รายงาน
ภัยธรรมชาติ
จัดทำโดย
1. ด.ช.รัชพล กอบพานิชกิจ ชั้น ป.6/3 เลขที่21
2. ด.ช.ธีทัต ศรีสุข ชั้น ป.6/3 เลขที่6
เสนอ
มาสเตอร์ ปัญญา ปราบเสียง
รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นป.6
ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2565
โรงเรียนซางตาครุ้สสึกษา
คำนำ
รายงานเล่มนี้จัดท
ำเพื่อผู้ที่ต้องการความรู้เและผู้ที่สนใจเรื่อง
ภัยธรรมชาติและนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่6จำเป็นต้อง
ใช้ความรู้เรื่องภัยธรรมชาติในการศึกษา
ถ้าเนื้อหาผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยครับ
สารบัญ
1-2 น้ำท่วม
3-4 ดินถล่ม
5-6 แผ่นดินไหว
7-8 สึนามิ
9-10 น้ำกัดเซาะชายฝั่ง
11-12 ปรากกการเรือนกระจก
13-14 อ้างอิง
4.สึนามิ 7
หมายถึง คลื่นซึ่งเคลื่อนตัวในมหาสมุทรด้วยความเร็วสูงมาก และมีพลังรุนแรง
สามารถเคลื่อนที่ไปได้เป็นระยะทางไกลๆ เมื่อเคลื่อนที่เข้าสู่บริเวณชายฝั่งจะทำให้เกิด
เป็นคลื่นขนาดใหญ่มาก ที่เรียกกันว่า คลื่นยักษ์ ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
ต่อชีวิต และทรัพย์สินของผู้คน ที่อาศัยอยู่ตามบริเวณชายฝั่ง คลื่นชนิดนี้จึงแตกต่าง
จากคลื่นธรรมดา ที่เกิดจากแรงลม พัดผ่านเหนือพื้นผิวน้ำในท้องทะเล คำว่า tsunami
มาจากภาษาญี่ปุ่น แปลว่า คลื่นอ่าวจอดเรือ (harbour waves) ทั้งนี้ เนื่องจาก บริเวณ
ชายฝั่งของประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นอ่าวจอดเรือทางด้านมหาสมุทรแปซิฟิก มักได้รับภัยจาก
คลื่นชนิดนี้อยู่บ่อยๆ จึงเรียกชื่อเช่นนั้น ต่อมาชื่อนี้ได้นำไปใช้แพร่หลายจนเป็นที่เข้าใจกัน
โดยทั่วไป สำหรับประเทศไทย ราชบัณฑิตยสถานได้บัญญัติศัพท์ของคำว่า tsunami เป็น
ภาษาไทยว่า คลื่นสึนามิ
สาเหตุ
1. การระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงของภูเขาไฟที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับทะเล
2. การที่แผ่นดินใต้ทะเลเกิดการเลื่อนถล่มบริเวณใกล้ๆ กับชายฝั่ง
3. การเกิดจากสิ่งของขนาดใหญ่ตกลงไปในบริเวณอ่าวหรือมหาสมุทรส่งผลให้เกิดแรงกระแทกมหาศาล
4. การเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกด้วยแรงของเทคโทนิคจากการเกิดแผ่นดินไหว มองได้ว่าแผ่นดินใต้ทะเลอาจเกิด
การยุบตัวลง เปลือกโลกอาจเกิดการยุบตัวหรือดันตัวขึ้นมาก็ได้ ส่งผลให้น้ำทะเลบริเวณดังกล่าวที่มีอยู่มหาศาล
ถูกดันขึ้นมาตามรอยแยกดังกล่าวอย่างฉับพลัน เมื่อเป็นเช่นนั้นแรงดันดังกล่าวก็จะกลายร่างเป็นคลื่นยักษ์อยู่ใน
ทะเลลึก ด้วยความที่เวลามันโถมเข้ามาตอนอยู่ใต้ทะเลลึกจะดูสูงขึ้นแค่ไม่กี่เมตร แต่พอใกล้ชายฝั่งจะเห็นได้ชัดเจน
ว่าคลื่นสูงกว่าปกติมาก
5. การที่ลูกนิวเคลียร์ตกลงไปในน้ำแล้วเกิดการระเบิดครั้งใหญ่
ผลกระทบ 8
ด้านสิ่งแวดล้อม
1. ทำให้แผ่นเปลือกโลกขยับ ค่าพิกัดทางภูมิศาสตร์คลาดเคลื่อนไป
