E-BOOK เรื่อง วิท วิ ยาการคำ นวณ ด.ช.ชาคริตถ์ อังคะนาวิน
คำ นำ วิท วิ ยาการคำ นวณเป็นรายวิช วิ าพื้นฐานในกลุ่มสาระการ วิท วิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มุ่งเน้นให้ผู้เรีย รี นได้พัฒนาทักษะ การคิดวิเ วิ คราะห์ แก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ มีทักษะการคิดเชิงคำ นวณ และเป็นผู้ที่มีคุณธรรม จริย ริ ธรรม และค่านิยมในการใช้วิท วิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี อย่างสร้างสรรค์
สารบัญ หน้า อธิบายเรื่อ รื่ งวิท วิ ยาการคำ นวณ 1-2 เรื่อ รื่ ง แนวคิดเชิงนามธรรม 3 ภาษาไพทอน 4-7 เทคโนโลยีสารสนเทศ 8 พื้นฐานการเรีย รี นเท่าทันสื่อ 9-10
ทำ ไมต้องเรีย รี นวิท วิ ยาการคำ นวณ ? วิท วิ ยาการคำ นวณ (Computing science) เป็นวิช วิ าที่ มุ่งเน้นการเรีย รี นการสอนให้เด็กสามารถคิดเชิงคำ นวณ (Computational thinking) มีความพื้นฐานความรู้ ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital technology) และมี พื้นฐานการรู้เท่าทันสื่อและข่าวสาร (Media and information literacy) วิท วิ ยาการคำ นวณ CodingThailand by GritConnect การเรีย รี นวิช วิ าการคำ นวณ จะไม่จำ กัดอยู่เพียงแค่การคิดให้ เหมือนคอมพิวเตอร์เท่านั้น และไม่ได้จำ กัดอยู่เพียงการคิด ในศาสตร์ของนักวิท วิ ยาการคอมพิวเตอร์ แต่จะเป็นกระบวน การความคิดเชิงวิเ วิ คราะห์เพื่อนำ มาใช้แก้ปัญหาของมนุษย์ โดยเป็นการสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำ งานและช่วยแก้ไขปัญหา ตามที่เราต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิท วิ ยาการคำ นวณมี 3 องค์ความรู้ ดังนี้ 1.การคิดเชิงคำ นวณ (computational thinking) เป็นวิธี วิธี การคิดและแก้ ปัญหาเชิงวิเ วิ คราะห์ สามารถใช้จินตนาการมองปัญหาด้วยความคิดเชิง นามธรรม ซึ่งจะทำ ให้เราสามารถเห็นแนวทางในการแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้น ตอนและมีลำ ดับวิธี วิธี คิดได้ โดยวิธี วิธี คิดแบบวิท วิ ยาการคำ นวณนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ การเขียนโปรแกรม เพราะภาษาโปรแกรมมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่ จุดประสงค์ที่สำ คัญกว่า ว่ คือการสอนให้เด็กคิดและเชื่อมโยงปัญหาต่างๆ เป็น จนสามารถแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบนั่นเอง 2.พื้นฐานความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (digital technology) เป็นการสอน ให้รู้จักเทคนิควิธี วิธี การต่างๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะในยุคไทย แลนด์ 4.0 จะเน้นในด้านระบบอัตโนมัติ (Automation) ที่อยู่ในชีวิต วิประจำ วัน วั ไม่ว่า ว่ จะเป็นด้านการเกษตร อุตสาหกรรม หรือ รื คมนาคม ให้เด็กๆ ได้เรีย รี นรู้ อย่างรอบด้าน และนำ มาประยุกต์ใช้งานได้อย่างเหมาะสม 3.