The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ ม.5 (6281124060-นางสาววศิตา ดาราแสง-เลขที่ 26-D7)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wasita301143, 2022-05-06 00:39:39

แผนการจัดการเรียนรู้ ม.5 (6281124060-นางสาววศิตา ดาราแสง-เลขที่ 26-D7)

แผนการจัดการเรียนรู้ ม.5 (6281124060-นางสาววศิตา ดาราแสง-เลขที่ 26-D7)

แผนการจดั การเรยี นรู้
รายวิชาภาษาไทย ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๕

จดั ทาโดย
นางสาววศิตา ดาราแสง เลขท่ี ๒๖
รหัสประจาตวั นกั ศกึ ษา ๖๒๘๑๑๒๔๐๖๐

เสนอ
ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พชั รีภรณ์ บางเขยี ว

แผนการจดั การเรียนรเู้ ลม่ นี้เปน็ ส่วนหนง่ึ ของรายวชิ า
วิทยาการจดั การเรยี นรู้ (๑๑๙๐๓๐๑)

มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา

คานา

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๕ จัดทาขึ้นเพ่ือใช้เป็นแนวทาง
การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษ าข้ันพ้ืนฐาน
พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบด้วยเน้ือหาสาระดังต่อไปน้ี แผนการจัดการเรียนรู้รายปีประกอบด้วย
มาตรฐาน ตัวช้ีวัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย จุดประสงค์การเรียนรู้ คา อธิบายรายวิชา
โครงสร้างกาหนดการสอน และตารางวิเคราะห์สาระ มาตรฐาน แผนการจัดการเรียนรู้รายหน่วย
จานวน ๒ หน่วยประกอบด้วย หน่วยมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี และหน่วยคัมภีร์ฉันทศาสตร์
แพทยศาสตร์สงเคราะห์ ซึ่งแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ได้ระบุมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัด จุดประสงค์
การเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เรียนแต่ละบุคคล
นามาซึ่งบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือ เกณฑ์การวัดและประเมินผลท่ีมีคุณภาพ
เพื่อใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคนว่าหลังจากเสร็จสิ้นการเรียน นักเรียนมีความรู้
ความเขา้ ใจมากน้อยเพียงใดผา่ นเกณฑ์ ประเมินหรือไม่

ผู้จัดทาขอขอบพระคุณผู้ช่วยศาสตร์จารย์ ดร.พัชรีภรณ์ บางเขียว เป็นอย่างย่ิง ที่ให้คาปรึกษา
และคาแนะนาตลอดระยะเวลาการจัดทาแผนการเรียนรู้ และหวังเป็นอย่างย่ิงว่าแผนการเรียนรู้เล่มนี้
เป็นประโยชนก์ บั การจดั การเรียนการสอนในช้นั เรยี น เพอ่ื พฒั นาการเรียนรไู้ ด้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพมากยิ่งข้ึน

นางสาววศติ า ดาราแสง
ผจู้ ัดทา

สารบัญ

เรื่อง หน้า

แผนการจดั การเรียนรู้รายปี ๑
ตารางโครงสรา้ งรายวิชา ๑๐
ตารางวิเคราะหส์ าระ มาตรฐาน ๑๓
๑๔
แผนการจดั การเรยี นรู้หน่วยท่ี ๑ ๙๑
แผนการจดั การเรยี นรหู้ นว่ ยที่ ๒

แผนการจัดการเรยี นรู้ ๑

สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย รายวชิ าภาษาไทย
ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๕ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔
ครผู ูส้ อน นางสาววศิตา ดาราแสง เวลา ๘๐ ชว่ั โมง

๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วดั
มาตรฐานการเรยี นรู้

มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพ่ือนาไปตัดสินใจ แก้ปัญหา
ในการดาเนินชวี ิตและมีนิสยั รักการอ่าน

มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราว
ในรูปแบบต่าง ๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ

มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด
และความร้สู ึกในโอกาสตา่ ง ๆ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์

มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา
และพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัตขิ องชาติ

มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คุณค่า
และนามาประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตจรงิ
ตัวชวี้ ัด

มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพ่ือนาไปตัดสินใจ แก้ปัญหา
ในการดาเนนิ ชีวติ และมนี ิสัยรักการอ่าน

ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว และบทร้อยกรองได้อย่างถูกต้อง ไพเราะ และเหมาะสม
กับเรือ่ งท่อี า่ น

ท ๑.๑ ม.๔-๖/๒ ตีความ แปลความ และขยายความเรื่องทีอ่ ่าน
ท ๑.๑ ม.๔-๖/๓ วเิ คราะหแ์ ละวิจารณ์เรอื่ งทอี่ า่ นในทุก ๆ ด้านอย่างมีเหตุผล
ท ๑.๑ ม.๔-๖/๔ คาดคะเนเหตุการณ์จากเรื่องที่อ่านและประเมินค่า เพื่อนาความรู้ ความคิดไปใช้
ตัดสินใจแก้ปญั หาในการดาเนนิ ชวี ิต
ท ๑.๑ ม.๔-๖/๕ วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็น โต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน และเสนอความคดิ
ใหมอ่ ย่างมเี หตุผล
ท ๑.๑ ม.๔-๖/๖ ตอบคาถามจากการอ่านงานเขยี นประเภทต่าง ๆ ภายในเวลาท่กี าหนด
ท ๑.๑ ม.๔-๖/๗ อ่านเรื่องต่าง ๆ แล้วเขยี นกรอบแนวคดิ ผงั ความคดิ บันทกึ ย่อความ และรายงาน
ท ๑.๑ ม.๔-๖/๘ สังเคราะห์ความรู้จากการอ่านสือ่ สิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และแหล่งเรียนร้ตู ่าง ๆ
มาพัฒนาตน พฒั นาการเรยี น และพัฒนาความรู้ทางอาชพี



ท ๑.๑ ม.๔-๖/๙ มมี ารยาทในการอา่ น
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเร่ืองราว
ในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอยา่ งมีประสิทธิภาพ
ท ๒.๑ ม.๔-๖/๑ เขยี นสือ่ สารในรูปแบบตา่ ง ๆ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยใชภ้ าษาเรียบเรยี งถูกต้อง
มีข้อมูล และสาระสาคัญชดั เจน
ท ๒.๑ ม.๔-๖/๒ เขยี นเรียงความ
ท ๒.๑ ม.๔-๖/๓ เขยี นยอ่ ความจากสื่อที่มรี ปู แบบและเน้ือหาหลากหลาย
ท ๒.๑ ม.๔-๖/๔ ผลิตงานเขยี นของตนเองในรปู แบบต่าง ๆ
ท ๒.๑ ม.๔-๖/๕ ประเมนิ งานเขยี นของผู้อื่น แล้วนามาพฒั นางานเขยี นของตนเอง
ท ๒.๑ ม.๔-๖/๖ เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าเรื่องที่สนใจ ตามหลักการเขียนเชิงวิชาการ
และใช้ขอ้ มูลสารสนเทศอา้ งองิ อยา่ งถูกต้อง
ท ๒.๑ ม.๔-๖/๗ บนั ทกึ การศึกษาค้นควา้ เพ่อื นาไปพัฒนาตนเองอย่างสม่าเสมอ
ท ๒.๑ ม.๔-๖/๘ มีมารยาทในการเขยี น
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด
และความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์
ท ๓.๑ ม.๔-๖/๑ สรุปแนวคดิ และแสดงความคดิ เหน็ จากเรอ่ื งทฟ่ี งั และดู
ท ๓.๑ ม.๔-๖/๒ วิเคราะห์ แนวคิด การใช้ภาษา และความน่าเช่ือถือจากเร่ืองท่ีฟังและดู
อย่างมเี หตุผล
ท ๓.๑ ม.๔-๖/๓ ประเมนิ เร่ืองท่ีฟังและดู แล้วกาหนดแนวทางนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดาเนินชีวิต
ท ๓.๑ ม.๔-๖/๔ มวี ิจารณญาณในการเลอื กเรอ่ื ง
ท ๓.๑ ม.๔-๖/๕ พูดในโอกาสต่าง ๆ พูดแสดงทรรศนะโต้แย้ง โน้มน้าวใจ และเสนอแนวคิดใหม่
ดว้ ยภาษาทถ่ี กู ต้องเหมาะสม
ท ๓.๑ ม.๔-๖/๖ มีมารยาทในการฟงั การดู และการพดู ทฟี่ ังและดู
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา
และพลังของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัติของชาติ
ท ๔.๑ ม.๔-๖/๑ อธิบายธรรมชาตขิ องภาษา พลงั ของภาษา และลักษณะของภาษา
ท ๔.๑ ม.๔-๖/๒ ใช้คาและกลมุ่ คาสร้างประโยคตรงตามวตั ถุประสงค์
ท ๔.๑ ม.๔-๖/๓ ใช้ภาษาเหมาะสมแก่โอกาส กาลเทศะและบุคคล รวมทั้งคาราชาศัพท์
อย่างเหมาะสม
ท ๔.๑ ม.๔-๖/๔ แต่งบทร้อยกรอง
ท ๔.๑ ม.๔-๖/๕ วิเคราะหอ์ ทิ ธิพลของภาษาต่างประเทศและภาษาถิน่
ท ๔.๑ ม.๔-๖/๖ อธิบายและวิเคราะห์หลกั การสรา้ งคาในภาษาไทย
ท ๔.๑ ม.๔-๖/๗ วเิ คราะห์และประเมินการใชภ้ าษาจากสอ่ื ส่ิงพิมพ์ และสอ่ื อเิ ล็กทรอนกิ ส์



มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเหน็ วิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า
และนามาประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ จริง

ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑ วเิ คราะห์และวิจารณว์ รรณคดี และวรรณกรรมตามหลักการวจิ ารณเ์ บ้ืองต้น
ท ๕.๑ ม.๔-๖/๒ วิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดี เชื่อมโยงกับการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์
และวิถีชีวิตของสงั คมในอดตี
ท ๕.๑ ม.๔-๖/๓ วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดี และวรรณกรรมในฐานะ
ท่เี ปน็ มรดกทางวัฒนธรรมของชาติ
ท ๕.๑ ม.๔-๖/๔ สงั เคราะห์ข้อคิดจากวรรณคดี และวรรณกรรมเพอื่ นาไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ จริง
ท ๕.๑ ม.๔-๖/๕ รวบรวมวรรณกรรมพืน้ บา้ น และอธิบายภมู ปิ ัญญาทางภาษา
ท ๕.๑ ม.๔-๖/๖ ท่องจาและบอกคุณค่าบทอาขยานตามที่กาหนด และบทร้อยกรองที่มีคุณค่า
ตามความสนใจ และนาไปใช้อ้างอิง
๒. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
๒.๑ ด้านความรู้ (K)
- นกั เรียนสามารถอธิบายหลักการอา่ นออกเสียงบทร้อยแก้วได้ (K)
- นักเรียนสามารถอธบิ ายหลักการอ่านออกเสียงบทร้อยกรองได้ (K)
- นกั เรียนสามารถอธิบายหลักการอา่ นตีความ แปลความ และขยายความได้ (K)
- นกั เรียนสามารถวิเคราะห์และวจิ ารณ์จากเรื่องท่ีอา่ นได้อย่างมีเหตผุ ล (K)
- นักเรียนสามารถคาดคะเนเหตกุ ารณ์จากเรื่องท่ีอ่านและประเมินคา่ ได้ (K)
- นักเรียนสามารถบอกความรู้ท่ีได้รับจากการอ่าน และสามารถนาความรู้ ความคิดไปใช้ตัดสินใจ
แก้ปญั หาในการดาเนินชีวติ ได้ (K)
- นกั เรียนสามารถวิเคราะห์ วิจารณ์ โดยแสดงความคิดเห็นโต้แยง้ จากเรอื่ งที่อ่านได้อยา่ งมเี หตุผล (K)
- นักเรียนสามารถตอบคาถามจากเรื่องที่อา่ นได้ (K)
- นักเรียนสามารถบอกความหมายของการพูดโน้มน้าวโดยนาเสนอหลักฐานตามลาดับเน้ือหา
อย่างมเี หตผุ ลและน่าเช่อื ถอื ได้ (K)
- นักเรียนสามารถบอกหลักการพูดโน้มน้าวโดยนาเสนอหลักฐานตามลาดับเนื้อหาอย่างมีเหตุผล
และน่าเชือ่ ถอื ได้ (K)
- นกั เรียนสามารถอธิบายธรรมชาติของภาษา และลักษณะของภาษาได้ (K)
- นกั เรยี นสามารถจาแนกคาและกลุ่มคาจากประโยคได้ (K)
- นักเรยี นสามารถอธบิ ายระดับของภาษาได้ (K)
- นกั เรยี นสามารถจาแนกระดับการใชภ้ าษาให้เหมาะสมแก่โอกาส กาลเทศะ และบุคคลได้ (K)
- นักเรียนสามารถบอกความหมายของคาราชาศัพท์ได้ (K)
- นักเรียนสามารถวิเคราะหร์ ะดบั ภาษาและนาไปใชไ้ ด้อยา่ งเหมาะสม (K)
- นกั เรยี นสามารถอธบิ ายความหมายคาศพั ทท์ างวชิ าการและวชิ าชพี ได้ (K)