2. ส่งผลให้สภาพพื้นที่ชายฝั่งทะเลเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
3. ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ เช่น สัตว์น้ำบางประเภทเปลี่ยนที่อยู่อาศัย หรือ
เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
ด้านสังคม
1. สูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สิน เช่น บ้านเรือนเสียหาย ระบบสาธารณูปโภคถูก
ทำลาย
2. กระทบต่อการประกอบอาชีพของประชาชน เช่น การทำประมง การค้าขาย
บริเวณชายหาด ธุรกิจที่พักริมทะเล
3. ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวลดลง
แนวทางการป้องกันสึนามิ
มาตราการป้องกันภัยจากคลื่นสึนามิ
1. เมื่อรู้ว่ามีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น ขณะที่อยู่ในทะเลหรือบริเวณชายฝั่ง ให้รีบออกจากบริเวณชายฝั่งไปยังบริเวณที่สูงหรือที่ดอนทันที
โดยไม่ต้องรอประกาศจากทางราชการ เนื่องจากคลื่นสึนามีเคลื่นที่ด้วยความเร็วสูง
2. เมื่อได้รับฟังประกาศจากทางราชการเกี่ยวกับการเกิดแผ่นดินไหวบริเวณทะเลอันดามัน ให้เตรียมรับสถานะการณ์ที่อาจจะเกิด
คลื่นสึนามิตามมาได้ โดยด่วน
3. สังเกตปรากฏการณ์ของชายฝั่ง หากทะเลมีการลดของระดับน้ำลงมาก หลังการเกิดแผ่นดินไหวให้สันนิษฐานว่าอาจเกิดคลื่นสึนา
มิตามมาได้ ให้อพยพ คนในครอบครัว สัตว์เลี้ยง ให้อยู่ห่างจากชายฝั่งมากๆและอยู่ในที่ดอนหรือน้ำท่วมไม่ถึง
4. ถ้าอยู่ในเรือซึ่งจอดอยู่ในท่าเรือหรืออ่าวให้รีบนำเรือออกไปกลางทะเล เมื่อทราบว่าจะเกิดคลื่นสึนามิพัดเข้าหา เพราะคลื่นสึนามิที่
อยู่ไกลชายฝั่งมากๆ จะมีขนาดเล็ก
5. คลื่นสึนามิอาจเกิดขึ้นได้หลายระลอกจากการเกิดแผ่นดินไหวครั้งเดียว เนื่องจากมีการแกว่งไปมาของน้ำทะเล ดังนั้นควรรอสัก
ระยะหนึ่งจึงสามารถลงไปชาดหาดได้
6. ติดตามการเสนอข่าวของทางราชการอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
7. หากที่พักอาศัยอยู่ใกล้ชายหาด ควรจัดทำเขื่อน กำแพง ปลูกต้นไม้ วางวัสดุ ลดแรงปะทะของน้ำทะเล และก่อสร้างที่พักอาศัยให้
มั่นคงแข็งแรง ในบริเวณย่านที่มีความเสี่ยงภัยในเรื่องคลื่นสึนามิ
8. หลีกเลี่ยงการก่อสร้างใกล้ชายฝั่งในย่านที่มีความเสี่ยงสูง
9. วางแผนในการฝึกซ้อมรับภัยจากคลื่นสึนามิ เช่น กำหนดสถานที่ในการอพยพแหล่งสะสมน้ำสะอาด เป็นต้น
10. จัดผังเมืองให้เหมาะสม บริเวณแหล่งที่อาศัยควรมีระยะห่างจากชายฝั่ง
11. ประชาสัมพันธ์ และให้ความรู้ประชาชน ในเรื่องการป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ และแผ่นดินไหว
12. วางแผนล่วงหน้า หากเกิดสถานการณ์ขึ้นจริง ในเรื่องการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดขั้นตอนในด้านการ
ช่วยเหลือบรรเทาภัยด้านสาธารณสุข การรื้อถอน และฟื้นฟูสิ่งก่อสร้าง เป็นต้น
13. อย่าลงไปในชายหาดเพื่อดูคลื่นสึนามิ เพราะเมื่อเห็นคลื่นแล้วก็ใกล้เกินกว่าจะหลบหนีทัน
