The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วรรณกรรมชุมชนเพื่อการเรียนรู้จังหวัดสงขลา เรื่อง อุโมงค์ประวัติศาสตร์เขาน้ำค้าง ของศูนย์การเรียนรู้ตำบลคลองกวาง<br>ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภนาทวี <br>ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสงขลา<br>เขาน้ำค้าง เป็นเสมือนเขตหวงห้ามเป็น<br>ระยะเวลากว่า 50 ปี เนื่องจากอยู่ในการยึดครองของผู้ก่อการร้ายโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา (จคม.) เริ่มตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

อุโมงค์ประวัติศาสตร์เขาน้ำค้าง

วรรณกรรมชุมชนเพื่อการเรียนรู้จังหวัดสงขลา เรื่อง อุโมงค์ประวัติศาสตร์เขาน้ำค้าง ของศูนย์การเรียนรู้ตำบลคลองกวาง<br>ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภนาทวี <br>ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสงขลา<br>เขาน้ำค้าง เป็นเสมือนเขตหวงห้ามเป็น<br>ระยะเวลากว่า 50 ปี เนื่องจากอยู่ในการยึดครองของผู้ก่อการร้ายโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา (จคม.) เริ่มตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2

Keywords: วรรณกรรม,สกร.,สกร.สงขลา,นาทวี,การเรียนรู้

สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสงขลา ศูนย์การเรียนรู้ตำบลนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา รายชื่อบุคคลอ้างอิง/ดำเนินการ ทีมงานดำเนินเรื่อง ผู้ให้ข้อมูล/บุคคลอ้างอิง : นายยี่ซิง แซ่เหลียง ผู้สำรวจข้อมูล/เขียนเรื่องราว : นายศราวุฒิ บุตรแสง : นางสาวธัญสินี สุดทองคง ทีมสนับสนุนระดับสถานศึกษา ผู้อำนวยการ สกร.อ.นาทวี : นางสาวนิตยา จิตภักดี ครู : นางสาวฉันฐกานต์ ทองจันทร์ ทีมสนับสนุนระดับหน่วยงาน ผู้อำนวยการ สกร.จังหวัดสงขลา : นางเกษร ธานีรัตน์ รองผู้อำนวยการ สกร.จังหวัดสงขลา : นางบุปผาชาติ เรืองกูล


ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอนาทวี ให้ ความสำคัญกับการส่งเสริม สนับสนุนให้เยาวชนและ ประชาชนมีนิสัยรักการอ่านและการเรียนรู้ โดยเฉพาะ การอ่านเรื่องราว ที่ถ่ายทอดออกมาจากบรรพบุรุษ หรือบุคคลในชุมชน ในรูปแบบของวรรณกรรมชุมชน วรรณกรรมชุมชน ที่ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ อำเภอนาทวี ได้จัดทำขึ้นในครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะช่วยสืบทอด สืบสานและส่งต่อความงดงามทาง วัฒนธรรมสู่คนรุ่นหลัง ด้วยความร่วมมือร่วมใจของครู ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอนาทวี ในการลงพื้นที่ เก็บข้อมูล จากบุคคลต้นเรื่อง สถานที่จริง ผู้ถ่ายทอด เรื่องราวจากอดีตสู่ปัจจุบัน นิตยา จิตภักดี ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอนาทวี


อุโมงค์ประวัติศาสตร์เขาน้ำค้าง มุ่งหน้าเดินทางสู่อุโมงค์ จุดเชื่อมโยงประวัติศาสตร์อันล้ำค่า อยู่เคียงคู่นาทวีเนิ่นนานมา โอบล้อมด้วยหมู่พฤกษานานาพันธุ์ เหล่าสหายโจรจีนคอมมิวนิสต์ ช่างค้นคิดอาวุธครบสิ่งสรร ปักหลักสร้างฐานกำลังมั่น ก่อนพลิกผันร่วมยุทธการใต้ร่มเย็น 1


