The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sumate962, 2022-05-30 04:47:00

Unit-3

Unit-3

แผนบริหารการสอนประจําบทท่ี 3

บทที่ 3 นา้ํ สําหรับปลาสวยงาม

เนอ้ื หา
1. ความสําคัญและประเภทของน้าํ ท่ีใชเ ล้ียงปลาสวยงาม
2. คุณสมบัติของน้ําทด่ี ีสาํ หรับการเล้ยี งปลาสวยงาม
3. การจัดการคุณภาพนํ้าสําหรบั การเลยี้ งปลาสวยงาม

จุดประสงคเ ชิงพฤตกิ รรม

เม่อื ศกึ ษาบทที่ 3 แลว นักศกึ ษาสามารถ

1. บอกความสําคัญและประเภทของนํ้าทีใ่ ชเ ลยี้ งปลาสวยงามได
2. จําแนกคุณสมบตั ิของนา้ํ ดานกายภาพ เคมี และชวี ภาพได
3. อธบิ ายการจดั การคณุ ภาพนํา้ สาํ หรับการเลยี้ งปลาสวยงามได
4. ตระหนกั ถงึ ความสาํ คัญของการเปลี่ยนถายนา้ํ ในตูป ลา

จํานวนคาบทีเ่ รยี น 4 คาบเรยี น

กิจกรรมการเรียนการสอน

1. ฟง คาํ บรรยายประกอบการใช PowerPoint เกย่ี วกับเนอ้ื หาทเ่ี รยี น
2. ศึกษาเอกสารประกอบการสอน
3. จดั ใหม ีการใชเ คร่ืองมือวัดคณุ ภาพนาํ้ ในตูปลาสวยงามอยา งงาย
4. ผสู อนและผเู รียนรว มกนั อธปิ รายชวยกนั สรุปประเดน็ ท่ีสําคญั
5. ตอบคาํ ถามทา ยบท

ส่ือการเรยี นการสอน
1. ส่อื PowerPoint ประกอบดว ยคอมพวิ เตอรแบบพกพา พรอมดว ยเครอื่ งฉายภาพ

2. เอกสารประกอบการสอนและหนงั สอื อานประกอบ

40

การวัดผลและการประเมินผล
1. สังเกตการณมสี ว นรว มในกิจกรรมและการแสดงความคิดเหน็
2. สังเกตพฤติกรรมการเรยี นของนักศึกษา และบนั ทึกการทํากิจกรรม การตอบคาํ ถาม การ

ใหค วามสนใจในขณะอภปิ รายและซกั ถาม
3. ตรวจการทําแบบฝก หดั ทายบทเรียน และเก็บคะแนน

41

บทท่ี 3

นาํ้ สาํ หรบั ปลาสวยงาม

การเลย้ี งปลาสวยงามในตูกระจกหรอื ในบอเลี้ยงปลาทวั่ ไป ถอื ไดวา เปน การเลี้ยงปลาที่ใชนํา้
คอ นขางนอ ย ซึ่งอันทีจ่ รงิ แลวนํ้าเปน ปจ จยั หนึ่งทีม่ คี วามสําคญั มากในการเลี้ยงปลา เพราะปลาอาศัย
นํ้าในการแลกเปลยี่ นกา ชออกซเิ จนเพ่อื การหายใจ คุณภาพน้ําทเ่ี หมาะสมจะทําใหปลากินอาหารไดดี
มกี ารเจรญิ เตบิ โตรวดเร็ว สขุ ภาพดี แขง็ แรง ปลาไมเ กดิ ความเครียด มีความตา นทานตอ โรคไดด ี และ
ใหส ีสันท่สี วยสด ปลาสวยงามถกู นํามาเลีย้ งในพน้ื ท่ีจํากดั และมกี ารเปลีย่ นถายนาํ้ ตํ่า เมือ่ เรามองจาก
ภายนอกเขา ไปในตูหรือมองลงไปในบอเลีย้ งปลาสวยงามท่ีอยกู ลางแจง อาจสังเกตเห็นวา นาํ้ ในตปู ลา
หรอื บอเลีย้ งปลาใสอยตู ลอดเวลา เนอ่ื งจากจากมีการติดตง้ั ระบบกรองน้ําประกอบไวก ับภาชนะท่ี
เลี้ยง นาํ้ ท่ีนาํ มาใชเ ล้ียงปลาสวยงามมาจากแหลงตา ง ๆ กนั เชน แหลง นา้ํ ธรรมชาติ ไดแ ก หวย หนอง
บึง น้าํ ฝน น้าํ บาดาล หรอื แมกระท่ังน้ําประปา คุณสมบตั ิดานตา ง ๆ ไดแก ดา นกายภาพ เคมี และ
ชีวภาพ อาจแตกตางกันไปจาก การท่ผี เู ล้ยี งรถู ึงความสําคัญของน้ําตอ ปลา สามารถจําแนกชนดิ ของ
น้าํ ที่จะนํามาเลี้ยงปลา ตลอดจนสามารถจัดการคุณภาพนา้ํ ในการเลีย้ งปลาสวยงามไดแลว จะสงผล
ใหป ลาสวยงามมสี ุขภาพท่ีดี กินอาหารเปนปกติ เจรญิ เติบโตอยางรวดเร็ว ใหสสี ันทส่ี วยงาม
นอกจากนน้ั หากมีการเปลี่ยนถา ยนา้ํ และลา งทาํ ความสะอาดตามระยะเวลาทเี่ หมาะสม ก็จะทาํ ใหผ ู
เลย้ี งประสบความสาํ เรจ็ ในการเลยี้ งปลาไดเปน อยางดี

ความสําคัญของนาํ้ ตอ การดาํ รงชีพของปลา

ปลาเปน สัตวน ้ําทม่ี ีการหายใจเพื่อแลกเปลย่ี นกา ซออกซิเจนจากน้าํ ผานทางเหงือก คุณภาพ
ของนํ้าจึงมคี วามสาํ คญั ตอการดาํ รงชวี ติ การเจรญิ เตบิ โต และการสบื พนั ธวุ างไขข องปลาสวยงามเปน
อยางมาก ความสําคญั ของนํา้ ตอ การดํารงชีพของปลามีไดด ังนี้ (วริ ัช จ๋วิ แหยม, 2544)

1. นา้ํ เปน แหลง ของออกซิเจนทปี่ ลาตองใชหายใจ ออกซิเจนทปี่ ลาจะนาํ ไปใชหายใจนั้น
จะตอ งละลายลงในนาํ้ สภาพนา้ํ ทด่ี มี กี ารเจอื ปนของสง่ิ ตา ง ๆ นอย จงึ จะมีการละลายของออกซเิ จน
ไดด ีหรือมีปรมิ าณของออกซเิ จนอยูสงู จะทําใหป ลาสดชน่ื มสี ุขภาพดี

2. คุณภาพนาํ้ มผี ลตอการเจริญเติบโตของปลา น้าํ ที่มคี ุณภาพเหมาะสมจะทําใหปลามีการ
เจริญเติบโตไดดี สภาพนํ้าท่ีมีการสะสมของเศษอาหาร และของเสียจากการขับถา ยของปลามาก
เกินไป จะทําใหปลาแคระแกรนเตบิ โตชา ถึงแมปลาจะยังมีการกินอาหารดอี ยูก ็ตาม

