The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sumate962, 2019-07-20 10:33:33

Lesson 7 Organism & Environment

Lesson 7 Organism & Environment

ความหมายของระบบนเิ วศ

ระบบนิเวศ (Ecosystem) หมายถงึ ระบบความสมั พันธข์ องส่งิ มีชีวิต
ในแหล่งท่ีอยู่แหล่งใดแหล่งหนึ่ง ซ่ึงความสัมพันธ์ดังกล่าวจะเป็นไปใน 2
ลกั ษณะ คือ ความสัมพนั ธข์ องส่งิ มีชีวติ กับสิง่ มีชีวิต และความสมั พันธ์ของ
สิ่งมีชวี ิตกับสง่ิ ไม่มชี วี ติ วชิ าทศ่ี ึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิต
กับแหลง่ ที่อย่อู าศัยและสิง่ แวดลอ้ ม เรียกวา่ นเิ วศวิทยา (Ecology)

ความหมายของกลุ่มส่ิงมีชวี ติ

กลมุ่ สิ่งมชี ีวิต (Community) หมายถึง บรรดาสิ่งมีชีวิตหลาย ๆ ชนิด
ที่มากกว่าหนึ่งชนิดขึ้นไป มาอาศัยอยู่ร่วมกัน สมาชิกแต่ละหน่วยมี
ความสัมพันธ์กันโดยตรงหรือโดยทางอ้อม และต่างก็มีความสาคัญต่อ
กลมุ่ สิง่ มีชวี ติ ตามบทบาทและหนา้ ทข่ี องตัวเอง

ความหมายของท่ีอยู่อาศยั

แหล่งที่อยู่อาศัย (Habitat) หมายถึง บริเวณหรือสถานที่ที่กลุ่ม
ส่งิ มชี ีวิตอาศยั อยซู่ ่งึ จะมีสภาพแวดล้อมของแหล่งท่ีอย่แู ตกต่างกันไป ระบบ
นิเวศขนาดใหญ่มาก ๆ เรียกว่า ไบโอม (Biom) หรือชีวภูมิภาค
ไบโอทั้งหมดรวมกันเป็นโลกของสิ่งมีชีวิต หรือชีวาลัย (Biosphere)
หรอื เป็นระบบนเิ วศของโลก

แสดงโลกของสิ่งมชี ีวติ

โลกของสิ่งมีชีวติ (Biosphrer)

ชีวภูมิภาค(Biome)
ระบบนิเวศ(Ecosystem)

องค์ประกอบท่ีมชี ีวติ องค์ประกอบที่ไม่มชี ีวติ
กลุ่มสิ่งมชี ีวติ (Community) แหล่งท่ีอยู่อาศัย(Habitat)

ประเภทของระบบนเิ วศ

1. ระบบนเิ วศตามธรรมชาติ ไดแ้ ก่
1.1 ระบบนิเวศบนบก (Terrestrial Ecosystem)
1.2 ระบบนเิ วศนำ้ จืด (Fresh Water Ecosystem)
1.3 ระบบนเิ วศน้ำเค็ม (Marine Ecosystem)

2. ระบบนเิ วศที่มนษุ ย์สร้างขึ้น





ระบบนิเวศท่มี นษุ ยส์ ร้างข้นึ

ความสัมพันธ์ของสงิ่ มีชวี ิตในระบบนเิ วศ

สิ่งมีชวี ิตในระบบนเิ วศมคี วามสัมพนั ธ์กัน 2 ลักษณะ ดงั นี้
1. ความสมั พันธ์ระหว่างสง่ิ มีชวี ิตกับสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพ

สภาพแวดล้อมทางภาพ เช่น แสงสว่าง อุณหภูมิ แร่ธาตุและ
ก๊าซ ความเป็นกรด-เบสของดินและน้าความชื้น ความเค็ม กระแสลม
กระแสนา้ เป็นต้น

