทั่วไป
ใหไดรับทราบ และใชคนควาประกอบการวางแผนพัฒนางานดานการเกษตร การประมง การบริหาร
จดั การน้ํา และดานอน่ื ๆ ใหดยี ่ิงข้นึ
คณะผจู ดั ทาํ
พฤศจิกายน 2561
สารบัญ หนา
1
1. สรปุ สภาวะอากาศประเทศไทย เดอื นตลุ าคม 2561 4
2. การตดิ ตามสถานการณภ ยั แลง เดือนตุลาคม 2561 19
3. รายงานสถานการณศ ัตรพู ชื ระบาด เดือนตลุ าคม 2561 23
4. แหลง ขอ มลู
10
สารบัญตาราง
ตารางท่ี 1 ขอมลู อุตนุ ิยมวทิ ยาเกษตรของประเทศไทย เดอื นตุลาคม 2561 1
4
สารบญั รูป
รูปท่ี 1 แผนท่ีแสดงเสน ทางเดนิ พายดุ ีเปรสชนั 5
รูปที่ 2 แผนที่แสดงดรรชนคี วามช้นื ที่เปน ประโยชนสาํ หรบั พืช
6
ระหวา งวนั ท่ี 1-10 ตุลาคม 2561
รปู ท่ี 3 แผนทแี่ สดงดรรชนคี วามชน้ื ท่เี ปน ประโยชนส าํ หรบั พืช 7
ระหวา งวันท่ี 11-20 ตลุ าคม 2561 8
รปู ที่ 4 แผนที่แสดงดรรชนคี วามชน้ื ทีเ่ ปน ประโยชนส าํ หรับพืช
9
ระหวา งวันท่ี 21-30 ตลุ าคม 2561
รูปท่ี 5 แผนที่แสดงดรรชนคี วามช้นื ในดนิ ที่ระดับความลึก 30 ซ.ม. และ 60 ซ.ม. 11
12
เมอ่ื วนั ท่ี 10 ตุลาคม 2561 13
รปู ที่ 6 แผนทแ่ี สดงดรรชนคี วามช้นื ในดนิ ที่ระดับความลึก 30 ซ.ม. และ 60 ซ.ม. 14
15
เมือ่ วนั ที่ 20 ตุลาคม 2561 16
รูปท่ี 7 แผนทีแ่ สดงดรรชนคี วามชืน้ ในดนิ ท่ีระดบั ความลกึ 30 ซ.ม. และ 60 ซ.ม. 17
18
เมื่อวนั ท่ี 31 ตุลาคม 2561
รูปท่ี 8 แผนทแี่ สดงปรมิ าณฝน เดอื นตุลาคม 2561
รปู ที่ 9 แผนทแ่ี สดงจาํ นวนวนั ที่มีฝนตก เดอื นตลุ าคม 2561
รปู ที่ 10 แผนทีแ่ สดงอุณหภมู ิเฉลีย่ เดอื นตลุ าคม 2561
รปู ที่ 11 แผนทแ่ี สดงอณุ หภมู ิสูงสดุ เฉลีย่ เดอื นตุลาคม 2561
รูปที่ 12 แผนท่แี สดงอุณหภมู ิตา่ํ สดุ เฉลยี่ เดอื นตุลาคม 2561
รปู ที่ 13 แผนท่แี สดงปรมิ าณน้ําระเหย เดอื นตลุ าคม 2561
รปู ท่ี 14 แผนท่แี สดงความชืน้ สมั พัทธเฉลยี่ เดอื นตุลาคม 2561
รปู ที่ 15 แผนท่แี สดงความยาวนานแสงแดดเฉล่ีย เดือนตลุ าคม 2561
สรุปสภาวะอากาศประเทศไทย
เดอื นตลุ าคม 2561
สภาวะอากาศโดยทั่วไปเดือนตุลาคมเปนชวงเปล่ียนจากฤดูฝนเปนฤดูหนาว ลักษณะอากาศแปรปรวน
โดยเฉพาะในระยะคร่ึงแรกของเดือน โดยมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมภาคใตและอาวไทย และรอง
มรสุมพาดผานภาคใตตอนบนและภาคตะวันออกเปนบางชวง ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูง
จากประเทศจนี เรม่ิ แผปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือเปนระยะๆ ลักษณะดังกลา วทาํ ใหป ระเทศ
ไทยตอนบนมฝี นลดลงกบั มอี ากาศเยน็ ถงึ หนาวในตอนเชา
สําหรับสภาวะอากาศเดือนตุลาคมปนี้ บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผลงมาปกคลุมประเทศ
ไทยตอนบน โดยมีกําลังแรงในชวงปลายเดือน และรองมรสุมพาดผานภาคใตในชวงตนเดือน ประกอบกับ
ลมตะวันออกพัดปกคลุมบริเวณประเทศไทยเกือบตลอดเดือน อน่ึง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใตตอนลาง
เคล่ือนเขาสูอาวไทยและขึ้นฝงบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธในวันท่ี 20 แลวออนกําลังลงเปนหยอมความกด