42

3. คุณภาพนาํ้ มีผลตอการกินอาหารของปลา หากสภาพของน้ํามีความไมเ หมาะสมมากข้ึน
ปลาจะกนิ อาหารนอยลง การวา ยนํา้ คอนขางเชือ่ งชา ออนแอและเกดิ โรคไดงาย

4. คุณภาพนํา้ มผี ลตอสสี นั ของปลา นาํ้ ทม่ี คี ุณภาพไมเหมาะสมจะมผี ลทาํ ใหป ลามสี ซี ดี จาง
กวา ทีเ่ คยเปนอยู ความสดใสสวยงามลดลง

ประเภทของนํา้ ทใี่ ชเ ลยี้ งปลาสวยงาม

นํ้าที่นํามาใชเ ล้ียงปลาสวยงามมาจากแหลงตา ง ๆ กนั คณุ สมบัตกิ ย็ อมตางกัน ดงั นน้ั การ
เลือกสถานทส่ี รา งฟารม กค็ วรคํานึงถึงแหลงน้าํ และคณุ สมบัตขิ องน้ําเปนสาํ คญั การเลือกชนดิ นํา้ ใช
จะข้ึนกับความสะดวก ปรมิ าณ และวัตถุประสงคของการเลี้ยง นาํ้ ทใ่ี ชเลยี้ งปลาสามารถนํามาจาก
แหลงตาง ๆ ไดแ ก (วันเพญ็ มีนกาญจน และคณะ, 2545)

1. นา้ํ ประปา
นํา้ ประปา เปนนํ้าท่ีผเู ล้ยี งปลาสวยงามสวนใหญใ ชเลย้ี งปลากันมากที่สุด โดยสว นใหญจ ะ

เปน ผเู ลีย้ งที่อยูตามอาคารบา นเรือน ทาํ ใหสามารถจดั หาไดงา ย และประการท่สี ําคัญคือนา้ํ ประปาจดั
วา เปน นํา้ ท่มี ีความเหมาะสําหรับเล้ยี งปลาสวยงามไดเปนอยางดี เพราะจากขบวนการของการผลติ
นํา้ ประปา ไดเ นนทมี่ ีความใสสะอาดเพ่ือการอุปโภค และบรโิ ภคของมนุษย จึงตอ งนําเอานํา้ ท่ีมี
คณุ ภาพดีมาผลติ รวมท้งั ตองมีการฆาเชื้อโรค จึงทาํ ใหน้ําประปามีความปลอดภัยจากเรื่องโรคพยาธิท่ี
จะมากับนํ้าได ทําใหนา้ํ มีความกระดางและมคี วามเปนกรดดางที่เหมาะสมตอการเจริญเติบโตของ
ปลา สรปุ ไดว า ขอ ดีของน้ําประปาในการเล้ียงปลาสวยงาม คือ ใส ปราศจากโรคพยาธิ และมี
คุณสมบตั เิ หมาะสม แตน ้าํ ประปาก็มปี ญหาบางประการในการใช คือ นา้ํ ประปาท่ีพงึ่ เปด ออกจากทอ
ประปามาใหม ๆ นน้ั จะมปี ญ หาทส่ี าํ คัญ 3 ประการ คือ

1.1 ปรมิ าณของคลอรีน ซงึ่ ใชใ นการฆาเช้ือโรคในขบวนการผลิต จะยังคงเหลอื ตกคา งอยู
ในนาํ้ ซ่งึ มักจะมีความเขมขน อยปู ระมาณ 0.5-2.0 มิลลกิ รมั ตอลิตร (Part Per Million: ppm) หาก
ปลอยปลาลงเลย้ี งทันที หรือเปดใสใ หปลาทนั ทีทนั ใด ปริมาณของคลอรีนทมี่ ีอยใู นน้าํ จะมีผลทาํ ให
ปลาตาย ซง่ึ เปนปญหาท่ีพบกันอยูเสมอ ดังน้นั หากตองการนาํ น้ําประปาใชเ ล้ียงปลาสวยงาม จะตอง
ทาํ การกําจดั คลอรีนท่ีตกคา งออกกอน ดงั นี้

1.1.1 รองนาํ้ ประปาใสภาชนะทิง้ ไว ควรเปน ภาชนะปากกวาง เชน โองนํา้ หรอื ถังไฟ
เบอร ปลอยไวป ระมาณ 2-3 วัน ถาสามารถตั้งใหรบั แสงแดดจะใชเวลา 1-2 วนั คลอรนี จะระเหยออก
จากนา้ํ หมดไปเอง

1.1.2 รองน้าํ ประปาใสภาชนะโดยทําใหน า้ํ กระจายตวั ออกใหมากท่ีสดุ ซ่ึงทาํ ไดโดย
การปลอยนาํ้ ผา นฝกบัว หรือใชส ายยางตอ จากปลายกอกแลว บบี ปลายสายยางใหน ํ้ากระจายออก

43

หรอื ใชเ ศษทอ เอสลอนสั้น ๆ เจาะรูหลาย ๆ รตู อปลายสายยางแทนฝก บัว ปลอยนํ้าใหต กเหนอื
ภาชนะ การทพี่ ยายามทาํ ใหน ํ้ากระจายตัว จะชวยไลค ลอรีนออกจากนา้ํ ไปไดม ากจากนั้นปลอยนํา้ ไว
ประมาณ 24 ชัว่ โมง คลอรีนจะระเหยออกไปหมด

1.1.3 รองน้ําประปาใสภาชนะ แลว ใชเ ครอื่ งใหอ ากาศท่ีเรียกวา “แอรปม” (Air
Pump) ปม อากาศผา นหัวทรายเปน ฟอง ซ่งึ จะทําใหน ํา้ เกดิ การหมุนเวยี นตลอดเวลาดว ย วธิ ีนีจ้ ะใช
เวลาเพยี ง 4-6 ช่ังโมง แลวแตค วามแรงของเครือ่ งใหอ ากาศ คลอรนี จะระเหยหมดไป

1.1.4 ในกรณีที่มีความจาํ เปน ตอ งใชนา้ํ ประปาอยางเรงดว น จะตอ งใชส ารเคมีใสลง
ไปเพ่ือทําปฏิกริ ยิ าเคมีทาํ ใหคลอรนี ท่ตี กคา งอยหู มดไป ซึ่งสารเคมที นี่ ิยมใชทําปฏกิ ิรยิ ากับคลอรนี ใน
น้าํ ประปาในปจจบุ ันไดแก สารโซเดยี มไธโอซลั เฟต ในทองตลาดนยิ มเรยี กสารชนดิ นวี้ า “ไฮโปร” ซ่งึ
แสดงไวภาพท่ี 3.1 สารน้มี ลี กั ษณะเปนเกล็ดยาวและเปนเหลย่ี มผลกึ ใส เวลาใสลงในนํ้าจะใหค วาม
เย็น เมือ่ ละลายลงในน้าํ ทมี่ ีคลอรนี จะเกิดปฏกิ ิรยิ ากับคลอรนี ทันที สารโซเดยี มไธโอซลั เฟต หรือไฮ
โปร สามารถหาซ้อื ไดตาม รานขายปลาสวยงาม อตั ราการใชโดยทว่ั ไปจะใชปรมิ าณ 1 เกลด็ (เมด็ )
ตอ นา้ํ 5 ลิตร หรอื ตปู ลาขนาด 18 น้ิว จะใส 6 เม็ด และตูปลาขนาด 24 นิ้วจะใส 10 เม็ด

