| 1
| 3 ค�ำน�ำ ป่าพรุควนเคร็ง อยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นป่าพรุที่มีขนาดเป็น อันดับ 2 ของประเทศ รองจากพรุโต๊ะแดง จังหวัดนราธิวาส มีพื้นที่ติดกับ ทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง เป็นส่วนหนึ่งของทะเลสาบสงขลา ซึ่งอยู่ตอนบนของ ทะเลสาบสงขลา มีความหลากหลายทางชีวภาพทั้งพืชและสัตว์ส�ำหรับพืชใน ป่าพรุที่สร้างรายได้ให้กับชุมชนกับประเทศในขณะนี้ก็คงจะเป็นย่านลิเภาและ กระจูด ในป่าพรุเองยังคงมีพืชพันธุ์อีกหลายชนิดที่มีประโยชน์และต้นราโพ ก็เป็นพืชที่มีอยู่ในพื้นที่ป่าพรุ โดยเฉพาะป่าพรุควนเคร็ง และพื้นที่ชุ่มน�้ำรอบ ทะเลสาบสงขลา การน�ำมาผลิตเป็นหลอดดูดผ่านการศึกษาทดลอง จนได้ กระบวนการผลิตหลอดดูดที่มีคุณภาพ สามารถสร้างความน่าเชื่อถือ ที่โรงแรม มีเสน่ห์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกน�ำไปใช้ เป็นการสร้างมูลค่า และคุณค่าให้กับ ทรัพยากรชีวภาพในป่าพรุ และการรวบรวมมาเป็นข้อมูลความรู้ที่จะน�ำไป สู่การสร้างแรงบันดาลใจหนึ่งให้กับสังคมอื่นๆ ในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุน งบประมาณจากส�ำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์กรมหาชน) (สพภ.) ในการจัดพิมพ์และขอขอบคุณพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ป่าพรุ และ พื้นที่รอบๆ ทะเลสาบสงขลาทุกท่าน ที่ให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ในการจัด ท�ำเอกสารในครั้งนี้ นายวัชระ เกตุชู ประธานวิสาหกิจชุมชนราโพคนพรุชะอวด
4 | หน้า ค�ำน�ำ 3 ความทรงจ�ำเกี่ยวกับราโพ 5 ราโพกับประโยชน์ทางสิ่งแวดล้อม 9 ความรู้เกี่ยวกับลาโพ/ราโพ 10 ชนิดของต้นราโพ 11 1. ราโพ พันธุ์พื้นเมือง (Native Phragmites) 11 2. ราโพสายพันธุ์รุกราน (Invasive Phragmites) 15 การปลูกต้นราโพ 19 การเตรียมต้นกล้า 20 การเตรียมพื้นที่ 21 การปลูก 22 การดูแล 23 การเก็บเกี่ยว 23 ศัตรูพืช 24 บทส่งท้าย 25 สารบัญ
| 5 จากความทรงจ�ำของผู้คนร่วมยุคสมัยเมื่อ 50 กว่าปีหรือ กว่าครึ่ง ศตวรรษที่ผ่านมา ครั้งกระนั้น ข้าวของที่ซื้อขายโดยเฉพาะขนมชนิดต่างๆ จะ อยู่ในรูปบรรจุภัณฑ์ด้วยการ ห่อ มัด รัด ร้อย จากวัสดุธรรมชาติเช่น ใบกล้วย ใบไผ่ ใบตาล ใบมะพร้าว ใบจาก ใบกะพ้อ ใบยีแร็จ และกระบอกไม้ไผ่เป็นต้น ความทรงจ�ำเกี่ยวกับราโพ | ภาพที่ 1 บรรจุภัณฑ์ในอดีต | ต ่อมาเมื่อมีการผลิตกระดาษ ก็น�ำกระดาษมาใช้ทั้งที่ใช้ร ่วมกันและ ทดแทน กระทั่งเมื่อมีน�้ำแข็งก้อนมาถึงหมู่บ้านไม่นานนักก็มีน�้ำหวานบรรจุขวด แต่งสีด้วยสีแดง สีส้ม และสีเขียว ตามมาและที่มาพร้อมกับน�้ำหวานบรรจุขวด ก็คือหลอดส�ำหรับใช้ดูด ซึ่งท�ำด้วยกระดาษชุปเทียนไข น�้ำหวานบรรจุขวดแก้ว ดื่มหมดแล้วต้องคืนขวดเพื่อน�ำไปท�ำความสะอาดเพื่อบรรจุใหม่ กลับมาอีกครั้ง จึงอยู่ในความนิยมของกลุ่มลูกค้าไม่มากนัก
