The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงาน สมุนไพรไทย (21,30)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by janseok2545, 2021-10-14 00:15:02

รายงาน สมุนไพรไทย (21,30)

รายงาน สมุนไพรไทย (21,30)

สมนุ ไพรไทย

กุลธดิ า พรชยั กล่มุ 23 เลขที่ 21
ศริ ประภา คงอยู่ กลุม่ 23 เลขท่ี 30

รายงานน้ีเป็นส่วนหน่ึงของการศึกษารายวิชาการค้นคว้าและการเขยี นรายงานเชงิ วชิ าการ
สาขาวิชาภาษาอังกฤษเพ่อื การสือ่ สารสากล คณะศลิ ปศาสตร์
มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี
ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564



สมุนไพรไทย

กุลธดิ า พรชัย กลุม่ 23 เลขที่ 21
ศิรประภา คงอยู่ กลมุ่ 23 เลขที่ 30

รายงานนี้เป็นสว่ นหนึ่งของการศกึ ษารายวิชาการคน้ คว้าและการเขียนรายงานเชิงวชิ าการ
สาขาวชิ าภาษาอังกฤษเพ่ือการส่ือสารสากล คณะศลิ ปศาสตร์
มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564



คำนำ

รายงานฉบับน้จี ัดทำข้นึ เพอื่ ปฏบิ ตั กิ ารเขียนรายงานการคน้ คว้าทถ่ี กู ต้องอย่างเป็นระบบ อนั เป็น
ส่วนหน่ึงของการศึกษารายวิชา 01-210-017 การค้นคว้าและการเขยี นรายงานเชิงวิชาการ ซงึ่ จะนำไปใช้
ในการทำรายงานค้าคว้าสำหรับรายวิชาอื่นได้อีกต่อไป การทีผ่ ู้จัดทำเลือกทำเรือ่ ง “สมุนไพรไทย”
เนื่องจากในปัจจุบันน้ี พืชสมุนไพรกำลังได้รับความสนใจและมีความสำคญั มากขึ้นในประเทศไทย
ประชาชนทีม่ ีกำลงั ซ้ือค่อนข้างต่ำไม่สามารถซ้ือยาสังเคราะห์ซึ่งราคาสูง เมอ่ื มีการรับรองสิทธิบัตรยา
ประชาชนทม่ี คี วามต้องการยา ตัวยาจากสารธรรมชาติ จึงหันมาใช้สมุนไพรกันมากขนึ้ นอกจากน้ีตลาด
ตา่ งประเทศกม็ ีความตอ้ งการสูง ในปจั จบุ ันจงึ มีการสนบั สนุนให้มีการปลูกพชื สมนุ ไพรกนั มากขึน้ เพราะ
สมุนไพรท่ไี ด้มาสว่ นใหญใ่ ชว้ ิธเี ก็บมาจากป่าธรรมชาติมากกวา่ การเพาะปลูก อาจทำใหส้ มุนไพร สำ คัญ
หลายชนิดท่มี ีอย่สู ูญหายไปได้

ท้งั น้ี เนอ้ื หาและวธิ ีการทำ ไดม้ กี ารศึกษาและรวบรวมเน้อื หาบางสว่ นจากหนงั สืออเิ ล็กทร อนิกค์
อินเทอร์เนต็ และงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยตา่ งๆ ผู้จดั ทำหวงั ว่ารายงานเล่มนจี้ ะมปี ระโยชน์ตอ่ ผู้ที่นำไปใช้
ใหเ้ กิดผลสมั ฤทธิ์ตามความคาดหวงั

ขอขอบคณุ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. พนิดา สมประจบ ทกี่ รณุ าใหค้ วามรู้และให้คำแน ะนำ โดย
ตลอด และขอขอบคุณทา่ นเจา้ ของหนังสือ บทความ และงานวจิ ัย ทผี่ ู้เขยี นใช้อ้างอิงทุกท่าน หากมี
ขอ้ ผิดพลาด หรือบกพร่องประการใด ผู้เขยี นขอน้อมรับและนำไปปรับปรงุ ต่อไป

กุลธิดา พรชัย
ศิระประภา คงอยู่

สารบญั ข

คำนำ หน้า
สารบัญ ก
สารบัญภาพ ข
บทท่ี ง
1 บทนำ
1
1.1 ความหมายของสมุนไพรไทย 1
1.2 ความสำคัญของสมนุ ไพรไทย 1
1.3 ประโยชนข์ องสมุนไพรไทย 4
1.4 ผลของการใช้สมนุ ไพรไทย 6
7
1.4.1. ข้อดขี องการใชย้ าสมุนไพรไทย 8
1.4.2. ขอ้ เสยี ของการใชส้ มนุ ไพรไทย 9
บทท่ี 2 ความรู้ท่ัวไปเกีย่ วกบั สมุนไพรไทย 9
2.1 การจำแนกสมนุ ไพร 10
2.1.1. รูปแบบที่เปน็ ของเหลว 10
10
2.1.2. รูปแบบทเี่ ปน็ ของแขง็ 10
2.1.3. รูปแบบทก่ี ง่ึ ของแข็งของเหลว 10
24
2.1.4. รปู แบบอ่นื ๆ ที่มีลกั ษณะการใช้พเิ ศษ 27
2.2 สรรพคณุ ของการใช้สมุนไพรไทย 28
2.3 การปรุงยาของสมนุ ไพรไทย 30
2.4 การเกบ็ สมนุ ไพรเพอ่ื ใช้ปรงุ ยา 31
บทที่ 3 วธิ กี ารปรุงยาสมุนไพร 31
3.1 การตม้ สมุนไพร
3.2 การดองสมุนไพร
3.3 การปั้นเป็นกอ้ น

สารบัญ (ต่อ) ค

บทท่ี 4 สรุป 36
บรรณานกุ รม 38

ภาพท่ี สารบญั ภาพ ง
ภาพที่ 1
ภาพท่ี 2 ว่านหางจระเข้ หน้า
ภาพที่ 3 ขมนิ้ ชนั 11
ภาพท่ี 4 ทองพันช่ัง 12
ภาพท่ี 5 กะเพรา 13
ภาพที่ 6 กระชายดำ 13
ภาพที่ 7 ว่านหางชักมดลูก 14
ภาพท่ี 8 กระเจ๊ียบแดง 14
ภาพท่ี 9 มะขามป้อม 15
ภาพท่ี 10 ฟา้ ทะลายโจร 16
ภาพท่ี 11 ยา่ นาง 17
ภาพที่ 12 มะรุม 17
ภาพที่ 13 ชุมเหด็ เทศ 18
ภาพท่ี 14 บอระเหด็ 19
ภาพที่ 15 สเลดพังพอน 19
ภาพที่ 16 มะแว้ง 20
ภาพที่ 17 รางจดื 20
ภาพที่ 18 กระวาน 21
ภาพที่ 19 กานพลู 22
ภาพที่ 20 หญ้าหนวดแมว 23
ภาพที่ 21 ใบบัวบก 23
ภาพที่ 22 การเกบ็ สมุนไพรเพ่อื ใชป้ รงุ ยา 24
ภาพท่ี 23 การตม้ ยา 27
ภาพที่ 24 ยาชง 30
ภาพท่ี 25 ยาดอง 30
ยาลกู กลอน 31
31

ภาพท่ี 26 สารบัญภาพ (ต่อ) จ
ภาพที่ 27
ภาพท่ี 28 ยาตำคัน้ เอาน้ำกนิ 32
ยาพอก 33
แคปซูล 34

บทท่ี 1

บทนำ

1.1 ความหมายของสมนุ ไพรไทย

สมนุ ไพร หมายถงึ "ผลิตผลธรรมชาติ ได้จาก พืช สตั ว์ และ แร่ธาตุ ที่ใช้เปน็ ยา หรอื ผสมกบั สาร
อื่นตามตำรบั ยา เพือ่ บำบดั โรค บำรุง ร่างกาย หรือใชเ้ ป็นยาพษิ " หากนำเอาสมนุ ไพรตัง้ แต่สองชนิด
ข้นึ ไปมาผสมรวมกันซ่ึงจะเรยี กว่า ยา ในตำรบั ยา นอกจากพชื สมุนไพรแล้วยงั อาจประกอบด้วยสัตว์
และแร่ธาตอุ ีกด้วย เรียกพืช สัตว์ หรอื แรธ่ าตุท่เี ป็นส่วนประกอบของยานี้ว่า เภสัชวตั ถุ พืชสมุนไพร
บางชนิด เช่น เร่ว กระวานกานพลู และจันทน์เทศ เป็นต้น พืชเหล่านี้ถ้านำมาปรุงอาหารจะ
เรียกวา่ เครอ่ื งเทศ

ความหมายคำวา่ สมนุ ไพร ตามพจนานกุ รมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 หมายถึง พืชทีใ่ ช้
ทำเป็นเครือ่ งยา สมุนไพรกำเนดิ มาจากธรรมชาติและมคี วามหมายต่อชีวิตมนษุ ยโ์ ดยเฉพาะ ในทาง
สุขภาพ อันหมายถึงทั้งการส่งเสริมสุขภาพและการรักษาโรค ความหมายของยาสมุนไพรใน
พระราชบัญญตั ยิ า พ.ศ. 2510 ไดร้ ะบุวา่ ยาสมุนไพร หมายความว่า “ยาท่ไี ดจ้ ากพฤกษา ชาติสัตว์
หรอื แรธ่ าตุ ซ่งึ มิไดผ้ สมปรุงหรือแปรสภาพ เชน่ พืชก็ยังเป็นส่วนของราก ลำต้น ใบ ดอก ผล ฯลฯ
ซงึ่ มิได้ผา่ นข้ันตอนการแปรรูปใด ๆ แตใ่ นทางการคา้ สมนุ ไพรมกั จะถูกดดั แปลงในรปู แบบตา่ ง ๆ เชน่
ถูกห่ันใหเ้ ป็นชน้ิ เล็กลง บดเป็นผงละเอยี ด หรอื อัดเปน็ แท่งแต่ในความรู้สกึ ของคนท่ัวไปเม่ือกล่า วถึง
สมุนไพร มกั นกึ ถึงเฉพาะต้นไม้ทีน่ ำมาใชเ้ ป็นยาเทา่ นน้ั ” (พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน,
2525)

จากความหมายดงั กลา่ ว สรปุ ไดว้ ่า สมนุ ไพร หมายถึง การนำส่วนประกอบหรือสว่ นตา่ งๆ ของ
พืช สัตว์แร่ธาตุจากธรรมชาติมาผลิตตามกรรมวธิ ีตา่ ง ๆ มาใชเ้ ปน็ ยารักษาโรคตา่ ง ๆ และบำรุง
ร่างกายได้

1.2 ความสำคญั ของสมุนไพรไทย (ธดิ ารัตน์ ราชสมบัติ, 2557 : 2)

สำหรับการแพทยด์ ้ังเดิมของสังคมไทยมีพฒั นาการนับเน่ืองจากอดีตสู่ ปัจจุบนั ตั้งแต่ยุคก่อน
ประวัติศาสตร์ ในยคุ ประวัติศาสตร์สมยั สโุ ขทยั สมยั อยุธยา และสมัยรตั นโกสนิ ทรม์ ปี ระสบการณ์ใช้
ยาสมุนไพรทต่ี อ่ เน่ือง โดยเฉพาะในยคุ รัตนโกสนิ ทรร์ ัชกาลท่ี 3 มกี ารรวบรวมตำราสมุนไพรในการ

2

รกั ษาเด็กและผูใ้ หญ่ วธิ ีปรุงยาและวธิ ใี ชย้ าสมนุ ไพรอย่างละเอียด และจารึกในแผน่ ศลิ าตามศาลาราย
ของวัดพระเชตุพนวิมลมงั คลาราม (วัดโพธ์)ิ สมนุ ไพรทีจ่ ารึกมจี ำนวนกวา่ 1,000 ชนดิ และรัชกาลที่
5 ทรงฟนื้ ฟู รวบรวมและชำระตรวจสอบคำภรี แ์ พทย์ และมีการจัดพิมพต์ ำราชื่อ ตำราแพทยศ์ าสตร์
สงเคราะห์ (ฉบับหลวง) ขน้ึ เพือ่ ใช้ในการศึกษา และบำบัดโรคสำหรบั แผนโบราณข้ึน ในระยะเดยี วกัน
การแพทยแ์ บบตะวันตกได้เข้าสู่สงั คมไทย และได้รับการสง่ เสรมิ จากรฐั มากขนึ้ ทำให้ประชาชนยอมรับ
และนยิ มการแพทย์แบบตะวันตกในระยะต่อมา อย่างไรก็ตามความศรัทธาของประชาชนท่ีมีต่อ
สมนุ ไพรมไิ ด้ถกู ละทงิ้ ประสบการณ์ การใชส้ มุนไพรไดร้ บั การเรยี นรู้ และการถา่ ยทอดจากคนรุ่นก่อน
สคู่ นรุน่ ตอ่ มา วัฒนธรรมการรักษาโรคความเจ็บป่วยด้วยสมุนไพรยังดำรงอยู่ในสังคมไทยจ นถึง
ปัจจุบัน และสมุนไพรในการพฒั นาสงั คมไทยในหลายมติ ิ ดังน้ี

1.คุณค่าด้านการแพทย์และสาธารณสุข ความหมายของสมุนไพรในพระราชบญั ญตั ิยา
พ.ศ. 2522 คือ สมุนไพร หมายถึงยาทไี่ ด้จากพฤกษชาติ สัตว์ และแรธ่ าตุ ซ่งึ มิไดป้ รงุ และแปรสภาพ
สมนุ ไพร เปน็ สง่ิ ทป่ี ระชาชนใช้ประโยชน์ดา้ นการแพทย์ และสาธรณสขุ ประชาชนไทยบริโภคสมุนไพร
ใน 3 รูปแบบคือ สมนุ ไพรจากแหลง่ ธรรมชาติ ผลติ ภัณฑส์ มนุ ไพรสำเรจ็ รูปและยาแผนโบราณ ใน
พ.ศ. 2529 สำนกั งานสถติ แิ หง่ ชาติ สำนกั นายกรฐั มนตรไี ดส้ ำรวจเกี่ยวกับสวสั ดกิ ารอนามัยและการ
ใช้ยาแผนโบราณ พบวา่ ประชากรไทยใช้ยาแผนโบราณ หรือสมนุ ไพรไทยในการบำบัดรักษาโรค ยา
สมุนไพร และยาแผนโบราณเหล่าน้ปี ระชากรคนุ้ เคย เช่ือถอื และนยิ มในสรรพคณุ การรักษาโรค ยา
แผนโบราณทปี่ ระชาชนนยิ มใช้กนั คอื ยาหอม ยานตั ถ์ุ ยาบำรงุ โลหิต ยาระบาย ยาแกร้ อ้ นใน และยา
แกไ้ อ นบั ได้วา่ ประชาชนไทยจำนวนไมน้ ้อยยังมีการใช้สมุนไพรเพ่ือสุขภาพและการแก้ไข ปัญหา
สาธารณสุข