- นกั เรยี นสามารถบอกฉนั ทลกั ษณ์ของร่ายยาวได้ถูกต้อง (K)
- นักเรียนสามารถจาแนกภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทยได้ถกู ต้อง (K)
- นกั เรียนสามารถวิเคราะห์ภาษาถิน่ ได้ (K)
- นกั เรยี นสามารถอธิบายหลักการสร้างคาได้ (K)
- นกั เรยี นสามารถวิเคราะห์และประเมนิ การใช้ภาษาจากส่ือสิง่ พิมพ์ และสอ่ื อิเลก็ ทรอนิกส์ได้ (K)
- นักเรียนสามารถอธิบายหลักการวิเคราะห์ วิจารณ์ และวรรณกรรมตามหลักการวิจารณ์
เบือ้ งตน้ ได้ (K)
- นกั เรยี นสามารถบอกลักษณะเดน่ ของวรรณคดแี ต่ละเรื่องได้ (K)
- นักเรียนสามารถอธบิ ายความหมายโวหารประเภทตา่ ง ๆ ได้ (K)
- นักเรียนสามารถจาแนกคณุ ค่าดา้ นต่าง ๆ ของวรรณคดไี ด้ (K)
- นกั เรียนสามารถสงั เคราะห์ขอ้ คิดจากวรรณคดี เพื่อนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตจริงได้ (K)
- นักเรยี นสามารถบอกคุณค่าจากบทอาขยานตามท่ีกาหนดหรือตามความสนใจได้ (K)
๒.๒ ดา้ นทกั ษะ (P)
- นกั เรยี นสามารถอ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ ได้ถกู ต้องและเหมาะสมกบั เรอ่ื งท่ีอ่าน (P)
- นกั เรียนสามารถอ่านออกเสียงบหร้อยกรองได้ถูกต้องและเหมาะสมกับเร่อื งที่อ่าน (P)
- นกั เรียนสามารถนาเสนอความแตกต่างของการตคี วาม แปลความ และขยายความได้ (P)
- นกั เรยี นสามารถอภิปรายข้อคดิ จากเรอ่ื งท่ีอ่านได้ (P)
- นกั เรียนสามารถนาเสนอผลการวเิ คราะห์ วิจารณ์จากเร่อื งท่อี า่ นไดอ้ ย่างมเี หตุผล (P)
- นกั เรียนสามารถนาเสนอประเมินความถูกตอ้ งของข้อมลู ทีใ่ ช้สนบั สนนุ ในเรื่องที่อ่านได้ (P)
- นักเรียนสามารถนาการวิจารณ์ความสมเหตสุ มผล การลาดบั ความและความเป็นไปได้ของเรื่องไปใช้
พัฒนาทกั ษะการอา่ นไดด้ ขี ึน้ (P)
- นักเรียนสามารถเขียนกรอบแนวคดิ ผังความคิด บนั ทึก ย่อความและรายงานจากเร่ืองทอี่ า่ นได้ (P)
- นกั เรยี นสามารถนาเสนอการวิเคราะห์เพ่ือแสดงความคดิ เห็นโต้แยง้ เกย่ี วกับเร่ืองท่ีอ่านได้ (P)
- นักเรียนสามารถนาเสนอการตีความและประเมินคุณค่าและแนวคิดที่ได้จากงานเขียน
อยา่ งหลากหลายเพอ่ื นาไปใช้แกป้ ญั หาในชวี ิต (P)
- นกั เรยี นแสดงออกในเร่ืองมารยาทในการอ่านไดอ้ ย่างเหมาะสม (P)
- นกั เรยี นสามารถเขยี นส่ือสารในรปู แบบตา่ ง ๆ ได้ (P)
- นักเรยี นสามารถเขียนข้อความโดยใช้ถ้อยคาได้ถกู ต้องตามระดบั ภาษาได้ (P)
- นกั เรยี นสามารถนาเสนอการเขยี นขอ้ ความโดยใชถ้ ้อยคาไดถ้ ูกต้องตามระดับภาษาได้ (P)
- นกั เรยี นสามารถเขยี นเรยี งความตามหวั ข้อทก่ี าหนดหรอื ตามความสนใจได้ (P)
- นักเรียนสามารถเขยี นย่อความจากสือ่ ต่าง ๆ ได้ (P)
- นกั เรยี นสามารถผลิตงานเขียนในรปู แบบต่าง ๆ ได้ (P)



- นักเรยี นสามารถนาเสนอการประเมินงานเขียนของผูอ้ น่ื ไดอ้ ยา่ งมีเหตผุ ล แล้วนามาพัฒนางานเขียน
ของตนเองได้ (P)

- นักเรียนสามารถเขยี นรายงานตามหลกั การเขยี นเชงิ วชิ าการไดถ้ ูกตอ้ ง (P)
- นกั เรยี นสามารถปฏบิ ัติตามข้นั ตอนการเขียนรายงานการศกึ ษาค้นควา้ และโครงงานได้ถกู ต้อง (P)
- นกั เรียนสามารถนาเสนอการเขยี นรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ และโครงงานได้ (P)
- นกั เรียนสามารถเขียนบนั ทึกการคน้ คว้าจากเรื่องที่สนใจได้ (P)
- นกั เรียนแสดงออกในเรือ่ งมารยาทในการเขยี นไดอ้ ย่างเหมาะสม (P)
- นกั เรียนเขยี นสรุปแนวคิดที่ได้จากเรอื่ งทีฟ่ ังและดู (P)
- นักเรียนสามารถนาเสนอความคดิ เหน็ และประเมินเรือ่ งจากการฟังและการพูดไดอ้ ยา่ งเหมาะสม (P)
- นักเรยี นสามารถนาเสนอการวเิ คราะห์ วิจารณ์เรอ่ื งทีฟ่ งั และดมู าประยุกตใ์ ช้ในการดาเนนิ ชีวติ ได้ (P)
- นักเรียนสามารถนาเสนอการประเมนิ จากเร่อื งทฟ่ี ัง และดูได้ (P)
- นกั เรียนสามารถพูดรายงานเร่อื งหรอื ประเดน็ ที่ศกึ ษาค้นคว้าจากการฟัง และการดไู ด้ (P)
- นกั เรยี นสามารถพูดในโอกาสตา่ ง ๆ ไดต้ รงตามวัตถปุ ระสงค์ (P)
- นักเรยี นสามารถพูดโนม้ นา้ วโดยนาเสนอหลักฐานตามลาดับเน้อื หาอย่างมีเหตุผลได้ (P)
- นักเรียนแสดงออกในเรอื่ งมารยาทในการฟงั การดู และการพดู ได้อย่างเหมาะสม (P)
- นักเรียนนาเสนอชิ้นงานคาภาษาตา่ งประเทศทีใ่ ชใ้ นภาษาไทยได้ (P)
- นักเรียนสามารถนาเรื่องหลักการสรา้ งคาในภาษาไทยได้ (P)
- นกั เรยี นสามารถนาเสนอการวิเคราะหค์ วามแตกตา่ งของภาษาแตล่ ะระดับได้ (P)
- นกั เรียนสามารถเขยี นราชาศัพท์ไดถ้ ูกต้อง (P)
- นกั เรียนเขียนคาศัพท์ทางวิชาการและวิชาชีพได้ถูกตอ้ ง (P)
- นักเรียนสามารถแต่งร่ายยาวไดถ้ กู ต้องตามฉนั ทลักษณ์และกฎเกณฑ์ (P)
- นักเรยี นสามารถนาเสนอการวิเคราะห์วถิ ไี ทยและคุณค่าจากวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อา่ นได้ (P)
- นักเรียนสามารถอภิปรายความรแู้ ละข้อคิดจากการอ่านเพื่อนาไปประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจริงได้ (P)
- นกั เรียนสามารถสาธติ การอ่านบทอาขยานตามท่ีกาหนดและบทร้อยกรองตามความสนใจได้ (P)
๒.๓ ดา้ นจิตพิสยั (A)
- นักเรยี นตระหนักถึงความสาคญั ในการอ่านบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองอย่างถูกตอ้ ง (A)
- นักเรยี นเห็นความสาคญั ของการตีความ แปลความ และขยายความเพอ่ื นาไปใชอ้ ยา่ งถูกต้อง (A)
- นักเรียนเหน็ ความสาคัญของการอ่านจบั ใจความสาคญั (A)
- นักเรียนมีความตั้งใจในการอ่านเร่ืองต่าง ๆ แล้วเขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด บันทึก ย่อความ
และรายงาน (A)
- นักเรียนมคี วามตง้ั ใจในการวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และประเมนิ เร่ืองท่ีอา่ นไดอ้ ย่างมเี หตุผล (A)
- นกั เรยี นเห็นความสาคญั ของการประเมนิ ความถกู ต้องของขอ้ มูลทใี่ ชส้ นบั สนุนในเร่อื งที่อา่ น (A)



- นักเรียนมีความต้ังใจในการวิจารณ์ความสมเหตุสมผล การลาดับความ และความเป็นไปได้
ของเรื่องท่ีอา่ น (A)

- นกั เรียนมคี วามรับผดิ ชอบในการวิเคราะห์เพ่ือแสดงความคิดเหน็ โตแ้ ยง้ เกีย่ วกับเรอ่ื งที่อา่ น (A)
- นักเรียนมีความมุ่งมั่นในกิจกรรมการอ่านตีความและประเมินคุณค่าและแนวคิดท่ีได้จากงานเขียน
อย่างหลากหลายเพ่อื นาไปใชแ้ กป้ ัญหาในชวี ิต (A)
- นักเรยี นมมี ารยาทในการอา่ น (A)
- นกั เรยี นมีความต้ังใจในการเขียนส่ือสารในรปู แบบตา่ ง ๆ (A)
- นกั เรียนเหน็ ความสาคัญของการเขยี นขอ้ ความโดยใชค้ าได้ถกู ต้องตามระดับภาษา (A)
- นกั เรยี นมคี วามเอาใจใสใ่ นการเขยี นเรยี งความในเรือ่ งตา่ ง ๆ (A)
- นักเรียนเห็นประโยชนข์ องการเขยี นย่อความ (A)
- นักเรียนให้ความร่วมมือในการเขียนอธบิ าย แสดงความคิดเหน็ และโต้แยง้ ได้อยา่ งมเี หตุผล (A)
- นักเรยี นใหค้ วามร่วมมือในการเขยี นรายงานการศกึ ษาคน้ คว้า และโครงงาน (A)
- นกั เรยี นมมี ารยาทในการเขียน (A)
- นกั เรยี นมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเหน็ และประเมินเรอ่ื งจากการฟังและการดู (A)
- นักเรียนมีความตั้งใจในการวิเคราะห์และวิจารณ์เร่ืองท่ีฟังและดูเพ่ือนาข้อคิดมาประยุกต์ใช้
ในการดาเนนิ ชวี ิต (A)
- นักเรียนให้ความร่วมมือในการพูดรายงานเรอ่ื งหรอื ประเดน็ ทีศ่ ึกษาคน้ ควา้ จากการฟัง และการดู (A)
- นักเรยี นเหน็ ประโยชน์ของการพูดในโอกาสตา่ ง ๆ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของการพดู (A)
- นักเรียนมีความต้ังใจในการพูดโน้มน้าวโดยนาเสนอหลักฐานตามลาดับเนื้อหาอย่างมีเหตุผล
และน่าเช่ือถือ (A)
- นักเรียนมมี ารยาทในการการฟัง การดู และการพูด (A)
- นกั เรยี นมคี วามมุ่งมนั่ ในการเรียนร้เู ร่ืองคาภาษาตา่ งประเทศท่ีใชใ้ นภาษาไทย (A)
- นักเรียนเห็นประโยชน์ในการเรยี นเรอื่ งหลกั การสรา้ งคาในภาษาไทย (A)
- นกั เรยี นเห็นความสาคัญของการวิเคราะห์ระดับภาษาและการนาไปใช้ได้อย่างถกู ต้อง (A)
- นักเรียนใหค้ วามรว่ มมือในการทากิจกรรมเรือ่ งภาษาตา่ งประเทศและภาษาถน่ิ (A)
- นักเรยี นให้ความรว่ มมือในการทากิจกรรมเร่อื งคาศัพท์ทางวชิ าการและวชิ าชพี (A)
- นกั เรยี นมีความพงึ พอใจในการแต่งบทร้อยกรอง (A)
- นักเรยี นมีความรบั ผิดชอบในการวเิ คราะหล์ กั ษณะเด่นของวรรณคดี (A)
- นักเรยี นเหน็ ความสาคญั ของวิถไี ทยและคุณคา่ จากวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อา่ น (A)
- นักเรียนเหน็ คุณค่าของบทอาขยานและบทร้อยกรองทม่ี ีความไพเราะ (A)



