หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 5
ผลติ ภณั ฑ์
งานประดิษฐ์
สาระการเรยี นรู้
1. ผลติ ภัณฑ์งานประดษิ ฐ์
2. ข้ันตอนการประดิษฐผ์ ลติ ภณั ฑ์งานประดิษฐ์
3. งานประดษิ ฐท์ แี่ สดงเอกลกั ษณภ์ มู ปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ
4. งานประดิษฐ์เอกลกั ษณไ์ ทย
ผลติ ภัณฑ์งานประดษิ ฐ์
งานประดษิ ฐเ์ กิดจากฝมี ือมนษุ ย์สรา้ งขึน้ เนื่องจาก
ความจาเปน็ ในการดารงชวี ิต เมื่อผลติ ออกมาจานวนมาก
จึงนามาจาหนา่ ยและเกิดเป็นอาชพี
รูปแบบการผลติ งานประดษิ ฐ์
1. การเลียนแบบ 2. การสร้างสรรค์ 3. การอนุรักษ์
จากของจริง งานใหม่ ศิลปวัฒนธรรม
1. การเลียนแบบจากของจริง
แนวคดิ น้ใี ช้ธรรมชาติเป็นแม่แบบ เชน่ รปู ทรงจากดอกไม้
โดยนาของจริงมาเปน็ ตน้ แบบ งานลักษณะน้มี วี ัตถปุ ระสงค์เพื่อ
1.1 รักษารูปแบบของธรรมชาตไิ ว้
ป้องกันการเส่ือมสลายไปตามเวลา
1.2 หยบิ ใชไ้ ด้ตลอดเวลา ไม่รอฤดูกาล
1.3 ประหยัดค่าใชจ้ ่าย
เพราะเกบ็ ไดน้ านกว่าของธรรมชาติ
ตัวอยา่ ง
ผลิตภณั ฑ์งานประดษิ ฐ์ประเภทดอกไม้ประดษิ ฐท์ เี่ ลยี นแบบ
ของจรงิ มีกระบวนการดังน้ี
1. แกะแบบ นาดอกไม้ของจรงิ มาแกะกลบี ดอกเพื่อเกบ็ ขอ้ มูล
2. ลอกแบบ นากลบี ดอกแตล่ ะชนั้ มาวาดและลอกลงวสั ดทุ ่ีจะทา
3. เลียนแบบ เลียนแบบสีของดอกไม้ใหโ้ ดยย้อมสีดอกไม้
ทุกกลบี ให้ใกล้เคยี งหรือเหมือนจรงิ
4. รีดกลีบ ใช้เครื่องรดี กลบี ดอกไม้ประดษิ ฐ์ใหม้ รี ปู ทรง
ดอก เหมือนของธรรมชาติ
2. การสรา้ งสรรคง์ านใหม่
เป็นงานประดษิ ฐ์ทเี่ กิดจากความต้องการหนคี วามจาเจ
อยากใหม้ สี ิ่งใหม่ ๆ เกดิ ขนึ้ มแี นวทางการผลติ อยู่ 2 แบบ
2.1 การดัดแปลงจากงานประดิษฐเ์ ดมิ อาจจะคงรูป
แบบเดิมไวแ้ ตเ่ ปลีย่ นแปลงวสั ดทุ ใี่ ช้ รวมถึงสี ลวดลาย
หรือกระบวนการผลติ ใหมท่ ่พี ัฒนาให้งา่ ยขึ้น
2.2 งานประดิษฐ์สร้างใหม่ เป็นความคิดรเิ ร่ิมที่ไม่มใี คร
ทามากอ่ น ทาให้เกิดความแปลกใหม่ ตื่นตาต่ืนใจ
และสามารถนาไปใชป้ ะโยชนไ์ ดเ้ หมาะสมกวา่ ส่ิงที่มีอยู่
3. การอนรุ กั ษ์ศิลปวฒั นธรรม