อากาศตาํ่ และเคลือ่ นเขา ปกคลมุ บริเวณอา วมะตะบัน ประเทศเมยี นมา ลกั ษณะดังกลา วทาํ ใหป ระเทศไทยตอนบน
ยังคงมีฝนฟาคะนอง และบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเชา
ในชว งปลายเดือน สําหรบั ภาคใตมฝี นตกชุกหนาแนนเกือบตลอดเดือน โดยมีรายละเอียดตางๆ ดงั น้ี
รูปท่ี 1 แผนทแี่ สดงเสนทางเดินพายุดเี ปรสชัน
2
วันท่ี 1-10 ตุลาคม : บริเวณภาคกลางและภาคตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแหง ภาคเหนือ
มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแหง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกนอย ปริมาณฝนมากท่ีสุดบริเวณ
ประเทศไทยตอนบนวดั ได 129.5 มิลลิเมตร ท่ีอําเภอเมือง จังหวัดพะเยา เม่ือวันท่ี 2 โดยมีรายงานน้ําทวมบริเวณ
จังหวัดพะเยา เม่ือวันที่ 2 และจังหวัดลําปาง เมื่อวันท่ี 3 สําหรับภาคใตมีฝนตกหนาแนนตลอดชวงกับมีฝนตก
หนักหลายพ้ืนที่และฝนหนักมากบางแหง ปริมาณฝนมากที่สุดวัดได 128.5 มิลลิเมตร ท่ีอําเภอสุคิริน จังหวัด
นราธิวาส เมื่อวันที่ 5 และมีรายงานน้ําทวมบริเวณจังหวัดสุราษฎรธานีและภูเก็ต เมื่อวันที่ 2 และจังหวัดกระบ่ี
เม่ือวันที่ 3 และจังหวัดประจวบคีรีขันธ เม่ือวันท่ี 4 และ 5 และมีรายงานนํ้าปาไหลหลากบริเวณจังหวัดกระบี่
เม่ือวันที่ 3
วันที่ 11-20 ตุลาคม : บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต มีฝนตกเปนบริเวณกวาง กับมีฝนตก
หนักหลายพ้ืนท่ีและฝนตกหนักมากบางแหง สวนภาคเหนือและภาคะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกสวนมาก
ทางตอนลางของภาค ปริมาณฝนมากท่ีสุดบริเวณประเทศไทยตอนบนวัดได 110.7 มิลลิเมตร ท่ีนิคมสรางตนเอง
โนนสัง อําเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลําภู เมื่อวันท่ี 17 โดยมีรายงานนํ้าทวมบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี
เม่ือวันที่ 20 สําหรับภาคใตปริมาณฝนมากท่ีสุดวัดได 98.6 มิลลิเมตร ที่อําเภอหาดเจาสําราญ จังหวัดเพชรบุรี
เมอื่ วันที่ 20
วันที่ 21-31 ตุลาคม : บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแหง
สว นบริเวณภาคกลางและภาคตะวันออกมีฝนในระยะครึ่งแรกของชวง ปริมาณฝนมากที่สุดบริเวณประเทศไทย
ตอนบนวัดได 364.0 มิลลิเมตร ท่ีโรงเรียนวัดทรัพยสโมสร เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร เม่ือวันที่ 22
โดยมีรายงานน้ําทวมฉับพลันบริเวณจังหวัดลําปาง เม่ือวันที่ 23 และจังหวัดเชียงใหม เมื่อวันท่ี 24 กับมีรายงาน
น้ําทวมฉับพลันและดินถลมบริเวณจังหวัดลําพูน เมื่อวันที่ 23 สําหรับภาคใตมีฝนตกหนาแนนเกือบตลอดชวง
กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแหง ปริมาณฝนมากที่สุดวัดได 100.4 มิลลิเมตร ท่ีอําเภอพะโตะ จังหวัดชุมพร
เม่ือวันท่ี 24 และมีรายงานนํ้าทวมฉับพลันบริเวณจังหวัดตรัง เมื่อวันท่ี 23 และจังหวัดประจวบคีรีขันธ
เมื่อวันท่ี 25 สวนอุณหภูมิต่ําที่สุดในชวงนี้วัดได 16.8 องศาเซลเซียส ที่สถานีอากาศเกษตรรอยเอ็ด
จังหวัดรอยเอ็ดและที่สถานีอากาศเกษตรนครพนม จังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 31 สําหรับบริเวณเทือกเขา