2.คณุ ค่าดา้ นเศรษฐกจิ สมนุ ไพรเป็นทรพั ยากรทีส่ ำคัญของประเทศ และมฐี านะเป็นวัตถุดิบ
พ้นื บ้านของอตุ สาหกรรมยาแผนโบราณ แหลง่ ผลิตยาแผนโบราณท่ีได้ข้นึ ทะเบยี นไว้กับกร ะทรวง
สาธารณสุขมีจำนวนมาก ตำรายาแผนโบราณเหล่านใ้ี ช้สมนุ ไพรกวา่ 1,000 ชนิด โดยผลิตในหลาย
รปู แบบ เชน่ ยาเมด็ ยากวน ยาแผน่ เปน็ ตน้ กรรมวธิ ีผลิตยาแผนโบราณทำตามวธิ ีการท่สี ืบทอดกัน
มา อยา่ งไรก็ตามอุตสาหกรรมยาแผนโบราณมีอุปสรรคสำคญั คอื อุปสรรคดา้ นกฎหมายท่ีปดิ ก้ันการ
พัฒนายาแผนโบราณและปญั หาด้านวตั ถุดบิ สมนุ ไพร เน่อื งจากพ้ืนทีป่ า่ ธรรมชาติถกู ทำลายและลดลง
อกี ทัง้ การปลกู สมนุ ไพรยังไม่กว้างขวาง จงึ ทำใหว้ ัตถดุ บิ บางชนดิ หายาก ขาดแคลน หรอื บางชนิดต้อง

3

นำเข้าจากต่างประเทศ มูลค่าการบริโภคยาแผนโบราณของประชาชนมีแนวโน้มสงู ขึ้นเรือ่ ย ๆ
นอกจากนยี้ งั มีองค์กรภาครฐั และภาคเอกชน ได้นำงานวจิ ัยสมุนไพรเด่ียวมาพัฒนาเทคโนโลยีใน
ระดับอุสาหกรรมการผลิตยาจาก สมุนไพรภายในประเทศด้วย ในรูปแบบที่ทันสมัยต่างๆ
อุตสาหกรรมยาจากสมุนไพรเหล่าน้ีอาศัยวตั ถุดิบสมนุ ไพร และเทคโนโลยีภายในประเทศ อนั เป็นการ
พฒั นาศกั ยภาพของอตุ สาหกรรมยา และพงึ่ ตนเองไดอ้ ย่างแทจ้ รงิ

3.คุณค่าด้านนิเวศวิทยา ระบบนิเวศของโลกทีส่ ลบั ซับซ้อนประกอบด้วยพรรณพืชท่มี ี
หลากหลาย พรรณพชื เหลา่ นี้เป็นพื้นฐานสำหรบั ยารักษาโรค สีย้อม น้ำหอม เคร่อื งปรงุ รสและแต่งสี
สมุนไพรเหลา่ น้ีมคี ุณคา่ ตอ่ เศรษฐกิจและสังคมสามในส่ี ของประชากรโลกยังคงใชพ้ ืชสมุนไพรจากป่า
ธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างย่งิ ในประเทศกำลงั พัฒนา

4.คุณค่าดา้ นการเกษตรกรรม ภาวะปจั จบุ นั การเกษตรแบบอุตสาหกรรม ซึ่งใช้ปยุ๋ เคมีและ
ยาฆ่าแมลงจำนวนมาก สร้างปัญหาตอ่ สิ่งแวดล้อม และสุ ขภาพของผู้บริโภคอย่างมาก วงการ
เกษตรกรรมของสังคมไทยต้องการทางออกเพ่อื การแก้ปัญหาเหลา่ น้ี สมุนไพรสว่ นหน่งึ มสี รรพคุณใน
การช่วยกำจัดแมลงท่ีเปน็ ศัตรูพืชและชว่ ยรักษา โรคของพืชได้ ดังนั้นสมุนไพรจึงมีคุณค่า ต่อด้าน
เกษตรกรรมและต่อผู้บริโภคโดยตรง เพราะผลผลิตที่ได้จะปราศจากพิษภัยจากสารเคมที ำให้
ปลอดภัยต่อผู้บรโิ ภค พืชสมุนไพรท่ใี ช้ทดแทนสารเคมีท่ีใช้ยาฆา่ แมลง เช่น สะเดา ตะไคร้หอม ข่า
ดาวเรือง เป็นต้น

5.คุณค่าแหง่ ภมู ปิ ัญญา และวฒั นธรรม การใชส้ มนุ ไพรแก้ปญั หาความเจ็บไข้ไดป้ ่วยทน่ี ับเป็น
ภูมปิ ญั ญาอนั ทรงคุณคา่ ท่ีบรรพบุรษุ ไดล้ องผิดลองถกู ค้นคว้าวิจัยตามธรรมชาติเหนือส่งิ อน่ื ใด บรรพ
บุรุษไดใ้ ช้ชวี ติ เลือดเนอื้ แทนห้องปฎิบตั ิการ จนกระท่งั ส่ังสมเป็นองคค์ วามรู้สบื ทอดให้ลูกหลานได้ใช้
ประโยชน์มาจนถงึ ปัจจุบัน องค์ความรู้เหล่านม้ี ที ัง้ ส่วนท่ีมไิ ด้บนั ทกึ เปน็ ลายลักษณ์อักษรและบัน ทึก
เป็นลายลักษณอ์ กั ษร ไดแ้ ก่ ตำราใบลาน สมุดขอ่ ย จารกึ การบันทึก ในรปู แบบจิตรกรรมฝาผนงั หรือ
หลักฐานทางประวัตศิ าสตรอ์ นื่ ๆ เหล่าน้ลี ้วนแสดงถึงภูมปิ ญั ญาอนั ชาญฉลาดท่ีมุง่ แกไ้ ขโรคภัยไข้เจ็บ
โดยมิได้ลืมการสั่งสอนอบรมใหต้ ั้งต้นอยู่ในความดคี วามงามตามแนวทางของ พระพทุ ธศาสนาอันเป็น
วัฒนธรรมประจำชาติ

4

สมุนไพรนับวา่ เป็นความมหศั จรรยข์ องธรรมชาตอิ ย่างแทจ้ รงิ สมนุ ไพรกอ่ เกดิ ตามธรรมชาติ และ
พัฒนาคเู่ คยี งกบั การแสวงหาทางออกในด้านสุขภาพของมนุษย์ สมุนไพรมคี วามหมาย และทรงคณุ ค่า
หลายมิตแิ ตกต่างกันไปตามยุคสมยั ของสังคมโลก และสงั คมไทย แมโ้ ลกยุคใหมจ่ ุพัฒน าไปอย่าง
รวดเรว็ ยาแผนใหม่จากสารเคมีหลายชนิดได้เขา้ มาแทนทีส่ มุนไพรมิใชว่ ่าจะทดแทนคุณค่า ของ
สมุนไพรท่มี ีอย่ไู ด้ดีคุณคา่ ของสมนุ ไพรกำลงั ได้รบั ความสำคัญ และพัฒนาใหเ้ ป็นระบบครบวงจร อัน
ทำใหส้ มนุ ไพรมีคุณค่าในการพฒั นาสงั คมไทยไดห้ ลายมิติ และอยา่ งย่งั ยืนในอนาคต

1.3 ประโยชน์ของสมุนไพรไทย (อจั ฉรา เข่ือนเพชร, 2556)

สำหรบั ประโยชน์ของสมนุ ไพร มีหลากหลายแต่วัตถุประสงคห์ ลักของการใช้สมุนไพร คือ การ
รักษาโรค และ ทำใหม้ นษุ ย์หายจากอาการเจ็บปว่ ยตา่ ง ๆ เราสามารถสรปุ ประโยชน์ของสมนุ ไพร ได้
ดงั นี้

1) ใช้สกัดนำ้ มนั หอมระเหย สมุนไพรในกลุ่มน้เี ป็นพวกที่มนี ำ้ มนั หอมร ะเหยอยู่ในตัว
สามารถนำมาสกดั โดยวิธี นำมากลัน่ ซ่งึ จะมีกล่นิ และปริมาณทแ่ี ตกต่างกันออกไป ข้นึ อยกู่ ับชนดิ ของ
สมนุ ไพร สมนุ ไพรทีน่ ้ำมันหอมระเหยทร่ี ู้จัก กันดี ได้แก่ ตะไครห้ อม น้ำมนั ตะไครห้ อมน ำมา ใช้ใน
อุตสาหกรรมผลิตสบู่ แชมพู น้ำหอม และสารไล่แมลง ไพล น้ำมันไพล ใช้ในผลติ ภัณฑ์ครีมทา
ภายนอก ลดการอกั เสบฟกช้ำ กระวาน น้ำมันกระวนนใช้แต่งกลิ่นเหล้า เครื่องดืม่ ต่าง ๆ และ
อตุ สาหกรรมน้ำหอม พลู นำ้ มันพลู ใชใ้ นอุตสาหกรรมเครือ่ งสำอางค์ หรือเจลทาภายนอกแก้อาการ
คนั

2) ใช้เป็นยารับประทาน มีสมุนไพรหลายชนิดทีส่ ามารถนำมาใช้รับประทานเพ่ือรักษา
อาการของโรคตา่ ง ๆ เชน่ ไดแ้ ก่ แกไ้ ข เจบ็ คอ บอระเพด็ ฟา้ ทะลายโจร แกท้ อ้ งอึด ท้องเฟอ้ กระ
เพรา ไพล ขงิ ระงบั ประสาท ขีเ้ หล็ก ไมยราพ ลดไขมนั ในเส้นเลอื ด คำฝอย กระเจี๊ยบแดง กระเทียม

3) ใช้เปน็ ยาทาภายนอก เป็นสมนุ ไพรทีม่ สี รรพคณุ บำบัดโรคท่ีเกิดตามผิวหนัง รวมทั้ง
แผลทเ่ี กดิ ในชอ่ งปาก ไดแ้ ก่ รักษาแผลในปาก บัวบก หวา้ โทงเทง ระงับกลน่ิ ปาก ฝรง่ั กานพลู แก้
แพ้ ผักบงุ้ ทะเล เสลดพงั พอน ตำลงึ เท้ายายมอ่ ม รกั ษาแผลนำ้ ร้อนลวก บัวบก ยาสูบ ว่านหางจระเข้
งูสวดั ตำลึง พดุ ตาน วา่ นมหากาฬ เสลดพงั พอน

5

4) ใช้ทำเปน็ สว่ นผสมของอาหารและเครื่องดมื่ เปน็ เครอ่ื งดม่ื ท่ีสกดั จากธรรมชาตทิ ี่ยังให้
ประโยชน์ในการรักษาโรค ควบคไู่ ปด้วย ได้แก่ บกุ ให้ประโยชน์ในการดดู จับไขมันจากเส้นเลือด ลด
น้ำหนกั สม้ แขก ดูดไขมนั ลดน้ำหนัก หญา้ หนวดแมว ลดนำ้ หนกั บำรงุ สุขภาพ

5) ใช้ทำเครื่องสำอาง มีสมุนไพรหลายชนิดในปัจจุบันที่นิยมใช้เป็นส่วนผสมของ
เครอ่ื งสำอาง และได้รบั ความ นิยมอยา่ งดี เนอื่ งจากผ้ใู ช้ม่ันใจว่าปลอดภัยมากกวา่ การ ใช้สาร เคมี
ไดแ้ ก่ วา่ นหางจระเข้ อัญชนั มะคำดีควาย โดยนำมา ใช้เป็นสว่ นผสมของแชมพู ครมี นวดผม สบู
โลชน่ั บำรุงผิว

6) ใชเ้ ป็นผลติ ภัณฑป์ ้องกนั กำจดั ศัตรูพืช มกั เป็นสมนุ ไพรจำพวกทีม่ ฤี ทธ์ิเบอ่ื เมา หรือมี
รสขม ขอ้ ดีคอื ไมม่ ฤี ทธิต์ กค้าง ท่เี ป็นพิษตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม ได้แก่ สะเดา ยาสูบ ตะไครห้ อม ไพล เป็นต้น

7) ใช้บริโภคเป็นอาหารและเครื่องเทศ สมุนไพรในกลุ่มนี้จัดวา่ เป็นพืชผักสมุนไพร
น่ันเองสามารถนำมารบั ประทาน ใหค้ ุณคา่ ทางอาหาร เพิ่มรสชาติ ดับกลิน่ คาว และยังช่วยย่อย
อาหาร ได้แก่ กระเพรา โหระพา แมงลกั ผกั ชี สะระแหน่ ขิง ขา่ กระชาย บางชนิดเปน็ พชื ผกั สมุนไพร
เมอื งหนาว เช่น พารส์ เร่ย์ หรือผักชีฝรั่ง เฟนเนล (ผักชลี าว) เปบเปอร์ม้ินท์ ออรกิ าโน่ ทีม ไชฟ์ ดิล
มาร์เจอร์แรม เซจ ซงึ่ สว่ นใหญเ่ ปน็ พชื พ่มุ เตี้ย ใช้ส่วนของใบมาทานสด หรอื แก้ง เปน็ เคร่ืองเทศ ชูรส

8) ปลอดภัย สมนุ ไพรสว่ นมากมีฤทธิอ์ อ่ น ไมเ่ ปน็ พิษหรือมีอาการขา้ งเคียงมาก แตกตา่ ง
กับยาแผน ปจั จุบันทบ่ี างครง้ั จะมีฤทธเ์ิ ฉียบพลันถา้ บรโิ ภคเกนิ ขนาดเพียงเล็กน้อยอาจเสียชวี ิตได้

9) ประหยดั ราคาของสมนุ ไพรถูกกว่ายาแผนปัจจุบันมาก เน่ืองจากเปน็ ทรพั ยากรที่มีอยู่
แลว้ จึง ควรอยา่ งยงิ่ ทเ่ี ราจะนำมาใช้ใหเ้ ป็นประโยชนเ์ พ่มิ มากขน้ึ ท้งั ยงั ช่วยกนั ลดดุลการค้าท่ีเสียบ
เปรยี บต่างประเทศ เปน็ การสอดคลอ้ งกบั ภาวะเศรษฐกิจของชาตอิ ีกดว้ ย

10) เหมาะสำหรบั ผทู้ ่อี ยู่หา่ งไกล คนไขท้ ่ีอยูต่ ามชนบท บางคร้ังไมส่ ามารถมารับบริการ
จากสถานบริการทางการแพทย์แผนปัจจุบันได้ควรใช้สมุนไพรที่เชื่อถือได้รักษา โรค

11) ไม่ตอ้ งกลวั ปัญหาขาดแคลนยา ปจั จุบนั มียาหลายตวั ท่ที ำมาจากวัตถุเคมีที่ได้จาก
ผลิตผลของน้ำมัน ซ่งึ ปัจจุบันนำ้ มนั ก็เริม่ จะขาดแคลนทำให้ทุกส่ิงทุกอยา่ งถูกกระทบกระเทอื นรวมไป
ถึงการรักษาโรค เราจึงต้องศึกษาเกี่ยวกับยาสมุนไพรและนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์มากขึ้น

12) เปน็ พชื เศรษฐกิจ สง่ เสรมิ การปลูกสมุนไพรที่ใช้ในประเทศ และเพ่ือการส่งออก
อยา่ งจรงิ จงั และต้องคำนงึ ถึงผลผลติ ทม่ี คี ุณภาพดแี ละตน้ ทนุ ตำ่ สำหรับการสง่ ออกในรูปของส ารสกัด
ทำใหไ้ ด้ราคาดกี วา่ การส่งออกในรูปวตั ถดุ ิบ

6

1.3 ผลของการใช้สมนุ ไพรไทย(บทความเพอ่ื ดแู ลสขุ ภาพ, 2556 : ออนไลน์)