6 | ต่อมาเมื่อมีประดิษฐกรรมจากอุตสาหกรรมที่เรียกว่า พลาสติก มินาน วันทั้งที่เป็นของกิน ของใช้และของเล่น ถูกบรรจุในพลาสติกจนแทบจะหมด สิ้น โดยเฉพาะของกินที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เมื่อน�้ำหวานที่บรรจุในขวดพลาสติกด้วยแรงโหมการโฆษณาได้ยึดครอง ตลาดอย่างกว้างขวางรวดเร็ว แน่นอนว่า หลอดดูดที่เคยท�ำด้วยกระดาษชุบ เทียนไข หายสาบสูญไปด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าขวดน�้ำพลาสติกเป็นบรรจุภัณฑ์ ที่ใช้เสร็จแล้วทิ้ง ต่างจากขวดแก้วในยุคก่อนขยะจากพลาสติกจึงยึดครองทั่วไป ในผืนดินและแหล่งน�้ำ ก่อมลภาวะที่ยากแก่การจัดการได้มันกลายเป็นปัญหา ระดับโลกอยู่ในขณะนี้เมื่อบริโภคกันอย่างไร้ขีดจ�ำกัดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ย่อมมากมายมหาศาลเช่นกัน จากการได้ตระหนักรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น กลุ่ม “วิสาหกิจชุมชนราโพ คน พรุชะอวด” จึงได้ผลิตหลอดดูดจากต้นราโพ “ตราคนพรุ” และได้น�ำเรื่องราว ชองต้นราโพมาน�ำเสนอในหนังสือเล่มนี้ เผื่อว่าจะได้มีการขยายการรับรู้ใน วงกว้าง มากมายยิ่งขึ้น เพื่อจะได้แก้ปัญหามลภาวะทางสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็น ปัญหาที่ทุกภาคส่วนต้องการทางเลือกที่เหมาะสมร่วมกันต่อไป บทสีโต (ชมปากน�้ำเมืองตะกั่วป่า) ออ ๆ ๆ ๆ ๆ ......... นังพี่เหอเข้ามานั่ง นั่งท�ำสีโต สีเอ๋ย สีโต ท�ำราโพ ราพา ปากน�้ำเมืองตะกั่วป่า มีบรรพตาชายวารี..... ขุนอุปถัมภ์นรากร (พุ่ม เทวา)
| 7 ท่าร�ำมโนราห์โนราห์ร�ำท�ำบทสีโต ว่า “สีเอ้ย สีโต และราโพ แตกปาง” และ บทสีโต ชมปากน�้ำเมื่องตะกั่วป่าคือร่องรอยของศิลปะพื้นถิ่น นาฎลักษณ์ แห่งปักษ์ใต้คือ โนราห์ที่มีทั้งท่าร�ำ และบทร้องประกอบกัน บทร้องนั้นมีทั้ง ที่เป็นค�ำผูก คือ ค�ำกลอนที่แต่งไว้ล่วงหน้า และค�ำกลอนด้นสด หรือ มุตโตทั้ง ค�ำผูก และมุตโต ต้องน�ำเรื่องราววิถีชีวิตของผู้คน สภาพในแวดล้อมธรรมชาติ คติความเชื่อต่างๆ หลากหลายมิติสมเจตนา มุณีโมนัย นักคิด นักปราชญ์ใน พื้นที่เมืองตรังให้ค�ำอธิบายว่าตามธรรมชาติทั่วไป ราโพ เป็นพืชตระกูลหญ้าตั้ง ต้นเป็นอย่างล�ำไผ่ ไม่มีแตกกิ่งใหญ่ออกเป็นปาง (ค่าคบ) ถ้าราโพกอไหนแตก ปางนิยมว่าศักดิ์สิทธิ์แลฯ ขณะที่หลวงตาสมจิตร จิตตุธมฺโม เจ้าอาวาสวัดท่า สะท้อนบอกเล่าว่า ชาวบ้านแถบนี้น�ำต้นราโพมาใช้ท�ำเป็นคันเบ็ด