สูตรขนมไทย โบราณ
คำ นำ รายงานฉบับนี้เนี้ป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ว30296 โดยรายงานนี้ ได้ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ศึกษา อย่างเช่น ประวัติของขนมไทย การ แบ่งประเภทขนมไทย วัตถุดิบอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบขนมไทย และยังรวมถึงขนม ไทยของแต่ละภาค เป็นต้น ขนมไทย ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกินของคนไทย มาอย่างยาวนาน ถึงแม้ปัจจุบันจะขนมคบเคี้ยคี้วที่มีหลากหลายรูปแบบ ต่างรสชาติ ให้เลือกกิน แต่ถ้าขึ้นขึ้ชื่อว่า ขนมไทยยังไงก็เชื่อว่ายังเป็นขนมที่ได้รับความนิยมกันมาก แบบ ไม่มีทางที่จะตกยุคได้ นั้นนั้ เป็นเพราะฝีมือของผู้ทำ ที่ความพิถีพิถันไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ ความสะอาด รสชาติอร่อย หอมหวานนุ่มลิ้นลิ้อีกทั้งทั้สีสันที่สวยงามโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ เฉพาะตัวของขนมแต่ละชนิดนั่นเอง ผู้จัดทำ นางสาว สุเบ็ญญา หาบสา ๑
สาระบัญ เรื่อ รื่ ง หน้า ประวัติ วั ติขนมไทย การเเบ่งประเภทขนมไทย วัต วั ถุดิบในการปรุงขนมไทย ขนมไทยเเต่ละภาค บัวลอยไข่หวาน กล้วยบวชชี สังขยาฟัก ฟั ทอง ขนมต้ม ๔ ๕ ๖-๑๐ ๑๑-๑๓ ๑๔-๑๕ ๑๖-๑๗ ๑๘-๑๙ ๒๐-๒๑
สาระบัญ เรื่อ รื่ ง หน้า ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมชั้น ชั้ ขนมตาล ข้าวต้มมัด คิวอาร์โร์ ค้ดการทำ ขนม สรุป ๒๒-๒๓ ๒๔-๒๕ ๒๖-๒๗ ๒๘-๒๙ ๓๐-๓๑ ๓๒-๓๓ ๓๓-๓๖ ๓๗
ประวัติขนมไทย ขนมไทยนั้น นั้ เกิดมีมานานแล้วตั้ง ตั้ แต่ ประเทศไทยยังเป็นสยามประเทศ ซึ่งสมัย นั้น นั้ ได้ติดต่อ ค้าขายกับต่างชาติ โดยมีการ แลกเปลี่ยนติดต่อกันทั้ง ทั้ ทางด้านสินค้า และวัฒนธรรม ขนมไทยในยุคแรกๆ เป็น เพียงนำ ข้าวไปตำ หรือโม่ให้ได้แป้ง และนำ ไปผสมกับน้ำ ตาล หรือมะพร้าว เพื่อทำ เป็นขนม ๔
ขนมกวน เช่น ขนมลูกชุบ ขนมเปียกปูน ขนมลืมกลืน ขนมกะละแม ขนมตะโก้ ข้าว เหนียวแก้ว ผลไม้กวนชนิดต่างๆ ขนมเชื่อมสด เช่น ขนมทองหยิบ ขนมทองหยอด ขนมฝอยทอง ขนมเม็ดขนุน ขนมกล้วยเชื่อม ขนมมันสำ ปะหลังเชื่อม ขนมเชื่อมแห้ง เช่น ขนมฟักกรอบ มะยมเชื่อมแห้ง ลูกหยีเชื่อมแห้ง ขนมทอด (frying) เช่น ขนมดอกจอก ขนมฝักบัว ขนมมันรังนกข นมกล้วยแขก ขนมกง ขนม ทองพลุ ขนมผิง เช่น ขนมหม้อแกง ขนมบ้าบิ่น ขนมผิง ขนมต้ม เช่น ขนมต้มแดง ขนมต้มขาว ขนมข้าวต้มน้ำ วุ้น ขนมปิ้ง/ย่าง (grilling) เช่น ขนมทองม้วน ขนมทองพับ ขนมนึ่ง เช่น ขนมชั้นชั้ขนมปุยฝ้าย ขนมถ้วยฟู ขนมใส่ไส้ ขนมตาล ขนมกล้วย ขนม ถ้วย 9อื่นๆ เช่น ขนมจ่ามงกุฎ ขนมทองเอก ขนมกลีบลำ ดวน วุ้นกะทิ แป้งจี่ ขนมไทย แบ่งออกเป็น 9 ประเภท คือ ขนมลูกตาลเชื่อม ขนมสาเกเชื่อม การเเบ่งประเภทของขนม ไทย ๕
วัตถุดิบในการปรุงขนมไทย ขนมไทยส่วนใหญ่ทำ มาจากข้าวและจะใช้ส่วนประกอบอื่นๆ เช่น สี ภาชนะ กลิ่นหอมจากธรรมชาติ ข้าวที่ใช้ในขนมไทยมี ทั้ง ทั้ใช้ในรูปข้าวทั้ง ทั้ เม็ดและข้าวที่อยู่ในรูปแป้ง นอกจากนั้น นั้ ยังมี วัตถุดิบอื่นๆ เช่น มะพร้าว ไข่ น้ำ ตาล ซึ่งจะกล่าวถึงราย ละเอียดดังต่อไปนี้ ข้าวและแป้ง การนำ ข้าวมาทำ ขนมของคนไทยเริ่มตั้งตั้แต่ข้าวไม่แก่จัด ข้าวอ่อนที่เป็น น้ำ นม นำ มาทำ ข้าวยาคู พอแก่ขึ้นขึ้อีกแต่เปลือกยังเป็นสีเขียวนำ มาทำ ข้าวเม่า ข้าวเม่าที่ได้นำ ไปทำ ขนมได้อีกหลายชนิด เช่น ข้าวเม่าคลุก ข้าวเม่าบด ข้าวเม่าหมี่ กระยาสารท ข้าวเจ้าที่เหลือจากการรับประทาน และที่นำ ไปทำ เป็นแป้ง เช่น แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว นอกจากนั้นนั้ยังใช้ แป้งมันสำ ปะหลังด้วย ส่วนแป้งสาลีมีใช้น้อย มักใช้ในขนมที่ได้รับอิทธิพล จากต่างชาติ ๖