(ก) โซเดียมไธโอซลั เฟตทีจ่ าํ หนา ยในทองตลาด (ข) เกลด็ โซเดียมไธโอซัลเฟต

ภาพท่ี 3.1 สารโซเดียมไธโอซัลเฟตหรือไฮโปร

1.2 การสะสมกาซภายในนาํ้ ประปา ทถ่ี ูกสงมาจากสาํ นกั งานประปาไปตามทอเพ่ือสงไป
ยงั สถานีทีต่ าง ๆ นัน้ ในระหวา งน้ําไหลไปตามทอจะเกิดแรงดนั ทําใหมีกาซตาง ๆ ถูกสะสมอยูใน
น้ําประปานีจ้ ะมีผลตอปลา โดยจะไปทําใหกลา มเนือ้ ของปลาเกิดการขยายตัว กลามเนื้อสวนใดทอี่ อน
จะถกู ดันใหเ กดิ การขยายตวั ไดงา ย เชน ที่บริเวณทอง และบรเิ วณกลา มเนื้อตาของปลา จึงมักทาํ ให
ปลาเสยี การทรงตัวแลวตาย หรือทําใหปลาตาปูดโปนออกมา ทาํ ใหปลามีอาการอักเสบทีต่ า แลวปลา
มกั จะตาบอด วธิ ีการกาํ จดั กา ซทีส่ ะสมในน้ําทําไดไ มย ากนัก คือในขณะรองนาํ้ ประปาใสภ าชนะ

44

พยายามใหน ํ้ามีการกระจายตัวออกใหม ากทสี่ ุด โดยการเปดผา นฝก บัว หรอื บีบสายยางฉีดนา้ํ เหนือ
ภาชนะตลอดเวลา จากนัน้ อาจใชเ ครอ่ื งใหอากาศ ปม อากาศเปนฟองหมุนเวยี นอยูประมาณ 30-60
นาที กจ็ ะกําจดั กาซตา ง ๆ ออกไดห มด

1.3 ความเปน กรดของนํ้าประปา จากขบวนการผลิตนํ้าประปา จะมกี ารใชสารสม เพ่ือทํา
ใหเกดิ การจบั ตัวของตะกอนและสารแขวนลอยตา ง ๆ จากน้ันจึงไปผา นระบบกรองเพื่อทําใหนา้ํ ใส ผล
ของการใชส ารสมจะทาํ ใหน ้าํ มีคุณสมบัติเปนกรด ถึงแมใ นระบบการผลติ นาํ้ ประปาจะมีการใชป นู ขาว
เพ่อื ปรับระดับความเปนกรด ใหมคี าต่ําลงจนอยูในเกณฑไมเปนอนั ตราย แตจ ากประสบการณที่เคยใช
นํา้ ประปาเลย้ี งปลาสวยงาม และเลี้ยงปลาทดลองตา ง ๆ พบวา น้าํ ประปาทผี่ านการดาํ เนินการกําจดั
คลอรีนและเปนกรดอยู แสดงวาการผลิตนา้ํ ประปาในบางครั้งอาจใสป นู ขาวไมมากพอท่จี ะปรบั ความ
เปนกรดใหอ ยูในระดับปกติได จาํ เปนทผ่ี ูเลี้ยงจะตองหาทางปองกันไว แสดงวา เศษปะการังซ่ึงเปน
สารประกอบพวกหินปูนหรือแคลเซียมคารบ อเนต ชว ยแกปญ หาความเปนกรดของนาํ้ ได ดงั นั้นวิธกี าร
ทีใ่ ชควบคมุ ความเปน กรดของน้ําประปา คือ ใชเศษปะการังใสล งในถงั พักนํา้ ซ่งึ มกี ารใชน าํ้ จนหมดถงั
และเปดนํ้าประปาลงใหมทกุ วันไดอยา งปลอดภัย โดยไมจ าํ เปน ตอ งเปล่ยี นปะการงั ใหมเ ปนเวลาหลาย
เดอื น

2. น้ําธรรมชาติ
น้ําธรรมชาตอิ าจเปน น้าํ จากแมน ํา้ ลาํ คลอง หนอง บึง หรอื อางน้าํ จากระบบชลประทาน

โดยผเู ลย้ี งปลาสวยงามท่ีเนน ดาํ เนนิ กิจการเปนฟารมเพาะเลี้ยงปลาสวยงามเปนหลักจําเปน ตอ งใช
เพราะสว นใหญใ ชพืน้ ท่ีมาก อาจมที ัง้ บอซีเมนตและบอดิน ตองการปริมาณนํ้าคอนขา งมาก โดยทวั่ ไป
นํา้ ประเภทนจี้ ะไมใส แตเปน น้ําท่มี คี ุณสมบัตสิ าํ หรับการดํารงชพี ของปลา ปญ หาท่ีพบในการใชน ํ้า
ธรรมชาตคิ อื (วิรชั จ๋ิวแหยม, 2544)

2.1 โรคหรือพยาธิท่ีอาจติดมากบั นาํ้ โดยเฉพาะพวกพยาธภิ ายนอก เชน เหบ็ ปลา ปลงิ ใส
หนอนสมอ และเห็บระฆงั ซง่ึ มกั จะทําลายเนือ้ เยอ่ื ปลา แลวมผี ลทําใหเกิดโรคระบาดตดิ ตามมา
วิธีการแกไขทําไดโดยการใชร ะบบกรองนํ้า โดยนํา้ ธรรมชาติทีจ่ ะนําเขามาใชควรนาํ ไปผานบอกรองนาํ้
ลักษณะซึมบอทราย หรือระบบบอ กรองนาํ้ ก็จะสามารถปอ งกนั พยาธิภายนอกไวไ ด นอกจากน้ัน
ในชวงฤดหู นาวซ่งึ มกั เกิดโรคระบาดปลา หรือในบริเวณนน้ั มีฟารมสัตวนํ้าคอนขา งมาก ก็อาจมีการ
ระบาดของโรคตา ง ๆ มากับน้ําได ตอ งทําการแกไขโดยใชบ อพักน้าํ คือน้ําจากบอกรองจะยังไม
นาํ ไปใชโ ดยทันที แตควรนําไปเกบ็ ไวในบอพักนาํ้ ประมาณ 5-7 วนั จะทําใหตวั ออนของโรคตา ง ๆ ท่ี
ตดิ มาตายไป กจ็ ะนําไปใชไดอ ยา งปลอดภัย

45

2.2 นาํ้ ขนุ ในชวงตน ฤดฝู นจะมกี ารชะลางดนิ จากน้ําฝนลงสูแหลงน้ําธรรมชาติ น้าํ จะมี
ตะกอนขนุ ขน จนไมสามารถนําไปเลี้ยงปลาได วธิ ีการแกไขกโ็ ดยการใชบ อ กรองนาํ้ เชนกัน แตจ ะตอง
หมั่นทําความสะอาดวัสดกุ รองบอ ย ๆ เพราะปรมิ าณตะกอนจะคอนขางมาก