ลอย หรือ เบ็ดปัก เรียกในภาษาถิ่นใต้ว่าเบ็ดทงรวมถึงน�ำมาท�ำเป็นซั้งส�ำหรับวางไซ หรือ ลอบซึ่งยังคงใช้กันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในพื้นที่ลุ่มน�้ำทะเลสาปสงขลา ส�ำหรับการน�ำต้นราโพมาท�ำหลอดดูดนั้น เมื่อครั้งอดีตคนโบราณ เมื่อต้องเข้า ป่าพรุเพื่อไปถอนต้นกระจูด เพื่อน�ำมาเป็นซี่ตอกจักสานเสื่อ เมื่อต้องการน�้ำ
8 | ดับกระหาย จะขุดดินให้น�้ำใสซึมออกมาแล้วน�ำหลอดราโพมาดูดน�้ำในหลุมที่ ขุดไว้ ในพื้นที่ทางภาคเหนือนั้น ชัชวาล ทองดีเลิศ นักพัฒนาอาวุโส เล่าว่า ทางพื้นที่เชียงใหม่เรียกต้นราโพว่า ต้นอ้อ โดยใช้ปล้องราโพที่ติดข้อน�ำมาใส่ น�้ำผึ้ง ส�ำหรับดื่มในพิธีไหว้ครูเรียกว่า อ้อผญา หรือ อ้อแห่งปัญญา ราโพเป็นหญ้าขนาดใหญ่ที่มีถิ่นก�ำเนิดทั่วไปในบริเวณพื้นที่ชุ่มน�้ำทั่วโลก หรือศัพท์ทางเทคนิคเรียกว่าไม้ไผ่ เช่นกัน และในแต่ละพื้นที่นั้น น�ำต้นราโพมา ใช้ส�ำหรับท�ำเครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆ เช่น คอกล้อมจับปลา สานเป็นตะกร้า สานเป็นผืนเสื่อ และวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ ส่วนที่เป็นหน่ออ่อนนั้น มีสรรพคุณทางยาเย็น โดยเฉพาะเด็กอ่อนวัย ทารก รากมีรสชุ่ม ออกฤทธิ์ต่อปอดและกระเพาะใช้เป็นยาแก้ร้อนในกระหาย น�้ำ ท�ำให้ชุ่มคอลดไข้ตัวร้อน ช่วยดับไฟในปอด และกระเพาะ รากช่วยแก้ อาการใจคอหงุดหงิด และมีสรรพคุณเป็นยาแก้เลือดก�ำเดาไหลช่วยแก้เหงือก บวมเลือดออกตามไรฟัน ช่วยแก้อาการอาเจียร ช่วยแก้อาการเจ็บคอ ต�ำรับ ยาแก้ออกหัด ในรากจะพบสารอาหารหลายชนิด เช่น Asparagine Choiseul Glycerin Taraseral Taraseerenone Tricin Vitamin B1 Vitamin B2 Vitamin C และยังพบแป้งและน�้ำตาล เป็นต้น
| 9 ราโพกับประโยชน์ทางสิ่งแวดล้อม ต้นราโพมีความส�ำคัญไม่เพียงแค่มิติทางวัฒนธรรมแต่ในส่วนที่เกี่ยว กับสิ่งแวดล้อมด้วย Canebrakes หรือพื้นที่ที่มีต้นราโพอย่างเดียว หรือ เรียก ว่าทุ่งราโพจะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและท�ำรังออกไข่ของสัตว์หลายชนิด อย่าง เช่น นกกะสาแดง นกยางควาย นกแขวก นกกระยางไฟ และนกกระยางเปีย นอกจากนี้ก็มีหนูตัวนากร่วมอาศัยและเป็นแหล่งหากินอยู่ด้วย และส่วนที่เป็น เหง้าใต้ดิน จะหนาแน่นช่วยลดการกัดเซาะ และพังทลายในฤดูน�้ำท่วม อีกทั้ง พุ่มใบที่มีความเขียวชอุ่มสามารถดูดซับพลังจากแสงอาทิตย์ได้ทั้งปี | ภาพที่ 3 กอราโพขนาดใหญ่เป็นแนวกั้น ระหว่างป่ากับพื้นที่การเกษตร ให้สัตว์ได้อาศัย |