มะพร้าวและกะทิ มะพร้าวอ่อน ใช้เนื้อผสมในขนม เช่น เปียกสาคู วุ้นมะพร้าว สังขยามะพร้าวอ่อน มะพร้าวทึนทึก ใช้ขูดฝอยทำ เป็นไส้กระฉีก ใช้คลุกกับข้าวต้มมัด เป็นข้าวต้มหัวหงอก และใช้เป็นมะพร้าวขูดโรยหน้าขนมหลายชนิด เช่น ขนมเปียกปูน ขนมขี้หขี้นู ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ ขนมไทย มะพร้าวแก่ นำ มาคั้นคั้เป็นกะทิก่อนใส่ในขนม นำ ไปทำ ขนมได้หลาย แบบ เช่น ต้มผสมกับส่วนผสม เช่นกล้วยบวชชี แกงบวดต่างๆ หรือตักหัวกะทิราดบนขนม เช่น สาคูเปียก ซ่าหริ่ม บัวลอย น้ำ ตาล แต่เดิมนั้นนั้น้ำ ตาลที่นำ มาใช้ทำ ขนมคือน้ำ ตาลจากตาล หรือมะพร้าว ในบางท้องที่ใช้น้ำ ตาลอ้อย น้ำ ตาลทราย ถูกนำ มาใช้ภายหลัง ๗
ไข่ เริ่มเป็นส่วนผสมของขนมไทยตั้งตั้แต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ มหาราชซึ่งได้รับอิทธิพลจากขนมของโปรตุเกส ไข่ที่ใช้ทำ ขนมนี้จนี้ะตีให้ขึ้นขึ้ฟู ก่อนนำ ไปผสม ขนมบางชนิดเช่น ทอง หยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ต้องแยกไข่ขาวและไข่แดงออก จากกัน แล้วใช้แต่ไข่แดงไปทำ ขนม ถั่วและงา ถั่วและงาจัดเป็นส่วนผสมที่สำ คัญในขนมไทย การใช้ถั่วเขียวนึ่งละเอียดมาทำ ขนมพบ ได้ตั้งตั้แต่สมัยอยุธยา เช่นขนมพิมพ์ถั่วทำ ด้วยถั่วเหลืองหรือถั่วเขียวกวนมาอัดใส่พิมพ์ ถั่วและงาที่นิยมใช้ในขนมไทยมีดังนี้ -ถั่วเขียวเลาะเปลือก มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น ถั่วทอง ถั่วซีก ถั่วเขียวที่ใช้ต้องล้างและ แช่น้ำ ค้างคืนก่อนเอาไปนึ่ง -ถั่วดำ ใช้ใส่ในขนมไทยไม่กี่ชนิด และใส่ทั้งทั้เม็ด เช่น ข้าวต้มมัด ข้าวหลาม ถั่วดำ ต้ม น้ำ ตาล ขนมถั่วดำ - ถั่วลิสง ใช้น้อย ส่วนใหญ่ใช้โรยหน้าขนมผักกาดกวน ใส่ในขนมจ่ามงกุฎ ใส่ในรูปที่ คั่วสุกแล้ว -งาขาวและงาดำ ใส่เป็นส่วนผสมสำ คัญในขนมบางชนิดเช่น ขนมเทียนสลัดงา ขนม แดกงา ๘
กล้วย กล้วยมีส่วนเกี่ยวข้องกับขนมไทยหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นขนม กล้วย กล้วยกวน กล้วยเชื่อม กล้วยแขกทอด หรือใช้กล้วยเป็น ไส้ เช่น ข้าวต้มมัด ข้าวเหนียวปิ้งไส้กล้วย ข้าวเม่า กล้วยที่ใช้ ส่วนใหญ่เป็นกล้วยน้ำ ว้า กล้วยแต่ละชนิดเมื่อนำ มาทำ ขนมบาง ครั้ง รั้ จะให้สีต่างกัน เช่น กล้วยน้ำ ว้าเมื่อนำ ไปเชื่อมให้สีแดง กล้วยไข่ให้สีเหลือง เป็นต้น สี สีที่ได้จากธรรมชาติและใช้ในขนมไทย มีดังนี้ -สีเขียว ได้จากใบเตยโขลกละเอียด คั้นคั้เอาแต่น้ำ -สีน้ำ เงินจากดอกอัญชัน เด็ดกลีบดอกอัญชันแช่ในน้ำ เดือด ถ้าบีบ น้ำ มะนาวลงไปเล็กน้อยจะได้สีม่วง -สีเหลืองจากขมิ้นมิ้หรือหญ้าฝรั่นหรือก้านดอกกรรณิการ์ -สีแดงจากครั่ง -สีดำ จากกาบมะพร้าวเผาไฟ นำ มาโขลกผสมน้ำ แล้วกรอง ๙
กลิ่นหอม กลิ่นหอมที่ใช้ในขนมไทยได้แก่ -กลิ่นน้ำ ลอยดอกมะลิ ใช้ดอกมะลิที่เก็บในตอนเช้า แช่ลงในน้ำ ต้มสุกที่เย็นแล้วให้ก้านจุ่มอยู่ในน้ำ ปิดฝาทิ้ง ทิ้ไว้ 1 คืน รุ่งขึ้น ขึ้ จึง กรอง นำ นำ ไปใช้ทำ ขนม -กลิ่นดอกกระดังงา นิยมใช้อบขนมแห้ง โดยเด็ดกลีบกระดังงา มาลนเทียนอบให้หอม ใส่ขวดโหลที่ใส่ขนมไว้ ปิดฝาให้สนิท -กลิ่นเทียนอบ จุดไฟที่ปลายเทียนอบทั้ง ทั้ สองข้างให้ลุกสักครู่ หนึ่งแล้วดับไฟ วางลงในถ้วยตะไล ใส่ในขวดโหลที่ใส่ขนม ปิด ผาให้สนิท -กลิ่นใบเตย หั่นใบเตยที่ล้างสะอาดเป็นท่อนยาว ใส่ลงไปใน ขนม ๑๐