2. ความสมั พันธร์ ะหวา่ งสิง่ มีชวี ติ กับสิง่ มีชวี ติ
ดงั น้ันความสัมพันธร์ ะหวา่ งสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ จงึ แบ่งออกเปน็

หลายลกั ษณะ ดังน้ี
2.1 การล่าเหยอ่ื (Predation) เปน็ ความสัมพนั ธข์ องสง่ิ มชี ีวติ ที่

ประกอบด้วยฝ่ายหน่งึ เป็นผลู้ ่า (Predator, +) และอกี ฝา่ ยหนง่ึ เป็นเหย่ือ
(Prey, -)

2.2 ภาวะได้ประโยชนร์ ่วมกนั (Protocooperation) สิง่ มีชวี ิตทง้ั
สองชนดิ อยรู่ ่วมกันแล้วไดป้ ระโยชน์ทั้งคู่ (+/+) และแยกกันได้

- นกเอีย้ งกบั ควาย
- มดดากบั เพล้ีย
- แมลงกับดอกไม้

2.3 ภาวะต้องพึ่งพา (Mutualism) สง่ิ มีชวี ิตท้ังสองชนดิ อยรู่ ว่ มกนั
แลว้ ไดป้ ระโยชนท์ ั้งคู่ (+/+) แตแ่ ยกกันไม่ได้ แยกแล้วตาย เช่น ไลเคนส์
ซง่ึ ประกอบดว้ ยรากบั สาหร่าย และโปรโตซวั (Trichonympha sp.)
ในลาไสป้ ลวก

ราจะให้ความช้ืนแก่สาหรา่ ย
ส่วนสาหรา่ ยสามารถสงั เคราะห์แสงและสร้างอาหารใหแ้ ก่รา

2.4 ภาวะมกี ารเกอื้ กูลภาวะอิงอาศัยหรอื (Commensalism)
เป็นการอย่รู ่วมกนั ของสง่ิ มชี วี ิตท่ีฝา่ ยหน่ึงได้ประโยชน์ และอีกฝ่ายหนึ่งไมไ่ ด้
และไม่เสยี ประโยชน์ (+/0) เช่น ปลาฉลามกับเหาฉลาม นกกับตน้ ไมใ้ หญ่
และพืชองิ อาศยั (Epiphyte) ไดแ้ ก่ กระเช้าสีดา เฟิร์น เปน็ ต้น

2.5 ภาวะปรสิต (Parasitism ; +/-) เป็นความสัมพันธ์ของส่ิงมีชีวิต
2 ชนิดท่ีอยู่ร่วมกัน โดยที่จะมีฝ่ายหน่ึงเสียประโยชน์จากการเป็นผู้ถูกอาศัย
เรียกวา่ โฮสต์ (Host) และจะมีอีกฝ่ายหน่ึงที่ได้ประโยชน์จากการไปอาศัยอยู่
กับโฮสต์ เรยี กฝ่ายท่ไี ด้ประโยชน์วา่ ปรสติ (Parasite) ปรสิตแบง่ ออกเปน็
3 ประเภท คือ

- ปรสติ ภายใน (Endoparasite) เชน่ แบคทเี รยี พยาธิตา่ ง ๆ
- ปรสติ ภายนอก (Ectoparasite) เชน่ ปลงิ เห็บ หมัด ยุง
- ปรสติ ในเซลล์ (Intracellular parasite) เช่น ไวรัส

ตวั อย่างเชน่ พยาธิทีอ่ ยู่ในรา่ งกายมนุษยห์ รือสตั ว์ กาฝากกบั ต้นมะม่วง
เห็บกับสนุ ัข มนุษย์กบั เหา เปน็ ตน้



