The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทที่02 การทำงานระบบรับ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chaiprakan_2009, 2021-11-25 11:45:30

บทที่02 การทำงานระบบรับ

บทที่02 การทำงานระบบรับ

บทท่ี02 การทางานระบบรบั -ส่งวิทยุส่อื สาร

หลกั การรบั -ส่งคลื่นวทิ ยุ
คลื่นวิทยุทแี่ พร่กระจายออกจากสายอากาศน้นั จะมีการแพร่กระจายออกไปทุกทิศทางคลนื่ วิทยเุ ปน็

พลงั งานแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ทีส่ ามารถเดนิ ทางไปด้วยความเร็วเท่ากับแสง แตส่ ญั ญาณที่เครอ่ื งรบั จะรบั ได้กอ็ ่อนลง
ๆ ไปเรือ่ ยๆ

ระบบสอื่ สารด้วยคล่ืนวทิ ยุ เครื่องส่งวิทยุจะนาสญั ญาณข่าวสารไดแ้ ก่ เสียง ภาพ ข้อมลู ซ่ึงเป็น
สัญญาณความถต่ี า่ ไปทาการผสมกับสัญญาณพาห์ความถ่ีสงู ทไี่ ด้จากวงจรออสซิลเลเตอร์ (Oscillator) จากนนั้
จะปอ้ นเข้าสู่วงจรขยายกาลังความถวี่ ิทยเุ พื่อสง่ ผ่านสายสง่ ไปยงั สายอากาศของเครื่องส่ง เพือ่ ทาหน้าท่ี
แพรก่ ระจายคลื่นแม่เหล็กไฟฟา้ ผา่ นช่องทางการส่ือสาร ซึ่งได้แก่อากาศหรือชั้นบรรยากาศออกไปยงั เคร่ืองรับ
วิทยุ

ทางด้านเคร่ืองรบั วิทยุสายอากาศรับจะทาหน้าทร่ี ับสญั ญาณความถว่ี ทิ ยจุ ากอากาศปอ้ นเขา้ สวู่ งจรจู
นด์ความถโ่ี ดยจะทาการเลือกรับความถเ่ี พยี งความถี่เดียวเท่าน้ันเขา้ มาตามความต้องการของผู้ฟัง และทาการ
แยกสญั ญาณขา่ วสารออกจากความถ่ีคลื่นพาหโ์ ดยวงจรดีมอดูเลเตอร์ (Demodulator) กลบั คืนมาก่อนที่จะ
สง่ สัญญาณขา่ วสารไปยังอปุ กรณ์เอาต์พตุ ได้แก่ หลอดภาพโทรทศั น์ ลาโพง เป็นตน้
หลักการของเครื่องส่งวิทยุ

เปน็ การนาเอาสญั ญาณขา่ วสารจากสถานีส่งไปยงั สถานรี ับ ดงั น้นั การทางานของเคร่ืองส่งวทิ ยจุ ะเป็น
การนาเอาสัญญาณเสียง(Audio Frequency: AF) ทางด้านแหล่งกาเนดิ เสียงผ่านกระบวนการผสมสัญญาณ
คล่นื พาหะ (Radio Frequency: RF) ซ่ึงกระบวนการนี้เรียกวา่ การมอดูเลช่ัน (Modulation) แลว้ ผ่านการ
ขยายสญั ญาณความถี่วทิ ยุให้มรี ะดับแรงข้นึ ก่อนสง่ ต่อไปยังสายอากาศซงึ่ จะแพรก่ ระจายคลืน่ วิทยอุ อกไปใน
อากาศในรปู ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

อธิบายหลักการทางาน
1.ไมโครโฟน (Microphone) ทาหน้าท่เี ปลี่ยนจากเสยี งพดู ใหเ้ ป็นสญั ญาณเสียง (Audio Signal) อยู่

ในรูปของสญั ญาณไฟฟา้ ที่มีระดบั ตา่
2. วงจรขยายสัญญาณเสียง (Audio Amplifier) ทาหนา้ ที่ขยายสัญญาณเสียงให้มีระดบั ความแรงที่