14. คลื่นสึนามิ ในบริเวณหนึ่งอาจมีขนาดเล็ก แต่อีกบริเวณหนึ่งอาจมีขนาดใหญ่ ดังนั้นเมื่อได้ยินข่าวการเกิดคลื่นสึนามิ ขนาดเล็กใน
สถานที่หนึ่ง จงอย่าประมาทให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์
3
2. ดินถล่ม
หมายถึง
แผ่นดินถล่ม การเกิดดินถล่ม เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ป้องกัน
ได้ยากแต่เราก็สามารถลดปัจจัยความเสี่ยงได้ ถ้าเรามีการเตรียม
พร้อมเฝ้าระวังที่ดีแล้ว จะลดความเสียหายได้แน่นอน
สาเหตุการเกิดดินถล่ม
เมื่อฝนตกหนักน้ำจะซึมลงไปในดินอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ดินอุ้มน้ำจน
อิ่มตัว แรงยึดเกาะระหว่างมวลดินจะลดลง
ระดับน้ำใต้ผิวดินสูงขึ้นจะทำให้แรงต้านทานการเลื่อนไหลของดินลดลง
เมื่อน้ำใต้ผิวดินมีระดับสูงก็จะไหลภายในช่องว่างของดิน ลงมาตาม
ความชันของลาดเขา
เมื่อมีการเปลี่ยนความชัน ก็จะเกิดเป็นน้ำผุดและเป็นจุดแรกที่มีการเลื่อน
ไหลของดิน
เมื่อเกิดดินเลื่อนไหลแล้ว ก็จะเกิดต่อเนื่องขึ้นไปตามลาดเขา
4
ผลกระทบ
1 เป็นการเร่งให้หน้าดินถูกชะล้างพังทลายเพิ่มขึ้น เมื่อมากๆเข้าป่า
จะขาดความอุคมสมบูรณ์ ฝนตกน้อยลงเพราะความชื้นจากป่าลด
ลง ต้นน้ำจะถูกทำลายตามมา จึงเกิดภาวะแห้งแล้งเพิ่มขึ้นหากไม่
รีบป้องกันและแก้ไข 2 เมื่อป่าลดลง สัตว์ป่าก็ลดลงระบบนิเวศน์จึง
ค่อยๆเสียสมดุล 3 เกิดความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สิน จึงเกิด
ความกลัวซึ่งมีผลต่อจิตใจและสุขภาพกายตามมา 4 ทำให้เส้นทาง
คมนาคม พื้นที่เพาะปลูกเสียหาย ที่มา กรมทรัพยากรธรณี
แนวทางการป้องกันดินถล่ม
? ตรวจสอบดูเขตแนวพื้นที่น้ำท่วมเพื่อหาพื้นที่สูงที่ปลอดภัย
? บริเวณท้ายเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำเป็นบริเวณที่ไม่ปลอดภัย
? หลีกเลี่ยงการปลูกบ้านบริเวณพื้นที่น้ำท่วมถึง
? ควรเตรียมกระสอบทรายไว้ทำผนังกั้นน้ำ
? ควรทำความสะอาดพื้นที่อย่าให้มีเศษวัสดุที่
สามารถลอยตามน้ำและก่อให้เกิดอันตรายได้
? ห้ามขับขี่ยานพาหนะ ห้ามเดินห้ามเล่นน้ำในกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว
? มีวิทยุติดตัวและคอยฟังประกาศเพื่อปฏิบัติตาม
3.แผ่นดินไหว 5
หมายถึง การสั่นสะเทือนของพื้นดิน ซึ่งมีสาเหตุมาจากการ
เคลื่อนที่อย่างฉับพลันของเปลือกโลก เนื่องจาก พลังงาน
ความร้อนภายในโลก ทําให้เกิดแรงเครียด แรงเครียดที่
สะสมอยู่ในโลก ทําให้เกิดการแตกหักของหิน เมื่อหินแตกออก
เป็นแนวจะเกิดเป็นรอยเลื่อน และการเคลื่อนที่อย่างฉับพลัน
ของรอยเลื่อนนี้ เป็นสาเหตุหลักของการเกิดแผ่นดินไหว
สาเหตุ
1. การกระทำของมนุษย์ อาทิ การทดลองระเบิดปรมาณู การกักเก็บน้ำในเขื่อน
และแรงระเบิดจากการทำเหมืองแร่ เป็นต้น
2. การเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ อันเนื่องมาจากการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก
เป็น 2 ทฤษฎีดังนี้..