2.6 ภาวะแก่งแยง่ (Competition -,- ) เนอื่ งจากทง้ั สองฝ่าย
จาเป็นต้องใช้ทรัพยากรเดยี วกันในการดาเนินชวี ิต จงึ ทาใหภ้ าวะแกง่ แยง่ เปน็
ความสัมพนั ธ์ของสง่ิ มชี วี ิต 2 ชนดิ ทอี่ ยู่ร่วมกันโดยตอ้ งแก่งแยง่ แข่งขนั เพ่อื ให้ได้
แหล่งทรพั ยากรนั้นมาเป็นของตน ซงึ่ ส่งผลเสยี แก่ทงั้ สองฝา่ ย สามารถแบง่ ไดเ้ ปน็
2 แบบ คอื

- การแก่งแยง่ แข่งขันระหวา่ งสิง่ มีชวี ติ ชนดิ เดยี วกัน (Intraspecies
competition) เชน่ ฝงู หมาป่าแยง่ อาหารกนั สิงโตต่อสู้กันเพ่ือครอบครอง
อาณาเขต

- การแกง่ แยง่ แข่งขนั ระหวา่ งสิ่งมีชวี ิตคนละชนดิ (Interspecific
competition) เชน่ เสอื และสิงโตต่อสูก้ ันเพื่อแยง่ อาหาร

2.7 ภาวะมีการย่อยสลาย (Saprophytism) เป็นการดารงชีวติ ของ
พวกเหด็ รา และแบคทเี รยี ทอี่ าศัยซากส่ิงมชี วี ิตโดยการหลงั่ เอนไซม์ออกมาย่อย
ซากเหลา่ นัน้ เป็นการดารงชวี ิตระหวา่ งผู้ยอ่ ยอนิ ทรียส์ ารกบั ซากสง่ิ มีชวี ิต (+/0)

2.8 ภาวะมกี ารหลั่งสารยบั ย้งั การเจริญ (Antibiosis) เป็นความสมั พันธ์
ของสงิ่ มชี ีวติ ทส่ี ิง่ มีชวี ิตชนิดหล่งั สารออกมา แลว้ ไปมีผลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของ
ส่งิ มีชวี ติ อกี ชนิดหนงึ่ (0/-)

2.9 Ammensalism เปน็ ความสมั พันธข์ องส่งิ มชี ีวิตท่ีสิง่ มชี วี ติ หน่งึ ไปมี
ผลทาให้สง่ิ มีชีวิตหนง่ึ ไม่เจริญ (0/-) แต่ไม่มกี ารหลั่งสารออกมายบั ย้ัง

2.10 ภาวะเป็นกลาง (Neutralism) เปน็ การดารงชพี ทีส่ ิ่งมีชีวติ ทง้ั
1 ฝา่ ยต่างไมม่ ผี ลอะไรต่อกัน ตา่ งคนต่างอย่โู ดยไมไ่ ดแ้ ละเสียประโยชนร์ ะหว่างอยู่
ร่วมกนั (0/0)

การปรับตวั ของสิ่งมีชีวิต

การปรับตัวของส่ิงมีชวี ิต (Adaptation) อาจแบ่งได้ 3 ลักษณะ ดงั น้ี
1. การปรบั ตวั ทางรูปร่างลักษณะ
2. การปรบั ตวั ทางสรีระ
3. การปรบั ตัวทางพฤตกิ รรม

บทบาทและหนา้ ท่ีของสิ่งมชี ีวิตในระบบนเิ วศ

ในระบบนเิ วศแต่ละระบบ มสี ิ่งมีชวี ิตหลายชนิดท่ีอยรู่ ว่ มกนั เป็นกลุ่มมีชวี ิต
สง่ิ มชี ีวิตเหลา่ นีม้ ีความสัมพันธก์ นั และมีบทบาทหนา้ ท่ีแตกตา่ งกนั ดังนี้

1. ผู้ผลิต (Producer) คือ ส่ิงมชี วี ิตที่สามารถสรา้ งอาหารได้เอง
2. ผบู้ รโิ ภค (Consumer) คือ ส่งิ มีชวี ิตทไ่ี มส่ ามารถสงั เคราะห์อาหารได้
ตอ้ งกินสง่ิ มีชวี ิตอ่นื เปน็ อาหาร ซ่งึ จาแนกออกเป็นหลายพวก ดงั นี้

