The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chalermrajakumari.ws, 2022-07-12 22:52:33

วันอาสาฬหบูชา

วันอาสาฬหบูชา

วันอาสาฬหบูชาวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา

กรมการศาสนา

วนั สาํ คัญทางพระพทุ ธศาสนา วนั อาสาฬหบูชา

ผูจดั พมิ พ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม
ปที่พมิ พ พ.ศ. ๒๕๖๔
จํานวนพิมพ ๑,๐๐๐ เลม
ท่ปี รกึ ษา
นายเกรยี งศักดิ์ บุญประสิทธิ์ อธบิ ดีกรมการศาสนา ประธานทป่ี รกึ ษา
นายมานัส ทารัตนใ จ ท่ปี รกึ ษา
นายชวลติ ศิรภิ ริ มย ท่ปี รึกษา ประธานคณะทาํ งาน
คณะทาํ งาน คณะทํางาน
นายสาํ รวย นักการเรยี น รองอธิบดีกรมการศาสนา คณะทํางาน
นางสาวฐิตมิ า สุภภัค ผอู ํานวยการสํานักพัฒนา คณะทาํ งาน
คณุ ธรรมจริยธรรม คณะทาํ งาน
นายพจนาถ ปญญาศิลป รกั ษาราชการแทน คณะทํางาน
ผูอาํ นวยการกองศาสนูปถมั ภ คณะทาํ งาน
นางสุรีย เกาศล เลขานกุ ารกรม คณะทาํ งาน
นายประภาส แกว สวรรค และเลขานกุ าร
รอ ยตรี วิทยาพล รตั นกลุ เสรีเริงฤทธิ์ คณะทาํ งาน
นางสาวนนั ทิยา อายวุ ฒั นะ และผูชวยเลขานุการ
นางสาวอนงคลกั ษณ คะเนแนน คณะทาํ งาน
และผชู วยเลขานกุ าร
นายภูรสี ชิ ฌ บัวศิริธนารชั ต

นางสาวจีรวรรณ สวา งเกตุ

ออกแบบปก
นายวทิ ยา กอกศุ ล

พมิ พท ่ี
หางหนุ สวนจํากัด โรงพิมพอักษรไทย (น.ส.พ. ฟา เมืองไทย)
เลขที่ ๘๕, ๘๗, ๘๙, ๙๑ ซอยจรญั สนิทวงศ ๔๐ ถนนจรัญสนทิ วงศ แขวงบางย่ีขนั เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ๑๐๗๐๐
โทร. ๐-๒๔๒๔-๔๕๕๗, ๐-๒๔๒๔-๐๖๙๔ โทรสาร ๐-๒๔๓๓-๒๘๕๘
นายไพสิฐ ปวณิ วิวฒั น ผูพิมพผูโฆษณา

คาํ นํา

ประเทศไทยเปนประเทศท่ีประชากรสวนใหญยอมรับนับถือ
พระพทุ ธศาสนา นกิ ายเถรวาท มาอยา งยาวนานสบื เนอ่ื งกนั มา หลกั ธรรม
คําสอนทางพระพุทธศาสนาไดมีสวนกลอมเกลาวิถีชีวิตของคนไทยใหมี
ความเปน อยทู เ่ี รยี บงา ย โอบออ มอารี เออ้ื อาทรตอ กนั รวมทง้ั มพี ฤตกิ รรม
อยใู นทํานองคลองธรรม รวมท้ังจารตี ประเพณอี ันดีงาม และเม่ือยอมรับ
นบั ถอื แลว ยอ มตองประพฤติปฏิบตั ติ ามหลกั การทีพ่ ระพุทธองคไดท รง
สั่งสอนไวดวย ในเรื่องวันสําคัญทางพระพุทธศาสนาก็เปนเรื่องสําคัญ
ลําดับตนท่ีพุทธศาสนิกชนไดยึดถือปฏิบัติสืบมา ในรอบปหน่ึงนั้น
มวี นั สาํ คญั ทางพระพทุ ธศาสนาคอื วนั มาฆบชู าวนั วสิ าขบชู าวนั อฏั ฐมบี ชู า
วันอาสาฬหบูชา วันเขาพรรษา วันออกพรรษา และวันธรรมสวนะ
เมื่อถึงวันสําคัญเหลานี้ พุทธศาสนิกชนตางพากันเขาวัด บําเพ็ญบุญ
บาํ เพ็ญกศุ ล ตามวาระโอกาสทเ่ี หมาะสมกับตนเองและครอบครัว

กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะท่ีเปนหนวยงาน
ท่มี ภี ารกิจเกี่ยวกับการดําเนินงานของรัฐดา นศาสนา โดยการทาํ นบุ ํารงุ
สงเสริมและใหความอุปถัมภคุมครองกิจการดานพระพุทธศาสนา
และศาสนาอ่ืนๆ ท่ีทางราชการรับรอง ตลอดจนสงเสริมพัฒนาความรู
คคู ุณธรรม สง เสริมความเขา ใจอันดี และสรางความสมานฉันทร ะหวา ง
ศาสนิกชนของทกุ ศาสนา รวมทั้งดําเนนิ การเพ่อื ใหค นไทยนาํ หลักธรรม
ทางศาสนามาใชในการพัฒนาคุณภาพชีวิตใหเปนคนดีมีคุณธรรม

ไดพิจารณาเห็นวา ประวัติความเปนมารวมถึงแนวทางในการประพฤติ
ปฏิบัติในวันสําคัญดังกลาวเปนเร่ืองที่พุทธศาสนิกชนควรทราบและ
ทาํ ความเขา ใจใหถ องแท เพ่ือทราบถงึ ความเปน มาและปฏบิ ตั ไิ ดถูกตอง
ชัดเจน จึงไดรวบรวมในเร่ืองที่เกี่ยวกับวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา
จัดพิมพเผยแพร ซึ่งจะเปนประโยชนในการเผยแผพระพุทธศาสนา
ใหแ พรหลายสบื ไป