- ทฤษฎีว่าด้วยการขยายตัวของเปลือกโลก
โดยแผ่นดินไหวเกิดจากการที่เปลือกโลกเกิดการคดโค้ง โก่งตัวอย่างฉับพลัน
และเมื่อวัตถุขาดออกจากกันจึงปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปคลื่นแผ่นดินไหว
- ทฤษฎีว่าด้วยการคืนตัวของวัตถุ
โดยแผ่นดินไหวมาจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อน และเมื่อรอยเลื่อน
เคลื่อนตัวมาจุดหนึ่ง วัตถุจะขาดออกจากกันและเสียรูปอย่างมาก พร้อมทั้งปลด
ปล่อยพลังงานมหาศาลออกมาในรูปของคลื่นแผ่นดินไหว
6
ผลกระทบของแผ่นดินไหว
1. ประชาชนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเศษสิ่งปรักหักพัง
2.สุขภาพจิตของผู้ประสบภัยเสื่อมลง
3. ระบบธุรกิจหยุดชะงักเนื่องจากระบบการคมนาคมสื่อสารถูก
ทำลายไม่มีการประกอบหรือดำเนินธุรกรรม หรือการผลิตใด ๆ
4.พืชผลทางการเกษตรเสียหาย
เพิ่มหัวเรื่องย่อย
แนวทางการป้องกันแผ่นดินไหว
1. การจัดทำแผนการป้องกันอันตรายจากการเกิดแผ่นดินไหว วิธีการดำเนิน
การในการป้องกันช่วยเหลือผู้ประสบภัย การให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายจาก
แผ่นดินไหว
2. กำหนดมาตรการทางกฎหมาย กำหนดเขตความเสี่ยงแผ่นดินไหว การแบ่ง
เขตการใช้ที่ดิน หรือบริเวณที่มักเกิดแผ่นดินไหว และออกกฎหมายควบคุมการ
ก่อสร้างอาคารให้มีความมั่นคงแข็งแรงเป็นพิเศษเพื่อรองรับการเกิดแผ่นดิน
ไหว
3. การทำประกันวินาศภัยและประกันชีวิต ให้กับประชาชนที่อยู่ในบริเวณที่อาจ
เกิดแผ่นดินไหว เพื่อเป็นหลักประกันแก่ผู้ประสบภัยจะได้รับความช่วยเหลือและ
ค่าชดเชยกับความเสียหายที่เกิด
1
1.น้ำท่วม
หมายถึง
อุทกภัยเป็นภัยธรรมชาติที่เกิดจากน้ำ ในสภาพของน้ำท่วม น้ำ
ท่วมฉับพลัน หรือน้ำไหลเอ่อล้นฝั่งแม่น้ำลำธารทางน้ำ เข้าท่วม
พื้นที่ซึ่งปกติไม่ได้อยู่ใต้ระดับน้ำ หรือเกิดจากการสะสมน้ำบนพื้นที่
ที่ระบายออกไม่ทัน ทำให้พื้นที่นั้นปกคลุมไปด้วยน้ำ
เพิ่มหัวเรื่องย่อย
สาเหตุ
การเกิดอุทกภัยมาจากหลายสาเหตุ ทั้งโดยทางธรรมชาติและ
เกิดจากฝีมือมนุษย์ ซึ่งอาจเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องกันเป็น
เวลานาน ในบางครั้งอาจทำให้เกิดแผ่นดินถล่ม การเกิด
อุทกภัยจากน้ำทะเลหนุน เขื่อนพัง ก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดอุทกภัย
ได้ ซึ่งอุทกภัยทำให้เกิดความเสียหายทั้งต่อชีวิต ทรัพย์สินและ
สิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ รวมไปถึงความเสียหายทางด้าน
เศรษฐกิจด้วย
2
ผลกระทบของน้ำท่วม
1.ปัญหาน้ำเน่าเหม็นในพื้นที่ๆน้ำขัง
2.ปัญหาน้ำทะเลจืดทำให้ปลาเกยตื้นมาตาย
3.ปัญหาขยะซึ่งทำให้หลังน้ำลดลงมีขยะที่ต้องทิ้งจำนวนมาก
4.ปัญหาผู้คนตกงานเนื่องจากโรงงานบางแห่งน้ำท่วมขังทำให้
ทำงานไม่ได้
5.ปัญหาเศรษฐกิจย่ำแย่เนื่องจากสินค้าบางอย่างไม่สามารถ
ผลิตออกมาได้ทำให้เสียดุลการค้า
แนวทางการป้องกันน้ำท่วม
1. วิธีแรกไม่ต้องลดปริมาณน้ำในแม่น้ำแต่พยายามกันน้ำออกจากพื้นที่ราบ
น้ำท่วมถึงโดยการสร้างคันกั้นน้ำ (Levees) ด้วยการใช้ถุงทราย, คอนกรีต
หรือวัสดุอื่นๆ ข้อควรระวัง คือ คันกั้นน้ำพัง เมื่อคันกั้นน้ำพังแล้วน้ำจะไหล
ผ่านรอยแตก (Crevass) ในคันกั้นน้ำ ซึ่งจะทำให้น้ำท่วมเลวร้ายกว่าเดิม
2. ทำให้ระดับน้ำลดต่ำลงโดยขุดร่องน้ำคู่ขนานลำน้ำ เมื่อน้ำขึ้นในระยะน้ำท่วม
