การพูดต่อหน้าชุมชน
จั ด พิ ม พ์ โ ด ย
นายชิษณุพงศ์ เชื้อเจ้า
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๔
เลขประจำตัวนักเรียน ๐๕๘๔๕
การพูดต่อหน้าชุมชน (ท.๓๓๒๐๑)
อำนวยการผลิตโดย
นางสาวภารดี หิรัญประจักษ์
คำนำ
ส มุ ด เ ล่ ม นี้ จั ด ทำ ขึ้ น เ พื่ อ เ ป็ น ส่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง วิ ช า
ก า ร พู ด ต่ อ ห น้ า ชุ ม ช น ( ท . ๓ ๓ ๒ ๐ ๑ ) ก ลุ่ ม ส า ร ะ
ก า ร เ รี ย น รู้ ภ า ษ า ไ ท ย เ พื่ อ ใ ห้ ไ ด้ ศึ ก ษ า ห า ค ว า ม รู้
ใ น เ รื่ อ ง ค ว า ม ห ม า ย วิ ธี ก า ร แ ล ะ เ ท ค นิ ค ก า ร พู ด
ต่ า ง ๆ ต่ อ ส า ธ า ร ณ ะ แ ล ะ ไ ด้ ศึ ก ษ า อ ย่ า ง เ ข้ า ใ จ
เ พื่ อ เ ป็ น ป ร ะ โ ย ช น์ กั บ ก า ร เ รี ย น
ก ร ะ ผ ม ห วั ง ว่ า ร า ย ง า น เ ล่ ม นี้ จ ะ เ ป็ น ป ร ะ โ ย ช น์
แ ก่ ผู้ อ่ า น ห รื อ นั ก เ รี ย น ที่ กำ ลั ง ห า ข้ อ มู ล เ รื่ อ ง นี้ อ ยู่
ห า ก มี ข้ อ แ น ะ นำ ห รื อ ข้ อ ผิ ด พ ล า ด ป ร ะ ก า ร ใ ด
ก ร ะ ผ ม ข อ น้ อ ม รั บ ไ ว้ แ ล ะ ข อ อ ภั ย ม า ณ ที่ นี้ ด้ ว ย
จั ด ทำ โ ด ย
นายชิษณุพงศ์ เชื้อเจ้า
๑ มกราคม ๒๕๖๖
การพูดต่อหน้าชุมชน (ท.๓๓๒๐๑)
สารบัญ หน้า
เรื่อง ๑
๕
การพูดบรรยาย และพรรณนา ๙
การพูดชักชวน และอภิปราย ๑๓
การพูดโต้วาที
พิธีกร
การพูดต่อหน้าชุมชน (ท.๓๓๒๐๑)
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
ความหมาย
การพูดบรรยาย
คือ การพูดถึงรายละเอียดเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้ผู้ฟังเข้าใจ และ
ถ่ายทอดความรู้ได้แจ่มแจ้งชัดเจน มีลักษณะเป็นการสื่อสารทางเดียว คือ
ผู้ส่งสารเป็นผู้เสนอหรือแนะนำเรื่องนั้น ๆ การบรรยาย มีลักษณะเป็นการ
อบรม หรือสั่งสอนแบบเป็นพิธีการ เพื่อสอนเผยแพร่ หรือฝึกอบรม จุด
มุ่งหมายคือทำให้ผู้ฟังคล้อยตาม เชื่อถือด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การจูงใจ
การใช้เหตุผล การใช้ทฤษฎีต่าง ๆ ตลอดจนข้อเท็จจริง ผู้ฟังจะได้รับ
ความรู้ข้อมูลข่าวสาร ความเข้าใจ และอาจเกิดแนวความคิดหรือทัศนคติ
ใหม่ๆ จากเรื่องราวที่บรรยายนั้น การบรรยายเป็นวิธีการถ่ายทอดความรู้ที่
ใช้กันมานานแล้ว และยังได้รับความนิยมอยู่ทั่วไป
การบรรยายที่ดีคือการพูด ที่ดึงดูดความสนใจของผู้ฟังได้ตลอดเวลา
จูงใจผู้ฟังให้ยอมรับและเชื่อถือ เนื้อหาที่บรรยายจะต้องเหมาะกับกลุ่มผู้ฟัง
และจัดลำดับขั้นตอนของเนื้อหาได้ดี ไม่สับสนและวกไปวนมา ข้อความที่
บรรยายต้องกระจ่างชัดเจน และประเด็นต่าง ๆ มีการเชื่อมโยงกัน ควรหา
ตัวอย่างประกอบในตอนต่าง ๆ ที่ควรจะมีตัวอย่างเพื่อความแจ่มแจ้งด้วย ผู้
ที่จะบรรยายต้องเตรียมตัวตามทฤษฎีการพูด ทั่วไป คือกำหนดหัวข้อเรื่อง
สำคัญ แล้วศึกษาเรื่องนั้นอย่างละเอียด ตามปกติผู้บรรยายมักจะมีความรู้สูง
ในเรื่องที่จะบรรยายอยู่แล้ว แต่ก็จะต้องรักษาระดับความสนใจของผู้ฟังอยู่
ตลอดเวลา จึงควรศึกษาขั้นตอนการพูด การเรียงลำดับความ และการต่อ
เนื่องของความคิด จะอธิบายเหตุก่อนแล้วไปสู่ผล หรือยกผลขึ้นมาก่อนแล้ว
อธิบายสืบไปหาเหตุก็ได้ การพูด บรรยายควรใช้ภาษาที่เป็นการสนทนา
และผู้บรรยายควรมีความสามารถในการแสดงออกในด้านต่าง ๆ เช่น
น้ำเสียง สีหน้า แววตา ท่าทางตลอดจนสัมพันธภาพกับผู้ฟังด้วย
หน้าที่
๑
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
ความหมาย
การพรรณนา
คือ การให้รายละเอียดของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นวัตถุ สถานที่
หรือเหตุการณ์ช่วงใดช่วงหนึ่ง โดยมุ่งให้ผู้อ่านผู้ฟังนึกเห็นภาพอย่างแจ่ม
ชัด เกิดจินตนาการตามที่ผู้ส่งสารประสงค์
การเขียนพรรณนา
หมายถึง การให้รายละเอียดของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น บุคคล สัตว์ วัตถุ
สถานที่หรือเหตุการณ์ช่วงใดช่วงหนึ่งด้วยถ้อยคำพรรณนาที่ไพเราะ
เหมาะสม ก่อให้เกิดจินตนาการ เห็นความเคลื่อนไหว จำนวน สี ขนาด
และได้ยินเสียงตามที่ผู้ส่งสารประสงค์
การเขียนพรรณา เป็นศิลปะการเขียนที่ผู้เขียนจะใช้วิธีการเลือกสรรค์