หวงั เปน อยา งยงิ่ วา หนงั สอื ชดุ วนั สาํ คญั ทางพระพทุ ธศาสนา คอื
วนั มาฆบชู า วันวสิ าขบชู า วนั อัฏฐมีบชู า วันอาสาฬหบชู า วนั เขาพรรษา
วันออกพรรษา และวันธรรมสวนะ ที่ไดจัดพิมพเผยแพรในคร้ังน้ี
จักอํานวยประโยชน สรา งความรูความเขา ใจในเร่อื งพระพุทธศาสนาได
เปน อยางดี พระสัทธรรมคาํ สอนของพระพุทธองคด ํารงมัน่ สถิตสถาพร
บนผืนแผนดินไทยสืบไป

(นายเกรียงศักดิ์ บุญประสทิ ธิ)์
อธบิ ดกี รมการศาสนา

สารบัญ หนา

ความหมาย ๑
ประวัติและความเปน มา ๒
ความสําคัญ ๑๐
แนวทางที่พงึ ปฏิบัติ ๑๓
ประโยชนท ีพ่ ึงไดรบั ๒๑
คําบูชาวันอาสาฬหบูชา ๒๒
หนงั สอื อา งอิง ๒๖



วันอาสาฬหบูชา 1

วันอาสาฬหบชู า

ความหมาย

คําวา อาสาฬหบูชา เปนรูปภาษาบาลี ยอมาจากคําวา
อาสาฬหปุณณมบี ชู า หรืออาสาฬหปรู ณมบี ชู า แปลวา การบูชาพระ
ในวันเพ็ญ เดือน ๘ เปนชื่อการทําบุญในพระพุทธศาสนาอยางหน่ึง
ซงึ่ ปรารภการแสดงปฐมเทศนาของพระพุทธเจา เปน เหตุ

คําวา อาสาฬหะ เปนชื่อของดาวฤกษกลุมหนึ่งในบรรดา
ดาวฤกษทั้งหลายในทองฟา เมื่อดวงจันทรโคจรผานกลุมดาวฤกษ
อาสาฬหะ ซงึ่ เรยี กวา พระจนั ทรเ สวยอาสาฬหฤกษน นั้ เปน ระยะเวลา
ทตี่ รงกับเดอื นท่ี ๘ ของไทย ดงั น้นั คําวา อาสาฬหะ จึงเปนชอื่ ของ
เดือนท่ี ๘ หรือแปลวา เดอื น ๘ (ตามจันทรคต)ิ

ขณะที่ดวงจันทรโคจรผานกลุมดาวฤกษอาสาฬหะเต็ม
บรบิ รู ณ คอื มองเหน็ ดวงจนั ทรเ ตม็ ดวง ตรงกบั วนั ขน้ึ ๑๕ คาํ่ เดอื น ๘
เรียกวา อาสาฬหปุณณมีดิถี แปลวา วันที่มีดวงจันทรเต็มดวงแหง
เดือน ๘ คือ วันท่ีมองเห็นดวงจันทรเต็มดวงในเดือน ๘ ไดแก
วันเพ็ญ เดอื น ๘ นน่ั เอง

2 วันอาสาฬหบูชา

ประวัติและความเปน มา

เม่ือพระพุทธองคไดตรัสรูพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
เปน พระอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา ในวนั เพญ็ เดอื น ๖ นนั้ แลว พระองค
ไดประทบั อยใู นบริเวณท่ตี รสั รนู นั้ ตลอด ๗ สัปดาห (๔๙ วัน) คือ

สัปดาหท่ี ๑ ประทับอยู ณ ท่ีท่ีตรัสรูใตตนพระศรีมหาโพธิ
นั่นเอง ทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาท คือ สภาพอาศัยปจจัยเกิดขึ้น
ไดแก กฎแหง เหตผุ ล ทรงพจิ ารณาทบทวนอยตู ลอด ๗ วัน

สัปดาหท่ี ๒ เสด็จจากท่ีตรัสรูไปทางทิศอีสานของตน
พระศรีมหาโพธิ ประทับยืนกลางแจง เพงดูตนพระศรีมหาโพธิ
โดยไมกระพรบิ พระเนตรอยู ณ ทแี่ หงเดยี วตลอด ๗ วัน เพือ่ เปน การ
บูชาตนพระศรีมหาโพธินั้น สถานท่ีที่ประทบั ยืนนนั้ ภายหลัง เรียกวา
อนมิ ิสสเจดีย

สัปดาหท่ี ๓ เสด็จไปประทับในท่กี ง่ึ กลางระหวางตนพระศรี
มหาโพธกิ บั อนมิ สิ สเจดยี  ทรงจงกรม ณ ทตี่ รงนนั้ ตลอด ๗ วนั สถานที่
ที่ทรงจงกรมน้ันภายหลัง เรยี กวา รัตนจงกรมเจดยี 

สัปดาหที่ ๔ เสด็จไปทางทิศพายัพของตนพระศรีมหาโพธิ
ประทับนั่งในเรือนแกว พิจารณาพระอภิธรรมอยูตลอด ๗ วัน
สถานทท่ี ่ีประทบั น้นั ภายหลงั เรยี กวา รตั นฆรเจดยี 

สัปดาหที่ ๕ เสด็จไปทางทิศบูรพาของตนพระศรีมหาโพธิ
ประทับท่ีใตตนไทร ชื่อ อชปาลนิโครธ เพราะเปนที่อาศัยของ
คนเลี้ยงแพะ อยูตลอด ๗ วัน ในระหวางนั้น ทรงแกปญหาของ
พราหมณผ หู นงึ่ ซึง่ ทลู ถามในเร่ืองความเปนพราหมณ

วันอาสาฬหบูชา 3
สปั ดาหท่ี ๖ เสดจ็ ไปทางทศิ อาคเนยข องตน พระศรมี หาโพธิ
ประทบั ทใ่ี ตต น มจุ ลนิ ท (ตน จกิ ) เสวยวมิ ตุ ตสิ ขุ ตลอด ๗ วนั ฝนตกพราํ
ตลอดเวลา พญามจุ ลนิ ทน าคราชมาวงขดลอ มพระองคแ ละแผพ งั พาน
ปกปองบังฝนใหพระองค ทรงเปลงอุทานสรรเสริญความสงัดและ
ความไมเบียดเบยี นกนั วา เปนสุขในโลก
สัปดาหท่ี ๗ เสด็จไปทางทิศทักษิณของตนพระศรีมหาโพธิ
ประทบั ทใี่ ตต น ไมร าชายตนะ (ตน เกด) เสวยวมิ ตุ ตสิ ขุ อยู ๗ วนั มพี อ คา
ที่เปนพ่นี อ งกนั ๒ คน ช่อื ตปสุ สะ กบั ภลั ลิกะ เปน นายกองเกวียน
เดินทางจากอุกกลชนบทมาถึงท่ีน้ัน ไดเห็นพระพุทธองคประทับอยู
จึงนําขาวสัตตุผงสัตตุกอน ซึ่งเปนเสบียงกรังของตนเขาไปถวาย
พระองคท รงรบั เสวยเสรจ็ แลว ทง้ั สองพอ คา กป็ ระกาศตนเปน อบุ าสก
ขอถึงพระพุทธเจากับพระธรรมเปนท่ีพึ่ง เวลาน้ันยังไมมีพระสงฆ
นับเปนอุบาสกคูแรกที่เปนเทววาจิกะ เปลงวาจาขอถึงพระพุทธเจา
และพระธรรมเปนที่พึ่ง