๓. สาระสาคญั
ภาษาไทยเป็นทักษะท่ีต้องฝึกฝนจนเกิดความชานาญในการใช้ภาษาเพ่ือการส่ือสาร การเรียนรู้

อย่างมีประสทิ ธิภาพ และเพ่อื นาไปใชใ้ นชวี ิตจริง
การอ่าน การอ่านออกเสียงคา ประโยค การอ่านบทร้อยแก้ว คาประพันธ์ชนิดต่าง ๆ การอ่านในใจ

เพื่อสร้างความเข้าใจ และการคิดวเิ คราะห์ สงั เคราะหค์ วามรู้จากส่ิงทอ่ี ่าน เพ่อื นาไปปรบั ใชใ้ นชีวติ ประจาวัน
การเขียน การเขียนสะกดคาตามอักขรวิธี การเขียนส่ือสารรูปแบบต่าง ๆ การเขียนเรียงความ

ย่อความ เขียนรายงานจากการศึกษาคันคว้า เขียนตามจินตนาการ เขียนวิเคราะห์วิจารณ์
และเขยี นเชิงสรา้ งสรรค์

การฟัง การดู และการพูด การฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ การพูดแสดงความคิดเห็น ความรู้สึก
พูดลาดับเร่ืองราวต่าง ๆ อย่างเป็นเหตุเป็นผล การพูดในโอกาสต่าง ๆ ท้ังเป็นทางการและไม่เป็นทางการ
และการพูดเพ่ือโนม้ น้าวใจ

หลักการใช้ภาษาไทย ศึกษาธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของภาษาไทย การใช้ภาษาให้ถูกต้องเหมาะสม
กบั โอกาสและบคุ คล การแตง่ บทประพันธ์ประเภทต่าง ๆ และอทิ ธพิ ลของภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย

วรรณคดีและวรรณกรรม วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อศึกษาข้อมูล แนวความคิด
คุณค่าของงานประพันธ์ และเพ่ือความเพลิดเพลิน การเรียนรู้และทาความเข้าใจ บทเห่ บทร้องเล่นของเด็ก
เพลงพื้นบ้านท่ีเป็นภูมิปัญญาท่ีมีคุณค่าของไทย ซึ่งได้ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ค่านิยม ขนบธรรมเนียม
ประเพณี เร่ืองราวของสังคมในอดีต และความงดงามของภาษา เพื่อให้เกิดความซาบซึ้งและภูมิใจ
ในบรรพบรุ ษุ ทไี่ ด้สัง่ สมสบื ทอดมาจนถงึ ปัจจุบนั
๔. สาระการเรียนรู้

อ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว บทร้อยกรอง จับใจความสาคัญ สรุปความและอธิบายรายละเอียด
จากเรื่องที่อ่าน พร้อมท้ังเขียนผังความคิด จาแนกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น เขียนส่ือสารในรูปแบบต่าง ๆ
เขียนเรียงความ เขียนย่อความ การพูดในโอกาสต่าง ๆ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ด้วยภาษาที่ถูกต้องเหมาะสม
อธิบายธรรมชาติของภาษา หลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา หลักการสร้างคา ระดับภาษา
การใช้คาราชาศัพท์ ภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ภาษาถ่ิน แสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดี
วรรณกรรมไทย ท่องจาบทร้อยกรองที่มีคุณค่า โดยปลูกฝังการมีมารยาทการฟัง การดู การพูด การอ่าน
และการเขียนโดยใช้กระบวนการกลุ่ม กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการสร้างความคิดรวบยอด
กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ กระบวนการสร้างเจตคติ
กระบวนการเรียนรู้และความเข้าใจ สามารถนาเสนอสิ่งที่เรียนรู้ เห็นคุณค่าของการนาความรู้
ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวัน มีคุณธรรมจรยิ ธรรมทเ่ี หมาะสม

รายวชิ า ภาษาไทย คาอธิบายรายวิชาพืน้ ฐาน ๘
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๕
รหสั วชิ า ท ๓๒๑๐๑ เวลา ๔๐ ชั่วโมง
ภาคเรียนที่ ๑ ๑ หน่วยกติ

อ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทร่าย ลิลิต ตีความ แปลความ ขยายความ วิเคราะห์ วิจารณ์
คาดคะเนเหตุการณ์ ประเมินค่าแสดงความคิดเห็น โต้แย้ง นาเสนอความคิดใหม่ ตอบคาถาม สังเคราะห์
ความรู้จากงานเขียนประเภทบทความ สารคดี บันเทิงคดี ข่าวสารจากส่ิงพิมพ์ วรรณคดีในบทเรียน
และมีมารยาทในการอ่าน เขียนส่ือสารในรูปแบบต่าง ๆ คือ เขียนอธิบาย บรรยาย พรรณนา เขียนเรียงความ
เขียนสารคดี เขียนรายงานเชิงวิชาการ เขียนอ้างอิงสารสนเทศ ประเมินคุณค่างานเขียนในด้านแนวคิด
ของผู้เขียน การใช้ถ้อยคา การเรียบเรียงสานวนโวหาร กลวิธีการเขียน เพ่ือเรียบเรียงภาษาได้อย่างถูกต้อง
มีข้อมลู และสาระสาคญั อย่างชัดเจน

เพ่ือใช้ฝึกการพูดสรุปแนวคิดและการแสดงความคิดเห็น จากเรื่องท่ีฟังและดู วิเคราะห์แนวคิด
การใช้ภาษาและความน่าเช่ือถือ เลือกเร่ืองที่ฟังและดูอย่างมีวิจารญาณ ประเมินเรื่องเพื่อกาหนดแนวทาง
นาไปประยุกต์ใช้ในการพูดโน้มน้าวใจ และมีมารยาทในการฟัง การดู และการพูดสามารถใช้กลวิธีการเขียน
พฒั นางานเขยี นของตนเองและมีมารยาทในการเขยี น อธิบายลกั ษณะของภาษา แต่งบทร้อยกรองประเภทร่าย
วิเคราะห์และประเมินการใชภ้ าษาจากสื่อส่ิงพิมพ์ และสอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์

โดยใช้กระบวนการในการวิเคราะห์วิจารณ์ และสังเคราะห์จุดมุ่งหมาย รูปแบบ เนื้อหา กลวิธี
ลักษณะเด่นของวรรณคดีและวรรณกรรมเบื้องต้น มีการประเมินค่า เชื่อมโยงกับการเรียนรูท้ างประวัติศาสตร์
และวิถชี วี ิตของสงั คมในอดตี มกี ารทอ่ งจาบทอาขยานและบทร้อยกรองทีม่ ีคณุ ค่า
รหสั ตัวชี้วดั
ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑, ม.๔-๖/๒, ม.๔-๖/๓, ม.๔-๖/๕
ท ๒.๑ ม.๔-๖/๑, ม.๔-๖/๒, ม.๔-๖/๓, ม.๔-๖/๔, ม.๔-๖/๕, ม.๔-๖/๖, ม.๔-๖/๗
ท ๓.๑ ม.๔-๖/๑, ม.๔-๖/๒, ม.๔-๖/๓, ม.๔-๖/๔, ม.๔-๖/๕
ท ๔.๑ ม.๔-๖/๑, ม.๔-๖/๓, ม.๔-๖/๖
ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑, ม.๔-๖/๒, ม.๔-๖/๔, ม.๔-๖/๖
รวมทั้งหมด ๒๓ ตวั ช้ีวดั

รายวชิ า ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวิชาพ้นื ฐาน ๙
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๕
รหัสวิชา ท ๓๒๑๐๒ เวลา ๔๐ ช่วั โมง
ภาคเรียนที่ ๒ ๑ หนว่ ยกิต

ฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว ประเภทบทความ นวนิยาย ความเรียง ตีความ แปลความ ขยายความ
วเิ คราะห์ วิจารณ์ คาดคะเนเหตุการณ์ ประเมินคา่ แสดงความคดิ เห็น โตแ้ ย้ง นาเสนอความคิดใหม่ ตอบคาถาม
สังเคราะห์ความรู้จากงานเขียนประเภทพระบรมราโชวาท วรรณกรรมพ้ืนบ้าน วรรณคดีในบทเรียน
และมีมารยาทในการอ่านเขียนสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ คือ เขียนรายงานการประชุม เขียนย่อความ
บทความทางวิชาการวรรณกรรมพื้นบ้าน ประเมินคุณค่างานเขียนในด้านแนวคิดของผู้เขียน การใช้ถ้อยคา
การเรียบเรียง สานวนโวหาร กลวิธีการเขียน เพ่ือเรียบเรียงภาษาได้อย่างถูกต้องมีข้อมูล และสาระสาคัญ
อย่างชัดเจน เพ่ือใช้ฝึกการพูดสรุปแนวคิดและการแสดงความคิดเห็น จากเร่ืองที่ฟังและดู วิเคราะห์แนวคิด
การใช้ภาษาและความน่าเช่ือถือ เลือกเรื่องท่ีฟังและดูอย่างมีวิจารญาณ ประเมินเรื่องเพื่อกาหนดแนวทาง
นาไปประยุกต์ใช้ในการพูดต่อท่ีชุมชน และมีมารยาทในการฟัง การดู และการพูดสามารถใช้กลวิธีการเขียน
พัฒนางานเขียนของตนเองและมีมารยาทในการเขียน ใช้คาและกลุ่มคาสร้างประโยค คือ คาและสานวน
การเรยี บเรยี งประโยค วเิ คราะห์และประเมนิ การใชภ้ าษาจากสอ่ื สงิ่ พมิ พ์ และสือ่ อิเล็กทรอนิกส์

โดยใช้กระบวนการในการวิเคราะห์วิจารณ์และสังเคราะห์จุดมุ่งหมาย รูปแบบ เน้ือหา กลวิธี
ลักษณะเด่นของวรรณคดีและวรรณกรรมเบื้องต้น มีการประเมินค่า เช่ือมโยงกับการเรียนรทู้ างประวัติศาสตร์
และวิถีชีวิตของสังคมในอดีต รวบรวมวรรณกรรมพื้นบ้านท่ีแสดงถึง ภาษากับวัฒนธรรม และภาษาถิ่น
มกี ารทอ่ งจาบทอาขยานและบทรอ้ ยกรองที่มีคณุ ค่า
รหสั ตัวช้ีวดั
ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑, ม.๔-๖/๒, ม.๔-๖/๖, ม.๔-๖/๗, ม.๔-๖/๘
ท ๒.๑ ม.๔-๖/๑, ม.๔-๖/๕, ม.๔-๖/๗
ท ๓.๑ ม.๔-๖/๑, ม.๔-๖/๓

ท ๔.๑ ม.๔-๖/๒, ม.๔-๖/๔, ม.๔-๖/๕, ม.๔-๖/๗

ท ๕.๑ ม.๔-๖/๒, ม.๔-๖/๓, ม.๔-๖/๔, ม.๔-๖/๖
รวมทั้งหมด ๑๘ ตัวชี้วัด

๑๐

โครงสรา้ งรายวิชา

รายวิชาภาษาไทย รหสั วิชา ท ๓๒๑๐๑ กล่มุ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย

ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๕ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ จานวน ๔๐ ชั่วโมง/ ๑ หนว่ ยกิต

หนว่ ยท่ี ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ เวลา (ช่ัวโมง)
เรียนร/ู้ ตัวชีว้ ดั

๑ มหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑ์มัทรี ๘

๑.๑ การอา่ นออกเสียงร้อยแก้ว ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ ๑