ถ้อยคำเพื่อให้ผู้อ่านเกิดจินตนาการไปกับเนื้อเรื่อง
หน้าที่
๒
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
วิธีการ และเทคนิค
หลักวิธีพูดบรรยาย
ในการพูดบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองนั้น หลักสำคัญอยู่ที่
การพูดให้สมจริงและตรงไปตรงมา การพูดในลักษณะบรรยายเหตุการณ์
มีวิธีดังต่อไปนี้
๑. พูดเสียงดังพอเหมาะกับสถานที่ที่พูดและจำนวนผู้ฟัง
๒. พูดให้คล่องและออกเสียงให้ชัดเจน โดยเฉพาะตัว ร , ล หรือตัว
ควบกล้ำต้องออกเสียงให้ชัดเจน
๓. ออกเสียงให้เหมาะกับเนื้อหาหรืออารมณ์ตามท้องเรื่อง เช่น อาจมี
การเน้นเมื่อถึงตอนสำคัญ ลดเสียงลงเมื่อจะเรียกร้องความสนใจจากผู้ฟัง
หยุดหรือเว้นช่วงจังหวะการออกเสียงในบางตอนทำเสียงสูงเสียงต่ำหรือ
เปลี่ยนระดับเสียงให้เหมาะกับอารมณ์หรือเนื้อหาในตอนนั้น ๆ
๔. สบตากับผู้ฟังให้ทั่วถึง เพื่อแสดงความสนใจต่อผู้ฟังหรือสังเกต
ความสนใจของผู้ฟังด้วย แสดงออกทางแววตา สีหน้าและท่าทางให้
สัมพันธ์กับเนื้อหาและอารมณ์ หากต้องมีแผ่นกระดาษสำหรับช่วยจำ ก็
ควรใช้แผ่นกระดาษที่ไม่ใหญ่นัก ไม่ยับยู่ยี่ หรือริมกระดาษไม่เรียบร้อย
ควรถึงในลักษณะไม่เกะกะนัยน์ตา และสามารถอ่านได้สะดวก
๕. กล่าวปฏิสันถาร กล่าวอารัมภบทในลักษณะที่เรียกร้องความสนใจ
สร้างความเชื่อถือให้แก่ผู้ฟัง และกล่าวสรุปให้ประทับใจผู้ฟัง
หน้าที่
๓
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
วิธีการ และเทคนิค
วิธีการพรรณนา
1. แยกส่วนประกอบแล้ววิเคราะห์ว่าควรพรรณนาอะไรก่อนหลังให้
เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน
2. ชี้ลักษณะเด่นและพรรณนาลักษณะประกอบด้วยเพื่อส่งเสริม
ลักษณะเด่นให้ประทับใจยิ่งขั้น
3. การใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมทั้งเสียงและความหมายเพื่อให้เกิด
มโนภาพและเกิดความรู้สึกสะเทือนอารมณ์
การพรรณนาอาจใช้วิธีการใดวิธีการหนึ่งหรืออาจใช้หลายวิธีผสม
ผสานกันก็ได้
ตัวอย่างการพรรณนาภาพ
“ แม่น้ำบางประกงยามสนธยาเป็นภาพที่ประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
แสงอาทิตย์ลับทิวไม้ไปแล้ว ลมเย็นพัดมาเบาๆ อากาศบริสุทธิ์ไร้มลพิษ
น้ำในแม่น้ำไหลเรื่อยเอื่อยไม่มีคลื่นโยนไปโยนมาเหมือนแม่น้ำ
เจ้าพระยาสองฟากฝั่งแม่น้ำเต็มไปด้วยต้นลำพูและกอจาก มองดูสดชื่น
ทำให้จิตใจสงบ...”
หน้าที่
๔
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
การพูดชักชวน
และอภิปราย
ความหมาย
การพูดชักชวน
หมายถึง การพูดเชิญชวน เกลี้ยกล่อม ชักจูงให้ผู้ฟังเกิดความเชื่อถือ
ศรัทธา มีความคิดเห็นคล้อยตาม และปฏิบัติตาม เช่น การพูดโฆษณา
การพูดหาเสียง การพูดเชิญชวนให้ปฏิบัติตาม การพูดชักจูงให้
เปลี่ยนแปลงทัศนคติ การพูดปลุกเร้าให้เกิดปฏิกิริยาต่าง ๆ
ผู้พูดที่ดีย่อมจะพูดโน้มน้าวใจให้ผู้ฟังเปลี่ยนแปลงทัศนคติและความ
เชื่อไปในทางที่ดีอันจะเป็นประโยชน์แก่ตนเองและสังคม โดยการใช้
ความสามารถในการพูดชี้แนะให้ผู้ฟังเห็นสิ่งดีงาม ตระหนักถึงคุณค่าของ
สิ่งนั้น และช่วยกันรักษาสิ่งที่ดีงามนั้นไว้ เช่น พูดเชิญชวนให้รักภาษา
ไทย ใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง พูดให้หันมานิยมรับประทานอาหารไทย
แทนอาหารฟาสต์ฟูดของต่างชาติ พูดแนะนำให้เห็นความสำคัญของการ
เกณฑ์ทหารเพื่อรับใช้ชาติ
การพูดโน้มน้าวใจให้ผู้ฟังเชื่อถือหรือกระทำตามนั้น ควรจะต้องเป็น
ไปโดยความสมัครใจหรือความยินยอมพร้อมใจของผู้ฟัง มิใช่การบีบ
บังคับหรือการใช้อุบายอย่างอื่น เช่น แจกเงินให้รางวัลหรือการข่มขู่ ทั้งนี้
เพราะความเชื่อที่ถูกบังคับให้เชื่อหรือทำตามนั้น เป็นความเชื่อที่อยู่ได้ไม่
นาน ย่อมสลายหายไปเมื่อขาดแรงจูงใจ การพูดโน้มน้าวใจที่ดีและมี
ประสิทธิภาพ จึงไม่ควรบังคับ แต่จะต้องพูดให้ผู้ฟังตระหนักถึงความเป็น
จริง แล้วเกิดความเชื่อถือที่จะกระทำตามด้วยความสมัครใจ
หน้าที่
๕
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
ความหมาย
การพูดอภิปราย
เป็นแบบการพูดซึ่งมีลักษณะคล้ายการสนทนา แต่การอภิปรายแตก
ต่างกับการสนทนาในลักษณะสำคัญคือ การอภิปรายมีความมุ่งหมายที่
