ความสัสั สัสั มพัพั พัพั นธ์ธ์ ธ์ธ์ และการพึ่พึ่ พึ่พึ่ พึ่พึ่ งพาอาศัศั ศัศั ยกักั กักั นและกักั กักั น
ความสัมพันธ์และการพึ่งพาอาศัยกันและกัน ความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกัน คือ การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือทั้งสองคนกำ ลัง ประสบกับปัญหาสุขภาพจิตที่ย่ำ แย่ มีปัญหากับภาวะที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ขาดความรับผิด ชอบ หรือบรรลุผลสำ เร็จน้อ น้ ย และความสัมพันธ์ที่มีพลวัตมีแต่จะทำ ให้สิ่งต่างๆ แย่ลงฝ่า ฝ่ ยใด ฝ่า ฝ่ ยหนึ่งหรือทั้งสองฝ่า ฝ่ ยอาจเริ่มละเลยด้านอื่นๆ ในชีวิตเพื่อทำ ให้อีกฝ่า ฝ่ ยพอใจ การอุทิศตน อย่างสุดโต่งให้กับบุคคลนี้อาจสร้างความเสียหายต่อความสัมพันธ์ที่สำ คัญอื่นๆ เช่น มิตรภาพ การศึกษาหรือโอกาสในการทำ งาน หรือแม้แต่ความรับผิดชอบในชีวิตประจำ วัน บุคคลที่รู้สึกพึ่งพาอาศัยกันหรือต้องพึ่งพาบุคคลที่มีลักษณะเหล่านี้อาจมีปัญหาในการมีความ สัมพันธ์แบบสองด้านที่เท่าเทียมกัน พวกเขามักจะพึ่งพาการเสียสละหรือความขัดสนของ บุคคลอื่นมากกว่าการสนับสนุน นุ ให้พวกเขาเติบโต
ความสัมพันธ์ หมายถึง ความเกี่ยวข้อง, ความเกี่ยวพัน, ความข้องเกี่ยว, ผูกพัน ถ้าความ สัมพันธ์ทางสังคม ในสังคมศาสตร์จะเป็นความสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างบุคคลที่มากกว่าหนึ่ง คนขึ้นไปถ้าเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะเป็นกลยุทธ์ของแต่ละรัฐเพื่อรักษาผล ประโยชน์ข น์ องชาติโดยนโยบายทางการต่างประเทศ การพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน หมายถึง การเป็นมนุษ นุ ย์ที่สมบูรณ์นั้ ณ์ นั้ นไม่ได้มีมาแต่กำ เนิด แต่เกิด จากการที่มนุษ นุ ย์ได้เป็นสมาชิกของสังคม ทำ ให้มนุษ นุ ย์เรียนรู้แบบแผนต่าง ๆ โดย เฉพาะสังคม มนุษ นุ ย์คือ ครอบครัว มนุษ นุ ย์มีแบบแผน รุ่นก่อนจากสภาพแวดล้อมครอบครัวจาก สถาบันที่ตนได้สัมผัสสิ่งล้วนมีอิทธิพล และมีส่วนทำ ให้มนุษ นุ ย์เป็นมนุษ นุ ย์สมบูรณ์แ ณ์ ละสามารถ ยังชีพอยู่สังคมได้อย่างมั่นคง เพราะมนุษ นุ ย์เป็นสัตว์สังคมต้องอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม ช่วยเหลือ พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน 1. ความหมายของความสัมพันธ์และการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
2. ต้นกำ เนิดของทฤษฎีการพึ่งพาอาศัยกัน ทฤษฎีนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้อธิบายการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันระหว่างประเทศ โดยในช่วงแรก ได้อธิบาย ปรากฏการณ์ที่ ณ์ ที่ เกิดขึ้นในยุคการแผ่ขยายอำ นาจและการถ่วงดุลอำ นาจทางการเมือง การทหารในยุคสงคราม เย็น และต่อมาได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้อธิบายปรากฏการณ์ภ ณ์ ายหลังยุคสิ้นสุด สงครามเย็นในปี 2532 ซึ่งรัฐ ต่าง ๆ ที่เคยมีความขัดแย้งทางการเมืองได้กลับมาร่วมมือกัน