พื้นฐานการรู้เท่าทันสื่อและข่าวสาร (media and information literacy) เป็นทักษะเกี่ยวกับการรู้เท่าทันสื่อและเทคโนโลยีดิจิทัล แยกแยะ ได้ว่า ว่ ข้อมูลใดเป็นความจริง ริ หรือ รื ความคิดเห็น โดยเฉพาะข้อมูลบนสื่อสังคม ออนไลน์ นอกจากนี้ยังเป็นเรื่อ รื่ งของความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ รู้กฎหมาย และลิขสิทธิ์ทางปัญญาต่างๆ เพื่อให้เด็กใช้ช่องทางนี้ได้อย่างรู้เท่าทันและ ปลอดภัยมากที่สุด
แนวคิดเชิงนามธรรม แนวคิดเชิงนามธรรม (abstract thinking หรือ รื abstraction) เป็นองค์ประกอบหนึ่งของแนวคิดเชิง คำ นวณ (computational thinking) ใช้กระบวนการ คัดแยกคุณลักษณะที่สำ คัญออกจากรายละเอียดปลีก ย่อยในปัญหา หรือ รื งานที่กำ ลังพิจาณา เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ จำ เป็นและเพียงพอในการแก้ปัญหา
ภาษาไพทอน (Python language) 1.แนะนาเบื้องต้นกับภาษาไพทอน(Introduction) 2.ตัวแปร (Variable) 3.การกำ หนดค่าให้ตัวแปร(Assignment statement) 4.ชนิดข้อมูล(Data type) 5.ตัวดำ เนินการ(Operator) 6.สั่งรับและแสดงผล(Input and output statement)ประวัติ วั ติ ความเป็น ป็ มา ในปี ค.ศ. 1989 ภาษาไพทอนถูกพัฒนาโดย Guido van Rossum นักวิจั วิจั ย แห่งสถาบัน วิจั วิจั ยแห่งชาติทางด้านคณิตศาสตร์และ วิท วิ ยาการคอมพิวเตอร์ เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ภาษาไพทอนเป็นภาษาที่ นำ ลักษณะที่ดีของภาษาที่มีอยู่เดิม (ABC, Modula-3, C, C++ ,Algol-68, SmallTalk and Unix shell and other scripting languages) และเพิ่มคุณลักษณะที่ดีเช่น คลาสและอื่นๆ รวมถึงมี interface ให้เขียนโปรแกรมได้สะดวก
ภาษาไพทอนเป็ นภาษาระดับสูง มีคุณลักษณะ ดังนี้ 1.เป็นภาษาที่จัดอยู่ในกลุ่ม Interpreter คือแปลแล้วทำ งานทีละคำ สั่งมีการประมวลผลทันที (process at runtime) 2.มีลักษณะ interactive คือ เราสามารถพิมพ์คำ สั่งทำ งานในลักษณะ interact คือโต้ตอบได้ 3.เป็นภาษาที่ได้รับความนิยม เรีย รี นรู้ได้ง่าย เหมาะกับผู้เริ่ม ริ่ ต้นเขียน โปรแกรม คุณลักษณะของภาษาไพทอน การทำ งานของภาษาไพทอน ภาษาไพทอน execute ได ้2 mode คือ (1) INTERACTIVE MODE PROGRAMMING: เป็น mode ที่เรา พิมพ์คำ สั่งภาษาไพทอนจะแปลและทำ งานทันที เช่น
2) SCRIPT MODE PROGRAMMING: พิมพ์คำ สั่งหรือ รืโปรแกรมที่ editor หรือ รื IDLE ของไพทอน (write a simple Python program in a script) จากนั้น save file และกำ หนด file type เป็น .py เมื่อรันโปรแกรมจะได้ผลลัพธ์ เช่น source code in a welcome.py file print “Welcome to Python!”