สมนุ ไพรต่างๆ ที่เรานำมาใชป้ รงุ ยา (MEDICINAL HERBS) กอ่ นมนุษยจ์ ะรจู้ ักธรรมชาติของมัน
และนำมาปรงุ ยารักษาโรคนัน้ ในยคุ ดึกดำบรรพ์วชิ าเภสัชศาสตร์ และวิชาเวชศาสตร์ยังไม่เจริญ
มนษุ ย์โบราณ หรือพวกพราน ชาวปา่ ชาวเขาส่วนมากอาศยั ความสังเกตของพวกสัตว์ บางจำพวก ท่ี
สามารถใชส้ ญั ชาตญาณของมนั แสวงหาพชื ทเี่ ปน็ อาหาร และเป็นยารักษาโรค มนุษยโ์ บราณยคุ ดึกดำ
บรรพ์ และพวกพราน ชาวป่าชาวเขาจึงตอ้ งอาศยั พวกสตั วเ์ หลา่ นี้ ในการท่จี ะแสวงหาอาหารและพืช
ทีเ่ ปน็ อาหารและยารักษาโรคต่างๆ

ปราณลบในรา่ งกายของมนษุ ยว์ า่ มีส่วนควบคุมพลังชวี ิตมนุษยโ์ ดยท่ัวไปไม่ให้เกิดการป่วยไข้ จุด
ตา่ งๆ ตำแหนง่ ของปราณบวก ปราณลบในร่างกายของมนุษย์ท่ีสำคัญมีอย่เู กอื บ ๔๐ o คู่ หากใช้เข็ม
ปักให้ถูกตำแหน่งต่างๆ ของปราณบวก ปราณลบเปน็ คู่ ๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง ยอ่ มจะสามารถใช้รักษาโรค
บางอย่างแทนยารกั ษาโรคได้ และสามารถเรียนถึงตำแหน่งของปราณบวก และปราณลบวา่ จดุ
ตำแหน่งของมนั ค่ใู ด หากปักเข็มให้ตรงจุดเหล่านี้แลว้ “กส็ ามารถจะทำให้ระบบประสาทตา่ งๆ ของ
รา่ งกายในสว่ นท่รี ะบบปราณเหล่าน้ันเก่ียวข้องอยใู่ ห้หมดความรู้สกึ หรือไมเ่ จ็บปวด และระบบการ
ไหลเวยี นของโลหติ จะไหลมาเล้ียงระบบประสาทส่วนน้นั จากการรอบรู้ของพวกเต้าสือเหลา่ นี้ พวก
แพทย์โบราณของจีนซง่ึ ไดศ้ กึ ษาระบบประสาทต่างๆ ของรา่ งกาย มาก่อนในวชิ าเวชศาสตร์ จงึ นำเอา
ความรู้ของพวกเต้าสือมาประยกุ ตว์ ิชาเวชศาสตรข์ องตน จงึ เกดิ วิชาปกั เข็มเพ่ือรกั ษาโร คบา งอย่าง
และวิชาปักเข็มแล้วผ่าตัดคนไข้โดยไม่ต้องวางยาสลบ และไม่ต้องใช้ยาห้ามโลหิต ดังปรากำ
ประวตั ศิ าสตร์ของจีนในเร่ืองสามก๊ก เม่อื หลายรอ้ ยปีมาแลว้ ได้กลา่ วข้อความตอนหนง่ึ ว่า ‘‘โจโฉถูก
ขา้ ศึกยิงดว้ ยลกู เกาทนั และได้ให้แพทยจ์ นี ผา่ ตัดเอาลูกเกาทนั ออกจากบาดแผล โดยไม่ตอ้ งวางยาสลบ
และโลหิตไม่ออก”ปจั จบุ ันวิชาปกั เข็มก่อนผ่า (ACUTEPUNCTURE) ของจีนวงการแพทยแ์ ผน
ปัจจบุ นั ทัว่ โลกยอมรบั และนำเข้าไปศกึ ษาปฏิบตั ิตาม ท้งั ในการรักษาโรคบางชนดิ และใช้ประกอบใน
การผา่ ตัดโดยไม่ตอ้ งใช้ยาสลบ และยาหา้ มโลหิต และไม่ตอ้ งถา่ ยโลหิตให้คนไขเ้ มอ่ื หลังจากผา่ ตัดแล้ว
ทั้งนี้ เพราะในขณะทีแ่ พทยผ์ ่าตัดคนไขน้ ้นั จะไม่มโี ลหิตไหลออกจากบาดแผลทผี ่าตัดเลย วตั ถุต่างๆ
ซงึ่ แพทย์จนี โบราณ และแพทย์ไทยโบราณทน่ี ำมาใช้ปรงุ ยาน้ันตรงกัน กลา่ วแบ่งออกเปน็ ๔ ประการ
ดงั น้ี

1. พชื วัตถุ ไดแ้ ก่สว่ นต่างๆ ของตน้ ไมใ้ บหญา้ เช่น ใบ ดอก ราก ลำต้น เกษร ฯลฯ
2. สตั ว์วัตถุ ได้แก่สว่ นต่างๆ ของสัตวท์ ีน่ ำมาใช้ปรุงยา เชน่ เข้ยี วงา กระดกู ดีของสัตว์ต่างๆ

ฯลฯ

7

3. ธาตวุ ัตถุ ได้แกแ่ ร่ธาตุต่างๆ ท่ีนำมาปรงุ ยารักษาโรคตา่ งๆ เชน่ กำมะถันแดง กำมะถันเหลือง
ดนิ ปะ

4. สวิ น้ำประสานทอง ฯลฯ เหล่าน้ีเปน็ ต้น
5. โลหะวัตถุ ได้แก่สมนุ ไพรท่มี ีช่ือเรยี กออกเสียงเปน็ โลหะชนดิ ต่างๆ เชน่ ทองพันช่งั ทองหลาง

ทองโหลง ทองกวาว ใบเงินยวง เหลา่ นเี้ ปน็ ตน้
ส่วนการเรียนรู้ความลึกลับของวตั ถุทั้ง ๕ ประเภทน้ันของบรรดาแพทย์โบราณ ก่อนที่จะ
นำมาปรุงเป็นยารักษาโร คต่า งๆ พอจะให้ข้อสมมุติฐานต่างๆ ได้ดังต่อไปนี้ คือ

(1) การเรียนรู้จากสัตว์บางชนิดเช่นพวกลิงป่า หรือสัตว์อื่นๆ ดังกล่าวมาแล้ว
(2)เรยี นรู้จากพวกพรานป่าพวกชาวเขาเผ่าตา่ งๆ
(3) เรียนรูจ้ ากพวกนักบวช นักพรตเช่นพวกฤาษี โยคี หรือพวกเต้าสอื ซึ่งบรรลุข้ัน
อภญิ ญาทพิ ยจกั ษุ สามารถเล็งญาณพเิ ศษรอบรถู้ ึงสรรพคุณของสมนุ ไพรตา่ งๆ ทส่ี ามารถ
นำมาปรุงยารักษาโรคต่างๆ ได้ และพวกนกั บวชนกั พรตเหลา่ น้ีก็ไดถ้ า่ ยทอดให้สานุศิษย์ของ
ตนต่อๆ กันมา และต่อมาก็ทำเป็นตำรบั ตำราไว้เป็นหลักฐาน ในประเทศตะวันออกนั้น
ประเทศอนิ เดีย และประเทศจีนได้สรา้ งตำรายาสมุนไพรขึน้ ก่อน สว่ นประเทศในยุโร ปชน
ชาติกรีกบางคนมคี วามสามารถรอบรู้คณุ สมบัติของต้นไม้ พืชต่างๆ ทีส่ ามารถใช้เปน็ ยารกั ษา
โรคได้

1.4.1 ขอ้ ดขี องการใชย้ าสมนุ ไพร (วาลดี ้า บหุ วงั , 2553)
ข้อดีของการใช้สมนุ ไพร

1. ปลอดภัย สมนุ ไพรสว่ นใหญจ่ ะออกฤทธ์อิ ่อนๆ จึงไมค่ ่อยเปน็ พิษ หรือมผี ลข้างเคียงมาก
ต่างกบั ยาแผนปัจจบุ นั ท่ีเป็นเคมสี ังเคราะห์ ทม่ี กั จะออกฤทธฉ์ิ ับพลัน บางชนิดหากกนิ เกนิ
ขนาดเพยี งเล็กน้อย อาจมอี นั ตรายถงึ กับเสยี ชวี ติ ได้ สมุนไพรส่วนใหญ่จะออกฤทธ์อิ ่อนๆ
จึงไมค่ อ่ ยเป็นพิษ หรือมีผลข้างเคยี งมาก ตา่ งกับยาแผนปจั จบุ นั ที่เป็นเคมสี ังเคราะห์
ทมี่ ักจะออกฤทธิ์ฉับพลนั บางชนดิ หากกนิ เกินขนาดเพยี งเลก็ นอ้ ย อาจมอี นั ตรายถงึ กับ
เสยี ชีวิตได้
2. ประหยดั ยาสมนุ ไพรโดยทั่วไปมรี าคาถูกกวา่ ยาแผนปัจจบุ นั มาก แล้วสมุนไพรหลาย
ชนิดก็สามารถปลูกใช้เองไดใ้ นครอบครวั ทำใหช้ ว่ ยประหยดั รายจ่ายไปไดอ้ กี ทางหนึ่ง

8

1.4.2 ขอ้ เสยี ของการใช้ยาสมุนไพร

ข้อเสยี ของการใชย้ าสมุนไพร
1. ใช้ไมส่ ะดวก บางครง้ั การใช้ยาสมนุ ไพรในรปู ยาตำรับรักษาโรคบางอย่าง อาจเสยี เวลา
ในการเตรียม เช่น ยาหม้อ ที่จะต้องอุ่นทุกเชา้ และเย็น ทำให้ไมส่ ะดวกท่จี ะกนิ อีกทงั้ ยัง
ยงุ่ ยากและเสยี เวลา (สำหรบั คนท่ตี อ้ งทำงานนอกบา้ น
2. ฤทธ์ยิ าไมแ่ น่นอน อย่างทที่ ราบกนั แลว้ วา่ ยาสมุนไพรมกั มรี สอ่อน ออกฤทธชิ์ า้ ตอ้ งกิน
เปน็ เวลานาน และเปน็ จำนวนมาก ขณะเดยี วกันสมุนไพรแตล่ ะอย่างก็จะมีสารสำคญั
หลายตวั บางครง้ั จึงทำใหฤ้ ทธิ์ทตี่ า้ นกนั เองได้

บทท่2ี

ความรทู้ ่ัวไปเกีย่ วกับสมุนไพร

ณหทัย ใจสุภาพ (2556 : 28) กล่าวว่า “สมุนไพร (herbs)” มีคำจำกัดความได้หลา ย
อย่าง ขึ้นอยู่กบั ว่าใชก้ ับเนื้อหาอยา่ งไร ทางดา้ นพฤกษศาสตร์ HERBS หมายถึงพืชมีเมล็ดท่ไี ม่มีแก่น ไม้
(nonwoody) และตายเมอ่ื ส้นิ สุดฤดูกาลเพาะปลกู ทางด้านอาหาร HERBS หมายถงึ เครื่องเทศหรือผักที่
ใชแ้ ตง่ รสหรอื กลิ่นอาหาร แต่ทางด้านยา HERBS มีความหมายท่เี ฉพาะเจาะจง คำจำกดั ความที่ถูกต้อง
ท่สี ุดของ HERBS คือ ยาทมี่ าจากพชื ใชร้ ักษาโรคซง่ึ มักเป็นโรคเรอ้ื รังหรอื เพอื่ ทำให/้ บำรุงรักษาสุขภาพ
ให้แขง็ แรง

อรสร สารพันโชติวิทยา (2563 : 15) ไดก้ ลา่ วไวว้ ่า ในดา้ นกฎหมายของสมนุ ไพรยังจัดเป็นกลุ่ม
พิเศษ คอื กลุ่มอาหาร และกลุ่มผลติ ภัณฑ์เสริมอาหาร หากสมนุ ไพรใชเ้ พอ่ื การรักษาหรอื บรรเทาอาการ
โรค หรือใช้เสริมสขุ ภาพ (เกี่ยวข้องกับการวนิ ิจฉัยหรอื ป้องกันโรค) จะจัดเป็นยา อยา่ งไรกด็ มี ผี ลติ ภัณฑ์
สมุนไพรจำนวนหนึ่งที่เป็นยาหรืออาหารหรือเป็นทั้งยาและอาหาร ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของ
ผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น กระเทียม หากใช้เพ่ือแต่งกลิน่ และรสอาหาร กรณีนี้ชัดเจนว่า กระเทียมเป็น
อาหาร เม่อื ใชผ้ ลิตภัณฑก์ ระเทยี มควบคมุ ความดันโลหิตหรือระดับคอเลสเตอรอลท่ีสูง กรณีน้กี ระเทียม
จดั เป็นยา (ในประเทศเยอรมน)ี และจัดเปน็ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (ในสหรฐั อเมริกา) จึงเป็นไปได้ที่
ผบู้ รโิ ภคบางรายใช้กระเทียมเป็นทง้ั อาหารและยาในเวลาเดยี วกนั ชาวอเมรกิ นั ดม่ื นำ้ พรุนเป็นเคร่ืองดื่ม
ยามเชา้ และเปน็ ยาระบาย

2.1 การจำแนกสมนุ ไพร (คณะแพทยศ์ าสตรโ์ รงพยาบาลรามาธบิ ดี, 2558)

สมนุ ไพรไม่ว่าจะเป็นสว่ นที่มาจากพืชวัตถุ สัตว์วตั ถุ หรอื ธาตุวัตถุก็ตาม เวลาจะนำมาใช้เพื่อ
บรโิ ภค หรือเพ่อื การรักษาตามกรรมวิธีจำเพาะอนั ใดก็ตาม พอจะจำแนกรูปแบบของสมุนไพรท่ีใช้เป็นยา
ได้ ดังนี้

10

2.1.1 รูปแบบทีเ่ ปน็ ของเหลว ยาเหลา่ นี้มักได้จากกรรมวธิ ตี ่างๆ กันเชน่ ยาต้มคอื หน่ั ต้นยาแล้ว
ต้มกบั น้ำ ยาชงเปน็ ยาแห้งหน่ั เปน็ ช้นิ เล็กๆ ค่วั แล้วนำไปชงกบั น้ำ นำ้ คั้นสมนุ ไพรเตรียมโดยการ เอา ต้น
สมุนไพรสดๆ ตำให้ละเอยี ด เตมิ นำ้ แลว้ ค้นั เอาน้ำยามารบั ประทาน และยาดองเตรียมโดยบดสมุน ไพร ให้
แห้งหอ่ ดว้ ยผา้ ขาวบาง ดองในสรุ า

2.1.2 รูปแบบท่ีเปน็ ของแข็ง ยาปั้นลกู กลอน เตรยี มโดยห่นั ตน้ ไม้ยาสดให้เป็นแวน่ บางๆ ตาก
แดดใหแ้ หง้ บดเปน็ ผง ผสมกับน้ำผง้ึ หรือนำ้ เช่ือม 1 ส่วน ปน้ั เป็นลกู กลม เล็กๆ ขนาดเสน้ ผา่ ศูนย์กลาง 1
เซนติเมตร ป้นั เสรจ็ ผงึ่ แดดจนแหง้

2.1.3 รูปแบบก่งึ แข็งกง่ึ เหลว สมุนไพรเหล่านี้จะทำใหอ้ ย่ใู นลักษณะพอทรงตัวได้ มักใช้เพ่ือการ
รักษาภายนอก เชน่ ยาพอก เตรียมโดยใชต้ น้ สดตำให้แหลกหรือเหลว

2.1.4 แบบอ่ืนๆ ทม่ี ลี ักษณะการใช้พิเศษ เชน่ ใช้วธิ รี มควนั เพื่อรกั ษาโรคของทางเดิน หายใจ
หรือการรมควันเพอื่ รักษาแผล และให้มดลกู เข้าอู่ในสตรภี ายหลังคลอด