โดยประเด็นทางเศรษฐกิจได้กลายเป็นประเด็น สำ คัญของการเมืองระหว่างประเทศ ระบบการพึ่งพาอาศัย กันและกันทางเศรษฐกิจได้ครอบคลุมทั่วโลกและ ขยายตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากความ เจริญก้าวหน้า น้ ของเทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างกันจนเกิด ภาวะไร้พรมแดน ตลอดจนอิทธิพลของ บริษัทข้ามชาติที่สูงขึ้นอันเป็นผลมาจากความสามารถในการผลิตทาง อุตสาหกรรม อิทธิพลของ องค์การระหว่างประเทศ องค์กรทางสังคมต่าง ๆ ก็ได้มีบทบาทต่อความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศมาก ขึ้นโดยที่รัฐไม่สามารถควบคุมได้อย่างเด็ดขาด ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่มีความสลับซับ ซ้อน (Complex Interdemdence) ทั้งหมดนี้ได้สะท้อนความชัดเจนและเป็นไปได้ของทฤษฎีนี้มากยิ่งขึ้น และปัจจุบันทฤษฎีนี้ให้กลายเป็นแนวคิดทฤษฎีสำ คัญในการอธิบายมีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในยุค โลกาภิวัฒน์
3. รูปแบบการพึ่งพาอาศัยกัน รูปแบบการพึ่งพาอาศัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันกันแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้ 1) การพึ่งพาในยุคอาณานิคม (Colonial Dependence) เป็นการพึ่งพาในด้านการส่ง สินค้าออกโดยนายทุนด้านการค้า และด้านการเงิน จะร่วมมือกับรัฐล่าอาณานิคมผูกขาด การค้าระหว่าง ยุโรปกับอาณานิคมพร้อมทั้งมีการผูกขาดที่ดิน เหมืองแร่และกําลังคนในอาณานิคม ประเทศแม่ที่เป็นเจ้า อาณานิคมจะเป็นผู้กําหนดการค้าการลงทุน เทคโนโลยีต่างๆ ของประเทศบริวารอีกทั้งประเทศเจ้า อาณานิคมยังร่วมมือกับรัฐบาลประเทศอาณานิคม 2) การพึ่งพาด้านการเงินและอุตสาหกรรม (Financial – industrial Dependence) เกิดขึ้นใน ปลายศตวรรษที่ 19 อุตสาหกรรมการผลิตวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเพื่อการส่งออกในระยะนี้จะ ถูกครอบงําโดยทุนและการลงทุนแก่ประเทศศูนย์กลางและโครงสร้างการผลิตโดยทั่วไปก็มุ่งตอบสนองการ บริโภคในประเทศศูนย์กลางเป็นสําคัญประเทศเล็กจะกู้เงินจากประเทศศูนย์กลางและประเทศที่ให้กู้มีสิทธิ์ กําหนดว่าจะให้ผลิตสินค้าอะไรใช้แรงงานที่ไหน เป็นต้น
3. รูปแบบการพึ่งพาอาศัยกัน 3) การพึ่งพาด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม (Technological – Industrial Dependence) เกิดตั้งแต่หลังสงครามโลกเป็นต้นมา ประเทศด้อยพัฒนาจะพึ่งพาบรรษัทข้ามชาติ ในดานเทคโนโลยีและการลงทุนด้านอุตสาหกรรม ซึ่งเน้น น้ หนักการผลิตเพื่อตลาดภายในประเทศ การพึ่งพาตามรูปแบบที่ 1 และ 2 การผลิตจะมุ่งสู่การส่วออกเป็นหลักรูปแบบการผลิตจึงถูกกําหนด โดยอุปสงค์จากประเทศศูนย์กลาง โครงสร้างการผลิตมีลักษณะเป็นการแบ่งงานตามความเชี่ยวชาญ อย่างเข้มงวด การผลิตการเกษตรจะเน้น น้ การปลูกพืชชนิดเดียวกันทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งการผลิตแบบนี้ ตลาดภายในประเทศไม่สามารถเจริญเติบโตได้เพราะการบริโภคภายในประเทศถูกจํากัดด้วยสาเหตุ ต่างๆ ดังนี้
