The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sumate962, 2019-07-12 05:34:37

Lesson 2 Reproduction

Lesson 2 Reproduction

การสืบพันธ์ุ (Reproduction) หมายถึง การทาให้เกิดสงิ่ มชี วี ติ ตวั ใหม่ ที่มลี ักษณะ
เหมือนตนเอง การสืบพนั ธจ์ุ งึ เป็นสมบัติที่สาคญั ทีส่ ุดของสิง่ มีชวี ติ ทาใหส้ ง่ิ มีชีวิตดารง
เผ่าพันธ์ุอยู่ในโลกตอ่ ไปได้

การสบื พันธมุ์ ี 3 แบบ คอื
1. การสืบพันธแ์ุ บบไมอ่ าศยั เพศ (Asexual reproduction) เป็นการทาให้

เกดิ สง่ิ มีชีวติ ใหมจ่ ากส่งิ มชี วี ิต เดิมด้วยวธิ กี ารตา่ งๆโดยไมต่ ้องใช้เซลล์สืบพนั ธ์ุ
2. การสืบพนั ธุ์แบบอาศัยเพศ (Sexual reproduction)เป็นการสืบพันธุ์ที่มี

การสรา้ งเซลลส์ ืบพันธุ์เพศผู้ และเพศเมยี แลว้ มาผสมกัน เรยี กว่า การปฏิสนธิ
(Fertilization) หรือเกดิ จากการเปลยี่ นแปลงของเซลล์สืบพันธุไ์ ปเปน็ เอ็มบรโิ อ
โดยตรง

3. การสบื พันธุแ์ บบพรหมจรรย์ (Pathenogenesis) เซลล์ไขเ่ จริญเป็น
สิง่ มีชวี ติ ทส่ี มบูรณ์โดยไมต่ ้องมกี ารปฏิสนธิ

การสบื พนั ธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ (Asexual reproduction)

การสบื พันธแุ์ บบไมอ่ าศยั เพศ (Asexual reproduction) พบได้ในสัตว์ทม่ี ี
โครงสร้างไมซ่ บั ซ้อนโดยการผลติ สง่ิ มชี ีวติ ตัวใหม่จากส่ิงมีชวี ติ เดิม ไดแ้ ก่ การงอกใหม่
การแตกหนอ่ เปน็ ต้น

การงอกใหม่ (Regeneration)
เปน็ การทาใหส้ ่วนของร่างกายทีข่ าดหายไปหรอื สญู เสียไปด้วยสาเหตุใดกต็ าม
สามารถเจรญิ เติบโตใหม่ ได้ทาให้มีจานวนเพิม่ ขึ้น เชน่ ไฮดรา พลานาเรีย ดาวทะเล
การแตกหนอ่ (Budding)
พบในฟองนา้ และไฮดรา สามารถสร้างสง่ิ มีชีวิตตัวใหมจ่ ากเซลล์หรือกล่มุ เซลลต์ ัว
เดมิ เรียกวา่ หนอ่ (bud) ซ่ึงหน่อจะหลดุ ออกมาจากตัวเดมิ แล้วเจริญเติบโตตอ่ ไป

การงอกใหม่ (Regeneration)

การแตกหน่อ (Budding)

การสืบพันธ์ขุ องสงิ่ มชี ีวิตเซลล์เดียว

การสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวมีทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ
การสืบพันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ ส่วนใหญ่เป็นการแบ่งเซลล์เป็นสองส่วนเท่าๆกัน
(binary fission)เช่น อะมีบา พารามีเซียม และยูกลีนาหรือบางชนิดอาจสืบพันธุ์
โดยการแตกหน่อ(budding) เช่น ยีสต์ บางชนิดมีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ
สาหรับการสืบพันธุ์ท่ีเรียกว่า Conjunction พบในพารามีเซียม โดยพารามีเซียม
2 ตัว จะมาจับคู่กัน เพ่ือแลกเปล่ียนสารพันธุกรรมในไมโครนิวเคลียส จากน้ันจึง
แยกกนั แตล่ ะตวั ก็จะแบง่ ตัวต่อไป จากการ Conjunction 1 คร้งั จะได้
พารามีเซียมท้งั ส้ิน 8 ตวั