น้ำจะผ่านไปทางน้ำล้นไหลเข้าไปในร่องน้ำที่ขนานกัน ลงสู่แหล่งน้ำที่กักเก็บ
น้ำ หนองนำ หรือลงสู่ทะเลสาบต่อไป
3. พยายามลดปริมาณน้ำไหลลงสู่แม่น้ำหลังฝนตกหนัก โดยการสร้างเขื่อน
กั้นต้นน้ำและสาขาของแม่น้ำ แล้วเก็บน้ำไหลล้นที่มากเกิน ลงสู่อ่างเก็บน้ำ
และปลูกป่าทดแทนพืชธรรมชาติที่มนุษย์ทำลาย
9
5.น้ำกัดเซาะชายฝั่ง
การกัดเซาะชายฝั่ง เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงของชายฝั่ง
ทะเลที่เกิดขึ้นตลอดเวลาจากการกัดเซาะของคลื่นหรือลม
ตะกอนจากที่หนึ่งไปตกทับถมในอีกบริเวณหนึ่ง ทำให้แนวของ
ชายฝั่งเดิมเปลี่ยนแปลงไป บริเวณที่มีตะกอนเคลื่อนเข้ามาน้อย
กว่าปริมาณที่ตะกอนเคลื่อนออกไป ถือว่าเป็นบริเวณที่มีการ
กัดเซาะชายฝั่ง สาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงชายฝั่ง
สาเหตุ
1. ลมมรสุมและพายุ จะทำให้เกิดคลื่นลมเคลื่อนเข้าปะทะชายฝั่ง ทำให้มีการพัดเอามวลทรายออกจากพื้นที่ชายฝั่งในช่วงเวลา
หนึ่ง และจะพัดเอามวลทรายกลับมาในอีกช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจจะทำให้มวลทรายที่ถูกพัดพาออกไปจากชายฝั่ง และมวล
ทรายที่ถูกพัดพาเข้ามานั้นไม่สมดุลกัน
2. น้ำขึ้น-น้ำลง ส่งผลต่อการเคลื่อนตัวของตะกอนดินเลน และมวลทรายบริเวณชายฝั่ง ซึ่งอาจจะเกิดความไม่สมดุลดังเช่นที่เกิด
กับลมมรสุมและพายุ ก็จะมีส่วนทำให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่งได้เช่นกันการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่ง เพื่อการพัฒนาทางด้าน
เศรษฐกิจ ทำให้มีการก่อสร้างต่างๆ ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลเป็นจำนวนมาก เช่น การสร้างนิคมอุตสาหกรรม การสร้างเส้นทาง
คมนาคมขนส่ง การก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพทางธรณีวิทยาของชายฝั่ง ทรัพยากร
และระบบนิเวศในบริเวณนั้น ทำให้ขาดความสมดุล และนำไปสู่การเกิดการกัดเซาะชายฝั่งได้ง่าย
3. การบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลน เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น กุ้งกุลาดำ ทำให้เกิดการสูญเสียทรัพยากรที่มีความ
สำคัญในการป้องกันกระแสลม กระแสคลื่น อีกทั้งรากของไม้ชายเลนยังช่วยดักตะกอนโคลนที่ฟุ้งกระจายให้ตกตะกอน ตลอด
จนช่วยให้ดินเลนยึดรวมตัวกันทำให้ยากต่อการพังทลายอีกด้วย ดังนั้นในบริเวณที่มีการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลน จะสามารถเกิด
ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งได้ง่าย
4. การสร้างเขื่อน และอ่างเก็บน้ำบริเวณต้นน้ำ ทำให้การไหลของกระแสน้ำเกิดการชะลอตัว ดังนั้นตะกอนจำนวนหนึ่งตกตะกอน
อยู่ในลำและบางส่วนถูกกักไว้ที่บริเวณเหนือเขื่อน ทำให้ตะกอนที่ไหลไปสะสมตัวบริเวณปากแม่น้ำมีน้อยลง ดังนั้นจึงขาดตะกอน
ที่จะถูกเติมเข้าไปแทนที่ตะกอนบริเวณชายฝั่งที่ถูกพัดพาออกไป เป็นผลให้ชายฝั่งบริเวณดังกล่าวเกิดการกัดเซาะชายฝั่งได้
ง่าย
5. การสูบน้ำบาดาล มีส่วนทำให้เกิดการทรุดตัวของดิน พร้อมกับมีส่วนทำให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่งได้ด้วยเช่นกัน
6. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก เนื่องจากระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น ทำให้น้ำทะเลรุกเข้าไปแผ่นดินมากขึ้น ส่งผลให้ชายฝั่ง