กำหนดไว้ล่วงหน้าแน่นอน
การอภิปราย มีลักษณะคล้ายการสนทนา แต่การอภิปรายมีความมุ่ง
หมายที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแน่นอน เช่น การตัดสินใจหรือการแก้ปัญหา
ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ส่วนการสนทนาโดยทั่วไปไม่ได้กำหนดเรื่องที่จะ
สนทนาไว้ก่อน และอาจเปลี่ยนเรื่องไปได้ต่างๆ สุดแต่เหตุการณ์ โดย
การอภิปรายประกอบด้วย ผู้พูด ผู้ฟัง หัวข้อเรื่อง และสถานที่
หน้าที่
๖
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
วิธีการ และเทคนิค
กลวิธีการโน้มน้าวใจ
1. แสดงให้เห็นความหนักแน่นของเหตุผล
การแสดงเหตุผลเป็นส่วนหนึ่งในการจูงใจ ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจ
ทำให้เกิดความเชื่อถือและคล้อยตามได้ การให้เหตุผลจะต้องสมเหตุสมผล
2. เร้าให้เกิดความรู้สึกหรืออารมณ์ร่วมกัน
บุคคลที่มีความรู้สึกหรือมีอารมณ์ร่วมกัน เป็นแรงผลักดันสำคัญของมนุษย์ที่
จะนำไปสู่เป้าหมายหรือประสบผลสำเร็จร่วมกัน
3. แสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของผู้โน้มน้าวใจ
บุคลิกภาพหรือชื่อเสียงของผู้พูดเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ทำให้การโน้มน้าวใจ
สัมฤทธิผล
4. เสนอแนะเพื่อโน้มน้าวใจ
การโน้มน้าวใจโดยการเสนอแนะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ฟัง ผู้อ่าน ใช้
ความคิดก่อนที่จะเชื่อถือหรือกระทำตาม
หน้าที่
๗
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
วิธีการ และเทคนิค
หน้าที่ของผู้ดำเนินการอภิปราย
การอภิปรายจะประสบผลสำเร็จมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับผู้ดำเนินการ
อภิปราย ซึ่งหน้าที่ของ ผู้ดำเนินการอภิปราย ได้แก่
๑.กล่าวแนะนำผู้ร่วมอภิปรายให้ผู้ฟังรู้จักอย่างย่อๆ
๒.กล่าวชื่อเรื่องที่จะอภิปรายและกำหนดเวลาการอภิปราย
๓.เชิญผู้อภิปรายพูดให้ทั่วถึงกัน คอยรักษาเวลาการพูดให้อยู่ในกำหนด
๔.เข้าใจเรื่องที่จะอภิปรายอย่างดี ประชุมปรึกษาหารือวางแผนการพูดไว้
ล่วงหน้า
๕.ช่วยสรุปการพูดอภิปรายของแต่ละคนและเชื่อมโยงไปยังผู้อภิปราย
แต่ละคนได้
๖.คอยเพิ่มเติมหรือสรุปเรื่องอภิปรายให้ผู้ฟังเข้าใจดียิ่งขึ้น
๗.คอยแจกคำถามของผู้ฟังให้ผู้อภิปราย
หน้าที่ของผู้อภิปราย
๑.เข้าใจเนื้อเรื่องที่จะพูดเป็นอย่างดี เตรียมตัวมาอย่างดี
๒.ประชุมปรึกษาหารือกับคณะผู้อภิปราย แบ่งหัวข้อตามความถนัดของตน
๓.รักษาเวลาในการพูดให้เคร่งครัดเสมอและตรงต่อการนัดหมาย
๔.ใช้ภาษาพูดที่กะทัดรัด ชัดเจน
๕.รักษามรรยาทที่ดีในการพูด เช่น กิริยาท่าทาง สีหน้า และการควบคุม
อารมณ์
๖.ผู้อภิปรายควรเปิดโอกาสให้ผู้อื่นพูดบ้าง ไม่พูดมากเสียคนเดียว
๗.เพิ่มเติมเนื้อเรื่องบางตอนหากเห็นว่าผู้อภิปรายยังพูดไม่สมบูรณ์
หน้าที่
๘
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
การพูดโต้วาที
ความหมาย
การพูดโต้วาที
หมายถึง การใช้คำพูดโต้ตอบบุคคลสองฝ่าย ใช้หลักวาทศิลป์และ
เหตุผล เพื่อหักล้างเหตุผลของอีกฝ่ายหนึ่ง และพยายามใช้คำพูดโน้มน้าว
จิตใจของผู้ฟังให้มีความคิดคล้อยตาม สนับสนุนเหตุผลของตน ซึ่งการ
โต้วาทีมีการจัดแข่งขัน ตัดสินแพ้ชนะตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
ลักษณะสำคัญของการพูดโต้วาที
1. เป็นการเสนอเหตุผลหรือแนวความคิดของตนเอง
2. เป็นการหักล้างเหตุผลหรือแนวความคิดของฝ่ายตรงข้าม
3. เป็นการพูดที่ต้องใช้ปฏิภาณไหวพริบอย่างมาก
4. เป็นการพูดที่ออกท่าออกทางประกอบมากเป็นพิเศษ
5. เป็นการพูดที่ต้องมีความพร้อมอย่างมาก เพราะต้องเตรียมคำพูดให้ขบขัน
สุภาพ แหลมคมและกระชับ
หน้าที่
๙
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
องค์ประกอบของการโต้วาที ได้แก่
๑. ผู้โต้วาที ประกอบด้วย ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายเสนอและฝ่ายค้าน แต่ละฝ่าย
จะมีหัวหน้าฝ่ายละ ๑ คน และมีลูกทีมฝ่ายละ ๒-๓ คน
๒. ญัตติ คือ หัวข้อในการโต้วาที ญัตติที่ดีควรมีลักษณะดังนี้
๒.๑ ให้ความรู้และเพิ่มพูนสติปัญญา เช่น ศรีปราชญ์เป็นกวีดีเด่นกว่า