สงู ข้นึ เพ่ือให้เหมาะสมกบั การมอดูเลช่นั
3. วงจรออสซิลเลเตอร์ (Oscillator) ทาหนา้ ทผ่ี ลิตความถ่ีคลื่นพาห์ (Carrier Wave) ท่ีมคี วามถ่สี งู

ตามความต้องการของระบบสื่อสาร โดยการผลติ ความถ่ีคอื การผลติ สัญญาณไฟฟ้ากระแสสลับทม่ี ีการ
เปลยี่ นแปลงอยู่ตลอดเวลาและสมา่ เสมอ ซง่ึ มีระดบั ความแรงและความเรว็ ของสัญญาณคงที่อย่ใู นรปู ของ
รูปคล่ืนไซน์ (Sine Wave) ซ่งึ วงจรออสซลิ เลเตอร์แบบใช้ L และ C จะมีความถีเ่ รโซแนนซท์ อี่ อกไปใช้งาน
สามารถหาไดจ้ ากสตู ร

4. วงจรมอดูเลช่ัน (Modulation) ทาหนา้ ทีผ่ สมสัญญาณเสียงกบั สัญญาณคลนื่ พาห์ โดย
สัญญาณเสียงจะทาใหค้ ุณสมบัติของคลืน่ พาห์เปลยี่ นแปลง เชน่ การมอดูเลชน่ั แบบ AM, FM เป็นต้น

5. วงจรมลั ติพลาย (Multiplier) หรอื วงจรทวคี ณู ความถี่ ทาหน้าทข่ี ยายสญั ญาณอินพตุ ความถ่ีตา่ ใหม้ ี
ความถท่ี ส่ี ูงข้นึ ซ่ึงจะทาใหเ้ กิดสญั ญาณฮาร์โมนกิ (Harmonic) เกดิ ขึน้ หลายๆ ความถี่ ซึ่งวงจรทางด้านเอาท์พุต
จะต่อเป็นวงจรเรโซแนนซ์ (Resonance) เพอ่ื ให้ได้ความถเ่ี อาท์พุตตามที่กาหนด สามารถแบ่งออกเป็น 2
วงจรคือ

1. วงจรดับเบลอร(์ Double) ทาหนา้ ทกี่ าเนดิ ความถเี่ อาท์พุตเป็น 2 เท่าของสัญญาณอินพุต
2. วงจรทริปเปลอร(์ Tripler) ทาหน้าท่กี าเนดิ ความถเ่ี อาท์พุตเปน็ 3 เท่าของสญั ญาณอินพุต
6. วงจรขยายกาลังความถี่วิทยุ (RF Power Amplifier) ทาหน้าทขี่ ยายกาลังของความถว่ี ทิ ยใุ ห้สงู ขน้ึ
มากพอทีจ่ ะสง่ ออกสายอากาศ เพอ่ื ให้การแพร่กระจายคลื่นวทิ ยุเดนิ ทางไปได้ไกลขึ้น ในทางปฏิบตั นิ ยิ มจัดการ
ขยายแบบคลาส C เนอื่ งจากเมือ่ ไมม่ ีสัญญาณทางด้านอินพุตจะไม่มีสญั ญาณออกทางดา้ นเอาต์พุต โดยท่ัวไป
แลว้ ภาคขยายกาลัง RF จะเป็นภาคทก่ี นิ กระแสมากทีส่ ุดของเครื่องส่งวทิ ยุ กจ็ ะทาให้หลอดหรือทรานซิสเตอร์
เกดิ ความร้อนและจะทาให้อายกุ ารใชง้ านลดลง ในภาคนโี้ ดยทั่วไปแล้วควรมีระบบป้องกันเพื่อควบคุมกาลังส่ง
ใหค้ งทเ่ี ปน็ การป้องกนั ไมใ่ หภ้ าคขยายภาคสุดทา้ ยเกิดความเสียหายจากคล่ืนสะท้อนกลบั จากสายอากาศอัน
เนื่องจากสายอากาศไมส่ ามารถแพร่กระจายคลื่นออกไปได้หมดทาใหเ้ กดิ พลงั งานความร้อนสะสมท่ีตวั อุปกรณ์
ได้
https://wiki.stjohn.ac.th/groups/poly_electronics/wiki/5a66e/