10 | ในพื้นที่ต่างประเทศ ต้นราโพก็มีมาก เช่นทางพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ ของอเมริกา ออสเตรเลีย โดยมีการน�ำมาศึกษาวิจัย การเขียนต�ำราเชิงวิชาการ และประชุมเชิงปฏิบัติการฟื้นฟูพื้นที่ราโพโดยชนเผ่าโดยองค์กร USACETribul Nations หรือ องค์การที่ท�ำงานกับชนเผ่าต่างๆ ในอเมริกา ได้มีการออกแบบ มาเพื่อส่งเสริมความรู้ดั้งเดิมและความเข้าใจเกี่ยวกับความส�ำคัญของต้นราโพ ต่อวิถีของชุมชนพื้นเมือง และบูรณาการร่วมกับวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ เพื่อการ ฟื้นฟูป่าราโพ ความรู้เกี่ยวกับลาโพ/ราโพ “ลาโพหรือราโพ” เป็นพืชตระกูลเดียวกับไม้ไผ่หรือข้าว “ราโพ” เป็น ภาษาถิ่นพื้นที่ภาคใต้เช ่น ในสภาพพื้นที่ป ่าพรุควนเคร็ง ในพื้นที่จังหวัด นครศรีธรรมราช ป่าพรุทะเลน้อย ในพื้นที่จังหวัดพัทลุง พื้นที่ป่าพรุจังหวัดตรัง และรอบทะเลสาปสงขลา ส�ำหรับทางภาคอื่นๆ อาจเรียกต่างออกไป เช่น ภาค กลาง เรียกว่า อ้อเล็ก อ้อลาย ขณะที่ภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ เรียกว่า อ้อ น้อย พื้นที่ในต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน เรียกว่า หลูเกิน หลูเหว่ย (จีน กลาง) ภาษาอังกฤษใช้ค�ำว่า River Cane /River Cane Bamboo / Phragmites ออสเตรเลีย เรียกว่า Phragmites americanus/ American reed ชื่อวิทยาศาสตร์Phragmites australis (Cav.) Trin. ex Steud. (ชื่อพ้อง วิทยาศาสตร์PhragmitescommunisTrin.)จัดอยู่ในวงศ์หญ้า POACEAE หรือ GRAMINEAE ฯลฯ
| 11 ชนิดของต้นราโพ ส�ำหรับในประเทศไทย พบต้นราโพ (Phragmitesamericanus หรือ river cane bamboo) แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มพื้นเมือง(Native Phragmites) และ กลุ่มรุกราน (Invasive Phragmites) 1. ราโพ พันธุ์พื้นเมือง (Native Phragmites) ชื่อว่า พันธุ์หน่อแดง เป็น พันธุ์ที่ไม่เป็นภัยคุกคามต่อความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งจะหายากกว่าชนิด รุกราน โดยมีลักษณะล�ำต้นสีแดงเข้มออกน�้ำตาล ปล้องยาว หน่ออ่อนจะเป็น สีเขียวอ่อนอมชมพูการแตกหน่ออ่อนจะไม่ห่างจากต้นเดิมมากนัก | ภาพที่ 4 กอราโพพันธุ์พื้นเมือง |
12 | ส�ำหรับล�ำต้นในช่วงที่ยังไม่แก่มีสีแดงและเมื่ออายุปีกว่าจะมีสีเหลือง นวล มีล�ำปล้องยาว และมีการออกดอกเป็นช่วงเวลา ลักษณะใบเล็กและเรียว ยาวกว่าพันธุ์รุกราน | ภาพที่ 6 หน่อราโพพันธุ์พื้นเมือง |
| 13 | ภาพที่ 7 ต้นราโพอายุ 4 เดือน | | ภาพที่ 8 ต้นราโพที่มี อายุปีกว่า สามารถเก็บเกี่ยวไป ผลิตหลอดดูดได้แล้ว |
14 | ส�ำหรับช่อดอกโปร่งก้านดอกจะมีความห่าง ปุยขนหุ้มเมล็ดไม่ฟูมากนัก เมล็ดมีขนาดใหญ่กว่าพันธุ์รุกราน และช่อดอกจะมีขนาดใหญ่ไม่มากนัก | ภาพที่ 9 ใบราโพพันธุ์พื้นเมือง |