2.2 สรรพคุณของการใชส้ มุนไพร (20 สรรพคณุ สมุนไพร, 2564 : ออนไลน์)

ในปจั จบุ ันน้นั บทบาทของสมุนไพรไทย สรรพคณุ หลายๆอยา่ งได้มีการวิจยั ที่เชื่อถือได้จาก
องคก์ รทมี่ ีความน่าเช่อื ถืออยู่หลายชนดิ ซง่ึ ก็กลายเป็นการสรา้ งคณุ ค่าใหก้ ับสมนุ ไพรได้เป็นอย่างดี ทำให้
มูลค่าทางการตลาดหรือค้าของสมุนไพรไทยนั้นก็จะมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามความ
ต้องการของผคู้ นท่ีเรม่ิ กลบั มามองสิ่งทมี่ าจากธรรมชาติมากขึ้นกว่าเดิมเหมอื นทีเ่ คยเป็นมา และสรรพคุณ
สมุนไพรที่ได้มกี ารนำมาทดสอบกม็ อี ย่มู ากมายหลายชนิดแล้วนำมาใช้ในการบำบัดโรคและอาการเจ็บป่วย
ได้ ยกตัวอยา่ งสมนุ ไพรทีเ่ ราคุน้ หกู นั เป็นอย่างดี เช่น

1) ว่านหางจระเข้ คอื ไมล้ ม้ ลกุ ใบใหญห่ นาท่ีทุกคนรจู้ กั กันดี แมถ้ ิน่ กำเนิดจะอย่ไู กลถึงฝั่งเมดิเตอร์
เรเนยี น และแอฟริกา แต่ในประเทศไทยก็มกี ารปลกู วา่ นหางจระเข้อยา่ งแพรห่ ลาย ซงึ่ ในตำรับ
ยาไทยกใ็ ช้ว่านหางจระเข้บำบัดอาการต่าง ๆ ได้มากมาย จนเปน็ ที่ร้จู ักว่า เป็นพืชอัศจรรย์ท่ีมี
สรรพคณุ สารพดั ประโยชน์

11

โดย "วุ้นในใบสด" สามารถนำมาบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ แต่สรรพคณุ เดน่ ๆ ท่ีทุก
คนน่าจะรู้จักก็คือ นำมาพอกแผลนำ้ ร้อนลวก ไฟไหม้ แก้ปวดแสบปวดร้อน แผลเรื้อรงั รักษาผิว
ทีถ่ ูกแดดเผา แผลในกระเพาะอาหาร และช่วยถอนพษิ ได้ เพราะวา่ นหางจระเข้มสี รร พคุณช่วย
สมานแผล สว่ น "ยางในใบ" กส็ ามารถนำมาทำเป็นยาระบายได้ และส่วน "เหงา้ " ก็นำไปต้มน้ำ
รบั ประทาน แก้โรคหนองในได้

ภาพที่ 1 ว่านหางจระเข้
(20 สมุนไพรไทย, 2564 : ออนไลน์)

2) ขม้นิ ชัน เรียกกันทว่ั ไปว่า "ขมน้ิ " มีเหง้าอยใู่ ต้ดิน มกี ลนิ่ หอม คนนิยมนำ "เหง้า" ทั้งสดและแห้ง
มาใชร้ กั ษาอาการท่ีเกย่ี วกบั กระเพาะอาหาร รวมทง้ั แกท้ ้องเสยี ทอ้ งรว่ ง จุกเสยี ดแน่นท้อง และ
สามารถนำขม้นิ ชันมาทาภายนอก เพ่อื ใช้รักษาแผลเรื้อรัง แผลสด โรคผิวหนัง พุพอง รักษา
ชันนะตุ
นอกจากนั้น "ขม้ินชัน" ยงั อดุ มไปด้วยวติ ามินเอ วิตามนิ ซี วติ ามินอี และสารต้านอนุมูล
อสิ ระ "คเู คอรม์ นิ " ท่ีชว่ ยปอ้ งกันการเกิดมะเร็งตับ อกี ทง้ั ยงั สรา้ งภมู คิ ุ้มกันให้ผิวหนัง หรอื ใครที่มี
แผลอกั เสบ "ขมน้ิ ชนั " กม็ สี รรพคุณช่วยใหแ้ ผลหายเร็วข้นึ เพราะมฤี ทธไิ์ ปลดการอักเสบ ฆา่ เชื้อ

12

แบคทีเรยี ท่ที ำใหเ้ กิดหนอง และหากรับประทานขมิ้นชนั ทุกวนั ตามเวลาจะช่วยใหค้ วามจำดีขึ้น
ไมอ่ อ่ นเพลียยามต่ืนนอน และช่วยให้ระบบขบั ถา่ ยดีขึ้น

ภาพท่ี 2 ขมนิ้ ชนั
(20 สมนุ ไพรไทย, 2564 : ออนไลน์)
3) ทองพนั ชงั่ เป็นสมุนไพรทม่ี ีคณุ ค่าไม่ต่างไปจากช่ือ "ทองพนั ชง่ั " หลายพนื้ ทอ่ี าจเรยี กว่า "ทองคนั
ชง่ั " หรือ "หญ้ามันไก"่ เปน็ ไม้พมุ่ ขนาดเล็ก ออกดอกสีขาว ส่วนทีใ่ ชท้ ำยาคอื ใบและราก ท่ีหาก
นำปรมิ าณ 1 กำมอื มาตม้ รบั ประทานเช้าเย็น จะช่วยดบั พิษไข้ รกั ษาโรคผวิ หนงั รดิ สดี วงทวาร
หนัก แกไ้ อเป็นเลอื ด ฆ่าพยาธิ นอกจากนน้ั ยงั สามารถนำใบและรากมาตำละเอียด เพ่อื รกั ษาโรค
กลาก เกลอ้ื น
นอกจากสรรพคณุ ข้างตน้ แล้ว มกี ารศึกษาวิจยั เพ่ิมเตมิ พบว่า "ทองพนั ช่งั " มีฤทธิย์ ับยัง้
มะเร็งเย่อื บุช่องปาก มะเรง็ เตา้ นม และมะเรง็ มดลกู ได้ รวมท้ังช่วยขับปสั สาวะ ลดความดันโลหิต
สูง แก้ผมรว่ ง รกั ษาโรคนว่ิ ฯลฯ แตข่ ้อควรระวังคือ ผู้ท่ีเป็นโรคโลหติ จาง โรคหวั ใจ โรคหดื โรค
ความดันโลหิตตำ่ โรคมะเร็งในเม็ดเลอื ด ไมค่ วรรบั ประทาน

13

ภาพที่ 3 ทองพนั ช่งั
(20 สมุนไพรไทย, 2564 : ออนไลน์)
4) กะเพรา สรรพคณุ ท่เี ดน่ ชัด คอื ใบกะเพรา มีฤทธิข์ บั ลม ช่วยแกจ้ ดุ เสียด แนน่ ท้อง แก้ปวดท้อง
อุจจาระ ส่วนน้ำสกดั ทั้งต้น สามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหาร สำหรับเมล็ดกะเพรา ก็
สามารถพอกตาใหผ้ งหรือฝ่นุ ที่เข้าตาหลุดออกมาได้อย่างงา่ ยดาย นอกจากนนั้ แล้ว รากกะเพรา
แหง้ ๆ ยังนำมาชงกับน้ำร้อนดืม่ แก้โรคธาตพุ ิการได้
สรรพคุณของกะเพราอกี ประการก็คือ ช่วยขบั ไขมันและน้ำตาล และกะเพรา สามารถ
ชว่ ยขับนำ้ ดใี นตับออกมาให้ชว่ ยยอ่ ยไขมันไดด้ ขี ้ึนด้วย

ภาพท่ี 4 กะเพรา
(20 สมุนไพรไทย, 2564 : ออนไลน์)

14

5) กระชายดำ มสี รรพคุณบำรงุ หวั ใจ บำรงุ กำลัง เปน็ ยาเจริญอาหาร และบำรุงธาตุ แกห้ ัวใจสั่นหววิ
แกล้ มวงิ เวยี นแน่นหน้าอก แผลในปาก ชว่ ยใหโ้ ลหิตหมุนเวียนดขี นึ้ ผิวพรรณผอ่ งใส ขบั ปัสสาวะ
แกโ้ รคกระเพาะ ฯลฯ

ภาพที่ 5 กระชายดำ
(20 สมุนไพรไทย, 2564 : ออนไลน์)
6) ว่านชกั มดลกู เหง้าของวา่ นชักมดลูกมีสรรพคุณชว่ ยขบั ประจำเดือนในสตรที ป่ี ระจำเดือน มาไม่
ปกติ สว่ นผหู้ ญิงทเ่ี พิง่ คลอดบุตร วา่ นชกั มดลกู ก็จะชว่ ยบีบมดลกู ใหเ้ ข้าอเู่ ร็วขนึ้ ขบั นำ้ คาวปลา
และรักษาโรคมดลูกพิการปวดบวมได้
นอกจากนัน้ ว่านชกั มดลูก ยังแกร้ ิดสีดวงทวาร แกไ้ สเ้ ลื่อน แก้โรคลม รักษาอาการ
อาหารไม่ย่อย ขณะทร่ี ากของว่านชกั มดลกู สามารถใช้แก้ท้องอืดเฟ้อได้อีกด้วย

ภาพท่ี 6 วา่ นชักมดลูก
(20 สมนุ ไพรไทย, 2564 : ออนไลน์)

15

7) กระเจ๊ียบ ใบกระเจ๊ยี บแดงยังแก้โรคพยาธิตวั จ๊ีด แก้ไอ ละลายเสมหะ ส่วนดอกใช้แกโ้ รคนิว่ ในไต
นว่ิ ในกระเพาะปสั สาวะ ขดั เบา ละลายไขมนั ในเสน้ เลือด
สรรพคุณมากเปน็ พิเศษก็คือ สว่ นกลีบเล้ยี งของดอก หรอื กลบี ท่ีเหลอื อยู่ทผ่ี ล สามารถ
ชว่ ยลดไขมนั ในเสน้ เลอื ด ลดนำ้ หนัก ลดความดนั โลหิต นำไปทำเป็นน้ำกระเจ๊ียบด่ืมช่วยให้
ร่างกายสดช่นื ลดความเหนยี วขน้ ของเลอื ด ขับปสั สาวะ ปอ้ งกนั ตอ่ มลูกหมากโตให้คุณผู้ชายได้
ด้วย และมกี ารศกึ ษาทางวิทยาศาสตร์พบว่า หากรบั ประทานกระเจย๊ี บแดงต่อเนื่อง 1 เดอื น จะ
ทำใหร้ ะดับน้ำตาลในเลอื ดลดลง ระดบั ไขมันในเลือด ทั้งคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ไขมนั เลว
(LDL) ลดลง และยงั เพม่ิ ไขมันชนิดดีคอื HDL ไดด้ ว้ ย

ภาพที่ 7 กระเจ๊ียบแดง
(20 สมนุ ไพรไทย, 2564 : ออนไลน์)

8) มะขามป้อม เป็นไมย้ ืนต้นขนาดเลก็ - กลางที่จัดเปน็ ยาอายวุ ฒั นะ เพราะมีสรรพคุณเพยี บในแทบ
ทุกสว่ นของตน้ แต่ท่รี ู้จักกันดกี ็คอื ผลของมะขามปอ้ มจะมีรสเปรย้ี วมาก ๆ แตก่ ็ชุ่มคอ และให้
วิตามนิ ซสี ูงมากเชน่ กนั ดังน้นั จงึ มคี นนำผลมะขามป้อมสดมาใชเ้ ปน็ ยาแก้หวัด แก้ไอ ละลาย
เสมหะ รกั ษาโรคเลอื ดออกตามไรฟัน

16

นอกจากนั้นแลว้ ส่วน "ราก" ยังแกพ้ ิษตะขาบกัด แก้รอ้ นใน ลดความดนั โลหิต แก้โรค
เร้อื น ส่วนเปลอื ก แกโ้ รคบดิ และฟกชำ้ ส่วนปมกา้ น ใชเ้ ปน็ นำ้ ยาบว้ นปาก แกป้ วดฟัน "ผลแห้ง"
ใช้รักษาอาการทอ้ งเสยี ง หนองใน เยอ่ื บุตาอกั เสบ แก้ตกเลอื ด และส่วน "เมล็ด" ก็สามารถนำไป
เผาไฟผสมกับน้ำมันพืช ทาแก้คัน แก้หืด หรือจะตำเมล็ดให้เป็นผง ชงกับน้ำร้อนดื่มแก้
โรคเบาหวาน หอบหืด หลอดลมอกั เสบกไ็ ด้

ภาพที่ 8 มะขามปอ้ ม
(20 สมนุ ไพรไทย, 2564 : ออนไลน์)

9) ฟา้ ทะลายโจร สรรพคุณเด่น ๆ คอื ใช้เป็นยาแกไ้ ข้ แก้ไข้หวดั ใหญ่ แก้ร้อนใน เพราะมีฤทธิ์ช่วย
สรา้ งภูมคิ ุ้มกนั ให้แกร่ ่างกาย หากรับประทานบอ่ ย ๆ จะชว่ ยปอ้ งกันไมใ่ หเ้ ปน็ หวัดง่าย นอกจาก
เร่อื งหวัดแลว้ ฟ้าทะลายโจรยังระงับอาการอักเสบ ต่อมทอนซลิ อักเสบ ขับเสมหะ รักษาอาการ
ท้องเสีย ลำไสอ้ กั เสบ รกั ษาโรคตับ เบาหวาน โรคงสู วัด รดิ สดี วงทวาร และรสขมของฟา้ ทะลาย
โจรยังช่วยใหเ้ จรญิ อาหารข้นึ
ข้อควรระวัง ก็คือ คนท่ีมอี าการเจบ็ คอเนอ่ื งจากติดเชื้อ Streptococcus group A, ผู้ที่
เป็นโรคหวั ใจรหู ์มาติค, มีอาการเจบ็ คอ เนือ่ งจากมีการตดิ เชื้อแบคทีเรีย, เปน็ ความดนั ตำ่ และ
สตรมี คี รรภ์ ไมค่ วรทานฟ้าทะลายโจร และหากใครทานแลว้ เกดิ ปวดทอ้ ง ปวดเอว วิงเวยี นศรี ษะ
ใจส่นั ควรหยดุ ใช้ฟา้ ทะลายโจร

17

นอกจากน้ันแลว้ ยงั ไมค่ วรรบั ประทานต่อเน่ืองนานเกินไป เพราะอาจทำให้แขนขา มี
อาการชา หรอื ออ่ นแรงได้

ภาพที่ 9 ฟ้าทะลายโจร
(20 สมุนไพรไทย, 2564 : ออนไลน์)

10) ย่านาง เป็นสมุนไพรรสจืด เป็นยาเย็น มีฤทธิ์ดับพิษร้อน คนจึงนำใบย่านางไปค้ันเปน็ น้ำ
คลอโรฟลิ ล์ เพือ่ เพิม่ ความสดช่นื ปรับอุณหภูมใิ นร่างกาย และยังนำใบย่านางไปช่วยดับพษิ ไข้ ดบั
พิษของอาหาร แก้อาการผิดสำแดง แก้พิษเมา แก้เลือดตก แก้กำเดา ลดความร้อนได้ด้วย
นอกจากใบแลว้ สว่ นอ่นื ๆ ของยา่ นางกม็ ปี ระโยชน์เช่นกนั ทง้ั "ราก" ที่ใชแ้ ก้ไขพ้ ษิ ไข้หัด ไข้
ฝีดาษ ไข้กาฬ ไข้ทบั ระดู "เถาย่านาง" ใช้แกไ้ ข ลดความรอ้ นในรา่ งกาย