วิทยุส่ือสาร
วทิ ยสุ อ่ื สารหรือเรยี กอีกช่ือวา่ วิทยคุ มนาคม เปน็ อปุ กรณท์ ี่แปลงกระแสไฟฟา้ เป็นคลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้า

ประกอบเปน็ ภาครบั และภาคสง่ แผก่ ระจายคล่นื วิทยุออกทางสายอากาศ เปน็ เครอ่ื งมอื ในสือ่ สารชนดิ ก่งึ สอง
ทาง ถกู นามาใช้งานในหลายประเภท เช่น วทิ ยรุ าชการ วิทยสุ มคั รเล่น วิทยุภาคประชาชน เปน็ ตน้
ส่วนประกอบวิทยสุ ่ือสาร

ส่วนประกอบของวิทยุส่อื สารแบง่ ออกได้เปน็ 3ส่วนหลกั ๆ คอื
ตวั เครอื่ ง
ตัวเคร่อื งของวิทยุสื่อสารจะเป็นส่วนที่ประกอบไปด้วยแผงวงจรและอปุ กรณ์ต่างๆทีเ่ ครือ่ งวทิ ยสุ ื่อสาร
แตล่ ะรนุ่ ถูกออกแบบมา

แหล่งพลงั งาน
แหลง่ พลังงานคอื ตัวจ่ายกระแสไฟฟา้ ซึ่งเปน็ สว่ นทจ่ี ะป้อนพลงั งานให้กับตัวเครื่องให้เคร่ืองวิทยุ
สื่อสารสามารถ ทางานได้ ซ่ึงจะมที ้งั แบบแหลง่ พลงั งานแบบแบตเตอรี่แพค(battery pack) และแบบไฟฟ้า
กระแสตรง(DC volts)
สายอากาศ
เปน็ สว่ นทท่ี าหน้าท่ีรบั สญั ญาณวทิ ยุ ท่อี ยู่ในรปู แบบคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ เขา้ มาในตัวเคร่ืองเพอื่ ผา่ นการ
แปลงเป็นกระแสไฟฟา้ และในทางกลบั กันสายอากาศ จะทาหน้าท่ีแพรค่ ล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้ ท่ผี ่านการแปลง
จากกระแสไฟฟ้ามาเป็นคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ สง่ ออกไปยงั เคร่ืองรับสัญญาณวทิ ยุปลายทางคล่นื วิทยเุ กิดจากการ
เคล่ือนท่ีของกระแสไฟฟา้ ที่อยู่ในสายอากาศ แลว้ แผก่ ระจายไปในอากาศ (ลกั ษณะเดียวกบั คลื่นในน้า) เปน็ ลูก