| 15 2. ราโพสายพันธุ์รุกราน (Invasive Phragmites) ราโพชนิดนี้จะขยาย พันธุ์ได้รวดเร็ว โดยเมื่อล�ำต้นเดิมตายไปจะมีการเจริญเติบโตใหม่ของเหง้าซึ่ง จะมีความยาวถึง 10-30 เมตร | ภาพที่ 10 ช่อดอกราพันธุ์พื้นเมือง |
16 | ราโพชนิดนี้จะเห็นได้ว่าจะโตเต็มที่พร้อมๆกัน ในชั่วระยะเวลา0-2 ปีใน ช่วงเวลานี้จะไม่มีล�ำต้นที่แห้งตายอยู่ใบของราโพชนิดนี้ขณะที่ก�ำลังเติบโตจะ มีสีเขียว มีสีเทาอมฟ้า และเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมยาวก้านใบมีลักษณะคล้าย ไม้ไผ่และอาจโตด้วยความสูงถึง 4 เมตร | ภาพที่11 ต้นราโพรุกราน เลื้อยท�ำให้ขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว |
| 17 | ภาพที่12 .ใบราโพพันธุ์รุกราน |
18 | โคนต้นของราโพชนิดนี้ มีสีน�้ำตาลและแข็ง ล�ำต้นที่ก�ำลังเติบโตสีเขียว จะออกดอกตลอดทั้งปีมีล�ำต้นสีเขียวที่แข็งแรงซึ่งดูเหมือนจะมีสีซีดจางตาม ปกติและมีวงแหวนล่างข้อสีเข้ม | ภาพที่ 13 ลักษณะหน่อราโพพันธุ์รุกราน |
| 19 การปลูกต้นราโพ ปัจจุบันผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหารหันมาให้ความส�ำคัญ กับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการในระดับโลก ที่หันมาใช้หลอด ธรรมชาติมากขึ้น และหลอดราโพ ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง เนื่องจากต้นทุนไม่สูง มากนัก ไม่แข็งแรงจนเกินไปและไม่บอบบางจนเกินไป และมีความสวยงาม ท�ำให้มีผู้ประกอบการให้ความสนใจตัวหลอดราโพ และน�ำไปใช้ในโรงแรมต่างๆ ทั้งที่เกาะภูเก็ต พังงา เกาะจ�ำ เกาะสมุย และเกาะพงันเป็นต้น | ภาพที่ 14 ดอกราโพสายพันธุ์รุกราน |
20 | ประกอบกับต้นราโพที่อยู่ในธรรมชาติไม่มีความแน่นอนที่จะรองรับลูกค้า ได้ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนราโพ ฅนพรุชะอวด จึงได้ศึกษาทดลอง จนได้สาย พันธุ์ที่เหมาะสม และวิธีการปลูกที่มีสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรที่สนใจ ได้ การเตรียมต้นกล้า : เลือกราโพพันธุ์พื้นเมือง(Native Phragmites) หรือพันธุ์หน่อแดง ที่มีอายุ ประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปีหรือเลือกล�ำต้นที่ยังไม่แก่เกินไป เนื่องจากพันธุ์นี้มี ล�ำปล้องที่ยาวและมีความแกร่งและผิวที่สวยงาม ซึ่งตรงกับความต้องการของ ตลาด หลังจากตัดต้นมาแล้วก็น�ำมาตัด โดยตัดเอาเฉพาะข้อปล้องที่มีตุ่มตา | ภาพที่ 15 หลอดราโพคนพรุ พร้อมใช้งาน |