และยอดดอยวัดอุณหภูมิต่ําสุดได 8.8 องศาเซลเซียส ที่ดอยอินทนนท อําเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม
เมื่อวนั ที่ 28
อุณหภูมิเฉลี่ยเดือนน้ีสูงกวาคาปกติทุกภาค โดยอุณหภูมิสูงท่ีสุดวัดได 38.7 องศาเซลเซียส ที่เมือง
พัทยา อาํ เภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันท่ี 27 สวนอุณหภูมิตํ่าท่ีสุดวัดได 16.8 องศาเซลเซียส ท่ีสถานีอากาศ
เกษตรรอยเอ็ด จังหวัดรอยเอ็ด และท่ีสถานีอากาศเกษตรนครพนม จังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 31 สวนอุณหภูมิ
ต่ําสุดบริเวณเทือกเขาและยอดดอย วัดได 7.4 องศาเซลเซียส ที่ดอยอินทนนท อําเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม
เมอื่ วนั ท่ี 19
ปริมาณฝนเดือนน้ีตํ่ากวาคาปกติเกือบทุกภาค ดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 65.0 มิลลิเมตร(56%)
ภาคกลาง 33.0 มิลลิเมตร(18%) ภาคตะวนั ออก 9.5 มิลลิเมตร(4%) และภาคใตฝงตะวันตก 61.5 มิลลิเมตร(17%)
3
เวนแตภาคเหนือและภาคใตฝงตะวันออกมีปริมาณฝนสูงวาคาปกติ 1.8 มิลลิเมตร(1%) และ 44.9 มิลลิเมตร
(18%) ตามลําดับ
---------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ : ขอ มูลฝน อณุ หภูมิ และภยั ธรรมชาตเิ ปน รายงานเบอ้ื งตน
4
การตดิ ตามสถานการณภยั แลง เดือนตลุ าคม 2561
MAI > 1.33 พชื ไดร ับน้ําเกินตอ งการ
MAI = 1.01 ถึง 1.33 พืชไดรบั นํ้าพอเพียง
MAI = 0.68 ถึง 1.00 พชื ขาดนาํ้ เลก็ นอย
MAI = 0.34 ถงึ 0.70 พืชขาดน้ําปานกลาง
MAI = 0.00 ถงึ 0.33 พชื ขาดนา้ํ มาก
รูปที่ 2 แผนทแี่ สดงดรรชนคี วามชืน้ ท่เี ปน ประโยชนส าํ หรับพืช ระหวางวนั ท่ี 1-10 ตุลาคม 2561
ชวงวันที่ 1-10 ตุลาคม 2561 จากการพิจารณาดรรชนีความช้ืนท่ีเปนประโยชนสําหรับพืช
ของประเทศไทย บริเวณพื้นท่ีสีแดงถึงสมแสดงถึงพืชขาดนํ้ามากถึงปานกลางอยูในพ้ืนที่ของภาคเหนือ
ดานตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน สวนบริเวณพ้ืนที่สีเหลืองถึงเขียวแสดงถึง
พชื ขาดนํ้าเล็กนอยและมีนํา้ พอเพียง นอกนนั้ เปน บริเวณพ้ืนท่ีสีขาวแสดงถงึ พชื ไดร ับนา้ํ เกนิ ความตองการ
5
MAI > 1.33 พชื ไดรบั นํ้าเกินตองการ
MAI = 1.01 ถึง 1.33 พืชไดร บั น้ําพอเพยี ง
MAI = 0.68 ถงึ 1.00 พืชขาดน้ําเลก็ นอย
MAI = 0.34 ถงึ 0.70 พืชขาดนํ้าปานกลาง
MAI = 0.00 ถงึ 0.33 พืชขาดน้าํ มาก
รูปที่ 3 แผนทแี่ สดงดรรชนคี วามช้ืนทเ่ี ปน ประโยชนสาํ หรบั พืช ระหวา งวนั ที่ 11-20 ตลุ าคม 2561
ชวงวันที่ 11-20 ตุลาคม 2561 จากการพิจารณาดรรชนีความช้ืนที่เปนประโยชนสําหรับพืช
ของประเทศไทย บริเวณพื้นท่ีสีแดงถึงสมแสดงถึงพืชขาดนํ้ามากถึงปานกลางอยูในพ้ืนท่ีของภาคเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคใตตอนลาง สวนบริเวณพื้นท่ีสีเหลืองถึงเขียวแสดงถึง
พืชขาดนํา้ เล็กนอ ยและมนี าํ้ พอเพียง นอกนน้ั เปน บริเวณพนื้ ทส่ี ขี าวแสดงถึงพชื ไดรบั นํา้ เกนิ ความตองการ
6
MAI > 1.33 พืชไดร บั น้ําเกนิ ตองการ
MAI = 1.01 ถงึ 1.33 พืชไดรับน้ําพอเพียง