๑.๒ การอ่านออกเสยี งบทร้อยกรอง ๒

๑.๓ การทอ่ งจาบทอาขยานและบทร้อยกรอง ท ๕.๑ ม.๔-๖/๖ ๒

๑.๔ การอา่ นจบั ใจความสาคัญ แปลความ ท ๑.๑ ม.๔-๖/๒ ๓

และอธบิ ายรายละเอยี ดจากเร่ือง ท ๑.๑ ม.๔-๖/๕

ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑

๒ คมั ภีร์ฉันทศาสตร์ แพทยศาสตร์สงเคราะห์ ๑๐

๒.๑ การอ่านจบั ใจความจากวรรณคดีในบทเรยี น ท ๑.๑ ม.๔-๖/๒ ๑

๒.๒ วรรณคดแี ละวรรณกรรมเก่ยี วกบั ศาสนา ประเพณี ท ๑.๑ ม.๔-๖/๓ ๒

พธิ ีกรรม สภุ าษิต คาสอน เหตกุ ารณป์ ระวตั ิศาสตร์

บนั เทงิ คดี บนั ทึกการเดนิ ทาง

๒.๓ การวเิ คราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดี ท ๕.๑ ม.๔-๖/๒ ๒

๒.๔ การเขียนในรปู แบบต่าง ๆ ท ๒.๑ ม.๔-๖/๔ ๕

ท ๒.๑ ม.๔-๖/๑

ท ๒.๑ ม.๔-๖/๕

ท ๒.๑ ม.๔-๖/๗

๓ โคลนตดิ ล้อ ตอน ความนยิ มเปน็ เสมยี น ๑๐

๓.๑ การวิจารณ์ แสดงความคิดเห็นโตแ้ ย้งจากเรอื่ งที่อ่าน ท ๑.๑ ม.๔-๖/๕ ๑

๓.๒ การเขียนเรยี งความและการเขียนยอ่ ความ ท ๒.๑ ม.๔-๖/๒ ๓

ท ๒.๑ ม.๔-๖/๓

๓.๓ การพูดโตว้ าที ท ๓.๑ ม.๔-๖/๕ ๒

๓.๔ การสงั เคราะหว์ รรณคดแี ละวรรณกรรม ท ๕.๑ ม.๔-๖/๔ ๔

๑๑

หน่วยท่ี ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ เวลา (ช่ัวโมง)
เรยี นร้/ู ตวั ชีว้ ดั ๑๐
๔ หลกั ภาษาไทย ๑ ๔
๔.๑ การเขียนและนาเสนอรายงานเชงิ วิชาการ ท ๒.๑ ม.๔-๖/๖
ท ๓.๑ ม.๔-๖/๑ ๒
๔.๒ ธรรมชาติและพลังของภาษา ท ๓.๑ ม.๔-๖/๒ ๒
๔.๓ ระดับภาษาและคาราชาศัพท์ ท ๓.๑ ม.๔-๖/๓ ๒
๔.๔ หลกั การสร้างคาในภาษาไทย ท ๓.๑ ม.๔-๖/๔ ๑
ท ๔.๑ ม.๔-๖/๑ ๑
สอบกลางภาค ท ๔.๑ ม.๔-๖/๓ ๔๐
สอบปลายภาค ท ๔.๑ ม.๔-๖/๖

รวม

๑๒

โครงสรา้ งรายวิชา

รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท ๓๒๑๐๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย

ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง/ ๑ หน่วยกติ

หนว่ ยที่ ช่อื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ เวลา (ช่ัวโมง)
เรยี นร/ู้ ตัวช้วี ดั

๕ ลิลิตตะเลงพา่ ย ๑๘

๕.๑ การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ ๒

๕.๒ การท่องจาบทอาขยาน ท ๕.๑ ม.๔-๖/๖ ๒

๕.๓ การอ่านจับใจความจากสือ่ ตา่ ง ๆ ท ๑.๑ ม.๔-๖/๖ ๓

ท ๑.๑ ม.๔-๖/๗

ท ๑.๑ ม.๔-๖/๘

๕.๔ การวิเคราะห์และประเมินคุณคา่ วรรณคดี ท ๕.๑ ม.๔-๖/๔ ๔

และวรรณกรรม

๕.๕ การเขียนส่ือสารในรปู แบบต่าง ๆ ท ๒.๑ ม.๔-๖/๑ ๔

ท ๒.๑ ม.๔-๖/๕

๕.๖ การพดู สรปุ แนวคิด และการแสดงความคิดเห็น ท ๓.๑ ม.๔-๖/๑ ๓

จากเรือ่ งทฟี่ ังและดู ท ๓.๑ ม.๔-๖/๓

๖ มัทนะพาธา ๑๐

๖.๑ การอ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ ๑

๖.๒ การอา่ นจับใจความจากวรรณคดใี นบทเรยี น ท ๑.๑ ม.๔-๖/๒ ๓

๖.๓ การวิเคราะห์ สงั เคราะห์ และประเมินคุณค่า ท ๒.๑ ม.๔-๖/๗ ๔

วรรณคดีและวรรณกรรม ท ๕.๑ ม.๔-๖/๓

ท ๕.๑ ม.๔-๖/๔

๖.๔ การวิเคราะหล์ ักษณะเด่นของวรรณคดี ท ๕.๑ ม.๔-๖/๒ ๒

๗ หลักภาษาไทย ๒ ๑๐

๗.๑ การใช้คาและกลุ่มคาสรา้ งประโยค ท ๔.๑ ม.๔-๖/๒ ๓

๗.๒ ภาษาต่างประเทศในภาษาไทยและการประเมนิ ส่ือ ท ๔.๑ ม.๔-๖/๕ ๕

ท ๔.๑ ม.๔-๖/๗

๗.๓ การแตง่ บทรอ้ ยกรอง ท ๔.๑ ม.๔-๖/๔ ๒

สอบกลางภาค ๑

สอบปลายภาค ๑

รวม ๔๐

๑๓

ตารางวิเคราะหส์ าระ มาตรฐานรายปี

มาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี ๑ การอา่ น สาระที่ ๒ การ สาระที่ ๓ สาระท่ี ๔ สาระที่ ๕
ตัวชว้ี ัดชีน้ ปี เขยี น การฟงั การดู หลักการ วรรณคดแี ละ
สาระการเรยี นรู้ และการพูด ใช้ภาษาไทย วรรณกรรม

หนว่ ยที่ ๑ มหาเวสสนั ดรชาดก มฐ. ท ๑.๑ มฐ. ท ๒.๑ มฐ. ท ๓.๑ มฐ. ท ๔.๑ มฐ. ท ๕.๑
กณั ฑ์มทั รี
หน่วยท่ี ๒ คมั ภรี ฉ์ ันทศาสตร์ ๑๒๓๔๕๖๗๘๙๑๒๓๔๕๖๗๘๑๒๓๔๕๖๑๒๓๔๕๖๗๑๒๓๔๕๖
แพทยศาสตรส์ งเคราะห์
หน่วยท่ี ๓ โคลนตดิ ลอ้ √√ √ √√
ตอน ความนิยมเปน็ เสมียน
หนว่ ยท่ี ๔ หลักภาษาไทย ๑ √√ √ √√ √ √
หนว่ ยท่ี ๕ ลิลติ ตะเลงพ่าย
หนว่ ยที่ ๖ มทั นะพาธา √ √√ √ √
หนว่ ยที่ ๗ หลักภาษาไทย ๒
√ √√√√ √√ √√

√ √√√ √ √ √ √ √√

√√ √ √√√

√ √√ √

๑๔

๑๕

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๑ ชอ่ื การอา่ นออกเสยี งร้อยแก้วและบทอาขยาน

เรอ่ื ง บทอาขยาน เวลาสอน ๕๐ นาที

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย วชิ า ภาษาไทยพ้นื ฐาน รหัสวิชา ท ๓๒๑๐๑
ปีการศึกษา ๒๕๖๔
ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๕ ภาคเรยี นที่ ๑

ผสู้ อน นางสาววศติ า ดาราแสง

๑. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิด เพื่อนาไปใช้ตัดสินใจแก้ปัญหา

ในการดาเนนิ ชวี ติ และมีนสิ ยั รักการอ่าน
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า

และนามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจรงิ
๒. ตวั ชีว้ ัด

ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว และบทร้อยกรองได้อย่างถูกต้องไพเราะ และเหมาะสม
กับเรอ่ื งทอ่ี า่ น

ท ๕.๑ ม.๔-๖/๖ ท่องจาและบอกคุณค่าบทอาขยานตามที่กาหนด และบทร้อยกรองท่ีมีคุณค่า
ตามความสนใจและนาไปใชอ้ ้างอิง
๓. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

การอ่านเป็นทักษะการสื่อสารพื้นฐานของมนุษย์ การอ่านออกเสียงเป็นการรับรู้ข้อมูล เน้ือหาต่าง ๆ
จากสิ่งท่ีอ่าน อย่างไรก็ดีการอ่านออกเสียงร้อยแก้วและบทอาขยาน จะช่วยให้ผู้เรียนได้เข้าใจเร่ืองที่อ่าน อีกทั้ง
ได้ใช้ความรู้ทางภาษาช่วยในการอ่านออกเสียง การแบ่งวรรคตอน ดังน้ันผู้เรียนจึงจาเป็นต้องเรียนรู้ ฝึกฝนทักษะ
การอา่ นออกเสียงและท่องจาบทอาขยานใหช้ านาญ เพือ่ จะเปน็ ประโยชน์ในการศึกษาขั้นสงู ในลาดับต่อไป
๔. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ความรู้ (K)
นักเรยี นอธิบายหลักการอา่ นออกเสียงร้อยแกว้ ไดถ้ ูกตอ้ ง
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
นักเรียนอา่ นออกเสยี งบทอาขยาน เร่ือง “มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มทั รี” ไดถ้ กู ต้อง
คุณธรรม จริยธรรมและค่านิยม (A)
นกั เรียนใฝเ่ รียนรู้และรว่ มกิจกรรมในชั้นเรยี น

๑๖

๕. คุณลักษณะอันพึงประสงค์

๑. ใฝเ่ รียนรู้

๒. มุ่งม่ันในการทางาน

๖. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น

๑. ความสามารถในการสื่อสาร

๒. ความสามารถในการคิด

๓. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

๗. ด้านคณุ ลักษณะของผเู้ รยี นตามหลักสตู รมาตรฐานสากล

 เป็นเลิศทางวิชาการ  ส่อื สารสองภาษา  ล้าหน้าทางความคิด

 ผลิตงานอย่างสร้างสรรค์  ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลก

๘. สอดคลอ้ งกบั คา่ นิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ

๑. ใฝ่หาความรู้ หมัน่ ศกึ ษาเล่าเรียน

๒. รักษาวฒั นธรรม ประเพณีไทย

๙. สาระการเรียนรู้

บทอาขยานหลกั (เร่อื ง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑม์ ัทรี)

๑๐. ภาระงาน/ชน้ิ งานทีแ่ สดงผลการเรียนรู้

-

๑๑. กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขั้นนา

๑. ครูจดุ ประกายความคิดให้กับนักเรียนดว้ ยการใชค้ าถามใหน้ กั เรียนร่วมกันตอบ

ตัวอยา่ งคาถาม - ทกั ษะการสือ่ สารในภาษาไทยมอี ะไรบา้ ง ?

- นกั เรยี นคดิ วา่ การอา่ นสาคญั หรือไม่ เพราะอะไร ?

- ในระดบั ชนั้ ทีผ่ ่านมานักเรียนเคยทอ่ งจาบทอาขยานอะไรมาบา้ ง ?