4 วันอาสาฬหบูชา
เม่ือลวงสัปดาหที่ ๗ แลว พระองคเสด็จกลับมาประทับ

ทีใ่ ตตน ไทร ชื่อ อชปาลนิโครธ อกี ทรงดาํ รวิ าพระองคค วรจะมสี ง่ิ ที่
ควรเคารพกราบไหว แตก็ยังไมเห็นใครซ่ึงเปนผูสูงสุดดวยคุณธรรม
ควรแกก ารคารวะ ทรงเหน็ วา พระธรรมที่ไดตรสั รูน่นั เอง เปน ธรรม
อนั ประเสรฐิ ควรแกก ารเคารพอยางสูง ตอแตน ้ันทรงคาํ นึงวา ธรรมท่ี
พระองคตรัสรูน้ีลึกซ้ึงมาก ยากท่ีสัตวอื่นจะรูตามได จึงทอพระทัย
ที่จะสอนสัตว แตอาศัยพระมหากรุณาเปนที่ตั้ง ทรงเห็นวาโลกน้ี
ผูท่ีพอจะรูตามไดก็คงมี ทรงเล็งเห็นถึงบุคคล ๔ เหลา เปรียบกับ
ดอกบวั ๔ ประเภท คอื

๑. อุคฆฏิตัญู ไดแก ผูท่ีมีอุปนิสัยสามารถรูธรรมวิเศษ
ไดทันทีทันใดเมื่อไดฟงคําสอน เหมือนดอกบัวท่ีโผลขึ้นพนนํ้าแลว
พรอ มทจี่ ะบานเม่ือไดรับแสงพระอาทิตยใ นวันนั้น

๒. วิปจิตัญู ไดแก ผูท่ีสามารถจะรูธรรมวิเศษไดตอเมื่อ
ขยายความยอใหพิสดารออกไป เปรียบเหมือนดอกบัวท่ีต้ังอยูเสมอ
ระดบั น้าํ จักบานในวันรงุ ขึน้

๓. เนยยะ ไดแก ผูที่พากเพียรพยายาม ฟง คิด ถาม
ทองอยเู สมอ ไมทอดทง้ิ จึงจะไดร ธู รรมวิเศษ เปรยี บเหมอื นดอกบวั
ท่ียงั ไมโ ผลข้ึนจากนาํ้ ไดรับการหลอ เลยี้ งจากน้ํา แตจ ะโผลแ ลว บาน
ขึน้ ในวันตอ ไป

๔. ปทปรมะ ไดแ ก ผทู ่ีแมฟ ง คดิ ถาม ทองแลว กไ็ มส ามารถ
รูธรรมวิเศษได เปรยี บเหมอื นดอกบวั ที่อยูใตนา้ํ ติดกบั เปอกตม รงั แต
จะเปนภักษาของปลาและเตา

วันอาสาฬหบูชา 5
เมื่อพระองคทรงเห็นดวยพระปญญาวา บุคคลที่ควรจะรู
ตามธรรมของพระองคย งั มอี ยู จงึ ตกลงพระหฤทยั ทจ่ี ะแสดงพระธรรม
สง่ั สอนมหาชน ทรงดาํ รหิ าผูท ีค่ วรโปรดกอ น ทรงนึกถึงอาฬารดาบส
และอุททกดาบส ซึ่งพระองคไดเคยไปศึกษาลัทธิของทานมากอน
แตทานทั้งสองไดส้ินบุญไปแลว ทรงนึกถึงปญจวัคคีย ซึ่งมีอุปการะ
แกพระองคมาก ไดเปนอุปฏฐากของพระองคเม่ือครั้งทรงบําเพ็ญ
ทุกกรกิริยา จึงทรงตัดสินพระทัยวา ควรโปรดปญจวัคคียกอน
พระองคจึงเสด็จออกจากโคนตนไทรน้ัน มุงพระพักตรเสด็จไปยัง
ปาอิสปิ ตนมฤคทายวัน แขวงเมอื งพาราณสี

6 วันอาสาฬหบูชา
ในตอนเย็น ขึ้น ๑๔ คํ่า เดือนอาสาฬหะ พระพุทธองค

เสด็จถึงปาอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี อันเปนที่อยู
ของปญจวคั คยี  พอเสดจ็ เขา แนวปา ปญ จวัคคยี ไดเ หน็ พระพุทธองค
แตไ กล จงึ นดั หมายกนั วา พระสมณโคดมเลกิ ความเพยี ร เวยี นมาเพอื่
ความมักมาก คงจะไมไ ดตรสั รู มาหาเรา พวกเราอยาไหว อยา ลกุ รบั
และอยา รบั บาตรจวี ร จะตง้ั ไวใ หเ พยี งอาสนะเทา นน้ั เมอื่ พระองคท รง
ปรารถนาน่งั กจ็ ะไดนัง่ ครั้นพระองคเ สด็จถึง ตา งกล็ มื ขอ นัดหมายที่
ใหกนั ไว พากนั ลกุ ขนึ้ ตอนรบั กราบไหว รบั บาตร ตักนา้ํ ลา งพระบาท
ทูลเชิญใหประทับน่ังแลวตางก็ทูลถามทุกขสุขตามธรรมเนียม
แตพ ดู กบั พระองคอ ยา งไมเ คารพ คอื ใชค าํ พดู แทนพระองคว า อาวโุ ส
พระองคต รสั หามและทรงบอกวา พระองคต รัสรแู ลว จะแสดงธรรม
ใหฟง ปญ จวัคคยี ก พ็ ากันคดั คา นดวยถอ ยคําตา งๆ ในทสี่ ุด พระองค
จงึ ทรงชแ้ี จงเตอื นใหร ะลกึ วา พระองคเ คยกลา วเชน นม้ี ากอ นบา งหรอื ไม
ปญจวัคคียระลึกได ตางก็พรอมกันถวายบังคม ขอฟงธรรมของ
พระพุทธองค ค่ําวนั นั้น พระองคป ระทบั อยกู บั ปญ จวคั คีย