ขอ้ ดขี องการสบื พันธุแ์ บบไม่อาศัยเพศ

1. เพม่ิ จานวนได้รวดเรว็
2. สืบพันธุ์ไดด้ ้วยตัวเอง
3. ไมม่ กี ารกลายพนั ธ์ุ (No variation)

ขอ้ เสยี ของการสบื พนั ธุแ์ บบไม่อาศยั เพศ

สงิ่ มีชีวิตทเี่ กิดข้นึ ใหม่ ปรบั ตวั ให้เขา้ กบั สิ่งแวดล้อมทเี่ ปลย่ี นไปไดน้ ้อย
เพราะยีนคงที่ มโี อกาสสูญพนั ธ์ุได้งา่ ย และไมม่ คี วามหลากหลายทางพันธกุ รรม

การสืบพนั ธุ์แบบอาศยั เพศ (Sexual reproduction)

การสบื พันธุแ์ บบอาศัยเพศ (Sexual reproduction) เป็นการสบื พนั ธุ์ที่มี
การสรา้ งเซลล์สบื พนั ธ์ุเพศผูแ้ ละเพศเมยี แล้วมาผสมกัน เรียกว่า การปฏิสนธิ
(Fertilization) หรือเกิดจากการเปล่ียนแปลงของเซลล์สืบพันธไุ์ ปเป็นเอม็ บรโิ อ
โดยตรง ซง่ึ มี 2 แบบ คอื การปฏิสนธิภายนอกตวั (External fertilization) และ
การปฏิสนธภิ ายในตวั (Internal fertilization)

ขอ้ ดีของการสืบพันธ์แุ บบอาศยั เพศ
สง่ิ มีชวี ิตท่เี กดิ ข้นึ ใหมม่ ีความหลากหลายทางพันธุกรรม (Genetic variation) สามารถ

ดารงชีวติ ไดใ้ นสภาพแวดล้อมท่เี ปลย่ี นไปตามกาลเวลาได้ดี

ข้อเสยี การสบื พนั ธ์ุแบบอาศัยเพศ
• เพมิ่ จานวนได้ชา้
• สญู เสียพลงั งานมาก

การสืบพนั ธุ์แบบพรหมจรรย์ (Pathenogenesis)

การสืบพันธแ์ุ บบพรหมจรรย์ (Pathenogenesis) จดั เป็นการสบื พันธุ์
แบบอาศยั เพศ เพราะมกี ารสรา้ งเซลล์สืบพันธุ์ เซลล์ไข่เจริญเป็นสงิ่ มีชวี ติ ที่
สมบูรณโ์ ดยไมต่ อ้ งมีการปฏิสนธิ เชน่ ผ้งึ มด ต่อ แตน สาหรับผ้งึ น้นั ไขท่ ี่มี
การปฏิสนธิจะเจริญเป็น นางพญาและผึ้งงานทเ่ี ปน็ ตวั เมยี สว่ นไขท่ ่ไี ม่มี
การปฏสิ นธจิ ะเจริญเปน็ ผึง้ ตวั ผแู้ ละมีโครโมโซมเปน็ คร่งึ หนงึ่ ของตัวเมีย

การสืบพันธข์ุ องพลานาเรีย

พลานาเรียเปน็ สัตวท์ มี่ อี วยั วะเพศทง้ั สองเพศในตวั เดียวกนั
การปฏิสนธเิ ปน็ การผสมข้ามตวั โดยพลานาเรยี จะจบั คู่และ
แลกเปล่ียนอสจุ กิ ัน อสจุ จิ ะเคลื่อนไปตามท่อนาไข่แล้วเกิดการ
ปฏิสนธิกบั เซลลไ์ ขใ่ นท่อนาไข่