ขนมไทยภาคเหนือ ส่วนใหญ่จะทำ จากข้าวเหนียว และส่วนใหญ่จะใช้วิธีการต้ม เช่น ขนมเทียน ขนมวง ข้าวต้มหัวหงอก มักทำ กันในเทศกาล สำ คัญ เช่นเข้าพรรษา สงกรานต์ ขนมที่นิยมทำ ในงานบุญเกือบทุกเทศกาลคือขนมเทียนหรือ ขนมจ๊อก ขนมที่หาซื้อ ซื้ ได้ทั่วไปคือ ขนมปาดซึ่งคล้ายขนมศิลา อ่อน ข้าวอีตูหรือข้าวเหนียวแดง ข้าวแตนหรือข้าวแต๋น ขนม เกลือ ขนมที่มีรับประทานเฉพาะฤดูหนาว ได้แก่ ข้าวหนุกงา ซึ่งเป็นงาคั่วตำ กับข้าวเหนียว ถ้าใส่น้ำ อ้อยด้วยเรียกงาตำ อ้อย ข้าวแคบหรือข้าวเกรียบว่าว ลูกก่อ ถั่วแปะยี ถั่วแระ ลูกลาน ต้ม ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ขนมพื้น พื้ บ้านได้แก่ ขนมอาละหว่า ซึ่ง คล้ายขนมหม้อแกง ขนมเปงม้ง ซึ่งคล้ายขนมอาละหว่าแต่มี การหมักแป้งให้ฟูก่อน ขนมส่วยทะมินทำ จากข้าวเหนียวนึ่ง น้ำ ตาลอ้อยและกะทิ ในช่วงที่มีน้ำ ตาลอ้อยมากจะนิยมทำ ขนม อีก 2 ชนิดคือ งาโบ๋ ทำ จากน้ำ ตาลอ้อยเคี่ยวให้เหนียวคล้าย ตังเมแล้วคลุกงา กับ แปโหย่ ทำ จากน้ำ ตาลอ้อยและถั่วแปยี มี ลักษณะคล้ายถั่วตัด ขนมไทยเเต่ละภาค ๑๑
ขนมไทยภาคกลาง ส่วนใหญ่ทำ มาจากข้าวเจ้า เช่น ข้าวตัง นางเล็ด ข้าวเหนียว มูน และมีขนมที่หลุดลอดมาจากรั้ว รั้ วัง จนแพร่หลายสู่สามัญ ชนทั่วไป เช่น ขนมกลีบลำ ดวน ลูกชุบ หม้อข้าวหม้อแกง ฝอยทอง ทองหยิบ ขนมตาล ขนมกล้วย ขนมเผือก เป็นต้น ขนมไทยภาคอีสาน เป็นขนมที่ทำ กันง่ายๆ ไม่พิถีพิถันมากเหมือนขนมภาคอื่น ขนมพื้น พื้ บ้านอีสานได้แก่ ข้าวจี่ บายมะขามหรือมะขามบ่ายข้าว ข้าวโป่ง นอกจากนั้น นั้ มักเป็นขนมในงานบุญพิธี ที่เรียกว่า ข้าวประดับดิน โดยชาวบ้านนำ ข้าวที่ห่อใบตอง มัดด้วยตอกแบบข้าวต้มมัด กระยา สารท ข้าวทิพย์ ข้าวยาคู ขนมพื้น พื้ บ้านของจังหวัดเลยมักเป็นขนม ง่ายๆ เช่น ข้าวเหนียวนึ่งจิ้ม จิ้ น้ำ ผึ้ง ผึ้ ข้าวบ่ายเกลือ คือข้าวเหนียวปั้น เป็นก้อนจิ้ม จิ้ เกลือให้พอมีรสเค็ม ถ้ามีมะขามจะเอามาใส่เป็นไส้เรียก มะขามบ่ายข้าว น้ำ อ้อยกะทิ ทำ ด้วยน้ำ อ้อยที่เคี่ยวจนเหนียว ใส่ถั่ว ลิสงคั่วและมะพร้าวซอย ข้าวพองทำ มาจากข้าวตากคั่วใส่มะพร้าว หั่นเป็นชิ้น ชิ้ ๆ และถั่วลิสงคั่ว กวนกับน้ำ อ้อยจนเหนียวเทใส่ถาด ใน งานบุญต่างๆจะนิยมทำ ขนมปาด (คล้ายขนมเปียกปูนของภาค กลาง) ลอดช่อง และขนมหมก (แป้งข้าวเหนียวโม่ ปั้นเป็นก้อน กลมใส่ไส้กระฉีก ห่อเป็นสามเหลี่ยมคล้ายขนมเทียน นำ ไปนึ่ง ๑๒
ขนมไทยภาคใต้ ชาวใต้มีความเชื่อในเทศกาลวันสารท เดือนสิบ จะทำ บุญด้วยขนมที่มีเฉพาะในท้องถิ่น ภาคใต้เท่านั้นนั้เช่น ขนมลา ขนมพอง ข้าวต้มห่อด้วยใบกะพ้อ ขนมบ้าหรือขนมลูกสะบ้า ขนมดีซำ หรือเมซำ ขนมเจาะหูหรือเจาะรู ขนมไข่ปลา ขนมแดง เป็นต้น ตัวอย่างของขนมพื้นพื้บ้านภาคใต้ได้แก่ -ขนมหน้าไข่ ทำ จากแป้งข้าวเจ้านวดกับน้ำ ตาล นำ ไปนึ่ง หน้าขนมทำ ด้วย กะทิผสมไข่ น้ำ ตาล เกลือ ตะไคร้และหัวหอม ราดบนตัวขนม แล้วนำ ไปนึ่งอีกครั้งรั้ -ขนมฆีมันไม้ เป็นขนมของชาวไทยมุสลิม ทำ จากมันสำ ปะหลังนำ ไปต้มให้สุก โรยด้วย แป้งข้าวหมาก เก็บไว้ 1 คืน 1 วันจึงนำ มารับประทาน -ขนมจู้จุน ทำ จากแป้งข้าวเจ้านวดกับน้ำ เชื่อม แล้วเอาไปทอด มีลักษณะเหนียวและอม น้ำ มัน -ขนมคอเป็ด ทำ จากแป้งข้าวเจ้าผสมกับแป้งข้าวเหนียว นวดรวมกับไข่ไก่ รีดเป็นแผ่น ตัดเป็นชิ้นชิ้ๆ เอาไปทอด สุกแล้วเอาไปเคล้ากับน้ำ ตาลโตนดที่เคี่ยวจนเหนียวข้น -ขนมคนที ทำ จากใบคนที ผสมกับแป้งและน้ำ ตาล นึ่งให้สุก คลุกกับมะพร้าวขูด จิ้มจิ้กับ น้ำ ตาลทราย -ขนมกอแหละ ทำ จากแป้งข้าวเจ้ากวนกับกะทิและเกลือ เทใส่ถาด โรยต้นหอม ตัดเป็น ชิ้นชิ้ๆ โรยหน้าด้วย มะพร้าวขูดคั่ว กุ้งแห้งป่น และน้ำ ตาลทราย -ขนมก้านบัว ทำ จากข้าวเหนียวนึ่งสุก นำ ไปโขลกด้วยครกไม้จนเป็นแป้ง รีดให้แบน ตาก แดดจนแห้ง ตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทอดให้สุก ฉาบด้วยน้ำ เชื่อม -ข้าวเหนียวเชงา เป็นข้าวเหนียวนึ่งสุก ตำ ผสมกับงาและน้ำ ตาลทราย -ข้าวเหนียวเสือเกลือก คล้ายข้าวโพดคลุกของภาคกลางแต่เปลี่ยนข้าวโพดเป็นข้าว เหนียวนึ่งสุกและใส่กะทิด้วย ขี้หขี้มาพองเช มีลักษณะเป็นก้อนๆ ทำ จากข้าวเหนียวคั่วสุกจนเป็นสีน้ำ ตาล ตำ ให้ละเอียด