ตัวแปร ตัวแปรจะจองเนื้อที่ในหน่วยความจำ ขนาดหรือ รื เนื้อที่ที่ใช้ ขึ้นกับชนิดข้อมูล ตัวอย่างการตั้งชื่อตัวแปล การกำ หนดค่าให้ตัวแปร
ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology:IT) หมายถึง เทคโนโลยีที่น ามาใช้ในการประมวลผลข้อมูล ต่าง ๆ ซึ่งครอบคลุมถึง การรับ-ส่ง การจัดเก็บ การเผยแพร่ การแปลง และการสืบค้นข้อมูล ท าให้การ ประมวลผลข้อมูลนั้นท าได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น รวดเร็วขึ้น มีความถูกต้องแม่นย ามากขึ้น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีสารสนเทศ ตัวอย่างของเทคโนโลยีสารสนเทศที่พบเห็นได้ทั่ว ทั่ ไป เช่น ● จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-mail ● โทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ● ระบบร้านค้าอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-commerce เทคโนโลยีสารสนเทศยังมีความส าคัญและเกี่ยวข้องกับคนทุกระดับไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ ผู้ประกอบการ ผู้บริหาร นักธุรกิจ หรือบุคคลทั่ว ทั่ ไป ดังนั้น นั้ จึงมีความจ าเป็นต้องมีทักษะในกา รน า เทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เป็นเครื่องมือส าหรับการแสวงหาความรู้อย่างถูกวิธี น ามาปรับใช้อย่างถูกต้อง และ เกิดประโยชน์สูงสุด สามารถน าองค์ความรู้ที่มีอยู่มาบูรณาการเชิงสร้างสรรค์เพื่อพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ เทคโนโลยีสารสนเทศยังเป็นส่วนหนึ่งในด าเนินชีวิตประจ าวันของคนปัจจุบัน เช่น ดูรายการโทรทัศน์ ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ ซื้อสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต จองตั๋ว ตั๋ เดินทางแบบออนไลน์ การลงทะเบียน หรือ ดูผลการเรียนทางเว็บไซต์ ความส าคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
พื้นฐานการเรีย รี นรู้เท่าทันสื่อ ซึ่งโซเชียลมีเดียกับเยาวชนนับว่า ว่ เป็นดาบสองคมกับเยาวชนอย่างมาก เพราะว่า ว่ เยาวชนไม่สามารถกลั่นกรองข้อมูลข่าวสารได้อย่างถี่ถ้วน ซึ่งอาจทำ ให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าวที่อาจลอกเลียนแบบจากในโชเชียลมีเดีย ทำ ให้เกิดผลเสียต่อตนเองและคนรอบตัว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ว่ โซเชียลมีเดียมีแต่ผลเสียกับเยาวชน บางครั้งการอ่านข่าวหรือ รื ตามกระแสต่าง ๆ อาจเป็นการช่วยเตือนภัยหรือ รื ทำ ให้เยาวชนระมัดระวัง วั ตัวมากขึ้น จากที่กล่าวมาว่า ว่ เราควรตระหนักถึงการใช้โซเชียลมีเดียของเยาวชน ซึ่งจากผลการสำ รวจพฤติกรรมบริโริ ภคสื่อของวัยวั รุ่นของบริษั ริษั ท ซินโนเวต จำ กัด ซึ่งเก็บข้อมูลจากกลุ่มอายุ 15-24 ปี ในหลาย ๆ ประเทศแถบเอเชีย พบว่า ว่ วัย วั รุ่นไทยมีการใช้อินเทอร์เน็ตสูงถึง 3.1 ชั่วโมงต่อวัน วั ครองแชมป์อันดับหนึ่งของเอเชีย โดยเสพติดทั้งอินเทอร์เน็ตและสังคมออนไลน์ เช่นเว็บ ว็ พนันออนไลน์ เว็บ ว็ ลามก แสดงให้เห็นว่า ว่ เยาวชนไม่สามารถแยกแยะว่า ว่ สิ่งไหนดีหรือ รืไม่ดีได้ อีกทั้งการใช้โซเซียลมีเดียอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจของเยาวชนอีกด้วย ซึ่งหากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อ รื่ ย ๆ อาจเกิดพฤติกรรมที่รุนแรงขึ้น จนบางครั้งอาจนำ ไปสู่อาชญกรรม และเยาวชนอาจคิดว่า ว่ ตนยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่โดนโทษร้ายแรง การรู้เท่าทันสื่อ คือ ความสามารถในการตีความ วิเ วิ คราะห์ แยกแยะเนื้อหาสาระของสื่อ สามารถโต้ตอบได้อย่างมีสติและรู้ตัว สามารถตั้งคำ ถามว่า ว่ สื่อถูกสร้างขึ้นได้อย่างไร เช่น ใครเป็นเจ้าของสื่อ ใครผลิต และผลิตภายใต้ข้อจำ กัดใด ควรเชื่อหรือ รืไม่ หรือ รื มีค่านิยมความเชื่ออะไรที่แฝงมากับสื่อนั้น ผู้ผลิตสื่อหวัง วั ผลอะไรจากเรา ซึ่งการรู้เท่าทันสื่อ ประกอบด้วย5องค์ประกอบ ได้แก่ 1.การเปิดรับสื่อ การรู้เท่าทันการเปิดรับสื่อของประสาทสัมผัสของเรา ซึ่งเมื่อเปิดรับแล้วสมองจะสั่งการให้คิดและปรุงแต่งให้เกิดอารมณ์ต่าง ๆ ตามมา การรู้เท่าทันสื่อในขั้นของการรับรู้อารมณ์ตนเอง จึงเป็นสิ่งสำ คัญที่ต้องแยกความคิดและอารมณ์ออกจากกัน และความคิดจะทำ ให้เรารับรู้ความจริง ริ ว่า ว่ อะไรเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นต้น 2.การวิเ วิ คราะห์สื่อ การแยกแยะองค์ประกอบในการนำ เสนอของสื่อว่า ว่ มีวัต วั ถุประสงค์อะไร เป็นสื่อประเภทใด และต้องการที่จะสื่ออะไรกับผู้รับสาร 3.การเข้าใจสื่อ ตีความสื่อหลังจากเปิดรับสื่อไปแล้ว เพื่อทำ ความเข้าใจในสิ่งที่สื่อนำ เสนอ ซึ่งผู้รับสารแต่ละคนก็จะมีความเข้าใจสื่อได้ไม่เหมือนกัน ตีความไปคนละแบบ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ พื้นฐานการศึกษา คุณสมบัติในการเรีย รี นรู้ ตลอดจนการรับรู้ข้อมูลของแต่ละบุคคลที่ไม่เท่ากันมาก่อน 4.การประเมินค่า หลังการวิเ วิ คราะห์และทำ ความเข้าใจสื่อแล้ว เราควรประเมินค่าสิ่งที่สื่อนำ สนอว่า ว่ มีคุณภาพและคุณค่ามากน้อยเพียงใด ไม่ว่า ว่ จะเป็นด้านเนื้อหา สื่อ เป็นต้น 5.การใช้สื่อให้เกิดประโยชน์ นำ สิ่งที่เราได้จากสื่อมาใช้ให้เกิดประโยน์กับตนเองและคนรอบตัว ดังนั้น การรู้เท่าทันสื่อ จึงเป็นสิ่งจำ เป็นกับเยาวชน ทำ ให้เยาวชนสามารถแยกแยะและสามารถเลือกรับสื่อที่เป็นประโยชน์กับตนเองและคนรอบตัวได้ โดยไม่ส่งผลกระทบในทางที่ไม่ดีต่อตัวของเยาวชน แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ปกครองที่ต้องปลูกฝังกับเยาวนชนด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ต่อเยาวชนและผู้คนรอบตัว
รายการอ้างอิง Patcharee Bonkham. (2560). 5 องค์ประกอบของ การรู้เท่าทันสื่อ. สืบค้นเมื่อวัน วั ที่ 28 กรกฎาคม 2565 เข้า ถึงได้จาก https://www.thaihealth.or.th/Content/39558 -5%20 elements of media literacy.html
จบ