รายงาน
เรอ่ื ง สมนุ ไพรทอดกรอบ
ประจำปี 2564
จดั ทำโดย
นางสาวธนั วมาศ คงคล้าย
นางสาว อิสริญา เสนา
กลมุ่ เรยี น 62038.165 ร.ป.ศ. ห้อง 5
สาขาวชิ ารฐั ประศาสนศาสตร์
คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์
รายงาน
เรอ่ื ง สมนุ ไพรทอดกรอบ
ประจำปี 2564
จดั ทำโดย
นางสาวธนั วมาศ คงคล้าย
นางสาว อิสริญา เสนา
กลมุ่ เรยี น 62038.165 ร.ป.ศ. ห้อง 5
สาขาวชิ ารฐั ประศาสนศาสตร์
คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์
คำนำ
โครงการน้ีจดั ทำขึ้นเพอื่ นาํ แนวพระราชดาํ รัสของพระองคม์ าประยุกตใ์ ชใ้ หม้ ากยิ่งขึน้ ใน
ดา้ นเศรษฐกจิ พอเพียงเพ่ือความยง่ั ยืนของตนเอง และธุรกจิ รวมถงึ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม เน้นการ
พ่ึงงพาตนเองเป็นหลักทางคณะผจู้ ดั ทำโครงการ กไ็ ด้นาํ เอาสินค้า (สมุนไพรทอดกรอบ) ที่มอี ยู่ใน
ทอ้ งถิน่ อยแู่ ล้วโดยใชห้ ลักการของความพอมี พอกนิ พอใช้ ทางคณะผจู้ ดั ทำโครงการไดน้ าํ
หลกั การดังกลา่ วมาใช้ และคณะผู้จดั ทำโครงการ มกี ารทาํ ธรุ กจิ ดังกลา่ วซึง่ เป็นธรุ กจิ ท่ีเน้นเปน็
เศรษฐกจิ พอเพียงให้ไปส่คู วามย่ังยนื ในอนาคต เพ่อื สะทอ้ นใหป้ ระชาชนไดเ้ หน็ ถึงความยั่งยนื มาก
ย่งิ ขน้ึ การทท่ี างคณะผูจ้ ัดทำโครงการ ไดน้ ําเอาสนิ ค้าดังกล่าวมาเป็นกรณศี กึ ษาตวั อยา่ งน้ันเพอ่ื ให้
ประชาชนไดเ้ หน็ ถึงความสําคญั ประโยชน์ สรรพคณุ ตา่ ง ๆ ของสมนุ ไพรซงึ่ เปน็ วตั ถดุ บิ ท่ีหาได้
เองจากท้องถน่ิ และเปน็ ภูมปิ ัญญาไทยท่อี ยู่คูก่ ับคนไทยมาเป็นเวลาชา้ นาน
ทางคณะผจู้ ัดทาํ กรณศี ึกษา (สมุนไพรทอดกรอบ) ได้ศึกษาเศรษฐกิจพอเพยี งสู่ความยงั่ ยืนมา
ประยุกตก์ ับธรุ กิจดังกลา่ วเพ่ือให้ไปสคู่ วามยั่งยนื มากยิง่ ขึ้น หากมีข้อผดิ พลาดประการใดกข็ ออภยั
มา ณ ที่น้ีด้วย
คณะผ้จู ัดทาํ
24 กนั ยายน 2564
สารบญั
บทคัดย่อ
บทที่ 1 บทนำ………………………………………………………………………………………………..
ความเป็นมาของโครงการ …………………………………………………………………………………
หลักการและเหตผุ ลของโครงการ………………………………………………………………………..
วตั ถปุ ระสงคโ์ ครงการ………………………………………………………………………………………...
ขอบเขตดำเนินเดนิ งานโครงการ………………………………………………………………………….
นยิ ามศพั ท…์ ………………………………………………………………………………………………………
ประโยชนท์ ่คี าดว่าจะไดร้ บั …………………………………………………………………………………..
บทที่ 2 รายละเอียดของโครงการ และวรรณกรรมทีเ่ กีย่ วขอ้ ง………………………………..
รายละเอียดในการดำเนินงานโครงการ…………………………………………………………………...
หลกั การแนวคดิ ทฤษฎีทเี่ กี่ยวกับการดำเนินโครงการ……………………………………………..
บทท่ี 3 วธิ กี ารประเมนิ โครงการ…………………………………………………………………………
รปู แบบการประเมนิ โครงการ………………………………………………………………………………..
วิธีการการประเมินโครงการ………………………………………………………………………………….
ประชากรกลมุ่ ตวั อยา่ ง…………………………………………………………………………………………
เครอื่ งมอื ท่ีใช้ในการประเมนิ โครงการ…………………………………………………………………….
สถติ ิทใ่ี ช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล……………………………………………………………………
บทที่ 4 ผลการประเมนิ โครงการ………………………………………………………………………..
ผลการประเมนิ ดา้ นสภาวะแวดล้อม……………………………………………………………………..
ผลการประเมนิ ดา้ นปจั จยั ……………………………………………………………………………………
ผลการประเมนิ ด้านกระบวนการ…………………………………………………………………………..
ผลการประเมนิ ด้านผลผลิต………………………………………………………………………………….
บทที่ 5 สรุปผล อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ…………………………………………………..
วตั ถปุ ระสงคข์ องการประเมนิ โครงการ………………………………………………………………….
ประชากรกลุ่มตวั อย่าง……………………………………………………………………………………….
รูปแบบการประเมนิ ……………………………………………………………………………………………
เครอื่ งมือท่ีใช้ประเมนิ โครงการ……………………………………………………………………………
อภิปรายผล………………………………………………………………………………………………………
ข้อเสนอแนะ…………………………………………………………………………………………
บรรณนุกรม…………………………………………………………………………………………………..
ภาคผนวกเครอื่ งมอื การประเมนิ ……………………………………………………………………………………….
ภาคผนวกรปู ภาพ……………………………………………………………………………………………………………
ภาคผนวกโครงการ………………………………………………………………………………………………………….
บทคัดย่อ
การวิจัยเรือ่ งสมุนไพรทอดกรอบ มวี ตั ถปุ ระสงค์เพ่ือเสริมรายไดใ้ ห้กบั สมาชกิ ในชมุ ชนเพื่อศึกษา
สมนุ ไพรทอ้ งถนิ่ ตา่ งๆและเพ่ือศึกษากลมุ่ เปา้ หมายทางการตลาดเพ่อื ศึกษาการตลาดศกึ ษาการลงทุนและผล
กำไรและขาดทุนในแต่ละดา้ นและศึกษาดา้ นโภชนาการที่ถูกตอ้ ง เพือ่ นำไปสูค่ วามสามารถในการผลติ และ
ปรับปรุงคณุ ภาพผลติ ภณั ฑต์ ลอดจนศึกษาปจั จัยทมี่ ผี ลกระทบตอ่ การตดั สินใจซื้อและขอ้ เสนอแนะทางการ
พฒั นาด้านการตลาดโดยการม่งุ เนน้ เฉพาะพ้ืนท่ี จากกล่มุ ประชากรเป้าหมาย ผ้รู ับผิดชอบ นางสาว อิส
ริญา เสนา และ นางสาวธนั วมาศ คงคลา้ ย ระยะเวลาการประเมนิ โครงการ ตัง้ แต่ วันที่ 1 กันยายน พ.ศ.
2564 จนถึง วันท่ี 30 ตุงลาคม พ.ศ.2564
วัตถปุ ระสงค์โครงการ
1.เพื่อสร้างรายไดเ้ สรมิ ให้กบั ตัวเราเอง
2.เพ่ือส่งเสรมิ ชอ่ งทางการจัดจำหน่ายของผลิตภณั ฑ์
3.เพอ่ื เพมิ่ ยอดขายใหก้ บั ผลิตภัณฑส์ มุนไพรทอดกรอบ
4. เพื่อเจาะกลมุ่ ตลาดเป้าหมาย วยั ทำงาน อายุ 40-60 หรอื คนรักสุขภาพ และเดก็ ที่ไมท่ านผกั
วธิ ีดำเนินโครงการ
ทางกลมุ ไดแ้ บงกจิ กรรมออกเปน 2 กิจกรรมตามรูปแบบแนวความคดิ ดังนี้
1. การทำบรรจุภณั ฑท์ ด่ี งึ ดูดนา่ สนใจ โดยทางกลุ่มได้ออกความคดิ เห็นกันวา่ มคี วามประสงค์ได้บรรจุ
ภัณฑ์ทมี่ ขี นาดไมใ่ หญม่ ากนกั และตน้ ทนุ ของบรรจภุ ณั ฑต์ อ้ งมรี าคาไมเ่ กนิ 6 บาท ซง่ึ จากการสอบถามของ
กลุ่มและไดข้ อมลู แนช่ ดั ทางกลมุ จงึ ไดจ้ ดั ดำเนินการดังน้ี
• ออกสาํ รวจบรรจุภณั ฑท่นี าสนใจตามศูนยก์ ารคาภายในจังหวดั พษิ ณุโลกเชน Big C
ร้านเบเกอรรีต่ า่ งๆท่อี ยภู ายในจงั หวดั และตามตลาดออนไลนต์ ่างๆ
• นาํ รปู แบบบรรจุภณั ฑทที่ างกลุมสนใจมาออกแบบดัดแปลง เพอ่ื ใหเหมาะสมกับผลิตภณั ฑสมุนไพร
ทอดกรอบและกลุมลกู คาทีจ่ ะจำหนยให
2 .กจิ กรรมการขายตรงเพื่อเจาะกลุมลูกคาเปา้ หมายและการเพิม่ ยอดขายของสินคาโดยไม่ตองสงขาย
ไปยังตา่ งจงั หวดั เพ่ือลดตนทุนในการขนสง เป็นการประชาสัมพันธผลิตภัณฑในบรรจภุ ัณฑโฉมใหใหมใ่ หเปน็ ที่
รจู กั แกลกู คา /ผู้บรโิ ภคสมนุ ไพรทอดกรอบใหเปน็ ทร่ี ูจักตอไป ทางกลมุ จึงไดจ้ ดั กิจกรรมใหมีการขายตรง ซง่ึ มี
ขัน้ ตอนดังน้ี
• นาํ ผลิตภัณฑสมนุ ไพรทอดกรอบในบรรจุภัณฑใหมอ่ อกขายตามทองตลาดในจงั หวัดสุราษฎร์ธานี
และจังหวดั ปตั ตานี
• ประเมินความตองการของลกู คาตอ่ ผลิตภัณฑทอดกรอบในบรรจภุ ัณฑใหม่
เคร่ืองมือทใ่ี ชป้ ระเมนิ โครงการ
กลุม่ ลูกคา้ เป้าหมายมาซือ้ ผลติ ภัณฑ์
ผลการประเมนิ โครงการ
ผลการประเมนิ โครงการในแต่ละดา้ นดงั น้ี
1 กลมุ่ ลกู ค้าเปา้ หมายกลับมาซอื้ ซ้ำ
2 ไดบ้ รรจุภัณฑทเ่ี จาะกลมุ ลูกคาเปา้ หมายคือกลุมลูกคาที่มอี ายุต้งั แต่ 30-35 ปและกลมุ ท่รี กั สขุ ภาพ
และคนทีไ่ มท่ านผกั
3 ยอดขายพมิ่ ข้นึ ในแตล่ ะวัน
บทที่ 1
บทนำ
ความเปน็ มาและความสำคัญของโครงการ
เนือ่ งจากสมุนไพรถอื ว่าเปน็ พืชที่อย่คู ู่กับคนไทยอยูใ่ นชีวติ ประจำวนั แทบทุกวนั เพราะอาหารไทยนนั้
ต้องประกอบด้วยสมนุ ไพรนอกจากจะนำสมนุ ไพรไปประกอบอาหารแล้วผู้ท่ีต้องการแปรรูปสมุนไพรเป็นของ
ทานเล่นเคร่ืองสมนุ ไพรทอดกรอบเป็นที่นยิ มบริโภคกนั แพรห่ ลายเพราะนอกจากได้รบั ความอรอ่ ยและยงั จะ
ไดร้ ับประโยชนจ์ ากสมนุ ไพรทอดกรอบอกี ด้วยทางกลุม่ จึงไดแ้ นวคดิ จากพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั วา่ อยาก
ให้คนไทยรู้จกั ใช้พชื สมุนไพรซงึ่ เปน็ ยารกั ษาโรคมาจากบรรพบุรุษและพชื สมุนไพรพวกนีซ้ ึ่งมีอยู่ในป่าและเป็น
พชื สวนครัวของเราด้วยและราคาจงึ ถกู ได้รวมความคิดกับสมาชกิ ในกลมุ่ และได้นำสมนุ ไพรต่างๆท่ีมีอยู่ใน
ทอ้ งถ่นิ ของชุมชนบ้านเราและคนในชมุ ชนใกล้เคยี งกนั อย่างแพรห่ ลายมีทั่วไปเหมือนกบั การปลกู พชื ผักสวน
ครัวไว้กนิ เองดงั นั้นเราจงึ นำปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงมาเปน็ แนวทางในการดำเนนิ ชีวิตในปัจจบุ ันเพราะสังคม
มีการเปลย่ี นแปลงอยูเ่ ร่อื ยๆเศรษฐกิจตกต่ำข้าวของแพงขึ้นแตใ่ นขณะเดยี วกนั เรายงั ไม่ไดน้ ึกถงึ ส่งิ ทอี่ ยูใ่ กลต้ ัว
เราทส่ี ามารถนำมาทำใหเ้ กดิ ประโยชนน์ ้ันก็คอื พืชผกั สวนครวั ของเราทีป่ ลกู กนั อย่แู ทบทุกบา้ นนำมาทำเปน็
สมนุ ไพรทอดกรอบซ่งึ ผลที่เกดิ ขึ้นมีผลกบั คณุ ภาพชีวติ ของประชาชนโดยมีแนวคดิ และโอกาสทางการตลาด
อาชพี กำไรรวมถงึ ประโยชน์ของเปา้ หมายท่ีไดร้ บั
สมนุ ไพรทอดกรอบในปัจจุบัน การบรโิ ภค เพือ่ เน้นสุขภาพมยี อดเพ่ิมขึ้นท่วั โลก เพราะ ทุกคน
ตระหนกั แล้ววา่ ทองทานเล่น ประเภทนี้ ไมเ่ พียงชว่ ยใหเ้ ดก็ ทานได้เท่านั้น แต่ยงั มีสารอาหารมากมายดว้ ย ใน
ประเทศไทยจำนวนคนทนี่ ิยมทานเปน็ ประจำมีเพม่ิ ข้นึ อย่างเหน็ ได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มคนทรี่ กั สขุ ภาพ สมนุ ไพร
ทอดกรอบอุดมไปดว้ ย วิตามิน ซีและเอ ซึง่ มปี ระโยชน์ แก่ร่ายกายในการปอ้ งกนั โรค บางประเทศนั้นให้
ความสำคญั ของการ กนิ ผกั สมนุ ไพร มากในทวปี เอเชีย เช่น ฮอ่ งกง รัฐบาล มีการรณรงค์ ให้ประชาชน
รับประทานผกั สมุนไพร สิง่ ทเี่ ห็นไดว้ ่า ประชาชนให้ความสำคญั ตอ่ กินผักสมนุ ไพรมากขนึ้ หลายแห่งหนั มา
จำหน่ายผักสมนุ ไพรแปรรปู ด้วย แสดงว่าคนหนุ่มสาวกำลังนิยมและสุขภาพมากขน้ึ ปจั จบุ ันผบู้ รโิ ภคเร่ิมมอง
หาของทานเลน่ เพอื่ สุขภาพมากขึน้ คนทว่ั ไปชอบ เพราะความสะดวก ราคายอ่ มเยาและรสชาตอิ ร่อยคนทัว่ ไป
เริ่มซื้อมารบั ประทานที่บา้ น หลายคนตระหนกั ว่านำ้ เพ่อื สุขภาพสำคัญตอ่ ภาวะโภชนาการ
วัตถุประสงคข์ องการประเมินโครงการ
1. เพ่อื สร้างรายไดเ้ สริมใหก้ บั ตวั เราเอง
2. เพื่อสง่ เสรมิ ช่องทางการจัดจำหน่ายของผลิตภณั ฑ์
3. เพื่อเพ่ิมยอดขายให้กบั ผลิตภณั ฑ์สมนุ ไพรทอดกรอบ
4. เพอ่ื เจาะกลุ่มตลาดเปา้ หมาย วยั ทำงาน อายุ 40-60 หรอื คนรักสุขภาพ และเดก็ ที่ไมท่ านผัก
ขอบเขตของโครงการ
ระยะเวลาการประเมนิ โครงการ
ตัง้ แต่ วนั ท่ี 1 กันยายน พ.ศ. 2564 จนถึง วันท่ี 30 ตุงลาคม พ.ศ.2564
นยิ ามศพั ท์
สมุนไพร หมายความวา่ ยาที่ไดม้ าจากพืช สตั ว์ แรธ่ าตุจากธรรมชาติทไี่ ม่มกี ารเปลีย่ นแปลงสภาพ
โครงสรา้ งภายใน สามารถนำมาใช้เปน็ ยารักษาโรคตา่ งๆ และบำรุงรา่ งกายได้
ผลติ ภัณฑ์ หมายถงึ สิง่ ทเ่ี สนอขายโดยธุรกิจ เพื่อสนองความตอ้ งการของผบู้ ริโภคใหไ้ ดร้ บั ความพึง
พอใจ ผลติ ภัณฑ์ทเ่ี สนอขายอาจมตี วั ตนหรือไม่มีตวั ตนได้ ซ่ึงประกอบดว้ ย สนิ คา้ บรกิ ารความคิด สถานท่ี