| 21 เตรียมแผงเพาะกล้า โดยใส่ดินพร้อมปลูกไว้ครึ่งหลุม หลังจากนั้นจึงเอาท่อน ตาไปใส่ในหลุมเพาะในแผงเพาะกล้า การวางจะวางให้ตาอยู่ด้านบนจนเต็ม แผง จึงใส่ดินให้เต็มหลุมเพาะ ตั้งไว้ในที่มืดประมาณ 5-7 วัน จะมีหน่องอก ออกมาจึงน�ำไปวางในพื้นที่มีแดดส่องถึง รอให้ต้นแก่ประมาณ 1 เดือน จึงน�ำ ไปลงปลูกในแปลงปลูกต่อไป | ภาพที่ 16 การเตรียมกล้าพันธุ์ราโพ | การเตรียมพื้นที่ : เนื่องจากราโพขึ้นอยู่บริเวณพื้นที่ชุ่มน�้ำ การเตรียมดินในการปลูกต้นรา โพนั้นควรปรับดินให้เป็นโคลน หรือเป็นหลุมโคลน เนื่องจากในช่วงแรกก่อนรา โพจะติดต้นหรือลงรากในแปลงปลูกและเริ่มแตกหน่อในแปลงปลูก ต้นราโพจะ ต้องการดินที่มีลักษณะเปียกชุ่มน�้ำ และหลังจากนั้นเมื่อแตกหน่อรุ่นที่2-3 ต้น ราโพก็สามารถอยู่ได้ในดินที่แห้งได้ส�ำหรับการปลูกในพื้นที่ขนาดใหญ่ควรยก เป็นร่องสวน ให้มีร่องกว้างประมาณ 4 เมตร และในร่องท�ำร่องเล็กลึกกว้าง ประมาณ 20 เซนติเมตร โดยท�ำ 2 ร่องเล็ก ให้ห่างกันประมาณ 2 เมตร
22 | การปลูก : เมื่อเตรียมร่องเล็กเรียบร้อยแล้ว ให้สูบน�้ำใส่ร่องเล็กดังกล่าวให้ชุ่ม จึง น�ำต้นพันธุ์กล้าราโพใบแก่ที่เตรียมไว้โดยให้วางห่างกัน 50 ซม.โดยประมาณ หลังจากนั้นจึงกลบร่องให้แน่น หรือท่านใดจะปลูกแซมในสวนก็ได้แต่การปลูก เป็นอีกลักษณะหนึ่ง คือ ขุดเป็นหลุมกว้างประมาณ 40x40 ซม. ลึกประมาณ 30 ซม. การปลูกในหลุมต้องใส่น�้ำและท�ำดินให้ชุ่มน�้ำ และการขุดหลุมให้ห่าง กันประมาณ 1 เมตร ขุดพรวนดินใส่น�้ำให้เป็นโคลน แล้วจึงน�ำต้นพันธุ์ที่แก่ ปลูกลงไป 2-3 ต้น ดูแลรดน�้ำจนกว่าจะติดต้นแตกหน่อ และเติบโต เมื่อติดต้นเติบโตและแตกหน่อออกมาเมื่อรุ่นที่2-3 ล�ำต้นแก่ก็สามารถ ตัดมาท�ำหลอดได้ | ภาพที่ 17 กอราโพที่มีต้นราโพแก่ที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ |
| 23 การดูแล : ในช่วงแรกๆ พยายามดูแล อย่าให้ขาดน�้ำ เมื่อติดต้นแล้วและแตกหน่อ รุ่นที่2-3 หยุดการให้น�้ำ และคอยตัดถางหญ้าไม่ให้ขึ้นรกจนเกินไปจะท�ำให้การ แตกหน่อช้ารวมถึงการป้องกันไม่ให้หนูเข้าไปกัดกิน และควรน�ำหินเกร็ดมาใส่ เป็นประจ�ำอย่างน้อย 4 เดือนครั้ง เพื่อให้มีล�ำต้นแข็งแกร่งสวยงามมากขึ้น ระยะที่เก็บเกี่ยว : 1 ปีถึง1ปีครึ่ง เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิต จะมีหน่องอกออกมาตลอดทั้งปีซึ่ง สามารถเก็บเกี่ยวได้ทั้งปีโดยเลือกตัดต้นที่แก่ โดยอายุของล�ำต้นอยู่ที่1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง ก็สามารถตัดเอามาใช้ท�ำหลอดหรือท�ำอย่างอื่นได้โดยสังเกตจาก กาบปลดออก ล�ำต้นมีสีเหลืองนวล วงแหวนบริเวณล่างข้อสีขาวจางลง | ภาพที่ 18 ต้นราโพพันธุ์พื้นเมืองแก่และสีผิวที่สวย พร้อมที่จะผลิตเป็นหลอดราโพที่มีคุณภาพดี |