ทะเลเกิดการกัดเซาะชายฝั่งรุนแรงขึ้น
10
ผลกระทบ
1. ผลกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่ง การกัดเซาะชายฝั่งมีส่วนทำให้ระบบนิเวศชายฝั่ง เช่น
ทรัพยากรป่าชายเลน แนวปะการัง สัตว์น้ำต่างๆ เป็นต้น เกิดความเสียหาย จนอาจทำให้
ความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติลดน้อยลงหรือถูกทำลายลงในที่สุด
2. ผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ บริเวณชายฝั่งทะเลที่เกิดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง พื้นที่
ชายฝั่งทะเลจะสูญเสียความอุดมสมบูรณ์และความสวยงามตามธรรมชาติ ทำให้ส่งผลก
ระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศ
3. ผลกระทบต่อวิถีการดำรงชีวิต ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ทำให้สูญเสียทั้งที่อยู่อาศัย
และพื้นที่ทำกิน ซึ่งย่อมทำให้วิถีชีวิตดั้งเดิมของชุมชนเกิดการเปลี่ยนแปลงตามไป
แนวทางการป้องกัน
1. เขื่อนกันคลื่น (Breakwater) เป็นโครงสร้างที่ใช้หินขนาดต่างๆ โดยใช้หินขนาดตามที่
ออกแบบกองขึ้นเป็นชั้นฐาน (Bedding Layer) และชั้นแกน (Core Layer) หรือแท่ง
คอนกรีตขนาดใหญ่เป็นชั้นเปลือกนอก (Armor Unit) ก่อกองขึ้นเพื่อยับยั้งความเร็ว
ของคลื่นที่จะเคลื่อนที่เข้าปะทะฝั่ง
2. เขื่อนกันคลื่นบนฝั่ง (Revetment) เป็นโครงสร้างที่ก่อสร้างชิดชายหาด อาจก่อสร้าง
จากคอนกรีตเสริมเหล็ก หรือเรียงด้วยหิน หรือวัสดุอื่นๆ เช่นถุงทรายเป็นต้น (เชิดวงศ์
แสงศุภวานิช, 2564)
3. รอดักทราย (Groin) เป็นโครงสร้างที่มีลักษณะยื่นตั้งฉากออกไปจากชายฝั่งเพื่อให้
ตะกอนสะสมตัวอยู่ระหว่างโครงสร้างรอแต่ละแนว ซึ่งมีหลายรูปแบบทั้งแบบตัวไอ ตัว
วาย และตัวที
4. ไส้กรอกทราย (Sand Sausage) เป็นโครงสร้างที่ใช้แผ่นใยสังเคราะห์ (Geotextile)
บรรจุทรายเข้าไปเพื่อใช้ในการลดความรุนแรงของคลื่น
11
6.ปรากฏการเรือนกระจก
คือ ภาวะที่ชั้นบรรยากาศของโลกกระทำตัวเสมือนกระจก ที่ยอมให้รังสีคลื่นสั้นผ่านลง
มายังผิวโลกได้ แต่จะดูดกลืนรังสีคลื่นยาวช่วงอินฟราเรดที่แผ่ออกจากพื้นผิวโลกเอา
ไว้ จากนั้นก็จะคายพลังงานความร้อน ให้กระจายอยู่ภายใน ชั้นบรรยากาศและพื้นผิว
โลก จึงเปรียบเสมือนกระจกที่ปกคลุมผิวโลกให้มีภาวะสมดุลทางอุณหภูมิ และเหมาะสม
ต่อสิ่งมีชีวิตบนผิวโลก แต่ในปัจจุบันมีก๊าซบางชนิดสะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศมากเกิน
สมดุล ซึ่งก๊าซเหล่านี้สามารถดูดกลืนรังสีคลื่นยาวช่วงอินฟราเรดและคายพลังงาน
ความร้อนได้ดีพื้นผิวโลกและชั้นบรรยากาศ จึงมีอุณหภูมิสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อสภาพ
ภูมิอากาศของโลก และสิ่งมีชีวิตพื้นผิวโลกอย่างมากมาย
สาเหตุ
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นก๊าซชนิดที่ทำให้เกิดพลังงานความร้อนสะสมในบรรยากาศของ
โลกมากที่สุดในบรรดาก๊าซเรือนกระจกชนิดอื่น ๆ เป็นตัวการสำคัญที่สุดของปรากฎการณ์เรือน
กระจกที่มนุษย์เป็นผู้กระทำ ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงถ่านหินเพื่อผลิตไฟฟ้า การตัดไม้
ทำลายป่า
ก๊าซมีเทน (CH4) เป็นก๊าซที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เกิดจากของเสียจากสัตว์เลี้ยง เช่น วัว ควาย