อุโมงค์ประวัติศาสตร์เขาน้ำค้าง อุโมงค์เขาน้ำค้าง ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขา น้ำค้าง เป็นอุทยานแห่งชาติที่สวยงามแห่งหนึ่งใน ภาคใต้ของประเทศไทย ตั้งชื่อตาม “เขาน้ำค้าง" ซึ่ง เป็นยอดเขาที่สูงมาก สามารถมองเห็นทัศนียภาพ ชายแดนฝั่งประเทศมาเลเซีย มีอากาศหนาวเย็นตลอด 2


ปี สมัยโบราณคนที่เคยขึ้นไปบนยอดเขา จะเห็นมี น้ำค้างขึ้นเป็นเกล็ดอยู่ตามยอดหญ้า ลักษณะเป็นใย แมงมุม แม้แต่ตอนเที่ยงวัน ไม่ว่าจะอยู่ในฤดูใดก็จะ พบน้ำค้างบนยอดหญ้าอยู่เสมอ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลก เป็นอย่างยิ่ง จึงได้รับขนานนามว่า “เขาน้ำค้าง” เขาน้ำค้าง เป็นเสมือนเขตหวงห้ามเป็น ระยะเวลากว่า 50 ปี เนื่องจากอยู่ในการยึดครองของ ผู้ก่อการร้ายโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา (จคม.) เริ่ม ตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ต้นเหตุเกิดขึ้นใน 3


ประเทศมาลายูมีขบวนการหนึ่งซึ่งเรียกว่า พรรค คอมมิวนิสต์มาลายา เป็นขบวนการที่ปฏิบัติการลับมี การเคลื่อนไหวในหมู่คนจีนที่ฝักใฝ่ในลัทธิมาร์คเลนิน เพื่อต้องการล้มล้างรัฐบาลมาลายู ซึ่งขณะนั้นอยู่ใน ความปกครองของอังกฤษ ต่อมาเมื่อเริ่มสงครามโลกครั้งที่ 2 ประมาณปี พ.ศ. 2484 หัวหน้าขบวนการใช้ชื่อว่า"จีนเป็ง" พร้อม ด้วยสมาชิกพรรคได้ร่วมมือกับรัฐบาลมาลายูต่อต้าน ญี่ปุ่นโดย ฝ่ายรัฐบาลมาลายูได้ให้คำมั่นสัญญาว่าถ้า สามารถผลักดัน ญี่ปุ่นออกจากแหลมมาลายูได้จะให้ ขบวนการดังกล่าวมีสิทธิ์มีเสียงในการปกครอง ประเทศ เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม รัฐบาลมาลายูในการ ปกครองของอังกฤษ หักหลัง ไม่ปฏิบัติตามคำมั่น สัญญาและทำการกวาดล้างสมาชิกพรรคโจรจีน คอมมิวนิสต์มาลายา ขบวนการดังกล่าวจึงถอยร่นเข้า มาในประเทศไทย และร่วมกันต่อต้านรัฐบาลมาเลเซีย โดยจัดตั้งขบวนการขึ้นใหม่ แบ่งกองกำลังเป็น 3 กรม คือ กรมที่ 8 กรมที่ 10 และกรมที่ 12 สำหรับ กรมที่ 8 เคลื่อนไหวและปฏิบัติการในท้องที่อำเภอ นาทวีและอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา โดยมี 4