สุนทรภู่ ญัตตินี้ผู้พูดต้องยกผลงาน ตัวอย่างบทประพันธ์ เนื้อหา เพื่อหักล้าง
อีกฝ่ายหนึ่ง ทำให้ผู้ฟังได้ความรู้
๒.๒ ญัตติต้องไม่เป็นเรื่องที่จับประเด็นยาก ทำให้การโต้วาทีหลงทิศทาง
เช่น “ผ้าถุงของไทยดีกว่ากระโปรงฝรั่ง” ควรตั้งใหม่เป็น “วัฒนธรรม
ไทยดีกว่าวัฒนธรรมตะวันตก” จะเห็นว่าญัตติใหม่มีแง่มุมในการแสดง
ความคิดเห็นได้มากกว่า
๒.๓ เป็นเรื่องที่สังคมส่วนใหญ่สนใจ เช่น “การพัฒนาชนบทสำคัญกว่า
การพัฒนาตัวเมือง” “สินค้าถูกดีกว่าค่าแรงเพิ่ม” “เกิดเป็นหญิงแท้จริง
แสนลำบาก เกิดเป็นชายยิ่งลำบากกว่าหลายเท่า”
๒.๔ เป็นเรื่องเกี่ยวกับหลักวิชาการต่าง ๆ เช่น “ประเทศอุตสาหกรรมดี
กว่าประเทศเกษตรกรรม”
๒.๕ เป็นเรื่องเกี่ยวกับนโยบาย เช่น “เพศศึกษาช่วยป้องกันเอดส์ได้จริง
หรือ”
๒.๖ เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณค่าต่าง ๆ เช่น คุณค่าในการส่งเสริมวัฒนธรรม
ได้แก่ “การดำเนินชีวิตอย่างไทยไทยดีกว่าอย่างตะวันตก” คุณค่าทางค่า
นิยม ได้แก่ “สินค้าไทยดีกว่าสินค้าต่างประเทศ”
๒.๗ เป็นเรื่องเกี่ยวกับข้อเท็จจริง เช่น “คนอ้วนตายด้วยโรคมากกว่าคน
ผอม”
๒.๘ เป็นเรื่องที่ไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีงาม และไม่เป็นภัยต่อสังคม ญัตติที่
มีเนื้อหาครอบคลุม มีแง่มุมให้โต้วาทีได้มากย่อมเป็นญัตติที่ดี
หน้าที่
๑๐
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
องค์ประกอบของการโต้วาที (ต่อ)
๓. ประธานหรือผู้ดำเนินการโต้วาที
๔. ผู้จับเวลา ส่วนใหญ่ประธานเป็นผู้จับเวลาเอง
๕. กรรมการตัดสิน อาจมีผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการ หรือฟังจากเสียงปรบ
มือของผู้ฟัง
การเรียงลำดับการพูดและการกำหนดเวลา
ประธานจะเป็นผู้กำหนดลำดับการพูดและกำหนดเวลา โดยอาจมีการ
กำหนดดังนี้
๑. หัวหน้าฝ่ายเสนอ พูดนาน ๕ หรือ ๘ นาที
๒. หัวหน้าฝ่ายค้าน พูดนาน ๕ หรือ ๘ นาที
๓. ผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอคนที่ ๑ พูดนาน ๓ หรือ ๕ นาที
๔. ผู้สนับสนุนฝ่ายค้านคนที่ ๑ พูดนาน ๓ หรือ ๕ นาที
๕. ผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอคนที่ ๒ พูดนาน ๓ หรือ ๕ นาที
๖. ผู้สนับสนุนฝ่ายค้านคนที่ ๒ พูดนาน ๓ หรือ ๕ นาที
๗. หัวหน้าฝ่ายค้าน (กล่าวสรุป) พูดนาน ๓ หรือ ๕ นาที
๘. หัวหน้าฝ่ายเสนอ (กล่าวสรุป) พูดนาน ๓ หรือ ๕ นาที
ประธานจะเป็นผู้กล่าวเชิญผู้โต้วาทีแต่ละท่าน จนกระทั่งจบการโต้วาที
หน้าที่
๑๑
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
วิธีการ และเทคนิค
เทคนิคการโต้วาที
1. เมื่อเริ่มพูด ต้องทักทายผู้ดำเนินรายการ คณะกรรมการ ฝ่ายตรงข้าม
และท่านผู้ชม
2. ขึ้นต้นคำพูดให้น่าสนใจ และลงท้ายให้จับใจโดยใช้เพลง กลอน
คำคม หรือถ้าสมัยนี้อาจจะใช้การแร็ปให้ดูน่าสนใจและสนุกยิ่งขึ้น
3. ต้องมีจุดเด่นเป็นของตนเอง
4. ต้องพูดให้ผู้ฟังและคณะกรรมการเชื่อในฝั่งเราให้มากที่สุด น่าเชื่อถือ
ที่สุด มีหลักฐานอ้างอิงที่เหนือกว่าฝ่ายตรงข้าม
5. ห้ามนำเรื่องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์มาพูดถึงหรืออ้างอิง
เพราะเป็นการไม่สมควร
6. ใช้เวลาให้พอดีและคุ้มค่าให้มากที่สุด
7. ฝึกฝนการพูดหน้ากระจกบ่อยๆ อย่าพูดมีเสียงสั่นเครือ
ข้อแนะนำสำหรับผู้โต้วาที
1. ผู้โต้วาทีควรเป็นผู้รอบรู้ในด้านต่าง ๆ
2. ผู้โต้วาทีควรมีเวลาเตรียมตัวมากพอสมควร
3. ผู้โต้วาทีควรพูดอยู่ในประเด็น
4. ผู้โต้ต้องมีสติ ไม่เผลอพูดสนับสนุนฝ่ายตรงข้าม
5. ผู้โต้วาทีต้องมีวาทศิลป์
6. ผู้โต้วาทีต้องมีอารมณ์ขัน
7. ผู้โต้วาทีควรคำนึงถึงผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อส่วนรวม
8. ผู้โต้วาทีจะต้องระมัดระวังเรื่องมารยาทให้มาก
9. ผู้โต้วาทีต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม
หน้าที่
๑๒
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
พิธีกร
ความหมาย
พิธีกร
คือ บุคลากรที่จะต้องพูดโดยใช้ความสามารถเฉพาะตนจากการฝึกฝนและศึกษาเท่านั้น
ไม่ใช้สักแต่จะพูดอย่างเดียวไม่ มีความรู้ความเข้าใจในกิจกรรมที่จะต้องรับผิดชอบในด้าน
