สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสงขลา ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอหาดใหญ่ ศูนย์การเรียนรู้ตำบลน้ำน้อย ทีมงานดำเนินเรื่อง เล่าเรื่อง : นายมนูญ พันธ์นิล ต้นเรื่อง : นายมนูญ พันธ์นิล : นายทนงศักดิ์ ศรีปะนะ เขียนเรื่อง : นางสาวสมใจ เสระหมาน นางสาวปั้นแก้ว ไพโรจน์ ทีมสนับสนุน : ดร.ชยุต อินทร์พรหม ดร.สุจิรา วิจิตร นางสุพิทย์ ลอยแก้ว บุคคลอ้างอิง : นายทนงศักดิ์ ศรีปะนะ ทีมสนับสนุนระดับสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา : ดร.ไพโรจน์ คเชนทองสุวรรณ์ ทีมสนับสนุนระดับหน่วยงาน ผอ.สกร.จังหวัดสงขลา : นางเกษร ธานีรัตน์ รอง ผอ.สกร.จังหวัดสงขลา : นางสาวบุปผาชาติ เรืองกูล
ระนาดเอก
ฅนตีมีด น้ำน้อย ตำบลน้ำน้อยมีประวัติศาสตร์อันยาวนานมา ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ลุงมนูญ พันธ์นิล วัย 74 ปีเล่าให้ฟังว่า เรื่องราวการตีเหล็กเกิดขึ้นที่ หมู่ที่ 8 บ้านกลางนา ตำบลน้ำน้อย บ้านกลางนาแต่ เดิมตั้งอยู่ที่บริเวณปั้มคาลเท็กซ์ปัจจุบัน เป็นหมู่บ้าน มีที่นาล้อมรอบเกิดน้ำท่วมทุกปีชาวบ้านจึงต้องย้ายไป ตั้งรกรากที่ใหม่บริเวณเชิงเขาเรียกว่า กว๊านนอกซึ่ง บริเวณดังกล่าวมีเศษเหล็กที่เกิดจากตีเหล็กของโรงตีเหล็ก เดิมและในประวัติศาสตร์พบว่ามีคนจีนมาตั้งรกรากที่ น้ำน้อยจึงเป็นที่มาของการตีมีด ซึ่งสมัยนั้นคนจีนได้ยึด อาชีพการตีมีดและมีโรงตีมีดเกิดขึ้นในชุมชนหลายโรง ลุงมนูญ พันธ์นิล ได้บอกเล่าเรื่องราวการตีมีดและ สาธิตการตีมีดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นำมีดและดาบมาให้ชม มากมายหลายแบบซึ่งมีความสวยงามและทรงคุณค่า
นายมนูญ พันธ์นิล บอกเล่าเรื่องราวการตีมีด ลุงมนูญ เกิดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2492 เป็น บุตรของนายม่อง พันธ์นิล มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน ลุงมนูญ เป็นบุตรชายคนที่ 2 มีพี่ชาย 1 คน และน้อง อีก 2 คน ลุงมนูญเล่าว่าแต่เดิมปู่ได้เรียนรู้การตีเหล็ก จากชาวจีนที่มาตั้งโรงตีเหล็กที่บ้านน้ำน้อยซึ่งขณะนั้น มีโรงเหล็กหลายโรงด้วยวิถีชีวิตที่วิ่งเล่นอยู่ที่โรงตีเหล็ก ตั้งแต่เด็กลุงมนูญและพี่ชายเริ่มสนใจการตีเหล็ก ต่างจากพี่น้องอีก 2 คนที่สนใจในการรียนต่อลุงมนูญ เริ่มฝึกหัดการตีมีดเมื่ออายุได้ 13 ปีโดยเริ่มตีเป็นมีดพร้า เนื่องจากอาชีพของคนในชุมชนน้ำน้อยมีอาชีพ เกษตรกรรมมีดที่ทำขายในหมู่บ้านเป็นส่วนใหญ่