MAI = 0.68 ถึง 1.00 พืชขาดนาํ้ เลก็ นอย
MAI = 0.34 ถงึ 0.70 พืชขาดนํา้ ปานกลาง
MAI = 0.00 ถงึ 0.33 พืชขาดนา้ํ มาก
รูปท่ี 4 แผนทแ่ี สดงดรรชนคี วามชืน้ ทีเ่ ปน ประโยชนสาํ หรบั พชื ระหวา งวนั ที่ 21-30 ตุลาคม 2561
ชวงวันท่ี 21-30 ตุลาคม 2561 จากการพิจารณาดรรชนีความช้ืนท่ีเปนประโยชนสําหรับพืช
ของประเทศไทย บริเวณพ้ืนท่ีสีแดงถึงสมแสดงถึงพืชขาดน้ํามากถึงปานกลางอยูในพ้ืนท่ีของภาคเหนือ
ดานตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางดานตะวันตก และภาคตะวันออก สวนบริเวณพื้นที่สีเหลือง
ถึงเขียวแสดงถึงพืชขาดนํ้าเล็กนอยและมีนํ้าพอเพียง นอกนั้นเปนบริเวณพ้ืนที่สีขาวแสดงถึงพืชไดรับนํ้า
เกนิ ความตองการ
7
รูปท่ี 5 แผนทแี่ สดงดรรชนคี วามชืน้ ในดนิ ท่ีระดับความลึก 30 ซ.ม. และ 60 ซ.ม. เม่อื วนั ท่ี 10 ตลุ าคม 2561
ในวันท่ี 10 ตุลาคม 2561 จากการพิจารณาดรรชนีความชื้นในดินของประเทศไทย ท่ีระดับความลึก
30 ซ.ม. และ 60 ซ.ม. บริเวณพื้นท่ีสีแดงถึงสมแสดงถึงบริเวณที่ดินสะสมความชื้นไวไมเพียงพอ
ตอความตองการของพืชอาจทําใหเกิดสภาวะแลงทางการเกษตร อยูในพื้นท่ีของภาคเหนือตอนลาง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนลาง และภาคกลางตอนบน สวนบริเวณท่ีมีสีเหลืองถึงเขียว แสดงถึงบริเวณพ้ืนท่ี
มีความชืน้ ในดินเพียงพอตอ ความตองการของพืชท่มี ีระบบรากลึก
8
รูปที่ 6 แผนทแี่ สดงดรรชนคี วามชนื้ ในดนิ ทีร่ ะดับความลกึ 30 ซ.ม. และ 60 ซ.ม. เมอื่ วนั ท่ี 20 ตลุ าคม 2561
ในวันที่ 20 ตุลาคม 2561 จากการพิจารณาดรรชนีความช้ืนในดินของประเทศไทย ท่ีระดับความลึก
30 ซ.ม. และ 60 ซ.ม. บริเวณพ้ืนท่ีสีแดงถึงสมแสดงถึงบริเวณที่ดินสะสมความชื้นไวไมเพียงพอ
ตอความตองการของพืชอาจทําใหเกิดสภาวะแลงทางการเกษตร อยูในพื้นที่ของภาคเหนือดานตะวันออก
และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สวนบริเวณที่มีสีเหลืองถึงเขียวแสดงถึงบริเวณพ้ืนท่ีมีความชื้นในดินเพียงพอ
ตอ ความตอ งการของพืชทม่ี ีระบบรากลึก
9
รปู ท่ี 7 แผนทแี่ สดงดรรชนคี วามชื้นในดนิ ทรี่ ะดับความลกึ 30 ซ.ม. และ 60 ซ.ม. เม่อื วนั ที่ 31 ตลุ าคม 2561
ในวันที่ 31 ตุลาคม 2561 จากการพิจารณาดรรชนีความช้ืนในดินของประเทศไทย ท่ีระดับความลึก
30 ซ.ม. และ 60 ซ.ม. บริเวณพ้ืนที่สีแดงถึงสมแสดงถึงบริเวณท่ีดินสะสมความช้ืนไวไมเพียงพอ
ตอความตองการของพืชอาจทําใหเกิดสภาวะแลงทางการเกษตร อยูในพ้ืนที่ของภาคเหนือดานตะวันออก
ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ และภาคกลางตอนบน สวนบริเวณที่มีสีเหลืองถึงเขียวแสดงถึงบริเวณพื้นที่มีความช้ืน
ในดนิ เพยี งพอตอความตองการของพชื ท่ีมีระบบรากลกึ
10
ตารางที่ 1 ขอ มูลอตุ นุ ิยมวิทยาเกษตรของประเทศไทย เดือนตลุ าคม 2561
ภาค สถานี ปริมาณ จํานวนวัน อุณหภมู ิ อุณหภูมิ อณุ หภูมิ ความช้ืน ปริมาณนาํ้ ความยาวนาน
อตุ นุ ยิ มวทิ ยาเกษตร ฝน (มม.) ทมี่ ฝี นตก(วนั ) เฉลย่ี (°ซ.) สงู สุด (°ซ.) ต่ําสดุ (°ซ.) สัมพทั ธ (%) ระเหย (มม/วัน) แสงแดด(ชม./วนั )