ภาพท่ี 10 ยา่ นาง
(20 สมุนไพรไทย, 2564 : ออนไลน์)

18

11) มะรมุ รากของมะรมุ จะชว่ ยบำรุงไฟธาตุ แก้อาการบวม "เปลือก" ใชป้ ระคบแก้โรคปวดหลัง ปวด
ขอ้ รบั ประทานเป็นยาขบั ลมในลำไส้ "กระพ้ี" ใชแ้ กไ้ ขสนั นิบาด "ใบ" มีแคลเซยี ม วิตามนิ ซี และ
สารต้านอนมุ ลู อิสระสูงมาก ใชแ้ ก้เลือดออกตามไรฟนั แกอ้ ักเสบ มีฤทธเิ์ ปน็ ยาระบายอ่อน ๆ
"ดอก" ช่วยบำรงุ รา่ งกาย ขบั ปัสสาวะ ขบั นำ้ ตา ใชต้ ม้ ทำน้ำชาด่ืมช่วยใหน้ อนหลับสบาย "ฝกั " ใช้
แกไ้ ขห้ ัวลม "เมลด็ " นำมาสกดั เป็นนำ้ มนั ใชร้ กั ษาโรคปวดขอ้ โรคเกาท์ รกั ษาโรคผิวหนงั จากเช้ือ
รา และ "เน้อื ในเมล็ดมะรุม" ใช้แกไ้ อได้ดี รวมท้งั ยงั เพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายได้ด้วย หาก
รบั ประทานเป็นประจำ แต่สำหรบั คนทเ่ี ป็นโรคเลือด G6PD ไม่ควรรับประทานมะรมุ

ภาพที่ 11 มะรุม
(20 สมุนไพรไทย, 2564 : ออนไลน์)

12) ชมุ เหด็ เทศ เป็นอีกหนงึ่ สมนุ ไพรทม่ี สี รรพคุณทางยามาก โดยชมุ เห็ดเทศท้งั ต้น มีฤทธิ์ขบั พยาธิใน
ลำไส้ รกั ษาซาง โรคผวิ หนัง ถ่ายเสมหะ รักษาอาการฟกชำ้ บวม รกั ษารดิ สีดวง ดซี า่ น และฝี สว่ น
ลำต้น จะใชเ้ ปน็ ยารกั ษาคดุ ทะราด กลากเกลือ้ น ช่วยขับพยาธิ ขบั ปสั สาวะ รักษาอาการท้องผูก
นอกจากต้นแลว้ ใบชุมเห็ดเทศกไ็ ด้รับความนิยมในคนท่ีมอี าการทอ้ งผูกเชน่ กนั เพราะ
สามารถนำใบซ่งึ มีฤทธ์ิเปน็ ยาระบายออ่ น ๆ ไปตม้ นำ้ กินได้ หรอื จะใช้อมบว้ นปา กก็ได้เช่นกัน
อยา่ งไรก็ตาม ไม่ควรใช้ตดิ ต่อกนั เปน็ เวลานาน เพราะจะทำให้ท้องเสีย ซง่ึ สง่ ผลให้มกี ารสูญเสีย
น้ำและเกลือแรม่ ากโดยเฉพาะโพแทสเซียม รวมท้งั อาจทำใหด้ อ้ื ยาได้

19

ภาพท่ี 12 ชมุ เหด็ เทศ
(20 สมนุ ไพรไทย, 2564 : ออนไลน์)
13) บอระเพ็ด "ราก" สามารถนำไปดับพิษรอ้ น แก้ไข้พษิ ไขจ้ ับสั่น ชว่ ยให้เจรญิ อาหาร "ตน้ " กช็ ่วยแก้
ไข้ได้เชน่ กัน และยังชว่ ยบำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แกร้ อ้ นใน แกส้ ะอึก แกเ้ ลือดพกิ าร ส่วน "ใบ"
นอกจากจะชว่ ยแกไ้ ข้ได้เหมอื นสว่ นอน่ื ๆ แลว้ ยงั ชว่ ยแกโ้ ลหติ คั่งในสมอง ขบั พยาธิ แก้ปวดฝี
ชว่ ยลดความรอ้ น ทำใหผ้ วิ พรรณผอ่ งใส รกั ษาโรคผิวหนงั ผดผน่ื คนั ตามร่างกาย
ดอกของบอระเพด็ จะช่วยฆ่าพยาธิในทอ้ ง ในฟัน ในหู “ผล” ใช้แกเ้ สมหะเปน็ พิษ แก้
สะอกึ ได้ดี แตถ่ ้านำทั้ง 5 ส่วน คอื ราก ต้น ใบ ดอก ผล มารวมกัน จะสามารถแก้อา กา รได้
สารพัดโรค รวมทงั้ โรคริดสดี วงทวาร ฝใี นมดลกู เบาหวาน ฯลฯ

ภาพที่ 13 บอระเพ็ด
(ประพันธ์ สุขทะใจ, 2564 : 1)

20

14) เสลดพังพอน มี 2 ชนิด คือ “เสลดพังพอนตวั ผู้” และ “เสลดพงั พอนตวั เมีย” ซึง่ ทง้ั สองชนิดมี
สรรพคณุ เดน่ ๆ คือ ใชถ้ อนพิษ แต่ “เสลดพงั พอนตัวผู้” จะมีฤทธ์อิ อ่ นกวา่ และส่วนใบจะมีรส
ขมกวา่
“เสลดพงั พอนตัวผู้ “ราก” ชว่ ยแกต้ าเหลือง ตวั เหลือง กนิ ขา้ วไมไ่ ด้ ถอนพษิ งู แมลง
สตั ว์กดั ตอ่ ย แกป้ วดฟัน สว่ น “ใบ” กช็ ว่ ยถอนพษิ แมลงสัตวก์ ัดตอ่ ย และยงั แกป้ วดแผล แผลจาก
ของมคี มบาด แกโ้ รคฝี โรคคางทมู ไฟลามทุ่ง งสู วัด เรมิ ฝดี าษ แกฟ้ กชำ้ นำ้ รอ้ นลวก ยุงกัด แก้
ปวดฟัน เหงอื กบวม
ส่วน “เสลดพังพอนตวั เมีย” จะนำรากมาปรงุ เป็นยาขับปัสสาวะ ขบั ประจำเดือน แก้
ปวดเมื่อยที่เอว สว่ น “ใบ” ซ่งึ มรี สจดื จะนำมาสกัดทำเป็นยาใชร้ กั ษาแผลผิวหนังชนิดเริม แผล
ร้อนในในปาก แผลน้ำรอ้ นลวกได้ นอกจากนัน้ สว่ นทัง้ 5 คอื ราก ต้น ใบ ดอก ผล สามารถใช้
ถอนพษิ ต่าง ๆ ไดด้ ี ท้งั พษิ แมลงสตั วก์ ัดตอ่ ย ตะขาบ แมลงป่อง รกั ษาอาการอกั เสบ งสู วัด ลมพิษ
แผลนำ้ ร้อนลวก

ภาพท่ี 14 เสลดพังพอนตัวเมียและเสลดพงั พอนตัวผู้
(20 สมุนไพรไทย, 2564 : ออนไลน์)

15) มะแวง้ มสี รรพคณุ คือ ใช้เปน็ ยาแก้ไอ ขบั เสมหะ เราจึงมักเหน็ มะแว้งถูกนำมาผสมเป็น ยาอม
ชว่ ยแกไ้ อ ซ่งึ ตามตำรับยาแก้ไอแลว้ สามารถใช้ได้ทัง้ ราก ใบ ผล นอกจากนน้ั ยังชว่ ยลดนำ้ ลาย
เหนียว บำรุงธาตุ รกั ษาวณั โรค แกค้ อแห้ง ขบั ปสั สาวะ รักษาโรคทางไตและกระเพาะปัสสาวะ
แกโ้ ลหิตออกทางทวารหนกั และแกโ้ รคหอบหดื

21

นอกจากนัน้ ลกู มะแวง้ เครือสามารถนำไปปรงุ อาหาร ทานเป็นผกั ได้ สว่ นลกู มะแว้งต้นก็
ใช้ปรงุ อาหารได้เชน่ กนั แตค่ นนยิ มนอ้ ยกว่าลูกมะแวง้ เครือ

ภาพที่ 15 มะแวง้
(20 สมนุ ไพรไทย, 2564 : ออนไลน์
16) รางจดื สว่ นใบและรากของรางจืดสามารถปรุงเปน็ ยาถอนพิษยาฆ่าแมลงได้ มีประโยชนใ์ นเวลาที่
หากใครเกิดเผลอทานยาฆา่ แมลง ยาพิษ หรือยาเบือ่ เขา้ ไปโดยไม่ได้ต้ังใจ รางจืด จะช่วยใน
การบรรเทาพิษเบือ้ งตน้
นอกจากนัน้ แลว้ รางจืด ยังสามารถปรงุ เปน็ ยาถอนพิษไข้ พิษแอลกอฮอล์ พษิ สำแดง
บรรเทาอาการเมาค้าง บรรเทาอาการผน่ื แพ้ เปน็ ยาแก้รอ้ นใน กระหายน้ำได้

ภาพที่ 16 รางจืด
(20 สมนุ ไพรไทย, 2564 : ออนไลน์)

22

17) กระวาน เปน็ สมุนไพรไทยท่มี ีชอ่ื เสียงมากในตา่ งประเทศ มักพบขึ้นอยูต่ ามปา่ ที่มีความชนื้ สูง เช่น
ป่าแถบเขาสอยดาว จงั หวดั จันทบรุ ี รวมทั้งแถบจงั หวัดตราด จังหวัดประจวบครี ีขนั ธ์ มีสรรพคุณ
หลัก ๆ คอื ใชเ้ ปน็ ยาขบั ลม บำรงุ ธาตุ แก้ทอ้ งอดื ท้องเฟ้อ ผสมในยาถ่ายเปน็ ใชช้ ว่ ยถ่ายท้องได้
นอกจากนน้ั "ราก" ยงั ช่วยฟอกโลหิต แก้ลม รกั ษาโรครำมะนาด "เมลด็ " ชว่ ยบำรงุ ธาตุ
แก้ธาตพุ ิการ "เหงา้ อ่อน" ใชร้ บั ประทานเป็นผกั "หวั และหนอ่ " ช่วยขบั พยาธใิ นเน้ือให้ออกทา ง
ผวิ หนงั "แกน่ " ใช้ขับพษิ รา้ น รกั ษาโรคโลหิตเป็นพิษ "กระพี้" รักษาโรคผิวหนัง บำรุงโลหติ สว่ น
"ใบ" ใช้แก้ลมสันนบิ าต ขับเสมหะ แกไ้ ข้เซอ่ื งซึม แก้จุกเสยี ด บำรุงกำลงั "ผลแก่" มีรสเผ็ดร้อน
และมกี ล่ินหอมคลา้ ยการบูร มฤี ทธข์ิ บั ลม ยบั ยั้งการเจรญิ ของเช้อื แบคทีเรียบางชนดิ

ภาพที่ 17 กระวาน
(20 สมุนไพรไทย, 2564 : ออนไลน์)

18) กานพลู เปน็ สมุนไพรท่ชี ่วยรักษาอาการปวดฟนั ไดเ้ ปน็ อย่างดี โดยตามตำรบั ยา ให้นำดอกท่ตี ูมไป
แชเ่ หลา้ ขาว แล้วเอาสำลไี ปชบุ น้ำมาอุดรูฟัน จะช่วยบรรเทาอาการปวดฟนั ได้ เพราะนำ้ มันหอม
ระเหยในกานพลูมฤี ทธิเ์ ปน็ ยาชาเฉพาะที่ หรอื จะเคย้ี วท้งั ดอกแลว้ อมไว้ตรงบรเิ วณท่ีปวดฟันก็ได้
นอกจากนน้ั ยังนำไปผสมน้ำเปน็ น้ำยาบ้วนปาก ช่วยลดกลนิ่ ปาก แกเ้ ลือดออกตามไรฟัน แก้
รำมะนาด
กานพลูยงั มฤี ทธ์ลิ ดการบบี ตัวของลำไส้ ฉะนนั้ ใครที่มีอาการปวดท้อง กานพลู ก็ช่วยลด
อาการปวดทอ้ ง ขับลม ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ จุกเสยี ดจากการยอ่ ยอาหารได้ เพราะจะไป
ช่วยขับน้ำดีมายอ่ ยไขมันได้มากข้ึน แถมยังกระตุ้นการหล่ังเมือก และลดภาวะกรดเกินใน
กระเพาะอาหาร

23

ภาพท่ี 18 กานพูล
(20 สมุนไพรไทย, 2564 : ออนไลน์)
19) หญ้าหนวดแมว เป็นไมล้ ้มลกุ ขนาดเลก็ ทีม่ ีสรรพคณุ ไมน่ ้อย โดย "ราก" สามารถใช้ขบั ปสั สาวะได้
"ใบ" ใช้รกั ษาโรคไต ช่วยขบั กรดยรู ิกออกจากไต รักษาโรคเบาหวาน อาการปวดหลงั ไขข้อ
อักเสบ ลดความดนั โลหิต "ตน้ " ก็ใช้แก้โรคไต ขับปสั สาวะไดเ้ ชน่ กนั และยงั ช่วยรกั ษาโรคนวิ่ โรค
เยื่อจมกู อกั เสบได้ โดยนำต้นสด หรือตน้ แหง้ หรอื ใบออ่ น หรือใบตากแหง้ ไปชงกบั นำ้ 1 แกว้
ดื่มวนั ละ 3 ครง้ั ก่อนอาหาร ห้ามนำไปตม้ และไม่ควรใช้ใบแก่ หรือใบสด เพราะมฤี ทธ์ิกดหัวใจ
ทำใหใ้ จสั่นและคลน่ื ไสไ้ ด้

ภาพท่ี 19 หญา้ หนวดแมว
(20 สมุนไพรไทย, 2564 : ออนไลน์)

24

20) บวั บก เมอ่ื ด่มื เข้าไปแล้วช่วยแกร้ อ้ นใน แก้ช้ำใน ลดการกระหายน้ำได้ ซ่งึ นอกจากใบบวั บกจะ
นำมาคั้นน้ำดื่มได้แลว้ ยังสามารถนำไปทาแผล ชว่ ยบรรเทาอาการฟกช้ำของแผลไดด้ ว้ ย เพราะ
ในใบมกี รดมาดีคาสสิค (madecassic acid) และกรดเอเซียตกิ (asiatic acid) ทมี่ ีฤทธ์สิ มาน
แผน ไมว่ า่ จะเป็นแผลสด แผลเรอื้ รงั แผลไฟไหม้ น้ำรอ้ นลวก หรอื แผลหลงั ผ่าตดั ใบบัวบกจะ
ชว่ ยการอกั เสบและทำให้แผลหายเรว็ ขึ้น
นอกจากนน้ั ใบบัวบกยงั ช่วยฆ่าเช้อื แบคทีเรียทีเ่ ป็นสาเหตทุ ำให้เกิดเช้ือเป็นหนองในได้
วิธีการใช้กง็ า่ ย ๆ นำใบบวั บกสดทัง้ ตน้ 1 กำมือ ลา้ งนำ้ ใหส้ ะอาด แลว้ ตำให้ละเอยี ด เอานำ้ มาทา
บรเิ วณท่เี ปน็ แผลเป็นบ่อย ๆ ใชก้ ากพอกดว้ ยก็ได้ จะช่วยลดอาการอกั เสบและทำใหแ้ ผลหายเรว็
ขนึ้