เริ่มแรกลุงมนูญยังไม่ชำนาญก็ตีเหล็กแบบเกราไว้ก่อน และให้พ่อมาตกแต่งเพิ่มเติม ลุงมนูญเรียนหนังสือ ระดับประถมศึกษาที่ โรงเรียนชุมชนบ้านน้ำน้อย ขณะ เรียนหนังสือก็ได้เรียนรู้การตีมีดจากพ่อและพี่ชาย เรื่อยมาจนสามารถพัฒนาฝีมือให้มีความชำนาญมาก ขึ้น กระทั่งจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีทื่ 6 อุปกรณ์โรงตีมีดในปัจจุบัน จากความมุ่งมั่นและความอดทน ลุงมนูญ ได้พัฒนาฝีมือจนมีความชำนาญในช่วงแรกตีเป็นผาน (อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบคันไถสำหรับไถนา) มีดพร้า
ชะแลง มีดอีโต้ ขณะนั้นประชาชนในชุมชนมีความ ต้องการจำนวนมาก ในการบอกเล่าเรื่องราวของมีด ลุงมนูญบอกเล่าด้วยรอยยิ้มและนำมีดและดาบที่เก็บไว้ ออกมาให้ชมแต่ละเล่มล้วนมีเรื่องเล่าที่แตกต่างกันไป ดาบและมีดมีราคาตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 บาท บางเล่มไม่สามารถประเมินมูลค่าได้เนื่องจากเป็น คุณค่าทางจิตใจ ลุงมนูญเล่าว่ามีดหรือดาบบางเล่ม มีคนขอซื้อในราคาสูงมากแต่ลุงมนูญไม่ขายเพราะสิ่งนี้ มีค่ามากกว่าเงินทอง
ลุงมนูญ เล่าว่าได้เริ่มมาตีมีดอย่างจริงจังเมื่อ อายุ 23 ปี สามารถยึดอาชีพการตีมีดเลี้ยงดูครอบครัว และส่งเสียลูกจนจบการศึกษาและทำงานทุกคน ในช่วงที่ตีมีดมีหลายหน่วยงานเข้ามาศึกษาและ ส่งเสริม เช่น มหาวิยาลัยทักษิณสงขลา มหาวิทยาลัย ราชราชภัฏสงขลา หน่วยงานที่มอบเตาเผาไฟฟ้า คือ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ศรีวิชัย วิทยาเขตสงขลา นำมีดบางส่วนไปจัดแสดงไว้ ที่สถาบันคดีทักษิณสงขลา ตำบลเกาะยอ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เตาเผาไฟฟ้าที่ได้รับมอบ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีศรีวิชัย วิทยาเขตสงขลา
ตลอดระยะเวลาการทำอาชีพการตีเหล็กลุงมนูญ ได้ทำชื่อเสียงให้กับตำบลน้ำน้อยและประเทศชาติ ได้รับการยกย่องเป็นปราชญ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นจาก หน่วยงานและองค์กรต่างๆ ครั้งหนึ่งลุงมนูญเล่าว่า รู้สึกภูมิใจมากมากที่ได้รับเกียรติจากนักเขียนที่มี ชื่อเสียง คือ ทมยันตี(วิมล ศิริไพบูลย์) เชิญไป ร่วมงานแสดงศาสตรวุธที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นความ ทรงจำที่มีมาจนทุกวันนี้ จากความมุ่งมั่น ความอดทน จึงทำให้ลุงมนูญได้รับรางวัล