ขัน้ สอน

๒. นักเรยี นและครูร่วมกันอภิปรายเรือ่ ง “หลักการอา่ นออกเสียงรอ้ ยแกว้ และบทอาขยาน”

๓. นักเรยี นนาหนงั สือเรยี นวิชาภาษาไทย วรรณคดีวจิ ักษ์ ม.๕ ขนึ้ มาเปิดหนา้ ๓๑ บรรทดั ที่ ๑๒

๔. นักเรียนและครรู ่วมกนั แบ่งวรรคตอนเน้อื หาในการบทอาขยาน

๕. ครูอา่ นออกเสยี งบทอาขยานแบบปกติ แล้วให้นกั เรยี นอา่ นออกเสยี งตาม ๑ รอบ

๖. นักเรียนและครรู ว่ มกันอ่านออกเสียงบทอาขยานแบบปกติพร้อมกนั

ขนั้ สรปุ

๗. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั สรุปความร้เู รอื่ ง “หลกั การอ่านออกเสยี งร้อยแกว้ และบทอาขยาน”

๑๗

๑๒. สื่อการเรยี นรู้และแหลง่ เรยี นรู้
๑. โปรแกรมนาเสนอภาพนง่ิ เรอื่ ง หลักการอา่ นออกเสยี งร้อยแกว้ และบทอาขยาน

ตัวอยา่ งสือ่

๒. หนังสือเรียนวิชาภาษาไทย วรรณคดวี ิจักษ์ ม.๕

๑๘

๑๓. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้

ประเดน็ การพจิ ารณา วิธกี าร เครื่องมอื เกณฑ์การประเมนิ
แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพพอใช้ขน้ึ ไป
ความรู้ (K) การรว่ มกจิ กรรมใน รายบคุ คล ระดบั คุณภาพพอใช้ข้ึนไป

นกั เรียนอธิบายหลกั การอ่าน ชัน้ เรียน แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพพอใช้ขนึ้ ไป
รายบุคคล
ออกเสียงรอ้ ยแกว้ ได้ถกู ต้อง
แบบสังเกตพฤติกรรม
ทักษะ/กระบวนการ (P) การรว่ มกจิ กรรมใน รายบคุ คล

นักเรยี นอ่านออกเสียงบท ชนั้ เรยี น

อาขยาน เร่ือง “มหาเวสสนั ดร

ชาดก กณั ฑ์มทั รี” ไดถ้ ูกต้อง

คณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ การสงั เกตพฤติกรรม

คา่ นิยม (A) รายบุคคล

นักเรียนใฝ่เรียนรูแ้ ละร่วม

กิจกรรมในช้นั เรียน

๑๙

ประเด็นการพิจารณา วิธกี าร เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ การสังเกตพฤติกรรม
รายบุคคล แบบประเมินคณุ ลักษณะ ระดับคุณภาพพอใช้ข้นึ ไป
๑. ใฝ่เรียนรู้
การสงั เกตพฤติกรรม อนั พงึ ประสงค์ของผู้เรียน
๒. มุ่งมัน่ ในการทางาน รายบุคคล
สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น แบบประเมนิ สมรรถนะ ระดบั คุณภาพพอใช้ขน้ึ ไป
การสงั เกตพฤติกรรม สาคญั ของผเู้ รยี น
๑.ความสามารถในการส่ือสาร รายบคุ คล
แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพพอใช้ขน้ึ ไป
๒.ความสามารถในการคิด การสังเกตพฤติกรรม รายบคุ คล ระดบั คุณภาพพอใช้ข้นึ ไป
รายบุคคล
๓.ความสามารถในการใช้ แบบสงั เกตพฤติกรรม
รายบุคคล
เทคโนโลยี
คุณลักษณะของผเู้ รียนตาม
หลักสตู รมาตรฐานสากล
เป็นเลิศทางวิชาการ
คา่ นิยมหลกั ของคนไทย ๑๒
ประการ
๑.ใฝ่หาความรู้ หม่นั ศกึ ษา
เล่าเรยี น
๒. รกั ษาวัฒนธรรม
ประเพณไี ทย

๒๐

เกณฑ์การประเมนิ การสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล

เกณฑก์ ารประเมิน ดมี าก (๓) ระดับคะแนน ควรปรบั ปรงุ (๐)
ดี (๒) พอใช้ (๑)

๑. ความตงั้ ใจใน ตง้ั ใจและมสี มาธใิ น ตง้ั ใจเรยี นดี อาจมี ตัง้ ใจเรยี น แต่ ไม่ตง้ั ใจเรียน

การเรยี น การเรยี นตลอดเวลา มี บางครง้ั ท่สี นใจส่ิงอน่ื บ่อยคร้งั ที่สนใจสิ่งอนื่

การถามตอบกับ ท่ไี มเ่ ออื้ ประโยชน์ตอ่ ท่ไี มเ่ อื้อประโยชนต์ อ่

ครผู ู้สอน การเรยี น มีการถาม การเรียน ไม่มีการถาม

ตอบกบั ครูผสู้ อนบา้ ง ตอบกบั ครูผู้สอน

๒. การตอบคาถาม ใหค้ วามรว่ มมือ แสดง ใหค้ วามรว่ มมือ แสดง ให้ความร่วมมือ แสดง ไมแ่ สดงความสนใจ

ในชน้ั เรียน ความสนใจ มกี ารถาม ความสนใจ มกี ารถาม ความสนใจ มกี ารถาม ไม่มีการถามตอบหรือ

ตอบหรือแลกเปลี่ยน ตอบหรอื แลกเปลยี่ น ตอบหรอื แลกเปลี่ยน แลกเปลีย่ นความคิด

ความคดิ ภายในชน้ั ความคิดภายในชน้ั ความคิดภายในชน้ั ภายในชนั้ เรียน

เรียนอย่างสมา่ เสมอ เรียนอย่างบ่อยคร้ัง เรียนบา้ ง

๓. การให้ความ ใหค้ วามร่วมมือในการ ให้ความร่วมมือในการ ให้ความร่วมมือในการ ไมใ่ ห้ความรว่ มมือใน

รว่ มมอื ในการทา ทากจิ กรรมอยา่ งดที กุ ทากิจกรรมแต่ขาด ทากจิ กรรมแต่ขาด การทากจิ กรรมเลย

กิจกรรม ครัง้ ด้วยความเต็มใจ ความกระตอื รือรน้ เต็มใจ ตอ้ งมกี ารย้า

และมคี วาม เตอื นมากกว่า ๓ คร้ัง

กระตือรือร้น

๔. การเขา้ ชนั้ เรยี น เขา้ ชั้นเรียน ไม่เข้าชน้ั เรียน

เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

คะแนน ผลการประเมิน

๙ - ๑๐ ดีมาก

๗ - ๘ ดี

๕ - ๖ พอใช้

๐ - ๔ ควรปรบั ปรุง

(*เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ ผล ตอ้ งไดผ้ ลการประเมนิ ระดับพอใชข้ ึน้ ไป)

๒๑

แบบประเมินการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล

ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๕/…..

ลาดับ ชือ่ -นามสกุล เกณฑ์การใหค้ ะแนน รวม ผลการ
ข้อ ๑ ขอ้ ๒ ข้อ ๓ ขอ้ ๔ (๑๐) ประเมนิ
(๓) (๓) (๓) (๑)

ลงชอื่ ......................................................ผปู้ ระเมนิ
(นางสาววศติ า ดาราแสง)

……………/……………/……………

๒๒

แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคข์ องผเู้ รยี น

ช่อื -นามสกุล..................................................................ช้ัน........................เลขท่ี........................

คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ตัวช้ีวัด ระดับคะแนน
๓๒๑๐

ใฝ่เรียนรู้ ตงั้ ใจ เพียรพยายามในการเรียน และเขา้ รว่ ม
มงุ่ มน่ั ในการทางาน กิจกรรมการเรยี นรู้

ตั้งใจและรับผดิ ชอบในการปฏิบัติหนา้ ทกี่ ารงาน
ทางานด้วยความเพยี รพยายาม และอดทนเพ่อื ให้
งานสาเรจ็ ตามเปา้ หมาย

ลงชือ่ ......................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาววศติ า ดาราแสง)

……………/……………/……………

เกณฑก์ ารประเมินผล ให้ ๓ คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ๒ คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ ๑ คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ ๐ คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ หรือไม่เคยปฏิบัติเลย

๒๓

แบบประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน

ชอ่ื -นามสกุล..................................................................ชน้ั ........................เลขท.่ี .......................

คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ตวั ชวี้ ดั ระดับคะแนน
๓๒๑๐

ความสามารถในการส่อื สาร มีความสามารถในการรับ – สง่ สาร
มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด
ความสามารถในการคิด ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใชภ้ าษาอยา่ งเหมาะสม
ความสามารถในการใช้ ใช้วิธีการสือ่ สารทีเ่ หมาะสม
เทคโนโลยี วิเคราะห์แสดงความคิดเหน็ อยา่ งมเี หตุผล
มีความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ สงั เคราะห์
มีความสามารถในการคดิ อย่างมรี ะบบ
มีความสามารถในการเลอื กและใชเ้ ทคโนโลยี
มีทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี

ลงช่อื ......................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาววศิตา ดาราแสง)

……………/……………/……………

เกณฑก์ ารประเมินผล ให้ ๓ คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ ๒ คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ให้ ๑ คะแนน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ ๐ คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้งหรือไม่เคยปฏิบตั เิ ลย

๒๔

๒๕

ตารางวเิ คราะห์หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงของแผนการจัดการเรยี นรู้

เรือ่ ง บทอาขยาน

๑. ผ้สู อนนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาใชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ดงั น้ี

หลักพอเพียง พอประมาณ มเี หตผุ ล มภี มู คิ ุ้มกันในตัวทดี่ ี
ประเด็น

เนอ้ื หา กาหนดเนอื้ หาไดส้ อดคลอ้ งกบั นักเรยี นไดเ้ รยี นรตู้ รงตาม ลาดบั เนอ้ื หาจากง่ายไปยาก

มาตรฐาน ตวั ชวี้ ัด และ มาตรฐาน ตวั ชีว้ ัด และครบถ้วน เพอ่ื ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจงา่ ย เกดิ

เหมาะสมกับเวลา วัย และ บรรลุตามเปา้ หมาย การใฝ่เรียนรู้ และเตรียม

ความสามารถของนกั เรยี น เนื้อหาใหค้ รอบคลุมตาม

มาตรฐานและตวั ชีว้ ัดตรงตาม

หลักสูตร

เวลา กาหนดเวลาไดเ้ หมาะสมกบั เพอ่ื ให้จัดกจิ กรรมการเรยี นรไู้ ด้ กาหนดเวลาไวส้ ารองในกรณที ี่

เน้อื หาและกจิ กรรมการเรียนรู้ ครบถว้ นตามทก่ี าหนด ตรงตาม บางกิจกรรมอาจจะใชเ้ วลา

โครงสร้างหลกั สตู ร มากกวา่ ทกี่ าหนด

วิธีการจัดกจิ กรรม ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ เพอ่ื ให้นกั เรียนไดม้ คี วามรู้ตาม มแี นวทางในการพัฒนา
แหล่งเรยี นรู้ เหมาะสมกับนกั เรียนตามบริบท มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และจดั ปรับปรงุ การเรียนการสอนใน
สือ่ /อปุ กรณ์ ท่แี ตกตา่ งให้บรรลวุ ัตถุประสงค์ กิจกรรมการเรยี นรไู้ ดเ้ หมาะสม ครงั้ ต่อไป
การประเมินผล กับนักเรียน
เลอื กแหลง่ เรยี นรทู้ ่เี ข้าใจง่าย มีความพรอ้ มในการจดั การ
เหมาะสมกบั เนื้อหาและความ ส่งเสริมการใชแ้ หล่งเรียนรู้ใน เรียนการสอน และเปน็ ไปตาม
สนใจของนักเรยี น หอ้ งเรียนและนอกห้องเรยี น แผนทว่ี างไว้
เพ่ือให้นกั เรยี นเข้าใจเนอื้ หาได้
เลือกสือ่ ทเี่ หมาะสมกบั เนอื้ หา ดีขึ้น เตรียมสื่อหรืออุปกรณ์ให้
กิจกรรมการเรยี นการสอน และ ใชส้ ่ือเพ่ือกระตนุ้ ความสนใจของ เหมาะสมกับวัยของผ้เู รยี น
ความสนในของนักเรยี น ผเู้ รยี น และให้เขา้ ใจบทเรยี นได้ เพื่อช่วยสรา้ งความรู้และความ
ง่ายขึน้ เข้าใจมากขน้ึ
ออกแบบการวัดและประเมินผล มวี ิธีการวดั ทห่ี ลากหลาย
ไดเ้ หมาะสมกบั ตวั ชวี้ ดั เนอื้ หา ประเมนิ นกั เรียนตรงตามสภาพ เที่ยงตรง มีความเช่ือม่ันตรง
เวลา และวยั ของนกั เรยี น จริงดว้ ยวิธกี ารทหี่ ลากหลายและ ตามจุดประสงค์
เหมาะสมตรงตัวชวี้ ดั