องค์กร หรือบุคคล
บรรจุภณั ฑ์ หมายถงึ การนำเอาวสั ดุ เชน่ กระดาษ พลาสติก แกว้ โลหะ ไม้ ประกอบเป็นภาชนะหุ้ม
ห่อสินค้า เพอื่ ประโยชน์ในการใช้สอยมคี วามแขง็ แรง สวยงาม ไดส้ ดั สว่ นทถ่ี กู ต้อง สร้างภาพพจน์ทีด่ ี มภี าษา
ในการติดต่อสอ่ื สาร และทำใหเ้ กิดผลความพึงพอใจจากผซู้ ้อื สนิ ค้า
กลมุ่ เปา้ หมาย หมายถงึ กลุม่ คนทคี่ ณุ ตอ้ งการเขา้ ถงึ โดยใช้ข้อความด้านการตลาดของคุณ เน่อื งจาก
คนกลมุ่ น้อี าจมีแนวโน้มจะดำเนนิ การบางอย่างหลังจากได้เห็นข้อความดงั กล่าว ผคู้ นในกลุ่มเป้าหมายของคณุ
จะมีลักษณะรว่ มบางประการทีเ่ หมือนกนั
ประโยชน์ทค่ี าดว่าจะไดร้ บั
1 ไดบ้ รรจุภัณฑทม่ี ีตนทนุ ตามความตองการ
2 ไดบ้ รรจภุ ัณฑทเี่ จาะกลมุ ลูกคาเปา้ หมายคอื กลุมลกู คาทมี่ อี ายุตั้งแต่ 30-35 ปและกลมุ ท่รี ักสขุ ภาพ
และคนท่ไี มท่ านผัก
บทท่ี 2
เอกสารและแนวคดิ ทฤษฎีท่เี กี่ยวขอ้ ง
1. รายละเอยี ดในการดำเนินงานโครงการ
2. หลักการแนวคดิ ทฤษฎีที่เก่ยี วกับการดำเนินโครงการ
3. หลักการแนวคดิ ทฤษฎที ี่เกยี่ วกบั การประเมนิ ผลโครงการ
4. กรอบแนวคดิ การประเมินผลของโครงการ
1. รายละเอยี ดของโครงการ
หลกั การและเหตผุ ลของโครงการสมนุ ไพรทอดกรอบ
สมุนไพรถือวาเป็นพืชท่ีอยคู่ ู่กบั คนไทยและใชอ้ ยู่ในชวี ติ ประจำวัน เพราะอาหารไทยโดยสวนใหญจ่ ะ
ใชส้ มนุ ไพรเปน็ สวนประกอบในการปรุงอาหารสมุนไพรนั้นเป็นพืชที่หาได้หาได้ง่ายพบในทกุ ครัวเรอื นและ
สมนุ ไพรยงั เป็นยารักษาโรค จึงเกดิ ความคิดทจ่ี ะเอาสมุนไพรทม่ี อี ยใู นทอ้ งถิน่ นาํ มาใชใหเกิดประโยชน์ซงึ่ มีอยู่
ทุกบ้านไม่ต้องไปสง่ั ซ้ือมาจากท่ีอนื่ มาแปรรปู ทำเป็นสมนุ ไพรทอดกรอบซ่งึ มีสรรพคุณรกั ษาโรคต่างๆสามารถ
รบั ประทานกับอาหารอืน่ ๆได้ แลว้ ยงั ทานเป็นอาหารว่าง ซึง่ ถอื เป็นผลิตภณั ฑ์ทีเ่ ปน็ ท่ีรู้จกั ของคนใน ทกุ ๆพื้นที่
และคดิ ท่ีจะปรบั เปลย่ี นรปู แบบของผลิตภณั ฑส์ มุนไพรทอดกรอบให้มขี นาดท่เี ล็กลงและ เหมาะกบั การที่จะ
ซ้อื ไปรับประทานคนเดยี วหรือครั้งละไม่มากเพอ่ื ใหสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกจิ ปัจจบุ ัน หากออกแบบ
ผลิตภัณฑใ์ ห้มขี นาดเลก็ ลง แล้วสามารถท่จี ะทำให้ยอดขายเพม่ิ ขึน้ ช่วยลดตน้ ทุนขอองการผลิตภัณฑ์ ทางกลุม่
จะจำหนา่ ยเป็นตัวแทนขายโดยการขายตรงภายในพืน้ ทใ่ี กล้เคียงและจะตงั้ รา้ นขาย ตามตลาดเพ่อื เพม่ิ จำนวน
ของการขายผลิตภณั ฑส์ มนุ ไพรทอดกรอบ เปน็ การชว่ ยกระจายผลิตภัณฑ์ เนอ่ื งจากผลติ ภัณฑ์สมุนไพรทอด
กรอบเปนผลติ ภัณฑท์ ีเ่ ป็นท่ีรจู้ กั กนั ดีอยแู่ ลว้ ในตามท้องถ่ินและเป็นการลดตนทุนในการขนส่ง
วัตถปุ ระสงคข์ องโครงการ
1.เพอื่ สร้างรายได้เสริมให้กับตวั เราเอง
2.เพื่อสง่ เสริมช่องทางการจัดจำหนา่ ยของผลิตภณั ฑ์
3.เพือ่ เพ่มิ ยอดขายใหก้ ับผลิตภณั ฑ์สมุนไพรทอดกรอบ
4. เพอ่ื เจาะกลุ่มตลาดเป้าหมาย วัยทำงาน อายุ 40-60 หรอื คนรกั สุขภาพ และเด็กท่ีไมท่ านผัก
เปา้ หมายของโครงการ
ด้านปริมาณ
ผบู้ ริโภคทีรกั ษาสขุ ภาพด้วยคุณคา่ ทางโภชนาการของสมุนไพร จำนวน 12 คน
ดา้ นคณุ ภาพ
มีการออกแบบบรรจภุ ัณฑเ์ พอ่ื ลดตนทนุ ในการผลิตซ่งึ แตเ่ ดมิ มีบรรจภุ ณั ฑ์ท่ีใหตนทนุ สูงและ
ยงั ททำใหสินคานั้นมีราคาท่ถี ูกลง
งบประมาณ
งบประมาณในการทำกิจกรรมครั้งนอ้ี ยู่ท่ปี ระมาณ 1,000 บาทถว้ น โดยงบประมาณทง้ั หมดมาจาก
สมาชิกในกลมุ่
รายการ จำหน่าย
จำนวน ราคา
พรกิ 1 กิโลกรมั 60
สลัดน้ำ 1กิโลกรมั 80
อัญชนั 1กิโลกรมั 60
ดอกเฟื้องฟ้า คร่งึ กโิ ลกรมั 60
แป้งทอดกรอบ 1ถงุ 62
นำ้ มัน 1ถุง 58
ผงปราปิกา้ 1ถุง 35
นำ้ จมิ้ 1ขวด 52
บรรจภุ ณั ฑ์ 1แพ็ค 120
โลโก้ 1แผน่ 60
รวม 1000
ปจั จัยในการดำเนนิ โครงการ
วัสดุอปุ กรณ์
พรกิ สลดั นำ้ ดอกเฟ่ืองฟ้า ดอกอญั ชัน เห็ดนางฟ้า แป้งทอดกรอบ น้ำมัน ผงปรุงปาปิกา้ นำ้ จมิ้
บรรจภุ ณั ฑ์ โลโก้
เครื่องมอื เครอ่ื งใช้ เครอื่ งอำนวยความสะดวก
กระทะ แกส๊ ตตู้ ากอาหารอเนกประสงค์
บุคคลทร่ี ่วมดำเนนิ โครงการ
ผู้ปกครองและญาติของ นางสาวอิสรญิ า เสนา และผ้ปู กครองหรือญาตขิ องนางสาวธันวมาศ คงคลา้ ย
ท่รี ว่ มดำเนินกิจกรรมโครงการในคร้ังน้ี
เอกสาร แหลง่ เรียนรู้ สถานประกอบการ
สถานท่ีประกอบการหรือสถานทใี่ นการทำกจิ กรรมกค็ อื ชุมชนบา้ นปะนาเระและชุมชนบ้าน
เวยี งสระ เปน็ ชมุ ชนของสมาชิกในกลมุ่
อาคารสถานท่ี
อาคารสถานทใ่ี นการจดั จำหนา่ ยของสมุนไพรทอดกรอบคือตลาดตามชุมชนของสมาชกิ ในกลมุ่
กจิ กรรมในการดำเนินงานโครงการ
รายละเอยี ดกิจกรรมการดำเนนิ โครงการ ทางกลมุ ได้แบงกจิ กรรมออกเปน 2 กิจกรรมตามรูปแบบ
แนวความคิดดงั น้ี
1. กิจกรรมการทำบรรจภุ ัณฑ์ทดี่ งึ ดดู น่าสนใจ โดยทางกล่มุ ไดอ้ อกความคิดเห็นกันวา่ มคี วามประสงคไ์ ด้
บรรจภุ ัณฑ์ท่มี ขี นาดไม่ใหญม่ ากนกั และต้นทุนของบรรจุภณั ฑ์ต้องมีราคาไมเ่ กนิ 6 บาท ซึง่ จากการสอบถาม
ของกลุม่
2. กจิ กรรมการขายตรงเพ่ือเจาะกลุมลูกคาเปา้ หมายและการเพิม่ ยอดขายของสนิ คาโดยไม่ตองสงขายไป
ยังต่างจังหวัดเพื่อลดตนทุนในการขนสง เป็นการประชาสมั พันธผลติ ภัณฑในบรรจภุ ัณฑโฉมใหใหมใ่ หเป็นท่รี ู
จักแกลกู คา /ผบู้ รโิ ภคสมนุ ไพรทอดกรอบใหเป็นทร่ี จู ักตอไป
1. กิจกรรมการทำบรรจภุ ณั ฑท์ ่ดี งึ ดูดนา่ สนใจและกจิ กรรมการขายตรงเพ่ือเจาะกลมุ ลูกคาเปา้ หมาย
1.1 วัตถปุ ระสงค์
1.1.1 เพื่อให้ดึงดดู กลุ่มลกู ค้าเปา้ หมายและเพอื่ ลดตน้ ทนุ ในการผลติ
1.1.2 เพ่อื ลดตน้ ทุนในการจัดส่งและเข้าถงึ ลกู คา้ กลมุ่ เป้าหมายได้งา่ ยๆ
1.2 การดำเนนิ โครงการ
1.2.1 ศึกษาข้อมลู และศึกษาตลาดเปา้ หมายเพอ่ื เปลย่ี นแปลงบรรจุภณั ฑ์เพื่อลดต้นทนุ
และเพมิ่ ยอดขาย
1.2.2 ออกแบบบรรจุภณั ฑแ์ ละโลโก้
1.2.3 สง่ั ซื้อบรรจภุ ัณฑแ์ ละโลโก้
1.2.4 นำวัตถดุ ิบมาล้างให้สะอาดและผง่ึ แดดให้แห้ง
1.2.5 นำวตั ถดุ ิบที่ต้องการมาหนั ให้เปน็ แผ่นบางๆและนำมาคลุกเคลา้ ให้เข้ากนั และปรงุ
รสชาติและนำไปทอด
1.2.6 นำผลติ ภัณฑบ์ รรจุลงในบรรจภุ ณั ฑ์
1.2.7 ทดลองขายผลติ ภณั ฑ์
1.2.8 ตรวจสอบยอดขายพบวาลูกคาใหการตอบรับ ผลติ ภณั ฑเ์ ป็นอย่างดี
1.3 เคร่อื งมอื ในการประเมนิ ผล
1.3.1 กลุ่มลูกค้าเปา้ หมายมาซ้อื ผลติ ภัณฑ์
1.4 ผลทค่ี าดวา่ จะได้รับ
1.4.1 ไดบ้ รรจภุ ัณฑท่ีมีตนทุนตามความตองการ
1.4.2 ไดบ้ รรจุภณั ฑทีเ่ จาะกลมุ ลูกคาเป้าหมายคอื กลุมลูกคาทม่ี อี ายตุ ้งั แต 30-35 ป
และกลมุ ทีร่ ักสขุ ภาพ และคนท่ีไม่ทานผัก
ระยะเวลาดำเนนิ งานตามโครงการ
ระหว่างวันท่ี 1 กันยายน พ.ศ. 2564 จนถึง วนั ที่ 30 ตงุ ลาคม พ.ศ.2564
โดยมปี ฏทิ ินปฏบิ ตั งิ านตามโครงการดงั นี้
ระยะเวลา กจิ กรรม ผรู้ ับผิดชอบ
03/09/64 ศกึ ษาขอมูลและศึกษาตลาดเปาหมายเพื่อ นางสาวอิสริญา เสนา
05-06/08/64 เปลีย่ นแปลงบรรจภุ ณั ฑ เพื่อลดต้นทนุ และ นางสาว ธันวมาศ คงคล้าย
08/08/64 เพิ่มยอดขาย
12/08/64 ออกแบบบรรจุภณั ฑ โลโก้ นางสาวอสิ รญิ า เสนา
13/08/64 นางสาว ธันวมาศ คงคล้าย
14/08/64 สัง่ ซื้อบรรจุภณั ฑ์ และโลโก้ นางสาว ธนั วมาศ คงคลา้ ย
15/08/64
20-23/08/64 นาํ วัตถุดบิ มาลางใหสะอาดและผึง่ แดดใหแหง นางสาวอสิ รญิ า เสนา
นางสาว ธันวมาศ คงคล้าย
นําวตั ถทุ ี่ตองการมาหนั่ ใหเป็นแผน่ บางๆ และ นางสาวอสิ รญิ า เสนา
นํามาคลกุ เคลาใหเขากนั แลวปรุงรสชาติและ นางสาว ธนั วมาศ คงคล้าย
นำไปทอด
นําผลิตภัณฑบรรจุลงในบรรจภุ ัณฑ์ นางสาวอสิ รญิ า เสนา
นางสาว ธนั วมาศ คงคล้าย
ทดลองขายผลติ ภณั ฑ นางสาวอสิ ริญา เสนา
นางสาว ธันวมาศ คงคลา้ ย
ตรวจสอบยอดขายพบวาลกู คาใหการตอบรับ นางสาวอิสรญิ า เสนา
ผลิตภัณฑ์เปน็ อยา่ งดี นางสาว ธันวมาศ คงคล้าย
2. แนวคิดการประเมนิ โครงการ
หลักการแนวคดิ และทฤษฎที เี่ กยี่ วกับการประเมินโครงการ
ข้อมูลท่วั ไปของสมุนไพรพน้ื บ้าน
สมนุ ไพร หมายถงึ "ผลติ ผลธรรมชาติ ไดจ้ าก พืช สัตว์ และแรธ่ าตุ ที่ใช้เป็นยา หรือผสมกับ
สารอืน่ ตามตำรบั ยา เพ่อื บำบดั โรค บำรุง รา่ งกาย หรือใช้เปน็ ยาพษิ "[1] หากนำเอาสมนุ ไพรตง้ั แตส่ องชนิดข้นึ
ไปมาผสมรวมกนั ซ่ึงจะเรยี กว่า ยา ในตำรับยา นอกจากพืชสมุนไพรแล้วยงั อาจประกอบด้วยสตั ว์และแร่ธาตุ
อีกด้วย เราเรียกพืช สตั ว์ หรือแรธ่ าตทุ ี่เปน็ สว่ นประกอบของยาน้ีวา่ เภสชั วตั ถุ พชื สมนุ ไพรบางชนิด เชน่ เร่ว
กระวาน กานพลู และจนั ทนเ์ ทศ เป็นตน้
ลักษณะพืชสมนุ ไพรพื้นบา้ น
พืชสมุนไพร นนั้ ต้งั แต่โบราณกท็ ราบกนั ดีวา่ มีคุณค่าทางยามากมายซ่ึง เช่ือกนั อีกด้วยว่า ต้นพืชต่าง ๆ
ก็เปน็ พชื ทมี่ สี ารทเี่ ปน็ ตวั ยาด้วยกันท้งั ส้นิ เพียงแตว่ ่าพืชชนิดไหนจะมคี ณุ คา่ ทางยามากน้อยกวา่ กันเทา่ นนั้
พืชสมนุ ไพร หรือวตั ถุธาตนุ ี้ หรือตัวยาสมนุ ไพรน้ี แบ่งออกเป็น 5 ประการ ดงั น้ี
1. รูป ไดแ้ ก่ ใบไม้ ดอกไม้ เปลอื กไม้ แก่นไมก้ ระพี้ไม้ รากไม้ เมลด็
2. สี มองแลว้ เหน็ วา่ เป็นสีเขียวใบไม้ สเี หลือง สีแดง สสี ้ม สมี ว่ ง สนี ำ้ ตาล สีดำ
3. กล่นิ ใหร้ ูว้ า่ มกี ล่นิ หอม เหมน็ หรือกลิน่ อยา่ งไร
4. รส ให้รวู้ า่ มรี สอย่างไร รสจืด รสฝาด รสขม รสเค็ม รสหวาน รสเปรยี้ ว รสเย็น
5. ชอ่ื ตอ้ งร้วู า่ มชี ่ืออะไรในพืชสมุนไพรนน้ั ๆ ใหร้ ้วู า่ ขงิ เปน็ อย่างไร ข่า เป็นอย่างไร ใบขเ้ี หล็กเปน็
อยา่ งไร
ลักษณพืชสมนุ ไพร
แบ่งตามะประเภทไมไ้ ดด้ ังนี้
1. ประเภทไม้ล้มลกุ เช่น ฟา้ ทะลายโจร ขิง ขมนิ้ วา่ นหางจระเข้ หญา้ ปักกง้ิ แมงลกั วา่ นนำ้
2. ประเภทไม้พุม่ เชน่ พญายอ กระเจย๊ี บแดง เสลดพังพอนตัวผู้ มะแวง้ ต้น หญา้ หนวดแมว ทองพนั ชัง่
3. ประเภทไมต้ ้น เช่น สะเดา ขี้เหลก็ อบเชย กานพลู มะขามแขก การบรู ฝรงั่
4. ประเภทไมเ้ ถา เชน่ มะแวง้ เครอื บอระเพ็ด บัวบก พลู อัญชนั หางไหลแดง
ประเภทของพชื สมุนไพรยาเภสัชวัตถุ
ในพระราชบญั ญัตยิ าฉบับที่ 3 ปีพุทธศักราช 2522 ไดแ้ บง่ ยาท่ไี ด้จากเภสัชวตั ถุน้ไี ว้เป็น 2 ประเภทค
1. ยาแผนโบราณ หมายถึง ยาท่ีใช้ในการประกอบโรคศลิ ปะแผนโบราณหรือในการบำบัดโรคของ
สตั ว์ ซง่ึ มีปรากฏอยู่ในตำรายาแผนโบราณทร่ี ฐั มนตรีประกาศ หรือยาทร่ี ัฐมนตรีประกาศใหเ้ ปน็ ยาแผนโบราณ
หรอื ได้รบั อนุญาตใหข้ ้ึนทะเบยี นตำรบั ยาเปน็ ยาแผนโบราณ
2. ยาสมนุ ไพร หมายถงึ ยาทีไ่ ดจ้ ากพืชสตั วแ์ ร่ธาตทุ ่ยี ังมไิ ดผ้ สมปรงุ หรอื แปรสภาพสมนุ ไพรนอกจาก
จะใชเ้ ป็นยาแล้ว ยังใช้ประโยชนเ์ ป็นอาหาร ใช้เตรียมเปน็ เครอ่ื งดืม่ ใชเ้ ปน็ อาหารเสรมิ เปน็ สว่ นประกอบใน
เครอ่ื งสำอาง ใช้แต่งกลิ่น แตง่ สีอาหารและยา ตลอดจนใชเ้ ป็นยาฆ่าแมลงอีกด้วย ในทางตรงกันขา้ ม มี
สมุนไพรจำนวนไม่นอ้ ยท่มี ีพษิ ถ้าใช้ไมถ่ กู วธิ ีหรือใช้เกนิ ขนาดจะมพี ิษถึงตายได้ ดังนนั้ การใช้สมนุ ไพรจงึ ควรใช้