มีดที่ทำจะขายโดยการบอกต่อๆกัน ลูกค้าส่วนใหญ่ ขณะนั้นในชุมชนและพื้นที่จังหวัดสงขลา จังหวัดพัทลุง และ 3 จังหวัดทางภาคใต้ มีดที่จำหน่ายจะป็นมีดที่มี ขนาดเล็ก ราคาตั้งแต่ 500 บาท - 100,000 บาท ลุงมนูญ ได้บอกเล่าเรื่องว่าต่อว่า ตนไม่อยากให้การ ตีมีดของตำบลอยู่ในตำนานเท่านั้น จึงได้สืบทอด วิชาความรู้ต่างๆ ให้แก่ลูกศิษย์มากมายทั่วประเทศ ลูกศิษย์ที่ลุงมนูญภูมิใจเป็นอย่างมากสืบทอด อาชีพตีมีดของตำบลน้ำน้อย คือ นายทนงศักดิ์ ศรีปะนะ หรือครูนุ้ย เมื่อได้รับการบอกเล่า ผู้เขียนได้เดินทางมา บ้านครูนุ้ย ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 73 หมู่ที่ 3 ตำบลน้ำน้อย อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ครูนุ้ยได้เรียนตีเหล็ก ลายโบราณจากลุงมนูญ พันธ์นิลและได้เปิดโรงตีมีด เป็นของตัวเอง
ครูนุ้ยเล่าว่าตนเองชอบและหลงใหลในงาน อาวุธแบบโบราณเป็นอย่างมากใช้เวลาประมาณ 10 ปี จนเกิดความชำนาญทำให้มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วและ มีลูกศิษย์จากทั่วประเทศมาฝากตัวเป็นศิษย์ในปัจจุบัน ปีพ.ศ 2566 มีลูกศิษย์จำนวน 44 คน ลูกศิษย์ที่มา เรียนตีมีดจะมีพิธีการรับศิษย์ เรียกว่า ยกครู ผู้ที่จะฝากตัวเป็นศิษย์จะนำดอกไม้ธูปเทียน หมาก พลู ผ้าขาว ผ้าแดง และเงินจำนวน 12 บาท มาทำพิธี เป็นพิธีการที่เรียบง่ายแต่ยิ่งใหญ่เพราะคนที่มาฝากตัว เป็นศิษย์ต้องมีความตั้งใจจริงในการเรียนรู้และ สืบทอดตำนานการตีมีดที่ทรงคุณค่า ต้องมีความมุ่งมั่น
ความอดทน ความพยายาม และรักการตีมีด ครูนุ้ยได้ สอนลูกศิษย์ด้วยความมุ่งมั่นไม่หวงวิชา เรียกว่าจับมือทำ ลูกศิษย์บางคนมาพักอาศัยกินอยู่ที่โรงเหล็ก กางเต้น นอนบริเวณรอบๆ โรงเหล็ก บางคนมาพักอาศัยเป็น เวลา 5 ปีเพื่อมาเรียนรู้การตีมีดหรือบางคนมาพัก อาศัยเป็นอาทิตย์ลูกศิษย์ที่อยู่ใกล้ๆมาเรียนตอนเช้า กลับตอนเย็น การเรียนการสอนจะมีช่วงกลางวันและ กลางคืนตามความสะดวกของลูกศิษย์ ในการเป็นอยู่ ของลูกศิษย์ครูนุ้ยดูแลในความเป็นอยู่อย่างดีอาหาร การกินโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย พิธีการรับศิษย์(ยกครู)
ครูนุ้ยได้บอกเล่าเรื่องราวการตีมีดและขั้นตอนการตี มีดไว้ดังนี้ ขั้นตอนที่1 นำเหล็กที่ต้องการมาเผาไฟ เรียกกว่าการ ตีขึ้นรูปเพื่อให้เหล็กมีความอ่อนตัว การใช้ไฟต้อง เหมาะสมและสังเกตสีของไฟขณะเผาว่ามีสีอะไรหาก ไฟร้อนเกินไปเหล็กจะหัก ขั้นตอนที่ 2 การผ่าใส่เหล็กกล้าเพื่อให้เหล็กตาม รูปทรงที่ต้องการ
ขั้นตอนที่ 3 การตีขึ้นรูปตามรูปแบบที่วางไว้ ขั้นตอนที่ 4 การเก็บผิวเหล็กให้เรียบเครื่องเกรา ขั้นตอนที่ 5 การตีมีดให้มีผิวเรียบโดยใช้ค้อน
ขั้นตอนที่ 7 การแต่งผิวมีดด้วยเครื่องเกรา ขั้นตอนที่ 8 การแต่งผิวมีดด้วยตะไบเหล็ก ขั้นตอนที่9 การชุบแข็งโดยใช้มีดที่ได้ชุบลงในน้ำ หรือน้ำมันและนำมา ขัดอีกรอบ