เหนือ เชียงราย 197.3 17 25.5 33.7 19.5 86.7 3.2 5.8
ลําปาง 170.8 8 26.5 33.7 21.3 85.4 3.5 6.2
นาน 15.2 5 26.9 35 20.3 81.8 3.3 7
ศรสี ําโรง 137.1 9 28.4 35.5 22.4 81.7 3.4 6.9
ดอยมูเซอ 127.9 11 22.2 29.1 16.9 88.2 2.9 4.9
พจิ ิตร 35 7 29.1 35.6 22 77 4.2 8.4
ตะวันออก เลย 102.8 7 25.9 36.5 17.2 82.8 3.6 6.9
เฉยี งเหนอื สกลนคร 7.7 5 26.8 35.4 16.8 77.6 3.7 7.8
นครพนม 22.1 4 27.1 35.6 16.8 74.5 5.2 8.2
ทา พระ 53.7 9 27.6 36.2 17.4 77 4.4 7.7
รอ ยเอ็ด 30.9 5 27.3 34.4 16.8 75.6 4.5 9.3
อบุ ลราชธานี 96.4 5 27.5 35.8 19.5 78.9 4.5 6.5
ศรีสะเกษ 60.7 9 28 35.3 20.2 75.6 4.5 8.9
ปากชอง 108 12 26.2 33.3 21.1 77.1 5 7.2
สุรินทร 20.9 7 27.6 35.8 17.6 79 3.8 8
กลาง ตากฟา 71 9 28.4 35.6 20.9 76.3 4.6 7.6
ชัยนาท 81.7 9 28.6 36.2 21 79.9 4.6 8.4
อยุธยา 103.2 12 28.6 36 20.7 79.4 3.7 6.4
ปทมุ ธานี 111.5 11 29.4 37.7 22.5 78.7 4.6 6.7
ราชบรุ ี 306.5 19 27.8 35 24 84.7 3.8 6
อทู อง 183.7 15 28 35.7 21.5 81.4 4.6 7.5
กําแพงแสน 197 17 27.9 35.3 23.5 84.3 4 7.4
บางนา 260.1 22 28.7 35.6 23.9 80.9 4 6.4
ตะวนั ออก ฉะเชงิ เทรา 141 19 27.2 35 20.2 84 4.4 7.4
หวยโปง 402.3 20 27.6 34.2 23.2 82.6 3.7 6.3
พลิ้ว 230.1 17 27.5 35.5 22.5 85.2 3.4 5.9
ใต หนองพลับ 186.3 13 26.9 35 22.3 84.5 3.4 3.4
สวี 158.6 22 27.4 34.2 22.2 82.1 3.2 5.1
สรุ าษฎรธานี 173.7 21 26.8 33.6 22 86.4 2.9 3.4
นครศรธี รรมราช 168 24 27.2 34.5 23 88.1 3 5
พทั ลุง 277.9 21 27.2 34.3 22.8 86.9 3.4 5.5
คอหงษ 369.4 24 27.1 34.1 21.5 84.2 3.7 4.9
ยะลา 293.4 23 27 35.2 22.6 85 3.9 4.6
หมายเหตุ T หมายถงึ ฝนเล็กนอ ยวัดปรมิ าณไมไ ด
11
รูปที่ 8 แผนทแ่ี สดงปรมิ าณฝน เดือนตลุ าคม 2561
12
รูปที่ 9 แผนทแี่ สดงจํานวนวนั ท่มี ีฝนตก เดอื นตุลาคม 2561
13
รปู ท่ี 10 แผนทแ่ี สดงอุณหภมู ิเฉลย่ี เดอื นตลุ าคม 2561
14
รปู ท่ี 11 แผนทแี่ สดงอุณหภมู สิ งู สุดเฉลยี่ เดอื นตุลาคม 2561
15
รปู ท่ี 12 แผนทแี่ สดงอุณหภมู ติ ํ่าสุดเฉลย่ี เดือนตุลาคม 2561
16
รูปที่ 13 แผนท่แี สดงปริมาณนํา้ ระเหย เดอื นตุลาคม 2561
17
รปู ท่ี 14 แผนทแี่ สดงความชืน้ สมั พัทธเ ฉลย่ี เดือนตุลาคม 2561
18
รปู ท่ี 15 แผนทแี่ สดงความยาวนานแสงแดดเฉลย่ี เดือนตลุ าคม 2561
19
รายงานสถานการณศ ตั รพู ชื ระบาด เดอื นตลุ าคม 2561
กระทรวงเกษตรและสหกรณรายงานสถานการณศตั รพู ชื ระบาดในพชื เศรษฐกจิ ดงั น้ี
1. ศัตรูขา ว
รายงานของสํานักงานเกษตรจังหวัดเดือนตุลาคม พบการระบาดของศัตรูขาว ไดแก เพลี้ย
กระโดดสีนํ้าตาล เพล้ียกระโดดหลังขาว แมลงหลา และโรคไหมขาว พ้ืนท่ีระบาดรวม 9,908 ไร มีรายละเอียด
ดังน้ี
1.1 เพลี้ยกระโดดสีน้ําตาล : พ้ืนท่ีระบาด 9,402 ไร บริเวณจังหวัดลําปาง อุตรดิตถ สุโขทัย
พิษณุโลก เพชรบูรณ ลพบุรี สระบุรี ยโสธร และนครราชสีมา นอกจากน้ีมีรายงานการระบาดเล็กนอยบางพ้ืนที่
บริเวณจังหวัดพิจิตร กําแพงเพชร ขอนแกน กาฬสินธุ รอยเอ็ด อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร บุรีรัมย