ด้วยความระมัดระวังและใช้อย่างถกู ตอ้ ง ปัจจุบันมีการต่นื ตวั ในการนำสมุนไพรมาใชพ้ ัฒนาประเทศมากขึ้น
แนวคิดเกยี่ วกบั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
โครงการน้ีมคี วามสอดคลองกับปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งคือเนนการทำธรุ กิจที่ยดึ หลักการพฒั นาองค
แบบยงั่ ยนื โดยนาํ หลักเศรษฐกิจพอเพยี งมาใชในองคกรของกลุมแมบานบางสะแกโดยการพัฒนานน้ั ตง้ั อยูบน
ทางสายกลางสามหวงสองเงื่อนไขเป็นแนวทางปฏบิ ตั ิ
ความพอประมาณ
• ใหสามารถพง่ึ ตนเองได้ การทก่ี ลุ่มของสมุนไพรทอดกรอบ จัดตง้ั กลมุ กนั ขึน้ มาเพ่ือหวังจะสร้างอาชีพใหแก
ตนเองและสรงรายไดใ้ หแกครอบครวั โดยไม่จำเป็นตองแสวงหาแหลง่ ทสี่ รา้ งรายได้จากท่ีอื่นสามารถคนพบ
จากสง่ิ ท่มี อี ยใู กลตัว นน่ั คือ สมนุ ไพรไทยทเี่ ปน็ พชื พนื้ บานของไทย นํามาผลติ เป็นสินคาเพอ่ื จำหนา่ ยสรงเปน็
อาชพี และเพมิ่ รายได้
• ความพอเหมาะกับสภาพของตน กลุมสมนุ ไพรทอดกรอบและเมยี่ งสมุนไพรโดยทไี่ ม่ขยายสายผลติ ภัณฑเพม่ิ
เนอ่ื งจากกลมุ นึกถึงกาํ ลงั การผลิตของทางกลุมแมบานเองท่มี ไี ม่เพียงพอหากขยายสายผลิตภัณฑทางกลมุ น้ัน
ยงั คงมีความพอใจในจดุ นี้ จึงมเี ลือกออกแบบบรรจภุ ณั ฑใหมใ่ หทางกลมุ เพอื่ แสดงความมเี อกลกั ษณของผลิต
ภณั ฑหลงั จากท่ีทีมชอกาสะลองเขาไปพดู คยุ และเสนอทางเลอื กหลายๆทางในการเพอื่ สรางความยัง่ ยนื มาสู่
อาชีพเสริม
ความมเี หตผุ ล
• ธุรกจิ สมุนไพรทอดกรอบเปน็ ธุรกิจเสรมิ ขนาดเลก็ ท่ีจัดขน้ึ ภายในโครงการของกลุ่มสมุนไพรทอดกรอบเพอ่ื
สรางรายไดเ้ สรมิ ใหกบั สมาชกิ ในกล่มุ และครอบครัวของสมาชกิ ในกลุ่มใหม้ ีงานทำกนั สมุนไพรทอดกรอบ
น้นั ไดร้ ับความนยิ มเปน็ ที่สมควรโดยกลุมลกู ค้าเปา้ หมายของผลติ ภณั ฑนน้ั เป็นกลุมท่ีรบั ประทานเพอ่ื สุขภาพมี
อายตุ ั้งแต่ 30ปข้ึนไปทางกลุม่ จึงเลอื กทำบรรจุภัณฑใหเหมาะกับผลิตภัณฑสมุนไพรทอดกรอบ บรรจุ
ภณั ฑทมี่ ีตนทนุ ตำ่ สามารถเกบ็ สมนุ ไพรใหคงความกรอบไดน้ าน เปน็ บรรจุภัณฑในลักษณะแบบบรรจแุ บบถุง
กระดาษเพอื่ ทีจ่ ะสามารถทานได้สะดวกและเหมาะสำหรบั ทาน 1-2 คน
การสรางภมู คิ มุ กัน
• ในปจจบุ ันพบวาผลิตภัณฑทางดา้ นสมุนไพรเพื่อสุขภาพนั้นเพม่ิ มากข้ึนและมกี ารลอกเลียนแบบกนั เรอื่ ง
สมนุ ไพรจึงไม่ใชสงิ่ แปลกใหมอ่ กี ตอไป และกลุมลูกคาโดยท่ัวไปจะเปน็ กลุมลกู คาทสี่ นใจในเรอื่ งการรักสุขภาพ
นอกจากนส้ี มนุ ไพรทอดกรอบไมใ่ ชสินคาจำเปน็ สวนแบงทางการตลาดจึงนอยมากเม่ือเทียบกบั สนิ คาอ่นื การ
ทำบรรจภุ ัณฑใหมน่ ี้เพอื่ ขยายตลาดเพอ่ื ใหลูกคาไดพ้ จิ ารณาในการเลอื กสินคาเป็นแนวทางในการสราง
ภมู คิ มุ้ กนั แกผลติ ภัณฑสมุนไพรทอดกรอบ
เง่ือนไขความรู
• ในการทำบรรจุภณั ฑรปู แบบใหม่ทางกลมุ่ ไดพ้ ฒั นาและเรยี นรจู ากการการเดนิ สาํ รวจแหลง่ จำหนา่ ยสินคา้
ขนาดใหญ่ เชน Big C ,โลตสั , รา้ นเบเกอรและแหลง่ อนื่ ๆ เพอ่ื พฒั นาการทำแบบบรรจภุ ณั ฑท่ีทางกลุมในใช
การบรรจสุ มุนไพรทอดกรอบทที่ างกลมุ ผลิตขึน้
• เขารว่ มแสดงสนิ คา OTOP จากสถานที่ตา่ งๆ เพอื่ สรางเครอื ขายทางธุรกิจ สรางโอกาสใหผลติ ภัณฑเป็นที่รู
จัก นําไปสู่การพฒั นาผลิตภณั ฑและรูปแบบการบรรจภุ ณั ฑทดี่ ี
เง่ือนไขคุณธรรม
• ทำผลติ ภัณฑสมุนไพรทอดกรอบที่ได้รับมาตรฐานไมม่ สี ารเจือปนในสนิ คา
• ใชสมุนไพรทเ่ี ปน็ วตั ถดุ บิ ที่ปลอดสารพษิ ไรการตกคางสารพิษ
• ขบวนการผลติ ในขั้นตอนทอด นำ้ มันท่ีใชในการทอดจะผ่านการทอดครง้ั เดียวไมม่ ีนำ้ มันเกามา
ทอดซำ้ ในคร้ังตอไป เสนอแตส่ ิ่งดีๆแกลูกคาไม่มีโฆษณาเกนิ ความเปน็ จริงตอลุกคา
แนวคิดทฤษฎีการสรา้ งมูลคา่ เพม่ิ
เนอ่ื งจากในปจั จบุ ันผู้บริโภคนนั้ มที างเลือกมากขน้ึ ซ่ึงมอี ีกสิง่ หนง่ึ ที่เมื่อกอ่ นอาจเลน่ บทเป็นแค่ตัว
ประกอบเทา่ น้ัน แต่ปจั จุบันกา้ วขนึ้ มามีความสำคญั ไม่แพก้ ันเลยทเี ดียวที่จะมีส่วนชว่ ยทั้งดงึ ผู้บริโภคกลุ่ม
ใหมๆ่ เข้ามา รวมถงึ รักษาผบู้ รโิ ภครายเดมิ ใหอ้ ยู่ไปนานๆ กค็ อื เรอ่ื งของการสรา้ งมูลค่าเพ่มิ โดยในอดตี น้ัน
หากผลิตภณั ฑ์ หรอื บริการหนง่ึ จะประสบความสำเร็จไดใ้ นท้องตลาดสง่ิ ทสี่ ำคญั ท่ีสดุ กค็ งจะเปน็ ตวั
ผลิตภัณฑ์ หรอื บริการหลักน่นั เองท่ตี ้องมีคุณภาพท่ีเย่ยี มยอดกว่าคู่แข่ง และสามารถตอบสนองความ
ต้องการของลูกคา้ ไดด้ ีกวา่ อยา่ งไรก็ดีในปัจจบุ ันจะพบวา่ จรงิ อย่ทู บี่ อ่ ยคร้งั คณุ ภาพของผลิตภณั ฑ์ หรอื
บรกิ ารหลกั อาจจะยงั เป็นเรือ่ งสำคญั มาก แต่อกี ส่งิ หนง่ึ ทก่ี ้าวขึ้นมามีสว่ นสำคัญมากขึน้ เร่อื ย ๆ กค็ อื เรอ่ื ง
ของ “มลู ค่าเพม่ิ ” ทตี่ ิดมากบั ตัวผลติ ภณั ฑ์ หรอื บริการหลกั น้นั ๆ ในบางกรณีส่วนของมูลคา่ เพมิ่ ก็จะเป็นตัว
ดงึ ดดู ผบู้ ริโภคใหห้ ันมามอง หรือตัดสนิ ใจท่จี ะซอื้ ผลิตภณั ฑ์ หรือบรกิ ารหลกั ดงั น้นั ธรุ กิจในปัจจุบันเราจะ
เห็นว่า ไม่ใช่เป็นการขายเพียงตวั ผลติ ภัณฑ์ หรือบรกิ ารหลกั อย่างเดยี ว แต่จะตอ้ งมีส่วนเพ่ิมมลู ค่าท่จี ะท าให้
ผบู้ รโิ ภครู้สกึ ได้ประโยชน์มากข้นึ ด้วย (พูนลาภ ทพิ ชาตโิ ยธนิ , 2553, หนา้ 87-88)
ความหมายการสรา้ งมลู คา่ เพิ่ม (Value Added Creation)
ในการให้ความหมาย และคำจำกัดความของการสร้างมูลค่าเพิ่ม ได้มีการให้นยิ ามไว้ในหลายๆ ด้าน
ดังตอ่ ไปนี้
ศริ วิ รรณ เสรีรตั น์ และคณะ (2542, หนา้ 868) ได้ใหค้ วามหมายไว้ว่า การสร้างมลู ค่าเพ่ิม
หมายถงึ ความพยายามในการพัฒนาผลติ ภัณฑใ์ นด้านต่าง ๆ ให้มคี ุณค่าในสายตาของลูกค้ามากข้นึ
Louis (อ้างถงึ ใน ดนยั จนั ทร์ฉาย, 2547 หนา้ 239) ไดใ้ หค้ วามหมายไวว้ ่า การสรา้ งมูลคา่ เพ่มิ
หมายถึง การน าเสนอผลติ ภัณฑ์ หรือบรกิ ารทค่ี รบถ้วนสมบรู ณด์ ว้ ยคณุ ภาพ บรกิ าร และราคา เพอ่ื
ตอบสนองความตอ้ งการของลกู คา้ ให้เกิดความพึงพอใจในการซือ้ ครอบครอง และใช้ประโยชน์
ทั้งนี้ในความหมายดา้ นการตลาด การสร้างมลู ค่าเพ่ิม คือ การพฒั นาตวั ผลิตภณั ฑใ์ หเ้ กิดความพึง
พอใจตอ่ ผบู้ ริโภคสูงสดุ และเกนิ ความคาดหมายของผู้บรโิ ภค อีกทง้ั มูลคา่ เพม่ิ อาจเกิดจากการเพิม่ สิ่งที่
นอกเหนือจากส่งิ ทผ่ี บู้ ริโภคคาดวา่ จะไดร้ บั (Nilson, 1992) นอกจากนี้การสร้างมลู คา่ เพิม่ ท่เี ป็นการเพม่ิ
หรือเสรมิ ส่ิงใหม่ๆ สู่ตัวผลติ ภณั ฑ์ ควรมีความเก่ยี วข้อง และเปน็ สิ่งที่ลกู คา้ ตอ้ งการ (Chematony& Harris,
1998)
จากความหมายดังกล่าวขา้ งตน้ สรปุ ได้ว่า การสร้างมลู คา่ เพิ่ม หมายถึง สงิ่ ทีช่ ว่ ยสร้างความ
ได้เปรียบทางการแขง่ ขนั โดยผา่ นการสร้างคุณค่าสำหรบั ลูกคา้ ทดี่ ีขึน้ (Customer Value) โดยมขี นั้ ตอนการ
ผลิต หรอื บริการทดี่ กี วา่ เพ่อื การเปน็ ผู้น าในผลติ ภณั ฑ์นนั้ ๆ นอกจากการสรา้ งความแตกตา่ งในตลาดแลว้
มูลค่าเพิ่มจะเป็นตัวชว่ ยในการสรา้ งคุณค่าทสี่ ่งผลตอ่ การรบั รขู้ องผบู้ ริโภคทีส่ ูงกวา่ ซึง่ น าไปส่คู วามมนั่ ใจใน
การตัดสินใจเลือก หรอื ซ้ือผลิตภัณฑแ์ ละบริการต่อไป
ความสำคญั ของการสร้างมลู คา่ เพมิ่
ในปัจจุบนั การด าเนนิ ธุรกิจมีการแข่งขนั อย่างรุนแรง และพฤติกรรมผูบ้ รโิ ภคเปลยี่ นแปลงไป ดงั นนั้
ธรุ กิจตา่ ง ๆ จงึ ต้องมกี ารปรบั ปรุงแนวคดิ กลยุทธ์ให้ทันตอ่ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้นึ กลยทุ ธก์ ารสรา้ ง
มูลคา่ เพ่มิ สามารถท าใหธ้ ุรกิจมีความได้เปรียบในการแขง่ ขนั ซึ่งการสร้างมูลคา่ เพ่ิมมีความสำคญั ตอ่ การ
ด าเนนิ ธุรกจิ (พนิ พสั นยี ์ พรหมศริ ,ิ 2547, หนา้ 20) ดงั ต่อไปนี้
การสร้างมูลคา่ เพิ่มที่มากกวา่ คู่แข่ง จะท าให้สามารถตอบสนองความต้องการและท าให้
ผ้บู ริโภคเกิดความพงึ พอใจมากยง่ิ ขึ้น ซง่ึ การสรา้ งมลู คา่ เพม่ิ อาจท าไดด้ ว้ ยการเสนอผลประโยชน์ทผ่ี ูบ้ ริโภค
ตอ้ งการ
การสรา้ งมลู ค่าเพม่ิ สามารถสรา้ งความเชื่อม่นั และความไว้วางใจจากผู้บรโิ ภคทด่ี ที สี่ ดุ เพราะ
ท าใหผ้ บู้ ริโภคเช่ือม่ันในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ หรอื บริการทธ่ี รุ กจิ มอบให้
การสรา้ งมลู ค่าเพม่ิ ท าให้ธุรกจิ สร้างความแตกตา่ งจากคู่แข่งในภาวะท่มี ีการแข่งขันอยา่ ง
รนุ แรงได้ และท าให้ธรุ กิจมคี วามไดเ้ ปรียบทางการแขง่ ขัน
การสรา้ งมูลคา่ เพม่ิ (Value Adder Creation)
ในตลาดทม่ี กี ารแขง่ ขนั กันอยา่ งรุนแรง และอตุ สาหกรรมอยูใ่ นภาวะอิ่มตัว ซึง่ จะเห็นว่าผลติ ภัณฑ์
หลกั จะไม่ค่อยมีความแตกต่างกันเท่าใดนกั ดงั น้นั ธรุ กจิ แต่ละรายจงึ พยายามหาโอกาสพัฒนา และยกระดับ
คณุ ลักษณะตา่ ง ๆ ของผลิตภณั ฑ์เสนอแกล่ กู ค้า (ศริ ิวรรณ เสรรี ตั น์ และคณะ,2541, หน้า 45) เครือ่ งมือ
ท่ีจะช่วยให้ธุรกจิ อยู่รอด และเติบโต โดยสามารถสรา้ งความพึงพอใจแก่ลูกคา้ เหนือคแู่ ข่ง ในภาวะท่มี ีการ
แขง่ ขนั อยา่ งรนุ แรงได้ นน่ั ก็คือ การดงึ ดดู ด้วยการสรา้ งมูลค่าเพมิ่ ทม่ี อบใหแ้ กผ่ บู้ ริโภค ซงึ่ เป็นมลู ค่าเพิม่ ทีท่ า
ให้ลูกค้ามคี วามรูส้ ึกมากกวา่ ความพอใจ (ฉตั ยาพร เสมอใจ, 2547, หนา้ 79) การสรา้ งมลู คา่ เพิ่มนัน้
ผู้ประกอบการจะตอ้ งพฒั นาผลติ ภัณฑ์ หรอื บรกิ ารให้มคี ณุ คา่ ในสายตาของลกู ค้าทั้ง 4 ดา้ น ซ่งึ คณุ คา่ ทั้ง 4
ด้านนเ้ี รียกวา่ คุณค่ารวมสำหรบั ลูกคา้ (ศริ วิ รรณ เสรรี ัตน์ และคณะ, 2541, หนา้ 46) ไดแ้ ก่
1 คณุ ค่าด้านผลิตภณั ฑ์ (Product Value)
2 คุณคา่ ดา้ นบรกิ าร (Service Value)
3 คณุ คา่ ดา้ นบคุ ลากร (Personnel Value)
4 คุณคา่ ด้านภาพลักษณ์ (Image Value)
ตามแนวคดิ คณุ ค่ารวมสำหรบั ลูกค้า จะท าใหธ้ รุ กิจสามารถสรา้ งมลู คา่ เพิ่มให้ลกู ค้าท าใหล้ ูกคา้ เกดิ
ความพอใจ สง่ ผลให้ธุรกิจมีผลการด าเนนิ งานทดี่ ใี นระยะยาว
1 คุณค่าดา้ นผลติ ภณั ฑ์ (Product Value) เป็นคณุ ค่าท่มี อบใหล้ กู ค้าอนั เกดิ จากผลิตภณั ฑท์ ่ี
ตอบสนองความตอ้ งการของลูกค้า ดังนี้
1.1 ประโยชน์หลักเชน่ รถยนต์ เป็นพาหนะในการเดนิ ทาง เปน็ ตน้
1.2 รูปลกั ษณะผลติ ภณั ฑ์ประกอบด้วย คุณภาพ และสมรรถนะที่เหนือกวา่ คแู่ ขง่
รูปแบบ ความหรูหรา ความทันสมยั ตราสินค้า ความมีชอื่ เสียงมายาวนาน และเป็นทยี่ อมรบั
2 คุณคา่ ดา้ นบริการ (Service Value) เป็นคุณคา่ ทม่ี อบให้ลูกคา้ อนั เกดิ จากคุณภาพในการ
ใหบ้ ริการ (Service Quality) ดังน้ี
2.1 การเข้าถึงลกู คา้ (Access) บรกิ ารที่ใหก้ ับลูกคา้ ตอ้ งอ านวยความสะดวกในด้านเวลา สถานทแี่ ก่
ลูกค้า คือ ไม่ใหล้ กู คา้ คอยนาน ทำเลท่ตี ั้งเหมาะสมเพ่อื แสดงถึงความสามารถในการ
เขา้ ถงึ ลกู คา้
2.2 การติดต่อสอ่ื สาร (Communication) มกี ารอธิบายอย่างถกู ต้อง โดยใช้ภาษทลี่ ูกค้าเขา้ ใจง่าย
2.3 ความสามารถ (Competence) บุคลากรที่ให้บริการ ตอ้ งมีความชำนาญ และความรู้
ความสามารถในงาน