เคล้ากับมะพร้าวขูด น้ำ ตาลโตนดที่เคี่ยวจนข้น เคล้ให้เข้ากันดี แล้วปั้นเป็นก้อน -ขนมดาดา เป็นขนมของชาวไทยมุสลิม ใช้ในโอกาสเดียวกับฆานม ประกอบด้วยข้าวเจ้า ข้าวเหนียวผสมน้ำ บดให้ละเอียด นำ ไปละเลงในกระทะที่มีน้ำ มันร้อนๆ พับให้เป็นแผ่น กินกับน้ำ ตาลเหลว -ขนมกรุบ นิยมทำ กันในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ใช้แป้งข้าวเหนียวนวดกับน้ำ อุ่น นำ ไปรีดให้ แผ่บางบนใบตอง นำ ไปนึ่งแล้วตากแดดให้แห้ง แล้วทอดให้กรอบคลุกกับน้ำ ตาลที่เคี่ยว เป็นยางมะตูม -ขนมก้องถึ่ง ทำ จากถั่วลิสงคั่ว คลุกกับน้ำ ตาลร้อนๆ แล้วใช้ไม้ทุบให้ละเอียดจนเป็นแผ่น ตัดเป็นชิ้นชิ้ -ขนมด้วง ทำ จากแป้งมันและแป้งข้าวจ้าว นวดด้วยน้ำ ดอกมะลิ ปั้นเป็นก้อนยาวขนาด ประมาณสี่เซนติเมตร นำ ไปนึ่ง เมื่อสุกให้นำ มาจัดจาน โดยโรยด้วยมะพร้าวขูดหรือ น้ำ ตาลทราย ๑๓
บัวลอยไข่หวาน บัวลอยไข่หวาน บัวลอยสูตรขนมไทยที่หาทานได้ง่าย ถูกใจทุก เพศทุกวัย เพราะด้วยเนื้อบัวลอยแบบเหนียวนุ่ม และสีสันชวนรับประทาน ตัดด้วยน้ำ กะทิหวานมัน กับไข่หวานยิ่งทำ ให้ได้รสชาติที่เข้ากัน ส่วนผสมตัวแป้งบัวลอย แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม แป้งมัน 10 กรัม สีผสมอาหาร น้ำ เปล่า ๑๔
ส่วนผสมน้ำ กะทิ หางกะทิ 2 ถ้วย หัวกะทิ 2 ถ้วย น้ำ ตาลปี๊บ 100 กรัม น้ำ ตาลทราย 80 กรัม เกลือป่น 1/4 ช้อนโต๊ะ ไข่ไก่ วิธีทำ บัวลอยไข่หวาน เริ่มกันที่ทำ แป้งบัวลอย ใส่แป้งข้าวเหนียวลงในชามผสม ตาม ด้วยแป้งมัน และสีผสมอาหาร ในขั้นขั้ตอนนี้หนี้ากใครต้องการ ทำ แป้งบัวลอยหลายสี สามารถแยกชามผสมและแบ่งเทสีผสม อาหารตามที่ต้องการได้เลยค่ะ หลังจากนั้นนั้ค่อยๆ เติมน้ำ เปล่าลงไป พร้อมกับนวดแป้งไป ด้วย ใส่จนครบ 8 ช้อนโต๊ะ หรือจนรู้สึกว่าเนื้อแป้งมีความ เนียนนุ่ม นำ แป้งมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาดประมาณ 1 ซม. ไม่ควร ปั้นขนาดใหญ่มาก เพราะเมื่อแป้งสุกตัวแป้งจะขยายใหญ่ขึ้นขึ้ อยู่แล้ว หลังจากนั้นนั้นำ ไปต้มในน้ำ ที่เดือดจัด เมื่อแป้งลอยตัว ขึ้นขึ้มาให้ช้อนแป้งขึ้นขึ้มาพักไว้ในน้ำ เย็น เตรียมทำ น้ำ กะทิ โดยนำ หางกะทิขึ้นขึ้ตั้งตั้เตาโดยใช้ไฟกลาง ตามด้วยใส่น้ำ ตาลปี๊บ น้ำ ตาลทราย และเกลือ คนส่วนผสม ทั้งทั้หมดให้เข้ากัน ใส่ไข่ลงในกะทิทีละฟอง ระวังอย่าให้ไข่แตก เมื่อไข่สุกแล้วตัก ขึ้นขึ้มาพักทิ้งทิ้ไว้ เติมหัวกะทิลงไปในน้ำ กะทิที่เราต้มเอาไว้แล้ว คนทั้งทั้หมดให้ เข้ากัน หลังจากนั้นนั้จึงนำ แป้งบัวลอยใส่ลงไปในน้ำ กะทิ พร้อม กับต้มทิ้งทิ้ไว้ให้น้ำ กะทิซึมเข้าไปในแป้งบัวลอยให้มีความหวาน มันมากขึ้นขึ้ประมาณ 15 นาที (หากอยากให้แป้งมีความเข้ม ข้นสามารถพักทิ้งทิ้ไว้นานกว่านี้ไนี้ด้) นำ บัวลอยพร้อมกับน้ำ กะทิตักขึ้นขึ้ ใส่ถ้วย พร้อมกับใส่ไข่หวาน และจัดเสิร์ฟได้เลย ๑๕
กล้วยบวชชี กล้วยถือว่าเป็นวัตถุดิบคู่ครัวคนไทย หาซื้อ ซื้ ได้ง่าย มีสารอาหารหลากหลาย จึงทำ ให้ “กล้วยบวชชี” เป็นสูตรขนมไทยยอดฮิตที่ใครได้ทานก็ต้องขอต่อ อีกถ้วย เพราะมีทั้ง ทั้ รสชาติหวาน มัน เค็มจากทั้ง ทั้ กล้วยที่เหนียวหนึบ ไม่เละจนเกินไป ตัดกับน้ำ กะทิ ที่อร่อยลงตัว ส่วนผสมกล้วยบวชชี กล้วยน้ำ ว้าห่าม 8 ลูก หัวกะทิ 225 มล. หางกะทิ 300 มล. น้ำ ตาลปี๊บ 30 กรัม น้ำ ตาลทรายขาว 20 กรัม ใบเตย เกลือ 1/4 ช้อนโต๊ะ แป้งมัน 1 ช้อนชา ๑๖