การสืบพันธขุ์ องไส้เดอื นดนิ

ไส้เดือนดิน 2 ตัวจะมาจับคู่สลับหัวสลับหางกัน อสุจิจากตัวที่หน่ึงจะ
สง่ ไปยังชอ่ งรบั อสุจขิ องอีกฝ่ายหนง่ึ ต่อมา 2-3 วัน ไส้เดอื นดนิ จะสรา้ ง
ถุงหุ้มเซลลไ์ ขข่ ้ึนและปล่อยไข่ออกมาท่ีถุงหุ้มเซลล์ไข่เซลล์ไข่ที่ผสมกับอสุจิ
จะพกั อยูใ่ นถุงหุม้ เซลลไ์ ข่และเจรญิ เปน็ ตวั ในระยะเวลาตอ่ มา

การสืบพนั ธุข์ องไฮดร้า

ไฮดราเปน็ สตั ว์ทมี่ ีอวัยวะเพศทัง้ สองเพศในตัวเดยี วกันการปฏิสนธิ
เปน็ การผสมขา้ มตัวเนอื่ งจากไข่ และอสจุ เิ จริญไมพ่ ร้อมกัน

การสบื พันธ์ุของแมลง

แมลงเปน็ สัตวแ์ ยกเพศ มกี ารปฏิสนธภิ ายใน เมอ่ื มกี ารผสมกนั แมลงเพศผู้
จะหล่ังอสุจอิ อกทางองคชาตเข้าสู่ระบบสืบพันธ์ุของเพศเมีย อสุจิจะผ่านช่อง
คลอดของเพศเมียไปผสมกับเซลล์ไข่ท่ีผลิตจากรังไข่ตรงบริเวณท่อนาไข่
นอกจากน้ีแมลงเพศเมียบางชนิดมีสเปอร์มาทีกา เพื่อเก็บสะสมอสุจิไว้ผสม
กบั เซลลไ์ ขด่ ้วย

การสบื พนั ธข์ุ องสตั ว์มีกระดกู สนั หลังจะมอี วยั วะแยกกนั อย่างชดั เจน
โดยสตั ว์ตวั ผูม้ กั จะมสี ีเข้มกวา่ ตวั เมีย หรอื มเี สียงไพเราะกว่า เพราะเป็นฝ่าย
ดงึ ดดู ให้ตวั เมยี เขา้ ไปหา สาหรบั การปฏิสนธมิ ที ้งั ภายใน และภายนอกตวั เมยี

การสบื พันธข์ุ องสัตวน์ ้า

สตั วท์ อี่ ย่ใู นน้า เชน่ ปลา ส่วนใหญ่เมือ่ สร้างเซลลไ์ ขแ่ ละอสจุ แิ ล้วจะ
สง่ ออกมาทางท่อสืบพันธ์นุ อกลาตัว ออกลูกเป็นตวั เรยี กวา่
Oviparous animal

การสบื พนั ธขุ์ องสตั วส์ ะเทินน้าสะเทินบก

สัตวส์ ะเทนิ น้าสะเทนิ บก เชน่ กบ เขียด คางคก อึ่งอา่ ง อาศัยบนบกแต่
ผสมพนั ธ์ใุ นน้าโดยทัง้ คู่ต่างปล่อยเซลลส์ ืบพันธุล์ งในน้าออกลกู เปน็ ไข่
เรยี กว่า Oviparous animal

การสบื พนั ธขุ์ องสัตวป์ กี

สตั ว์ปกี เชน่ นก ไก่ เป็ด มีการปฏิสนธิภายในตวั เมีย วางไขบ่ นบก ไข่มเี ปลือกหุ้ม
ออกลูกเปน็ ไข่ เรยี กวา่ Oviparous animal