2.4 ความมีน้ าใจ (Courtesy) บคุ ลากรตอ้ งมมี นุษยส์ ัมพนั ธ์ ความเปน็ กนั เอง และวิจารณญาณ
2.5 ความนา่ เช่อื ถือ (Credibility) บริษัท และบุคลากร ตอ้ งสามารถสรา้ งความเช่อื ม่ันความไว้วางใจ
ในบริการ โดยเสนอบรกิ ารทดี่ ที ่ีสุดแก่ลูกคา้
2.6 ความไวว้ างใจ (Reliability) บรกิ ารทใี่ ห้กับลกู ค้า ตอ้ งมคี วามสม่ำเสมอ และถกู ต้อง
2.7 การตอบสนองลูกค้า (Responsiveness) พนกั งานจะต้องใหบ้ รกิ าร และแกป้ ญั หาแกล่ ูกคา้ อย่าง
รวดเร็วตามทล่ี กู ค้าต้องการ
2.8 ความปลอดภัย (Security) บรกิ ารทใ่ี ห้ตอ้ งปราศจากอนั ตราย ความเสย่ี งและปญั หาต่าง ๆ
2.9 การสรา้ งบริการให้เปน็ ทีร่ จู้ ัก (Tangible) บรกิ ารทลี่ ูกคา้ ไดร้ บั จะทำใหล้ กู คา้ สามารถคาดคะเนถึง
คุณภาพบริการดงั กล่าว
2.10 การเขา้ ใจ และร้จู กั ลกู ค้า (Understand Knowing Customer) พนักงานต้องพยายามเข้าใจ
ถึงความตอ้ งการของลูกคา้ และความสนใจตอบสนองความต้องการดงั กล่าว
3 คณุ ค่าดา้ นบคุ ลากร (Personnel Value) เปน็ คณุ ค่าทม่ี อบใหล้ ูกคา้ อนั เกดิ จากคณุ ภาพของ
พนกั งาน ดังน้ี
3.1 ความสามารถ (Competence) พนักงานต้องอาศัยความช านาญ และมีความรู้
3.2 ความมนี ้ าใจ (Courtesy) บุคลากรตอ้ งมมี นุษยส์ ัมพนั ธ์มคี วามเปน็ กันเอง
3.3 ความเชื่อถือได้ (Credibility) พนักงานของบริษทั ต้องมีความนา่ เชื่อถอื
3.4 ความไว้วางใจได้ (Reliability) พนกั งานตอ้ งท างานด้านการบรกิ ารดว้ ยความสมำ่ เสมอ และ
ถกู ตอ้ ง สามารถสร้างความไวว้ างใจให้ลกู ค้า
3.5 การตอบสนองลูกคา้ (Responsiveness)จะตอ้ งใหบ้ ริการ และแกป้ ัญหาแกล่ กู ค้าไดอ้ ยา่ งรวดเรว็
ตามท่ีลูกคา้ ตอ้ งการ
3.6 การตดิ ตอ่ สอ่ื สาร (Communication) พนกั งานต้องใชค้ วามพยายามทจ่ี ะทำความเขา้ ใจกบั
ลูกคา้ ด้วยภาษาท่ีเขา้ ใจงา่ ย
4 คณุ คา่ ดา้ นภาพลกั ษณ์ (Image Value) เปน็ คุณค่าดา้ นความรูส้ ึกนึกคดิ ของลูกคา้ ที่มีต่อผลติ ภัณฑห์ รอื ริการ
แนวคิดเกีย่ วกบั พฤติกรรมการบรโิ ภคอาหาร
พฤติกรรมการบริโภคอาหาร
พฤตกิ รรมการบริโภคอาหาร หรอื พฤตกิ รรมการกินอาหาร หรอื บริโภคนิสัย ได้มีผู้ใหค้ วามหมายต่าง
ๆ กนั สมใจศิรเิ วช (2532, หนา้ 33) ได้ให้ความหมายวา่ บริโภคนสิ ยั หมายถึงลักษณะหรือการกระท าอัน
ซ้ำซาก ซงึ่ บคุ คลหนง่ึ ท าด้วยความเตม็ ใจเพอ่ื ให้การกินอาหารของบคุ คลนัน้ บรรลุถงึ ความประสงคท์ างด้าน
อารมณ์และสังคม เปน็ การกระท าที่สืบเนื่องกนั มาเป็นระยะเวลายาวนานยากทีจ่ ะเปล่ยี นแปลง พฤตกิ รรม
บรโิ ภคอาหารทางองคก์ ารอนามยั โลก1972ใหค้ วามหมายไว้ว่าการประพฤตปิ ฏบิ ัตทิ ่ีเคยชนิ ในการรับประทาน
อาหาร ไดแ้ ก่ ชนิดของอาหารทก่ี นิ การกนิ หรือกินอะไรกนิ อยา่ งไรจำนวนมอ้ื ท่กี ิน และอปุ กรณ์ที่ใช้รวมทงั้ สุข
นิสยั กอ่ นและหลังกนิ ซ่ึงสอดคล้องกับค ากล่าวของ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรก าแหง (2552, หนา้ 157) ที่วา่
พฤติกรรมการบริโภคอาหาร หมายถึง การกระท าตา่ ง ๆ ได้แก่การรบั ประทานผักและผลไม้, การรับประทาน
ธญั พชื เช่น ข้าวกลอ้ ง ขนมปังโฮลวตี ถั่ว ข้าวโอต๊ เปน็ ต้น การหลีกเล่ยี งอาหารทม่ี ีไขมันเป็นสว่ นประกอบ,
การหลีกเลี่ยงของหวานหรือเครอ่ื งดืม่ ท่มี นี ้ าตาลเปน็ สว่ นประกอบ และการรับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ
และครบ 5 หมู่ในขณะท่ี วิรยิ าภรณ์ เจริญชพี (2545, หน้า 15)ระบุว่า พฤติกรรมการบริโภคอาหาร หมายถึง
การประพฤติปฏบิ ตั ทิ ่ีกระทำจนเป็นนสิ ัยในการรับประทานอาหาร เชน่ การเลอื กรับประทานอาหารทม่ี ี
ประโยชนต์ ่อร่างกาย การปฏิบัตติ นตามสขุ นิสยั และมารยาทในการรับประทานอาหารของสงั คม และ
วัฒนธรรม ซ่ึงพฤติกรรมการบริโภคอาหารยงั หมายรวมถงึ พฤตกิ รรมที่เกีย่ วข้องกบั การรับประทานอาหาร
ไม่วา่ จะเปน็ พฤติกรรมภายนอกทแ่ี สดงออกให้เหน็ เชน่ การเลอื กบรโิ ภคอาหารการปรงุ หรอื การประกอบ
อาหารความชอบ ความถใ่ี นการบรโิ ภคอาหารชนดิ ต่าง ๆ เป็นต้น หรอื พฤติกรรมภายใน เช่น ความคิด
ความรสู้ ึกความเช่อื ทศั นคตทิ ่ีมตี ่ออาหารชนิดตา่ ง ๆ นน้ั พฤติกรรมการบริโภคของแตล่ ะบุคคลจะมีสว่ น
ผลกั ดันให้บุคคลมสี ขุ ภาพแตกต่างกันพฤติกรรมการบริโภคที่ดีจะสง่ เสรมิ ให้บคุ คลมสี ขุ ภาพอนามยั ดีซง่ึ การมี
สขุ ภาพดจี ะสามารถลดอบุ ตั ิการณ์ในการเกิดโรคตา่ ง ๆ และทำใหช้ วี ิตยนื ยาวขนึ้ ลดการใช้บรกิ ารทาง
การแพทยแ์ ละคณุ ภาพชวี ติ ที่ดดี ังนั้นพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารจึงเปน็ ปัจจยั สำคัญยิ่งท่จี ะมผี ลต่อภาวะ
โภชนาการของบคุ คลครอบครัว และชมุ ชน โดยมหี นึ่งยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาที่สำคัญในแผนพัฒนาเศรษฐกจิ
และสังคมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 10 (พ.ศ. 2550 -2554) กลา่ วไวว้ ่าการเสริมสรา้ งสขุ ภาวะคนไทยใหม้ สี ุขภาพ
แข็งแรงทง้ั กายและใจและอยใู่ นสภาพแวดล้อมท่นี ่าอยู่ เน้นการพฒั นาระบบสขุ ภาพอย่างครบวงจร มุ่งการ
ดูแลสขุ ภาพเชิงป้องกนั การฟ้นื ฟสู ภาพรา่ งกายและจติ ใจเสริมสร้างคนไทยให้มีความมัน่ คงทางอาหารและการ
บริโภคอาหารที่ปลอดภยั ลด ละเลิกพฤตกิ รรมเส่ยี งตอ่ สุขภาพ ดงั น้ัน ผู้วจิ ยั สรปุ ได้ว่า พฤตกิ รรมการบริโภค
อาหาร หมายถึงความประพฤติ การปฏิบตั หิ รือการกระทำ รวมถงึ กระบวนการตัดสนิ ใจที่เกย่ี วกบั การบรโิ ภค
อาหารสุขลักษณะและวธิ ีรับประทานอาหารโดยคำนงึ ถงึ ความรใู้ นเร่อื งความหมายของอาหารคณุ คา่ ประโยชน์
และโทษของอาหารการเลอื กซื้อและการเลือกบริโภคอาหาร
การจำแนกประเภทพฤตกิ รรมตามแนวคดิ ทางสาธารณะสขุ (เฉลมิ พล ตนั สกลุ , 2541,หนา้ 9)
การจำแนกประเภทพฤติกรรมตามแนวคดิ ทางสาธารณะสขุ จะเรียกว่าพฤตกิ รรมสขุ ภาพ
(Health Behavior) ซง่ึ หมายถึงการปฏบิ ตั ิ หรอื การแสดงออกของบคุ คลในการกระท าหรืองดเว้น
การกระท าในสงิ่ ทีม่ ผี ลตอ่ สขุ ภาพ โดยอาศัยความรู้ ความเข้าใจ เจตคติ และการปฏิบัติตน
ทางสขุ ภาพทเี่ กย่ี วขอ้ งสัมพนั ธ์กนั อยา่ งเหมาะสม ซ่ึงสามารถแบ่งประเภทของพฤติกรรมสุขภาพ
ออกเป็น 3 ประเภท ด้วยกันดังนี้
1. พฤตกิ รรมการป้องกันโรค (Preventive Health Behavior) หมายถงึ การปฏิบัตขิ องบุคคลในการ
ป้องกนั โรค เชน่ การสวมหมวกนริ ภยั เม่ือขม่ี อเตอรไ์ ซค์ การสวมถุงยางอนามยั ก่อนมีเพศสมั พนั ธ์กับหญิง
บริการ การพาบตุ รไปฉดี วคั ซนี ปอ้ งกันโรค เปน็ ต้น
2. พฤติกรรมเม่ือเจ็บปว่ ย (Illness Behavior) หมายถึงการปฏบิ ัติทีบ่ คุ คลกระทำเมื่อ
ร่างกายมีอาการผิดปกติ หรอื เจบ็ ป่วย เช่น การนอนพกั อยบู่ ้านแทนท่จี ะไปทำงาน การแสวงหาการ
รกั ษาพยาบาลเปน็ ตน้
3. พฤติกรรมบทบาทของการเจ็บป่วย (Sick Role Behavior) หมายถึงการปฏิบัติที่บุคคลกระทำ
หลงั จากได้ทราบผลการวินจิ ฉยั โรคแล้ว เช่น การรับประทานยาตามแพทย์สงั่ การออกกำลังกาย การเลกิ ด่มื
สรุ า เป็นตน้
องคป์ ระกอบของพฤตกิ รรมสุขภาพ
องคป์ ระกอบของพฤตกิ รรมสุขภาพ ประกอบดว้ ย 3 ส่วนคือ
1. พฤติกรรมดา้ นความร/ู้ พุทธปิ ญั ญา (Cognitive Domain) หมายถึงสิง่ ทแ่ี สดงให้รวู้ ่าบคุ คลนั้นรู้คิด
เกี่ยวกบั สุขภาพหรอื โรคต่าง ๆ อยา่ งไร พฤตกิ รรมด้านน้ีเกี่ยวขอ้ งกับความร้คู วามจำข้อเทจ็ จรงิ การพฒั นา
ความรูค้ วามสามารถ ทักษะทางสตปิ ญั ญา การใชว้ ิจารณญาณในการตดั สินใจ เช่น การบอกถงึ หลกั สุขบญั ญัติ
10 ประการ อธบิ ายถึงสาเหตุการเกิดโรค เปน็ ตน้
2. พฤติกรรมดา้ นเจตคติ คา่ นยิ ม ความรู้สึก ความชอบ (Affective Domain) หมายถึงสภาพความ
พรอ้ มทางจิตใจของบุคคลเก่ยี วกับสุขภาพ พฤติกรรมทางดา้ นนเ้ี กย่ี วขอ้ งกับความสนใจความรูส้ กึ ทา่ ที
ความชอบไม่ชอบ การใช้คณุ ค่า เชน่ ความรู้สึกชอบบริโภคยาชกู ำลงั ความรสู้ กึ ไม่ชอบบริโภคผกั เปน็ ตน้
3. พฤตกิ รรมดา้ นการปฏบิ ตั ิ (Psychomotor Domain) หมายถงึ สงิ่ ทีบ่ คุ คลปฏิบัติ ออกมาเกี่ยวกบั
การใช้ความสามารถท่แี สดงออกทางร่างกาย การปฏบิ ัตทิ ี่แสดงออก และสังเกตไดใ้ นสถานการณห์ น่งึ ๆ เช่น
การเลือกรับทานอาหารใหค้ รบ 5 หมู่ การพบแพทย์หรอื บุคลากรสาธารณสขุ เม่อื เจ็บปว่ ย
ลักษณะของพฤติกรรมสขุ ภาพ
1. พฤติกรรมทพ่ี ึ่งประสงค์ หรือพฤตกิ รรมเชงิ บวก (Positive Behavior) หมายถงึ พฤตกิ รรมท่บี คุ คล
ปฏิบัติแลว้ สง่ ผลดตี ่อสุขภาพ ของบุคคลนน้ั เอง เปน็ พฤตกิ รรมที่ควรสง่ เสรมิ ให้บุคคลปฏบิ ตั ติ อ่ ไปและเพม่ิ
ความถ่ขี นึ้ เชน่ การออกก าลังกาย การเลือกรับทานอาหารให้ครบ 5 หมู่การแปรงฟนั เป็นตน้
2. พฤติกรรมทไ่ี มพ่ ่ึงประสงค์ หรอื พฤติกรรมเชงิ ลบ หรือพฤตกิ รรมเสย่ี ง (NegativeBehavior)
หมายถงึ พฤติกรรมท่ีบคุ คลปฏิบัติแล้ว จะส่งผลเสยี ต่อสขุ ภาพท าใหเ้ กิดปัญหาสุขภาพหรือโรค เปน็
พฤตกิ รรมทไ่ี มพ่ งึ่ ประสงค์ เชน่ การดื่มสรุ า การสูบบุหรี่ การรบั ประทานอาหารจำพวกแป้ง ไขมนั มากเกนิ
จำเป็น การบริโภคอาหารที่ปรงุ ไม่สกุ เป็นต้น จะตอ้ งหาสาเหตทุ ่ีก่อใหเ้ กิดพฤติกรรมเพื่อปรับเปล่ยี นและ
ควบคุมไว้ใหบ้ คุ คลเปล่ียนไปแสดงพฤติกรรมท่พี ึ่งประสงคจ์ ากองคป์ ระกอบของพฤติกรรมสุขภาพทัง้ 3 ส่วน
กลา่ วคอื พฤติกรรมดา้ นความร/ู้ พทุ ธปิ ญั ญา พฤตกิ รรมดา้ นเจตคติ คา่ นยิ ม ความรูส้ กึ ความชอบ และ
พฤติกรรมด้านการปฏบิ ัติ และลักษณะของพฤติกรรมสุขภาพดังกลา่ วแล้วขา้ งต้นนัน้ มูลนิธไิ อ เอฟไอซี (วนิ ยั
ดะห์ลัน,2544,หนา้ 196) เปน็ องค์กรเอกชนอเมรกิ นั ซึ่งท างานทางดา้ นโภชนาการซง่ึ ไอเอฟไอซี (IFIC) ยอ่ มา
จากInternational Food Information Council หรอื สภาขอ้ มูลดา้ นอาหารนานาชาติ มีส านกั งานอยู่ท่ี
กรงุ วอชงิ ตัน ดี. ซี. ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ไอเอฟไอซรี ว่ มกับเอดเี อ (ADA ย่อมาจาก The American
Dietetic Association) หรอื สมาคมนกั ก าหนดอาหารอเมรกิ นั ซงึ่ เป็นองคก์ รเอกชนเชน่ เดยี วกนั จดั ทำเคล็ด
ลับทางโภชนาการ 10 ขอ้ ท่ีนกั โภชนาการบางคนเรียกวา่ บัญญตั ิทางโภชนาการแนวใหม่ออกเผยแพร่เพ่อื
แนะนำให้คนทวั่ ไปนำไปประยกุ ต์ ไอเอฟไอซตี ง้ั ชื่อเคล็ดลับนี้วา่ เคล็ดลบั 10ประการเพื่อโภชนาการทีด่ ี (10
Tips to Healthy Eating) ไอเอฟไอซแี ละเอดเี อเกริ่นไว้ว่า คำแนะนำในเร่ืองโภชนาการทดี่ นี น้ั ยึดเรอื่ งของ
“สมดุล” เปน็ หลกั สงิ่ สำคญั ทีถ่ ือวา่ เปน็ ข้อสรุปคือขอใหบ้ ริโภคอาหารหลากหลายเขา้ ไว้ อยา่ รบั ประทานให้
มากจนเกนิ ไป พลังงานจากอาหารควรได้รับในระดับใดกข็ อให้รกั ษาระดับพลงั งานไว้ รับประทานมากทำให้
อว้ น หากรบั ประทานนอ้ ยท าให้ผอมสง่ิ ทส่ี ำคัญอีกประการหนงึ่ คือไม่รับประทานอาหารชนดิ ใดชนิดหน่ึงมาก
เกินไป
เคลด็ ลับท้ัง 10 ประการของไอเอฟไอซีและเอดีเอและโภชนบญั ญตั ิ 9 ประการของไทยทีจ่ ะกล่าว