นครสวรรค สิงหบุรี อางทอง สุพรรณบุรี นครปฐม พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ราชบุรี นครนายก ปราจีนบุรี
และฉะเชงิ เทรา
1.2 โรคไหมขาว : พนื้ ทีร่ ะบาด 236 ไร บริเวณจงั หวัดเชียงใหม ลําพูน ศรีสะเกษ ลพบุรี ระยอง
และจันทบรุ ี
1.3 เพล้ยี กระโดดหลงั ขาว : พื้นท่ีระบาด 15 ไร บรเิ วณจังหวดั เชยี งใหม
1.4 แมลงหลา : พ้นื ทรี่ ะบาด 255 ไร บริเวณจงั หวัดนครสวรรค
นอกจากนี้ยังพบศัตรูขาวอ่ืนๆ เชน เพลี้ยจักจ่ันสีเขียว หนอนกอขาว หนอนหอใบ โรคใบจุด
สีนํ้าตาล และโรคใบขีดสีนํ้าตาล เปนตน ซึ่งทําใหตนขาวเสียหายบางพื้นท่ี บริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม
นาน สุโขทัย พิษณุโลก กําแพงเพชร พิจิตร ขอนแกน กาฬสินธุ รอยเอ็ด อุบลราชธานี นคราชสีมา ศรีสะเกษ
สุรินทร บุรีรัมย นครสวรรค อุทัยธานี ชัยนาท สิงหบุรี อางทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี
นครปฐม ราชบุรี ปราจีนบรุ ี และฉะเชงิ เทรา
2. ศัตรูมนั สําปะหลงั
รายงานของสํานักงานเกษตรจังหวัดเดือนตุลาคม พบการระบาดของศัตรูมันสําปะหลัง ไดแก
เพลี้ยแปงมันสําปะหลัง โรคโคนเนา-หัวเนา โรคใบไหม และแมลงนูนหลวง พ้ืนท่ีระบาดรวม 2,442 ไร
มีรายละเอียดดงั นี้
2.1 เพล้ียแปงมันสําปะหลัง : พ้ืนที่การระบาด 265 ไร บริเวณจังหวัดชลบุรี จันทบุรี มุกดาหาร
และสรุ ินทร
2.2 โรคโคนเนา -หัวเนา : พื้นทีร่ ะบาด 790 ไร บริเวณจังหวัดมกุ ดาหาร ชลบุรี และจันทบรุ ี
2.3 โรคใบไหม : พ้ืนทรี่ ะบาด 767 ไร บรเิ วณจงั หวดั อุทัยธานแี ละจันทบรุ ี
2.4 แมลงนูนหลวง : พน้ื ทร่ี ะบาด 620 ไร บริเวณจงั หวดั ราชบรุ ี
20
3. ศัตรูออ ย
รายงานของสํานักงานเกษตรจังหวัดเดือนตุลาคม พบการระบาดของศัตรูออย ไดแก แมลง
นูนหลวง พนื้ ที่ระบาดรวม 55 ไร บรเิ วณจังหวัดราชบุรี
4. ศตั รูมะพรา ว
รายงานของสํานักงานเกษตรจังหวัดเดือนตุลาคม พบการระบาดของศัตรูมะพราว ไดแก
หนอนหัวดาํ แมลงดาํ หนาม และดวงแรด พน้ื ทีร่ ะบาดรวม 81,038 ไร มีรายละเอยี ดดงั น้ี
4.1 หนอนหัวดํา : พ้ืนท่ีระบาด 5,360 ไร บริเวณจังหวัดสิงหบุรี อางทอง นครปฐม นนทบุรี
ปทุมธานี กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ราชบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง
จันทบุรี ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ ชุมพร สุราษฎรธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปตตานี ยะลา นราธิวาส
พังงา ภูเกต็ กระบี่ และสตลู
4.2 แมลงดําหนาม : พ้ืนท่ีระบาด 60,789 ไร บริเวณจังหวัดนครปฐม กรุงเทพมหานคร
สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ราชบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ
ชมุ พร สุราษฎรธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปตตานี ยะลา พังงา ภูเก็ต และกระบี่
4.3 ดวงแรด : พน้ื ทร่ี ะบาด 14,889 ไร บรเิ วณจงั หวัดนครปฐม กรงุ เทพมหานคร สมุทรปราการ
สมุทรสาคร ราชบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ ชุมพร สุราษฎรธานี นครศรีธรรมราช