คลนื่ มียอดคล่นื และท้องคล่นื การเคล่ือนตวั หนง่ึ รอบคล่นื หมายถงึ จากผวิ นา้ -ขึน้ ไปถึงยอดคลื่น-ตกลงที่ท้อง
คล่นื -และกลบั ข้นึ มาเสมอผวิ น้า ความถ่ีของคล่นื วทิ ยุมหี น่วยต่อวินาที (CPS : Cycle Per Second) เพื่อให้
เกยี รติแด่ผู้คน้ พบจงึ เรียก "หน่วยตอ่ วินาที" ว่า "เฮริ ตซ์" (Hz)
การเตรียมการกอ่ นการเรยี กขาน
1. ต้องจดบันทึกหรือเตรียมข้อความที่จะพดู ไว้ก่อน เพ่อื ความรวดเรว็ การทวงถามถูกต้อง และเปน็
หลกั ฐานในการติดต่อของสถานีตนเองอีกดว้ ย
2. ขอ้ ความทจ่ี ะพดู ทางวทิ ยุ ต้องสัน้ กะทดั รัด ชดั เจน และได้ใจความ
3. กอ่ นพูดตอ้ งฟงั ก่อนว่าข่ายส่ือสารน้ันวา่ งหรือไม่ เพ่ือจะไดไ้ ม่เกดิ การรบกวนการทางานของสถานี
อ่ืน โดยต้องใชน้ ามเรียกขานท่ีกาหนดใหเ้ ท่านั้น
4. ตรวจสอบนามเรียกขานของหน่วยงานหรือบคุ คลทจ่ี ะต้องทาการติดตอ่ สื่อสารก่อน
5. การเรยี กขานหรือการตอบการเรียก ต้องปฏิบัติตามระเบยี บปฏบิ ตั ิของขา่ ยสอ่ื สารการเรยี กขาน
การเรียกขานตอ้ งครบองคป์ ระกอบ ดังนี้
- “นามเรียกขาน” ของสถานี, บุคคลฯ ทถ่ี ูกเรยี ก
- “จาก”
- “นามเรียกขาน” ของสถานี, บคุ คลฯ ทีเ่ รยี ก
- “เปลี่ยน”
การตอบรับการเรียกขาน
ก. “นามเรียกขาน” ของสถานี, บุคคลฯ ที่เรียก
ข. “จาก”
ค. “นามเรียกขาน” ของสถานี, บุคคลฯ ที่ถูกเรียก
ง. “เปล่ยี น”
*ตัวอย่างที่ 1
(ศนู ยฯ์ เรียก) เขตป้อมปราบ 401 จาก อุบัตภิ ยั เปลี่ยน
ลูกขา่ ยตอบ) อบุ ัตภิ ยั จาก เขตป้อมปราบ 401 เปลย่ี น หรอื