ตอ่ ไปนี้ ควรลองน าไปปฏบิ ัติใหเ้ ปน็ อกี ทางเลอื กหนึง่ ในทางวิชาการแทๆ้ นน้ั ควรมีทางเลอื กใหม้ าก ๆ โดย
ตอ้ งไมด่ ว่ นสรุปทางเลือก ใครถูกใครผดิ หากเปน็ เชน่ น้นั จะกลายเป็นเหยื่อของกระแสโภชนาการกำมะลอ
อยา่ งเช่นเรอ่ื งผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหารหลายชนดิ ที่เปน็ การโฆษณาเกินจริงไปได้
โภชนบญั ญัติ 9 ประการของไทย
สถาบนั วจิ ยั โภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับกระทรวงสาธารณะสุขไดก้ ำหนดโภชนบญั ญัติ 9
ประการขน้ึ เพอื่ ให้คนไทยไดป้ ฏิบัตโิ ดยเห็นวา่ คนไทยหลงไปกบั กระแสโภชนาการสายรอง ดังเช่น ชีวจิตน้ำป่ัน
ผกั ฯลฯ กนั คอ่ นขา้ งมาก ในทน่ี ้ีจะโภชนบญั ญัติ 9 ประการเพอื่ ใหเ้ ปรียบเทยี บกบั แนวทางของไอเอฟไอซีและ
เอดีเอดังน้ี
1. กนิ อาหารครบ 5 หมู่ แตล่ ะหม่ใู ห้หลากหลาย (หากรวมนำ้ ด้วยก็เป็น 6 หม)ู่ ระวังและหม่นั ดูแล
นำ้ หนักตัว
2. กนิ ขา้ วเปน็ อาหารหลักสลับกบั อาหารแป้งเป็นบางม้ือ
3. กินพืชผักใหม้ ากและกนิ ผลไมเ้ ปน็ ประจำ
4. กนิ ปลา เนอ้ื สตั วไ์ ม่ติดมนั ไข่ และถ่ัวเมลด็ แหง้ เป็นประจ า
5. ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย
6. กนิ อาหารทมี่ ไี ขมันแตพ่ อสมควร
7. หลีกเล่ยี งอาหารหวานจดั เค็มจดั
8. กนิ อาหารสะอาด ปราศจากการปนเป้ือน
9. งดหรอื ลดเคร่อื งด่ืมทีม่ ีแอลกอฮอล์
หลกั การแนวคดิ ทฤษฎีท่ีเกี่ยวกบั การประเมินผลโครงการ
ความหมายของการประเมนิ ผลโครงการ
การประเมินโครงการ หมายถงึ กระบวนการทกี่ ่อใหเ้ กิดสารนิเทศในการปรับปรงุ โครงการ และ
สารนเิ ทศในการตดั สินผลสมั ฤทธิข์ องโครงการ (สมหวงั , พริ ยิ านวุ ัฒน,์ 2544)
การประเมินโครงการ หมายถงึ กระบวนการรวบรวมและวเิ คราะหข์ ้อมูลอย่างเปน็ ระบบเพ่ือสรปุ ผล
ว่าโครงการนัน้ ๆ ไดบ้ รรลุวัตถปุ ระสงค์/เปา้ หมาย และมีประสทิ ธิภาพเพียงใด (เยาวดี รางชยั กุล วิบูลย์
ศร,ี 2546)
ประเภทของการประเมนิ โครงการ
การแบ่งประเภทการประเมนิ โครงการคงมใิ ชเ่ ปน็ การกำหนดเกณฑ์เด็ดขาด แต่จำเปน็ ต้องอาศยั
เกณฑ์หลายชนดิ มาจำแนกประเภท เชน่ ใช้เวลา วัตถปุ ระสงค์ วธิ ีการ และรปู แบบการประเมินมาบง่ บอก
ถึงประเภทของการประเมนิ ซง่ึ ในท่นี อ้ี าจจำแนกการประเมนิ โครงการออกเป็น 4 ประเภท ดงั นี้
1. การประเมนิ โครงการกอ่ นดำเนนิ การ (Preliminary Evaluation) เปน็ การศกึ ษาประเมนิ ความ
เปน็ ไปได้ (Feasibility Study) กอ่ นที่เรม่ิ โครงการใด ๆ โดยอาจทำการศกึ ษาถงึ ประสทิ ธภิ าพของปัจจยั
ปอ้ น ความเหมาะสมของกระบวนการท่ีคาดว่าจะนำมาใช้ในการบริหารจดั การโครงการ ปญั หา อปุ สรรค
ความเส่ยี งของโครงการ ตลอดจนผลลพั ธ์ หรอื ประสทิ ธผิ ลที่คาดว่าจะไดร้ บั ในขณะเดียวกนั ก็อาจจะศึกษา
ปลกระทบทคี่ าดว่าจะเกดิ ขึ้นในด้านตา่ ง ๆ เช่น (อนุรกั ษ์ ปัญญานวุ ฒั น์ (มปป.) เอกสารประกอบการสอน
ระดบั บณั ฑติ ศกึ ษา เรอื่ งแนวคดิ การประเมินโครงการ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่)
การประเมนิ ผลกระทบด้านสงั คม(Social Impact Assessment-SIA)
การประเมินผลกระทบด้านนเิ วศ(Ecological Impact Assessment-EIA)
การประเมนิ ผลกระทบดา้ นการเมือง(Political Impact Assessment-PIA)
การประเมินผลกระทบดา้ นเทคโนโลย(ี Technological Impact Assessment-TIA)
การประเมนิ ผลกระทบด้านประชากร(Population Impact Assessment-PIA)
การประเมนิ ผลกระทบดา้ นนโยบาย(Policy Impact Assessment-POIA)
การประเมินผลกระทบทางด้านเศรษฐกจิ (Economic Impact Assessment)
การประเมินโครงการกอ่ นการดำเนนิ การนี้มีประโยชน์สำหรับนกั ลงทุน เพือ่ ศึกษาดวู ่ากอ่ นลงมอื โครงการใด
ๆ นน้ั จะเกดิ ความค้มุ ค่าแกก่ ารลงทนุ (Cost effectiveness) หรอื จะเกดิ ผลกระทบต่อระบบสงิ่ แวดล้อม
ทั้งด้านสงั คม เศรษฐกิจ การเมือง ประชากร เทคโนโลยี และระดบั นโยบายหรอื ไม่ หากได้ทำการศกึ ษา
รอบคอบแล้วอาจจะได้ผลการคาดการณ์ล่วงหน้าวา่ จะได้เกดิ ประโยชน์หรอื โทษอย่างไร ปญั หา อปุ สรรค
เปน็ อยา่ งไร เพ่อื ผ้เู ปน็ เจ้าของโครงการจะได้ตัดสนิ ลว่ งหนา้ วา่ จะเลิกลม้ โครงการหรือปรับปรงุ องคป์ ระกอบ
และกระบวนการบรหิ ารจดั การโครงการเพยี งใด เพ่ือให้เกดิ ผลดี
2. การประเมนิ ระหวา่ งดำเนินการโครงการ (Formative evaluation) เป็นการประเมินผลเพื่อ
การปรับปรุงเปน็ สำคัญซง่ึ มักจะใช้ประเมินผลระหว่างแผนหรือระหว่างพฒั นาโครงการ ผลทไี่ ดจ้ า
Formative evaluation นน้ั จะช่วยตงั้ วตั ถุประสงคข์ องโครงการให้เป็นไปตามเปา้ หมายทแี่ ท้จริง
นอกจากนนั้ Formative evaluation อาจใชใ้ นระหว่างดำเนนิ โครงการ จะช่วยตรวจสอบวา่ โครงการได้
ดำเนนิ ไปตามแผนของโครงการอย่างไร อาจเรียกชอื่ เฉพาะวา่ Implementation evaluation หรอื
Formative evaluation อาจตรวจสอบความกา้ วหน้าของโครงการว่าดำเนินไดผ้ ลเพียงไร เรยี กวา่
Progress evaluation
โดยทั่วไปแล้ว Formative evaluation อาจใชป้ ระเมินส่ิงตอ่ ไปนี้
1. ทบทวนแผนของโครงการ
2. การสร้างแผนของโครงการ
3. การพฒั นาแบบสอบถาม (Questionnaire) หรอื รายการ (Check list) สำหรับรวบรวมขอ้ มูลตามเรอ่ื ง
ทตี่ อ้ งการ
4. การคัดเลอื กวิธีการวดั ผลทเี่ หมาะสม
5. การกำหนดตารางเวลาการประเมินผลใหส้ อดคล้องกบั การดำเนินโครงการ
6. การเตรยี มขอ้ มูลที่จะเปน็ ขา่ วสารสำหรบั การรายงานและเสนอแนะสำหรับการตดั สนิ เกีย่ วกับการดำเนิน
โครงการ
7. การแนะนำแนวทางปรับปรงุ การแกป้ ญั หา และการเปล่ียนแปลงการปฏบิ ัติของโครงการ
3. การประเมนิ เมอ่ื สิ้นสุดโครงการหรอื ประเมนิ ผลผลิต (Summative Evaluation) เป็นการ
ประเมนิ ผลรวมสรปุ มกั จะใช้ประเมนิ หลังส้นิ สดุ โครงการ สำหรับโครงการท่มี ีการดำเนินระยะยาวกอ็ าจใช้
Summative Evaluation ในการสรุปยอ่ ความระยะยาวต่าง ๆ ข้อมลู ทไี่ ด้จากระยะต่าง ๆ จะช่วยให้มีการ
ประเมินสรุปรวมนั้น สว่ นใหญจ่ ะรวบรวมจากผลของ Formative evaluationเปน็ Summative
Evaluation ซง่ึ ผลสรุปทไ่ี ดจ้ ะนำสกู่ ารรายงายว่า โครงการไดบ้ รรลเุ ป้าหมาย (Goals) หรอื ไม่อยา่ งไร
ตลอดจนการรายงานถึงสถานภาพของโครงการวา่ ประสบความสำเร็จหรือลม้ เหลวเพียงไร มปี ัญหาหรือ
อุปสรรคใดทต่ี อ้ งแกไ้ ขปรบั ปรงุ ขอ้ มลู เหลา่ น้จี ะชว่ ยให้ผ้บู ริหารโครงการสามารถนำไปสูก่ ารตัดสนิ ว่า
โครงการนัน้ ควรดำเนินการต่อหรือยกเลิก
4. การประเมนิ ประสิทธิภาพ การประเมนิ โครงการโดยทัว่ ไป โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ในประเทศไทยที่
ผา่ นมา ยงั จำกดั อยูต่ าเพยี งการประเมินผลผลิต โดยม่งุ ที่จะทราบความสำเรจ็ หรือความลม้ เหลวของ
โครงการเทา่ น้นั ทง้ั นีเ้ พือ่ ประกอบการตัดสนิ ใจของผู้ใหบ้ รกิ ารหรือผใู้ หท้ ุนในการยตุ ิหรือขยายโครงการ แต่
ในปัจจุบันนกั ประเมินและผบู้ ริหารโครงการ ได้ตระหนกั ถงึ ความสำคัญของการประเมนิ ประสทิ ธภิ าพของ
โครงการดว้ ย โดยถือว่าเปน็ ประเภทของการประเมนิ ท่จี ำเปน็ สำหรบั โครงการบริการท่วั ไป เพราะจะช่วย
เสรมิ ใหโ้ ครงการเหล่านนั้ สามารถดำเนนิ การอยา่ งสอดคล้องกับสภาวการณข์ องสังคม โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ
โครงการท่เี ออื้ อำนวยต่อการพฒั นาท้องถิน่ หรือโครงการทีเ่ ป็นตัวกำหนดเกณฑ์สำคัญสำหรบั ประกัน
โครงการขนาดใหญ่ระดบั ชาติ ที่จะไมต่ ้องสญู เสยี ทรพั ยากรทีม่ อี ยู่อย่างจำกัดโดยไม่จำเป็น การดำเนนิ
โครงการบรกิ ารสังคมนัน้ จะไม่มุง่ แต่เพยี งความสำเร็จของโครงการเท่าน้นั แตจ่ ะตอ้ งให้คมุ้ ค่าในเชิงของ
ประสทิ ธิภาพด้วย
โดยปกตกิ ารประเมนิ ประสทิ ธิภาพของโครงการมักจะเร่ิมจากคำถามตา่ ง ๆ กนั เช่น
1. ความสำเรจ็ ของโครงการน้นั ๆ เมอื่ เทียบกบั คา่ ใช้จา่ ยแลว้ มคี วามเหมาะสมหรือไม่
2. ผลผลติ ของโครงการเกดิ จากปจั จยั ท่ีลงทนุ ไปใชห่ รอื ไม่
3. โครงการนมี้ ผี ลผลติ สงู กว่าโครงการอน่ื ๆ เม่ือลงทนุ เทา่ กนั หรอื ไม่ และเพราะเหตุใด (เยาวดี ราง
ชยั กุล วบิ ลู ยศ์ รี (2546) การประเมินโครงการแนวคดิ และแนวปฏิบัติ พิมพ์ครั้งท่ี 3 จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย)
ความสำคัญของการประเมนิ โครงการ
1. หน้าทใ่ี นด้านสารสนเทศ (Informational Function) การประเมนิ ทำหน้าที่ให้ไดม้ าซ่ึง
สารสนเทศเพอ่ื การย้อนกลบั (Fcedback) โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งสารสนเทศทสี่ ามารถนำไปใช้ปรับปรงุ ในการ
ดำเนินโครงการ
2. หนา้ ทีใ่ นค้านวชิ าชพี หน้าท่นี ม้ี ุ่งทีจ่ ะเพ่ิมพูนความเขา้ ใจเกย่ี วกับวธิ กี าร และ จดุ มุง่ หมายของ
โครงการ การแสดงถึงประสทิ ธภิ าพหรือความลม้ เหลวของแผนยุทธศาสตรข์ อง การดำเนนิ งานของโครงการ
จดุ ออ่ น ชตุ แขง็ และข้อเสนอแนะการดำเนนิ งานที่ถูกต้อง
3. หน้าที่ในดา้ นการจัดการองคก์ ร หน้าท่นี เี้ ป็นการช่วยเหลือองค์กรในการวเิ คราะห์ เป้าหมาย
วตั ถุประสงค์ จดุ แข็ง และจดุ อ่อนของโครงสร้างองค์กร ช่วยในการตดั สินใจใน การเปล่ียนแปลงและรอื้
โครงสร้างใหมข่ ององค์กร
4. หน้าทด่ี ้านการเมอื ง หน้าทน่ี ้ีประกอบดว้ ยการกำหนดระเบยี บวาระ และประเด็นหรือ หัวข้อการ
อภปิ รายและการแสดงความคิดเหน็ หนา้ ทข่ี องการประเมินในดา้ นนีม้ ุง่ เพอื่ สง่ เสรมิ การมี สว่ นร่วมและผลประ
โยชนข์ องกลุม่ ระหวา่ งนกั วางแผนและผ้บู รหิ ารจัดการโครงการ
5. หน้าที่ในทางสังคมจติ วทิ ยา หนา้ ทน่ี ี้มงุ่ เพอื่ สร้างความรสู้ ึกเกย่ี วกับความมัน่ คงของ ลกู ค้และผู้มี
ส่วนไดส้ ่วนเสยี ประเดน็ และปญั หาขอ้ ขดั แยง้ ต่าง ๆ จะถกู ทำใหง้ า่ ยต่อการแกไ้ ขและ เยียวยา
6. หน้าท่ใี นด้านประวัติศาสตรข์ องการประเมนิ ประกอบดว้ ยการบนั ทึกและการเขยี น เรอ่ื งราว
เกี่ยวกับเหตุการณ์และกิจกรรมที่สำคญั ๆ ของโครงการ เพ่ือการกำหนดทิศทาง และ การปฏบิ ัติเก่ยี วกับ
โครงการทชี่ ัดเจนในอนาคต
หลักการ แนวคดิ และทฤษฎที ี่เกย่ี วข้องกับการประเมินผลโครงการ
หลักการของวงจรคณุ ภาพ PDCA
การบรหิ ารงานด้วยวงจรคุณภาพ (PDAC) ตามแนวคิดของเดมมิง่ ปจั จุบันจดั เป็นกระบวนการสากล
ท่ที กุ คนทราบกนั ดี นกั วชิ าการหลายทา่ นได้ใหแ้ นวคิดของเดมม่ิงกลา่ วถึงวงจรคุณภาพ (PDCA) ไว้ ดงั นี้
เดมมง่ิ (Demingin Mycoted, ๒๐๐๔) กล่าวว่า การจดั การอย่างมีคุณภาพเป็นกระบวนการท่ดี ำเนนิ การ
ตอ่ เน่อื งเพอื่ ใหเ้ กดิ ผลผลิตและบริการทีม่ ีคณุ ภาพขึ้น โดยหลกั การทเี่ รียกว่า วงจรคณุ ภาพ(PDCA)หรือวงจร
เดมมงิ่ ซงึ่ ประกอบด้วย ๔ ขน้ั ตอน คือ การวางแผนการปฏิบตั ิตามแผนการตรวจสอบและการปรบั ปรุงแกไ้ ข
ดังน้ี
Plan คือ กำหนดสาเหตุของปัญหา จากนนั้ วางแผนเพือ่ การเปลี่ยนแปลงหรือทดสอบ