2.3 ปริมาณน้ําไมเพยี งพอ ฟารมปลาสวยงามทอ่ี ยูในเขตชลประทาน หรอื ใชแ หลงนา้ํ
ขนาดเล็ก มักประสบปญหาขาดแคลนน้ําในชวงฤดูแลง โดยเฉพาะในชว งปลายฤดแู ลงซ่ึงเปน ชว ง
เหมาะสําหรบั การเพาะและอนบุ าลลกู ปลา ควรท่ีจะตองมีบอพักนํ้าเพื่อสํารองน้าํ เก็บไว

3. นํา้ บาดาล
นา้ํ บาดาลเปนนํา้ ใตดินท่ีถูกนําขึ้นมาใช เหมาะสาํ หรบั ฟารมปลาสวยงามที่มีกจิ การไมมาก

นกั หรอื รา นขายสง ปลา ซงึ่ มักตง้ั อยูแถวชานกรุงเทพ ฯ จะมีการใชน ํา้ ปรมิ าณมากในแตละวันเชน กนั
ถึงแมว า จะมนี ้าํ ประปาสง ไปถึง แตการแกไขปญหาในนาํ้ ประปาท่จี าํ เปน ตองใชเปนปริมาณมากในแต
ละวนั นน้ั ทําไดยาก จงึ จําเปนตองนาํ นาํ้ บาดาลเขา มาใช คุณสมบัติของน้าํ บาดาลน้ันจะใสและสะอาด
เชนเดียวกนั กับน้ําประปา อกี ท้ังยังไมม คี ลอรีนตกคางอยใู นน้ํา กอนทจี่ ะนาํ น้าํ บาดาลใชใ นการเล้ยี ง
ปลา ควรมีการดาํ เนินการดังน้ี (สรุ ศักด์ิ วงศกิตติเวช, 2542)

3.1 เมือ่ สูบน้าํ บาดาลขึ้นมาจะปลอยลงถังพัก โดยปลอยนา้ํ ใหม กี ารกระจายตวั มากที่สดุ
ซง่ึ วธิ ีท่นี ยิ มใชคอื ใชฝกบวั และใหฝ กบัวอยูส ูงจากปากถงั พักนํา้ พอควร ในระหวา งท่นี ้ํากระจายตัวออก
จากฝกบวั กอนตกลงท่ผี ิวน้าํ ในถังพัก กจ็ ะรบั ออกซเิ จนจากอากาศละลายเขาไปในนํา้ ในขณะเดยี วกัน
จะปลอ ยคารบอนไดออกไซดท่มี ีอยรู ะเหยออกสอู ากาศ หรือการเติมอากาศจากเคร่ืองใหอากาศ

3.2 การตกตะกอนโดยการพักนํ้าหรอื ใชสารสม และการฆาเชือ้ โรคโดยการใชสารคลอรีน
เติมลงไปในนํ้า ถงึ แมนา้ํ บาดาลโดยทวั่ ไปจะมีคุณสมบตั เิ หมาะสมตอการดํารงชวี ิตของปลา แตในบาง
พนื้ ที่อาจมคี ุณสมบตั ิไมเ หมาะสม ทาํ ใหป ลาเจรญิ เตบิ โตชาหรอื ไมสามารถดํารงชวี ติ อยไู ด

4. นํา้ ฝน
ในอดตี ท่ีผา นมามีการนํานํ้าฝนมาใชใ นการเลี้ยงปลาสวยงาม เนือ่ งจากถือวา เปน นาํ้ ทีม่ ี

คุณภาพดีมาก มีความใสสะอาดจนสามารถบริโภคได แตใ นปจ จบุ นั มีปญ หามลพิษทางอากาศ
คอนขางมาก ทําใหน า้ํ ฝนจะมีการซมึ ซับสารพษิ ตาง ๆ ไวในขณะทต่ี กลงมา มผี ลทาํ ใหนา้ํ ฝนมี
คุณสมบัติเปน กรดคอนขา งรนุ แรง การใชนํ้าฝนเล้ียงปลาสวยงามในปจจบุ นั จึงมักทําใหปลาตาย หรือ
สสี ันซดี ลง ยกเวน ถา รองน้ําฝนในวนั ทีม่ ฝี นตกหนกั และรองภายหลังจากทฝ่ี นตกไปแลวระยะหน่ึง จึง
อาจนํานํ้าฝนน้ันมาเลีย้ งปลาได (ประภาส โฉลกพนั ธรตั น, 2540)

46

คณุ สมบัตขิ องน้ําท่ดี ีสําหรับการเลย้ี งปลาสวยงาม

คุณสมบตั ิของนํ้าทีเ่ กย่ี วของโดยตรงกับการเจรญิ เตบิ โตหรือการดาํ รงชีพของปลาสวยงามน้นั
จะมีท้งั คุณสมบัตทิ างดานกายภาพ (Physical Condition) ทางดา นเคมี (Chemical Condition)
และทางดานชวี วทิ ยา (Biological Condition) ซงึ่ มักจะมีความสัมพันธก นั หากคุณสมบัตดิ า นใดดา น
หนงึ่ ไมเหมาะสมกจ็ ะสงผลกระทบไปถึงปลาไดทนั ที อาจทําใหป ลาแคระแกรน ออ นแอปวยเปน โรคได
งาย หรอื ไมส ามารถแพรพันธุได ดังนั้นผเู ล้ียงจาํ เปน ท่ีจะตองระมัดระวังควบคุมคุณสมบัติของนาํ้ และ
พยายามปรับสภาพของนา้ํ ใหเ หมาะสมตอการดํารงชพี ของปลาอยูเสมอ (ประภาส โฉลกพันธรัตน,
2540)

1. คุณสมบตั ิทางดา นกายภาพ
1.1 อุณหภมู ิ การเล้ยี งปลาสวยงามซ่ึงพบปญ หาปลาเกิดโรคระบาด และปลาตายในฤดู

หนาวอยูเสมอ แตเน่ืองจากเปนการเล้ยี งทใ่ี ชพ ้ืนท่ีไมมากนกั จึงสามารถท่จี ะทาํ การควบคุมอณุ หภมู ิ
ของนาํ้ ในตปู ลาได โดยใชเ ครื่องควบคุมอุณหภมู ิ (Heater) ก็สามารถควบคมุ ใหนาํ้ มอี ุณหภูมิเหมาะสม
สาํ หรบั ปลาได ซง่ึ อุณหภูมทิ เ่ี หมาะสมสําหรบั ปลาโดยท่ัวไปจะอยรู ะหวา ง 27-32 องศาเซลเซยี ส การ
ควบคุมอุณหภมู จิ ะชว ยใหป ลากนิ อาหารไดตามปกติ เปน วิธีการชวยปองกันการเกิดโรคระบาดได
อยา งดี