สงขลา ระนอง พังงา ภเู กต็ และกระบี่
5. ปาลมนํ้ามัน : พบการระบาดของศัตรูพืช ไดแก ดวงแรด ดวงกุหลาบ หนอนปลอกเล็ก หนอนหัวดํา
และโรคลําตน เนา พื้นทรี่ ะบาดรวม 1,693 ไร มีรายละเอียดดงั นี้
5.1 ดวงแรด : พ้ืนที่ระบาด 1,034 ไร บริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎรธานี นครศรีธรรมราช
ปตตานี พังงา และกระบ่ี
5.2 ดวงกุหลาบ : พื้นทีร่ ะบาด 43 ไร บรเิ วณจงั หวดั ชมุ พร
5.3 หนอนหัวดาํ : พืน้ ทีร่ ะบาด 17 ไร บรเิ วณจังหวัดชุมพรและสรุ าษฎรธานี
5.4 หนอนปลอกเลก็ : พ้นื ที่ระบาด 554 ไร บรเิ วณจังหวัด กระบี่
5.5 โรคลําตนเนา : พื้นที่ระบาด 45 ไร บริเวณจังหวัด กระบี่
6. ยางพารา : พบการระบาดของศัตรูพืช ไดแก โรครากขาว โรคใบรวง และโรคเสนดํา พื้นที่ระบาด
รวม 1,901ไร มีรายละเอยี ดดังนี้
6.1 โรครากขาว : พื้นที่ระบาด 1,391 ไร บริเวณจังหวัด ชุมพร สุราษฎรธานี นครศรีธรรมราช
สงขลา ปตตานี ยะลา และภูเก็ต
6.2 โรคใบรว ง : พ้นื ที่ระบาด 59 ไร บรเิ วณจังหวดั จนั ทบุรี
6.3 โรคเสนดํา : พน้ื ทรี่ ะบาด 451 ไร บรเิ วณจงั หวัดบงึ กาฬและสุราษฎรธ านี
21
7. ศตั รพู ืชผักสวนครัว มรี ายละเอยี ดดงั นี้
7.1 พืชตระกูลแตง : พบการระบาดของดวงเตาแตง เพลี้ยออน แมลงหวี่ขาว หนอนกินใบ
หนอนเจาะผล โรคราแปง โรครานํ้าคาง โรคใบจุด และโรคโคนเนา บริเวณจังหวัดแมฮองสอน เชียงใหม นาน
กําแพงเพชร เพชรบูรณ เลย อุดรธานี ขอนแกน อํานาจเจริญ อุบลราชธานี อางทอง สระบุรี ชลบุรี ระยอง
นครศรธี รรมราช ปต ตานี นราธิวาส พังงา และสตูล
7.2 พริก - มะเขือ : พบศัตรูพืชจําพวกเพลี้ยไฟ เพล้ียออน เพลี้ยแปง และแมลงหว่ีขาว บริเวณ
จังหวัดเชียงใหม นาน เพชรบูรณ เลย หนองบัวลําภู อุดรธานี ขอนแกน มหาสารคาม อํานาจเจริญ อุบลราชธานี
ศรีสะเกษ นครราชสีมา นครสวรรค อางทอง สระบุรี กรุงเทพมหานคร ราชบุรี ชลบุรี สุราษฎรธานี ปตตานี
นราธิวาส ภูเก็ต และสตูล นอกจากนี้ยังพบโรคใบดาง โรคเห่ียวเหลือง โรคยอดเนา โรครากเนา-โคนเนา
และโรคแอนแทรกโนส บริเวณจังหวัดเชียงใหม นาน แพร เพชรบูรณ เลย หนองคาย อุบลราชธานี ศรีสะเกษ
อา งทอง สระบรุ ี ชลบรุ ี จนั ทบรุ ี สุราษฎรธานี นครศรีธรรมราช ปต ตานี นราธวิ าส และสตลู
7.3 ถวั่ ฝก ยาว : พบศตั รูพืช ไดแก เพลี้ยออ น ไรแดง และหนอนเจาะฝก บรเิ วณจังหวัดเชยี งใหม
แพร เลย สิงหบรุ ี สระบรุ ี ราชบรุ ี ชลบรุ ี นครศรีธรรมราช นราธิวาส พังงา และภเู ก็ต
7.4 พชื ตระกูลกะหล่ํา : พบศัตรูพืช ไดแก หนอนใยผัก หนอนกระทูผัก เพล้ียออน ดวงหมัดผัก
โรครานํ้าคาง และโรคใบจุด บริเวณจังหวัดเชียงใหม ลําพูน นาน แพร ตาก กําแพงเพชร เพชรบูรณ เลย
ขอนแกน มหาสารคาม อํานาจเจรญิ ศรสี ะเกษ กรงุ เทพมหานคร ราชบุรี ชลบุรี จนั ทบรุ ี ตราด และสงขลา
7.5 พืชตระกูลหอม - กระเทียม : พบศตั รูพืช ไดแ ก หนอนกระทูหอม โรคใบจุดสีมวง และโรค
แอนแทรกโนส บริเวณจังหวัดแมฮองสอน เชียงใหม พะเยา นาน แพร หนองคาย อุดรธานี อํานาจเจริญ บุรีรัมย
ศรีสะเกษ นครสวรรค ราชบุรี และชลบรุ ี
7.6 ผักบุง : พบศัตรูพืช ไดแก หนอนใยผัก หนอนกระทูผัก หนอนกินใบ โรคราน้ําคาง