ก. พวกทกี่ นิ พืชเป็นอาหาร (Herbivore)
ข. พวกท่กี นิ สัตวเ์ ปน็ อาหาร (Carnivore)
ค. พวกกินท้ังพืชและสัตวเ์ ป็นอาหาร (Omnivore)
ง. พวกท่กี ินซากสตั ว์เป็นอาหาร (Scavenger)
3. ผู้ยอ่ ยอินทรยี สาร (Decomposer) คอื สิ่งมีชวี ิตทีไ่ มส่ ามารถสร้างอาหารได้
แต่จะไดอ้ าหารโดยการหลงั่ เอนไซม์ออกมานอกตวั เพ่อื สลายสารอนิ ทรยี ์โมเลกุล
ใหญช่ นิดตา่ ง ๆ ที่เป็นซากของผู้ผลิตและผู้บริโภคใหม้ ีโมเลกลุ เลก็ ลง แลว้ ดดู ซมึ
สารอินทรยี ์โมเลกุลเล็ก ๆ ทยี่ ่อยแลว้ น้ีเข้าสูร่ ่างกาย

ห่วงโซอ่ าหาร (Food Chain)

ห่วงโซ่อาหารเป็นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ ในลักษณะ
การกินกันเป็นทอด ๆ โดยเริ่มจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค และจากผู้บริโภคลาดับ
ถัดไป การถ่ายทอดพลังงานในรูปของห่วงโซ่อาหารนิยมเขียนลูกศรแทนการกิน
โดยหัวลูกศรจะมีทิศทางช้ีไปยังส่ิงมีชีวิตที่เป็นผู้บริโภค และหัวลูกศรต้องชี้ไปทาง
เดียวกนั ปกตนิ ิยมเร่ิมตน้ ห่วงโซอ่ าหารจากผู้ผลิต เช่นกัน

หญา้ กระต่าย สุนขั จิ้งจอก

หว่ งโซ่อาหารนบ้ี อกใหร้ ้กู ระตา่ ยกนิ หญ้าและสนุ ขั จงิ้ จอกกนิ กระต่าย

ใบไม้ หอยทาก นกกระจอก เหยย่ี ว

ห่วงโซอ่ าหารนบี้ อกให้รูว้ า่ มหี ว่ งโซ่อยู่ 4 หว่ ง โดยใบไมเ้ ปน็ ผผู้ ลติ
หอยทากเปน็ ผูบ้ ริโภคอนั ดบั 1 นกกระจอกเปน็ ผ้บู รโิ ภคอนั ดับ 2
และเหยีย่ วเปน็ ผ้บู รโิ ภคอนั ดับท่ี 3 หรือผบู้ รโิ ภคอนั ดบั สุดท้าย

ห่วงโซ่อาหาร โดยทัว่ ไปแล้วจะมี 4 แบบ ดังน้ี

ก. หว่ งโซอ่ าหารแบบผ้ลู า่ (Predator Chain)

ข. หว่ งโซอ่ าหารแบบปรสิต (Parasitic Chain) เช่น ไวรสั

นกพิราบ ไรนก โปรโตซัว แบคทีเรยี

ค. หว่ งโซอ่ าหารแบบเศษอนิ ทรยี ์ (Detritus Chain) เชน่
ใบไม้ ไส้เดือนดิน กา

หนูตาย แมลงวนั และหนอน กบ งู

ง. หว่ งโซอ่ าหารแบบผสม (Mixed Chain) เช่น

สำหรำ่ ยหำงกระรอก ปลำตะเพียน พยำธใิ บไม้

ตน้ หญำ้ กระต่ำย ยงุ ก้นปลอ่ ง เชอื มำเลเรยี

สายใยอาหาร (Food Web)