เกดิ จากการใชป้ ระโยชนจ์ ากภมู ิปัญญาท้องถน่ิ สามารถผลิต
งานได้ 2 แนวทาง
3.1 การอนรุ กั ษ์ศิลปวัฒนธรรมเดมิ
การผลิตงานลกั ษณะนีจ้ ะรักษาและคงสภาพเดิมทุกอยา่ ง
วตั ถปุ ระสงค์เพ่ือสืบทอดศิลปวฒั นธรรมจากร่นุ สู่ร่นุ
3.2 การจาลองแบบ การผลิตงานลกั ษณะน้ี
จะเป็นการทาเลยี นแบบของจรงิ แตย่ ่อส่วนใหเ้ ลก็ ลง
วัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือประหยดั พื้นที่ในการเกบ็
อานวยความสะดวกในการขนส่ง
ประเภทงานประดษิ ฐ์
งานประดิษฐ์แบง่ ตาม งานประดิษฐ์แบ่งตาม
การสรา้ งสรรค์และวสั ดุท่ีใช้ การสรา้ งสรรคแ์ ละวสั ดุที่ใช้
1. ประเภทเยบ็ ปักถกั รอ้ ย 1. ประเภทของเลน่
2. ประเภททอและสาน 2. ประเภทของใชห้ รือ
3. ประเภทป้ นั และแกะสลัก เครอื่ งใช้
4. ประเภทเขียนลวดลาย 3. ประเภทประดับตกแต่ง
5. ประเภทดอกไม้
6. ประเภทวสั ดุเหลือใช้
งานประดษิ ฐแ์ บ่งตาม 1. ประเภทเยบ็ ปกั ถักรอ้ ย
การสร้างสรรค์และวสั ดุทใี่ ช้
1.2 ประเภทถกั และรอ้ ย
1.1 ประเภทเยบ็ และปกั เป็นการประดษิ ฐ์ท่ีทาให้เกิด
ประกอบดว้ ยวสั ดุ 2 ชนิ้ รปู ทรงดว้ ยวัสดุในตัวเอง
ชน้ิ ท่หี นึ่งเปน็ ระนาบรองรบั เช่น การถกั ไหมพรม
อกี ชิ้นเป็นเส้น วธิ ีการปัก
คอื จะใช้ดา้ ยสีต่าง ๆ ทาให้ การถักเชอื ก ส่วนการรอ้ ย
เกดิ ลวดลายสวยงาม วธิ ี วสั ดุท่ีใช้จะมีรตู รงกลาง
เย็บปะจะใช้เศษผา้ มาตดิ เป็น
รูปรา่ ง เช่น ลกู ปัด ไข่มกุ มารอ้ ย
เปน็ เส้น
งานประดิษฐแ์ บง่ ตาม 2. ประเภททอและสาน
การสรา้ งสรรคแ์ ละวสั ดทุ ี่ใช้
เปน็ การประดษิ ฐ์ทีม่ ีคณุ คา่
ทางประโยชนใ์ ชส้ อย ใชว้ ัสดุ
ประเภทด้าย ไหม เชอื ก กก
หวาย มาขดั ระหวา่ งเส้นยนื
กบั เส้นนอนให้เกดิ เป็นรปู ทรง
เชน่ ตะกร้า การทอจะใช้
อปุ กรณ์ทร่ี ียกวา่ “หูกหรือก”ี่
เป็นเครือ่ งมอื สาหรบั ทอ
งานประดษิ ฐ์แบง่ ตาม 3. ประเภทป้ นั และแกะสลกั
การสรา้ งสรรค์และวสั ดุท่ีใช้
3.2 งานกะสลัก
3.1 งานป้ ัน
การแกะสลักและการฉลุ
เป็นงานสร้างสรรค์ท่ีมี ให้เป็นลวดลายลงบนวสั ดุ
ความประณตี บรรจงใน
การทา เชน่ การใชด้ ิน เนื้อออ่ นหรือพืชผักและ