และโรคราสนิม บริเวณจงั หวัดเชียงใหม หนองคาย ชลบรุ ี นครศรีธรรมราช และพงั งา
8. ศตั รพู ืชไมผ ล มรี ายละเอยี ดดงั นี้
8.1 ลองกอง : พบศัตรูพืช ไดแก หนอนเจาะกินใตผิวเปลือกเล็ก หนอนเจาะกินใตผิว
เปลือกใหญ และผีเส้ือมวนหวาน บริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปตตานี
นราธิวาส ภูเก็ต ตรัง และสตูล นอกจากนี้ยังพบการระบาดของโรคราสีชมพู และโรครากเนา-โคนเนา บริเวณ
จังหวดั พัทลุง นราธิวาส และภเู กต็
8.2 มังคุด : พบศัตรูพืช ไดแก เพลี้ยไฟ หนอนกินใบ และโรคใบจุด บริเวณจังหวัดระยอง
จนั ทบรุ ี ตราด ระนอง พังงา ชมุ พร นครศรีธรรมราช พทั ลงุ ปตตานี นราธวิ าส และสตูล
8.3 ทุเรียน : พบศัตรูพืช ไดแก ดวงหนวดยาวเจาะลําตน หนอนเจาะผล เพล้ียไกแจ ไรแดง
เพลี้ยแปง บริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด ประจวบคีรีขันธ ชุมพร สุราษฎรธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง
ปตตานี นราธิวาส ระนอง และตรัง นอกจากน้ันยังพบการระบาดโรคใบจุดสาหราย โรคราใบติด โรคผลเนา
22
และโรครากเนา-โคนเนา บริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด ประจวบคีรีขันธ ชุมพร สุราษฎรธานี
นครศรีธรรมราช ปตตานี นราธิวาส ระนอง และภูเก็ต
8.4 มะมวง : พบศัตรูพืชจําพวกปากดูด ไดแก ดวงกรีดใบมะมวง เพล้ียไฟ เพล้ียจักจ่ันมะมวง
และเพลย้ี จกั จน่ั ฝอย รวมท้ังโรคราแปง โรคใบจุด และโรคแอนแทรกโนส บริเวณจังหวัดเชียงใหม นาน สุโขทัย
พิษณุโลก อางทอง สระบรุ ี พระนครศรอี ยธุ ยา สมทุ รปราการ ราชบุรี และเพชรบุรี
8.5 ตระกูลสม : พบศัตรูพืชจําพวกไรแดง เพลี้ยไกแจสม หนอนเจาะดอก และหนอนชอนใบ
บริเวณจังหวัดเชียงราย นาน ลําปาง แพร อางทอง สระบุรี สมุทรสงคราม ระยอง เพชรบุรี และปตตานี
นอกจากน้ียังพบโรครากเนา-โคนเนา โรคกรีนนิ่ง และโรคแคงเกอร บริเวณจังหวัดแพร นาน ลําปาง เพชรบูรณ
พจิ ติ ร อทุ ัยธานี อางทอง สมทุ รสงคราม ระยอง เพชรบรุ ี และปต ตานี
8.6 ลําไย : พบศัตรูพืช ไดแก มวนลําไย แมลงคอมทอง หนอนเจาะก่ิงลําตน หนอนเจาะดอก
และหนอนเจาะข้ัวผล บรเิ วณจงั หวัดเชยี งราย เชียงใหม พะเยา นา น ลําพนู และลาํ ปาง
8.7 กลวย : พบศัตรูพืช ไดแก หนอนมวนใบกลวย ดวงงวง และโรคตายพราย บริเวณจังหวัด
เพชรบรู ณ เลย พระนครศรอี ยธุ ยา และนครศรีธรรมราช
8.8 ฝร่ัง : พบการระบาดของแมลงวันผลไมและเพล้ียแปง บริเวณจังหวัดบุรีรัมย นครสวรรค
อทุ ยั ธานี สงิ หบ รุ ี พระนครศรีอยธุ ยา สมทุ รสาคร เพชรบุรี สรุ าษฎรธานี และนครศรธี รรมราช
8.9 พุทรา : พบการระบาดของแมลงวันผลไมและราแปง บริเวณจังหวัดอางทอง
และสมุทรสงคราม
---------------------------------------------------------------------------
23
แหลง ขอมูล
- สวนอุตุนยิ มวทิ ยาเกษตร กองพฒั นาอุตุนยิ มวิทยา กรมอตุ ุนิยมวิทยา
- ศูนยภ มู อิ ากาศ กองพัฒนาอุตนุ ยิ มวทิ ยา กรมอุตุนยิ มวิทยา
- ศูนยเทคโนโลยสี ารสนเทศ กองบรกิ ารดจิ ทิ ัลอุตุนยิ มวิทยา กรมอุตุนยิ มวิทยา
- กรมสงเสรมิ การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