รงุ ขน้ึ วนั เพญ็ แหง เดอื นอาสาฬหะ เวลาดวงอาทติ ยก าํ ลงั จะตก
ดวงจันทรกําลังจะข้ึน พระองคจึงเริ่มแสดงธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
อันเปนเทศนากัณฑแรก โปรดปญจวัคคีย สาระของเทศนากัณฑนี้
คือ ทรงแสดงที่สุด ๒ ประการ ไดแก การประกอบตนใหลําบาก
ดว ยทรมานกาย และการประกอบตนใหเ พลดิ เพลนิ ในกามสขุ ทงั้ สองนี้
เปน ของเลวทราม ไมค วรปฏบิ ตั ิ ควรปฏบิ ตั ทิ างสายกลาง แลว ทรงแสดง
ทางสายกลาง ซง่ึ เรียกวา มชั ฌิมาปฏปิ ทา คอื อริยมรรค ๘ ประการ
ไดแก

วันอาสาฬหบูชา 7
๑. สมั มาทิฏฐิ เห็นชอบ คอื มีความรคู วามเขาใจอรยิ สัจ ๔
ประการ
๒. สัมมาสังกัปปะ ดําริชอบ คือ คิดในการออกจากกิเลส
ในการไมป องราย ในการไมเ บียดเบยี น
๓. สัมมาวาจา เจรจาชอบ คือ เวนจากการพูดปด เวน จาก
การพูดสอเสียด คือ ยุยงใหเขาแตกราวกัน เวนจากพูดคําหยาบ
เวนจากพูดเพอเจอ คือ พดู เหลวไหลไรส าระ
๔. สมั มากมั มนั ตะ กระทาํ ชอบ คอื เวน จากฆา สตั ว เวน จาก
ลกั ทรัพย เวนจากประพฤติผดิ ในกาม
๕. สัมมาอาชีวะ เล้ยี งชวี ิตชอบ คือ เวน จากอาชีพทีผ่ ิดหรอื
ทจุ รติ ประกอบแตอ าชพี ท่ีถกู ทีค่ วร
๖. สมั มาวายามะ พยายามชอบ คอื เพยี รระวงั มใิ หค วามชว่ั
เกิดขึ้น เพียรละความช่ัวที่เกิดขึ้นแลว เพียรทําความดีใหเกิดขึ้น
เพยี รรักษาความดที ่ีเกิดข้นึ แลวใหดาํ รงอยหู รอื เจรญิ ย่งิ ขึ้น
๗. สมั มาสติระลกึ ชอบคอื ตง้ั สตกิ าํ หนดพจิ ารณาความเปน ไป
เก่ียวกับกาย เกี่ยวกับความรูสึกสุข ทุกข หรือเฉยๆ ท่ีเรียก เวทนา
เก่ียวกบั จิต เก่ียวกบั ธรรมะ
๘. สัมมาสมาธิ ตั้งใจมั่นชอบ คือ ทําใจใหสงบระงับ
จนมอี ารมณเปน หน่ึงอยางแนวแน

8 วันอาสาฬหบูชา
ตอ จากนน้ั พระองคทรงแสดงอริยสัจ ๔ ซง่ึ เปนหลักธรรมท่ี

สงู สดุ ในพระพทุ ธศาสนา เปน สจั ธรรมทเ่ี ทย่ี งแทแ นน อนทใ่ี ครคดั คา น
ไมไ ด เพราะเปนความจริงทปี่ ระเสรฐิ สดุ คอื

๑. ทุกข ความไมส บายกายไมส บายใจ
๒. สมทุ ยั เหตใุ หเ กดิ ทกุ ข คอื ตณั หา หรอื ความทะยานอยาก
๓. นิโรธ ความดับทกุ ข คอื ดับตัณหาได
๔. มรรค ขอปฏิบัติใหถึงความดับทุกข คือ อริยมรรค ๘
ประการ
พระองคทรงชี้ใหเห็นวา เมื่อรูแลวอาจยืนยันไดวา ตรัสรู
โดยชอบ ถึงความหลดุ พน และส้ินชาตสิ ิ้นภพแนน อน
ขณะทพ่ี ระองคท รงแสดงธรรมนอ้ี ยู ทา นโกณฑญั ญะไดธ รรม
จกั ษุ คอื ดวงตาเหน็ ธรรมขนึ้ ทางปญ ญาวา “สงิ่ ใดสงิ่ หนงึ่ มคี วามเกดิ ขนึ้
เปนธรรมดา สิ่งนั้นท้ังหมดมีความดับเปนธรรมดา” พระองคทรง
ทราบวาโกณฑัญญะไดเห็นธรรมแลว จึงทรงเปลงพระอุทานวา
อญั ญาสๆิ แปลวา โกณฑญั ญะไดร แู ลว ๆ เพราะพระอทุ านนี้ ภายหลงั
ทานโกณฑัญญะจึงไดนามใหมวา “อัญญาโกณฑัญญะ” ตอนั้น
ทานโกณฑัญญะก็ทูลขอบรรพชา พระองคประทานเอหิภิกขุ
อุปสัมปทา ใหเปนภิกษุในพระธรรมวินัยดวยพระวาจาวา “ทานจง
เปนภิกษุมาเถิด ธรรมเรากลาวท่ีแลว ทานจงประพฤติพรหมจรรย
เพื่อทําที่สุดทุกขโดยชอบเถิด” พระอัญญาโกณฑัญญะนับเปน
พระสงฆอ งคแรกในพระศาสนา

วันอาสาฬหบูชา 9
สรุปไดวา วันเพ็ญ เดือน ๘ มีความสําคัญเกี่ยวกับ
พระพทุ ธศาสนาอยหู ลายประการ นอกจากนี้ ยงั มเี หตกุ ารณอ นั สาํ คญั
ที่เก่ียวกับพระพุทธองคอีกอยางหน่ึง คือ พระองคทรงถือปฏิสนธิ
ในพระครรภข องพระสิรมิ หามายาพุทธมารดาในวนั เพญ็ เดอื น ๘

10 วันอาสาฬหบูชา

ความสําคัญ

วันเพ็ญ เดือน ๘ น้ีเปนวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา
พุทธศาสนิกชนท้ังหลายถือวาเปนวันสําคัญวันหนึ่งในรอบป
เพราะเปนวันที่มีเหตุการณอันสําคัญย่ิงทางประวัติศาสตรแหง
พระพุทธศาสนา ไดแ ก

ปฐมเทศนา ไดแ ก พระพทุ ธเจา ทรงประกาศพระพทุ ธศาสนา
เปน ครง้ั แรก กลา วไดว า พระธรรมหรอื พระพทุ ธศาสนาเกดิ ในวนั เพญ็
เดือน ๘ หรือวันเพ็ญ เดอื น ๘ เปนวนั เกดิ แหง พระพุทธศาสนากไ็ ด

ประกาศธรรมจกั ร พระพทุ ธเจา ทรงประกาศพระธรรมจกั ร
เปน ครงั้ แรก ไดแ ก ทรงแสดงอรยิ สจั ธรรมทพ่ี ระองคต รสั รู อนั เปน องค
แหง พระอนตุ ตรสมั มาสมั โพธญิ าณ ทรงเปลยี่ นแปลงความคดิ เหน็ และ
ความเชอ่ื ถอื ของชาวโลกทมี่ อี ยเู ดมิ ใหเ ขา สจู ดุ ทถี่ กู ทค่ี วรคอื ความจรงิ
(สัจธรรม) หรือจะกลาววา วันเพญ็ เดอื น ๘ เปน วันทเ่ี กดิ การปฏิวัติ
ความเช่อื ถอื ของชาวโลกครั้งสาํ คญั กไ็ ด

เกิดปฐมอริยสาวก พระอริยสาวกองคแรกเกิดข้ึนในโลก
ในวันเพ็ญ เดือน ๘ ไดแก ทานโกณฑัญญะ ผูฟงปฐมเทศนา
ไดธ รรมจักษุดวงตาเหน็ ธรรม บรรลุโสดาปต ติผล เปนพระอรยิ บุคคล
ชัน้ โสดาบนั

เกิดพระสงฆ เมื่อทานโกณฑญั ญะไดบ รรลโุ สดาปตติผลแลว
ทูลขออปุ สมบทเปนภิกษใุ นพระพุทธศาสนาในวนั เพญ็ เดือน ๘ น้นั
พระพุทธองคประทานอุปสมบทใหดวยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา
พระโกณฑัญญะจึงเปน พระสงฆอ งคแ รกในพระพทุ ธศาสนา

วันอาสาฬหบูชา 11
เกดิ พระรตั นตรยั เมอ่ื พระโกณฑญั ญะอปุ สมบทเปน พระสงฆ
แลว ก็เปนอันมีพระรัตนะครบ ๓ คือ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ
สังฆรตั นะ สมบรู ณเ ปนพระรัตนตรัย ในวนั เพ็ญ เดือน ๘ นัน้
เพราะวันเพ็ญ เดือน ๘ มีเหตุการณอันสําคัญย่ิง
ทางประวัติศาสตรแหงพระพุทธศาสนาหลายประการดังกลาวมาน้ี
ซ่ึงเปนวันท่ีพุทธศาสนิกชนทําสักการบูชากันเปนพิเศษเรียกวา
อาสาฬหบูชา
ประเทศไทยเปนประเทศแรกท่ีประกาศใหมีอาสาหฬบูชา
เมอื่ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พทุ ธศักราช ๒๕๐๑ พระธรรมโกศาจารย
(ชอบ อนจุ าร)ี เมอ่ื ครง้ั ดาํ รงตาํ แหนง สงั ฆมนตรชี ว ยวา การองคก ารศกึ ษา
ไ ด  เ ส น อ ค ณ ะ สั ง ฆ ม น ต รี ใ ห  เ พ่ิ ม วั น ป ฏิ บั ติ พุ ท ธ ศ า ส น พิ ธี ข้ึ น
อีกวันหนง่ึ คอื วันธรรมจักร หรอื วนั อาสาฬหบูชา

12 วันอาสาฬหบูชา

วันอาสาฬหบูชา 13

แนวทางทีพ่ งึ ปฏิบตั ิ

วันอาสาฬหบูชา เปนวันสําคัญอีกวันหน่ึงท่ีพุทธศาสนิกชน
ตองใหความสําคัญและพรอมใจกันเขารวมปฏิบัติกิจกรรมตางๆ
ตามสมควรแกฐานะของตนเองอยางสม่ําเสมอ เพ่ือทําความเขาใจ
ใหถ กู ตอ ง ฝก ฝนตนเองและนาํ ไปปฏบิ ตั ใิ นชวี ติ ประจาํ วนั อนั จะกอ ให
เกดิ ประโยชนแ กต นเอง ครอบครวั สงั คม แนวทางทพ่ี งึ ปฏบิ ตั สิ าํ หรบั
พทุ ธศาสนกิ ชนท่ีเกย่ี วเนื่องกับวนั อาสาฬหบูชา มดี งั ตอ ไปนี้

14 วันอาสาฬหบูชา
พุทธศาสนกิ ชน (อุบาสก อุบาสิกา)
ใหทาน ถวายภัตตาหารแดพระภิกษุสามเณรในภาคเชา

หรือเพล บริจาคทรัพยชวยเหลือเกื้อกูลผูยากไร หรือบําเพ็ญ
สาธารณประโยชน

รักษาศีล สํารวมระวังกายและวาจา ดวยการรักษาศีล ๕
หรอื ศีล ๘ หรอื ศีลอโุ บสถ

เจรญิ ภาวนา ฝก สมาธิ ทาํ จิตใจใหส งบ รวมทง้ั พัฒนาปญ ญา
ดว ยการเจรญิ วปิ ส สนาใหเ กดิ ปญ ญาเหน็ สภาพความเปน จรงิ ของชวี ติ
และโลก

เวียนเทียน การเดินประทักษิณเปนการบูชาพระรัตนตรัย
ดว ยอามิสบชู าและปฏิบตั บิ ูชา

วันอาสาฬหบูชา 15
สถาบนั ตา งๆ ในสังคม
ครอบครัว
(๑) ศึกษาเอกสาร หรือสนทนาเก่ียวกับความสําคัญของ
วันอาสาฬหบูชา รวมท้งั หลักธรรมท่เี อื้อตอการปฏบิ ตั ิของครอบครวั
(๒) ปรึกษาหารือหาแนวทางในการปองกันการแกปญหา
ในครอบครัว โดยใชหลักธรรม และสงเสริมใหเกิดการลด ละ เลิก
อบายมุข
(๓) นําสมาชิกในครอบครัวไปบําเพ็ญกุศลที่วัด ทําบุญ
ตักบาตร บริจาคทาน
(๔) พรอมกันไปปฏิบัติธรรมท่ีวัด รักษาศีล ๕ หรือศีล ๘
หรือศลี อโุ บสถ ไหวพระ สวดมนต ฟง ธรรม เวียนเทยี น

16 วันอาสาฬหบูชา
สถานศกึ ษา
(๑) ครูและนักเรียนรวมกันศึกษาถึงความสําคัญของ

วันอาสาฬหบูชา รวมท้ังหลักธรรมที่เก่ียวของกับวันอาสาฬหบูชา
เชน มัชฌมิ าปฏปิ ทา

(๒) ประกวดการอาน การเลา ในเรื่องท่ีเก่ียวของกับ
วันอาสาฬหบูชา

(๓) ครูใหนักเรียนจัดทําปายนิเทศ หรือจัดนิทรรศการ
ประกวดเรียงความ ทําสมุดภาพ ตอบปญ หาธรรมะ บรรยายธรรมะ
อภปิ รายธรรมะ

(๔) ประกาศเกียรตคิ ณุ นกั เรียนท่ีประพฤติตนเปนแบบอยาง
ทีด่ ี

(๕) ครูพานักเรียนไปรวมกิจกรรมกับชุมชนท่ีวัด บําเพ็ญ
กศุ ล ทําบญุ ตกั บาตร บริจาคทาน รกั ษาศลี ฟง ธรรม สนทนาธรรม
เจรญิ จิตภาวนา

สถานทท่ี ํางาน
(๑) ประชาสมั พันธเ กีย่ วกับความสําคญั ของวนั อาสาฬหบชู า
รวมทง้ั หลักธรรมเพือ่ การครองตน ครองคน และครองงาน
(๒) จดั ปา ยนเิ ทศเกยี่ วกบั หลกั ธรรมเพอ่ื การปฏบิ ตั ใิ หป ระสบ
ผลสาํ เรจ็ และมีประสิทธภิ าพ
(๓) จดั ใหมีการบรรยายธรรมและสนทนาธรรม
(๔) รว มกนั บาํ เพญ็ สาธารณประโยชน เชน ปลกู ตน ไม บรจิ าค
โลหิต
(๕) หัวหนาหนวยงานใหโอกาสผูรวมงานไปบําเพ็ญกุศล
ตามประเพณนี ิยม

วันอาสาฬหบูชา 17
หนว ยงานอน่ื ในสงั คม (องคก ร สมาคม มลู นธิ ิ สอ่ื มวลชน ฯลฯ)
(๑) ประชาสัมพันธเรื่องวันอาสาฬหบูชา โดยใชสื่อตาม
ศกั ยภาพท่มี อี ยู
(๒) จดั พมิ พเ อกสารเกย่ี วกบั ความสาํ คญั ของวนั อาสาฬหบชู า
รวมทงั้ หลกั ธรรมทส่ี ง เสรมิ การครองเรอื นอยา งมคี วามสขุ และแนวทาง
การปฏบิ ัตธิ รรม เพื่อเผยแพรแ กส าธารณชน
(๓) เชิญชวนใหประชาชนท่ัวไปเขา รว มกิจกรรมปฏิบัตธิ รรม
และพิธีกรรมทางศาสนา เชน ทําบุญตักบาตร ฟงธรรม รักษาศีล
ไหวพระ สวดมนต สนทนาธรรม เจรญิ ภาวนา
(๔) รณรงคท างสอื่ มวลชนทกุ แขนง ใหลด ละ เลิก อบายมุข
งดจําหนา ยสุราและส่งิ เสพติดทุกชนดิ
(๕) ประกาศเกยี รตคิ ณุ สถาบนั หรอื บคุ คลผทู าํ คณุ ประโยชน
ตอสังคม
(๖) รณรงคใหรักษาสภาพแวดลอมในวัดหรือในท่ีสาธารณะ
ปลกู ตนไม ทาํ ความสะอาดทสี่ าธารณะ

18 วันอาสาฬหบูชา
สาํ หรับวดั
กอ นถึงวันอาสาฬหบูชา
เจาอาวาสแจง แกภ กิ ษุ สามเณร อุบาสก อบุ าสกิ า ใหท ราบ