เพอ่ื การปรบั ปรงุ ให้ดขี ้ึน
Do คือ การปฏิบตั ติ ามแผนหรือทดลองปฏิบัตเิ ป็นการนำร่องในส่วนย่อย
Check คือ ตรวจสอบเพื่อทราบวา่ บรรลผุ ลตามแผนหรอื หากมสี ิ่งใดท่ีท าผิดพลาดหรอื ได้เรยี นรอู้ ะไร
มาแล้วบา้ ง
Act คือยอมรบั การเปลีย่ นแปลง หากบรรลผุ ลเปน็ ทน่ี ่าพอใจหรอื หากผลการปฏิบตั ไิ มเ่ ปน็ ไปตามแผน
ใหท้ ำซ้ำวงจรโดยใช้การเรียนรู้จากการกระท าในวงจรที่ได้ปฏบิ ตั ไิ ปแลว้
แม้วา่ วงจรคุณภาพจะเป็นกระบวนการท่ตี อ่ เน่อื งแต่สามารถเร่มิ ต้นจากขนั้ ตอนใดก็ได้ขึน้ อยกู่ ับ
ปญั หาและข้ันตอนการท างานหรือจะเรม่ิ จากการตรวจสอบสภาพความตอ้ งการเปรียบเทยี บกับสภาพทเี่ ปน็
จริงจะทำใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรในการแก้ไขปญั หาเพอื่ ให้เกิดการปรบั เปลี่ยนไปตาม
เป้าหมายท่ีวางไว้
โทซาวะ (๒๕๔๔ : ๑๑๗-๑๒๒) กล่าววา่ วงจรคุณภาพ คือ กระบวนการท างานท่ีเปรียบกับวงลอ้ ที่
เตม็ ไปด้วยขน้ั ตอน 4 ขน้ั ตอน คือ การวางแผน การด าเนินตามแผน การตรวจสอบ การปรับปรุง
แกไ้ ข เมอื่ วงลอ้ หมุนไป 1 รอบ จะทำให้งานบรรลผุ ลตามเป้าหมายที่ก าหนดไว้ และหากการดำเนินงานน้ัน
เกดิ การสะดุด แสดงวา่ มีบางข้นั ตอนหายไป เชน่ สว่ นของการวางแผนหายไป เรียกว่า ประเภทไม่มแี ผนการ
ถ้าในส่วนของการตรวจสอบหรือปรับปรุงแก้ไขหายไป จะเรียกวา่ พวก ทำแลว้ ทง้ิ ซึ่งในกระบวนการทำงาน
ของวงจรคณุ ภาพนั้นประกอบด้วย
1.การวางแผน (Plan)การวางแผน คือ การต้ังเปา้ หมาย วางวัตถุประสงค์ เพราะการควบคมุ ดูแล คือ
กระบวนการที่จำเป็นเพื่อใหบ้ รรลถุ ึงเปา้ หมาย ดังนนั้ หากไมม่ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ สยี แลว้ ไม่วา่ จะปา่ วร้องว่าตอ้ ง
ควบคมุ วงจรคุณภาพ กไ็ ม่รวู้ ่าทำไปเพ่ืออะไร หรอื จะเร่มิ อยา่ งไรเมอ่ื ตัง้ เปา้ หมายเสรจ็ แลว้ ก็ตอ้ งมากำหนด
แผนการวา่ อะไรจะตอ้ งทำเมื่อไร เป็นตารางเทียบระหวา่ งงานกบั เวลาท่ีหลายคนนกึ ภาพกันออก แตจ่ รงิ ๆ
แลว้ การวางแผนไมใ่ ช่จบแค่นนั้ การวางแผนตอ้ งครอบคลมุ วา่ ใครจะทำ ทำอะไร ตอ้ งให้เสร็จเมอ่ื ไร จะทำ
อยา่ งไร อะไรตา่ ง ๆ ทคี่ รอบคลุมถงึ การแบง่ หนา้ ท่ี วิธีการและอน่ื ๆ ใหค้ รบถว้ นดว้ ย
2.ลองทำ (Do)การลองทำ คือ กอ่ นจะลงมอื ทำได้นนั้ แทจ้ ริงแลว้ ต้องเตรียมวตั ถดุ ิบ เตรยี มขน้ั ตอน
ต่าง ๆ เสยี กอ่ นหากจะลงมือทำเร่ืองใหมๆ่ กต็ ้องเตรียมไปรับการฝึกหรอื อบรมเสียกอ่ น ขน้ั ตอนการเตรียม
เหลา่ นรี้ วมอยูใ่ นการลองทำนด้ี ้วย ซง่ึ ตอ้ งมีการตระเตรยี มเสียกอ่ นให้พรอ้ ม จึงจะสามารถลองทำตามแผนได้
3.ตรวจสอบ (Check)การตรวจสอบ คือ การพจิ ารณาว่า ผลจากการลองทำนน้ั กอ่ ให้เกิดสิ่งท่ี
วางแผนวา่ จะไดร้ บั หรือไม่ ดังนั้น หากการวางแผนไม่มกี ารกำหนดวา่ จะตอ้ งไดอ้ ะไรเมอื่ ไร ตัวเลขของอะไรท่ี
ควรจะยดึ เปน็ เปา้ หมายไวเ้ สยี ตง้ั แต่ตน้ ก็จะไม่มีอะไรมาเป็นตัวเทยี บไดว้ า่ ผลจากการลองทำนั้นได้ตามจริง
ตามแผนหรือไม่จะไดก้ ็เพยี งแต่วา่ มนั กเ็ ปน็ ไปตามแผนหรอื ไม่คอ่ ยจะไดผ้ ลสักเท่าไร
4.ปรบั ใช้ (Act)จากผลของการตรวจสอบ กไ็ มค่ วรวางใจในทนั ทหี ากผลทไี่ ด้เป็นไปตามแผน เพราะ
อาจบงั เอิญดีคร้งั น้เี พยี งคร้งั เดียว พอทำคร้ังต่อ ๆ ไปอาจใชไ้ มไ่ ดก้ ไ็ ด้ หากไมม่ ีการนำกระบวนการทไ่ี ดล้ องทำ
ไปมากำหนดให้เปน็ รปู แบบใหมข่ องการทำงานปัจจบุ นั หากผลของการตรวจสอบพบวา่ สิ่งท่ลี องทำไปไม่
กอ่ ใหเ้ กดิ ผลทตี่ ้งั ไวต้ ามแผน กต็ อ้ งปรบั เปลี่ยนกระบวนการที่คิดไว้ แลว้ ลองทำใหม่นอกจากการเปลี่ยนแปลง
กระบวนการของการลองทำแลว้ การพิจารณาวา่ ทำไมกระบวนการเดมิ จึงไม่ได้ผลตามแผน การหาสาเหตุที่
แทจ้ ริงเพือ่ หากระบวนการแก้ปัญหาจนถงึ รากกเ็ ปน็ สง่ิ สำคัญมากเพราะจะนำเน่อื งไปถึงการวางแผนใหม่ แล้ว
ลองทำใหม่ ลองตรวจสอบดูใหม่ หรอื วงจรคณุ ภาพรอบใหม่เพ่ือหาเป้าหมายและกระบวนการอนั ถูกต้อง
แทจ้ ริง เรามักจะพูดถึงวงจรแห่งการควบคุมดูแลกันวา่ PDCA จนบางครั้งเราไปนึกเอาเองว่าวงจรนี้ต้องเรมิ่
จาก P เสมอไป จริง ๆ แล้วนั้นไม่จ าเป็น วงจรแหง่ การควบคมุ ดูแลนน้ั เปน็ วงกลม ที่ไม่มตี ้นไม่มีปลาย จงึ บอก
ไมถ่ กู ว่าอะไรเปน็ ขนั้ ตอนแรก และอะไรเปน็ ข้นั ตอนสุดทา้ ย อย่างเชน่ การวางแผนจะทำอะไรบางอย่าง
บางคร้งั ตอ้ งมกี ารตรวจสอบ การวเิ คราะห์และการปรับกระบวนการเสียกอ่ นแล้ว จงึ จะวางแผนและลงมอื ทำ
ได้ ดังนัน้ ในบางเรื่องวงจรน้ีก็อาจเริม่ จาก CAPDCA อยา่ งนีก้ ็เป็นได้
วฑิ ูรย์ สิมะโชคดี (๒๕๔๕ :๔๓-๔๗) กลา่ วถงึ วงจรคุณภาพ (PDCA) เป็นกจิ กรรมทจี่ ะนำไปสกู่ าร
ปรับปรุงงานและการควบคมุ อย่างเป็นระบบอนั ประกอบดว้ ย การวางแผน (Plan) การนำแผนไปปฏบิ ัต(ิ Do)
การตรวจสอบ (Check) และการปรับปรุงแกไ้ ข (Act) กล่าวคือ จะเร่ิมจากการวางแผน การนำแผนทว่ี างไว้มา
ปฏิบัติ การตรวจสอบผลลัพธท์ ่ไี ด้ และหากไม่ไดผ้ ลลัพธ์ตามทค่ี าดหมายไว้ จะตอ้ งทำการทบทวนแผนการโดย
เรม่ิ ต้นใหมอ่ กี ครงั้ หน่งึ และทำตามวงจรคุณภาพซ้ำอกี เมอ่ื วงจรคุณภาพหมุนซ้ำไปเร่ือย ๆ จะทำให้เกิดการ
ปรับปรุงงานและทำใหร้ ะดับผลลัพธส์ ูงขึ้นเร่ือย ๆ ดังนั้น การกระท าตามวงจรคณุ ภาพ จึงเท่ากับการสร้าง
คณุ ภาพท่ีนา่ เชือ่ ถอื มากขึ้นโดยจุดเร่มิ ตน้ ของวงจรคุณภาพอยู่ท่ีการพยายามตอบค าถามให้ได้วา่ ทำอย่างไรจึง
จะดขี ึ้น
ขั้นตอนท่ี 1 การวางแผน (Plan)ในบรรดาองค์ประกอบทัง้ 4 ประการของวงจรคุณภาพนนั้ ต้องถอื วา่
การวางแผนเป็นเรือ่ งทส่ี ำคญั ทีส่ ดุ การวางแผนจะเป็นเรือ่ งท่ที ำใหก้ จิ กรรมอื่น ๆ ท่ีตามมาสามารถทำงานได้
อย่างมปี ระสิทธผิ ลเพราะถา้ แผนการไมเ่ หมาะสมแล้ว จะมผี ลท าใหก้ ิจกรรมอื่นไร้ประสทิ ธผิ ลตามไปด้วย แต่
ถ้ามีการเร่ิมตน้ วางแผนท่ดี ี จะท าใหม้ กี ารแกไ้ ขนอ้ ย และกจิ กรรมจะมปี ระสิทธิภาพมากขึน้
ขั้นตอนที่ 2 การน าแผนไปปฏบิ ัติใหเ้ กิดผล (Do)เพ่อื ใหม้ นั่ ใจวา่ มกี ารนำแผนการไปปฏิบัติอย่าง
ถูกตอ้ งนน้ั เราจะต้องสรา้ งความมัน่ ใจว่าฝ่ายที่รับผดิ ชอบในการน าแผนไปปฏบิ ตั ไิ ด้รับทราบถึงความสำคัญ
และความจำเป็นในแผนการนน้ั ๆ มีการตดิ ตอ่ สอื่ สารไปยงั ฝ่ายทม่ี ีหนา้ ที ใ่ นการปฏบิ ตั ิอยา่ งเหมาะสม มีการ
จัดให้มีการศกึ ษาและการอบรมท่ตี ้องการเพือ่ การน าแผนการนั้น ๆ มาปฏบิ ตั ิ และมกี ารจัดหาทรพั ยากรท่ี
จำเป็นในเวลาท่จี าเป็นดว้ ย
ขนั้ ตอนท่ี 3 การตรวจสอบ (Check)การตรวจสอบและประเมินผลลัพธข์ องการปฏบิ ัตติ ามแผน ควร
จะต้องมีการประเมนิ ใน 2 ประการ คือ มีการปฏบิ ตั ิตามแผนหรอื ไม่ หรอื ตวั แผนการเองมคี วามเหมาะสม
หรือไมก่ ารท่ีไมป่ ระสบความสำเรจ็ ตามท่ีต้งั เป้าหมายไว้เปน็ เพราะไมป่ ฏิบัติตามแผนการหรอื ความไม่
เหมาะสมของแผนการ หรอื จากท้งั สองประการรวมกนั เราจ าเปน็ ตอ้ งหาว่าสาเหตุมาจากประการไหนท้งั น้ี
เนอื่ งจากการนำไปปฏิบัตกิ ารปรบั ปรุงแกไ้ ขจะแตกตา่ งกันอย่างสนิ้ เชิงถา้ ความล้มเหลวมาจากแผนการทีจ่ ดั ทำ
ขึ้นไม่เหมาะสม อาจเป็นผลมาจากสาเหตดุ งั ต่อไปน้ี
1. ความผิดพลาดในการทำความเข้าใจกบั สถานการณ์ทเี่ ปน็ อยู่
2. เลอื กเทคนคิ ที่ใชผ้ ดิ เนอื่ งจากมีขอ้ มูลขา่ วสารไมเ่ พียงพอและมคี วามรใู้ นข้นั ตอนการวางแผนไมเ่ พียงพอ
3. ประเมนิ ผลกระทบจากการปฏบิ ตั ติ ามแผนผิดพลาด
4. ประเมินความสามารถของบุคลากรท่ีตอ้ งนำแผนมาใช้ผดิ พลาดถ้าความล้มเหลวมาจากการไม่ปฏบิ ตั ิตาม
แผน อาจเป็นผลมาจากสาเหตุตอ่ ไปน้ี
1. ขาดความตระหนกั ถึงความจำเป็นในการปรบั ปรุง
2. การตดิ ตอ่ ส่ือสารท่ไี มเ่ หมาะสมและมีความเขา้ ใจในแผนไมเ่ พยี งพอ
3. การใหก้ ารศึกษาและการฝึกอบรมไมเ่ พยี งพอ
4. ปญั หาเกยี่ วกับตวั ผ้นู าและการประสานงานระหว่างการปฏิบัติ
5. ประเมนิ ทรพั ยากรทตี่ อ้ งใชน้ อ้ ยเกินไป
ขนั้ ตอนที่ 5 ปฏบิ ตั กิ ารปรบั ปรงุ แก้ไข (Act)ถา้ ความลม้ เหลวมาจากการวางแผนที่ไม่เหมาะสม การ
ทบทวนแผนการเท่านน้ั ไมเ่ พียงพอตอ่ การแก้ปัญหา ต้องมกี ารปรับปรุงคุณภาพของกระบวนการวางแผนโดย
การหาปจั จัยที่ไม่เหมาะสมสาเหตุของการวางแผน และทำการปฏบิ ตั ิการแกไ้ ข ความกา้ วหน้าของการ
ปรบั ปรงุ จะเกิดขึน้ ไดโ้ ดยการกำจัดสาเหตุ และข้ันตอนทสี่ ำคัญ กค็ ือ การทบทวนแผนการท่ีตอ้ งมีการชบี้ ่งถึง
สาเหตแุ ห่งความล้มเหลวอยา่ งถกู ตอ้ งและมกี ารเปลี่ยนแปลงแผนเพื่อใหส้ ามารถดำเนินกิจกรรมไปได้อย่างมี
ประสิทธิผลเพม่ิ ขึน้ ควรมีการวางแผนการปรบั ปรุงคณุ ภาพเป็นรายปี และมกี ารทบทวนทุกปเี พือ่ ใหม้ น่ั ใจว่า
แผนการดงั กล่าวมีความเชอื่ ถอื ไดแ้ ละเหมาะสม การน าวงจรคณุ ภาพไปปฏิบตั ิอยา่ งจริงจงั และต่อเนอ่ื งในทุก
ระดบั ขององคก์ ร จะทำใหเ้ ราสามารถปรบั ปรงุ และเพ่มิ คณุ ภาพงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นผลลัพธ์
ทช่ี ดั เจน เม่อื ปญั หาเดิมหมดไปเรากส็ ามารถแก้ปัญหาใหม่ ๆ ไดด้ ้วยวงจรคุณภาพต่อไป
เมลนคิ และเดนซเลอร์ (Melnyk & Denzler อ้างถงึ ใน เรอื งวิทย์ เกษสวุ รรณ, ๒๕๔๕:๙๘-๙๙)
กล่าวถึงแนวคิดของเดมมิ่งว่าผูบ้ ริหารระดบั สงู ต้องมีบทบาทหลายดา้ น และการจัดการคุณภาพ
ทป่ี ระสบความสำเรจ็ นน้ั ตอ้ งอาศยั หลกั การทีเ่ รียกวา่ วงจรคณุ ภาพ (PDCA) แบง่ ออกเปน็ 4 ขน้ั ตอนได้แก่
ขนั้ ตอนท่ี 1 การวางแผน (Plan) หมายถึง วางแผนโดยใชข้ อ้ มูลทมี่ ีอยหู่ รอื อาจเกบ็ รวบรวมขึ้นมาใหม่ นอกน้นั
อาจทดสอบเพื่อเป็นการนำร่องก่อนกไ็ ด้
ขั้นตอนท่ี 2 การทำ (Do) หรอื ลงมอื ทำ หมายถงึ ลงมือเอาแผนไปทำ ซ่งึ อาจทำในขอบข่ายเลก็ ๆเพอ่ื ทดลอง
ดกู อ่ น
ข้นั ตอนที่ 3 การตรวจสอบ (Check) หมายถึง การตรวจสอบ หรือสังเกตสง่ิ ท่เี กดิ ขนึ้ วา่ มกี าร
เปลยี่ นแปลงมากน้อยเพยี งใดและเปน็ ไปในทางใด
ขัน้ ตอนท่ี 4 การแกไ้ ข (Act) หรอื ลงมอื แกไ้ ข (corrective action) หมายถงึ หลงั จากท่ีไดศ้ กึ ษา
ผลลพั ธ์ดูแลว้ อาจไม่เป็นไปตามที่ตอ้ งการหรือมีปัญหาทตี่ อ้ งแกไ้ ข ก็ต้องดำเนินการแกไ้ ขตามท่ีจำเปน็
หลงั จากน้ันสรุปเป็นบทเรียนและพยากรณเ์ พ่ือเปน็ พืน้ ฐานในการคิดหาวธิ กี ารใหม่ๆ ต่อไป การลงมือปฏบิ ตั ิ
ดงั กล่าวนแ้ี สดงได้
บทที่ 3
วิธกี ารประเมนิ โครงการ
วิธกี ารประเมินของโครงการเลย้ี งจงิ้ หรดี เพื่อจำหนา่ ยสรา้ งรายได้เวลา มีกระบวนการขนั้ ตอนในการ
วเิ คราะห์ขอ้ มูล ดงั นี้
1. รูปแบบการประเมินโครงการ
2. วิธีการประเมนิ โครงการ
3. ประชากรกลุ่มตวั อยา่ ง
4. เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ในการประเมนิ โครงการ
5. การเก็บรวบรวมข้อมลู
6. การวเิ คราะห์ผลการประเมินงาน
รูปแบบการประเมนิ โครงการ
การประเมินโครงการสมนุ ไพรทอดกรอบ ใช้กระบวนการศกึ ษาเชงิ คุณภาพและใชร้ ูปแบบ