ภาพท่ี 20 ใบบัวบก
(20 สมนุ ไพรไทย, 2564 : ออนไลน์)

2.3 การปรงุ ยาของสมนุ ไพร (การปรุงยาสมุนไพร, 2553 : ออนไลน์)

1. ยาชง สมุนไพรทมี่ กี ล่นิ หอมมักใชใ้ นรูปชาสมนุ ไพรซึ่งนอกจากจะแก้กร ะหายได้
แล้ว การใช้ด่มื ประจำชว่ ยบำบัดอาการโรคบางชนิดได้ เช่น ชาของผลมะตมู อ่อนมีกล่ินหอมชวนด่ืม ใช้แก้
ท้องเสียเปน็ ประจำได้ดว้ ย ชามะขามแขกใช้เป็นยาระบายอ่อนๆ เปน็ ตน้ พชื ท่นี ำมาใชใ้ นรูปยาชงจะต้อง
ไม่มีสารทอี่ อกฤทธิ์รุนแรงต่อรา่ งกาย สามารถด่ืมได้บ่อยๆ โดยไม่จำกดั ขนาดใช้ สมุนไพรประเภทนำ มา
แตง่ กลน่ิ อาหาร เช่น ขิง สะระแหน่ เมล็ด ผักชี ผวิ สม้ ฯลฯ จงึ ใชท้ ำชาได้ดี ชาสมนุ ไพรทีมีคุณภา พดีมี
วธิ ีการปรุง ดังน้ี

25

พืชแห้งบดเปน็ ผงหยาบ 1 ชอ้ นชา (พชื สดใชข้ นาดสองเทา่ ทุบใหช้ ้ำกอ่ น) ต่อน้ำ
เดือด 1 ถว้ ยชา ถา้ ต้องการรสออ่ นใหเ้ ติมน้ำมากขึ้น ถา้ เปน็ เมลด็ ทบุ ให้แตกใช้ 1 ชอ้ นโต๊ะต่อน้ำ 3-4 ถว้ ย
ชา กอ่ นชงใหอ้ นุ่ ภาชนะ(กา) ภาชนะที่ใช้ควรเปน็ กระเบ้อื งเคลือบ หรือแก้ว เตมิ สมุนไพรลงไปแลว้ รนิ น้ำท่ี
กำลังเดอื ดตามลงไปในอตั ราส่วนที่กลา่ วมาแล้ว ปิดฝาท้ิงไว้ 10-15 นาที แล้วจึงรนิ ด่ืมขณะร้อน ไม่ควร
แชน่ านเกินไป เพราะจะทำให้ได้สารอ่ืนที่มีฤทธไ์ิ ม่พึงประสงค์ละลายออกมา นอกจากว่าจะต้องการ
เช่นน้นั เช่น ชาจนี ถา้ ชงแชน่ ำ้ นานเกนิ ไปจะทำให้ทอ้ งผูก ดังนั้นถ้าต้องการแก้ทอ้ งเสียควรใชเ้ วลาต้มชา
ให้นาน นอกจากนี้ควรใช้ชาสมนุ ไพรทช่ี งขึ้นสดใหม่ ไม่ใช้กากสมุนไพรหรือนำ้ ชาข้ามวนั เพราะ ชาทีไ่ ดจ้ ะ
บดู เสยี

2. ยาตม้ เหมาะกบั สมุนไพรท่ีมีลกั ษณะแข็ง เช่น ราก เปลือกราก เปลือกต้น กิ่ง
เมลด็ เปลอื กแขง็ ฯลฯ ตอ้ งใชเ้ วลาตม้ นานและใช้ความรอ้ นสูงจงึ จะสกัดสารในพชื ออกมาได้ ภาชนะท่ีต้ม
ใหใ้ ช้หมอ้ ดินหรือหม้อเคลอื บ หา้ มใช้หมอ้ อลูมิเนยี มหรือโลหะ (เช่นเดยี วกันกบั ยาชง) เทคนิคในการ
เตรยี มยาตม้ ได้แก่

1. ใสน่ ้ำให้ท่วมยา ใชไ้ ฟไม่แรงเกินไป ควรตม้ ให้เดือดอยา่ งนอ้ ย 15 นาที ยกเว้นทบ่ี ่ง
เปน็ กรณพี เิ ศษ

2. คอยดูอยา่ ใหน้ ้ำงวดจนไหม้

3. ปกติยาหมอ้ หนึ่งต้มได้ 3 ครั้งกนิ ภายในหนึง่ วันแล้วทิ้งไป ไม่ใช้ยาตม้ ขา้ มวนั
ยกเวน้ ในตำรับยาทม่ี ีการระบุเป็นกรณีพเิ ศษ

*หา้ มใช้ภาชนะท่เี ป็นโลหะ เพราะในพชื ทม่ี ฤี ทธิ์ฝาดสมานพวกแทนนิน (Tannin) จะ
ทำปฏิกริยากับเกลอื โลหะให้สารท่ีเป็นอนั ตราย

3. ยาดองเหลา้ เป็นวธิ ีทเ่ี หมาะสำหรบั ใชส้ กัดตวั ยาที่ละลายนำ้ ยาก แต่มขี ้อห้ามใช้
ยาดองเหลา้ กับอาการปว่ ยบางชนิด เช่น โรคหัวใจ ความดนั โลหิตสงู หญงิ มีครรภ์ นอกจากน้อี าจทำใหต้ ิด
ยาและเหลา้ ได้ ตอ้ งระวังในการใช้

วิธีการทำยาดองสมนุ ไพรอย่างงา่ ย คอื ใช้เหล้าจำนวน 480 ซีซ.ี (เป็นเหล้าท่ีมีขายใน
ทอ้ งตลาด ยห่ี ้อใดกไ็ ด้ ยกเวน้ หา้ มใชเ้ หลา้ หรอื แอลกอฮอลช์ นิดที่ใชจ้ ดุ ตะเกียง เพราะเมือ่ กนิ จะทำให้ตา

26

บอดได)้ ต่อสมนุ ไพรทบ่ี ดหรือหั่นแล้วหนัก 30-120 กรัม แชท่ ิง้ ไว้ 2 สัปดาห์ นำมากรอง (จะได้ยาสกัด
หรือ ยาดองเหล้าขนั้ ตน้ ) ใสข่ วดปดิ จกุ ใหแ้ นน่ ติดฉลากกำกับไว้ ขาดองชนดิ เข้มขน้ ใหน้ ำเอายาสกัดขนั้ ต้น
มาแช่สมุนไพรชุดใหม่ในขนาดเทา่ เดิม แชท่ ิ้งไว้อกี สองสปั ดาห์ กรองเก็บใส่ขวด หรอื กรองเหล้าผ่าน
สมุนไพรในกระบอกแกว้ หลายๆ ครั้ง ยาดองชนดิ เจอื จาง โดยนำยาดองเหลา้ ขน้ั ตน้ มาเติมนำ้ ในอตั ราส่วน
1 : 10 แล้วให้เตมิ กลีเซอรีน (glycerine) 1 ช้อนชาต่อเหลา้ 480 ซซี .ี เพอ่ื ช่วยทำให้สารละลายใส

4. ข้ีผึง้ สมุนไพร เหมาะสำหรับตวั ยาในสมุนไพรบางชนิดทีไ่ ม่ละลายน้ำ แต่ละลายได้
ในนำ้ มันหรอื เหลา้ เชน่ แคปซายซิน หรอื นำ้ มนั หอมระเหยท่ีไดจ้ ากพืชตา่ งๆ การเตรยี มข้ีผง้ึ สมนุ ไพร มี
สองขนั้ ตอนคอื ขน้ั ตอนการเตรียมขี้ผ้งึ และขั้นตอนการเตรยี มยาสมนุ ไพร

ข้นั ตอนการเตรยี มขี้ผ้ึง ใชข้ ้ีผ้ึง(Beeswax) ผสมกบั น้ำมนั พืชในอัตราส่วน 1 : 4 (ถ้า
ต้องการให้เนือ้ ข้ผี งึ้ แข็ง ใหเ้ ติมปริมาณข้ผี ง้ึ ให้มากขน้ึ ) นำมาอุ่นบนหม้ออังไอนำ้ คนใหเ้ ขา้ กัน แล้วยกลง
ท้ิงไว้สกั ครู่ หรืออาจใช้วาสลนี เป็นเน้อื ข้ผี ึง้ ก็ได้ หาไดง้ ่ายราคาถูก

ขนั้ ตอนการเตรยี มยาสมนุ ไพร มีหลายวิธีขึน้ อยกู่ ับชนิดของตวั ยา จำพวกน้ำมนั หอม
ระเหยให้ใชส้ มุนไพรมากลนั่ โดยตรง พวกทกี่ ลน่ั ไม่ได้ ใหใ้ ช้เหลา้ สกัด(ตามวิธีทีก่ ลา่ วแล้ว) นำมาระเหยให้
ตัวยาเข้มข้นขนึ้ หรือใช้น้ำมนั สกัด โดยแบง่ น้ำมันพชื จากอัตราส่วนท่ีใช้ทำขผี้ ง้ึ น้ันมาอนุ่ กบั สมุน ไพร ก่อน
ประมาณ 2 ชว่ั โมง แล้วกรองเอาแต่น้ำมนั ไว้คำนวณปรมิ าณของทง้ั สองส่วน เพือ่ ใหไ้ ด้ขผี้ ึง้ ท่มี ีตัวยาตา มที่
ตอ้ งการ แล้วนำมาผสมเข้าด้วยกัน เทคนคิ ในการผสม ใหแ้ บง่ จำนวนข้ผี ึ้งหรือวาสลีน ให้ใกล้เคียงกับ
ปรมิ าณตัวยา แลว้ ผสมให้เข้ากัน แบ่งขี้ผึ้งท่ีเหลือนนั้ มาอีกครัง้ ใหใ้ กล้เคียงกับจำนวนทผ่ี สมอยู่ ผสมให้เข้า
กนั อีก ทำเช่นนจ้ี นเน้ือข้ผี ึง้ ทค่ี ำนวณไว้หมด จะไดข้ ผ้ี ึง้ ท่ีมเี นอื้ เดียวกนั

5. ยาพอกสมุนไพร การทำยาพอกดว้ ยวิธีการทีง่ ่ายทสี่ ุด คอื การตำ หรอื ตัด หรือบด
สมุนไพรสดๆ ให้ละเอยี ดเพื่อใหน้ ้ำสมุนไพรออกมา นำมาปิดพอกบรเิ วณท่ีเป็น วิธกี ารเช่นน้เี หมาะสำหรับ
สมุนไพรท่ีไมม่ ีฤทธ์ิระคายเคืองหรือกัดผิวหนังรุนแรง ส่วนพวกทีร่ ะคายเคืองมากๆ เชน่ พริก จะทำให้
ผวิ หนงั ไหม้บวมแดงได้ อาจแก้ไขโดยใช้ผา้ หอ่ เสียช้ันหนง่ึ ก่อน หรอื ใช้นวดผสมกับแปง้ หม(ี่ อตั ราส่วนการ
ผสมขนึ้ อยูก่ บั ความแรงของยาท่ีตอ้ งการ)

27

2.4 การเก็บสมนุ ไพรเพ่ือใชป้ รงุ ยา (หลกั การท่ัวไปในการเก็บสมนุ ไพร, 2556)

ภาพท่ี 21 การเก็บสมนุ ไพรเพื่อใชป้ รงุ ยา
(ไทยเกษตรศาสตร์, 2556 : ออนไลน์)

การเก็บสมนุ ไพรจากพืช ตอ้ งกำหนดเลอื กให้ถูกต้องเหมาะสม เพราะการเจรญิ เตบิ โตของพืชใน
ระยะต่างๆ กัน จะมปี รมิ าณของยาหรอื สารเคมีตา่ งๆ ในพชื มากน้อยต่างกนั เป็นผลใหฤ้ ทธิใ์ นการรักษา
ตา่ งกันไปดว้ ย เพอ่ื ใหก้ ารรักษาเกิดประสิทธภิ าพอย่างเต็มท่ี ต้องคำนงึ ถงึ หลักการเก็บรักษาและเตรียม
สมนุ ไพร ดังนี้

ระยะเวลาหรอื ฤดกู าลทค่ี วรเกบ็ สมุนไพร
1) ท้ังต้น (ไมล้ ้มลกุ ) เกบ็ ในระยะที่พชื เจรญิ เติบโตเต็มที่ มีใบหนาแน่นหรอื ตอนท่ีกำลังออกดอก
2) ใบ ควรเก็บในระยะท่ีพชื เจรญิ เตบิ โตเต็มที่ มใี บหนาแนน่ กอ่ นออกดอก หรอื กำลงั ออกดอก
3) ดอก ควรเก็บในระยะท่ีดอกตมู หรือเริ่มบาน
4) ผลและเมลด็ เกบ็ ในระยะทีผ่ ลแก่เตม็ ท่ีจนสกุ งอม ถา้ เปน็ ผลประเภทฉำ่ นำ้ ควรเกบ็ ในตอนเช้า

หรอื เยน็
5) รากหรอื หัว เก็บตง้ั แต่ตน้ ฤดูหนาวถงึ ปลายฤดูรอ้ น (ต้ังแตเ่ ดอื นตุลาคมถึงเดอื นเมษายน คือ

เก็บในระยะทมี่ ีน้ำน้อย)
6) เปลอื กตน้ หรือเปลือกราก เก็บในฤดูรอ้ นและฤดูฝน

บทท่ี 3

วิธกี ารปรุงยาสมนุ ไพร

ขนุ นเิ ทสสุขกจิ อายุรเวทศึกษา (2553 : 2) ไดก้ ล่าววา่ การปรงุ ยาไทยแบบโบราณ ทางกระทรวง
สาธารณสุข กำหนดใหม้ ี 28 วิธี การพัฒนาการปรุงยาใหเ้ ป็นยาแผนปจั จุบนั หรือยากึ่งสมยั ใหม่ นกั วิจัย
และพัฒนา จำเป็นต้องทราบวธิ ีการปรงุ ยาแบบโบราณเชน่ หากโบราณสกดั ยาโดยใช้การหมกั ดว้ ยสุรา
นานระยะเวลาหน่งึ ซง่ึ อาจเรียกวา่ ยาดองสุรา หมายถึง ตัวยาสามารถละลายในแอลกอฮอลไ์ ด้ แตถ่ ้านำไป
หมกั ดว้ ยนำ้ ตวั ยาอาจจะไม่ละลายออกมากบั นำ้ ที่หมัก เมื่อนำสารสกัดมาใช้ จงึ ไมม่ ีผลใน การ รักษา
ตัวอยา่ ง ตัวยาทส่ี กดั ด้วยแอลกอฮอล์ เชน่ ขิง ข่า ใบพลู และรากทองพันชั่ง สว่ นตัวยาทส่ี กดั ดว้ ยน้ำ เช่น
บอระเพ็ด ชะเอม แตม่ สี มนุ ไพรบางชนิด สามารถสกัดไดด้ ว้ ย ทัง้ สารสกดั ท้ังสองวิธี แต่ส่วนใหญ่การสกัด
ด้วยแอลกอฮอล์ และ นำ้ ทำให้สรรพคณุ สารทส่ี กัดได้ แตกตา่ งกัน เช่น เห็ดหลินจือ เปน็ ต้น การนำมาใช้
จงึ ตอ้ งดูวิธีปรงุ ยาแบบโบราณเปน็ หลกั แต่มพี ชื บางชนิด สามารถสกดั ได้ทั้งสองวิธีและให้สรร พคุณไม่
แตกต่างกัน ทง้ั น้ี การร้จู กั วิธีปรุงยาแบบโบราณ มีความสำคัญในการพัฒนาการสกัดยา ต่อยอดและทำให้
ยาใหม้ รี ูปแบบท่ีทันสมยั หรือศกึ ษาตวั ยาสำคัญในยาน้นั ๆ เรยี กวา่ ศกึ ษาพ้ืนฐานจากการใช้แบบโบราณ
ในบางกรณี นกั วจิ ยั ใชว้ ิธสี กัดยา ท่ีแตกต่างจากวธิ ีปรุงยาทใ่ี ชใ้ นยาไทย กจ็ ะต้องศึกษา ฤทธิ์ให้ชัดเจน
อาจจะแตกตา่ งไปจากการใชแ้ บบโบราณ