วิธีทำ กล้วยบวชชี นำ กล้วยน้ำ ว้านึ่งโดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที เพื่อให้ผิว ของกล้วยเริ่มแตกออก หรือหากใครไม่มีที่นึ่งสามารถ ใช้วิธีการต้มกล้วยในน้ำ เดือดแทนได้ค่ะ นำ กล้วยมาปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้น ชิ้ ๆ ให้พอดีคำ ตั้ง ตั้ หม้อโดยใส่หางกะทิลงไปในหม้อ เพื่อเพิ่มความหอม ให้น้ำ กะทิให้ใส่ใบเตยตามลงไปจนน้ำ เดือด หลังจากนั้น นั้ จึงใส่น้ำ ตาลปี๊บ น้ำ ตาลทราย และเกลือ คนให้ส่วนผสม ทั้ง ทั้ หมดเข้ากันดีแล้วจึงใส่กล้วยลงไปในหางกะทิ รอจนน้ำ กะทิเดือดให้ใส่หัวกะทิตามลงไป หากใคร อยากได้น้ำ กะทิที่เหนียวข้นขึ้น ขึ้ สามารถใส่แป้งมันลงไป เพิ่มได้ในขั้น ขั้ ตอนนี้ค่ นี้ ค่ ะ ต้มต่อจนจนน้ำ กะทิ และกล้วยเดือดอีกครั้ง รั้ ระวังอย่า ต้มนานจนเกินไปเพราะอาจจะทำ ให้กล้วยเละได้ค่ะ หลังจากนั้น นั้ พร้อมนำ เสิร์ฟได้เลย ๑๗
สังขยาฟักทอง ขนมที่ผสานผลไม้อย่างฟักทองกับความหวานของ สังขยาอย่างลงตัว เป็นสูตรขนมไทยที่จะให้รสชาติ หวานละมุนลิ้น ลิ้ แบบไม่เลี่ยน เพราะด้วยฟักทองนึ่งจะ ได้เนื้อนุ่มๆ ทานคู่กับสังขยาเนื้อเนียนหวานพอดี รับรองว่าอร่อยแบบเพลินๆ สังขยาฟักทอง ส่วนผสมสังขยาฟักทอง ฟักทอง 1 ลูก กะทิ 200 มล. ไข่ไก่ 2 ฟอง ไข่เป็ด 2 ฟอง น้ำ ตาลปี๊บ 180 กรัม เกลือ 1 ช้อนชา ใบเตย ๑๘
วิธีทำ สังขยาฟักทอง เตรียมฟักทองให้พร้อม โดยนำ ฟักทองที่คว้านฝาแล้วมา คว้านเมล็ดออกให้หมด ให้เหลือเพียงแต่ใยด้านในให้เก็บเอา ไว้ เพื่อช่วยยึดตัวสังขยาไม่ให้หลุดออกเวลานำ ไปนึ่ง หลัง จากนั้น นั้ ล้างทำ ความสะอาดฟักทองทั้ง ทั้ ด้านใน และด้านนอก และพักทิ้ง ทิ้ไว้ให้ฟักทองแห้ง ทำ สังขยาโดยการตอกทั้ง ทั้ไข่ไก่ และไข่เป็ดลงในชามผสม ตามด้วยกะทิ น้ำ ตาลปี๊บ พร้อมเติมกลิ่นหอมด้วยใบเตยลง ไป หลังจากนั้น นั้ ผสมส่วนผสมทั้ง ทั้ หมดให้เข้ากันด้วยวิธีการ ขยำ เพื่อให้ได้สังขยาที่เนื้อเนียน ให้กรองส่วนผสมด้วยผ้า ขาวบาง หรือกระชอนตาถี่ แนะนำ ให้กรองส่วนผสมมากกว่า 1 ครั้ง รั้ เทสังขยาลงในฟักทองในปริมาณที่เหลือบริเวณด้านบนไว้ เล็กน้อย เพราะเมื่อนำ ไปนึ่งสังขยาจะฟูตัวขึ้น ขึ้ มาอีก และหาก เทแล้วเกิดฟองให้ตักออกจนหมดเพื่อให้ได้สังขยาที่หน้า เนียน นำ ฟักทองสังขยาไปนึ่งประมาณ 45 นาที เพื่อความชัวร์ว่า สังขยาสุกดีแล้วให้ใช้ไม้จิ้ม จิ้ ปลายแหลมจิ้ม จิ้ ลงไป ถ้าหากไม่มี เนื้อสังขยาติดขึ้น ขึ้ มาตามไม้จิ้ม จิ้ แสดงว่าเนื้อสังขยาสุกดี แต่ หากจิ้ม จิ้ แล้วติดออกมาให้นึ่งต่อ และใช้วิธีเช็คเรื่อยๆ จากนั้น นั้ ไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้ฟักทองสังขยาเซ็ตตัว และนำ มาจัด เสิร์ฟได้ โดยอาจจะตัดแบ่งเป็นชิ้น ชิ้ ๆ ให้รับประทานได้ง่ายขึ้น ขึ้ ๑๙
ขนมต้ม ขนมต้มอาจจะหาทานยากหน่อยในสมัยนี้ แต่ก็ยังคงเห็นได้ตาม งานมงคลต่างๆ ด้วยความเชื่อว่าเป็นขนมของเทพเจ้า ซึ่ง “ขนม ต้ม” ให้รสสัมผัสแบบเหนียวนุ่มที่ห่อหุ้มด้วยไส้มะพร้าว แบบ หวานกลมกล่อมอย่างลงตัว ขนมต้ม ส่วนผสมทำ ไส้ขนมต้ม มะพร้าวขูด 300 กรัม (แนะนำ ให้ใช้เป็นมะพร้าวทึนทึก หรือ มะพร้าวกลางอ่อนกลางแก่) น้ำ ตาลปี๊บ 200 กรัม น้ำ ลอยดอกมะลิ หรือน้ำ เปล่า ส่วนผสมแป้งขนมต้ม แป้งข้าวเหนียว 300 กรัม น้ำ ใบเตย 80 มล. หัวกะทิ ส่วนผสมคลุกหน้าขนมต้ม มะพร้าวขูด 100 กรัม เกลือป่น 1/2 ช้อนชา ๒๐
วิธีทำ ขนมต้ม นำ มะพร้าวขูด น้ำ ตาลปี๊บ และน้ำ ลอยดอกมะลิ หรือหากไม่มี สามารถใช้น้ำ เปล่าได้ ใส่ทั้ง ทั้ หมดลงในกระทะ ด้วยไฟกลาง และคนจนน้ำ ตาลปี๊บละลายหมด หลังจากนั้น นั้ ให้ใช้ไฟอ่อน และผัดไส้ไปเรื่อยๆ จนแห้งจึงยกลงจากเตา และพักไว้ให้พอ อุ่น เมื่อไส้ขนมต้มเย็นลงแล้วให้นำ มาปั้นเป็นก้อนกลมขนาด ประมาณปลายนิ้ว นิ้โป้ง หากใครอยากให้ขนมต้มมีกลิ่นหอม สามารถนำ ไส้ไปอบควันเทียนได้ในขั้น ขั้ ตอนนี้ จากนั้น นั้ มาทำ ตัวแป้งขนมต้มด้วยการผสมแป้งข้าวเหนียว และ ค่อยๆ ทยอยใส่น้ำ ใบเตย และหัวกะทิเข้าด้วยกัน ค่อยๆ นวด จนส่วนผสมทั้ง ทั้ หมดเข้ากันจึงเติมน้ำ ใบเตย และหัวกะทิเพิ่ม เข้าไปอีก วิธีนี้จ นี้ ะช่วยให้แป้งเหนียวนุ่มขึ้น ขึ้ นำ ผ้าขาวบาง หรือพลาสติกแร็ปมาคลุมแป้งเพื่อพักแป้งทิ้ง ทิ้ไว้ ประมาณ 5 นาที นำ มะพร้าวที่ขูดไว้แล้วไปนึ่งให้สุก แล้วนำ มาคลุกกับเกลือ มาเริ่มนำ ขนมไปต้มให้สุกกันเลย ตั้ง ตั้ กะทะด้วยไฟกลาง ใส่น้ำ เปล่า พร้อมกับใบเตยลงไปเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม เมื่อน้ำ เดือดให้ปั้นแป้งก้อนกลมๆ แล้วจึงแผ่แป้งออกเป็นแผ่ นบางๆ เพื่อใส่ไส้ที่เราเตรียมเอาไว้ ให้ตัวแป้งหุ้มตัวไส้ให้มิด หลังจากนั้น นั้ จึงปั้นแป้งเป็นก้อนกลมๆ ใส่ลงไปในกะทะที่น้ำ เดือดแล้ว รอจนตัวแป้งลอยขึ้น ขึ้ มาบน ผิวน้ำ แล้วจึงค่อยๆ ช้อนตัวแป้งขึ้น ขึ้ มา ระหว่างนั้น นั้ ต้องสะเด็ด น้ำ จากตัวแป้งออกให้มากที่สุด แล้วจึงนำ แป้งที่ได้ไปคลุกกับ มะพร้าวขูดผสมเกลือที่เตรียมเอาไว้ ทำ ต่อจนหมด พร้อมกับ นำ เสิร์ฟได้เลย ๒๑
ทองหยิบ ทองหยิบสูตรขนมไทยที่มีมายาวนาน แต่ด้วยความอร่อยจึง ทำ ให้ยังมีมาถึงปัจจุบัน ความอร่อยของทองหยิบได้มาจากไข่ แดงของไข่เป็ดล้วนๆ กับส่วนผสมของน้ำ เชื่อม เรียกได้ว่า ใครที่หลงรักความหวานจะต้องหลงรักสูตรขนมไทยทอง หยิบแน่นอน เมนูขนมไทยลำ ดับที่ 5 ขนมทองหยิบ ส่วนผสมทองหยิบ ไข่เป็ด 6 ฟอง ไข่ไก่ 6 ฟอง น้ำ ตาลทราย 1 กก. น้ำ เปล่า 1 ลิตร กลิ่นมะลิ 1/2 ช้อนชา ๒๒
วิธีทำ ทองหยิบ นำ กะทะใส่น้ำ เปล่าขึ้น ขึ้ ตั้ง ตั้ไฟกลางตามด้วยน้ำ ตาลทราย ปล่อยให้น้ำ ตาลทราย และน้ำ เปล่าละลายเป็นเนื้อเดียวกัน โดยที่ไม่ต้องคน (หากคนอาจจะทำ ให้น้ำ ตาลเป็นเกล็ด) จึง ตามด้วยกลิ่นมะลิเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมให้กับทองหยอด ตักน้ำ เชื่อมจากในกะทะประมาณ 1 ถ้วยตวง ออกมาเพื่อ พักทิ้ง ทิ้ไว้ให้น้ำ เชื่อมเย็น ส่วนน้ำ เชื่อมในกะทะรอจนน้ำ เชื่อมข้นจึงปิดไฟ แยกไข่ของจากไข่เป็ด และไข่ไก่ แล้วนำ ไข่แดงของทั้ง ทั้ คู่ มากรองด้วยผ้าขาวบางแล้วจึงจำ ไข่แดงตีด้วยตะกร้อจนไข่ แดงขึ้น ขึ้ ฟู จากนั้น นั้ จึงเตรียมนำ ไปหยอดในน้ำ เชื่อม หยอดไข่แดงลงในน้ำ เชื่อมในกะทะ โดยยกช้อนให้ไข่ไหล เป็นสาย และหยอดให้หมดในครั้ง รั้ เดียว โดยไข่ที่ได้จะต้อง มีขนาดใหญ่กว่าเหรียญสิบ และควรหยอดแต่ละชิ้น ชิ้ ให้ห่าง กันในกะทะเพื่อไข่จะได้ไม่ติดกัน เมื่อหยอดไข่เสร็จแล้วจึงเปิดไฟอ่อนๆ เพื่อให้ไข่สุกขึ้น ขึ้ หลังจากนั้น นั้ เมื่อไข่แดงสีเข้มขึ้น ขึ้ ให้กลับด้านไข่ เพื่อให้ไข่สุก ทั้ง ทั้ สองด้าน ตักไข่แดงที่สุกแล้วจากในกะทะไปพักในน้ำ เชื่อมเย็นที่เรา แบ่งเอาไว้เพื่อให้ไข่เย็นตัวลง จับจีบไข่แดงโดยใช้วิธีจับเป็น 3 จีบก่อนจะหย่อนลงไปใน ถ้วยตะไล และทิ้ง ทิ้ไว้ในถ้วยประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อให้ขนม เซ็ตตัวเป็นรูปทรงในถ้วย เมื่อเซ็ตตัวดีแล้วก็เอาออกจาก ถ้วย และพร้อมเสิร์ฟได้เลย ๒๓
ทองหยอด ทองหยอดเป็นขนมที่มักจะมาคู่เสมอกับทอง หยิบที่ถูกเผยแพร่มาตั้ง ตั้ แต่ในสมัยอยุธยา แต่มี จุดเด่นและความอร่อยที่แตกต่างกัน โดยทอง หยอดนั้น นั้ จะมีลักษณะกลม ส่วนผสมทองหยอด ไข่แดงของไข่เป็ด 9 ฟอง แป้งข้าวเจ้า 80 กรัม น้ำ ตาลทราย 500 กรัม น้ำ ลอยดอกมะลิ 300 มล. หรือน้ำ เปล่า ๒๔
วิธีทำ ทองหยอด เทน้ำ ลอยดอกมะลิ หรือหากไม่มีสามารถใช้น้ำ เปล่าได้ ตามด้วยน้ำ เปล่าแล้วจึงนำ ไปตั้ง ตั้ไฟด้วย ไฟแรงจนเดือด แล้วเคี่ยวต่ออีกประมาณ 15 นาที หรือจนน้ำ เชื่อมข้นขึ้น ขึ้ ตามด้วยแบ่งน้ำ เชื่อมประมาณ 1 ถ้วยตวงออกมาพักไว้ให้เย็น ส่วนที่เหลือตั้ง ตั้ไฟต่อไว้เช่นเดิม แยกไข่แดงออกจากไข่ขาว โดยนำ ไข่แดงกรอง ด้วยผ้าขาวบาง และตีจนขึ้น ขึ้ ฟู ตามด้วยใส่แป้ง ข้าวเจ้าลงไปผสมจนเข้ากัน นำ แป้งที่ได้ไปหยอดลงในน้ำ เชื่อมที่เดือด โดยใช้ ปลายช้อนตักแป้งขึ้น ขึ้ มาแล้วใช้ปลายนิ้ว นิ้โป้งดัน ลงไปในกระทะ หรือหากใครสะดวกแบบปั้นเป็น ลูกกลมก็สามารถทำ ได้เช่นเดียวกัน แล้วจึงใส่ลง ไปในน้ำ เชื่อม รอจนแป้งสุกจะลอยขึ้น ขึ้ มาเหนือน้ำ เชื่อม ให้ใช้ กระชอนตักขึ้น ขึ้ มาแล้วพักไว้ในน้ำ เชื่อมเย็นที่เรา แบ่งเอาไว้ พร้อมจัดเสิร์ฟได้เลย ๒๕