ผู้บังคับบัญชากรม (ผบ.กรมที่ 8) คือ นาย โหวง อาก้า หรือ นายอิเจียง ได้ตั้งค่ายใหญ่อยู่บริเวณ เทือกเขาน้ำค้าง มีการสร้างฐานกำลังขึ้นระหว่าง ชายแดนไทยกับมาเลเซีย และได้ขุด “อุโมงค์เขา น้ำค้าง” ซึ่งเป็นอุโมงค์ที่ใหญ่และยาวที่สุดในประเทศ ไทย โดยขุดด้วยกำลังคนราว 200 คน ใช้เวลากว่า 2 ปีในอุโมงค์แบ่งเป็น 3 ชั้นมีทางเข้าออก 16 ช่องทาง ประกอบด้วย ห้องประชุมขนาดใหญ่-เล็ก ห้องธุรการ ห้องวิทยุ ห้องพยาบาล ห้องครัว ห้องผู้นำ สนามซ้อม ยิงปืน สนามหัดขี่มอเตอร์ไซค์ห้องสุขา เป็นสถานที่ หลบภัย แหล่งเก็บอาวุธ สถานพยาบาล โรงเรียนทาง การเมือง ตามประวัติ เริ่มขุดเมื่อปี พ.ศ. 2515 5


อุโมงค์เขาน้ำค้าง เปรียบเสมือนเขตหวงห้าม ลึกลับ เพราะภูเขาที่ตั้งเป็นป่าทึบ สภาพพื้นที่ภูมิ ประเทศเป็นถิ่นทุรกันดาร อีกทั้งรอบๆพื้นที่ป่าจะวาง กับระเบิดหรือขุดหลุมขวากไว้ ทำให้การปราบปราม เป็นไปด้วยความยากลำบาก 6


จากการปฏิบัติตามแผนยุทธการใต้ร่มเย็น โดย นำนโยบาย การเมืองนำการทหารของกองทัพภาคที่ 4 ร่วมกับหน่วยทหารผสมพลเรือนตำรวจทหารที่ 43 (พตท.43) สามารถยึดค่ายใหญ่ของ จคม.ได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2523 แต่สามารถยึด พื้นที่ได้เฉพาะอุโมงค์ 3 ชั้นเท่านั้น กำลังของ จคม.ยัง กระจัดกระจายอยู่รอบพื้นที่ป่าเขาน้ำค้าง ปี พ.ศ. 2529 มีการตัดถนนเส้นทางเพื่อความ มั่นคงของกองทัพภาคที่ 4 จากอำเภอนาทวีตัดผ่าน ป่าเขาน้ำค้างไปอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เพื่อใช้ เป็นเส้นทางสายยุทธศาสตร์ ปี พ.ศ. 2530 พรรคคอมมิวนิสต์มาลายาหรือ จคม. กรมที่ 8 ได้ออกมารายงานตัวกับรัฐบาลไทย สหายคอมมิวนิสต์ทั้งหลายทยอยออกจากป่า เพื่อทำ มาหากินตามพื้นที่ต่างๆ ทั้งกรุงเทพฯ มาเลเซียและ บริเวณพื้นที่เขาน้ำค้าง ในที่สุดได้สลายกองทัพเลิกการ สู้รบหันมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย โดยเจรจากับ กองทัพภาคที่ 4 ขอพื้นที่จากป่าสงวนแห่งชาติป่าเขา แดน ป่าเขาน้ำค้าง ป่าควนเขาไหม้ ป่าควนทางสยา และป่าควนสิเหรง โดยใช้พื้นที่จำนวน 1,250 ไร่ เป็น 7


ที่อยู่อาศัยของสมาชิกจำนวน 43 ครอบครัว มีพื้นที่ทำ กินครอบครัวละประมาณ 15 ไร่ แต่ใช้ประโยชน์เพียง 718 – 0 – 65 ไร่ เท่านั้น และได้จัดตั้งเป็นหมู่บ้าน ปิยะมิตร 5 ขึ้นมา ปี พ.ศ. 2540 นายยี่ซิง แซ่เหลียง และนายหมิง เซิน แซ่พัง อดีตสมาชิกคอมมิวนิสต์มาลายาได้บูรณะ ซ่อมแซมอุโมงค์และพื้นที่รอบบริเวณเพื่ออนุรักษ์ มรดกทางประวัติศาสตร์แห่งนี้ไว้ และพัฒนาเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลา โดยได้ทำ พิธีเปิดเมื่อวันที่ 8