ความรูท้ ี่ครจู าเปน็ ตอ้ งมี ความรเู้ ร่อื งการอา่ นออกเสียงรอ้ ยแกว้ และบทอาขยาน
การจดั การเรยี นรทู้ ีเ่ นน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคญั และการวดั ประเมินผล

คณุ ธรรมของครู มีความรักเมตตาศิษย์ มีความรับผิดชอบ มีความยตุ ิธรรม มีความอดทน

๒๖

๑. ผลที่เกิดกบั ผเู้ รียนสอดคล้องกับหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงจากการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

๑.๑ ผู้เรียนได้เรยี นรหู้ ลักคิดและฝึกปฏบิ ัตติ ามหลกั ๓ ห่วง ๒ เง่ือนไข ดังนี้

พอประมาณ มเี หตุผล มภี มู คิ ุม้ กนั ในตวั ทดี่ ี

๑.นกั เรยี นใช้เวลาใน ๑. นักเรยี นตระหนกั ถึง ๑. รู้จกั การวางแผนใน

กิจกรรมการเรียนร้ไู ด้ ความสาคญั ของกิจกรรม การทางาน

เหมาะสมตามลาดบั การเรยี นรู้ ๒. รูค้ ณุ คา่ และ

ขั้นตอน และมี ๒. นกั เรียนตระหนกั ถงึ ความสาคัญของ

หลักพอเพียง ประสทิ ธภิ าพ คณุ คา่ ของภาษาและ ภาษาไทย รวมถึง

๒. นกั เรยี นเลือกศึกษา วฒั นธรรมไทย และการ วัฒนธรรมทางภาษา

จากแหล่งเรียนรู้ได้อย่าง ใชภ้ าษาเพ่ือการสื่อสาร

คมุ้ ค่า ๓. นกั เรียนมคี วามรู้ และ

เกิดความเขา้ ใจในคณุ คา่

ของภาษาไทย

ความรทู้ ่ีต้องมีก่อนเรียน ความรู้ทว่ั ไปเกี่ยวกับหลักการอา่ น

คุณธรรมของผูเ้ รยี น ความต้ังใจใฝ่เรียนรู้ ความมุ่งมน่ั ในการทางาน ความรบั ผดิ ชอบและระเบยี บวนิ ยั

๑.๒ ผเู้ รียนไดเ้ รียนร้กู ารใช้ชีวติ ท่ีสมดลุ และพรอ้ มรับการเปลย่ี นแปลงใน ๔ มิติ ตามหลกั ปรชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพยี ง ดังน้ี

ด้าน สมดุลและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในดา้ นตา่ ง ๆ

องค์ประกอบ วตั ถุ สงั คม ส่ิงแวดล้อม วัฒนธรรม
ความรู้
มีความรู้และเข้าใจ เข้าใจบริบททาง เข้าใจบริบทอื่นท่ี เขา้ ใจบริบททาง
ทักษะ เนอื้ หาสาระวิชา สังคมที่เกย่ี วขอ้ ง ส่งผลตอ่ การใช้ วัฒนธรรมที่
และสามารถใชไ้ ด้ ภาษาไทย เก่ียวขอ้ งกับ
คา่ นิยม มีทกั ษะทาง อย่างถูกต้อง ภาษาไทย
ภาษาไทยอยา่ ง สามารถใชท้ กั ษะ สามารถปรับตัวให้ สามารถเขา้ ใจและ
รอบดา้ น ทางภาษาไทยใน เขา้ กับสง่ิ แวดล้อม ธารงภาษาไทยใน
การติดต่อกบั สงั คม ใหม่โดยใชภ้ าษา บรบิ ททาง
มีเจตคติท่ดี ีต่อ ได้ เปน็ เครอ่ื งมือได้ วฒั นธรรม
ภาษาไทยอันเป็น ตระหนักถึง ตระหนกั ถึงความ ตระหนกั และเหน็
ภาษาประจาชาติ ความสาคญั ของ เกี่ยวข้องระหวา่ ง คุณคา่ ของ
ภาษาไทยในฐานะ สิ่งแวดลอ้ มกบั วัฒนธรรมท่ี
สือ่ กลางของสงั คม ภาษาไทย เก่ียวกบั ภาษาไทย

๒๗

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๒

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๑ ชอื่ การอา่ นออกเสียงร้อยแก้วและบทอาขยาน

เรื่อง บทอาขยาน เวลาสอน ๕๐ นาที

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย วชิ า ภาษาไทยพืน้ ฐาน รหสั วิชา ท ๓๒๑๐๑
ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕ ภาคเรยี นท่ี ๑

ผ้สู อน นางสาววศติ า ดาราแสง

๑. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิด เพื่อนาไปใช้ตัดสินใจแก้ปัญหา

ในการดาเนนิ ชวี ติ และมนี สิ ัยรักการอ่าน
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า

และนามาประยุกต์ใช้ในชวี ติ จริง
๒. ตวั ชี้วัด

ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว และบทร้อยกรองได้อย่างถูกต้องไพเราะ และเหมาะสม
กับเรือ่ งท่อี ่าน

ท ๕.๑ ม.๔-๖/๖ ท่องจาและบอกคุณค่าบทอาขยานตามท่ีกาหนด และบทร้อยกรองท่ีมีคุณค่า
ตามความสนใจและนาไปใช้อ้างอิง
๓. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

การอ่านเป็นทักษะการสื่อสารพื้นฐานของมนุษย์ การอ่านออกเสียงเป็นการรับรู้ข้อมูล เนื้อหาต่าง ๆ
จากสิ่งท่ีอ่าน อย่างไรก็ดีการอ่านออกเสียงร้อยแก้วและบทอาขยาน จะช่วยให้ผู้เรียนได้เข้าใจเร่ืองท่ีอ่าน อีกทั้ง
ได้ใช้ความรู้ทางภาษาช่วยในการอ่านออกเสียง การแบ่งวรรคตอน ดังน้ันผู้เรียนจึงจาเป็นต้องเรียนรู้ ฝึกฝนทักษะ
การอ่านออกเสยี งและท่องจาบทอาขยานใหช้ านาญ เพอื่ จะเปน็ ประโยชน์ในการศึกษาข้ันสงู ในลาดับต่อไป
๔. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

ความรู้ (K)
นกั เรยี นบอกแนวคิดสาคัญของบทอาขยาน เรอ่ื ง “มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑ์มทั รี” ไดถ้ ูกต้อง
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
นักเรยี นทอ่ งบทอาขยาน เร่อื ง “มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ัทรี” ไดถ้ กู ตอ้ ง
คุณธรรม จริยธรรมและค่านยิ ม (A)
นักเรยี นใฝเ่ รียนรู้และร่วมกิจกรรมในชน้ั เรยี น

๒๘

๕. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

๑. ใฝ่เรยี นรู้

๒. มุง่ มนั่ ในการทางาน

๖. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน

๑. ความสามารถในการสื่อสาร

๒. ความสามารถในการคดิ

๓. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

๗. ด้านคณุ ลักษณะของผู้เรียนตามหลักสตู รมาตรฐานสากล

 เป็นเลิศทางวิชาการ  ส่ือสารสองภาษา  ลา้ หน้าทางความคิด

 ผลติ งานอยา่ งสรา้ งสรรค์  รว่ มกันรับผดิ ชอบต่อสังคมโลก

๘. สอดคลอ้ งกับค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ

๑. ใฝห่ าความรู้ หม่ันศกึ ษาเล่าเรยี น

๒. รักษาวัฒนธรรม ประเพณีไทย

๙. สาระการเรยี นรู้

บทอาขยานหลกั (เร่ือง มหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑม์ ทั รี)

๑๐. ภาระงาน/ช้ินงานทีแ่ สดงผลการเรียนรู้

ทอ่ งจาบทอาขยาน เรื่อง มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ัทรี

๑๑. กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขั้นนา

๑. นักเรียนนาหนังสอื เรยี นวชิ าภาษาไทย วรรณคดีวิจกั ษ์ ม.๕ ข้นึ มาเปดิ หนา้ ๓๑ บรรทดั ที่ ๑๒

๒. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันทบทวนการอา่ นออกเสยี งบทอาขยานแบบปกติพร้อมกนั ๑ รอบ

ขั้นสอน

๓. ครอู ่านออกเสยี งบทอาขยานทานองเสนาะ แลว้ ให้นกั เรยี นอ่านออกเสยี งตาม ๑ รอบ

๔. นักเรียนและครรู ว่ มกันอ่านออกเสียงบทอาขยานทานองเสนาะ

๕. นกั เรียนสอบทอ่ งบทอาขยานทานองเสนาะรายบุคคล

(เม่ือทอ่ งบทอาขยานเสร็จ นกั เรยี นตอ้ งตอบคาถามปากเปลา่ จากครู ๑ ข้อ)

๖. ครชู ี้แจงและนัดหมายแนวปฏบิ ตั ิการสอบท่องบทอาขยานทานองเสนาะนอกเวลาเรียน

ขน้ั สรปุ

๗. นักเรยี นและครูรว่ มกนั สรุปแนวคิดท่ีได้จากการอา่ นบทอาขยาน

๒๙

๑๒. สอื่ การเรียนรูแ้ ละแหล่งเรยี นรู้
๑. โปรแกรมนาเสนอภาพนิ่ง เรอื่ ง บทอาขยาน มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี

ตวั อยา่ งส่อื

๒. หนงั สือเรยี นวิชาภาษาไทย วรรณคดวี ิจกั ษ์ ม.๕

๓๐

๑๓. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้

ประเดน็ การพจิ ารณา วิธกี าร เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมนิ

ความรู้ (K) การรว่ มกิจกรรมใน แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพพอใช้ขน้ึ ไป

นกั เรยี นบอกแนวคดิ สาคัญ ช้ันเรยี น รายบุคคล

ของบทอาขยาน เร่ือง

“มหาเวสสนั ดรชาดก

กัณฑ์มัทร”ี ไดถ้ ูกตอ้ ง

ทักษะ/กระบวนการ (P) การรว่ มกจิ กรรมใน แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพพอใช้ข้ึนไป
รายบคุ คล
นักเรียนทอ่ งบทอาขยาน ชั้นเรยี น

เรื่อง “มหาเวสสนั ดรชาดก

กณั ฑ์มทั ร”ี ไดถ้ ูกตอ้ ง

คุณธรรม จริยธรรมและ การสงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพพอใช้ขนึ้ ไป
ค่านยิ ม (A)
นกั เรยี นใฝเ่ รียนรู้และรว่ ม รายบคุ คล รายบุคคล
กิจกรรมในช้ันเรียน

๓๑

ประเด็นการพิจารณา วิธกี าร เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ การสังเกตพฤติกรรม
รายบุคคล แบบประเมินคณุ ลักษณะ ระดับคุณภาพพอใช้ขน้ึ ไป
๑. ใฝ่เรียนรู้
๒. มุ่งมัน่ ในการทางาน การสงั เกตพฤติกรรม อนั พงึ ประสงค์ของผู้เรยี น
สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น รายบุคคล
แบบประเมนิ สมรรถนะ ระดบั คุณภาพพอใช้ขน้ึ ไป
๑.ความสามารถในการส่ือสาร การสงั เกตพฤติกรรม สาคญั ของผเู้ รยี น
๒.ความสามารถในการคิด รายบคุ คล
๓.ความสามารถในการใช้ แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพพอใช้ข้ึนไป
เทคโนโลยี การสังเกตพฤติกรรม รายบคุ คล ระดบั คุณภาพพอใช้ข้นึ ไป
คุณลักษณะของผเู้ รียนตาม รายบุคคล
หลักสตู รมาตรฐานสากล แบบสงั เกตพฤติกรรม
เป็นเลิศทางวิชาการ รายบุคคล
คา่ นิยมหลกั ของคนไทย ๑๒
ประการ
๑.ใฝ่หาความรู้ หม่นั ศกึ ษา
เล่าเรยี น
๒. รกั ษาวัฒนธรรม
ประเพณไี ทย

๓๒

แบบประเมินการอา่ นบทอาขยานทานองเสนาะ

ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕/………………

ลาดบั ช่ือ-นามสกุล เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน รวม ผลการ
ขอ้ ๑ ขอ้ ๒ ข้อ ๓ ข้อ ๔ (๑๒) ประเมนิ
(๓) (๓) (๓) (๓)

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน พจิ ารณาตามหัวขอ้ ดังน้ี เกณฑ์การประเมนิ ผล
ข้อ ๑) อา่ นออกเสียงถูกตอ้ งตามอักขรวิธี
ข้อ ๒) การแบง่ วรรคตอน คะแนน ผลการประเมิน
ข้อ ๓) อ่านออกเสยี งชัดเจน
ข้อ ๔) ความสอดคล้องของอารมณ์ ๑๐ - ๑๒ ดีมาก