1.2 สแี ละความขุน ของนํ้า หมายถงึ ปริมาณสารแขวนลอยทอ่ี ยูใ นนํา้ การเลยี้ งปลา
สวยงามในตกู ระจกจะไมพบปญหานํา้ ขนุ แตความขุนของน้ํากอ็ าจเกิดขน้ึ ไดในขณะท่ีมีการเตรยี มการ
เล้ยี งปลาใหม ๆ โดยเฉพาะความขุน ทีเ่ กิดจากวัสดุตกแตง เชน หินประดบั ขนาดตา ง ๆ หินรองพื้นตู
ปลา ซึ่งนอกจากปญหาเร่ืองความขนุ แลว สขี องน้าํ ในตปู ลากอ็ าจแสดงออกมาตามสีของวัสดุตกแตง
ไดเ ชน เดียวกัน เชน สนี ํ้าเปลย่ี นเปน สนี าํ้ ตาล หรอื สเี หลือง เนื่องจากใชขอนไมห รือหินประดบั ทีม่ สี ี
นํา้ ตาลแดงตกแตง ตู เปน ตน สว นฟารมปลาทม่ี ีการใชน้ําธรรมชาติเปน แหลงนํ้าหลกั ในการเล้ยี งปลา
จะพบปญหาน้ําขนุ ในชว งฤดฝู น การแกไขสามารถทําไดโ ดยใชร ะบบบอ กรองนาํ้ หรอื บอพักน้าํ ขนาด
ใหญเ พ่ือพักนา้ํ ใหตกตะกอนและอาจใชการกรองน้าํ แบบบอกรองรวมดว ย

2. คณุ สมบตั ขิ องนาํ้ ทางดานเคมี

2.1 ความเปนกรดเปนดางของน้ํา มักนยิ มเรียกวา “pH” หมายถงึ คาความเขม ขน ของ
ไฮโดรเจนอิออน (H+) ทอ่ี ยใู นนาํ้ คา pH ของนา้ํ จะอยูระหวาง 0 - 14 โดยมีคาเปนกลางท่ี 7 ท่ี
อณุ หภูมิ 25 องศาเซลเซยี ส สาํ หรับนํ้าธรรมชาติโดยทัว่ ไปจะมีคา pH อยรู ะหวา ง 5 - 9 การเลย้ี งปลา
สวยงามในตกู ระจกมักไมม ปี ญหาเร่ืองความเปน กรดของนํ้า เนือ่ งจากมีการใหออกซิเจนและมีการใช

47

เศษหินปะการังในระบบกรองนํ้า แตจะเกิดปญ หาเร่ืองความเปน ดาง คือผเู ลี้ยงปลามักไมคอ ยมีการ
เปลยี่ นถา ยนาํ้ ทาํ ใหมีการสะสมแอมโมเนยี จากการขบั ถายและการยอยสลายของเศษอาหารมากขนึ้
ประกอบกบั นํ้ามกี ารหมุนเวยี นผา นเศษปะการังตลอดเวลา จึงทําใหนํา้ มีความเปนดา งสงู ข้ึน ถงึ แมจะ
ไมม ผี ลทําใหป ลาตาย แตก ็มักจะทาํ ใหป ลามีสสี ันซีดจางลง วิธกี ารแกไขทําโดยการหม่นั เปลีย่ นถา ยนา้ํ

ปจ จยั สําคญั ทไ่ี ดร บั ผลกระทบจากคา pH คอื ความเปนพิษในแอมโมเนยี แอมโมเนีย
จะเปนพิษนอ ยท่ีคา pH ตา่ํ และเปน พิษมากทีค่ า pH สูง ซงึ่ หมายความวา ปลาที่อาศยั อยใู นทีม่ ีคา
pH สูง เชนปลาทะเลจะรับผลกระทบจากการมแี อมโมเนยี ในระดบั ตํ่ามากกวาปลาน้ําจดื ถา มนั ถูกใส
ไวใ นตทู นี่ าํ้ มีความเปน กรดและเปนนา้ํ ออน คา pH ของน้ํายังมีผลกระทบตอ สภาวะและสมรรถภาพ
ในการผสมพนั ธขุ องปลา มีปลานอ ยชนดิ มากท่ีจะผสมพันธุในน้าํ ทมี่ คี า pH ที่แตกตา งมากกวา ที่
รา งกายของพวกมนั จะสามารถปรบั ตัวได

ในการแกไ ขคา pH ที่ลดลงอยา งลวดเร็ว ทําไดงาย ๆ เพยี งแคเ ปลย่ี นนํ้าบางสวนในตู
โดยใชน าํ้ ประปาทีก่ ําจดั คลอรีนแลว เนอ่ื งจากนํา้ ใหมจะคอนขางกระดา งและเต็มไปดวยแรธาตทุ ี่
จําเปน แตต อ งทาํ อยางระมดั ระวงั และเปลย่ี นนาํ้ เพยี ง 10% ตอ วันจนกวาคา pH จะกลับมาเปนปกติ
ระดบั pH ต่ําที่สดุ ในตปู ลาสวยงามน้ําจืด เทากับ 6 และสงู สดุ เทากับ 8 สว นคา pH สาํ หรบั ตูเล้ยี ง
สตั วทะเล เทากับ 8.2

2.2 แอมโมเนีย สารมลพิษแอมโมเนยี ที่อาจเปนอนั ตรายสําหรับตทู ีม่ ปี ลา สัตวไมมีกระดู
สนั หลังหรอื ปะการงั ซงึ่ เปน เร่ืองปกติในตูปลาใหมที่ระบบการกรองยงั ไมเขา ที่ แอมโมเนียและไนไตรต
เปนสาเหตุทที่ าํ ใหป ลาตายได แอมโมเนยี ตามท่ีเราทราบดอี ยแู ลววา แอมโมเนียเกิดจากของเสยี ที่
ปลาขับออกมาและจากอาหารเหลือ หรือซากปลาทีต่ ายและเนาเปอย แอมโมเนียเปน สารพิษท่ีเปน
พิษมากทสี่ ุดตวั หน่ึงทที่ ดสอบไดใ นตูปลาสวยงาม และจะย่งิ เปนพษิ ในน้ําทม่ี ีคา pH สงู หากมคี า สูง
กวา 0 ก็ถือวาเปน อนั ตรายตอ ปลาในตู (วิรัช จ๋ิวแหยม, 2544)

ผลกระทบตอปลา ถา ปลาไดรับแอมโมเนยี มากจะระคายเคืองและเซ่อื งซึม ซงึ่ อาจ
เปนสาเหตใุ หป ลาไมกนิ อาหาร ขึ้นมาหายใจท่ีผิวนํา้ และตายในท่ีสดุ ปลาบางชนดิ ทีไ่ ดรบั แอมโมเนีย
เปน ระยะเวลานานอาจมเี ลือดออกที่ครีบ หรือรอบๆเหงือกเปนสแี ดง หรืออาจทาํ ใหมีอาการเจ็บปวย
อยา งเชนโรคครบี เนา เปอย น้ํายากาํ จดั แอมโมเนยี มีขายตามรานขายปลาสวยงามทัว่ ไป ซ่งึ จะกําจัด
พษิ แอมโมเนียในทันทแี ละเปลี่ยนใหอยใู นรปู ท่ีไมเ ปนอันตราย การกาํ จดั แอมโมเนีย ถาผลทดสอบ
แสดงใหเ หน็ วาระดบั แอมโมเนยี ในตปู ลาสูงมาก ใหเปลย่ี นถา ยนํ้า 50 % ทุกวันจนกวา คาจะลดต่าํ ลง
หยดุ ใหอาหารปลาสองสามวนั เพอื่ ลดปญ หา ใสแบคทเี รยี กรองน้ําลงไปมากๆ แตอ ยาลา งเคร่อื งกรอง
เพราะอาจสูญเสยี แบคทีเรียท่ีมปี ระโยชนมากขึน้ กาํ จดั เศษอาหารท่ีเหลอื ทิ้งและซากปลาตายดว ยการ
ตกั ออก ถึงแมจะมีพรรณไมน ํ้าปลกู ในตูก ต็ าม