การปรงุ ยาตามแบบแผนโบราณ เภสัชกรรม คอื การปรุงยาทผ่ี สมใชต้ ามวธิ ีต่างๆ ตามแผน
โบราณ ซ่ึงมี 28 วิธี ดังตอ่ ไปนี้

1) ยาสบั เป็นชิ้นเปน็ ท่อนใส่ลงในหมอ้ เติมนำ้ ต้มแลว้ รนิ แตน่ ้ำกิน
2) ยาดองแช่ด้วยน้ำท่าหรือนำ้ สุรา แล้วรินแตน่ ้ำกิน
3) ยากัดดว้ ยเหล้าหรอื แอลกอฮอล์ และหยดลงในนำ้ เตมิ นำ้ กนิ
4) ยาเผาเปน็ ดา่ ง เอาด่างมาแชน่ ำ้ ไว้ แลว้ รนิ แตน่ ำ้ กนิ
5) ยากล่ันเอานำ้ เหง่ือ เอาด่างมาแชน่ ้ำไว้ แลว้ รนิ แตน่ ำ้ กนิ
6) ยาหงุ ดว้ ยมนั เอานำ้ มันใส่กลอ่ ง เปา่ บาดแผล และฐานฝี
7) ยาผสมแลว้ ตม้ เอาน้ำบว้ นปาก

29

8) ยาผสมแล้ว ตม้ เอาน้ำอาบ
9) ยาผสมแลว้ ตม้ เอานำ้ แช่
10) ยาผสมแล้ว ตม้ เอาน้ำสระ
11) ยาผสมแลว้ ตม้ เอานำ้ สวน
12) ยาตม้ เป็นผงแล้ว บดใหล้ ะเอียดละลายน้ำกระสายกนิ
13) ยาเผาหรอื คว่ั ให้ไหม้ ตำเป็นยาผงบดให้ละเอียด ละลายน้ำกิน
14) ยาผสมแลว้ ทำเปน็ ผง กวนใหล้ ะเอียดใสก่ ลอ่ งเป่าทางจมกู และคอ
15) ยาผสมแล้วมว้ นเป็นบหุ รี่ หรือยัดกล้องสูบ
16) ยาผสมแล้ว มาเป็นยาธาตุ
17) ยาผสมแลว้ ทำเป็นลกู ประคบ
18) ยาผสมแลว้ ใชเ้ ป็นยาพอก
19) ยาผสมแล้ว บดละเอียดเปน็ ผงแล้วป่นั เป็นเมด็ หรือเมด็ ลูกกลอน กลืนกิน
20) ยาผสมแลว้ บดผงป่นั เป็นแผน่ หรือปนั่ เปน็ แทง่ แล้วใช้เหน็บ
21) ยาผสมแลว้ บดผงผสมตอกอัดเมด็
22) ยาผสมแล้ว บดผงทำเมด็ แล้วเคลือบ
23) ยาผสมแลว้ ทำเปน็ เม็ดแคปซูล (ต้องมีคำวา่ “แผนโบราณ” อยู่บนแคปซูล)
24) ยาผสมแล้ว ห่อผ้าบรรจลุ งในกลกั แล้วเอาไวใ้ ช้ดม
25) ยาผสมแล้ว ใส่กลอ่ งตดิ ไฟใชค้ วันเป่าบาดแผลและฐานฝี
26) ยาผสมแลว้ เผาไฟหรอื โรยบนถา่ นไฟ ใช้ควันรม
27) ยาผสมแล้ว ต้มเอาไอลมหรืออบ
28) ยาผสมแล้ว กวนเป็นยาข้ีผ้งึ ปิดแผล ซ่ึงเรียกวา่ ยากวน
ดงั นัน้ จงึ ไดย้ กตัวอย่างการปรุงยาท่เี ปน็ ทน่ี ิยมมา ดงั น้ี

30

3.1 การต้มสมนุ ไพร
ยาต้ม

ภาพที่ 22 การต้มยา
(ศุภกรานต์ พมุ่ พฤกษ์ , 29 พฤษภาคม 2015 : ออนไลน์)
การเตรียม ปรมิ าณทีใ่ ช้โดยทัว่ ไป คือ 1 กำมือ เอาสมนุ ไพรมาขดมัดรวมกนั เปน็ ทอ่ นกลมยาว
ขนาด 1 ฝา่ มอื กว้างขนาดใชม้ อื กำไดโ้ ดยรอบพอดี ถา้ สมุนไพรนัน้ แข็ง นำมาขดมดั ไมไ่ ด้ใหห้ ัน่ เปน็ ท่อน
ยาว 5-6 น้ิวฟุต กว้าง 1/2 นิ้วฟุต แล้วเอามารวมกันให้ไดข้ นาด 1 กำมอื
การต้ม เทนำ้ ลงไปพอให้น้ำทว่ มยาเลก็ น้อย (ประมาณ 3-4 แกว้ ) ถา้ ปริมาณยาท่ีระบุไว้น้อยมาก
เช่น ใชเ้ พยี ง 1 หยบิ มือ ใหเ้ ทนำ้ ลงไป 1 แก้ว (ประมาร 250 มลิ ลิลิตร) ต้มใหเ้ ดือดนาน 10-30 นาที
แลว้ แตว่ า่ ตอ้ งการใหน้ ำ้ ยาเข้มข้นหรือเจอื จาง ยาตม้ นต้ี ้องกินในขณะท่ยี ายังอนุ่ ๆ
ยาชง

ภาพท่ี 23 ยาชง
(เทคโนโลยชี าวนา , 1ตลุ าคม 2562 : ออนไลน์)
การเตรียม ปกติใช้สมุนไพรแหง้ ชง โดยห่ันตน้ สมนุ ไพรสดให้เปน็ ช้นิ เล็กๆ บางๆ แล้วผ่งึ แดดให้
แห้ง ถา้ ต้องการใหไ้ ม่มีกลน่ิ เหม็นเขียวให้เอาไปคว่ั เสยี กอ่ นจนมกี ล่นิ หอม

31

การชง ใชส้ มุนไพร 1 สว่ น เตมิ น้ำเดือดลงไป 10 สว่ น ปิดฝาตัง้ ท้งิ ไว้ 15-20 นาที
3.2 การดองสมุนไพร
ยาดอง

ภาพท่ี 24 ยาดอง
(มติชน , 27 ตุลาคม 2562 : Online)
การเตรียม ปกตใิ ช้สมนุ ไพรแห้งดอง โดยบดตน้ ไมย้ าใหแ้ ตกพอหยาบๆ หอ่ ด้วยผา้ ขาวบาง หลวม
ๆ เผื่อยาพองตวั เวลาอมนำ้
การดอง เติมเหล้าโรงใหท้ ่วมห่อยา ตัง้ ท้งิ ไว้ 7 วนั
3.3 การป้นั สมนุ ไพร
ยาปนั้ ลูกกลอน

ภาพท่ี 25 ยาลูกกลอน
(สมุนไพรอภัยภูเบศร, 16 กุมพาพันธ์ 2016 : ออนไลน์)
การเตรียม หั่นสมนุ ไพรสดให้เปน็ แวน่ บาง ๆ ผงึ่ แดดใหแ้ หง้ บดเปน็ ผงในขณะทีย่ ายังรอ้ นแดดอยู่
เพราะยาจะกรอบบดไดง้ า่ ย

32

การปั้นยา ใช้ผงยาสมนุ ไพร 2 สว่ นผสมกับนำ้ ผงึ้ หรอื น้ำเช่ือม 1 ส่วน ตงั้ ทิ้งไว้ 2-3 ช่วั โมง เพือ่ ให้
ยาปัน้ ไดง้ า่ ยไม่ตดิ มือ ปั้นยาเป็นลูกกลมๆ เล็กๆ ขนาดเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ 1 เซนตเิ มตร เสรจ็ แลว้
ผึ่งแดดจนแหง้ จากนั้นอกี 2 สปั ดาห์ ให้นำมาผ่งึ แดดซำ้ อีกทเี พ่ือป้องกันไม่ใหเ้ ชือ้ ราขนึ้ ยา

ยาตำคั้นเอานำ้ กนิ

ภาพท่ี 26 ยาตำคัน้ เอาน้ำกิน
( health.kapook.com , 27 สงิ หาคม 2557 : ออนไลน์)
การเตรยี ม นำสมุนไพรสด ๆ มาตำใหล้ ะเอยี ดหรือจนกระท้ังเหลว ถา้ ตวั ยาแห้งไปให้เตมิ นำ้ ลงไป
จนเหลว
การคน้ั ค้นั เอานำ้ ยาจากสมนุ ไพรทต่ี ำไว้นน้ั มารบั ประทาน สมุนไพรท่ตี ำไว้น้นั มารบั ประทาน
สมนุ ไพรบางอย่าง เช่น กระทอื กระชายใหน้ ำไปเผาไฟให้สุกเสียก่อนจึงคอ่ ยตำ

33

ยาพอก

ภาพที่ 27 ยาพอก
( ยาสมนุ ไพรพอกเข่า , 30 พฤษจิกายน 2017 : ออนไลน์ )

การเตรยี ม ใช้สมนุ ไพรสดตำใหแ้ หลกท่ีสุดให้พอเปียกแต่ไมถ่ งึ กบั เหลว ถ้ายาแห้งให้เตมิ นำ้ หรือ
เหล้าโรงลงไป

การพอก เม่อื พอกยาแล้วต้องคอยหยอดน้ำให้ยาเปยี กชื้นอยูเ่ สมอ เปลย่ี นยาวันละ 3 คร้งั
การเชือ่ ม (Syrup)
เปน็ การเตมิ น้ำเชื่อมหรือนำ้ ผึง้ ลงใน ยาชงหรือยาตม้ เพือ่ รักษายาไว้ ใช้ไดน้ าน ๆ เหมาะสำหรับการปรุง
ยาแกไ้ อ เพราะน้ำผง้ึ มสี รรพคณุ บรรเทาอาการไอ และการท่ียามสี ว่ นผสมของนำ้ ผึง้ จะทำให้ยามรี สหวาน
จึงทำใหร้ สชาตขิ องยาดขี ึ้น รับประทานง่าย โดยเฉพาะสำหรับเดก็
วิธีการทำ
1. เทยาชงหรอื ยาต้มทเี่ ตรยี มมาแล้ว(จากวิธีที่ 1 หรอื วธิ ที ่ี 2) ลงในหมอ้ 1 ส่วน ตงั้ ไฟเปิดไฟ
อ่อน ๆ เติมน้ำผง้ึ อกี 1 ส่วน คนจนเข้ากันดี จึงยกลงจากไฟ
2. ปลอ่ ยทิ้งไวใ้ หเ้ ย็นแลว้ จึงเทใสข่ วดหรอื ภาชนะสีทึบทีม่ ีฝาปิด ควรใชฝ้ าหรอื จกุ ไมก้ อ๊ ก เพราะ
ขนาดท่เี ก็บยาในนำ้ เช่อื มอาจจะเกดิ การหมกั จากนำ้ ตาลและเกดิ แกส๊ หากใช้จุกไมก้ ๊อก แก๊สจะซมึ ผ่านจุก
หากใช้ฝาปดิ สนิทชนิดอ่ืนอาจทำใหข้ วดระเบิดได้

34

แคปซลู

ภาพท่ี 28 แคปซลู
(เทคโนโลยชี าวนา , 1ตลุ าคม 2562 : ออนไลน์)

สมนุ ไพรสามารถบดเปน็ ผงละเอยี ดแล้วชงนำ้ ด่ืมหรือโรยผสมลงในอาหารแต่เพื่อความสะอา ดใน
การรบั ประทาน พกพาและเก็บไว้ใช้ได้นานข้ึน กส็ ามารถบรรจใุ นแคปซลู หรือผสมน้ำผ้ึงแล้วปั้น เป็น
ลูกกลอน สมนุ ไพรจะนำมาบดเปน็ ผงจะต้องตากให้แหง้ สนทิ แลว้ จงึ นำมาบดเปน็ ผง

การบรรจุแคปซูลก็ให้ซอื้ แคปซูลเปล่าสำเรจ็ รูปมา เทผงสมุนไพรลงในชามแก้วปากกวา้ ง ดึง
แคปซูลออก 2 ส่วน จบั ท้ัง 2 ขา้ งเข้าหากันผ่านผงยาแล้วจึงสวมแคปซูลเขา้ ด้วยกนั หรือบรรจุผงยา ด้วย
เคร่อื งบรรจุแคปซูลกไ็ ด้

การนำบอระเพด็ มาปรงุ เปน็ ยาสมุนไพร (สมนุ ไพรอภัยภูเบศร, 2564)

บอระเพด็ เปน็ สมนุ ไพรท่ีชาวบา้ นรจู้ กั กนั ทวั่ ไป เปน็ พชื ท่ขี ึ้นเองตามธรรมชาติ พาดอยตู่ ามก่งิ ไม้
ไมจ่ ำเป็นต้องปลกู หรอื รดน้ำพรวนดินให้ เกบ็ มาใช้เปน็ ยาก็งา่ ย หมอยาอสี านเรียกสมนุ ไพรชนดิ นีว้ ่า เครอื
เขาฮอ มีอยูส่ องชนิดทค่ี ลา้ ยกนั ชนิดที่มีตุ่มตามเครือยาวเรียกวา่ บอระเพ็ด และชนดิ ท่ีต่มุ สน้ั เรียกว่า
ชิงช้าชาลี หรือเครือหางหนู

เถาบอระเพด็ มรี สขมเย็น ใชแ้ กไ้ ขท้ ุกชนดิ แก้รอ้ นในไดด้ มี าก แกพ้ ิษฝีดาษ เป็นยาขมเจริญอาหาร
บำรุงไฟธาตุ แก้โรคกระเพาะอาหาร บำรุงร่างกาย ลดนำ้ ตาลในเลอื ด ท่ีนิยมกนั มาก คือ เป็นยาอายวุ ฒั นะ
คนล้านนาฝานเถาเป็นแว่นๆ กนิ กับนำ้ ผ้งึ แก้ไข้ หรอื ดองในนำ้ ผึ้งกนิ บำรุงกำลัง หรือทุบแล้วแช่น้ำผสม
น้ำผึ้งด่ืมแก้หวดั

35

บอระเพ็ด ยังมีฤทธิ์ต้านอนมุ ูลอิสระ และต้านฤทธ์ิ AChE ที่เป็นสาเหตุของโรคสมองเส่อื ม
เพราะฉะนนั้ จงึ ชว่ ยปอ้ งกนั ความชราของเซลลต์ า่ งๆ ในรา่ งกายได้