ฝอยทอง เชื่อว่า “ฝอยทอง” เป็นขนมไทยสุดโปรดของใคร หลายคน เพราะด้วยสีสันหน้าตาชวนรับประทาน ความอร่อย ทานง่าย สามารถเข้าคู่ทานกับขนมได้ หลายอย่าง ทำ ให้ปัจจุบันเป็นสูตรขนมไทยที่นำ ไป ประยุกต์ทานคู่กับขนมอื่นๆ ได้เยอะแยะมากเลยที เดียว ฝอยทอง ส่วนผสมฝอยทอง ไข่แดงของไข่เป็ด 6 ฟอง ไข่แดงของไข่ไก่ 3 ฟอง น้ำ ค้างไข่ (ไข่ขาวที่เป็นน้ำ ใสๆ ที่ติดอยู่กับเปลือก) น้ำ เปล่า 1 ลิตร น้ำ ตาลทราย 1 กก. กลิ่นมะลิ ไม้ปลายแหลม ๒๖
วิธีทำ ฝอยทอง แยกไข่แดงออกจากไข่เป็น และไข่ไก่ หลังจาก นั้น นั้ กรองไข่แดงทั้ง ทั้ หมด และน้ำ ค้างไข่ด้วยผ้าขาว บาง เพื่อจะทำ ให้ได้เส้นฝอยทองที่สวยเนียน แนะนำ ว่าหากรอบแรกกรองแล้วยังรู้สึกว่าไม่ ละเอียดให้กรองซ้ำ อีกรอบได้ ตั้ง ตั้ไฟกลางโดยใส่น้ำ ตาล และน้ำ เปล่า พร้อมหยด น้ำ มะลิเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม คนจนน้ำ ตาลละลาย เมื่อละลายดีแล้สให้เบาไฟลง รอจนน้ำ เชื่อมในกะทะมีลักษณะเป็นน้ำ พุตรง กลางกระทะ แล้วจึงใช้กรวยโรยฝอยทอง หรือ หากใครไม่มีสามารถใช้ถุงบีบมาม้วนเป็นกรวย แทนได้ โรยไข่แดงเป็นวงกลม หากโรยในระยะ สูงจะได้ฝอยทองเส้นเล็ก แต่หากโรยแบบต่ำ จะ ได้เส้นใหญ่ สามารถเลือกโรยได้ตามใจชอบเลย โรยวนไปเรื่อยๆ ประมาณ 20 รอบ จากนั้น นั้ ให้ใช้ไม้ปลายแหลมเกี่ยวเส้นไข่ที่สุกแล้ว นำ ไปวนในน้ำ เชื่อม พร้อมกับนำ เส้นฝอยทองมา พักบนตระแกรงให้สะเด็ดน้ำ เชื่อมออก แล้วจับ ฝอยทองให้ม้วนพอดีคำ จึงจัดเสิร์ฟ ๒๗
ขนมชั้น ชั้ ขนมไทยที่ยังพบเห็นกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าใครก็คง ต้องรู้จักขนมชั้น ชั้ แน่นอน แม้ว่าชื่อขนมชั้น ชั้ จะฟังดูยาก ต้องทำ หลายขั้น ขั้ ตอน แต่จริงๆ แล้วทำ ได้ง่ายมาก แม้ว่า จะเป็นมือใหม่หัดเข้าครัวก็ทำ ตามได้ ส่วนผสมขนมชั้น ชั้ แป้งมัน 320 กรัม แป้งข้าวโพด 80 กรัม แป้งข้าวเจ้า 80 กรัม แป้งท้าวยายม่อม 40 กรัม น้ำ ตาลทรายขาว 550 กรัม หัวกะทิ 3 ถ้วย น้ำ ลอยดอกมะลิ หรือน้ำ เปล่า 1 ถ้วย สีผสมอาหาร ๒๘
วิธีทำ ขนมชั้น ชั้ ผสมแป้งทั้ง ทั้ หมดเข้าด้วยกัน ทั้ง ทั้ แป้งมัน แป้งข้าวโพด แป้งข้าวเจ้า และแป้งท้าวยายม่อม แล้วพักทิ้ง ทิ้ไว้ นำ น้ำ ลอยดอกมะลิ หรือหากไม่มีสามารถใช้น้ำ เปล่า ได้ขึ้น ขึ้ ตั้ง ตั้ไฟ พร้อมใส่น้ำ ตาลตามลงไป เมื่อน้ำ ตาล ละลายดีแล้วให้ยกลงจากเตาและพักทิ้ง ทิ้ไว้ให้เย็น เมื่อน้ำ เชื่อมเย็นแล้วให้ใส่หัวกะทิ พร้อมกับคนให้เข้า กัน แล้วจึงนำ หัวกะทิและน้ำ เชื่อมไปผสมกับแป้งที่เรา เตรียมเอาไว้ แนะนำ ให้ค่อยๆ เททีละนิดพร้อมคลุก เคล้าไปด้วย โดยขยำ ให้แป้งเข้ากันดีใช้เวลาประมาณ 20 นาที นำ แป้งที่ได้มากรองกับกระชอนตาถี่เพื่อให้ได้แป้งที่ เนื้อเนียนละเอียด หลังจากนั้น นั้ จึงแบ่งแป้งออกเป็น 2 ส่วน แล้วนำ ส่วนผสมที่ 1 ใส่สีผสมอาหารลงไป สามารถใช้ได้ทั้ง ทั้ สีเขียว หรือสีฟ้าได้ตามใจชอบ เตรียมนึ่งโดยนำ ถาดพิมพ์มาเตรียมเอาไว้ แล้วเทแป้ง ที่ผสมสีลงไปก่อน โดยให้มีความหนาประมาณ 2 มล. แล้วนำ ไปนึ่งประมาณ 10 นาที จากนั้น นั้ จึงเทแป้งสี ขาวตามลงไปทับด้วยความหนาพอๆ กัน แล้วจึงทำ แบบนี้ส นี้ ลับสีกันไปเรื่อยๆ เมื่อทำ ครบแล้ว ทิ้ง ทิ้ไว้ให้ขนมชั้น ชั้ ของเราเย็นลง แล้ว จึงตัดพร้อมเสิร์ฟ ๒๙