๗ - ๙ ดี

๔ - ๖ พอใช้

๐ - ๓ ควรปรบั ปรุง

(*เกณฑ์ผ่านการประเมินผล ต้องไดผ้ ลการประเมินระดับพอใช้ข้ึนไป)

๓๓

เกณฑ์การประเมนิ การสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล

เกณฑก์ ารประเมิน ดมี าก (๓) ระดับคะแนน ควรปรบั ปรงุ (๐)
ดี (๒) พอใช้ (๑)

๑. ความตงั้ ใจใน ตง้ั ใจและมสี มาธใิ น ต้งั ใจเรยี นดี อาจมี ตัง้ ใจเรยี น แต่ ไม่ตง้ั ใจเรียน

การเรยี น การเรยี นตลอดเวลา มี บางครง้ั ทส่ี นใจสิ่งอน่ื บ่อยครั้งที่สนใจสิ่งอนื่

การถามตอบกับ ท่ไี มเ่ ออื้ ประโยชน์ตอ่ ท่ไี มเ่ อื้อประโยชนต์ อ่

ครผู ู้สอน การเรยี น มกี ารถาม การเรียน ไม่มีการถาม

ตอบกบั ครูผู้สอนบา้ ง ตอบกบั ครูผู้สอน

๒. การตอบคาถาม ใหค้ วามรว่ มมือ แสดง ใหค้ วามรว่ มมือ แสดง ให้ความร่วมมือ แสดง ไมแ่ สดงความสนใจ

ในชน้ั เรียน ความสนใจ มกี ารถาม ความสนใจ มกี ารถาม ความสนใจ มีการถาม ไม่มีการถามตอบหรือ

ตอบหรือแลกเปลี่ยน ตอบหรอื แลกเปลยี่ น ตอบหรอื แลกเปลี่ยน แลกเปลีย่ นความคิด

ความคดิ ภายในชน้ั ความคิดภายในชั้น ความคิดภายในชน้ั ภายในชนั้ เรียน

เรียนอย่างสมา่ เสมอ เรียนอย่างบ่อยคร้ัง เรียนบา้ ง

๓. การให้ความ ใหค้ วามร่วมมือในการ ให้ความรว่ มมือในการ ให้ความร่วมมือในการ ไมใ่ ห้ความรว่ มมือใน

รว่ มมอื ในการทา ทากจิ กรรมอยา่ งดที กุ ทากจิ กรรมแต่ขาด ทากจิ กรรมแต่ขาด การทากจิ กรรมเลย

กิจกรรม ครัง้ ด้วยความเต็มใจ ความกระตอื รือรน้ เต็มใจ ตอ้ งมีการย้า

และมคี วาม เตอื นมากกวา่ ๓ คร้ัง

กระตือรือร้น

๔. การเขา้ ชนั้ เรยี น เขา้ ชั้นเรียน ไม่เข้าชน้ั เรียน

เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

คะแนน ผลการประเมิน

๙ - ๑๐ ดีมาก

๗ - ๘ ดี

๕ - ๖ พอใช้

๐ - ๔ ควรปรับปรุง

(*เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ ผล ตอ้ งไดผ้ ลการประเมนิ ระดับพอใชข้ ึน้ ไป)

๓๔

แบบประเมินการสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล

ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๕/…..

ลาดับ ชอื่ -นามสกุล เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน รวม ผลการ
ข้อ ๑ ข้อ ๒ ข้อ ๓ ข้อ ๔ (๑๐) ประเมนิ
(๓) (๓) (๓) (๑)

ลงชื่อ......................................................ผ้ปู ระเมิน
(นางสาววศิตา ดาราแสง)

……………/……………/……………

๓๕

แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ของผเู้ รยี น

ช่อื -นามสกุล..................................................................ช้นั ........................เลขที่........................

คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ตัวชี้วัด ระดับคะแนน
๓๒๑๐

ใฝ่เรียนรู้ ตงั้ ใจ เพียรพยายามในการเรยี น และเขา้ รว่ ม
มงุ่ มน่ั ในการทางาน กิจกรรมการเรยี นรู้
ตั้งใจและรบั ผิดชอบในการปฏิบัติหน้าทกี่ ารงาน

ทางานด้วยความเพยี รพยายาม และอดทนเพ่อื ให้
งานสาเรจ็ ตามเปา้ หมาย

ลงชือ่ ......................................................ผูป้ ระเมนิ
(นางสาววศติ า ดาราแสง)

……………/……………/……………

เกณฑก์ ารประเมินผล ให้ ๓ คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ ๒ คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ ๑ คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ ๐ คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครัง้ หรือไม่เคยปฏิบัตเิ ลย

๓๖

แบบประเมินสมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น

ช่ือ-นามสกุล..................................................................ชัน้ ........................เลขที่........................

คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ตัวช้ีวัด ระดับคะแนน
๓๒๑๐

ความสามารถในการส่ือสาร มคี วามสามารถในการรับ – ส่งสาร
มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด
ความสามารถในการคิด ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม
ความสามารถในการใช้ ใช้วธิ กี ารสอื่ สารท่ีเหมาะสม
เทคโนโลยี วิเคราะหแ์ สดงความคิดเหน็ อย่างมีเหตผุ ล
มคี วามสามารถในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์
มคี วามสามารถในการคิดอยา่ งมรี ะบบ
มีความสามารถในการเลอื กและใชเ้ ทคโนโลยี
มที กั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี

ลงชอื่ ......................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาววศิตา ดาราแสง)

……………/……………/……………

เกณฑก์ ารประเมินผล ให้ ๓ คะแนน
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ ๒ คะแนน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ให้ ๑ คะแนน
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ ๐ คะแนน
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยครัง้ หรือไม่เคยปฏิบตั ิเลย

๓๗

๓๘

ตารางวิเคราะหห์ ลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งของแผนการจัดการเรียนรู้

เร่ือง บทอาขยาน

๑. ผสู้ อนนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ดังนี้

หลักพอเพียง พอประมาณ มีเหตผุ ล มีภูมคิ ้มุ กนั ในตวั ทีด่ ี
ประเด็น

เนอื้ หา กาหนดเนอ้ื หาได้สอดคลอ้ งกบั นกั เรียนไดเ้ รยี นรตู้ รงตาม ลาดับเน้อื หาจากง่ายไปยาก

มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และ มาตรฐาน ตวั ช้ีวัด และ เพอื่ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจงา่ ย เกิด

เหมาะสมกบั เวลา วยั และ ครบถว้ นบรรลตุ ามเป้าหมาย การใฝเ่ รียนรู้ และเตรยี ม

ความสามารถของนกั เรยี น เน้อื หาใหค้ รอบคลุมตาม

มาตรฐานและตัวชี้วัดตรงตาม

หลักสูตร

เวลา กาหนดเวลาไดเ้ หมาะสมกับ เพอ่ื ใหจ้ ัดกิจกรรมการเรยี นรู้ กาหนดเวลาไว้สารองในกรณีที่

เนอื้ หาและกิจกรรมการเรียนรู้ ไดค้ รบถว้ นตามท่กี าหนด ตรง บางกจิ กรรมอาจจะใชเ้ วลา

ตามโครงสรา้ งหลกั สูตร มากกวา่ ท่กี าหนด

วิธกี ารจดั กจิ กรรม ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อให้นักเรยี นไดม้ ีความรตู้ าม มแี นวทางในการพัฒนา
เหมาะสมกบั นักเรยี นตาม มาตรฐาน ตวั ชีว้ ดั และจัด ปรับปรงุ การเรียนการสอนใน
บริบทท่ีแตกตา่ งใหบ้ รรลุ กจิ กรรมการเรียนรไู้ ด้ ครั้งตอ่ ไป
วัตถปุ ระสงค์ เหมาะสมกบั นักเรยี น

แหลง่ เรยี นรู้ เลือกแหลง่ เรยี นรู้ทเ่ี ขา้ ใจงา่ ย ส่งเสริมการใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ใน มคี วามพรอ้ มในการจดั การ
สือ่ /อุปกรณ์
การประเมนิ ผล เหมาะสมกบั เนื้อหาและความ หอ้ งเรียนและนอกหอ้ งเรียน เรียนการสอน และเป็นไปตาม
ความรทู้ คี่ รูจาเป็นตอ้ งมี
คุณธรรมของครู สนใจของนกั เรยี น เพ่ือใหน้ กั เรียนเข้าใจเน้ือหาได้ แผนที่วางไว้

ดีข้ึน

เลอื กส่ือทเี่ หมาะสมกับเนอื้ หา ใช้ส่อื เพือ่ กระตุ้นความสนใจ เตรยี มส่อื หรืออปุ กรณใ์ ห้

กิจกรรมการเรยี นการสอน ของผูเ้ รยี น และใหเ้ ข้าใจ เหมาะสมกบั วยั ของผูเ้ รยี น

และความสนในของนกั เรียน บทเรยี นไดง้ า่ ยขน้ึ เพ่ือช่วยสรา้ งความรู้และความ

เข้าใจมากข้ึน

ออกแบบการวัดและ ประเมินนักเรียนตรงตามสภาพ มีวธิ ีการวัดทห่ี ลากหลาย

ประเมินผลได้เหมาะสมกับ จริงดว้ ยวิธกี ารที่หลากหลาย เทย่ี งตรง มคี วามเชื่อมนั่ ตรง

ตัวชีว้ ดั เนือ้ หา เวลา และวยั และเหมาะสมตรงตัวช้ีวดั ตามจุดประสงค์

ของนกั เรียน

ความรูเ้ รื่องการทอ่ งทานองเสนาะ คาประพนั ธป์ ระเภทร่าย

การจัดการเรยี นรทู้ ่ีเนน้ ผู้เรียนเปน็ สาคัญและการวดั ประเมนิ ผล

มีความรักเมตตาศษิ ย์ มีความรับผดิ ชอบ มคี วามยตุ ิธรรม มีความอดทน

๓๙

๑. ผลที่เกิดกบั ผเู้ รยี นสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจากการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

๑.๑ ผู้เรียนได้เรยี นรหู้ ลักคิดและฝึกปฏบิ ัตติ ามหลกั ๓ ห่วง ๒ เง่ือนไข ดังนี้

พอประมาณ มเี หตุผล มีภมู คิ ุม้ กนั ในตวั ทดี่ ี

๑.นกั เรยี นใช้เวลาใน ๑. นักเรยี นตระหนกั ถึง ๑. รจู้ กั การวางแผนใน

กิจกรรมการเรียนร้ไู ด้ ความสาคญั ของกิจกรรม การทางาน

เหมาะสมตามลาดบั การเรยี นรู้ ๒. รูค้ ณุ คา่ และ

ขั้นตอน และมี ๒. นกั เรียนตระหนกั ถงึ ความสาคัญของ

หลักพอเพียง ประสทิ ธภิ าพ คณุ คา่ ของภาษาและ ภาษาไทย รวมถึง

๒. นกั เรยี นเลือกศึกษา วฒั นธรรมไทย และการ วัฒนธรรมทางภาษา

จากแหล่งเรียนรู้ได้อย่าง ใชภ้ าษาเพ่ือการสื่อสาร

คมุ้ ค่า ๓. นกั เรียนมคี วามรู้ และ

เกิดความเขา้ ใจในคณุ คา่

ของภาษาไทย

ความรทู้ ่ีต้องมีก่อนเรยี น ความรู้ทว่ั ไปเกี่ยวกับหลักการอา่ น

คุณธรรมของผูเ้ รยี น ความต้ังใจใฝ่เรียนรู้ ความมุ่งมน่ั ในการทางาน ความรบั ผดิ ชอบและระเบยี บวนิ ยั

๑.๒ ผเู้ รียนได้เรยี นร้กู ารใช้ชีวติ ท่ีสมดลุ และพร้อมรับการเปลย่ี นแปลงใน ๔ มิติ ตามหลกั ปรชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพยี ง ดังนี้