(ลกู ขา่ ยตอบ) จาก เขตป้อมปราบ 401 ว.2 เปลยี่ น (ตอบอยา่ งย่อ) หรือ
(ลูกขา่ ยตอบ) เขตปอ้ มปราบ 401 ว.2 เปลย่ี น (ตอบอย่างย่อ)
*ตัวอยา่ งที่ 2
(ศูนย์ฯ เรียก) เขตป้อมปราบ 44 จาก เขตป้อมปราบ 401 เปลีย่ น
(ลูกข่ายตอบ) เขตป้อมปราบ 401 จาก เขตปอ้ มปราบ 44 เปลี่ยน หรือ
(ลูกขา่ ยตอบ) จาก เขตป้อมปราบ 44 ว.2 เปลยี่ น (ตอบอย่างย่อ) หรือ
(ลกู ขา่ ยตอบ) เขตป้อมปราบ 44 ว.2 เปลย่ี น
การรับ / แจ้งเหตุฉุกเฉนิ
1. เมื่อพบเหตหุ รือต้องการความช่วยเหลอื ให้แจ้งศูนย์ฯ ท่ีสังกัดหรือสญั ญาณ ทสี่ ามารถติดตอ่ สื่อสารได้
2. เตรียมรายละเอียด (ใคร ทาอะไร ท่ีไหน เมื่อไร อยา่ งไร) ของเหตเุ พ่อื จะไดแ้ จง้ ได้ทนั ที
3. เมอื่ แจง้ เหตแุ ลว้ ควรเปดิ เครอื่ งรบั – สง่ วิทยุให้พร้อมไวเ้ พ่ือจะได้ฟงั การตดิ ต่อประสานงาน รายละเอียด
เพิ่มเติม
4. เมื่อแจ้งเหตแุ ล้วควรรายงานผลคืบหน้าในการประสานงานเปน็ ระยะ
5. เม่อื มีผแู้ จง้ เหตุแล้วไม่ควรสอดแทรกเข้าไป ควรฟงั อยา่ งสงบเพือ่ มิให้เกิดการรบกวนและความสับสน
มารยาทและข้อห้ามการใช้วิทยุส่ือสาร
1. ไมต่ ดิ ต่อกบั สถานีทใ่ี ชน้ ามเรียกขานไม่ถูกตอ้ ง
2. ไม่สง่ ข่าวสารท่ีเกย่ี วกบั ขา่ วทางธรุ กจิ การคา้
3. ไม่ใชถ้ อ้ ยคาที่ไม่สภุ าพ หรือหยาบคายในการติดตอ่ ส่ือสาร
4. ไมแ่ สดงอารมณ์โกรธในการตดิ ต่อสือ่ สาร
5. ห้ามการรับสง่ ขา่ วสารอันมีเนือ้ หาละเมิดตอ่ กฎหมายบา้ นเมอื ง
6. ไมส่ ่งเสยี งดนตรี รายการบันเทิง และการโฆษณาทุกประเภท
7. ใหโ้ อกาสสถานีที่มขี า่ วสาคัญ เรง่ ด่วน ข่าวฉุกเฉิน สง่ ข่าวกอ่ น
8 ยนิ ยอมให้ผู้อน่ื ใชเ้ คร่ืองวิทยคุ มนาคม
9. ห้ามตดิ ต่อสื่อสารในขณะมึนเมาสุราหรอื ควบคุมสติไมไ่ ด้
10. ในกรณที ่ีมเี รือ่ งเรง่ ด่วนต้องการส่งแทรกหรือขัดจังหวะการสง่ ขา่ วควรรอจังหวะทค่ี ่สู ถานีจบข้อความท่ี
สาคญั ก่อนแล้วจึงสง่
การใช้และการบารงุ รักษาเครื่องวิทยคุ มนาคมเครอ่ื งรับ– สง่ วิทยคุ มนาคม
1. การใชเ้ ครอื่ งวิทยุคมนาคมชนิดมือถือไมค่ วรอยู่ใตส้ ายไฟฟ้าแรงสงู ตน้ ไมใ้ หญ่ สะพานเหลก็ หรอื ส่งิ กาบงั
อยา่ งอนื่ ท่เี ปน็ อุปสรรคในการใช้ความถี่วทิ ยุ
2. ก่อนใช้เครื่องวิทยุคมนาคมให้ตรวจดูวา่ สายอากาศ หรือสายนาสัญญาณต่อเขา้ กบั ข้ัวสายอากาศเรยี บร้อย
หรือไม่
3. ขณะส่งออกอากาศไม่ควรเพ่ิมหรอื ลดกาลังสง่ (HI – LOW)
4. ในการส่งข้อความ หรือพดู แตล่ ะครง้ั อย่ากดสวทิ ซ์ (PTT) ไม่ควรสง่ นานเกินไป (เกนิ กว่า 30 วนิ าที)