การสบื พนั ธข์ุ องสตั ว์เล้ือยคลาน

สตั ว์เลอ้ื ยคลาน เชน่ เตา่ จระเข้ มีการปฏิสนธิภายนอก โดยตวั เมียวางไข่บนบกไขม่ ี
เปลือกห้มุ ออกลูกเปน็ ไข่เรียกว่า Oviparous animal

การสบื พนั ธุข์ องสัตว์เลีย้ งลกู ดว้ ยนา้ นม

สตั วเ์ ล้ียงลกู ด้วยน้านม เชน่ สุนัข แมว ลิง มกี ารปฏสิ นธิภายในลาตัว ตวั อ่อนเจริญ
ภายในตวั แม่ และออกลูกเปน็ ตวั เรียกวา่ Viviparous animal

การสบื พนั ธุข์ องคนมลี กั ษณะ ดงั นี้
• มีการรวมตัวกนั ของอสจุ ิกบั เซลล์ไขใ่ นร่างกายเกิดเป็นไซโกต
• ไซโกตเจรญิ เติบโตเป็นเอม็ บรโิ อเ อ็มบริโอ
• เอม็ บรโิ อท่มี ีอายุเข้าสเู่ ดือนที่ 3 เรยี กวา่ ฟตี สั (Fetus)
• เม่อื อายุครบ 9 เดือนจะคลอดออกมาเปน็ ทารก

โครงสร้างของระบบสบื พนั ธุ์เพศชาย

โครงสรา้ งของระบบสบื พนั ธ์เุ พศชาย

• ตอ่ มสรา้ งน้าเลี้ยงอสุจิ(seminal vesicle)สร้างอาหารมาหลอ่ เลยี้ งตวั อสุจิ อาหาร
ประกอบดว้ ย นา้ ตาลฟรกั โทส วติ ามินซี โกลบวิ ลิน
• ตอ่ มลูกหมาก(prostate gland)สรา้ งสารท่เี ปน็ เบสอ่อน ลดความเปน็ กรดในทอ่ ขับ
ปสั สาวะและในระบบสืบพันธุข์ องเพศหญิง
• ตอ่ มคาวเปอร์ (cowper’s gland)สรา้ งสารเมือกไปหล่อล่ืนท่อปสั สาวะ เม่ือได้รบั
การกระตุ้นทางเพศ
• หลอดนาอสุจิ (vas deferens)เปน็ ทางผา่ น และเปน็ ทีท่ ่ีมกี ารตัดและผกู เมือ่ มีการทา
หมันถาวรในเพศชาย น้าอสจุ ิ(semen)ประกอบดว้ ยตวั อสุจิและของเหลวโดยเฉลยี่
เพศชายจะมกี ารหลง่ั อสุจคิ รั้งละ 3ลกู บาศก์เซนติเมตร มอี สจุ ปิ ระมาณ
300-500 ล้านตัว
• ท่อขบั ปสั สาวะ(Uretha)เป็นทางออกของตัวอสจุ ิและนา้ ปัสสาวะออกสภู่ ายนอก
• หลอดเกบ็ อสจุ ิ(Epidermis)เปน็ ทีพ่ ักและเพม่ิ ความแขง็ แรง อสุจจิ ะพฒั นาตอ่ จนเจรญิ
เตม็ ท่ี จึงถือวา่ เป็นแหลง่ เพิม่ สมรรถนะของตวั อสุจิ
• อัณฑะ ทาหนา้ ที่ สรา้ งตัวอสจุ แิ ละฮอร์โมนเพศชาย (testosterone)

- ส่วนหัวของสเปิรม์ มี haploid nucleus และ acrosome ทม่ี ี
เอนไซม์ hyaluronidase ชว่ ยในการเข้าไปเจาะภายในเซลลไ์ ข่

- สว่ นลาตวั มีไมโทคอนเดรยี (Mitochondria) ลักษณะเปน็ เกลียว
ทาหนา้ ท่ีสรา้ งพลังงานให้ตัวอสจุ ิ