3. รูปแบบการพึ่งพาอาศัยกัน 1) รายได้ของประเทศที่มาจากการส่งออกเป็นส่วนใหญ่ถูกนําไปซื้อปัจจัยการผลิตเพื่อการส่ง ออกหรือซื้อสินค้าฟุ่ม ฟุ่ เฟือยจากต่างประเทศสําหรับคนชั้นสูง 2) กรรมกรมีรายได้สําหรับการบริโภคอย่างจํากัด เพราะได้รับการขูดรีดแรงงานอย่างหนัก 3) การบริโภคของคนงานในบางส่วนอาศัยระบบการผลิตแบบยังชีพเป็นส่วนเสริม รายได้มี อยู่อย่างจํากัด 4) ส่วนเกินที่สะสมไว้ถูกส่งออกนอกประเทศในรูปของกําไรเสียเป็นส่วนใหญ่สําหรับรูปแบบ ที่สามซึ่งเป็นรูปแบบที่มีอยู่ในปัจจุบัน การพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศโลกที่สามมัก ประสบปัญหาด้านเงินทุนมาก เพราะการพัฒนาในลักษณะนี้ต้องอาศัยเงินตราต่างประเทศเพื่อ ซื้อเทคโนโลยีการผลิตทั้งเครื่องจักรและวัตถุดิบแปรรูปที่ผลิตเองไม่ได้เพราะมีอุปสรรคคือ รายได้ส่วนใหญ่มาจากการส่งออกกับการผูกขาดสิทธิบัตรของบรรษัทผูกขาด สภาพการพึ่งพา ในด้านทุนและเทคโนโลยีมีผลกระทบต่อการพัฒนาหลายด้าน ซึ่งสภาพดังกล่าวมีลักษณะดังนี้
3. รูปแบบการพึ่งพาอาศัยกัน - การพัฒนาอุตสาหกรรมต้องพึ่งพาภาคการส่งออกในด้านเงินตราต่างประเทศเพื่อใช้ซื้อ ปัจจัยในการผลิตที่ต้องใช้ในอุตสาหกรรม ผลคือการพึ่งพาแบบนี้ทําให้ภาคการส่งออกที่เก่าแก่ดํา รงอยู่ได้ทั้งที่เป็น อุปสรรคต่อการพัฒนาตลาดภายใน - การพัฒนาอุตสาหกรรมถูกวางเงื่อนไขให้เป็นไปตามสภาพขึ้นๆ ลงๆ ด้านดุลการชําระเงิน ซึ่งมักจะประสบกับปัญหาการขาดดุลโดยการขาดดุลการชําระเงินมีที่มาจากความสัมพันธ์เชิงการ พึ่งพาใน 3 ลักษณะ คือ 1) ความสัมพันธ์ด้านการค้าที่เกิดขึ้นในตลาดโลกมีการผูกขาดอย่างสูง ทํา ให้ราคาสินค้าส่งออกจําพวกวัตถุดิบตกต่ำ และราคาสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มสูง ซึ่งนําไปสู่การขาด ดุลการค้าและดุลการชําระเงินในประเทศด้อยพัฒนา
3. รูปแบบการพึ่งพาอาศัยกัน 2) ทุนต่างชาติชิงควบคุมภาคเศรษฐกิจที่มบทบาทสำ คัญที่สุด และส่งกำ ไรจำ นวนมาก กลับคืนประเทศตนทําให้เกิดขาดดุลเงินทุน 3) ความจําเป็นที่ต้องอาศัยทุนจากต่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาการขาดดุล หรือเพื่อ สนับสนุน นุ การพัฒนา ทําให้ต้องกู้เงินจากต่างประเทศ - การพัฒนาอุตสาหกรรมถูกกําหนดให้เป็นไปตามเงื่อนไขของศูนย์กลาง ประเทศด้อย พัฒนาต้องส่งสินค้าพวกเครื่องจักรและวัตถุดิบจากดินแดนศูนย์กลางเข้ามาใช้ในการพัฒนา
แนวคิดที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาในช่วงปี 1970 โดยการพัฒนาแนวคิดการพึ่งพา อาศัยนี้ เกิดขึ้นจากการตระหนักถึงของนักวิชาการในช่วงปี 1950-1960 ว่าการศึกษา ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่แต่เดิมเน้นในเรื่องของผลประโยชน์แห่งชาติและ ความมั่นคงทางการเมือง ไม่เพียงพอที่จะอธิบายปรากฏการณ์ทางการเมืองระหว่าง ประเทศที่เกิดขึ้นได้ในยุคใหม่ ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน มีตัวแสดงที่หลากหลาย และรูปแบบของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมิได้มีรัฐเป็นผู้ กำ หนดรูปแบบอีกต่อไป จากการเกิดขึ้นมากมายของตัวแสดงในปัจจุบัน