ญีป่ ่นุ ป้ ันดอกกุหลาบจ๋ิว ผลไม้
งานประดิษฐ์แบง่ ตาม 4. ประเภทเขียนลวดลาย
การสรา้ งสรรค์และวัสดุท่ีใช้
ใช้วสั ดุ อปุ กรณ์ ในการเขยี นให้
เกดิ ลวดลายมที ง้ั ทเ่ี ลยี นแบบจาก
ธรรมชาติ และลวดลายทีป่ ระดษิ ฐ์
ใหม่ด้วยดินสอ พู่กนั และสีต่าง ๆ
ลวดลายที่เขยี นนอกจากการเขยี น
ให้เกิดลายตามตอ้ งการแลว้
และสามารถใช้วธิ อี ่ืน ๆ การพิมพ์
การขดี การขดู การเขียนลวดลาย
งานประดษิ ฐแ์ บ่งตาม 5. ประเภทดอกไม้
การสรา้ งสรรคแ์ ละวสั ดุทใี่ ช้
5.2 ประเภทใชว้ สั ดสุ ังเคราะห์
5.1 ประเภทใช้วสั ดุจากธรรมชาติ
ประดษิ ฐเ์ ลยี นแบบดอกไม้
งานประดิษฐ์ประเภทนีใ้ ช้ดอกไมส้ ด จากธรรมชาติ ซ่ึงมีความ
ใบไม้ เช่น ดอกกุหลาบมอญ คงทนถาวรกว่า และสีสัน
ดอกพุด มาประดษิ ฐ์ตกแตง่ โดย สวยงามใกลเ้ คียงธรรมชาติ
วิธกี ารรอ้ ย การกรอง การปกั แจกนั วัสดุทีใ่ ชป้ ระดิษฐ์ ไดแ้ ก่ ผ้า
งานชนดิ นี้นยิ มใชใ้ นงานพิธีสาคญั
ต่าง ๆ จึงมีรปู แบบการประดษิ ฐ์ที่ กระดาษ พลาสติก
แตกตา่ งกนั
งานประดิษฐ์แบ่งตาม 6. ประเภทวสั ดุเหลอื ใช้
การสรา้ งสรรค์และวัสดทุ ี่ใช้
การนาวสั ดุเหลือใช้มาออกแบบใช้
กบั งานประดิษฐไ์ มจ่ ากัดว่าต้อง
เป็นวสั ดุประเภทใด ขึ้นอย่กู บั
ความสามารถในการออกแบบของ
ผผู้ ลติ ท่จี ะทาใหเ้ กดิ ผลงานทม่ี ี
คณุ ค่าและประโยชน์ใช้สอยข้ึน เช่น
นากระป๋องเครื่องด่มื มาทาดอกไม้
งานประดษิ ฐ์แบง่ ตาม 1. ประเภทของเลน่
ประโยชน์ใช้สอย
เช่น รถลาก ตุ๊กตา
2. ประเภทของใชห้ รอื เครอ่ื งใช้
เช่น หมอนอิง กระเป๋าผา้ กล่องใส่เครอื่ งประดับตา่ ง ๆ
3. ประเภทประดับตกแต่ง
เช่น กรอบรปู นาฬิกา ลวดลายบนกระจก โคมไฟ
ขน้ั ตอนการประดิษฐผ์ ลิตภณั ฑ์งานประดษิ ฐ์
1. ขั้นตอนการออกแบบ 3. ขน้ั ตอนการประดิษฐผ์ ลิตภณั ฑ์
- วิเคราะหว์ ัตถุประสงคข์ องผลติ ภณั ฑ์ - สรา้ งแบบ เตรียมวสั ดุ อุปกรณ์
ลงมือปฏิบตั ิ
2. ข้นั ตอนการเลอื กวัสดุ อปุ กรณ์ 4. ขัน้ ตอนการประเมินผล
- คานงึ ถึงความเหมาะสมกับงาน - ตรวจสอบชน้ิ งานวา่ มคี ณุ ภาพตาม
ความปลอดภัย คุ้มคา่ และงบประมาณ วัตถปุ ระสงค์หรอื ไม่ และปรับปรงุ