48

2.3 ไนไตรต ไนไตรเกดิ จากการเปลีย่ นแอมโมเนียโดยแบคทเี รียไนโตรโซโมนัส ซึ่งอาจ
ตอ งใชเ วลานานเพื่อยอยสลายในตูปลาใหม และมักเปน ปจ จยั ท่ีทําใหเกิด “กลมุ อาการผิดปกติในตู
ปลาใหม” (New Tank Syndrome) ไนไตรตเ ปนสารพิษท่เี ปนพษิ มากทีส่ ดุ รองจากแอมโมเนยี และ
ไมค วรมีอยูเลย ปลาทไี่ ดรบั ไนไตรตจะไมกินอาหารและเซ่ืองซมึ การข้ึนมาหายใจทผี่ วิ น้าํ อาจเปนส่ิง
บง ชอี้ ยางหนงึ่ วาเริ่มมไี นไตรตปรากฏอยใู ตตู ระดับไนไตรตท่ีสูงอาจทาํ ใหป ลาหลายชนิดตายได จงึ
ควรหลีกเล่ียงในทกุ กรณี ในการบาํ บัดไนไตรต กอนอ่ืนหยุดใหอ าหารปลา เติมแบคทีเรยี กรองน้ําเขา
ไปเยอะๆ และตรวจเช็ควา มปี ลาตายหรอื อาหารเหลอื ท้ิงหรือไม ถา มีระดับไนไตรตส งู ใหเปลยี่ นถาย
นาํ้ 50% ทุกวันและไมตองลางเคร่ืองกรอง สามารถใชเกลอื ปริมาณเลก็ นอยลดความเปนพิษของไน
ไตรตใ นนํา้ ได

2.4 ปริมาณออกซิเจนละลายน้ํา มักเรยี กยอ ๆ วา “DO” (Dissolved Oxygen) การ
หายใจของปลาสว นใหญจะกระทาํ ไดก็ตอเม่ือมีออกซเิ จนละลายอยใู นน้าํ สําหรับการเล้ียงปลา
สวยงามเปนการเล้ยี งปลาในพื้นทจ่ี ํากดั ขนาดเล็ก นํา้ ใสสะอาด ไมม ีแพลงกตอน และมักไมปลูกพรรณ
ไมน ํ้า การละลายของออกซิเจนทผ่ี วิ นํา้ แทบจะไมสามารถเกิดไดเลย ดงั น้นั เมื่อปลอ ยปลาลงเลีย้ งในตู
ปลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ปลาจะใชอ อกซิเจนหมดไปโดยไมมกี ารละลายของออกซิเจน เครอื่ งแอรปม
จึงมีความจําเปน อยางยิง่ ตอการเลี้ยงปลาสวยงาม ผูเลี้ยงปลาแทบทุกรายจึงตองซ้ือแอรปมไปใชเ พ่ิม
ออกซิเจนในตูเล้ยี งปลา มิฉะนัน้ ปลาทเี่ ลยี้ งจะไมคอยกนิ อาหาร ทําใหแคระแกรน สีซีดจาง ออนแอ
ติดโรคไดงา ยหรืออาจขาดออกซเิ จนจนถงึ ตายได ยกเวน ปลาบางชนิดจะมีอวัยวะชวยหายใจ ทําให
สามารถใชอ อกซเิ จนจากอากาศไปใชใ นการหายใจได จงึ ทาํ ใหป ลาเหลา นีม้ คี วามสามารถอยูใ นนํ้าเสยี
หรอื หมดตวั อยูในโคลนตมไดดกี วาปลาชนิดอืน่ ตวั อยางเชน ปลาหางนกยูง ปลากดั ปลากระดีช่ นดิ
ตา ง ๆ ปลาหมอตาล ปลาชะโด ปลาดกุ และปลาแรด แตถึงแมปลาเหลา น้จี ะทนทาน ถา นํามาเลย้ี งใน
ตปู ลากย็ งั จาํ เปน ตองใชเ คร่ืองแอรปม เพมิ่ ออกซิเจน เพราะการท่นี าํ้ มีออกซเิ จนสงู จะทําใหปลาสดชนื่
กินอาหารเกง เตบิ โตเร็ว สีสนั สดใส และเจรญิ พันธไุ ดด ี

2.5 กา ซคารบ อนไดออกไซด การเลย้ี งปลาสวยงามในตปู ลา จะมีคารบอนไดออกไซด
เกดิ ขึ้นจากการหายใจและการหมักหมมของเศษอาหาร แตไมคอยมปี ญ หาเพราะคารบอนไดออกไซด
สามารถระเหยออกสอู ากาศไดเนื่องจากการใชแอรป ม และในระบบกรองน้ํายังชว ยควบคุมกา ช
คารบ อนไดออกไซด ซ่ึงจะไปทําปฏิกิริยากบั เศษปะการัง เกิดเปน สารประกอบไบคารบ อเนต ละลาย
อยใู นน้าํ โดยไมเปน พิษตอปลา ตกู ระจกหรือบอปลาท่มี ีการหมักหมมของคารบ อนไดออกไซดม าก ถา
เครื่องแอรปม เกดิ ขดั ของปลามกั จะลอยหวั และตายในเวลาอันรวดเรว็ ผูเลยี้ งปลาจะตองหม่ันทาํ ความ
สะอาดตู เพ่อื กาํ จัดเศษอาหารและขป้ี ลาออกไปทงิ้ อยางสมํ่าเสมอ

49

2.6 ความเคม็ ของน้าํ หมายถึงปรมิ าณของของแข็งหรือเกลือแรต า ง ๆ ท่ีละลายอยูในนํา้
โดยเฉพาะเกลือแกง ความเค็มมีผลตอ การดํารงชีวิตของปลา ปลาสว นใหญจ ึงมคี วามเจาะจงอยูในน้ํา
จดื หรือนาํ้ เค็มอยางเดนชัด แตก ็มปี ลาหลายชนดิ ที่สามารถปรบั ตวั ไดด ีสามารถอยูไดท งั้ ในน้ําจดื และ
นํ้าเค็ม เชน ปลากะพงขาว ปลาตะกรับหรือปลาเสอื ดาว และปลาเฉี่ยว ปลาสว นใหญจะสามารถทน
ตอ การเปลยี่ นแปลงความเคม็ ไดประมาณ 5 สว นในพนั สว น หรือ 5 พพี ีที

2.7 สารพษิ ปจจบุ นั แหลง น้าํ ธรรมชาติมกั จะมีการปนเปอนของสารเคมีชนดิ ตาง ๆ ซง่ึ มัก
มีอันตรายตอสตั วน า้ํ สารพิษดงั กลา วสวงนมากมาจากโรงงานอตุ สาหกรรม การเกษตร และของเสีย
จากครัวเรือน ยิ่งมีการพฒั นาหรอื มีการขยายตัวของชุมชนมากเพยี งใด ก็ย่ิงมสี ารพษิ ตกคางลงแหลง
นาํ้ ธรรมชาติมากขึน้ สารพิษเหลานจ้ี ะมีผลทําใหการเจริญเติบโตของปลาลดลง ปลาขนาดเลก็ และไข
ปลามักจะตาย นอกจากนัน้ ยังจะทําใหอาหารธรรมชาตทิ ี่จําเปน ของปลาลดลง