สายใยอาหารเป็นความสัมพนั ธ์ของห่วงโซ่อาหารหลาย ๆ หว่ งโซใ่ น
ระบบนเิ วศมีความสัมพนั ธ์กนั อย่างซบั ซ้อน คล้ายใยแมงมุม

การหมนุ เวียนของสารในระบบนเิ วศ

การหมุนเวยี นของนา้ ในระบบนเิ วศ มรี ูปแบบการหมุนเวียน 2 แบบ คอื

ไอน้า เมฆ
เมฆ ฝน
ไอน้า ฝน การหายใจของสัตว์

ทะเล แม่นา้ การขับถ่าย
นา้ ใต้ดนิ
1. การหมุนเวยี นของนา้ ระยะส้ัน
2. การหมุนเวยี นของนา้ ระยะยาว

การหมนุ เวยี นของไนโตรเจนในระบบนเิ วศ

การหมนุ เวียนของคาร์บอนในระบบนเิ วศ

ในบcรoร2ยากาศ
co2 ใช้ในการสังเคราะห์ด้วยแสง
co 2
co 2
การหายใจ

โรงงานอุตสาหกรรม o2

ถ่านหนิ
นา้ มนั ก๊าซ

เน่าเป่ื อย ตาย
ผู้ย่อยสลายอนิ ทรียสาร

การหมุนเวยี นของฟอสฟอรัสในระบบนเิ วศ

หนิ ฟอสเฟส

การชะล้าง

สารประกอบฟอสฟอรัสทบั ถมลงในดนิ

สารละลายฟอสเฟต
ตาย

ตาย ย่อยสลาย สารประกอบฟอสฟอรัสทบั ถมทก่ี ้นทะเล

ของเสีย

การหมนุ เวยี นของกามะถันในระบบนิเวศ

ฝน,ไอน้า so =4, CH3 - S - CH 3
เผาไหม้ H 2 S, SO2
ในบรรยากาศ

น้ามัน สัตว์ ตาย
ถ่านหิน

so 2 พืช ตาย แบคทีเรีย
so 4= so =4 H2S, SO4
สารประกอบของกามะถนั
ในดนิ และนา้

การหมนุ เวยี นของสารในระบบนิเวศป่ าไม้

1. ระบบนเิ วศ (Ecosystem) หมายถึง ......................
2. แหลง่ ท่ีอย่อู าศยั (Habitat) หมายถึง ......................
3. ระบบนเิ วศแบ่งเป็นกีป่ ระเภท จงอธิบายในรปู แบบของแผนผงั ความคิด

(Mind mapping)
4. จงบอกถึงสังคมของส่งิ มชี ีวติ ในทะเลมาพอสังเขป
5. ความสัมพันธร์ ะหว่างส่ิงมชี ีวิตกบั สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพ

หรอื สง่ิ แวดลอ้ มทไ่ี ม่มีชวี ติ ที่มอี ทิ ธิพลต่อส่ิงมชี ีวติ ในระบบนเิ วศ
ไดแ้ ก่ .........................(อยา่ งน้อย 5 ปัจจยั )
6. ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งส่ิงมชี วี ิตกับสิง่ มีชีวติ แบ่งออกเป็นกี่ลักษณะ อะไรบา้ ง
จงยกตัวอยา่ งประกอบ

7. การปรับตวั ของสงิ่ มชี ีวิต (Adaptation) แบง่ ได้เป็นกล่ี ักษณะ อะไรบา้ ง
จงอธบิ ายพอสังเขป

8. บทบาทและหน้าท่ขี องส่งิ มีชีวิตในระบบนเิ วศมีอะไรบ้าง จงอธบิ าย
มาพอสงั เขป

9. ห่วงโซอ่ าหารมกี ่แี บบ อะไรบา้ ง พรอ้ มยกตัวอย่างประกอบ
10. จงเขยี นสายใยอาหาร (Food web) ในธรรมชาตมิ า 1 อยา่ ง
11. การหมุนเวียนของสารในระบบนเิ วศ มีอะไรบา้ ง


Click to View FlipBook Version