โรเบิร์ต โอ. เคียวเฮน และโจเซฟ เอช. ไน ได้เสนอลักษณะของแนวคิดเกี่ยวกับการพึ่งพาอาศัยกันซึ่งมีแนวให้ ความสําคัญในประเด็นเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและ สวัสดิการ โดยถือว่าการพึ่งพาอาศัยกันจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อสังคมนั้นๆ กลายเป็นสังคมอุตสาหกรรมและมีการทําให้ทันสมัย ยิ่งกว่านั้นเมื่อ กระบวนการดังกล่าวเพิ่มขึ้น วิถีทางที่จะเข้าสู่ ตลาดเป็นสิ่งจําเป็น เพื่อให้บรรลุผลสําเร็จ และรักษาความเจริญทางเศรษฐกิจเอาไว้ นักทฤษฎี
โรเบิร์ต โอ. เคียวเฮน และโจเซฟ เอช. ไน ยังได้อธิบายผลที่เกิดขึ้นจากการพึ่งพาอาศัยกันไว้ว่า ความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกันนี้จะก่อให้เกิดการพึ่งพา อาศัยที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆระหว่างประเทศต่างๆ จนเกิดเป็นการพึ่งพาที่ซับซ้อน ทั้งในระดับทวิภาคีและ พหุภาคีจนนำ ไปสู่ความร่วมมือระดับภูมิภาค ซึ่งผลจากการพึ่งพาอาศัยจะก่อให้เกิดผลสำ คัญดังต่อไป นี้ นักทฤษฎี (ต่อ)
1.การพึ่งพาอาศัยจะก่อให้เกิดความความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ลักษณะสำ คัญคือ ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนทางเศรษฐกิจผ่าน ช่องทางเลือกที่หลากหลาย เกิดการเปลี่ยนนโยบายของแต่ละ ประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับลำ ดับความสำ คัญและการแก้ไข ปัญหา 2.ระดับการพึ่งพาอาศัยที่เพิ่มมากขึ้นจะลดความสามารถของ รัฐบาลในการปกครองตนเอง โดยจะมีการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข้อตกลงระหว่างประเทศ มากยิ่งขึ้น ลดอำ นาจอธิปไตยของตนเองลง เพื่อแลกเปลี่ยน กับความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ
3. รัฐไม่ใช่ตัวแสดงที่สำ คัญเพียงหนึ่งเดียวในระบบความ สัมพันธ์ระหว่างประเทศอีกต่อไป ตัวแสดงอื่นๆ เช่น บริษัท ข้ามชาติ องค์การระหว่างประเทศ จะมีความสำ คัญมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผลประโยชน์แห่งชาติจะมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น แปรผันไปตามการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และการมีผล ประโยชน์ร่วมกัน 4. การพึ่งพาอาศัยจะนำ ไปสู่การพัฒนาที่ทันสมัย ซึ่งจะทำ ให้ เกิดผลต่อเนื่องคือ การพึ่งพาอาศัยกันมากยิ่งขึ้น
1) การพึ่งพาที่เท่าเทียมกัน 2) การพึ่งพาแบบไม่เท่าเทียม การพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันอย่างซับซ้อน การที่รัฐมีความอ่อนไหวต่อประเด็น ต่างๆ รวมกันในอัตราส่วนที่ไม่เท่าเทียม กัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น มากกว่าแบบแรก และอาจทําให้อํานาจ ในการต่อรองไม่เท่าเทียมกัน โดยรัฐที่มีทางเลือกมากกว่าจะมีความ เปราะบางต่อประเด็นนั้นๆ น้อยกว่ารัฐที่ ไม่มีทางเลือกหรือที่มีทางเลือกน้อยกว่า การที่รัฐมีความอ่อนไหวต่อประเด็น ต่างๆ รวมกันในอัตราส่วนที่ใกล้เคียง กันหรือเท่ากัน