ด้าน สมดุลและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในดา้ นตา่ ง ๆ

องค์ประกอบ วตั ถุ สงั คม ส่ิงแวดล้อม วัฒนธรรม
ความรู้
มีความรู้และเข้าใจ เขา้ ใจบริบททาง เข้าใจบริบทอื่นท่ี เขา้ ใจบริบททาง
ทักษะ เนื้อหาสาระวิชา สงั คมที่เก่ยี วข้อง ส่งผลตอ่ การใช้ วัฒนธรรมที่
และสามารถใชไ้ ด้ ภาษาไทย เก่ียวขอ้ งกับ
คา่ นิยม มีทกั ษะทาง อย่างถูกต้อง ภาษาไทย
ภาษาไทยอยา่ ง สามารถใชท้ กั ษะ สามารถปรับตัวให้ สามารถเขา้ ใจและ
รอบดา้ น ทางภาษาไทยใน เขา้ กับสง่ิ แวดล้อม ธารงภาษาไทยใน
การติดต่อกบั สงั คม ใหม่โดยใชภ้ าษา บรบิ ททาง
มีเจตคติท่ดี ีต่อ ได้ เปน็ เครอ่ื งมือได้ วฒั นธรรม
ภาษาไทยอันเป็น ตระหนักถึง ตระหนกั ถึงความ ตระหนกั และเหน็
ภาษาประจาชาติ ความสาคญั ของ เกี่ยวข้องระหวา่ ง คุณคา่ ของ
ภาษาไทยในฐานะ สิ่งแวดลอ้ มกบั วัฒนธรรมท่ี
สอื่ กลางของสงั คม ภาษาไทย เก่ียวกบั ภาษาไทย

๔๐

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๓

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ ชอื่ พุทธมหาชาติ

เร่ือง มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ัทรี เวลาสอน ๕๐ นาที

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย วชิ า ภาษาไทยพืน้ ฐาน รหสั วิชา ท ๓๒๑๐๑
ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔
ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑

ผสู้ อน นางสาววศิตา ดาราแสง

๑. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิด เพ่ือนาไปใช้ตัดสินใจแก้ปัญหา

ในการดาเนินชีวิตและมนี สิ ยั รักการอ่าน
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า

และนามาประยุกตใ์ ช้ในชีวิตจรงิ
๒. ตวั ชวี้ ัด

ท ๑.๑ ม.๔-๖/๒ ตีความ แปลความ และขยายความเร่ืองที่อ่าน
ท ๑.๑ ม.๔-๖/๕ วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็น โตแ้ ย้งเก่ียวกับเร่ืองที่อ่าน และเสนอความคิดใหม่
อยา่ งมีเหตผุ ล
ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑ วิเคราะห์และวจิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมตามหลักการวจิ ารณ์เบ้ืองตน้
๓. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
วรรณคดีเรื่อง มหาเวสสันดรชาดก เป็นเร่ืองราวของพระโพธิสัตว์ในพระชาติสุดท้ายก่อนตรัสรู้
เป็นพระพุทธเจ้า ประกอบด้วยท้ังหมด ๑๓ กัณฑ์ โดยมีเนื้อหาท่ีสอดแทรกคุณธรรม แฝงแง่คิดเมื่ออ่าน ในระดับ
ชั้นนี้ผู้เรียนจะได้ศึกษากัณฑ์มัทรี ซึ่งมีเนื้อหาสะท้อนให้เห็นถึงความรักของแม่ที่มีต่อลูก และคุณธรรมอื่น ๆ
ที่ปรากฏ อย่างไรก็ดี ผู้เรียนจาเป็นต้องเรียนรู้ เพ่ือจะได้นาข้อคิด และคุณธรรมดังกล่าวไปประยุกต์ใช้
ในการดาเนนิ ชีวติ ประจาวันของตนเองต่อไป
๔. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
ความรู้ (K)
นักเรียนอธบิ ายความเป็นมาของ เรอ่ื ง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มทั รี ไดถ้ กู ตอ้ ง
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
นกั เรียนท่องลาดบั ของมหาเวสสันดรชาดก ๑๓ กัณฑไ์ ดถ้ กู ต้อง
คณุ ธรรม จรยิ ธรรมและคา่ นิยม (A)
นกั เรยี นใฝเ่ รยี นรู้และร่วมกิจกรรมในชนั้ เรียน

๔๑

๕. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

๑. ใฝ่เรยี นรู้

๒. มงุ่ ม่ันในการทางาน

๖. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น

๑. ความสามารถในการส่ือสาร

๒. ความสามารถในการคดิ

๓. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

๗. ด้านคณุ ลักษณะของผเู้ รยี นตามหลักสตู รมาตรฐานสากล

 เป็นเลิศทางวชิ าการ  สอื่ สารสองภาษา  ลา้ หน้าทางความคิด

 ผลติ งานอย่างสร้างสรรค์  ร่วมกนั รบั ผดิ ชอบต่อสังคมโลก

๘. สอดคลอ้ งกบั คา่ นยิ มหลกั ของคนไทย ๑๒ ประการ

๑. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศกึ ษาเล่าเรยี น

๒. รักษาวัฒนธรรม ประเพณีไทย

๙. สาระการเรียนรู้

วรรณคดเี ร่ือง มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี

๑๐. ภาระงาน/ชน้ิ งานทแี่ สดงผลการเรยี นรู้

-

๑๑. กิจกรรมการเรียนรู้

ขั้นนา

๑. ครูจดุ ประกายความคดิ ให้กบั นักเรียนโดยใชค้ าถามให้นักเรียนรว่ มกนั ตอบ

ตัวอย่างคาถาม

- นักเรียนรูจ้ ักเทศนม์ หาชาตหิ รือไม่ ?

- เทศน์มหาชาติมีเรอ่ื งราวเกี่ยวกบั อะไร ? เหมอื นหรือต่างกนั กับมหาเวสสันดรชาดก ?

ข้ันสอน

๒. นักเรียนนาหนังสือเรียนวชิ าภาษาไทย วรรณคดวี ิจักษ์ ม.๕ ขึ้นมาเปดิ หน้า ๑๑

๓. นกั เรยี นและครูรว่ มกันอภิปราย เรอื่ ง ความเปน็ มาของมหาเวสสันดรชาดก ๑๓ กัณฑ์

๔. นักเรยี นชมวดี ทิ ัศนเ์ ร่ือง มหาเวสสันดรชาดก ๑๓ กัณฑ์

๕. นกั เรียนและครรู ่วมกันทบทวนช่อื กัณฑท์ ั้งหมด ๑๓ กณั ฑจ์ ากใบความรู้
๖. ครนู ดั หมายแนวปฏิบัติการทอ่ งลาดบั ของมหาเวสสนั ดรชาดก ๑๓ กณั ฑ์ นอกเวลาเรยี น

๔๒

ขน้ั สรปุ
๗. นักเรยี นและครรู ว่ มกันสรุปความร้เู ร่ือง ความเป็นมาของมหาเวสสนั ดรชาดก
๑๒. สอ่ื การเรียนรู้และแหลง่ เรยี นรู้

๑. โปรแกรมนาเสนอภาพนิ่ง วรรณคดี เรอ่ื ง มหาเวสสนั ดรชาดก

ตัวอยา่ งสอ่ื

๒. หนังสือเรียนวิชาภาษาไทย วรรณคดวี ิจกั ษ์ ม.๕
๓. วดี ิทศั น์ เร่ือง มหาเวสสนั ดรชาดก ๑๓ กณั ฑ์ สบื ค้นจาก
https://www.youtube.com/watch?v=JowpTD_DhFQ
๔. ใบความรู้

๔๓

๑๓. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้

ประเด็นการพจิ ารณา วธิ กี าร เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ

ความรู้ (K) การร่วมกิจกรรมใน แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพพอใช้ขึ้นไป

นกั เรยี นอธิบายความเป็นมา ช้นั เรยี น รายบคุ คล

ของเรื่อง “มหาเวสสันดร

ชาดก” ได้ถกู ต้อง

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) การสงั เกตพฤติกรรม การสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพพอใช้ขนึ้ ไป
รายบคุ คล
นักเรียนทอ่ งลาดบั ของ รายบคุ คล

“มหาเวสสันดรชาดก”

๑๓ กัณฑไ์ ด้ถูกตอ้ ง

คณุ ธรรม จริยธรรมและ การสังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพพอใช้ขน้ึ ไป
รายบคุ คล
คา่ นิยม (A) รายบคุ คล

นักเรยี นใฝเ่ รยี นร้แู ละรว่ ม

กจิ กรรมในชัน้ เรยี น

๔๔

ประเด็นการพิจารณา วิธกี าร เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ การสังเกตพฤติกรรม
รายบุคคล แบบประเมินคณุ ลักษณะ ระดับคุณภาพพอใช้ขึน้ ไป
๑. ใฝ่เรียนรู้
๒. มุ่งมัน่ ในการทางาน การสงั เกตพฤติกรรม อนั พงึ ประสงค์ของผู้เรียน
สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น รายบุคคล
แบบประเมนิ สมรรถนะ ระดบั คุณภาพพอใช้ขึน้ ไป
๑.ความสามารถในการส่ือสาร การสงั เกตพฤติกรรม สาคญั ของผเู้ รยี น
๒.ความสามารถในการคิด รายบคุ คล
๓.ความสามารถในการใช้ แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพพอใช้ข้ึนไป
เทคโนโลยี การสังเกตพฤติกรรม รายบคุ คล ระดบั คุณภาพพอใช้ขนึ้ ไป
คุณลักษณะของผเู้ รียนตาม รายบุคคล
หลักสตู รมาตรฐานสากล แบบสงั เกตพฤติกรรม
เป็นเลิศทางวิชาการ รายบุคคล
คา่ นิยมหลกั ของคนไทย ๑๒
ประการ
๑.ใฝ่หาความรู้ หม่นั ศกึ ษา
เล่าเรยี น
๒. รกั ษาวัฒนธรรม
ประเพณไี ทย

๔๕

๔๖

เกณฑ์การประเมนิ การสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล

เกณฑก์ ารประเมิน ดมี าก (๓) ระดับคะแนน ควรปรบั ปรงุ (๐)
ดี (๒) พอใช้ (๑)

๑. ความตงั้ ใจใน ตง้ั ใจและมสี มาธใิ น ต้งั ใจเรยี นดี อาจมี ตัง้ ใจเรยี น แต่ ไม่ตง้ั ใจเรียน

การเรยี น การเรยี นตลอดเวลา มี บางครง้ั ท่สี นใจส่ิงอน่ื บ่อยคร้ังที่สนใจสิ่งอนื่

การถามตอบกับ ท่ไี มเ่ ออื้ ประโยชน์ตอ่ ท่ไี มเ่ อื้อประโยชนต์ อ่

ครผู ู้สอน การเรยี น มีการถาม การเรียน ไม่มีการถาม

ตอบกบั ครูผสู้ อนบา้ ง ตอบกบั ครูผู้สอน

๒. การตอบคาถาม ใหค้ วามรว่ มมือ แสดง ใหค้ วามรว่ มมือ แสดง ให้ความร่วมมือ แสดง ไมแ่ สดงความสนใจ

ในชน้ั เรียน ความสนใจ มกี ารถาม ความสนใจ มกี ารถาม ความสนใจ มกี ารถาม ไม่มีการถามตอบหรือ

ตอบหรือแลกเปลี่ยน ตอบหรอื แลกเปลยี่ น ตอบหรอื แลกเปลี่ยน แลกเปลีย่ นความคิด

ความคดิ ภายในชน้ั ความคิดภายในชน้ั ความคดิ ภายในชน้ั ภายในชนั้ เรียน

เรียนอย่างสมา่ เสมอ เรียนอย่างบ่อยคร้ัง เรียนบา้ ง

๓. การให้ความ ใหค้ วามร่วมมือในการ ให้ความร่วมมือในการ ให้ความร่วมมือในการ ไมใ่ ห้ความรว่ มมือใน

รว่ มมอื ในการทา ทากจิ กรรมอยา่ งดที กุ ทากิจกรรมแต่ขาด ทากจิ กรรมแต่ขาด การทากจิ กรรมเลย

กิจกรรม ครัง้ ด้วยความเต็มใจ ความกระตอื รือรน้ เต็มใจ ตอ้ งมกี ารย้า

และมคี วาม เตอื นมากกว่า ๓ คร้ัง

กระตือรือร้น

๔. การเขา้ ชนั้ เรยี น เขา้ ชั้นเรียน ไม่เข้าชน้ั เรียน

เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

คะแนน ผลการประเมิน

๙ - ๑๐ ดีมาก

๗ - ๘ ดี

๕ - ๖ พอใช้

๐ - ๔ ควรปรบั ปรุง

(*เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ ผล ตอ้ งไดผ้ ลการประเมินระดับพอใชข้ ึน้ ไป)


Click to View FlipBook Version