4. การอ่านแปลความ ตีความฯ

การอ่านออกเสียง
บทร้อยแกว้ และ
บทร้อยกรอง

การ การอา่ น
อ่าน จบั ใจความ

การอ่านแปลความ
ตีความ และ
ขยายความ

การอ่านแปลความ
ตีความ และ
ขยายความ

ควรทราบ การแปลความ
ความหมาย หมายถึง การแปลถอ้ ยคา
ของถ้อยคา
จากเร่ืองท่ีอ่าน เพื่อความเขา้ ใจ
การนาคามา เน้ือเรื่อง ดว้ ยภาษาของผอู้ ่าน
ใชใ้ นประโยค
การส่ือความหมาย
แต่ละประโยค
หรือข้อความ

ตวั อย่างการแปลความ

พฤษภกาสร อีกกญุ ชรอนั ปลดปลง
โททนตเ์ สน่งคง สาคญั หมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นท้งั อินทรีย์
สถิตทว่ั แต่ชวั่ ดี ประดบั ไวใ้ นโลกา

(สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส :กฤษณาสอนน้องคาฉันท์)
ความหมายของศัพท์
พฤษภ = ววั , กาสร = ควาย , กญุ ชร = ชา้ ง , ปลดปลง = ตาย , โท = สอง
ทนต์ = ฟัน , เสน่ง = เขา , นรชาติ = มนุษย์ , วางวาย = ตาย , มลาย = สิ้นไป
อินทรีย์ = ร่างกาย , สถิต = คงอยู่ , ประดบั = ตกแต่ง , โลกา = โลก
แปลความเป็ นร้อยแก้วกค็ ือ
ววั ควายและชา้ ง เมื่อตายแลว้ ยงั มีฟันและเขาท้งั สองขา้ งเหลืออยู่
ส่วนมนุษยเ์ มื่อตายไปร่างกายก็ สิ้นไป คงเหลือแต่ความชวั่ หรือความดีที่ไดท้ า
ไวเ้ ท่าน้นั ท่ียงั คงอยใู่ นโลกน้ี

การตคี วาม

หมายถึง การพิจารณาสาระสาคัญและ
รายละเอียดของเร่ืองที่อ่าน เช่น น้าเสียงของ
ผูเ้ ขียนหรือตวั ละคร วตั ถุประสงค์ท่ีซ่อนแฝง
และปมปัญหาในเรื่อง โดยใช้ความคิดและ
ประสบการณ์ของผอู้ ่าน

ตวั อย่างการตีความ

“นาคีมีพษิ เพ้ียง สุริโย
เล้ือยบ่ทาเดโช แช่มชา้
พษิ นอ้ ยหยงิ่ ยโส แมลงป่ อง
ชูแต่หางเองอา้ อวดอา้ งฤทธี”
(โคลงโลกนิต)ิ

โคลงบทน้ีกลา่ วถึงสตั ว์ ๒ ชนิด ท่ีมีลกั ษณะแตกต่างกนั เปรียบเสมือนคน ๒ จาพวก
พวกแรกมีอานาจหรือมีความสามารถ แต่ไม่แสดงออก เมื่อยงั ไม่ถึงเวลาอนั สมควร
ส่วนพวกท่ี ๒ มีอานาจ หรือความสามารถนอ้ ยแตอ่ วดดี

กวยี กยอ่ งคนจาพวกแรกเหยยี ดหยามคนจาพวกหลงั โดยสงั เกตจากการ ใช้
ถอ้ ยคา เช่น ชูหางบา้ ง พิษนอ้ ยบา้ ง ฉะน้นั ควรเอาอยา่ งคนจาพวกแรก คือมีอานาจ
มีความสามารถ แตไ่ ม่แสดงออกเม่ือยงั ไม่ถึงเวลาอนั สมควร

การขยายความ

หมายถึง การขยายขอบเขตความหมายของ
เร่ื องที่อ่านให้กว้างไกลออกไป โดยเช่ือมโยง
เร่ืองราวที่อ่านกบั ประสบการณ์อ่ืน ๆ ผูอ้ ่านอาจเกิด
ความคิดท่ีขยายออกไปจากเร่ืองขณะท่ีอ่านหรื อ
หลงั จากอ่านจบแลว้ การขยายความคิดน้ีผูอ้ ่านอาจ
ใชค้ วามรู้ และประสบการณ์ที่มีเป็ นพ้ืนฐาน เพื่อให้
สามารถขยายความคิดไปไดก้ วา้ งไกล

ตัวอย่างการอ่านขยายความ

การอา่ นขยายความ คือ การอธิบายเพม่ิ เติมให้ละเอียดขนึ ้ ภายหลงั จากได้
ตีความแล้ว ซง่ึ อาจใช้วิธี ยกตวั อยา่ งประกอบหรือมีการอ้างอิงเปรียบเทียบเนือ้ ความ
ให้กว้างขวางออกไปจนเป็นท่ีเข้าใจชดั เจนย่ิงขนึ ้

ตวั อย่างการอ่านขยายความ

ความโศกเกิดจากความรัก ความกลวั เกิดจากความรัก
ผ้ทู ี่ละความรักเสยี ได้ก็ไมโ่ ศกไมก่ ลวั (พทุ ธภาษิต)

ข้อความนีใ้ ห้ข้อคิดวา่ ความรักเป็นต้นเหตใุ ห้เกิดความโศกและความกลวั
ถ้าตดั หรือละความรักได้ ทงั้ ความโศกความกลวั ก็ไมม่ ี
ขยายความ เมื่อบคุ คลมีความรักในสง่ิ ใดหรือคนใด เขาก็ต้องการให้สง่ิ นนั้ คนนนั้
คงอยใู่ ห้เขารักตลอดไป มนษุ ย์สว่ นมากกลวั วา่ คนหรือสงิ่ ที่ตนรักจะแตกสลายหรือ
สญู สนิ ้ จากไป แตเ่ มื่อถงึ คราวทกุ อยา่ งยอ่ มเปลีย่ นไปไมอ่ าจคงอยไู่ ด้ ยอ่ มมีการแตก
ทําลายสญู สลายไปตามสภาพ ถ้ารู้ความจริงดงั นีแ้ ละรู้จกั ละ ความรักความผกู พนั
นนั้ เสยี เขาจะไมต่ ้องกลวั และไมต่ ้องโศกเศร้าเสียใจอีกต่อไป

ความเข้าใจใน การตีความ
การแปลความ
นาไปสู่

การขยายความ

ดงั น้ัน นักเรียนจึงตอ้ งอ่านอย่างพิจารณา ไตร่ตรอง เพื่อให้เขา้ ใจ
เจตนาของผเู้ ขียน ไดร้ ับความรู้ ความเขา้ ใจจากเรื่องท่ีอ่านอยา่ งลึกซ้ึง และ
สามารถนาความรู้ความคิดจากการอ่านไปใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ได้

หลกั การอ่าน ๑.อ่านแปลความ
แปลความ ตคี วาม ทาความเขา้ ใจเน้ือเรื่อง
และขยายความ
๒.พิจารณาขอ้ เทจ็ จริง
๓.ขยายความคิด และขอ้ คิดเห็น ตีความ
โดยเกิดความคิดแทรก จากเร่ือง โดยพจิ ารณา
และความคิดเสริม ความหมายของถอ้ ยคา
และเจตนาของผเู้ ขียน

ความคดิ แทรก เป็นความคิด
ท่ีเกิดข้ึนในขณะที่อ่าน

ความคดิ เสริม เป็นความคิด
ท่ีเกิดข้ึนหลงั จากอ่านจบ