แบตเตอร่ี
1. แบตเตอร่ีใหม่ใหท้ าการประจกุ ระแสไฟฟ้าครั้งแรกนานประมาณ 16 ชั่วโมง ก่อนการนาไปใช้งาน และครบ
16 ช่ัวโมงแล้ว ใหน้ าแบตเตอรี่ออกจากเคร่อื งประจุแบตเตอรจ่ี นกวา่ แบตเตอร่ีจะเย็น จงึ จะนาแบตเตอรีไ่ ปใช้
งานได้
2. แบตเตอรี่ (NICKEL CADMIUM) ต้องใชง้ านใหห้ มดกระแสไฟฟ้าจึงจะนาไปประจกุ ระแสไฟฟ้าได้
3. การประจุกระแสไฟฟ้าหลังจากกระแสไฟฟา้ ตามข้อ 2 หมดแล้ว ใหน้ าไปทาการประจุกระแสไฟฟา้ ใหม่ตาม
ระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่
4. ถา้ แบตเตอร่ีใช้งานไมห่ มดกระแสไฟฟ้า ไม่ควร ทาการประจุกระแสไฟฟา้ เนือ่ งจากจะทาให้แบตเตอรี่
เสอ่ื มสภาพเร็วกว่ากาหนด (NICKEL CADMIUM)
5. ถ้าแบตเตอรีส่ กปรกทง้ั ท่ีตัวเครอ่ื งรับ – ส่ง และข้ัวแบตเตอรใ่ี ห้ทาความสะอาดโดยใช้ยางลบสาหรับลบหมึก
ทาความสะอาด
สายอากาศ
1. ความยาวของสายอากาศจะต้องสัมพนั ธก์ ับความถวี่ ทิ ยุท่ีใช้งาน
2. สายอากาศชนดิ ชัก ต้องชักสายอากาศใหส้ ดุ ในขณะใช้งาน และเกบ็ ทลี ะท่อน
การพกพาเคร่อื งวิทยคุ มนาคม
1. วิทยุสอื่ สารใหใ้ ชไ้ ด้เฉพาะพื้นทท่ี ่ีไดร้ บั อนญุ าต
2. การพกพาเคร่ืองวิทยชุ นิดมือถือ ต้องนาใบอนุญาตติดตัวไปด้วย หรอื ถ่ายสาเนาและมีการรับรองสาเนาดว้ ย
3. การพกพาเคร่ืองวิทยุชนดิ มือถือเข้าไปในสถานที่ตา่ ง ๆ ควรพิจารณาถงึ สภาพของสถานท่ดี ว้ ยว่าควรปฏบิ ตั ิ
อยา่ งไร เช่น ในห้องประชมุ ในร้านอาหาร ถา้ จาเปน็ ควร ใช้หฟู งั
4. ขณะพกพาวทิ ยุควรแต่งกายให้เรียบรอ้ ย และมิดชิดโดยสภุ าพ
5. ในกรณีที่มีเจ้าหน้าทีข่ อตรวจสอบ ควรให้ความรว่ มมือ โดยสภุ าพ
ประโยชนข์ องการใช้วิทยุสอื่ สาร มดี งั น้ี
- บคุ คลทว่ั ไปสามารถซ้ือหามาใช้ได้ และไม่มีคา่ ใชจ้ า่ ยรายเดอื น
- ไมพ่ ลาดการติดต่อส่อื สารทาใหก้ ารตดิ ต่อส่ือสารเปน็ ไปอย่างมีประสิทธภิ าพ
- เหมาะสาหรับการใช้งานที่ต้องการจากัดพ้ืนท่ี เช่น ภายในบริเวณพ้ืนท่ีกอ่ สรา้ ง ท่าเรือ ขนสง่
โรงงานอตุ สาหกรรม งานรักษาความปลอดภัย งานประกันภัย เกษตรกรรม การทา่ อากาศยาน โรงแรม
โรงพยาบาล โรงภาพยนตร์ รา้ นอาหาร สถานท่ีท่องเทย่ี ว เป็นต้น
- ใชเ้ ปน็ อุปกรณส์ ่ือสารแทนอุปกรณ์สื่อสารท่ีไม่สามารถตดิ ตอ่ ได้ในพ้ืนที่ ที่จากัด
- ไมจ่ ากดั ระยะเวลาการติดต่อสอ่ื สาร
- สามารถตดิ ตั้งในรถยนต์ได้ โดยใชส้ ายอากาศเพิ่มเตมิ เพ่มิ ขีดความสามารถในการรับสง่ ไดห้ ลายสบิ กิโลเมตร
- สามารถติดตอ่ ระหวา่ งตัวเครื่อง / เคร่อื ง ได้ระยะ 5 - 100 กโิ ลเมตร (ขึน้ อยู่กบั ประเภทของ เครอ่ื ง)
- ระยะเวลาในการใชง้ านสามารถแสตนบายแบตเตอร่ีได้ 1 - 2 วนั
- มีชอ่ งใช้งานหลัก 80 ช่องใหญ่ และมชี ่องย่อยมากกวา่ 4,000 ชอ่ ง

เครดติ https://sites.google.com/site/sumanee120/withyu-suxsar


Click to View FlipBook Version