1) มีความจริงใจ ความจริงใจต่อผู้อื่นนับว่าเป็นหลักการขั้นพื้นฐานข้อแรกสำ หรับผู้ที่ อยากมีมนุษย์สัมพันธ์เพราะเป็นการแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจที่มีต่อผู้อื่นทั้งทางด้าน การพูดและการกระทำ 2 มีความรักและความปรารถนาดีต่อผู้อื่นการให้ความรักและความปรารถนาดีต่อผู้อื่น จะทำ ให้เขาเกิดความอบอุ่นใจมั่นคงและปลอดภัย 3 รู้จักจริงใจกับผู้อื่นรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา การเข้าใจถึงความรู้สึกนึกคิดและความ ต้องการของผู้อื่นเป็นเรื่องจำ เป็นต่อการสร้างมิตรภาพทำ ให้เกิดความเห็นอกเห็นใจผู้ อื่นและอยากช่วยเหลือให้ความปรารถนาของเขาบรรลุผล
4) มีมารยาททางสังคมการประพฤติตนทั้งกายกิริยา วาจา ใจ ได้อย่างสอดคล้องกับ กาลเทศะและบุคคล ถือเป็นมารยาททางสังคมที่บุคคลควรเรียนรู้และบุคคลจะรู้ว่า สิ่งใดควรหรือไม่ควรนั้นขึ้นอยู่กับความช่างสังเกตและการไวต่อความรู้สึกเป็น สำ คัญ 5) มีความเป็นกันเองกับผู้ที่เราพบเห็นหรือสมาคมด้วยการเข้าหาบุคคลอื่นก่อน ด้วยอัธยาศัยไมตรีอาจจะเริ่มจากการยิ้มไหว้ทักทายพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องต่างๆทั่วไป
ผลดีของความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกัน ความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกันทางสังคมก่อให้เกิดผลต่างๆ ตามมา เช่น ความร่วมมือกันหรือรวมตัวหรือสร้างความสามารถทางการแข่งขัน กันทางเศรษฐกิจเพื่อทำ การค้า การลงทุน ทำ ให้มีการจัดสรรทรัพยากร อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การรวมกลุ่มระหว่างประเทศในบาง ประเภทจะกำ หนดให้ประเทศสมาชิกสามารถเคลื่อนย้ายปัจจัยการผลิต ระหว่างกันได้ ทำ ให้ปัจจัยการผลิตจะถูกนำ ไปใช้ในสภาวะการผลิตที่ เหมาะสมที่สุด และเพื่อลดการพึ่งพาทางด้านเศรษฐกิจและเงินทุนจาก ประเทศพัฒนาแล้ว เมื่อมีการรวมกลุ่มทางการค้าเกิดขึ้น ประเทศ สมาชิกในกลุ่มจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศ สมาชิกเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทำ ให้สามารถลดการพึ่งพาทาง เศรษฐกิจและเงินทุนจากประเทศอื่นๆ
ผลกระทบของความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกัน ผลกระทบที่เกิดจากความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกันเมื่อผลประโยชน์เ น์ กิดขึ้นและ มีการได้ประโยชน์ย่ น์ ย่ อมมีการเสียประโยชน์ เช่น บทบาทความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศมากยิ่งขึ้นโดยที่รัฐไม่สามารถควบคุมได้อย่างเด็ดขาด ความเกี่ยวข้องกัน โดยตรงของผลประโยชน์ข น์ องรัฐต่างๆซึ่งเมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในรัฐหนึ่ง รัฐอื่นๆก็จะถูกผลกระทบไปด้วยในทางเดียวกัน
จบการบรรยาย