การประเมนิ โครงการแบบ CIPP MODEL ของสตัฟเฟลบีม ( D.L. Stufflebeam, 1997 , P. 261-265 ) ดังน้ี
ประเมินสภาวะแวดล้อม • หลักการ
( Context Evaluation ) • วตั ถุประสงค์ของโครงการ
• เปา้ หมายของโครงการ
ประเมนิ การปัจจยั เบ้อื งต้น • การเตรยี มการภายในโครงการ
( Input Evaluation )
• บคุ ลากร
• วสั ดุอปุ กรณ์
• เครอ่ื งมือเครอื่ งใช้
• งบประมาณ
ประเมนิ กระบวนการ • การดำเนนิ โครงการ
( Process Evaluation ) • กิจกรรมการดำเนนิ งานตามโครงการ
• การนิเทศตติ ามกำกบั
• การประเมินผล
การประเมินผลผลิต • ผลการดำเนินโครงการ
( Product Evaluation ) • คุณภาพผู้เรยี น
วธิ กี ารประเมนิ โครงการ
วธิ ีการประเมนิ โครงการของโครงการสมุนไพรทอดกรอบ มวี ธิ กี ารประเมนิ ผลโครงการเป็น
แบบ การศึกษาเชงิ คณุ ภาพ โดยใชห้ ลักวงจรคุณภาพ เดมมิง่ PDCA ตามแนวคดิ CIPP ของของสตัฟเฟลบมี
ในการติดตามผลการดำเนนิ โครงการ
ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง
ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง ทใ่ี ช้ในการตดิ ตามประเมนิ ผลการดำเนินงานของโครงการสมนุ ไพรทอด
กรอบ มีรายละเอียด ดงั นี้
ประชากร คือ ผทู้ ซี่ ื้อผลติ ภัณฑ์ สมุนไพรทอดกรอบ ผู้ทเ่ี กยี่ วข้องกบั การดำเนนิ โครงการและคณะ
ผู้จดั ทำโครงการ จำนวน 5 คน
กลมุ่ ตัวอย่าง คือ ผู้ท่ีซอื้ ผลติ ภณั ฑ์ สมนุ ไพรทอดกรอบ ผ้ทู ี่เกีย่ วข้องกบั การดำเนนิ โครงการและคณะ
ผจู้ ัดทำโครงการ จำนวน 5 คน
โดยใช้วิธีสุม่ ตัวอย่างแบบ เฉพาะเจาะจง
เคร่ืองมอื ทใี่ ชใ้ นการประเมนิ โครงการ
การประเมนิ โครงการใชก้ ระบวนการศึกษาคุณภาพ จงึ มีเคร่อื งมอื ท่ีใชใ้ นการประเมนิ โครงการ
สมนุ ไพรทอดกรอบ ประกอบไปด้วย แบบสมั ภาษณ์ การสงั เกต การมสี ว่ นร่วมและการบันทึกภาพ
โดยแบบสมั ภาษณม์ จี ำนวน 5 ฉบับ ดังน้ี โดยจะมเี น้ือหารายละเอียดในแต่ละส่วนของแบบสัมภาษณ์
ดงั ตอ่ ไปนี้
ส่วนท่ี 1 เปน็ แบบสอบถามข้อมูลทว่ั ไปของผตู้ อบแบบสมั ภาษณ์ ได้แก่ อายุ อาชีพ เพศ รายได้
รายชอ่ื ผถู้ ูกสมั ภาษณ์ โดยเป็นแบบปลายเปิดใหเ้ ลอื กตอบในชอ่ งที่กำหนด
ส่วนที่ 2 เปน็ แบบสัมภาษณ์ประเมินโครงการสมุนไพรทอดกรอบ
โดยใชแ้ บบประเมนิ CIPP MODEL มี 4 ดา้ น จำนวน 10 ข้อ ดังนี้
1.1 สภาวะดา้ นแวดลอ้ ม ( Context ) จำนวน 2 ข้อ
โดยผตู้ อบสามารถเขยี นรายละเอยี ดการตอบไดอ้ ยา่ งอิสระ
1.2 ดา้ นปจั จยั ( Input ) จำนวน 3 ข้อ
โดยผู้ตอบสามารถเขียนรายละเอียดการตอบได้อยา่ งอิสระ
1.3 ด้านกระบวนการ ( Process ) จำนวน 2 ข้อ
โดยผู้ตอบสามารถเขียนรายละเอยี ดการตอบได้อย่างอิสระ
1.4 ด้านผลผลิต ( Product ) จำนวน 3 ข้อ
โดยผู้ตอบสามารถเขยี นรายละเอยี ดการตอบได้อย่างอสิ ระ
สว่ นท่ี 3 ปัญหาหรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานในการจดั ทำโครงการ
การเก็บรวบรวมขอ้ มูล
การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ผูจ้ ดั ทำได้ทำหนา้ ทใ่ี นการเกบ็ รวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง โดยมีรายละเอยี ดใน
การเก็บรวบรวมข้อมลู ดังน้ี (1) ตดิ ตอ่ ขอร่วมมอื จากผู้ที่เกยี่ วขอ้ งกบั การดำเนนิ โครงการเพื่อสมั ภาษณ์การ
ทำงานของโครงการ (2) สัมภาษณโ์ ดยไม่ได้เตรยี มการล่วงหน้ากัลปล์ ูกค้าที่มาซื้อสนิ คา้ จากโครงการ(จิ้งหรดี )
(3) ขั้นตอนการสัมภาษณ์ จะใชเ้ วลาในการตอบคำถามประมาณ 5-7 นาที ตอ่ คน (4) หลังจากน้ันผู้จดั ทำ
โครงการทำการตรวจสอบความถกู ตอ้ งและความสมบรู ณข์ องแบบสอบถาม เพ่ือนำไปใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล
ตอ่ ไป
การวิเคราะหผ์ ลการประเมนิ โครงการ
1. วเิ คราะหผ์ ลการประเมินโครงการ โดยใช้ การวิเคราะหเ์ ชิงคณุ ภาพ
สถติ ิท่ใี ช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชงิ คุณภาพ
บทที่ 4
ผลการประเมนิ โครงการ
ผลการประเมนิ โครงการ เรอื่ งสมุนไพรทอดกรอบ ของผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ โดยใชว้ ธิ ีการสมั ภาษณ์
จากผจู้ ดั ทำโครงการ สมาชกิ ในครอบครวั ทเี่ กย่ี วข้องกบั โครงการ ผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ของโครงการ มาใช้เพอื่
วเิ คราะหเ์ พ่ือประเมนิ ผลโครงการ จากการนำเนินโครงการ ผ้รู ับผดิ โครงการจะนำเสนอผลการดำเนินโครงการ
ออกเป็น 3 มีหวั ข้อนำเสนอ ดังน้ี
1. ข้อมูลทัว่ ไปของผตู้ อบแบบสมั ภาษณ์ของโครงการ
2. ผลการประเมินโครงการสมนุ ไพรทอดกรอบ
3. ปญั หาหรือข้อเสนอแนะเกยี่ วกับการดำเนนิ โครงการ
ข้อมูลทัว่ ไปของผูต้ อบแบบสมั ภาษณ์จากผ้เู ขา้ ร่วมโครงการ
จากการเก็บรวบรวมข้อมลู ในการประเมนิ ผลโครงการ เรอ่ื งสมนุ ไพรทอดกรอบ สามารถเก็บรวบรวม
ขอ้ มูลจากการสัมภาษณผ์ ้เู กยี่ วขอ้ งได้ทัง้ หมด 5 คน จำแนกรายละเอียดของผู้ทใ่ี ห้สมั ภาษณ์ ได้ดงั นี้
ตารางท่ี 4.1 จำนวนผู้ให้สัมภาษณแ์ ละประเภทของผู้ใหส้ ัมภาษณ์
ท่ี รายการ
1 ผบู้ ริโภคผลิตภณั ฑ์ของโครงการ
2 ผู้บรโิ ภคผลติ ภณั ฑ์ของโครงการ
3 สมาชกิ ในครอบครวั ที่เกย่ี วขอ้ งกบั โครงการ
4 สมาชิกในครอบครวั ทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับโครงการ
5 ผู้เขา้ รว่ มหรือผู้จัดทำโครงการ
6 ผู้เข้ารว่ มหรอื ผ้จู ัดทำโครงการ
ผลการประเมนิ โครงการสมนุ ไพรทอดกรอบ ผลการประเมนิ โครงการสมุนไพรทอดกรอบผู้รบั ผดิ ชอบ
โครงการไดน้ ำเสนอผลการประเมิน โครงการ จำนวน 4 ตอน ดังนี้
ตอนที่ 1 ผลการประเมนิ โครงการดา้ นสภาวะแวดลอ้ ม
ตอนท่ี 2 ผลการประเมนิ โครงการดา้ นปจั จัย
ตอนท่ี 3 ผลการประเมนิ โครงการด้านกระบวนการ
ตอนที่ 4 ผลการประเมนิ โครงการด้านผลผลติ
ตอนที่ 1 ผลการประเมนิ โครงการดา้ นสภาวะแวดลอ้ ม หลังการดำเนนิ โครงการ
ผลการประเมนิ โครงการดา้ นสภาวะแวดลอ้ ม หลงั การดำเนนิ โครงการ สามารถแยกเป็นประเดน็
คำถาม และมผี ู้สัมภาษณ์ตอบแบบสัมภาษณต์ ามข้อคำถามต่าง ๆ ของการประเมนิ โครงการดา้ นสภาวะ
แวดลอ้ ม ดังตารางที่ 4.2 – 4.4
ตารางท่ี 4.2 หลกั การ วัตถปุ ระสงคแ์ ละเปา้ หมายของโครงการมคี วามเหมาะสมและสอดคล้องกนั มากนอ้ ย
เพยี งใด
ผู้ตอบลำดบั ท่ี รายละเอยี ดของการประเมิน
1 หลกั การ เปา้ หมาย สอดคล้องกบั วตั ถุประสงคท์ ่ีวางไว้
2 สอดคลอ้ งกันมาก เพราะวัตถุประสงคแ์ ละเปา้ หมายของโครงการ
คอื ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กดิ ประโยชน์
3 มคี วามเหมาะสม สามารถนำไปต่อยอดได้และสร้างเปน็ อาชพี เสรมิ
ได้
4 มคี วามเหมาะสม เป้าหมายสามารถทำให้เกดิ ขึน้ และเปน็ จริงได้
5 เปา้ หมายสอดคลอ้ งกบั วัตถปุ ระสงค์สามารถทำใหเ้ ปน็ จริงตาม
เวลาท่กี ำหนดไวไ้ ด้
จากตารางท่ี 4.2 คำตอบของผู้ให้สมั ภาษณ์ โดยรวมไดใ้ ห้การรายละเอยี ดการประเมนิ ไว้ คือ
หลกั การและเปา้ หมาย มคี วามสอดคลอ้ งวตั ถุประสงคท์ ี่วางไวข้ องโครงการ ซง่ึ สามารถที่จะทำได้จรงิ
ภายในเวลาทไ่ี ด้กำหนดไว้ อีกทัง้ ยังสามารถต่อยอดโครงการอกี ตอ่ ไปได้
ตารางท่ี 4.3 มีการกำหนดเปา้ หมาย วิธกี ารดำเนินการและระยะเวลาดำเนินการมีความ
เหมาะสมและปฏบิ ตั จิ ริงได้หรือไม่ อยา่ งไร
ผู้ตอบลำดบั ที่ รายละเอยี ดของการประเมิน
1. ระยะเวลา และวิธีการสามารถทำให้เปา้ หมายบรรลุผลไดจ้ รงิ
2. เป็นการดำเนนิ งานระยะยาว มีความเหมาะสม สามารถปฏิบัติไดจ้ ริง
3. วิธกี าร ระยะเวลา สามารถดำเนนิ การทำให้บรรลวุ ัตถุประสงคเ์ ปา้ หมายทว่ี างไวไ้ ด้
4. วธิ กี ารและระยะเวลา มีความสอดคลอ้ งทำใหบ้ รรลุเปา้ หมายได้
5. เวลาทีใ่ ห้มานนั้ ทำให้บรรลเุ ป้าหมายได้ แตผ่ ลผลติ ไมไ่ ดผ้ ลเท่าทคี่ วร
จากตารางที่ 4.3 คำตอบของผใู้ หส้ มั ภาษณ์ โดยรวมแลว้ ไดใ้ ห้การรายละเอียดการประเมินไว้ คือ เป้าหมาย
ของโครงการน้ัน มรี ะยะเวลาในการดำเนินงาน และวิธกี ารดำเนนิ ทเี่ ข้าใจง่ายเหน็ ผลชัดเจย สามารถลมอื ทำ
จริงได้ ระยะเวลาทใี่ หม้ านน้ั ทำใหผ้ ลของโครงการน้ี อาจไม่ไดร้ ับผลเทา่ ทค่ี วร
ตารางท่ี 4.4 มีการจดั บรรยากาศในการดำเนินงานเหมาะสมและสอดคลอ้ งกับการดำเนนิ
โครงการ
ผ้ตู อบลำดบั ที่ รายละเอยี ดของการประเมิน
1 บรรยากาศในการทำงานราบรนื่ มคี วามสบายใจในการทำงาน
2 พน้ื ทใ่ี นการขายสินค้าเหมาะสมกับการขาย
3 บรรยากาศในการทำงานราบรน่ื ไม่กดดันในการทำงาน
4 สถานท่ีเหมาะสมในการทำงาน
5 พื้นท่ใี นการทำงานสะดวก เพราะเป็นบา้ นของสมาชิก
จากตารางที่ 4.4 คำตอบของผ้ใู หส้ มั ภาษณ์ โดยรวมได้ให้การรายละเอยี ดการประเมินไว้ คือ
บรรยากาศในการดำเนินโครงการน้ัน ถือว่ามีความเหมาะสมแก่การทำงาน เพราะเปน็ การทำกจิ กรรม
มี่ดำเนินโครงการเองที่บ้านกับสมาชิก ทำใหม้ คี วามสะดวกสบายใจและไม่มีความกดดนั ในการลงมือทำ
เกี่ยวกบั กจิ กรร อกี ทัง้ ท่บี ้านและในหมูบ่ า้ นเองก็ยงั เหมาะแก่การใชเ้ ป็นสถานทคี่ า้ ขายที่ดีอีกดว้ ย
บทที่ 5
สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
โครงการสมนุ ไพรทอดกรอบ สร้างรายได้เวลาว่าง ผู้จัดทำโครงการน้ัน
สามารถนำเสนอการสรุปผล อภปิ รายผลและข้อเสนอแนะของโครงการน้ี ไดด้ ังน้ี
สรปุ ผลการประเมนิ โครงการ
ผลการประเมนิ โครงการสมนุ ไพรทอดกรอบ หลังการดำเนนิ งาน
โดยรวมเฉลย่ี ทกุ ด้านอยูใ่ นระดบั ดมี ากและมีรายละเอยี ดในแต่ละดา้ นของการประเมนิ ดังนีค้ ือ
ผลการประเมิณโครงการด้านสภาพแวดล้อม
หลกั การและเป้าหมาย มคี วามสอดคล้องวตั ถปุ ระสงค์ท่ีวางไวข้ องโครงการ ซงึ่ สามารถที่
จะได้จริงภายในเวลาที่ได้ระบไุ ว้ อกี ท้ังยังสามารถต่อยอดโครงการอีกต่อไปได้ เปา้ หมายของ
โครงการนัน้ มีระยะเวลาในการดำเนนิ งาน และวธิ กี ารดำเนินท่ชี ดั เจนเข้าใจง่าย สามารถลงมอื ทำ
จริงได้ แตเ่ วลาที่ให้มานน้ั อาจจะทำใหผ้ ลของโครงการนี้ ไมไ่ ด้รบั ผลเท่าที่ควร บรรยากาศในการ
ดำเนนิ โครงการนั้นถือวา่ มคี วามเหมาะสมเปน็ อย่างมาก เพราะเป็นการทำกิจกรรมดำเนิน
โครงการเองท่ีบ้าน ทำใหม้ คี วามสะดวกสบายในการหยบิ จบั ลงมือทำเกยี่ วกับกิจกรรมได้อยา่ ง
เต็มท่ี อกี ท้ังที่บ้านเองก็ยงั สามารถใชใ้ นการเป็นสถานท่คี า้ ขายทีด่ ีอกี ดว้ ย
ผลการประเมณิ โครงการด้านปัจจยั เบือ้ งต้น
งบประมาณท่โี ครงการไดร้ ับนนั้ เพียงพอตอ่ จัดซื้อวสั ดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ ในการดำเนนิ
กิจกรรมทีจ่ ะทำให้บรรลวุ ตั ถุประสงค์ของโครงการน้ีไดเ้ หมาะพอดี วสั ดุอปุ กรณ์ในการดำเนิน
โครงการนี้ มคี วามเหมาะสมเพยี งพอตอ่ ความตอ้ งการ เพราะมกี ารนำของทอ่ี ยู่จากท่ีทางบ้านได้มี
อยู่นำมาใชก้ บั โครงการนี้ จงึ ทำใหโ้ ครงการนีน้ อกจากวัสดุอปุ กรณ์ครบแล้วยังช่วยลดงบประมาณ
ทต่ี ้องใช้จ่ายของโครงการไปได้อกี ทาง อาคารสถานท่ใี นการจัดทำโครงการนน้ั มีความเหมาะสม
มากที่สุด โดยการใชบ้ ้านของผทู้ ำโครงการเองเปน็ สถานท่ีในการจดั โครงการ ซ่ึงการใชเ้ วลาให้เกิด