3. คณุ สมบัตขิ องนาํ้ ทางดา นชวี ภาพ
3.1 พรรณไมน าํ้ เปน ส่ิงมีชีวิตท่ีสาํ คัญที่มักมีการนาํ เลย้ี งรว มกบั ปลาสวยงาม เพอ่ื เพม่ิ

ความมชี วี ติ ชวี าใหตูปลา และยังมีความสําคัญในการชวยรักษาสมดุลของคุณภาพนาํ้ โดยจะนําเอา
สารอาหารหรอื สารประกอบทเี่ กดิ จากการขับถายของปลา และการยอยสลายของเศษอาหาร เชน
คารบอนไดออกไซด ไบคารบอเนต ไนเตรท และแอมโมเนีย ไปใช ดงั น้นั หากมีการปลูกพรรณไมน า้ํ
ในตปู ลากจ็ ะชวยลดการเปลยี่ นถา ยนํ้าได สาํ หรบั ประโยชนของพรรณไมน ํ้าในดานอ่นื ๆ คือ ปลาบาง
ชนิดจะใชพ รรณไมนํ้าเปน ทหี่ ลบซอนทําใหรอดพนจากการถกู จบั กนิ ได พรรณไมน าํ้ ที่มีความสวยงาม
และนยิ มใชตกแตง ในตูปลาสวยงาม ไดแก สาหรา ยฉตั ร สาหรา ยหางกระรอก อเมซอนใบยาว
และอเมซอนใบกลม เปน ตน (สุภาพ พรหมยศ และคณะ, 2535)

3.2 แพลงกต อน เปน สิ่งมชี วี ติ เล็ก ๆ ในนาํ้ ในธรรมชาติจะมีแพลงกต อนเกิดอยูอยา ง
สมาํ่ เสมอ โดยมกี ารเปลยี่ นแปลงชนิดและปรมิ าณไปตามคุณภาพนํา้ และฤดกู าล จดั เปนสง่ิ มชี วี ติ
ท่ชี ว ยรักษาสมดุลของระบบนิเวศนใ นแหลง นา้ํ มีความสาํ คัญคือเปน อาหารของลูกปลาทุกชนิด ปกติ
แพลงกต อนแยกออกไดเ ปน 2 ประเภท คอื

3.2.1 แพลงกตอนพืช จะใชธาตอุ าหารตาง ๆ ทล่ี ะลายอยูใ นน้าํ ไปใชใ นการ
สงั เคราะหแ สง เชนเดยี วกบั พวกพรรณไมน้ํา แพลงกต อนพืชจะเปน อาหารของแพลงกตอนสัตว และ
ลูกปลาทกุ ชนิด จงึ ถือวา แพลงกตอนพชื เปน ผผู ลติ ชั้นตน ของหวงโซอาหาร (ลัดดา วงศร ัตน, 2543 ก)

3.2.2 แพลงกต อนสตั ว จะเติบโตโดยกินจลุ นิ ทรยี และแพลงกตอนพืช แพลงกตอน
สัตวเปนอาหารท่ีสาํ คญั ของลูกปลาทกุ ชนิด รวมท้ังปลาเต็มวยั บางชนิดท่ีมีขนาดเล็กก็จะชอบกนิ
แพลงกต อนสัตว เชน ปลากดั ปลานอี อน ปลาสอด และปลาหางนกยงู (ลัดดา วงศร ตั น, 2543 ข)

50

(ก) ผักเปด แดง (ข) อนูเบียส

(ค) ลานไพลนิ (ง) สาหรา ยฉัตร

ภาพท่ี 3.2 พรรณไมน้ําบางชนิดท่นี ิยมปลกู ในตูปลาสวยงาม
ท่ีมา : สุภาพ พรหมยศ และคณะ (2535)

(ก) สาหรายคลอเรลลา (ข) ไรแดงตวั เตม็ วยั

ภาพท่ี 3.3 แพลงกตอนพชื และแพลงกต อนสตั วที่ใชในการเลยี้ งปลาสวยงาม

51

การจัดการคณุ ภาพน้ําสาํ หรับการเล้ียงปลาสวยงาม

การทดสอบคุณภาพนาํ้ จะสามารถปอ งกันการตายของปลาในตไู ด การทดสอบนํ้าสามารถ
บอกเราเกี่ยวกบั ความเปนไปในตูปลาไดดีกวาการมองดว ยตาเปลา ดังนน้ั การใชช ุดทดสอบคุณภาพ
น้ําจึงบอกไดว า มีอนภุ าคสารมลพษิ ปนเปอนอยหู รือไม หรอื ควรลงมอื แกไ ขอะไรหรือไม ชุดทดสอบ
ทาํ งานโดยใชรเี อเจนตทเ่ี ปลย่ี นสีได ซึ่งนาํ สีไปเปรยี บเทยี บกบั ตารางสีท่ีมอี ยู โดยปกติแลวรีเอเจนต
แตละตวั จะสามารถทดสอบไดเ พียงหนงึ่ พารามเิ ตอร เชน คา pH ดงั นน้ั ชดุ ทดสอบจงึ รวมการทดสอบ
หลายอยา งไวด ว ยกัน การบาํ รุงรักษาตูปลาและการควบคมุ มลภาวะ การเลย้ี งปลาในตูกระจก ควรมี
การลางตูปลาทุก ๆ เดือน เพื่อบาํ รงุ รักษาตูปลาและลดปญ หาดานนาํ้ เสียลงได

(ก) น้าํ ยาตรวจวดั คุณภาพนํา้ แบบงาย (ข) เคร่ืองวัดความเคม็ ของนํ้า

ภาพที่ 3.4 สารเคมแี ละเครอื่ งมือตรวจวัดคณุ ภาพนาํ้ ในตปู ลา

ขอมูลในตารางท่ี 3.1 เปน การกาํ หนดเวลาของงานประจําและประมาณเวลาทีใ่ ชโ ดยเฉล่ีย
สําหรับตูปลาหน่งึ ตทู ่ีมีความจุของนาํ้ 100 ลิตร (เกย เจเรม,ี 2550)

52

ตารางที่ 3.1 เวลาบํารงุ รกั ษาตปู ลาประจาํ เดือน

กจิ กรรม สิง่ ทต่ี อ งทาํ เวลาท่ใี ช
บาํ รุงดูแลเคร่ืองกรองน้ํา
กวาดตะไคร ปดเครื่องกรอง ทาํ ความสะอาดใบพดั ดวยแปรง และ 5 นาที
ดูดฝนุ กรวด/ถายนํา้
ทําความสะอาดตวั กรองฟองนา้ํ ในนํา้ เกา ในตปู ลา
เตมิ น้าํ และปรบั สภาพนาํ้
ขัดถกู ระจกดานในของตูท้งั สี่ดาน ใชแ ผน ขดั ที่ 5 นาที
ทดสอบคุณภาพน้ํา
ทาํ ความสะอาดตู ปลอดภยั