การทำนาที่ลุ่มน้ำท่วมขัง การเผาไหม้เชื้อเพลิงถ่านหินก๊าซธรรมชาติ และการทำเหมืองถ่านหิน
ก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N20) เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และจากการใช้ปุ๋ยไนเตรดในไร่นา การขยาย
พื้นที่เพาะปลูก การเผาไหม้ เผาหญ้า มูลสัตว์ที่ย่อยสลาย และเชื้อเพลิงถ่านหินจากอุตสาหกรรมที่
ใช้กรดไนตริกในขบวนการผลิต เช่น อุตสาหกรรมผลิตเส้นใยไนลอน อุตสาหกรรมเคมี หรือ
อุตสาหกรรมพลาสติกบางชนิด
คลอโรฟลูโอโรคาร์บอน (Chlorofluorocarbon- CFsC) เป็นก๊าซที่สังเคราะห์ขึ้นเพื่อใช้ในการ
ผลิตทางอุตสาหกรรม เช่น ใช้ในเครื่องทำความเย็นชนิดต่าง ๆ เป็นก๊าซขับดันในกระป๋องสเปรย์
และเป็นสารผสมทำให้เกิดฟองในการผลิตโฟม เป็นต้น ซีเอฟซี มีผลกระทบรุนแรงต่อบรรยากาศ
ทั้งในด้านทำให้โลกร้อนขึ้น ทำให้เกิดปรากฎการณ์เรือนกระจก และทำลายบรรยากาศโลกจนเกิดรู
รั่วในชั้นโอโซน
ผลกระทบ 12
ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากธารน้ำแข็งที่กำลังละลาย และอุณหภูมิทั่วโลกที่กำลังสูงขึ้นจากการขยายตัว
ทางความร้อนของน้ำในมหาสมุทร
ก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมามหาศาลจากชั้นดินเยือกแข็ง และป่าที่กำลังตาย
มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเกิดสภาพอากาศรุนแรง เช่น คลื่นความร้อน ความแห้งแล้ง และ น้ำท่วม ในปัจจุบัน
ความแห้งแล้งทั่วโลกได้เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าใน 30 ปีที่ผ่านมา 2 เท่า
ผลกระทบรุนแรงในระดับภูมิภาค ตัวอย่างเช่น ในยุโรป จะเกิดน้ำท่วมจากแม่น้ำเพิ่มขึ้นในพื้นที่ส่วนมากของทวีป
และตามพื้นที่ชายฝั่งจะเสี่ยงต่อน้ำท่วม การกัดเซาะ และ การสูญเสียพื้นที่ในทะเลเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ระบบทางธรรมชาติ ซึ่งได้แก่ ธารน้ำแข็ง ปะการัง ป่าชายเลน ระบบนิเวศของทวีปอาร์กติก ระบบนิเวศของเทือก
เขาสูง ป่าสนแถบหนาว ป่าเขตร้อน เขตลุ่มน้ำในทุ่งหญ้า และ เขตทุ่งหญ้าในท้องถิ่น จะถูกคุกคามอย่างรุนแรง
สัตว์สายพันธุ์ต่างๆ เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้น และเกิดความสูญเสียด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
ผลกระทบที่รุนแรงกว่าจะตกอยู่กับประเทศยากจน ได้แก่ ประเทศที่กำลังพัฒนาของทวีปแอฟริกา เอเชีย และ
มหาสมุทรแปซิฟิค ที่มีความสามารถน้อยที่สุดในการป้องกันตนเองจากระดับทะเลที่สูงขึ้น การแพร่กระจายของ
เชื้อโรค และ ผลผลิตภาคเกษตรที่ต่ำลง
ภาวะโลกร้อนทุกระดับจะทำให้ประเทศที่กำลังพัฒนาทุกข์ทรมานมากที่สุด
แนวทางการป้องกัน
1. สนุบสนุนการใช้พลังงานสะอาด ด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลมในบ้านของคุณเอง พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ถือเป็น
พลังงานหมุนเวียนที่เป็นพลังงานสะอาดที่ดีที่สุด เพราะกระบวนการผลิตไม่มีขั้นตอนในการปล่อยคาร์บอน แต่ทั้งนี้การจะเลือกใช้พลังงานแบบใดนั้น
ขึ้นอยู่กับความพร้อมและสถานที่ตั้งของที่อยู่อาศัยของคุณด้วย ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทย คุณสามารถติดตั้งโซลาร์รูฟท็อฟ หรือแผงพลังงาน
แสงอาทิตย์บนหลังคาบ้านของคุณได้ เป็นต้น
2. ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ให้น้อยลง คุณสามารถต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ง่ายๆ เพียงแค่เปลี่ยนสิ่งที่คุณกิน คุณสามารถลดการ
ปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมากโดยการกินเนื้อสัตว์น้อยลง เลือกอาหารในท้องถิ่นและมาจากธรรมชาติเมื่อเป็นไปได้ และซื้ออาหารที่มีบรรจุ
ภัณฑ์น้อย
3. ประหยัดการใช้น้ำ การประหยัดน้ำที่บ้านเป็นอีกวิธีหนึ่งในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำไมนะเหร้อ? เนื่องจากน้ำสะอาดและส่ง
จ่ายไปยังบ้านเรือนต่างๆ นั้น ต้องผ่านการผลิตและได้รับการบำบัด ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวใช้พลังงานจำนวนมาก
4. เลือกรถที่ประหยัดน้ำมัน หรือ ไม่ใช้น้ำมัน คุณสามารถเลือกได้ที่จะซื้อรถที่ประหยัดน้ำมัน หรือ การใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการไปทำงาน หรือ
เลือกใช้การขี่จักรยาน หรือเดินเท้าหากเป็นระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก ทั้งหมดนี้เป็นทางเลือกที่ช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ
และทำให้โลกของเราร้อนขึ้นได้
5. ใช้ซ้ำ ลดการซื้อของใหม่ วัตถุทั้งหมดที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้า หนังสือ และเฟอร์นิเจอร์ล้วนมีต้นทุนที่เกี่ยวข้อง
และส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม ต้นทุนอย่างหนึ่งคือคาร์บอนฟุตพรินต์ของสินค้า ซึ่งแสดงถึงพลังงานที่ใช้ในการผลิตวัสดุ การผลิตสินค้าและการขนส่ง
จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง พลังงานดังกล่าวอาจเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนั้น
จนกว่าการผลิตจะขับเคลื่อนโดยแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น ลมและแสงอาทิตย์ การซื้อของน้อยลง จึงเป็นวิธีที่ดีในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน
13 อ้างอิง
ความหมายของสึนามิ www.saranukromthai.or.th เล่ม๓๐ / เรื่องที่ ๘
คลื่นสึนามิ
www.bangkokbiznews.com https://www.seawatch-sw.org
“สึนามิ” เกิดจากอะไรและก่อความเสียหายแค่
สาเหตุและผลกระทบของสึนามิ
ไหน
www.cmmet.tmd.go.th
มาตราการป้องกันสึนามิ สึนามิ
ดินถล่ม
www.cmmet.tmd.go.th ดินถล่ม
https://www.hintok.go.th/protection.php
guru.sanook.comดินถล่มผลกระทบ
แผ่นดินไหว
th.wikipedia.org แผ่นดินไหว
http://www.nongphaicity.go.th/index.php?
op=articlecenter_detail&art_id=1408&id=10135
https://boongbrief.com/article/earthquake-effect/
14 น้ำท่วม
https://sites.google.com/site/phaynathwmprathesthi/home/phl
k-ra-thb-na-thwm
ndwc.disaster.go.thรู้จักภัยจาก อุทกภัย หรือ น้ำท่้วม
น้ำกัดเซาะชายฝั่ง
https://th.wikipedia.org/wiki/น้ำกัดเซาะชายฝั่งไทย
https://km.dmcr.go.th/c_55/d_325
ปรากฏการณ์เรือนกระจก
https://web.ku.ac.th/schoolnet/snet6/envi3/miror/miror.htm
https://www.greenpeace.org/thailand/explore/protect/climate/impacts/
https://www.greennetworkthailand.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B
8%98%E0%B8%B5-
%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0
%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99-climate-change/