ขนมตาล ขนมไทยสีสันจัดจ้านสีเหลืองเด่นที่มีฐานห่อด้วย ใบตอง โรยด้วยมะพร้าวอ่อน ที่น่ารับประทานด้วย เนื้อนุ่มๆ และกลิ่นหอมละมุนจากทั้ง ทั้ใบตอง และเนื้อ ลูกตาล ยิ่งทานร้อนๆ สดใหม่จากเตานึ่งรับรองว่ายิ่ง ฟิน เป็นสูตรขนมไทยที่ทำ ได้ง่ายกว่าที่คิด ถ้าพร้อม แล้วมาลงมือทำ กันเลย ส่วนผสมขนมตาล เนื้อลูกตาลสุก 200 กรัม แป้งข้าวเจ้า 350 กรัม น้ำ ตาลทราย 320 กรัม เกลือ 1/2 ช้อนชา หัวกะทิ 300 มิลลิลิตร ผงฟู มะพร้าว (ขูด) ๓๐
วิธีทำ ขนมตาล นำ กะทิและน้ำ ตาลเทลงในชามผสม คนจน น้ำ ตาลละลายแล้วจึงใส่เนื้อลูกตาลสุกลงไป พร้อมตีให้เข้ากัน ใส่แป้งข้าวเจ้า ผงฟู และเกลือตามลงไป ตี ผสมให้ส่วนผสมทั้ง ทั้ หมดเข้ากัน หลังจากนั้น นั้ กรองส่วนผสมทั้ง ทั้ หมดด้วยผ้าขาวบางหรือ ตระแกรงตาถี่เพื่อให้เนื้อแป้งเนียนละเอียด พร้อมพักแป้งทิ้ง ทิ้ไว้ 10 นาที นำ ใบตองมาพักเป็นทรงกลมแบบถ้วย สำ หรับเป็นนพิมพ์ใส่ขนม และนำ ไปนึ่งก่อน ประมาณ 1 นาที เพื่อไม่ให้แป้งติดพิมพ์ เทแป้งลงในพิมพ์ใบเตย โดยใช้เวลานึ่ง ประมาณ 20 นาที สามารถใช้ไม้ปลาย แหลมจิ้ม จิ้ เช็คก่อนได้ว่าสุกหรือไม่ หากยัง ไม่สุกสามารถนึ่งเพิ่มได้ เมื่อสุกแล้วนำ ยกลงจากเตา ใส่มะพร้าวขูด โรยหน้า พร้อมจัดเสิร์ฟได้เลย ๓๑
ข้าวต้มมัด ขนมไทยที่มาด้วยใบตองห่อหุ่ม ก่อนจะแกะออกมาเจอ กับข้าวเหนียวที่สอดไส้ไส้กล้วย ไส้เผือก และถั่วดำ มีทั้ง ทั้ รสชาติหวาน มัน และความเหนียวนุ่มของข้าวเหนียว ให้ รสชาติที่ผสมกันออกมาแล้วลงตัวละมุนลิ้น ลิ้ สุดๆ ส่วนผสมข้าวต้มมัด ข้าวเหนียวเขี้ย ขี้ วงูดิบ 320 กรัม หัวกะทิ 480 กรัม ถั่วดำ 80 กรัม น้ำ ตาลทราย 200 กรัม เกลือป่น 2 ช้อนชา ใบเตย กล้วยน้ำ ว้าสุก หรือเผือกกวน อุปกรณ์สำ หรับห่อขนม ใบตอง ตอก หรือเชือกสำ หรับห่ออาหาร ๓๒
วิธีทำ ข้าวต้มมัด นำ ข้าวเหนียวเขี้ย ขี้ วงูไปล้างก่อนจะนำ ไปแช่ด้วยน้ำ เปล่า ข้ามคืน หรือหากรีบให้แช่ทิ้ง ทิ้ไว้ประมาณ 5 ชั่วโมงขึ้น ขึ้ ไป หลังจากนั้น นั้ ให้ตักขึ้น ขึ้ สะเด็ดน้ำ พร้อมพักทิ้ง ทิ้ไว้ ล้างถั่วดำ แล้วแช่ไว้ข้ามคืนเช่นเดียวกัน ก่อนจะนำ ไปต้ม ด้วยน้ำ เดือดประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วตักมาพักทิ้ง ทิ้ไว้ให้ แห้ง ใส่หัวกะทิ และเกลือลงในกระทะด้วยไฟกลาง คนส่วน ผสมไปทางเดียวกันจากนั้น นั้ จึงใส่ใบเตยเพิ่มกลิ่นหอม เมื่อกะทิเดือดให้ใส่ข้าวเหนียวลงไป คนเบาๆ ให้ส่วน ผสมไปทางเดียวกัน ระวังอย่าให้ข้าวเหนียวเม็ดหักจะ ทำ ให้ข้าวต้มมัดไม่สวย คนไปเรื่อยๆ จนข้าวเหนียวดูดน้ำ กะทิเข้าไป ผัดต่อไปเรื่อยๆ แล้วจึงใช้ไฟอ่อน จะสังเกต ได้ว่าข้าวเหนียวสุก และเริ่มแห้ง ใส่น้ำ ตาลทรายตามลงไปพร้อมกับคน จนข้าวเหนียวมี ความเงาจึงปิดไฟยกลงจากเตา นำ ถั่วดำ วางลงในใบตองเตรียมห่อ แล้วจึงใส่ข้าวเหนียวที่ ผัดเอาไว้ตามลงไป ตามด้วยกล้วยที่ผ่าครึ่งท่อน แล้วจึง ตักข้าวเหนียวอีกรอบเพื่อทับหน้ากล้วย พับใบตองเป็นรูปสามเหลี่ยม พร้อมจับจีบห่อให้สวยงาม ห่อเป็นสองชิ้น ชิ้ ก่อนจะนำ มาประกบและมัดกัน นำ ข้าวต้มมัดไปเตรียมนึ่งด้วยไฟแรง ใช้เวลานึ่งประมาณ 2 ชั่วโมง เตรียมจัดเสิร์ฟได้เลย ๓๓
คลิปวิดี วิ ดีโอการทำ ขนมไทย บัวลอยไข่หวาน กล้วยบวชชี สังขยาฟักทอง ขนมต้ม ๓๔
ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมชั้น ชั้ ขนมตาล ๓๕
ข้าวต้มมัด ๓๖
และนี่คืนี่คือประวัติวั ติของขนมไทย การเเบ่งประเภทของ ขนมไทย วัตวัถุดิบในการปรุงขนมไทย ขนทไทยเเต่ ละพื้น พื้ ภาค เเละ 10 สูตรขนมไทยที่คัที่คัดมาให้แล้วว่าว่ เป็น ป็ สุดยอดขนมไทยที่ใที่ห้รสชาติอร่อร่ย เนื้อ นื้ สัมผัสที่ ดีเยี่ยยี่ม และวิธีวิธีการทำ ที่ไที่ม่ยากจนเกินไป ใครจะทำ เป็น ป็ ของว่าว่งให้กับคนในครอบครัวรัหรือรืของหวาน ล้างปากก็บอกเลยว่าว่เป็น ป็ สูตรขนมไทยที่ใที่ครได้ทาน รับรัรองว่าว่จะต้องติดใจอย่างแน่นอนค่ะ ขอบคุณค่ะ ๓๗