ประโยชนโ์ ดยส่วนใหญจ่ ะใชเ้ วลาวา่ งอยูท่ บ่ี ้านผูจ้ ัดทำโครงการจงึ คดิ ถกู แลว้ ท่ีใช้บ้านเป็นสถานที่
ในการทำโครงการ เพราะจะทำให้ไดใ้ ช้เวลาวา่ งมาทำโครงการนี้ไดม้ ากขนั้
ผลการประเมนิ โครงการดา้ นกระบวนการ
แผนการดำเนนิ งานของโครงการนั้น ทางผู้จดั ทำโครงการได้มกี ารวางแผนการทำงานไว้
ล่วงหน้าแล้ว และแผนก็ไดใ้ ชใ้ นการปฏิบตั ิงาน จนทำใหโ้ ครงการนบ้ี รรลวุ ัตถุประสงคท์ ว่ี างไว้ได้
กจิ กรรมที่ไดก้ ำหนดไวใ้ นแผนนั้นสามารถทำได้ทุกกิจกรรม เพราะกิจกรรมท่รี ะบุไวน้ นั้ มแี ผน
กำหนดการทำอีกทง้ั ยงั งา่ ยตอ่ การปฏบิ ัตกิ ิจกรรมนนั้ ทกุ กิจกรรมระหวา่ งการดำเนินการมกี าร
ถา่ ยรปู จดบนั ทึก เพอ่ื เก็บข้อมูลตา่ ง ๆ ท่ไี ด้จากการทำกจิ กรรมในโครงการ และยังสามารถนำ
ข้อผดิ พลาดจากการดำเนินกิจกรรมนน้ั มาแก้ไขปรับปรงุ ในกิจกรรมถดั ไปของโครงการได้ ผล
ทางการประเมนิ โครงการดา้ นการผลิต
ผลจากเป้าหมายของโครงการท่ีดำเนินงานตรงตามวัตถุประสงค์ท่โี ครงการไดร้ ะบไุ ว้
หลงั จากดำเนินโครงการน้ี ผลพลอยไดจ้ ากโครงการจะเป็นการสง่ เสรมิ การทำงานรว่ มกนั ภายใน
ครอบครวั ผู้เขา้ ร่วมโครงการไดฝ้ กึ ความอดทน มีความรอบคอบในการตัดสนิ ใจแกป้ ัญหาอย่างมี
เหตุผลมากขึ้นกวา่ เดมิ อกี ทั้งยงั ส่งเสรมิ การค้าขายทำใหเ้ กิดการตดิ ต่อสร้างความสมั พันธท์ ีด่ ีใหก้ บั
คนหมบู่ า้ นตนเองขอ้ บกพรอ่ งผิดพลาดท่จี ะต้องแกไ้ ขระมดั ระวงั ในการดำเนินโครงการโดยส่วน
ใหญน่ ัน้ จะต้องระวังควรระมดั ระวงั เรื่องอุณหภมู ิของแก๊สไมเ่ ปิดจนแรงเกินไปหรอื เบาเกินไป
มิฉะนั้นจะทำให้สมุนไพรทอดกรอบเกิดการไหมไ้ ดแ้ ละการหาสูตรของแปง้ เพื่อใหร้ สชาตทิ ี่ดีทำให้
มีตอ้ งลองผิดลองถูกในการหาสตู รแป้งทอด
อภปิ รายผล
โครงการสมนุ ไพรทอดกรอบจัดทำขน้ึ โดยมวี ัตถปุ ระสงคเ์ พือ่ เสริมรายได้ในเวลาวา่ งให้กบั
สมาชิกและสามารถทำเป็นอาชีพเสรมิ ได้โดยโครงการที่จัดทำขนึ้ มานัน้ มีเปา้ หมายในการท่เี พิม่
มูลคา่ ให้กบั สมนุ ไพรและจดั จำหน่ายใหก้ บั ลูกค้าท่ีรกั สขุ ภาพภายในเวลา 1 เดอื นและเม่อื สนิ้ สุด
โครงการสมาชกิ ในกลมุ่ มีความเข้าใจร้อยละ 80 ในเรือ่ งโภชนาการและในการทำสมุนไพรทอด
กรอบในการดำเนินโครงการนน้ั มีการจดั กจิ กรรมคือการหาบรรจุภณั ฑ์และการหาสมุนไพรการ
ประเมินโครงการในรูปแบบการประเมิน cipp model ของสตัฟเฟลบี โดยมีรายละเอียดการ
ประเมินในด้านทั้ง 4 ด้านคือด้านสภาวะแวดลอ้ มหลักการเป้าหมายของโครงการมคี วาม
สอดคล้องกนั และมวี ตั ถุประสงคส์ ามารถทำให้เกิดข้ึนได้จริงดา้ นปจั จยั เบ้ืองตน้ งบประมาณวัสดุ
อปุ กรณ์เพียงพอต่อการทำโครงการสถานทีก่ ส็ ามารถสรา้ งบรรยากาศทดี่ ใี นการจัดทำกระบวนการ
มกี จิ กรรมทมี่ าจากโครงการมีวธิ ีการแผนการทมี่ าจากโครงการทัง้ หมดและแผนการวธิ กี ารจาก
โครงการน้ันสามารถดำเนนิ งานใหเ้ กิดข้ึนบรรลไุ ดจ้ ริงตามวัตถปุ ระสงค์ดา้ นผลผลิตผลผลติ ที่ได้
โครงการตรงตามเปา้ หมายทร่ี ะบุไว้ในโครงการอีกทงั้ ยังมีผลพลอยได้จากโครงการเช่นการทำ
กิจกรรมรว่ มกันของสมาชิกภายในครอบครัวการค้าขายหรอื การตดิ ต่อกันภายในหมู่บ้านการ
ตดิ ต่อสือ่ สารกนั ของผู้เข้าร่วมโครงการโดยมี ปญั หาขอ้ เสนอแนะของโครงการโดยรวมคือ การหา
สมนุ ไพรการออกแบบบรรจภุ ณั ฑแ์ ละโลโก้
ขอ้ เสนอแนะ
ขอ้ เสนอแนะจากการนำเนนิ โครงการ
การหาสูตรของแป้งเพ่อื ใหร้ สชาติดแี ละแป้งมคี วามกรอบนาน การหาสมุนไพรตาม
หมูบ่ า้ นทหี่ าไดย้ ากการออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์และโลโก้ทใ่ี ช้เวลานานในการออกแบบและส่ังซ้อื ผกั
สมนุ ไพรทีเ่ ลอื กใช้เปน็ ผักตามหม่บู า้ นทุกประเภทเพ่อื ลดต้นทนุ ของงบประมาณการระวังอณุ หภูมิ
ของไฟอย่างตอ่ เน่ือง เพ่อื ปอ้ งกนั ไม่ให้ผกั ทล่ี งไปทอดน้นั ไหม้สมุนไพรทห่ี ามาได้นัน้ มีปรมิ าณน้อย
กว่าทีค่ ิดจึงทำใหต้ อ้ งซื้อผักมาใหเ้ พียงพอตอ่ การขายในแต่ละวนั
ขอ้ เสนอแนะสำหรับนำผลการประเมนิ ไปใช้
1. ควรเผือ่ เวลาในการออกแบบบรรจุภณั ฑ์และโลโก้
2. วัตถดุ บิ ควรมมี ากพอต่อการขาย
ขอ้ เสนอแนะสำหรับหวั ขอ้ การประเมนิ ตอ่ ไป
1. หวั ขอ้ ประเมนิ ควรครอบคลุมถงึ ปัญหาอุปสรรคทเี่ กิดขนึ้ ระหว่างดำเนนิ โครงการ
2. หัวขอ้ การประเมนิ ควรเริ่มประเมินอยา่ งต่อเน่อื งทกุ ข้ันตอนกจิ กรรมแม้วา่ กจิ เล็กน้อย
3. หัวขอ้ ที่เก่ยี วกบั ผลผลติ วา่ ผู้ที่ซ้อื สนิ คา้ ไปสามารถนำสนิ คา้ นนั้ ไปแปรหรอื จะทำอะไรและ
ผู้จัดทำโครงการเอง สามารถทำสง่ิ น้ันไดห้ รอื ไม่
ข้อเสนอแนะในการจัดทำโครงการครง้ั ถดั ไป
1. โครงการที่จะจดั ทำครัง้ ถดั ไปนัน้ ควรจัดทำโครงการท่ีบวกกบั การยืดอายขุ องผลิตภณั ฑ์ใหน้ าน
มากขึน้
2. ต้องใหเ้ วลาในการออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์และโลโก้ทำนานกว่าน้ีสักประมาณ 10 วนั
บรรณานกุ รม
By Krungsri Guru [ออนไลน์]. - 10 ตลุ าคม 2564. -
https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/practical-self-sufficient-economy-
philosophy.
กรมพัฒนาธรุ กจิ การค้า [ออนไลน]์ // คูม่ อื การพัฒนามลู ค่าเพิม่ สนิ คา้ และบริการ. - 3 พฤษจิ
กายน 2559. - 23 สงิ หาคม 2564. -
https://www.dbd.go.th/download/article/article_20161103115457.pdf.
ทีมชอ่ กาสะลอง [ออนไลน]์ // สสมนุ ไพรทอดกรอบแบบพอเพียง ทมี ชอ่ กาสะลอง มหาวิทยาลัย
ราชภฏั พิบลู สงคราม จังหวดั พษิ ณุโลก. - 1 กนั ยายน 2551. - 11 ตุลาคม 2564. -
http://foms.psru.ac.th/econ/W-Student/fried%20herb.pdf.
ราช ศิริวัฒน์ [ออนไลน์] // แนวคิดและทฤษฏีเกย่ี วกบั พฤติกรรมของผบู้ ริโภค –
DocTemple. - 23 มกราคม 2560. - 30 ตลุ าคม 2564. -
https://doctemple.wordpress.com/2017/01/23.
ศาสตราจารย์ ดร.อนรุ กั ษ์ ปญั ญานวุ ฒั น์ [ออนไลน]์ // แนวคดิ การประเมนิ โครงการ. - 1 พฤษจิ
กายน 2564. - http://digital_collect.lib.buu.ac.th/dcms/files/53930110/chapter2.pdf.
อญั ชลี ธรรมะวิธีกลุ [ออนไลน์] // การประเมนิ โครงการ(1) | Panchalee's Blog. - 28 เมษายน
2552. - 5 พฤษจกิ ายน 2564. - https://panchalee.wordpress.com/2009/04/28/project-
evaluation1/.
ภาคผนวก ก
แบบประเมนิ
โครงการ...................................................
*******************************************************************
คำชแี้ จง 1. แบบประเมินโครงการสมนุ ไพรทอดกรอบ มจี ำนวน 3 ตอน ดงั นี้
ตอนท่ี 1 เปน็ แบบสอบถามข้อมลู ทวั่ ไปของผู้ตอบแบบสัมภาษณ์ ไดแ้ ก่ เพศ อายุอาชีพ
การศึกษา รายได้ โดยเป็นแบบปลายเปดิ ใหเ้ ลือกตอบในชอ่ งที่กำหนด
ตอนที่ 2 เป็นแบบสมั ภาษณป์ ระเมนิ โครงการ โดยใช้แบบประเมิน CIPP MODEL มี 4
ด้าน
จำนวน 12 ข้อ ดงั นี้
1. สภาวะดา้ นแวดล้อม ( Context ) จำนวน 3 ข้อ
2. ด้านปัจจยั ( Input ) จำนวน 3 ขอ้
3. ด้านกระบวนการ ( Process ) จำนวน 3 ขอ้
4. ดา้ นผลผลิต ( Product ) จำนวน 3 ขอ้
โดยทงั้ 4 ด้าน ผู้ตอบสามารถเขียนบรรยายรายละเอยี ดการตอบได้อยา่ งอิสระ
ตอนที่ 3 ปัญหาหรอื ขอ้ เสนอแนะเกย่ี วกับการด าเนนิ งานในการจดั ท าโครงการ โดยเปน็
แบบปลายเปดิ ให้เลอื กเขียนบรรยายในการตอบ
แบบประเมนิ
โครงการ...................................................
*******************************************************************
ตอนที่ 1 ข้อมลู ท่วั ไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม
เพศ ( ) ชาย ( ) หญงิ
อายุ ( ) นอ้ ยกว่า 20 ปี ( ) 30 – 50 ปี ( ) 60 ปขี ้ึนไป
อาชพี ( ) เกษตรกรรม ( ) รับจา้ ง ( ) นกั เรียน – นักศกึ ษา ( ) รับราชการ
( ) ธรุ กจิ ส่วนตวั ( ) อน่ื ๆ
การศกึ ษา ( ) ตำ่ กวา่ ประถมศกึ ษา ( ) ประถมศึกษา-มธั ยมศึกษาตอนตน้
( ) มธั ยมศึกษาตอนปลาย-ปริญญาตรี ( ) ปรญิ ญาตรขี ึ้นไป
รายได้ ( ) ไมเ่ กิน 5,000 บาท ( ) 5,000 – 10,000 บาท
( ) 10,000 – 15,000 บาท ( ) เกิน 15,000 บาท
ตอนท่ี 2 แบบสมั ภาษณ์ประเมินโครงการเลีย้ งจ้งิ หรดี เพือ่ จำหน่ายสร้างรายได้เวลาว่างโดยใช้
แบบประเมนิ CIPP MODEL มี 4 ด้าน จำนวน 12 ขอ้
ด้านท่ี 1 การประเมินบรบิ ทหรอื สภาวะแวดล้อม
1. หลกั การ วตั ถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการมคี วามเหมาะสมและสอดคล้องกัน
มากนอ้ ยเพยี งใด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………..........
2. มกี ารกำหนดเปา้ หมาย วิธีการดำเนินการและระยะเวลาดำเนนิ การมคี วามเหมาะสม
และปฏบิ ัติจรงิ ได้หรอื ไม่ อยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. มีการจัดบรรยากาศในการดำเนินงานเหมาะสมและสอดคลอ้ งกับการดำเนินโครงการ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
ด้านที่ 2 การประเมินปจั จัยเบอ้ื งตน้ ปจั จัยปอ้ น
4. โครงการได้รบั งบประมาณสนับสนุนอย่างเพียงพอหรือไม่ อยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………...
5. การดำเนนิ โครงการ มวี ัสดอุ ุปกรณ์ เครื่องมอื เคร่ืองใชเ้ พียงพอหรือไม่ อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
6. อาคารสถานที่ ห้องปฏิบตั งิ านตามโครงการมคี วามเหมาะสมและเพียงพอหรือไม่
อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
ด้านท่ี 3 การประเมนิ กระบวนการการปฏบิ ตั ิงาน
7. มกี ารวางแผนการดำเนินงานและมกี ารปฏบิ ัติงานตามแผนท่ีวางไวห้ รอื ไม่อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
8. มกี ารดำเนนิ กิจกรรมท่กี ำหนดในโครงการตามขน้ั ตอนทุกกจิ กรรมหรือไม่อยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
9. มีการติดตามการนำเนนิ งาน และนำผลนัน้ มาวเิ คราะหเ์ พื่อนำไปใชใ้ นการพฒั นา
โครงการอย่างต่อเนื่องหรอื ไม่ อยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
ด้านท่ี 4 ดา้ นผลผลติ
10. ผลของการดำเนนิ โครงการตรงตามท่ีระบไุ ว้ในวตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการบา้ งหรอื ไม่
อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
11. หลงั จากการดำเนินโครงการแลว้ ทา่ นคดิ วา่ ผลพลอยได้ ทีไ่ ด้นอกจากวตั ถปุ ระทีว่ างไว้
แลว้ มีอะไรบา้ ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
12. ขอ้ บกพร่องผิดพลาดทจ่ี ะต้องแก้ไขระมัดระวงั ในการดำเนนิ โครงการ คืออะไรบ้าง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
ตอนท่ี 3 ปญั หาหรอื ขอ้ เสนอแนะเก่ียวกับการดำเนินงานในการจดั ทำโครงการ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
ภาคผนวก ข
วตั ถดุ บิ
การหาและส่งั ซ้อื บรรณจุภณั ฑ์และโลโก้
กจิ กรรมตา่ งๆ