ขั้นตอนที่ 10 การกัดลายด้วยน้ำกรดจะได้ลวดลายมีด ที่สวยงาม ขั้นตอนที่ 11 การทำปลอกมีดมีการออกแบบลวดลาย ตามที่ต้องการวัสดุที่ใช้เป็นไม้เนื้อแข็ง หรือเขาควาย เขาวัว ตามความต้องการ ขั้นตอนที่ 12 มีดที่ทำเสร็จมีความสวยงามตาม ต้องการราคาขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้หรือตามความต้องการ ของลูกค้า
อีกหนึ่งพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของการตีมีด คือพิธีไหว้ครู ซึ่งครูนุ้ยเล่าว่าจะจัดขึ้นทุกปีในเดือนหก บรรดาลูกศิษย์ทั่ว ประเทศจะเดินทางมาที่โรงตีมีดเพื่อร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทิตาแก่ครูบาอาจารย์และการ พบปะกันนำมาซึ่งความสามัคคีโดยจะนำของเซ่นไหว้ ข้าวปลาอาหารมาร่วมพิธี และนำดาบมาปลุกเสกเพื่อ เป็นสิริมงคล โรงตีมีดแห่งนี้จึงเป็นศูนย์รวมใจของลูก ศิษย์ทุกคน
ครูนุ้ยได้สร้างสรรค์ผลงานออกมามากกว่า 1000 ชิ้น และได้รับรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินดีเด่น จังหวัดสงขลา ประจำปี 2522 สาขาการช่างฝีมือ (ด้านช่างตีเหล็กลาย) ผลงานได้เผยแพร่เป็นที่ชื่นชมใน ด้านภูมิปัญญาการการตีมีดของจังหวัดสงขลา ผลงานการตีมีดของครูนุ้ย
มรดกอันล้ำค่าใดหากไม่ได้รับการสืบทอดก็จะสูญสิ้นไป หากแต่การตีมีดของตำบลน้ำน้อยยังมีการสืบทอด ขยายไปยังรุ่นต่อรุ่นสร้างศิษย์ สร้างครู.ให้มีการ อนุรักษ์ที่มีค่าของชุมชนและประเทศชาติสืบไป เหล็กที่ผ่านไฟร้อนที่สุด จะเป็นดาบที่สวยที่สุด ใครที่ผ่านอุปสรรคมากที่สุด จะเป็นใจที่แกร่งที่สุด คนที่อดทนให้ถึงที่สุด จะเป็นคนที่ดีที่สุด บุคคลอ้างอิง/หลักฐานอ้างอิง/ร่องรอยหลักฐาน นายมนูญ พันธ์นิล เล่าเรื่อง 10 พฤศจิกายน 2566 นายทนงศักดิ์ ศรีปะนะ เล่าเรื่อง 9 ธันวาคม 2566 ผู้บันทึก : นางสาวสมใจ เสระหมาน นางสาวปั้นแก้ว ไพโรจน์
สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสงขลา ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอหาดใหญ่ ศูนย์การเรียนรู้ตำบลน้ำน้อย ผู้ทรงคุณวุฒิ ดร.ชยุต อินทร์พรหม : อาจารย์ประจำหลักสูตรสวัสดิการสังคม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ดร.สุจิรา วิจิตร : อาจารย์ประจำหลักสูตรสวัสดิการสังคม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา บรรณาธิการ นางสุพิทย์ ลอยแก้ว : บรรณารักษ์ชำนาญการพิเศษ คำประพันธ์/ออกแบบตรวจทานเนื้อหา นางสาวสมใจ เสระหมาน : ครู กศน.ตำบลน้ำน้อย นางสาวปั้นแก้ว ไพโรจน์ : ครูกศน.ตำบลน้ำน้อย รูปเล่มและภาพประกอบ นางสาวอริสรา เกื้อกูล : ครู กศน.ตำบลพะตง นางสาวสมใจ เสระหมาน : ครู กศน.ตำบลน้ำน้อย นางสาวปั้นแก้ว ไพโรจน์ : ครู กศน.ตำบลน้ำน้อย จัดพิมพ์ สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสงขลา