ปัญหาและขอ้ จากัดของการใชง้ านคอมพวิ เตอร์
1.คอมพิวเตอร์ไมส่ ามารถเข้ามาแทนท่มี นุษย์ได้ 100% เพราะมนุษย์ตอ้ งคอยเป็นผ้คู วบคมุ
และสรา้ งคาสัง่ ใหค้ อมพิวเตอรท์ างานได้อยดู่ ี
2. แมจ้ ะมีความสามารถในเรือ่ งของการคิดและตดั สินใจได้แทนมนษุ ย์ แตเ่ ปน็ เพียงบาง
เรื่องหรือบางกรณีเทา่ นนั้
3. การประมวลผล ไดร้ บั ข้อมลู อยา่ งไรกป็ ระมวลผลไปตามนั้น
ปัญหาของการใช้งานคอมพวิ เตอร์ทีพ่ บมากทส่ี ดุ
1.ความรู้ไม่ทันเทคโนโลยีของผใู้ ชท้ ีข่ าดทักษะบางประการหรือไมต่ ิดตามข่าวสารใหม่ๆ
เช่น ปัญหาไวรัสท่ีแพร่กระจาย
2.ปัญหาอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ท่ีเพมิ่ ข้ึน การโกงหรอื การหลอกหลวงขอ้ มลู การขโมย
ทรัพย์สินทางปญั ญา การละเมิดความเปน็ สว่ นตัว
3.มนษุ ยต์ อ้ งรจู้ กั เลือกใชง้ านคอมพิวเตอรใ์ ห้ถูกวิธี
4.ตดิ ตามขา่ วสารเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอรอ์ ย่างสมา่ เสมอ
5.ตระหนักถงึ จรยิ ธรรมในการใชง้ านโดยทั่วไปทจี่ ะไม่สร้างความเสยี หายแก่ผอู้ ื่น
ความหมายของโทรคมนาคม
เปน็ การส่งสารสนเทศในรปู แบบของตวั อักษรภาพและเสียงโดยใช้คลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ หรอื การ
ตดิ ตอ่ สารจากที่หน่งึ ไปยังอกี ที่หนง่ึ โดยใชพ้ ลังงานไฟฟ้า
สหภาพโทรคมนาคมระหวา่ งประเทศ
ช่ือ ยอ่ ITU หมายถึง การส่งข่าวสารทุกรูปแบบไม่ว่าจะเปน็ เสยี งพดู
ตัวอกั ษร สญั ลักษณ์ ภาพถ่ายโดยอาศยั สญั ญาณไฟฟา้ หรือสัญญาณแมเ่ หลก็ ไฟฟ้าไม่ว่ารปู แบบใดและไมจ่ ากัด
ว่าจะเป็นส่ือใด
อปุ กรณโ์ ทรคมนาคม
โทรศพั ท์ หรือ โทรศัพทเ์ คลอ่ื นที่
อปุ กรณอ์ เิ ล็กทรอนิกสท์ ่ีใชใ้ นการสอื่ สารสองทางผา่ น โทรศัพท์มือถอื ใชค้ ลื่นวทิ ยุในการติดตอ่
อุปกรณโ์ ทรคมนาคม
โทรสาร หรอื แฟกซ์ (Fax) รปู ท่สี ่งมาโดยทางไกล ตลอดจนการถอดแบบเอกสารตพี ิมพห์ รือ
รูปภาพ
องคป์ ระกอบขน้ั พื้นฐานของการสอื่ สารขอ้ มูล
ผสู้ ง่ สาร : ส่งิ ท่ีทาหนา้ ทีส่ ่งข้อมลู ในการส่อื สาร
ผูร้ ับสาร : ส่งิ ทผ่ี ู้สง่ สารทาหนา้ ท่ีรบั ขอ้ มูลที่ถกู สง่ มา
ขอ้ มูล : ส่งิ ท่ีผ้สู ง่ สารตอ้ งการส่งให้ผ้รู ับสาร
สัญญาณรบกวน : สง่ิ ทีท่ าใหเ้ กิดการรบกวนต่อระบบและขา่ วสาร
ส่อื : ตัวกลางทีใ่ ชใ้ นการส่งขอ้ มลู ระหว่างผสู้ ง่ สารและผู้รบั เช่น อากาศ สายไฟฟา้
โปรโตคอล กระบวนการ วีธีการ ประเภท
การส่อื สารโทรคมนาคมพนื้ ฐานการสื่อสารข้อมลู
วิทสยญั ญุกาณรแอะนะจล็อกายเสยี ง (Radio)
การสื่อสารขอ้ มูล
และเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การส่อื สารที่อาศยั คล่นื วทิ ยดุ ้วยการสง่ คล่นื ไปยงั อากาศเพอื่ เขา้ ไปยังเครื่องรบั วิทยุ
ไมจ่ าเป็นต้องใช้สาย สามารถสง่ คลน่ื ได้ในระยะไกลตามประเภทของคล่นื นนั้ ๆ
การสอื่ สารโทรคมนาคมพนื้ ฐานการส่ือสารข้อมลู
ไมโครเวฟ (Microwave)
สญั ญาณแอนะลอ็ ก การส่ือสารขอ้ มลู
และเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ปจั จุบันมกี ารนาคล่นื ไมโครเวฟมาใชใ้ นกิจการโทรคมนาคมอยา่ งกวา้ งขวาง
มคี วามถ่สี งู ระดับ กิกะเฮิรซ์ ์
การสอ่ื สารโทรคมนาคมพนื้ ฐานการส่ือสารข้อมลู
ดาวเทียมสญั ญาณแอนะลอ็ ก (saกtาeรllสiteื่อ)สารขอ้ มูล
และเครือข่ายคอมพวิ เตอร์
ทาให้สามารถตดิ ตอ่ กบั สถานไี มโครเวฟภาคพื้นดนิ
เครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์พนื้ ฐานการส่ือสารข้อมลู
สญั ญาณแอนะลอ็ ก การส่ือสารขอ้ มลู เครือข่าย
และเครื อข่ายคอมพิวเแคตบอมบอพมิวีสรเาตย์อร์
เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์พนื้ ฐานการส่ือสารข้อมลู
สญั ญาณแอนะลอ็ ก การส่ือสารขอ้ มูล
และเครือข่ายคอมพวิ เตอคอรมเคพ์รวิ ือเตขอ่ายร์
แบบไร้สาย
พนื้ ฐานการส่ือสารข้อมลู ประเภทเครือข่ายคอมพวิ เตอร์
แบง่ ตามภมู ิศาสตร์ได้ 3 ประเภท
2สญั .ญาเณคแอรนือะลขอ็ กา่ ย1ร.ะแดเลคับระเือมเขกคือา่ งายร(ทรMืออ้ สeงขtถr่ือนิ่o่าpยส(oLคolาitcอรaanlขมAAอ้rพreeมaaวิ NNูลเeeตttwwอooรrrkk์
: LAN )
: MAN)
3. เครือข่ายระดับประเทศ (Wide Area Network : WAN )
พนื้ ฐานการส่ือสารข้อมลู ประเภทเครือข่ายคอมพวิ เตอร์
สญั ญาณแอนะลอ็ ก เครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network : LAN )
การสื่อสารขอ้ มลู
และเครือข่ายคอมพิวเตอร์
เปน็ ระบบเครือขา่ ยท่ีใช้งานอยู่ในบรเิ วณท่ไี ม่กว้างมาก อยภู่ ายในอาคารเดยี วกนั หรืออาคาร
ท่ีอยู่ใกลก้ ัน เช่น มหาวทิ ยาลัย อาคารสานกั งาน คลงั สินค้า หรือโรงงาน
พนื้ ฐานการสื่อสารข้อมลู ประเภทเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์
การส่ือสารขอ้ มลู2สญั.ญาเณคแอรนอืะลข็อก่ายระดับเมือง (Metropolitan Area Network : MAN)
และเครือข่ายคอมพิวเตอร์
เปน็ ระบบเครือขา่ ยที่มกี ารเชื่อมตอ่ กันในระหว่างทก่ี วา้ งใหญ่ครอบคลุมระยะทางเปน็ 100 กโิ ลเมตร
ที่มกี ารตดิ ตอ่ กันในระยะทีไ่ กลกว่าระบบแลน เป็นการติดต่อระหว่างเมอื ง เชน่ กรงุ เทพฯ เชียงใหม่
พนื้ ฐานการส่ือสารข้อมลู ประเภทเครือข่ายคอมพวิ เตอร์
3. เครือข่ายระดบั ประเทศ (Wide Area Network : WAN )
สญั ญาณแอนะล็อก
การส่ือสารขอ้ มูล
และเครือข่ายคอมพิวเตอร์
เปน็ ระบบเครือข่ายทตี่ ิดตง้ั ใชง้ านอยู่ในบริเวณกวา้ ง เช่น ระบบเครอื ขา่ ยทต่ี ิดตง้ั ใช้งานทั่วโลกเป็น
เครือขา่ ยทเี่ ช่ือมตอ่ คอมพิวเตอร์หรอื อปุ กรณท์ อ่ี ยู่หา่ งไกลกันเขา้ ดว้ ยกัน
พนื ้ ฐานการส่ือสารข้อมลู ประโยชนข์ องเครอื ขา่ ย
สญั ญาณแอนะล็อก การใชท้ กราัพรยาสก่ือรรส่วมากรนั ขอ้ มลู
และชเ่วคยลรดือตข้น่าทยนุ คอมพิวเตอร์
เพมิ่ ความสะดวกในด้านการสือ่ สาร
ความนา่ เชื่อถือและความปลอดภัยของระบบ
พนื้ ฐานการส่ือสารข้อมลู เครือขา่ ยแบบ Peer-to-Peer
สญั ญาณแอนะลอ็ ก การส่ือสารทกุขๆอ้ โหมนดลูบนเครอื ขา่ ยจะมี
และเครือข่ายคอสิทมธเ์ิ ทพ่าเทิวียมเกตัน อร์
พนื้ ฐานการส่ือสารข้อมลู เครอื ขา่ ยแบบ Client/Server
สญั ญาณแอนะลอ็ ก การสื่อสารขอ้ มูลมีเครอ่ื งเซิรฟ์ เวอรท์ าหนา้ ที่
และเครือข่ายคอบรกิมารพทรัพิวยาเกตรโดอยเรฉพ์ าะ
พนื้ ฐานการสื่อสารขเ้อกมลู ณฑ์วดั ประสทิ ธิภาพของเครือขา่ ย
สญั ญาณแอนะล็อก
การส่ือสารขอ้ มูล1. สมรรถนะ
- จานวนผู้ใช้งาน
- ชนิดสอ่ื กลางทใ่ี ช้
และเครือข่ายคอ- อุปมกรณพ์ฮารด์วิ แวเร์ตอร์
2. ความนา่ เชือถอื - ความถี่ของความลม้ เหลว
- ระยะเวลาในการก้คู นื
- ความคงทนต่อความล้มเหลว
3. ความปลอดภยั - ป้องกนั บุคคลทไี่ ม่มีสิทธิใ์ นการ
Security เขา้ ถงึ ขอ้ มูล
- การปอ้ งกนั ไวรัสคอมพิวเตอร์
เทคโนโลยีสารสนเทศ
ความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศปจั จุบนั คาวา่ “ เทคโนโลยีสาระสนเทศ ” หรอื เรยี กส้นั ๆวา่ “ ไอที ” ( IT ) นน้ั มัก
นามาใช้งานอยา่ งกวา้ งขวาง เกอื บทกุ วงการลว้ นเห็นความสาคัญของเทคโนโลยสี ารสนเทศกนั แทบทง้ั สน้ิ หรอื อาจเรยี กว่า โลกแหง่
ยุคไอทีน้นั เอง ในความเป็นจรงิ คาวา่ เทคโนโลยสี าระสนเทศนน้ั ประกอบดว้ ยคาว่า “เทคโนโลยี” และคาวา่ “สารสนเทศ” มา
รวมกนั โดยแต่ละคามีความหมายดังนี้
เทคโนโลยี ( Technology ) คอื การประยุกต์ความรดู้ า้ นวทิ ยาศาสตรม์ าใช้ให้เกิดประโยชน์ ทเ่ี กี่ยวข้องการ
ผลิต การสร้างวธิ ีการดาเนินงาน และรวมถึงอุปกรณต์ า่ งๆ ที่ไมไ่ ดม้ ีในตามธรรมชาตโิ ลกแหง่ เทคโนโลยียคุ นี้ ทาใหม้ นุษย์ไดร้ ับสิง่
อานวยความสะดวกจากเทคโนโลยีมาประยกุ ตใ์ ช้กับการดาเนนิ ชีวิตประจาวนั มากมายนับไมถ่ ว้ น
สารสรเทศ ( Information ) คอื ผลลพั ธท์ ่ีเกิดจากการประมวลผลข้อมูลดิบ (Rau data ) ด้วยการรวบรวมขอ้ มูล
จากแหล่งต่างๆ และนามาผา่ นกระบวนการประเมินผล ไม่ว่าจะเป็นการจัดกลุ่มขอ้ มลู การเรยี งลาดบั ข้อมูล การคานวณและ
สรุปผล จากน้นั กน็ ามาเสนอในรปู แบบของรายงานทีเ่ หมาะสมตอ่ การใชง้ านทก่ี ่อเกดิ ประโยชนก์ ารดาเนนิ ชวี ิตของมนุษย์ ไม่ว่าจะเปน็
ด้านของชีวติ ประจาวัน ข่าวสาร ความรดู้ ้านวิชาการ ธรุ กจิ
เม่ือนาคาวา่ เทคโนโลยี และ สารสนเทศ รวมเขา้ ไวด้ ว้ ยกนั แล้ว จึงสรุปความหมายโดยรวมได้ว่า เทคโนโลยี
สารสนเทศ ( Information technology ) คือการประยุกตค์ วามรู้ทางด้านวิทยาสาสตร์มาจดั การสารสนเทศทีต่ ้องการ โดย
อาศยั เครือ่ งมือทางเทคโนโลยใี หม่ๆ เชน่ เทคโนโลยดี า้ นคอมพวิ เตอร์ เทคโนโลยดี า้ นเครอื ข่ายโทรคมนาคมและการ
สอ่ื สาร ตลอดจนอาศัยความรูใ้ นกระบวนการดาเนนิ งานสารสนเทศในข้ันตอนต่างๆ ต้งั แตก่ ารแสวงหา การวเิ คราะห์ การ
จัดเก็บ รวมถึงการจัดการเผยแพร่และแลกเปลี่ยนสารสนเทศด้วย เพ่อื เพ่มิ ประสทิ ธภิ าพความถูกตอ้ งแมน่ ยา และความรวดเรว็ ทนั
ตอ่ การนามาใชป้ ระโยชน์ได้นั่นเอง
เทคโนโลยีสารสนเทศ
การแสวงหา การวเิ คราะหแ์ ละการจดั เก็บข้อมลู จาเปน็ ตอ้ งอาศัยเทคโนโลยที างด้านคอมพวิ เตอรเ์ ข้ามาชว่ ยเพอื่ ให้เกดิ
ความรวดเรว็ และแม่นยา ในทานองเดยี วกันเทคโนโลยีทางดา้ นเครือขา่ ยการสอื่ สารและโทรคมนาคมสามาช่วยในการเผยแพรแ่ ละ
แลกเปลี่ยนสารสนเทศทาได้ทว่ั ถึงมากยิง่ ข้ึน
เทคโนโลยีสารสนเทศจงึ มคี วามหมายทกี่ วา้ งขวางมาก นกั ศึกษาจะได้พบสิง่ รอบๆ ตัวที่เก่ยี วกับสารสนเทศอยมู่ าก ดังนี้
1. การเก็บรวบรวมขอ้ มลู เปน็ วธิ กี ารรวบรวมขอ้ มูลเข้าสูร่ ะบบ นกั เรยี นอาจเหน็ พนักงานการไฟฟ้าไปทีบ่ า้ นพรอ้ ม
เครื่องคอมพวิ เตอรข์ นาดเลก็ เพื่อบันทกึ ขอ้ มูลการใช้ไฟฟา้ ในการสอบแข่งขันท่ีมสี อบจานวนมาก กม็ ีการใชด้ นิ สอระบายตามชอ่ งที่
เลอื กตอบ เพื่อให้เครื่องอ่านเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลได้ เม่อื ไปซอ้ื สินคา้ ที่ห้างสรรพสินคา้ กม็ ีการใช้รหสั แท่ง
( Bar code ) พนกั งานจะนาสินคา้ ผ่านการตรวจของเครื่องเพื่อขอ้ มลู การสนิ คา้ ท่บี รรจใุ นรหัสแท่ง เมอ่ื ไปทห่ี อ้ งสมุดกพ็ บวา่ หนงั สือมี
รหัสแท่งเช่นเดียวกนั การใชร้ หสั แท่งน้เี พื่อให้งา่ ยตอ่ การเก็บรวบรวม
2. การประมวลผล ข้อมลู ท่เี ก็บมาไดม้ กั จะเก็บในสอ่ื ตา่ งๆ เชน่ ผา่ นบันทกึ แผ่นซีดีหรอื เทป เป็นต้น ข้อมลู เหล่านีจ้ ะ
ถูกนามาประมวลผลตามต้องการ เช่น แยกแยะขอ้ มลู เปน็ กลมุ่ เรียงลาดับข้อมลู คานวณ หรอื จัดการคัดแยกขอ้ มูลทจี่ ดั เก็บเหลา่ นัน้
3. การแสดงผลลัพธ์ อุปกรณท์ ีใ่ ชเ้ ทคโนโลยใี นการแสดงผลลัพธม์ ีมาก สามารถแสดงเปน็ ตัวหนงั สอื เปน็ รปู ภาพ
ตลอดจนพิมพ์ออกมาทก่ี ระดาษ การแสดงผลลพั ธม์ ที งั้ แสดงเปน็ ภาพ เป็นเสยี ง เปน็ วีดีทัศน์ เปน็ ต้น
4. การทาสาเนา เมือ่ มขี ้อมลู ที่จดั เก็บในสือ่ อิเลก็ ทรอนิกสต์ ่างๆ การทาสาเนาจะทาได้ง่ายและทาได้เปน็ จานวนมาก
ดงั นน้ั อุปกรณ์ช่วยในการทาสาเนา จดั ได้วา่ เปน็ เทคโนโลยสี านสนเทศทมี ีการพัฒนามาอย่างตอ่ เน่อื ง เรามีเคร่ืองพิมพ์ เครื่องถ่าย
เอกสาร อปุ กรณ์การเก็บขอ้ มลู ทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์ เชน่ จานบันทกึ ซดี รี อม ซ่งึ สามารถทาสาเนาได้เป็นจานวนมาก
5. การสอ่ื สารโทรคมนาคม เป็นวกี ารจดั ส่งขอ้ มลู จากทีห่ นึง่ หรือ กระจ่ายออกไปยังปลายทางครั้งละมากๆ ปัจจบุ นั มี
อุปกรณ์ระบบสื่อสารโทรคมนาคมหลายประเภทตง้ั แต้โทรเลข โทรศัพท์ เส้นใยนาแสง เคเบลิ ใต้น้า คล่ืนวทิ ยไุ มโครเวฟและดาวเทียม
เปน็ ต้น
หลักการระบบสารสนเทศ
เพ่อื การจดั การ
ขอ้ มลู (Data)
ขา่ วสาร ขอ้ ความ ตวั เลขและ
ขอ้ เทจ็ จริงท่ีสนใจไม่วา่ จะเป็นคน สตั ว์
สง่ิ ของหรือเหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ ทยี่ ังไม่
ประเมินหรือปรบั แต่งให้สามารถนาไปใช้
ได้ตรงกับความตอ้ งการของผู้ใช้
การรบั รู้ขอ้ มลู
ขอ้ มลู ตัวเลข (Numeric)
เวลา คะแนนสอบ
ราคาสินค้า สว่ นสูง
นา้ หนัก
ข้อมูลภาพ (Image)
วดิ โี อ สัญลกั ษณ์
ภาพถา่ ย ภาพวาด
ขอ้ มูลอักขระ/ตวั อกั ษร (Text)
ชอ่ื และนามสกุล จดหมาย
ทะเบียนบ้าน หมายเลขโทรศัพท์
ทะเบยี นรถยนต์
ขอ้ มลู เสียง (Sound)
เสยี งรถไฟ เสยี งเพลง
เสียงคนคุยกนั เสียงนกหวีด
เสียงนกร้อง
ประเภทของข้อมูล
จาแนกตามลักษณะการนบั
ขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากการนับ ขอ้ มูลได้จาการวดั
ขอ้ มลู จากการสังเกต ขอ้ มลู ที่ได้จากการสมั ภาษณ์
ประเภทของขอ้ มลู
แบง่ ตามมาตรของการวัด
มาตรฐานวดั นามบญั ญัติ มาตรวดั อนั ดบั
มาตรฐานวดั แบบชว่ ง มาตรฐานอัตราสว่ น
ประเภทของขอ้ มลู
จาแนกตามแหลง่ ท่ีมาของข้อมลู
ขอ้ มลู ปฐมภมู ิ ขอ้ มลู ทตุ ิยภูมิ
แหล่งทมี่ าของขอ้ มูล
1. แหลง่ ขอ้ มลู ภายในองค์กร เปน็ ขอ้ มลู ทเี่ กิดขน้ึ ภายในองค์กร สามารถนา
ขอ้ มูลเหลา่ นีม้ าผลิตเป็นสารเทศทใี่ ชใ้ นภายองค์กรไดแ้ ก่ นโยบายและ
กฏขอ้ บงั คบั ขององคก์ ร เชน่ การปรบั เงนิ เดอื น การเลอ่ื นตาแหนง่ หรอื
การบรหิ ารจดั การองคก์ ร
2. แหลง่ ขอ้ มลู ภายนอกองค์กร เปน็ ข้อมลู ทีเ่ กิดขนึ้ นอกองคก์ ร แลว้
นามาประมวลผลเป็นสารสนเทศ เพ่ือให้ผบู้ รหิ ารสามารถนากาหนดการ
ปฏิบัตกิ าร
สารสนเทศ (Information)
ขั้นตอนที่ 1 ขัน้ ตอนที่ 2 ขน้ั ตอนท่ี 3
สว่ นรับข้อมลู
(Input) สว่ นประมวลผล สารสนเทศ
(Process) (Information)
หน่วยความจา
(Memory)
การทาข้อมลู ใหเ้ ป็นสารสนเทศ
1. การรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล
2. การดาเนนิ การประมวลผลขอ้ มลู ใหก้ ลายเป็น
สารสนเทศ
3. การดแู ลรักษาสารสนเทศเพอ่ื การใช้งาน
ตวั อย่างขอ้ มลู สารสนเทศ
ระบบสนสนเทศ
ระบบสารสนเทศ Information system หมายถงึ กระบวนการประมวลผลข้อมลู ทีม่ อี ยู่ให้อยู่ใน
รปู ของขอ้ มูลทีเ่ ปน็ ประโยชน์สงู สุดเพื่อเปน็ ขอ้ สรปุ ทใี่ ชส้ นบั สนนุ การตดั สนิ ใจของบคุ คลระดบั
บรหิ ารและเป็นระบบทป่ี ระกอบดว้ ยส่วนตา่ ง ๆ ได้แก่ ระบบคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์
ระบบเครอื ขา่ ย ฐานข้อมูล ผพู้ ฒั นาระบบ ผ้ใู ชร้ ะบบ พนกั งานที่เกยี่ วข้อง และผ้เู ชยี่ วชาญใน
สาขา
ประเภทของระบบสารสนเทศ 9 ประเภท
1. ระบบสารสนเทศแบบประมวลผลรายการ : เกย่ี วกับการบันทกึ ประมวลผลมทเ่ี กิด
จากธุรกรรมหรือการปฏบิ ัติงานประจา
(TPS: Transaction Processing Systems)
การส่ือสารขอ้ มลู1. ถอนเงิน 500 บาท
2. ATM ส่งคารอ้ ง 3. ธนาคารตรวจสอบสถานะ
เครือข่ายคอมพวิ เตอร์จากตู้ATMอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
และประมวลผลตามคารอ้ ง
และไปยงั ธนาคาร
5. ATM จ่ายเงนิ 500 บาท 4. ธนาคารส่งผลการอนุมตั ิ
และคัดยอดเงนิ ในบญั ชี
ประเภทของระบบสารสนเทศ 9 ประเภท
2. ระบบสารสนเทศเพอ่ื การจดั การ : ระบบท่ใี ห้สารสนเทศท่ผี บู้ รหิ าร
(MIS : Management Information Systems)
database
MIS
Information Management
ประเภทของระบบสารสนเทศ 9 ประเภท
3. ระบบสนับสนุนการตดั สนิ ใจ : ระบบทพ่ี ัฒนาขึ้นจากระบบ MIS
(DSS : Decision Support Systems)
ประเภทของระบบสารสนเทศ 9 ประเภท
4. ระบบงานสร้างความรู้: ระบบทชี่ ่วยสนับสนนุ บุคลากรทท่ี างานด้านการสร้างความร้เู พ่อื
พฒั นาการ คดิ ค้น สร้างผลิตภัณฑใ์ หม่
(KWS : Knowledge Work Systems)
ประเภทของระบบสารสนเทศ 9 ประเภท
5. ระบบสนบั สนนุ การตัดสนิ ใจแบบกลุ่ม : ระบบย่อยในสารสนเทศเพื่อการจัดการ โดย
ระบบสนบั สนนุ การตดั สนิ ใจจะช่วยผบู้ รหิ ารในเรื่องการตัดสนิ ใจในเหตุการณ์
(GDSS : Group Decision Support Systems)
ประเภทของระบบสารสนเทศ 9 ประเภท
6. ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ : กระบวนการทางานเกย่ี วกบั ขอ้ มูลในเชิง
พื้นทด่ี ว้ ยระดบั บคอมพิวเตอร์ เช่น ท่อี ยู่ บ้านเลขท่ี สัมพนั ธ์กับตาแหนง่ แผนท่ี
(GIS : Geographic Information Systems)
ประเภทของระบบสารสนเทศ 9 ประเภท
7. ระบบสารสนเทศเพ่อื ผบู้ ริหารระดบั สงู : สร้างข้นึ เพอ่ื สนบั สนนุ การตัดสินใจสาหรบั
ผู้บริหารระดับสูงโดยเฉพาะ
(EIS : Executive Information System)
ประเภทของระบบสารสนเทศ 9 ประเภท
8. ปญั ญาประดษิ ฐ์ : ทาใหเ้ คร่ืองคอมพิวเตอรเ์ ป็นผ้ชู านาญการ
ในสาขาใดสาขาหนง่ึ คลา้ ยกบั มนุษย์
(AI : Artificial Intelligence)
ประเภทของระบบสารสนเทศ 9 ประเภท
9. ระบบสานกั งานอัตโนมัต:ิ ใช้เครื่องมอื แบบอัตโนมัติและระบบสื่อสารเช่อื มโยงข่าวสาร
ระหว่างเครื่องมือ มีจุดมุ่งหมายใหเ้ ปน็ ระบบไม่ใช้กระดาษ
การส่งข่าวสารดว้ ยข้อมลู อิเลก็ ทรอนิกส์
(OAS : Office Automation System)
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
1. ฮารด์ แวร์ (Hardware)
2. ซอฟ์แวร์ (Software)
3. บคุ ลากร (Personnel)
4. ข้ันตอนการปฏิบตั ิ (Process)
5. ขอ้ มลู (Data)
6. เครือขา่ ยและการสื่อสารขอ้ มูล (Network and Communication)
กระบวนการในการจดั การ
1.การวางแผน (Planning)
2.การจัดองคก์ ร (Organization)
3.การจัดคน (Staffing)
4.การอานวยการ (Directing)
5.การประสานงาน (Co-ordinating)
6.การรายงาน (Reporting)
Big Data ความรูพ้ นื้ ฐานการจดั การขอ้ มูลขนาดใหญ่
ความรพู้ ื้นฐานการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่
ความหมายของ Big Data
Big Data หมายถึง การนาข้อมูลจานวน
มหาศาลท่ไี ด้จากการใหบ้ ริการมาวเิ คราะห์ เพ่ือ
หาโอกาสทางธุรกิจใช้ประกอบการตัดสินใจใน
เรอ่ื งสาคญั ๆ ท้งั การพฒั นาดา้ นการขายและ
การตลาด การปรับปรงุ สนิ คา้ บริการใหต้ รงกับ
ความตอ้ งการของผบู้ ริโภคยุคใหม่ท่เี ปลย่ี นแปลง
อย่างรวดเรว็
Big Data 1.องค์ประกอบสาคญั ของข้อมลู
1.Device/Data Source (แหล่งท่ีมาของขอ้ มลู )
2.Gateway (ชอ่ งทางการเชอ่ื มโยงขอ้ มูล)
3.Storage (แหลง่ เกบ็ ข้อมูล)
4.Analytics (การวเิ คราะหข์ อ้ มูล)
5.Report/Action (การใช้ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล)
2.ลกั ษณะท่สี าคญั Big Data
1. ปริมาณ (Volume)
2. ความหลากหลาย (Variety)
3. ความเร็ว (Velocity)
4. ความถกู ตอ้ ง (Veracity)
5. คุณคา่ (Value)
6. ความแปรผันได้ (Variability)