การพูดในตำแหน่งพิธีกร ฉะนั้น จะต้องมีการ เตรียมตัวเตรียมใจก่อนจะเป็นการเริ่มต้นที่
จะทำหน้าที่ในการเป็นพิธีกรในกิจกรรมต่าง ๆ พิธีกรหรือโฆษก อาจจะเป็นบุคคลคน
เดียวกันในกิจกรรมนั้น ๆ สร้างความเข้าใจในข้อมูล ต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ต่อกิจกรรมต่าง ๆ
ของข้อเท็จจริง ให้ทัศนะ ในโอกาสที่จะต้องปฏิบัติในแต่ละสถานการณ์ ในแต่ละกิจกรรม
พิธีกร จะถูกกล่าวถึงมากในกรณีที่เป็นทางการ ส่วนโฆษกจะเป็นคำที่เรียกใช้ในส่วนที่ก่อน
ถึงเวลาดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ หรือบางครั้งในท้องถิ่นชนบทจะเรียกรวมกัน เช่น
“ โฆษกพิธีกร ดำเนินการ ต่อไป ” ไม่ว่าจะเรียกว่าพิธีกรหรือโฆษกในกิจกรรมนั้น ๆ
จะต้องเป็นการพูดคุยในที่ชุมชน นั่นคือต่อคนส่วนมากทุกครั้งเป็นการพูดในที่ชุมชน ซึ่งมีผู้
เข้าร่วมจำนวนมาก หากพูดผิดก็จะทำให้เสื่อมเสียแก่ตนเองและองค์กร และถ้าหากทำดีพูดดี
ก็จะมีสง่าราศีแก่ตนเองเช่นกัน ดังสุภาษิต ของสุนทรภู่ที่ว่า
“ ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต แม้พูดชั่วตัวตายทำลายมิตร จะชอบ
ผิดอยู่ที่พูดให้ถูกทาง ”
ฉะนั้น คนที่เป็นพิธีกรที่ดี มีความสามารถจะต้องมีการฝึกฝนเรียนรู้ในหลักการ กลยุทธ์
ในการพูดคุยต่าง ๆ ดังนี้ เช่น
• เตรียมพร้อม
• ซ้อมดี
• ท่าทีสง่า
• หน้าตาสุขุม
• ทักที่ประชุมอย่าวกวน
• เริ่มต้นให้โน้มน้าว
• เรื่องราวให้กระชับ
• จับตาที่ผู้ฟัง
• เสียงดังให้พอดี
• อย่าให้มีอ้ออ้า หน้าที่
• ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา ๑๓
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
บทบาทหน้าที่ของพิธีกร
1) เป็นผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ กำหนดการ และรายละเอียดของรายการ
2) แนะนำวิทยากร และผู้ที่เกี่ยวข้อง
3) เป็นผู้เริ่ม คือ กล่าวทักทาย และกล่าวต้อนรับ เชิญเข้าสู่พิธีการ เชิญวิทยากรขึ้นพูด
และแนะนำประวัติของวิทยากร
4) เป็นผู้เชื่อมประสานเหตุการณ์ตามลำดับแต่ละรายการ
5) เป็นผู้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าระหว่างดำเนินรายการ ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล
หรือมีสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เช่น ไมโครโฟนไม่ติด ไฟดับ ฯลฯ เพื่อให้การ
ดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น และบรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดงาน
การเตรียมตัวในการทำหน้าที่พิธีกร
พิธีกรจะต้องมีการเตรียมตัวในการทำหน้าที่ ดังนี้
1. ศึกษาข้อมูล / วิเคราะห์สถานการณ์ ผู้นำ ผู้ชม โอกาส วัตถุประสงค์ของงานพิธี รายการ
ที่กำหนดไว้ เพื่อทราบความมุ่งหมายของการทำหน้าที่
2. เตรียมเนื้อหาและคำพูด เริ่มต้นอย่างไร ? มุขตลก ขำขัน แทรกอย่างไร คำคม ลูก
เล่น จุดเด่นที่ควรกล่าวถึง ต้องเตรียมค้นคว้าศึกษาจากศูนย์ข้อมูลมาให้พร้อม
3. ตรวจสอบความเหมาะสม ของบทความที่เตรียมมาว่าเหมาะสมกับเวลาหรือไม่
4. ต้องมีการฝึกซ้อมไม่ว่าจะซ้อมหลอกหรือซ้อมจริง ต้องมีการฝึกซ้อม
5. ศึกษาสถานที่จัดงานหรือพิธีที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
6. เตรียมเสื้อผ้าและชุดการแต่งกาย อย่างเหมาะสมกับกิจกรรม พร้อมดูแลตั้งแต่ หัวจรด
เท้า
หน้าที่
๑๔
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
บุคลิกลักษณะของการเป็นพิธีกรที่ดี
1) มีความมั่นใจในตนเอง
2) มีบุคลิกภาพที่ดี เป็นธรรมชาติ
3) มีความคล่องแคล่ว ว่องไว กระฉับกระเฉง
4) มีน้ำเสียงนุ่มนวล ชวนฟัง เป็นธรรมชาติ พูดไม่ติดขัด ไม่สั่นเครือ ถูกจังหวะจะ
โคลน ไม่ดังหรือเบาเกินไป และควรมีการเน้นถ้อยคำ เพื่อให้ผู้ฟังเห็นความสำคัญ
และให้ความสนใจ
5) ใช้ภาษาได้อย่างถูกต้องตามหลักภาษาไทย เช่น ออกเสียงอักษรควบกล้ำ ตัว ร ล
ได้อย่างถูกต้อง ฯลฯ
6) มีไหวพริบปฏิภาณ สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี
7) มีความสนใจและศึกษาความรู้ต่างๆ หรือเหตุการณ์ปัจจุบันอยู่เสมอ เพื่อปรับปรุง
ใช้ในการเป็นพิธีกร
8) ศึกษาและเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากพิธีกรมืออาชีพในสถานการณ์จริง
ข้อควรปฏิบัติในการทำหน้าที่พิธีกร
ข้อควรปฏิบัติในการทำหน้าที่ของพิธีกร มีดังนี้
• ทำจิตให้แจ่มใส
• ไปถึงก่อนเวลา
• อุ่นเครื่องแก้ประหม่า
• ทำหน้าที่สุดฝีมือ
• เลื่องลือผลงาน
ข้อพึงระวัง สำหรับการทำหน้าที่เป็นพิธีกร
• ต้องดูดีมีบุคลิก
• ต้องรักษาเวลาอย่างเคร่งเครียด
• ต้องแสดงออกอย่างสุภาพและให้เกียรติ ร่าเริงแจ่มใส
ให้ความเป็นกันเอง
• ต้องมีการประสานงานด้านข้อมูล และพร้อมเผชิญปัญหาโดยไม่หงุดหงิด
• ต้องใช้ภาษาให้ถูกต้องชัดเจนให้ชวนฟัง น่าติดตาม
• ต้องเสริมจุดเด่นของคนอื่นไม่ใช่ของตนเอง
• สร้างความประทับใจ ด้านสุภาษิต หรือคำคม
หน้าที่
๑๕
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
วิธีการ และเทคนิค
เทคนิคการเป็นพิธีกร
แม้ว่าการเป็นพิธีกรอาจจะเป็นงานที่ยุ่งยาก แต่ก็มีวิธีการที่ช่วยให้รับผิดชอบ
การเป็นพิธีกรได้ และเสริมสร้างความมั่นใจและเสน่ห์ในตัวคุณเพื่อให้ทุกคน
สนุกสนานไปกับบรรยากาศในงาน
๑. เตรียมตัวก่อนเริ่มงาน
๑.๑ รู้จักงานที่ตัวเองจะไปเป็นพิธีกร การรู้ถึงงานที่คุณจะต้องเป็นพิธีกรเป็นสิ่ง
สำคัญในการ ดำเนินงาน ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน พิธีสำเร็จการ
ศึกษา หรืองานเลี้ยงใด ๆ ก็ตาม โดยประเภท ของงานจะกำหนดลักษณะ
บรรยากาศของงานที่ผู้เป็นพิธีกรอย่างคุณต้องสร้างขึ้นมา การรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
อะไรที่ควรจะพูดถึง และอะไรที่จะเกิดขึ้นต่อไป เป็นสิ่งสำคัญในการเป็นพิธีกรที่
ประสบความสำเร็จ
- ลองพบกับผู้จัดงานและศึกษาโครงสร้างแผนการด าเนินงานและราย
ละเอียดกิจกรรมโดยละเอียด
๑.๒ รู้ถึงความรับผิดชอบของตัวเอง หน้าที่รับผิดชอบของพิธีกรคือสร้างและรักษา
บรรยากาศตลอด ทั้งงาน ซึ่งบรรยากาศที่ต้องการอาจจะแตกต่างกันไปตาม
ลักษณะของงานที่จัดขึ้นมา แม้ว่างานส่วนใหญ่จะจ้าง พิธีกร มาเพื่อสร้างความ
สนุกสนานและทำให้งานคึกคัก แต่ในฐานะพิธีกร หน้าที่รับผิดชอบหลักของคุณมี
ดังนี้
- คอยดูแลให้งานดำเนินได้อย่างราบรื่นและเป็นหนึ่งเดียวกันในทุก ๆ ส่วน
- คอยดึงดูดความสนใจของผู้ร่วมงานและช่วยให้พวกเขาสนุกไปกับงาน
- ช่วยให้ผู้ร่วมงานรู้สึกว่ามีตนส่วนร่วมในงานและมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขา
ระหว่างดำเนินงาน - ช่วยให้วิทยากรรู้สึกมีคุณค่า
- รักษาเวลาของงาน
- คอยช่วยให้ผู้ร่วมงานทุกคนได้รับข้อมูลใหม่ๆ ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในงานบ้าง
หน้าที่
๑๖
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
เทคนิคการเป็นพิธีกร (ต่อ)
๑.๓ รู้ถึงความคาดหวังในบทบาทของคุณ การเป็นพิธีกรหมายถึงคุณจะต้องมี
อารมณ์ขัน คุณต้อง สามารถทำงานร่วมกับคนหมู่มากและคุณเป็นนักพูดในที่
ประชุมชนที่ได้รับการฝึกฝนมาแล้ว ซึ่งหมายถึงคุณ ต้องเตรียมตัวที่จะแก้
สถานการณ์เฉพาะหน้า ดังนั้น คุณจะต้องรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ ยกตัวอย่าง เช่น
คุณอาจจะต้องสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ร่วมงานในระหว่างที่รอ
วิทยากรคนถัดไปเป็น เวลานาน หรือรอให้ไมโครโฟนตัวใหม่มาแทนที่
- จำไว้ว่าให้ยิ้มอยู่เสมอ การยิ้มช่วยนำพาความสนุกสนานและทำให้บรรยากาศ
ของงานดูผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังทำให้คุณดูเป็นพิธีกรที่มีความกระตือรือร้น
- จำไว้ว่าคุณเป็นเพียงพิธีกร ไม่ใช่ดารา คุณควรจะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกเขา
โดดเด่นในงาน
๑.๔ ทำการบ้านให้ดีติดต่อกับวิทยากรหลักเพื่อศึกษาข้อมูลเบื้องลึกของพวกเขา
แล้วใช้ข้อมูลนั้นมา เพื่อเตรียมคำแนะนำตัวให้กับวิทยากร การศึกษาข้อมูลเบื้อง
ลึกจะช่วยให้คุณสร้างคำแนะนำตัวให้ดูเป็นบุคคล ที่น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
- ลองดูว่ามีผู้เข้าร่วมงานคนพิเศษที่ควรจะพูดถึงระหว่างการดำเนินงานหรือไม่
- ตรวจสอบชื่อและตำแหน่งของทุกคนให้ดี เพื่อให้รู้วิธีอ่านชื่อบนเวทีเมื่อถึง