ชาวบ้านทุกภาคนิยมใช้บอระเพ็ดเพื่อคุมเบาหวาน และความดันโลหิตสูง มีคนไข้
โรคเบาหวานหลายคนท่ีมีประสบการณ์ดว้ ยตนเองจากการกนิ บอระเพ็ดเป็นประจำ แลว้ ทำให้การคุม
นำ้ ตาลดีขนึ้ โดยเชื่อวา่ โรคเบาหวานเป็นโรคท่ธี าตุไฟหย่อน สมนุ ไพรของขมอยา่ งบอระเพ็ดจะไปล้อมตับ
ช่วยไม่ใหต้ ับร้อนเกนิ ไปในการสรา้ งธาตุไฟเพ่ือการย่อยและการเผาผลาญ ตับกจ็ ะสรา้ งไฟได้อย่า งปกติ
ดังนนั้ สมนุ ไพรทมี่ รี สขมจึงไปดแู ลตบั ใหท้ ำหนา้ ทีไ่ ด้เป็นปกติ

การศึกษาวจิ ยั ในทางวทิ ยาศาสตรก์ พ็ บวา่ ของขม ๆ หลายชนิดสามารถท่จี ะลดนำ้ ตาลในเลือดได้
เชน่ มะระ มะระขีน้ ก พชื ตระกลู ไทร เปน็ ตน้ แต่บอระเพ็ดเปน็ สมุนไพรรสขมท่ีหาได้ง่ายทส่ี ุดในมา เลเซีย
และเกาะบอรเ์ นียวก็ใชบ้ อระเพ็ดกับคนเปน็ เบาหวานเชน่ กนั

บทท่ี 4

สรปุ

สมุนไพรต่างๆ ท่แี พทย์ไทยโบราณนำมาใชป้ รุงยานัน้ ส่วนทีม่ าจากตำรับยาจีน ไดแ้ ก่ยาบำรุง
หวั ใจ ยาอายุวฒั นะซ่ึงมีส่วนผสมด้วย โกฎตา่ งๆ กฤษณา กะลำพัก อบเชย ชะเอมเทศ เกษรทัง้ ๗ อำพัน
ทอง เหล่านี้เป็นต้น สว่ นยาประเภทยาระบายเช่น ยาดำ ยาธาตุ เชน่ มหาหิงส์ มาจากประเทศอินเดีย
นอกจากนี้สมนุ ไพรท่ีมสี ่วนสำคญั ในการใช้ปรงุ ยาบำรงุ หัวใจ เชน่ หญ้าฝร่ัน มาจากประเทศสเปน ส่วน
นำ้ ดอกไม้ซง่ึ เราใช้เปน็ กระสายยาตา่ งๆ ส่วนมากส่งมาจากประเทศอิหร่าน ทัง้ น้ี ประเทศอิหร่าน เป็น
ประเทศที่ทำน้ำมนั จากดอกกุหลาบใหญท่ ี่สดุ ในโลกแห่งหน่ึง ฉน้ันนำ้ ดอกไม้น้ันกค็ อื น้ำบริสุทธิ์ท่ีใช้กล่ัน
น้ำมันกหุ ลาบซึ่งเป็นผลพลอยไดข้ องนำ้ มันกุหลาบนน่ั เอง ยาดำซ่งึ เรานำมาใชป้ รงุ ยาระบายนั้นได้มาจาก
ยางของตน้ หางจระเข้ ( ALOE VERLA ) เมอ่ื สกัดออกมาเปน็ ยาดำแล้วย่อมมีสรรพคุณเป็นยาระบาย สว่ น
สมนุ ไพรท่เี ราใช้เป็นยาต่างๆ มปี ระมาณ ๘๐๐ กวา่ ชนดิ ซึง่ ไดก้ ล่าวไวใ้ นตำรบั ไม้เทศ-เมืองไทยของนาย
เสง่ียม พงศ์บญุ รอด แต่ความจรงิ แล้วเรานำสมนุ ไพรต่ า่ งๆ มาใช้ปรุงยาประมาณ ๔๐๐ กวา่ ชนิดเทา่ นนั้

สมนุ ไพรเหลา่ นี้ปรากฎว่าตำรบั เภสัชแผนปจั จุบันของจีน (หงิ่ ต่อซกิ เองตงเอียะ) ได้กล่าวถึง
สมุนไพรทใ่ี ชป้ รุงยาจนี โบราณมาแลว้ หลายพันปมี ีประมาณ ๑๔๐๐ ชนดิ และปจั จบุ ันรฐั บาล สาธารณะ
ประชาชนจนี ได้ระดมนักวทิ ยาศาสตร์สาขาต่างๆ ทำการวจิ ัยสมนุ ไพรเหลา่ นี้ออกมาในรปู วิทยาศาสตร์เคมี
และพมิ พห์ นงั สอื เรือ่ งน้ีเปน็ ตำรบั เภสัชแผนปจั จบุ ันสากล ปรากฎวา่ สมุนไพรของจีนในหนังสือเร่ืองตรงกับ
สมนุ ไพรของไทยทใี่ ช้ปรุงยาประมาณ ๔๐๐ กว่าชนดิ ท่านผใู้ ดมีความรูว้ ิชาเภสชั แผนปัจจุบัน และมี
ความรูภ้ าษาจนี ดี หากไดอ้ ่านตำรับเภสัชแผนปัจจุบนั สากลของจนี ฉบับน้ีแล้ว จะไดค้ วามรู้วิชาเภสัช
ศาสตร์ และเวชศาสตร์ทั้งแผนปัจจุบันของจีนโบราณ และไทยโบราณอีกมากมาย ผู้เขยี นได้เสน อให้
คณาจารย์ทส่ี อนวิชาวิทยาศาสตร์เคมีในคณะแพทย์ศาสตร์ และเภสชั ศาสตร์ในมหาวิทยาลยั มหิดลจ้า ง
ผ้เู ช่ียวชาญตำราเลม่ น้ีออกมาเปน็ ภาษา-ไทย หากทำสำเรจ็ เมื่อใดแล้วจะทำให้บรรดานักศึกษา วิชา เวช
ศาสตร์ และเภสชั ศาสตร์ของเรา ได้ความรูเ้ พ่ิมข้ึนอีกมากมาย และในปจั จบุ ันทราบว่า เจ้า หน้า ที่ของ
มหาวทิ ยาลยั แห่งน้ีกำลงั ดำเนนิ การอยู่

37

แหล่งกำเนดิ ของสมุนไพรตา่ งๆ ในประเทศไทยน้ัน ไดจ้ า้ งพวกพราน นำทางขึ้นไปสำรวจสมนุ ไพร
ในป่าในจังหวัดต่างๆ ในประเทศไทยน้ัน ได้พบแหล่งกำเนิดสมุนไพรธรรมชาตใิ หญ่ท่ีสุดแห่งหน่ึง คือ
“บริเวณเขาสรรพยา หรอื เขาหลวงอำเภอสวรรค์โลก จังหวดั สโุ ขทยั ซ่ึงป่าสมนุ ไพรเหล่านส้ี ว่ นใหญ่อยู่บน
ภูเขา สมุนไพรต่างๆ ในปา่ แห่งน้ีมีหลายรอ้ ยชนดิ และสมนุ ไพรทีน่ ำมาผลติ ยาขายของบรษิ ัทพร ะจัน ทร์
โอสถนนั้ ได้เกบ็ มาจากปา่ แห่งน้ีทัง้ สิน้ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ “ยาปราบมดลูก ของพระจนั ทร์โอสถเพยี งอย่าง
เดียวตอ้ งใช้ว่านปราบมดลูกปีหนึ่งหลายสบิ ตน้ ทเี ดียว สมุนไพรเหล่านี้ส่วนมากขึ้นอยู่บน เนินเขาแทบ
ทง้ั สิน้

สมนุ ไพรต่างๆท่ใี ช้ในการรักษาโรค มหี ลายชนิดที่ไดร้ บั การยอมรับว่าสามารถรักษาโรคได้ และ
ยงั มีอกี หลายชนิดที่ยังไม่มผี ลการวิจยั ทน่ี ่าเช่ือถือวา่ สามารถรักษาโรคได้ การใชส้ มนุ ไพรในการรักษาโรค
จงึ ควรอยใู่ นคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ และ ควรแยกแยะวา่ ลักษณะอาการป่วยแบบใดควรพบแพทย์แผน
ปจั จบุ ัน เพ่ือรับการวินจิ ฉยั และการรักษาอย่างถกู วธิ ี

จากทีไ่ ด้อ่านบทความ การดแู ลสขุ ภาพ และเคลด็ ลับเพื่อสขุ ภาพดี จึงสรุปไดว้ า่ “สมุนไพรชนดิ ใด
แกโ้ รคอะไร และควรใช้ส่วนไหนของสมุนไพรเหลา่ นี้ และส่วนพิกัดนำ้ หนักตา่ งๆ ของสมนุ ไพรแตล่ ะอย่าง
วา่ ควรจะมีนำ้ หนักเท่าใดน้ัน กำเนดิ มา แตค่ วามรอบรูข้ องพวกนักบวชนักพรตเหล่าน้ีมากอ่ น ต่อมาวิชา
เวชศาสตรแ์ ละเภสัชศาสตรแ์ ผนโบราณได้เจริญย่ิงขึ้น พวกแพทยโ์ บราณเหล่านจ้ี ึงคิดค้นดดั แปลง ส่วน
พกิ ดั นำ้ หนักของสมนุ ไพรตา่ งๆ ขนึ้ เป็นตำรบั ยาขนึ้ ใหม่เพื่อใหใ้ ชร้ ักษาโรคต่างๆ ได้ หลังจากนนั้ เม่ือมี การ
ทดสอบผลของการรกั ษาได้ผลแน่นอนแลว้ จึงไดช้ ่วยกันสร้างเป็น “คมั ภีร์ หรอื ตำราทางวิชาเวชศาสตร์
และเภสัชศาสตรข์ ้นึ ในภายหลงั และถ่ายทอดสืบต่อกันมาถงึ ในปัจจุบนั

บรรณานกุ รม

กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก. (2562). “วารสารการแพทยแ์ ผนไทย
และการแพทยท์ างเลอื ก,” ภมู ปิ ญั ญาการนวดพน้ื บ้าน: กรณศี กึ ษาหมอนวดพน้ื บ้าน 5 ราย,
17 (1), 26-41.

กรณุ า จนั ทุม, และกลั ยารัตน์ กำลงั เหลอื . (2561). การรักษาโรคด้วยสมุนไพรและตำรบั ยา
ของหมอพ้นื บา้ น (วทิ ยานิพนธ์). ชัยภูมิ: มหาวิทยาลยั ราชภฏั ชยั ภมู ิ.

“การปรุงยาสมุนไพร,” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก : https://www.thaikasetsart.com/การปรงุ ยา
สมนุ ไพร, 2553. [สบื คน้ เมื่อ 5 สงิ หาคม 2564].

“การเกบ็ รกั ษาพชื สมุนไพร,” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.ajareeherb.com/
2010-06-07-03-17-09.html, 2553. [สืบคน้ เมอื่ 5 สงิ หาคม 2564].

“การเตรียมยาสมุนไพร,” [ออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.ajareeherb.com/
2010-06-07-04-56-18.html, 2553. [สืบคน้ เมือ่ 5 สงิ หาคม 2564].

คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี. “การจำแนกพืชสมุนไพร,” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://www.rama.mahidol.ac.th/poisoncenter/th/pois-cov/Herbal, 2558.
[สบื คน้ เมือ่ 10 สิงหาคม 2564].

“ความเป็นมาสมุนไพรไทย,” [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : https://med.mahidol.ac.th/poisoncenter/th/
pois-cov/Herbal, 2551. [สบื คน้ เมื่อ 4 สิงหาคม 2564].

ฉันทรา พูนศริ ิ. (2538). การพฒั นายาอมจากสมนุ ไพรไทย (วทิ ยานิพนธ์).
กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์.

ธดิ ารตั น์ ราชสมบตั ิ. “สมนุ ไพรไทย Thai Herb,” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก :
https://herbknowledge.blogspot.com/p/blog-page.html, 2557.
[สบื ค้นเมื่อ 10 สงิ หาคม 2564].

ณหทัย ใจสุภาพ. “ความร้ทู ่วั ไปเกี่ยวกับสมุนไพร,” [ออนไลน์].
เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://bestfordream.wordpress.com/เน้ือหาบทเรียน/ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ
สมุนไพร, 2556. [สืบค้นเมอื่ 6 สิงหาคม 2564].

“บทความเพอ่ื ดแู ลสขุ ภาพ,” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก : https://www.healthcarethai.com/
สมนุ ไพรปรงุ ยา/, 2556. [สืบคน้ เม่อื 7 สิงหาคม 2564].

“ประโยชน์สมนุ ไพรไทย,” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://atherbth.com/category/
, 2559. [สืบคน้ เมือ่ 4 สิงหาคม 2564].

พเยาว์ เหมอื นวงษ์ญาติ. (2537). สมุนไพรก้าวใหม่. พมิ พ์ครงั้ ที่ 2, กรุงเทพฯ: เมดิคัล มเี ดยี .
“ลกั ษณะพืชสมุนไพร,” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.ajareeherb.com/

2010-06-04-09-58-21.html, 2553. [สบื คน้ เมื่อ 5 สงิ หาคม 2564].
วาลดี า้ บุหวัง. “ขอ้ ดีข้อเสียของสมุนไพร,” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :

https://sites.google.com/site/smunphirthiy162/khxdi---khx-seiy-khxng-kar-chi-ya-
smunphir, 2553. [สืบคน้ เม่อื 7 สงิ หาคม 2564].

“วจิ ัยสมุนไพรไทย,” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก : https://hsri.or.th/researcher/media/
news/detail/7491, 2560. [สบื คน้ เม่ือ 5 สงิ หาคม 2564].

“สมุนไพรไทย,” [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://www.mnre.go.th/reo13/th/news/detail/9549, 2551.
[สบื ค้นเมื่อ 4 สิงหาคม 2564].

สมพร ภูติยานันต์, และดวงพร วนิ จิ กุล. (2546). การปนปลอมยาสงั เคราะหใ์ นยาสมนุ ไพรไทยที่มีผล
ต่อคณุ ภาพชีวิต (รายงานวิจยั ). เชยี งใหม่: มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่.

“สมุนไพรอภยั ภเู บศร,” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก :
https://www.facebook.com/abhiherb/photos
a.511518022246609/4459685100763195/, 2563. [สืบคน้ เม่ือ 10 สงิ หาคม 2564].

สำลี ใจดี และคณะ. “หลักการทัว่ ไปในการเก็บสมุนไพร,” [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก :
https://www.thaikasetsart.com/การเก็บสมุนไพร/, 2556.
[สืบคน้ เมอ่ื 10 สงิ หาคม 2564].

อรสร สารพนั โชตวิ ิทยา. (2563). การวิจัยและพัฒนายาสมนุ ไพร : สมุนไพรกระตุน้ ภูมิคุ้มกันและ
ต้านอักเสบ. พมิ พ์ครัง้ ที่ 2. พษิ ณโุ ลก : สำนกั พิมพ์มหาวิทยาลยั นเรศวร.

“เครือ่ งยาของสมนุ ไพร,” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.thaicrudedrug.com/main.php
,2554. [สืบคน้ เมอ่ื 5 สิงหาคม 2564].

“20 สรรพคุณสมุนไพร,” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก :
https://health.kapook.com/view37827.html, 2564. [สืบคน้ เมื่อ 6 สิงหาคม 2564].


Click to View FlipBook Version