24 | ศัตรูพืช : ศัตรูของต้นราโพในช่วงออกหน่อ ต้องดูแลป้องกันไม่ให้หนูไปกัดกินหน่อ อ่อนเนื่องจากหนูนาชอบมากัดกินหน่ออ่อนๆ ไปเป็นอาหารและพวกมดแมลง กัดเจาะล�ำต้นท�ำให้ล�ำปล้องที่โดนกัดจะมีขนาดสั้นและไม่สามารถใช้ได้ในตอน ที่ต้นราโพแก่แล้วจะมีมดตะนอยเจาะรูเข้าไปอาศัยในล�ำปล้อง ดังนั้นหากจะ ป้องกันศัตรูราโพเหล่านั้นได้ต้องดูแลสางใบตัดหญ้าตัดต้นแก่มาใช้ไม่ปล่อย ให้รกจนเกินไป จะช่วยป้องกันศัตรูต้นราโพได้
| 25 ปัจจุบันนี้มีการน�ำหลอดดูดจากต้นราโพมาใช้อย่างแพร่หลาย เช่น ในโรงแรม รีสอร์ท ระดับน�ำของประเทศ ถึงแม่ว่ามีราคาค่อน ข้างสูงเป็นเพราะว่ากระบวนการผลิตมีหลายขั้นตอน ซึ่งส่วนใหญ่ ต้องใช้แรงงานคนเป็นหลัก แต่การศึกษาทดลองและพัฒนามาถึงขั้น ที่สามารถลดต้นทุนในการผลิตลงค่อนข้างมาก และมีการปลูกราโพ สายพันธุ์พื้นถิ่น ท�ำให้สามารถเก็บเกี่ยวต้นราโพมาใช้ได้เกือบร้อย เปอร์เซ็นต์และยังสามารถพัฒนาการปลูกให้ได้ต้นราโพที่มีคุณภาพ ลดเวลาในการไปหาในแหล ่งธรรมชาติจึงท�ำให้ประเมินได้ว ่าการ ส่งเสริมให้แก่ผู้ที่สนใจจะปลูก สามารถที่จะพัฒนาไปสู่การเป็นอาชีพ หลักได้ซึ่งตลาดยังขยายได้อีกมาก เมื่อมีวัตถุดิบและก�ำลังการผลิต สามารถผลิตได้มากขึ้นการปลูกจึงเป็นทางหนึ่งที่จะสร้างอาชีพราย ได้ให้คนทีสนใจ และจะได้ต้นราโพทีมีคุณภาพ การท�ำหนังสือเล่มนี้ ก็ประสงค์จะขยายแนวคิด และเป็นแนวทางให้กับผู้สนใจที่จะมาร่วม ขบวนการรักษ์โลก ด้วยกิจการที่ลดการท�ำลายสิ่งแวดล้อม และขยาย แนวคิดรักษ์โลกให้กว้างออกไปทางหนึ่งด้วย บทส่งท้าย
26 | กลุ่มวิสาหกิจชุมชนราโพ ฅนพรุ ชะอวด ที่ตั้งส�ำนักงานและโรงงานการผลิต เลขที่139/3 บ้านท่าสะท้อน หมู่ที่ 2 ต�ำบลชะอวด อ�ำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช 80180 โทร.098-670-0671 อีเมล์[email protected] Facebook Line หนังสือสายพันธุ์และการปลูกต้นราโพเชิงพานิชย์ ที่ปรึกษา : นางสาว รุจิรา พงศ์พลูทอง เจ้าหน้าที่พัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ(ช�ำนาญการพิเศษ) ส�ำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) นายวัชระ เกตุชู: ประธานวิสาหกิจชุมชนราโพคนพรุชะอวด คณะเรียบเรียง: นายวัชระเกตุชู, นายจรูญ น้อยปาน, นางสาวดาวไสว ศิรีวุฒิ, นางสาววิชัญญาเจือบุญ ภาพโดย : นายอัศวิน มาศเมฆ สนับสนุนงบประมาณในการจัดพิมพ์โดย : ส�ำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ(องค์การมหาชน) รูปเล่ม : Artbook โทร. 09 6295 2528 พิมพ์ที่ : บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์จ�ำกัด (มหาชน) 378 ถนนชัยพฤกษ์แขวงตลิ่งชัน เขต ตลิ่งชัน กทม. 10170
28 |