ใชท่ดี ูดกรวดและทอ ดูดกาลักน้ํา เพอื่ กําจดั เศษฝุน 10 นาที

ของเสียในวสั ดุปูพนื้ จนกวากรวดจะสะอาด และดดู

น้ําออกไปจากตูประมาน 30%

เตมิ นาํ้ ประปาใหเ ต็มถัง ตรวจดูอุณหภมู ิดวย 10 นาที

เครือ่ งวัดอณุ หภูมิและเติมนํา้ ยาปรบั สภาพนา้ํ เทนํ้า

ลงไปในตู

ใสนํ้าจากตลู งไปในหลอดทดสอบ เติมรีเอเจนต รอ 20 นาที

และตรวจสอบผล

ทาํ ความสะอาดรอยนํา้ กระเด็นบนกระจกครอบและ 10 นาที

หลอดไฟเชด็ กระจกดานนอกดว ยผา ปด ฝุนฝาครอบ

และตูเฟอรน ิเจอร

ท่มี า : เกย เจเรมี (2550)

บทสรุป

น้ํามีความสาํ คัญตอ ปลาสวยงาม เน่ืองจากปลาอาศยั การแลกเปลีย่ นกา ชออกซเิ จนในน้าํ เพื่อ
การหายใจ ปลาสวยงามเปนปลาทถี่ กู เลี้ยงในพื้นทจ่ี ํากดั จําเปนตองไดร บั นาํ้ ทสี่ ะอาดเพ่ือการดาํ รงชีพ
และการสืบพนั ธุ นาํ้ ท่สี ะอาดมผี ลตอการเจรญิ เติบโต การกินอาหาร และการเกดิ สสี นั ในตวั ปลา โดย
แหลงนํา้ ทน่ี าํ มาเลี้ยงปลาสวยงามมที ่ีมาหลายแหลง ไดแก แหลง นํ้าธรรมชาติ ไมวา จะเปนแมน ้ํา
คลองสง นํา้ สระเก็บน้าํ หรือบึง ตาง ๆ โดยปริมาณนํา้ มาจากฝนทตี่ กลงมา แหลงนํา้ ทส่ี ําคัญอีกแหลง
หน่ึง คอื แหลง นํ้าทีส่ รา งขน้ึ มา เชน นํ้าประปา และน้ําบาดาล โดยนํ้าจากแหลงตาง ๆ เหลา น้ีจะมี
คณุ สมบัตแิ ตกตา งกนั ออกไป ผูเลีย้ งควรพจิ ารณาเลือกใชน้ําทม่ี ีคุณสมบัติเหมาะสมตอการดํารงชวี ิต
ของปลา คุณภาพนํา้ ที่ควรพจิ ารณามี 3 ดาน ไดแ ก ดา นกายภาพ ประกอบดวย สี ความขนุ และ

53

อณุ หภูมิ ดานเคมปี ระกอบดวย ความเคม็ ปริมาณกาซออกซิเจน คารบ อนไดออกไซด แอมโมเนีย
ไนไตรท และกาซไฮโดรเจนซัลไฟล และดา นสุดทายคือ ดานชีวภาพ ประกอบดว ย ส่งิ มชี ีวิตทีอ่ าศัยอยู
ในน้าํ ทั้งพืชและสตั ว ตัวอยา งเชน พรรณไมนํา้ ชนิดตาง แพลงกต อนพืชและสตั ว ตลอดจนตวั ออ นของ
แมลงที่เปนท้ังอาหารและศัตรูของปลาสวยงาม นอกจากนั้นผูเลีย้ งตอ งมีการจดั การคุณภาพนํา้ ในการ
เล้ียงอยา งเหมาะสมและสมา่ํ เสมอ เชน การทดสอบน้าํ ในชวงกอนการเลี้ยง การเปลีย่ นถายนา้ํ และ
รวมถึงการลางตปู ลาเพ่ือกาํ จัดของเสียและเชือ้ โรค

54

คําถามทา ยบท

1. บอกความสําคัญของนาํ้ ตอการเลี้ยงปลาสวยงาม 3 ขอ
2. แหลง นํ้าทสี่ ามารถนาํ มาใชเล้ยี งปลาสวยงามไดแกแหลง ใดบาง
3. การนาํ นํา้ ประปามาเลยี้ งปลาสวยงามมักจะเกดิ ปญ หาอยา งไร
4. การใชนํ้าฝนเลยี้ งปลาสวยงามจะเกิดปญ หาอยางไร
5. สารเคมที กี่ าํ จัดคลอรนี ในน้ําประปาคือสารชนดิ ใด
6. การเปลี่ยนแปลงอุณหภมู ขิ องนาํ้ มีผลตอการเลยี้ งปลาสวยงามในเขตรอนอยางไร
จงอธบิ าย
7. แอมโมเนยี และไนไตรท มีผลตอ การเจริญเตบิ โตของปลาสวยงามอยา งไร จงอธิบาย
8. จงบอกถึงขอดแี ละขอ เสียของคุณภาพนํา้ ดานชีวภาพกบั การเลี้ยงปลาสวยงาม
9. การจัดการคุณภาพนํ้าทเ่ี หมาะสมสําหรับการเลยี้ งปลาสวยงาม จะตอ งดาํ เนินการอยา งไร
10. เมอ่ื เกิดเหตุการณไ ฟดับ ปม ออกซเิ จนไมท ํางาน เราจะมีวิธกี ารเพม่ิ ออกซิเจนใหกับน้ําใน
ตูปลาสวยงามไดอยางไร

55

เอกสารอา งองิ

เกย เจเรม.ี (2550). คูม ือเล้ียงปลาสวยงามฉบับสมบรู ณ. (แปลจาก The Perfect Aquarium.
โดย วรวรรณ สมิ ะโรจน). กรงุ เทพฯ: เนชนั่ พรน้ิ ติ้ง เซอรวสิ .

ประภาส โฉลกพันธร ตั น. (2540). การเล้ียงปลาสวยงาม. ขอนแกน: ภาควชิ าประมง คณะ
เกษตรศาสตร มหาวิทยาลยั ขอนแกน .

ลัดดา วงศร ัตน. (2543 ก). แพงกต อนพชื . กรุงเทพฯ: คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร.
__________. (2543 ข). แพงกตอนสัตว. กรุงเทพฯ: คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร.
วันเพญ็ มีนกาญจน กาญจนา จริ พันธพพิ ัฒน และพิสฐิ ภูมิคง. (2545). ปลาออกลูกเปนตวั .

กรุงเทพฯ: สถาบนั วจิ ัยสัตวนา้ํ สวยงามและสถานแสดงพนั ธุสตั วน า้ํ กรมประมง กระทรวง
เกษตรและสหกรณ.
วริ ชั จิ๋วแหยม. (2544). ความรูเบ้ืองตน เก่ียวกับคุณภาพน้าํ และการวเิ คราะหคณุ ภาพนํา้ ในบอ
เพาะเลี้ยงสตั วน้ํา. กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณมหาวทิ ยาลัย.
สุภาพ พรหมยศ นงนุช เลาหะวิสุทธ์ิ และวันเพ็ญ มีนกาญจน. (2535). พรรณไมน้ําประดับตู
ปลา. สมุทรปราการ: ศูนยพัฒนาการประมงแหงเอเซียตะวันออกเฉียงใต.
สุรศักด์ิ วงศก ิตติเวช. (2542). คมู ือการเลีย้ งปลาทองฉบับสมบูรณ. กรุงเทพฯ: เอม็ ซพั พลาย.

56


Click to View FlipBook Version