- ส่วนหางมีแฟลเจลลัม (Flagellum) ชว่ ยในการเคล่ือนท่ี

โครงสรา้ งของระบบสบื พันธเ์ุ พศหญงิ

โครงสร้างของระบบสืบพันธ์ุเพศหญิง

• ท่อนาไข่ (oviduct)
• มดลกู (uterus)ประกอบดว้ ยเน้ือเยอ่ื 3 ชัน้ คือ

- endometrium
- myometrium
- serosa
• ปากมดลกู (cervic) เปน็ สว่ นของมดลูกทต่ี ิดกบั ชอ่ งคลอด
• รังไข(่ ovary) สรา้ งไขแ่ ละสรา้ งฮอร์โมนเพศหญงิ (estrogen)
• ช่องคลอด(vagina) เป็นทางผ่านของประจาเดอื น ทารกในครรภ์
และทางผา่ นของอสุจเิ ขา้ ผสมกบั ไข่

การสรา้ งเซลล์สืบพันธ์ุ (Gametogensis) กระบวนการตั้งแตเ่ ซลล์มกี าร
แบง่ ตัวแบบไมโอซิสผา่ นขนั้ ตอนต่างๆจนได้เซลลส์ บื พันธแุ์ บง่ ออกเป็นกระบวนการ
สร้างอสจุ ิ (spermatogenesis) และ กระบวนการสร้างไข่ (Oogenesis)

• เซลล์ไขอ่ ยูใ่ นระยะโอโอไซต์ระยะที่สองหลดุ ออกจากฟอลลิเคลิ
• อสุจเิ จาะผิวเซลลโ์ อโอไซต์ระยะที่สองจะแบง่ เซลลแ์ บบไมโอซิสครั้งทีส่ องไดเ้ ปน็
เซลล์ ไข่1เซลล์ และโพลาร์บอดี 1 เซลล์ เซลล์ที่ไดเ้ ป็นเซลล์ แฮพลอยด์
• นิวเคลยี สของอสจุ กิ ับนิวเคลยี สของเซลลไ์ ขเ่ กิดเปน็ ไซโกต และฝงั ตวั ที่ผนังมดลกู
• เซลล์ไข่หากไม่ได้รับการผสมใน 24 ชวั่ โมงจะสลายตัวไป

1. จงบอกบทบาททีส่ าคญั หรือหน้าทีท่ เ่ี ด่นชัดของนกั วิทยาศาสตรต์ อ่ ไปน้ี

- โบเธียส - แวน เฮลมองต์

- ฟรานซินโก เรดิ - แอนโทนี่ แวน ลวิ เวนฮอค

- หลยุ ส์ โจบลอท - วอน เฮอร์ตวกิ

- จอหน์ เทอร์เบอร์วิลเล นดี แฮม

2. จงอธิบายการสืบพันธ์ุแบบไมอ่ าศยั เพศ ดงั ต่อไปน้ี

- การแบง่ เป็นสองสว่ น - การแตกหนอ่

- การงอกใหม่ - การสร้างสปอร์

3. จงเปรียบเทียบข้อแตกตา่ งระหวา่ งการแบง่ เซลล์แบบไมโตซิส กับ

การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส

4. จงบอกกระบวนการแบง่ เซลลข์ องไมโตซสิ

และลักษณะของโครโมโซมในแตล่ ะระยะมาพอเข้าใจ

5. จงบอกหน้าที่ทส่ี าคญั ของอวัยวะสบื พันธ์ุต่อไปนี้

- ถุงอัณฑะ - อณั ฑะ

- ทอ่ พกั อสจุ ิ - ท่อนาอสุจิ

- ถุงสร้างน้าเล้ยี งอสจุ ิ - ตอ่ มลูกหมาก

- ต่อมคาวเปอร์ - มดลกู

- ปีกมดลูก - เวสติบูล


Click to View FlipBook Version