เวลาประกาศ
๑.๕ คอยจัดการสถานการณ์ในงานอยู่เสมอ สร้างหรือตรวจสอบวาระของงาน
และวางแผนตาราง งานแบบนาทีต่อนาที ลองพิจารณาแบ่งเวลาในการขึ้นและลง
เวที กล่าวแนะนำแขก และคำปราศรัยหรือคำขอบคุณจากแขก
- ลองทำบทพูดถึงสิ่งที่คุณต้องการจะพูดโดยคร่าวๆ บทพูดจะเป็นสิ่งที่คุณ
สามารถทำได้ ซึ่งอาจจะมี แผ่นข้อความสั้นๆ เพื่อให้รู้ถึงหน้าที่ของคุณหรือมี
โครงร่างของงานทั้งหมดเพื่อให้คุณตามข้อมูลได้ทัน
- การบอกหัวหน้าผู้จัดงานว่าคุณต้องการพูดคุยกับผู้รับผิดชอบเพียงคนเดียว
เท่านั้น เป็นอีกวิธีที่ช่วย คุณได้ ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงขึ้นมา วิธีเดียวที่คุณจะ
ต้องทำคือปล่อยให้มันเกิดขึ้นถ้าผู้รับผิดชอบการจัดงาน ยอมรับการเปลี่ยนแปลง
ได้ ซึ่งจะช่วยลดการติดขัดหรือการสื่อสารที่ผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นระหว่างการ
ดำเนินงานได้และช่วยให้งานนั้นดำเนินไปอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น
หน้าที่
๑๗
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
เทคนิคการเป็นพิธีกร (ต่อ)
๒.ระหว่างการดำเนินงาน
๒.๑ ใจเย็น การเป็นพิธีกรมีแรงกดดันค่อนข้างมาก เพราะความสำเร็จของงาน
ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับ ว่าพิธีกรสามารถจัดการงานได้ดีมากแค่ไหน จำไว้ว่า
ระหว่างที่งานกำลังดำเนินอยู่อาจจะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ได้ สิ่งที่สำคัญคือต้องใจ
เย็นและรักษาความเป็นพิธีกรของตัวเองให้ได้ โดยการทำใจให้เย็นลงนั้น ให้
ลองทำตามนี้
• ถ้าทำพลาดก็ให้ก้าวต่อไป การหยุดมีแต่จะทำให้ความผิดพลาดของคุณ
ชัดเจนยิ่งขึ้น พยายาม แก้ปัญหาและดำเนินต่อจากสิ่งที่ทำพลาดเอาไว้ ถ้าคุณ
ทำได้ ผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ก็จะลืมข้อผิดพลาดไป
• หาจุดที่จะมองในขณะที่พูด การมองไปที่ผู้ร่วมงานคนใดคนหนึ่งอาจจะ
ทำให้คุณประหม่าระหว่าง การพูด ให้ลองมองเหนือหัวของผู้ร่วมงานเพื่อลดความ
ใกล้ชิดจากการสบตา
• พูดให้ช้าลง ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าคุณกำลังประหม่าได้มากไปกว่าการพูดเร็ว
เกินไป การพูดเร็วเกินไปจะ ทำให้คุณออกเสียงผิดและตะกุกตะกัก ซึ่งจะทำให้
คนอื่นเข้าใจได้ว่าคุณประหม่า ให้ลองผ่อนความเร็ว ลง และหยุดระหว่างประโยค
เล็กน้อย
๒.๒ เตรียมพูดเปิดงาน แนะนำตัวเองและกล่าวต้อนรับผู้ร่วมงาน มองหากลุ่มผู้
ร่วมงานที่เป็นคน พิเศษ และกล่าวต้อนรับพวกเขาโดยเฉพาะ การกล่าวต้อนรับ
ไม่จำเป็นต้องยืดยาว แต่ต้องมีความน่าเชื่อถือ
หน้าที่
๑๘
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
เทคนิคการเป็นพิธีกร (ต่อ)
๒.๓ กล่าวแนะนำวิทยากร งานหลักของพิธีกรคือการกล่าวแนะนำวิทยากร
และบุคคลสำคัญที่จะขึ้นมาบนเวที ยิ่งแขกคนนั้นสำคัญมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้อง
กล่าวแนะนำโดยละเอียดและใช้คำสวยงามให้สมเกียรติ มากขึ้น เมื่อคุณ
กล่าวแนะนำวิทยากรเสร็จแล้ว ก็ช่วยกล่าวนำผู้ร่วมงานปรบมือให้กับวิทยากร
เมื่อวิทยากรพูด จบ ก็นำผู้ร่วมงานปรบมือให้อีกครั้งหนึ่ง
• เนื่องจากความรับผิดชอบหลักของพิธีกรคือการดำเนินงานให้ตรงเวลา ดัง
นั้น อย่าเกรงใจวิทยากรถ้า จะเตือนว่าพวกเขาพูดเกินเวลาที่กำหนด คุณอาจ
จะส่งข้อความหรือสัญญาณ บอกว่า “เหลือเวลาอีกเท่าไร”
• ก่อนที่คุณจะข้ามไปยังขั้นตอนต่อไปของงาน ให้กล่าวขอบคุณวิทยากร
และพูดสิ่งที่พวกเขากล่าวถึงบน เวที การกล่าวถึงสิ่งที่พวกเขาพูดเป็นสิ่งที่สนุก
น่าสนใจ และน่าติดตาม ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าคุณเป็น พิธีกรที่น่าสนใจ
และช่วยยืนยันคุณค่าของสิ่งที่วิทยากรพูดอีกด้วย
๒.๔ เชื่อมต่องานแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน การเชื่อมต่องานส่วนหนึ่งไปอีก
ส่วนหนึ่งอาจจะทำได้ง่าย ด้วยการใช้อารมณ์ขันเล็กน้อยในการเชื่อมทั้งสอง
ส่วน โดยก่อนที่งานจะเริ่มนั้น นอกจากนี้ ให้แสดงความเห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