22 มีนาคม พ.ศ. 2540 เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าชม อุโมงค์ประวัติศาสตร์เขาน้ำค้างแห่งนี้ จนถึงปัจจุบัน พื้นที่ส่วนต่างๆของอุโมงค์ประวัติศาสตร์เขา น้ำค้าง ด่านแรกจะเป็นในส่วนของการจัดแสดง นิทรรศการ เรื่องราวประวัติศาสตร์ รูปถ่ายของผู้ บัญชาการสูงสุด เหล่าสหายโจรจีนคอมมิวนิสต์ อาวุธ จำลองและเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆที่ยังคงเหลืออยู่ ของโจรจีนคอมมิวนิสต์หรือคอมมิวนิสต์มาลายา 9


ถัดออกมาข้างนอกอาคาร นิทรรศการ ด้าน ซ้ายมือจะเป็นพิพิธภัณฑ์สงครามประวัติศาสตร์อดีต สหาย พ.ค.ม. ผู้ล่วงลับ เดินต่อไปก่อนผ่านบ่อ เลี้ยงปลาจะผ่านปากทาง อุโมงค์แต่การเข้าชมภายใน อุโมงค์ตามเส้นทางที่กำหนด ต้องขึ้นไปทางบันได 108 ขั้น เป็นทางขึ้นภูเขาเหลียงซาน 10


เดินได้ครึ่งทางเบี่ยง ทางขวามือจะผ่านห้องส้วม สหาย จนถึงยอดเขาเหลียง ซานจะพบหลุมระเบิดขนาด ใหญ่ ซึ่งจะมีห้องประชุมใหญ่ ห้องพยาบาล สนามบาส บ้าน ท่านผู้นำและห้องวิวาห์ห้า ดาว เดินต่อไป ลงไปในอุโมงค์ เป็นห้องผ่าตัด ถัด จากห้องผ่าตัดเป็นห้องครัว สำรอง หรือห้องครัวฉุกเฉิน ถัดไปอีกแยกเป็นห้องเก็บ เสบียง ถัดมาเป็นห้องธุรการ สนามยิงปืนหรือที่ซ้อมยิงปืน ห้องโทรเลข ห้องประชุม จากห้องประชุม ขึ้นบันไดไป อีก 1 ชั้นเป็นห้องผู้นำ ซึ่ง ภายในห้องผู้นำจะมีเตียง นอน โต๊ะทำงาน ห้องส้วม 11


ลงมาจากห้องผู้นำตรงบริเวณห้องประชุมจะมีบันได เดินลงไป 54 ขั้น ก็จะออกสู่นอกอุโมงค์ ทั้งนี้ ทุกชั้น จะมีทางออก ทางออกมีทั้งหมด 16 ช่องทาง ความลับของอุโมงค์เขาน้ำค้าง อุโมงค์ที่คอมมิวนิสต์มาลายาขุดมีทางเข้าออกที่ สลับซับซ้อน ถ้าไม่เคยเข้าไปก็จะกลายเป็นกับดักหาก ใครกลับออกมาได้ ต้องเป็นร่างที่ไร้วิญญาณเท่านั้น หากมีสหายเสียชีวิตต้องฝังภายในป่าโดยไม่มีสุสาน ใดๆ 12


ภาพนิทรรศการอุโมงค์เขาน้ำค้าง 13


สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสงขลา ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอนาทวี บรรณาธิการ นางสาวนิตยา จิตภักดี ผู้อำนวยการ นางพัทธยา โชติรัตน์ บรรณารักษ์ คำประพันธ์ นางสาวชลธิชา สีสมอ่อน ครูผู้ช่วย รูปเล่มและภาพประกอบ นายพรพล พุทธวิโร ครู นางวิยดา หวันปะรัตน์ ครู นางสาวธัญสินี สุดทองคง ครู กศน.ตำบล เพจ ภาพสวยสงขลา (ขออนุญาตแล้ว) จัดพิมพ์โดย ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอนาทวี สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสงขลา พ.ศ. 2567 14


Click to View FlipBook Version