วาวันใดเปนวันอาสาฬหบูชา โดยใชปายแจงเตือนหรือแจงทางการ
กระจายเสียงภายในวดั กไ็ ด

วันอาสาฬหบูชา 19
ในวันอาสาฬหบูชา
(๑) ภิกษุ สามเณร ศิษยวัด คนวัด ชวยกันทําความสะอาด
บริเวณวัด ปูลาดอาสนะ จัดต้ังเครื่องสักการะ ตั้งน้ําใชนํ้าฉัน
และประดบั ธงธรรมจกั ร (ถาสามารถดาํ เนินการได)
(๒) เวลาเชา มีการตักบาตร ทําบุญ ทําวัตรเชา ฟงธรรม
เวลาบาย มีการฟงธรรม สนทนาธรรม เวลาเย็น อุบาสก อุบาสิกา
ที่ถอื ศีลอุโบสถ ทาํ วตั รสวดมนต
(๓) เวลาคํ่า พระภกิ ษสุ ามเณร อบุ าสก อุบาสิกา นําธูปเทยี น
ดอกไมไปประชุมพรอมกันท่ีอุโบสถ สถูป หรือเจดียแหงใดแหงหนึ่ง
ทจ่ี ดั เตรยี มไว เมอื่ พระสงฆพ รอ มกนั แลว ใหย นื หนั หนา เขา หาสงิ่ เคารพ
คือ พระประธานหรือสถูปเจดียอยางใดอยางหนึ่ง คฤหัสถยืนถือ
ธูปเทยี น ดอกไม ประนมมืออยถู ดั จากพระสงฆออกไป เมื่อพระเถระ
กลาวนาํ คาํ บชู า ทง้ั หมดวา ตามพรอ มกัน เมอื่ กลา วคาํ บชู าเสรจ็ แลว
พระสงฆเดินนําหนาเวียนขวารอบอุโบสถ หรือสถูปเจดีย ๓ รอบ
ซ่งึ เรียกวา เวยี นเทยี น คฤหัสถเดินตามอยา งสงบ ขณะเวยี นรอบแรก
ใหระลึกถึงพระพุทธคุณ รอบที่ ๒ ระลึกถึงพระธรรมคุณ รอบท่ี ๓
ระลกึ ถึงพระสังฆคุณ เมอื่ เวยี นเทียนครบ ๓ รอบแลว จึงนาํ ดอกไม
ธูปเทียนไปวางไวใ นสถานที่ทก่ี าํ หนด
จากนั้น สามารถปฏิบัติตามอัธยาศัย สมควรแกอัตภาพ
ของตนเอง

20 วันอาสาฬหบูชา

วันอาสาฬหบูชา 21

ประโยชนทพี่ ึงไดร บั
ประโยชนทเ่ี กดิ ข้นึ แกพุทธศาสนิกชน

๑. มีความรูความเขาใจเกี่ยวกับความสําคัญของ
วนั อาสาฬหบูชา รวมทั้งหลักธรรม คือ มัชฌิมาปฏปิ ทา และแนวทาง
ประพฤติปฏิบัติ

๒. เกิดความศรัทธาซาบซึ้งและตระหนักในความสําคัญ
ของพระพทุ ธศาสนา

๓. เห็นคณุ คาของการดาํ เนนิ ชีวติ เพือ่ การบรรลุธรรม
๔. รจู กั ปฏิบัตติ นตามหนาทข่ี องชาวพุทธไดอยา งถูกตอง
ประโยชนท ่ีเกดิ ข้ึนแกสังคมโลก
หลักมัชฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลาง เปนหลักธรรม
ทพี่ ระพทุ ธองคท รงสง่ั สอน จดั วา เปน ขอ ปฏบิ ตั ทิ สี่ ง เสรมิ ใหส งั คมโลก
อยูดวยกันอยางสงบสุข ลดความขัดแยง หลีกเล่ียงการแกปญหา
ดว ยวิธีการรุนแรง

22 วันอาสาฬหบูชา

คําบชู าวันอาสาฬหบูชา

ยะมัมหะ โข มะยัง ภะคะวันตัง สะระณัง คะตา โย โน
ภะคะวา สตั ถา ยสั สะ จะ มะยงั ภะคะวะโต ธมั มงั โรเจมะ อะโหสิ โข โส
ภะคะวา อะระหัง สมั มาสมั พุทโธ สัตเตสุ การญุ ญัง ปะฏิจจะ กะรณุ า
ยะโก หเิ ตสี อะนกุ มั ปง อปุ าทายะ อาสาฬหะปณุ ณะมยิ งั พาราณะสยิ งั
อิสิปะตะเน มิคะทาเย ปญจะวัคคิยานัง ภิกขูนัง อะนุตตะรัง
ธมั มะจักกงั ปะฐะมัง ปะวัตเตตวา จัตตาริ อะรยิ ะสจั จานิ ปะกาเสสฯิ

ตัสมิญจะ โข สะมะเย ปญจะวัคคิยานัง ภิกขูนัง ปะมุโข
อายสั มา อญั ญาโกณฑญั โญ ภะคะวะโต ธมั มงั สตุ วา วริ ะชงั วตี ะมะลงั
ธัมมะจักขุง ปะฏิละภิตวา ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง
นโิ รธะธมั มันติ ภะคะวนั ตัง อปุ ะสัมปะทัง ยาจติ วา ภะคะวะโตเยวะ
สันติกา เอหิภิกขปู ะสมั ปะทงั ปะฏลิ ะภติ วา ภะคะวะโต ธัมมะวนิ ะเย
อะรยิ ะสาวะกะสงั โฆ โลเก ปะฐะมงั อปุ ปน โน อะโหสฯิ พทุ ธะระตะนงั
ธัมมะระตะนงั สงั ฆะระตะนนั ติ ตริ ะตะนงั สัมปณุ ณัง อะโหสฯิ

วันอาสาฬหบูชา 23
มะยัง โข เอตะระหิ อิมัง อาสาฬหะปุณณะมีกาลัง ตัสสะ
ภะคะวะโต ธมั มะจกั กปั ปะวตั ตะนงั กาละสมั มะตงั อะรยิ ะสาวะกะสงั ฆะ
อปุ ปต ตกิ าละสมั มะตญั จะ ระตะนตั ตะยะสมั ปรู ะณะกาละสมั มะตญั จะ
ปตวา อิมัง ฐานัง สัมปตตา อิเม สักกาเร คะเหตวา อัตตะโน
กายัง สักการุปะธานัง กะริตวา ตัสสะ ภะคะวะโต ยะถาภุจเจ
คุเณ อะนุสสะรันตา อิมัง ถูปง (หรือ อิมัง พุทธะปฏิมัง) ติกขัตตุง
ปะทักขณิ ัง กะริสสามะ ยะถาคะหเิ ตหิ สกั กาเรหิ ปูชัง กรุ มุ านาฯ
สาธุ โน ภนั เต ภะคะวา สจุ ริ ะปะรนิ พิ พโุ ตป ญาตพั เพหิ คเุ ณหิ
อะตตี ารมั มะณะตายะ ปญ ญายะมาโน อเิ ม อมั เหหิ คะหเิ ต สกั กาเร
ปะฏคิ คัณหาตุ อัมหากัง ทฆี ะรตั ตัง หิตายะ สขุ ายะฯ

24 วันอาสาฬหบูชา
คําแปล
เราท้ังหลาย ถึงซ่ึงพระผูมีพระภาคพระองคใดแลวา

เปน ทพ่ี งึ่ พระผมู พี ระภาคพระองคใ ดเปน พระศาสดาของเราทงั้ หลาย
อนึ่ง เราทั้งหลายชอบใจซึ่งธรรมของพระผูมีพระภาคพระองคใด
พระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น เปนพระอรหันต ตรัสรูชอบเอง
ทรงอาศัยความการุญในสัตวทั้งหลาย ทรงพระกรุณาแสวงหา
ประโยชนเ กอื้ กลู ทรงอาศยั ความเอน็ ดู ไดย งั พระธรรมจกั รอนั ยอดเยยี่ ม
ใหเ ปน ไป ทรงประกาศอรยิ สจั ๔ เปน ครง้ั แรก แกพ ระภกิ ษปุ ญ จวคั คยี 
ท่ปี า อิสิปตนมฤคทายวัน ใกลกรุงพาราณสี ในวนั อาสาฬหปุณณมี

อนึ่ง ในสมัยน้ันแล ทานพระอัญญาโกณฑัญญะ ผูเปน
หวั หนา ของพระภกิ ษปุ ญ จวคั คยี  ไดฟ ง ธรรมของพระผมู พี ระภาคแลว
ไดธ รรมจกั ษอุ นั บรสิ ทุ ธ์ิปราศจากมลทนิ วา “สง่ิ ใดสง่ิ หนงึ่ มคี วามเกดิ ขน้ึ
เปน ธรรมดา สงิ่ ทง้ั ปวงนน้ั มคี วามดบั เปน ธรรมดา” จงึ ทลู ขออปุ สมบท
กับพระผูมีพระภาค ไดรับอุปสมบทดวยเอหิภิกขุแลวจากสํานักของ
พระผูมีพระภาคน้นั แล ไดเปนพระอรยิ ะสงฆส าวกแลว ในธรรมวนิ ยั
ของพระผมู ีพระภาค เกิดขนึ้ เปน องคแ รกในโลก

อนง่ึ ในสมยั แมน นั้ แล พระสงั ฆรตั นะไดบ งั เกดิ ขน้ึ เปน ครง้ั แรก
พระรัตนตรัย คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ
ไดสมบรู ณแ ลว ในโลก

วันอาสาฬหบูชา 25
บัดน้ี เราทั้งหลาย มาประจวบมงคลสมัยอาสาฬหปุณณมี
วันเพ็ญอาสาฬหมาส ท่ีรูพรอมกันวาเปนวันท่ีพระผูมีพระภาค
พระองคนั้น ทรงประกาศพระธรรมจักร เปนวันท่ีเกิดข้ึน
แหงพระอริยสงฆสาวก และเปนวันท่ีพระรัตนตรัยสมบูรณ คือ
ครบ ๓ รัตนะ จึงมาประชุมพรอ มกันแลว ณ ท่นี ี้ ถอื สกั การะเหลานี้
ทํากายของตนใหเปนดังภาชนะรับเครื่องสักการะ ระลึกถึงพระคุณ
ตามเปนจริงท้ังหลายของพระผูมีพระภาคนั้น จักทําประทักษิณ
สน้ิ วาระสามรอบ ซง่ึ พระสถปู (พระพทุ ธปฏมิ า) น้ี บชู าอยดู ว ยสกั การะ
อนั ถือไวแ ลว อยา งไร
ขา แตพ ระสงฆผ เู จรญิ ขอพระผมู พี ระภาค แมเ สดจ็ ปรนิ พิ พาน
นานแลว ยังปรากฏอยูดวยพระคุณสมบัติ อันขาพเจาทั้งหลาย
จะพงึ รโู ดยความเปน อตตี ารมณ จงทรงรบั เครอื่ งสกั การะ อนั ขา พเจา
ท้งั หลายถือไวแลวนี้ เพอื่ ประโยชน เพื่อความสขุ แกขาพเจาทัง้ หลาย
สิ้นกาลนาน เทอญฯ

26 วันอาสาฬหบูชา

หนงั สืออา งอิง

กรมการศาสนา, กระทรวงศึกษาธิการ. เอกสารเผยแพรวันสําคัญ
ทางพระพุทธศาสนา. วันอาสาฬหบูชา. โรงพิมพการศาสนา.
(ไมปรากฏป พ.ศ. ทพ่ี ิมพ).

ประยงค สุวรรณบุปผา, นาวาเอก. วันสําคัญทางพระพุทธศาสนา.
กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพการศาสนา, ๒๕๓๐.

แปลก สนธิรักษ. พิธีกรรมและประเพณี. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ
ห.จ.ก. รุงเรืองสาสนการพิมพ, ๒๕๓๒. (พิมพเปนบรรณาการ
ในงานพระราชทานเพลิงศพ พระภัทรศีลสังวร (ไสว ถาวโร)
ณ ฌาปนสถานกองทัพบก วัดโสมนัสวิหาร กรุงเทพมหานคร
วันเสารท ่ี ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๒).

พิทรู มลิวัลย. วนั สําคัญทางพระพุทธศาสนา. กรมการศาสนา พมิ พครั้งท่ี ๒.
กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพก ารศาสนา, ๒๕๒๘.

วนั อาสาฬหบชู า แนวทางปฏบิ ตั สิ าํ หรบั พทุ ธศาสนกิ ชน. กรงุ เทพมหานคร :
โรงพมิ พการศาสนา สาํ นักงานพระพุทธศาสนาแหง ชาติ, ๒๕๔๗.

เสฐยี รโกเศศ, พระธรรมปฎ ก (ป.อ. ปยตุ โฺ ต). ความรเู กย่ี วกบั วนั สาํ คญั ของไทย.
กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ ห.จ.ก. สหประชาพาณิชย, ๒๕๔๑.
(ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย ดร.อุบล
เรียงสุวรรณ ป.ช., ป.ม. ณ ฌาปนสถานกองทัพอากาศ
วดั พระศรีมหาธาตวุ รมหาวิหาร ๑๔ มิถนุ ายน ๒๕๕๑).

สํานักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแหงชาติ, กระทรวงศึกษาธิการ.
วันอาสาฬหบูชาและแนวทางในการปฏิบัติ. กรุงเทพมหานคร :
โรงพมิ พคุรุสภาลาดพราว, ๒๕๒๖.

อนุศาสนาจารย, กรมการศาสนา. คูมือการสอนวิชาพระพุทธศาสนา
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพการศาสนา,
๒๕๒๔.




Click to View FlipBook Version