ด้วย พยายามและค้นหาสิ่งที่น่าสนุกและมีความหมายของวิทยากรหรือการ
แสดงที่ผ่านมาและ เชื่อมต่อจากจุดนั้นไปยังวิทยากรหรือการแสดงต่อไป
ถ้าคุณพบจุดที่ติดขัด ให้ลองถามคำถามกับผู้ร่วมงาน คำถามควรจะถามให้
เน้นตอบว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” ในการถามคำถามนั้น คุณสามารถทำให้
ผู้ร่วมงานมีส่วนรวมและสนใจกับงานในขณะที่ควบคุมงานใน ฐานะพิธีกรได้
ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการที่พิธีกรไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวที และอาจจะทำให้
คนอื่นคิดว่าพิธีกรไม่ สนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ถ้างานนั้นมีความยาวประมาณ ๒-๓ ชั่วโมง การสรุปการแสดงหรือการนำ
เสนอที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา พัก ก็ช่วยได้มากและคุณยังควรที่จะบอกผู้ร่วมงาน
ว่าจะมีอะไรต่อไป
หน้าที่
๑๙
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
เทคนิคการเป็นพิธีกร (ต่อ)
๒.๖ กล่าวปิดงาน การกล่าวปิดงานควรจะมีความน่าตื่นเต้นและจริงใจ
เหมือนตอนที่เปิดงาน การกล่าวปิดงานโดยทั่วไปนั้น พิธีกรจะกล่าวของคุณผู้
ร่วมงาน วิทยากร และผู้ดำเนินงาน การกล่าวขอบคุณทุกคน ที่ช่วยเหลืองาน
นี้เป็นมารยาทที่ดี นอกจากนี้ การกล่าวสรุปสิ่งที่เกิดขึ้นในงานและสิ่งที่เราได้
เรียนรู้โดยขึ้นอยู่ กับประเภทของงานจะช่วยให้ผู้ร่วมงานนำสิ่งที่พูดกลับไป
ใช้ได้
การกล่าวปิดงานอาจจะเป็นการกล่าวเชิญชวนให้เข้าร่วมงานอีกครั้งในภาย
หลัง บริจาคเงิน หรือไม่ว่า อะไรก็ตาม การพูดแบบนี้จะช่วยให้ผู้ร่วมงาน
ประทับใจ
*** เคล็ดลับ ***
• มั่นใจในตัวเองและมีปฏิสัมพันธ์กับคนหมู่มากเข้าไว้
• ยิ้ม ทำตัวให้ดูเหมือนว่าคุณมีความสุขที่ได้มาร่วมงานนี้
• เตรียมตัวให้ดี แต่อย่าทำเหมือนกับคุณมายืนอ่านบทพูด
• ถ้าตารางงานล่าช้ากว่ากำหนด ให้พูดถึงข้อมูล เล่นมุกตลก เล่า
เหตุการณ์ปัจจุบัน หรือพูดคุยด้วย หัวข้อ อื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความเงียบใน
งาน
หน้าที่
๒๐
- การพูดต่อหน้าชุมชน -
เขียนถึงพิธีกรที่นักเรียนประทับใจ โดยระบุเหตุผลที่ชอบ และอธิบายการ
เป็นพิธีกรที่ดีของบุคคลนั้น
ประวัติ
เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา หรือ น้าเน็ก
เกิดเมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2512 ประเทศสหรัฐอเมริกา
พื้นเพครอบครัวเป็นคนจังหวัดเชียงใหม่
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
น้าเน็กมีนิยมการใช้ชีวิตการทำงานว่า “ในทุกจังหวะชีวิต ในทุกกาลเทศะ ในทุก
บทบาทที่น้าเน็กเป็นมาจากวัยรุ่นจนถึงแก่ป่านนี้ เราคิดเสมอว่า “มันจะดีกว่านี้ได้ยังไง”
น้าเน็กมีคอนเทนต์แบบสนุกสนานแบบตลกโปกฮาก็เล่นใหญ่ใส่เต็มสุดทุ่มเทเต็มที่ ผมเองก็
โตกับน้าเน็กเขาเหมือนกัน ได้เห็นบทบาทใหม่ๆของน้า และมาในวัยที่น้าเน็กผมไม่สีแล้ว ใส่
สูท ไม่แต่งตัวจัด ไม่คึกคะนองเหมือนเดิมแล้ว เพราะช่วงโควิด น้าเน็กหันมาทำคอนเทนต์ที่
เป็นประโยชน์ต่อผู้คน ด้วยกระบวนการการคิด ด้วยวิธีการเตรียมตัว และวิธีการนำเสนอ
ออกไป ส่งผลดี และได้รับการตอบรับจากผู้คนตลอดเวลา
ผมรู้สึกว่าคำว่าประสบความสำเร็จที่แท้จริง คือ บทบาทพิธีกรต่างๆ ของน้าซึ่งแต่ละ
รายการน้าเน็กทำได้ดีมาก ในการตอบปัญหาชีวิตผู้คนก็จะมีเรื่องใหม่ๆ ที่ยากเย็นเข้ามา
เรื่อยๆ ให้น้าเน็กได้ให้คำแนะนำ ซึ่งการทำงานของน้าเน็กการ์ดตกไม่ได้ เป็นสิ่งที่ท้าทาย
มาก ไม่ว่าจะเป็นงานพิธีกรในทีวีดิจิทัล หรืองานในออนไลน์นั้น ต้องม่ให้ต่ำกว่ามาตรฐานที่
น้าเน็กเคยสร้างเอาไว้
หน้าที่
๒๑
ขอบคุณ
และสรรเสริญ
นักอ่านทุกท่าน
นายชิษณุพงศ์ เชื้อเจ้า
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๔ โรงเรียนขุนทะเลวิทยาคม
พิมพ์ครั้งที่
2
การพูดต่อหน้าชุมชน
อำนวยการผลิตโดย
นางสาวภารดี หิรัญประจักษ์
สำนักพิมพ์ โรงเรียนขุนทะเลวิทยาคม
หมู่ที่ ๓ ถนนลานสกา - นาพรุ ตำบลขุนทะเล
อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช ๘๐๒๓๐
โทรศัพท์ ๐๙๙-๓๑๙-๐๓๑๙