ขอ้ บกพรอ่ ง
งานประดิษฐป์ ระเภทของเล่น วตั ถุประสงค์
วัตถุประสงค์ - มคี วามคลอ่ งตัวในการใชง้ าน
ไม่เกดิ อนั ตราย
- ส่งเสรมิ พัฒนาการทกั ษะการใชม้ อื - เลือกวัสดุที่สามารถนากลบั มาใชใ้ หม่หรือ
ย่อยสลายได้
- ส่งเสริมพัฒนาการทางสายตา - ใชว้ ัสดทุ ี่มใี นทอ้ งถิ่น
- ส่งเสรมิ การไดย้ นิ
ข้อควรคานึง
ข้อควรคานึง
- ใช้เวลาวา่ งให้เกิดประโยชน์
- ความแตกตา่ งระหว่างวัย - ประหยดั ค่าใชจ้ า่ ย
- ความปลอดภัย - ใช้วสั ดุเหลอื ไดค้ ้มุ ค่า
- วัสดุทใี่ ช้ผลติ ไม่มสี ารพิษ - สรา้ งรายได้โดยทาเปน็ อาชีพหรอื อาชพี เสริม
- บรรจภุ ณั ฑ์มีรายละเอยี ด
วธิ ีการเล่น
งานประดิษฐป์ ระเภทของใช้/เครอ่ื งใช้
งานประดิษฐ์ประเภทประดบั ตกแต่ง
แบ่งตามลักษณะการใชส้ อยได้ 2 ประเภท
วตั ถปุ ระสงค์ 1. เครอ่ื งประดับตกแตง่ บ้าน
- ประดบั สถานทีห่ รือตกแต่งร่างกาย - ให้ความสวยงาม
- สร้างความสวยงาม - ใชง้ านไดต้ ามตาแหนง่ ที่วาง
2. เครอื่ งประดบั ตกแตง่ รา่ งกาย
- เน้นคุณค่าของความงาม
- สรา้ งจดุ เดน่ ของร่างกาย
- มีความประณตี
- ออกแบบให้เหมาะสม
กบั เครอื่ งแตง่ กาย
งานประดษิ ฐท์ ่แี สดงเอกลกั ษณ์ภูมิปัญญาท้องถ่ิน
การหอ่ ขนมดว้ ยใบตองแบบตา่ ง ๆ
เปน็ การหอ่ หุ้มไม่ใหส้ ัมผสั กับอากาศโดยตรง และเป็นการปรบั แต่ง
รปู ทรง รปู ร่างของขนม โดยการทาเปน็ ภาชนะในการบรรจุขนม และยงั ช่วย
ภาวะโลกรอ้ นได้ เพราะยอ่ ยสลายไดต้ ามธรรมชาติ
1. รปู แบบการห่อขนมไทยด้วยใบตอง
1. การห่อทรงสูง 4. การห่อขนมเทียน
ขนมสอดไส้หรือขนมใส่ไส้
2. การหอ่ ทรงเตยี้ 5. การหอ่ ขา้ วต้มมดั
ข้าวต้มผัด หรอื ข้าวต้มจิม้
ขนมกลว้ ย ขนมฟกั ทอง ขนมเผอื ก
3. การหอ่ เปดิ หน้า 6. การหอ่ ข้าวตม้ น้าวุ้น
ขนมกลว้ ย ขนมฟกั ทอง ขนมเผือก
2. การเลอื กใบตอง
การเลอื กใบตองเปน็ ส่วนสาคญั ทท่ี าใหก้ ารห่อขนมง่ายขึ้น ใบตองท่นี ิยมนามา
ห่อขนม ได้แก่ ใบตองกลว้ ยน้าวา้ และใบตองกลว้ ยตานี เพราะมีความเหนยี วไม่กรอบ
เปราะ ไม่ฉกี ขาดงา่ ย เมอื่ นาไปนง่ึ สีของใบตองยงั คงสวยสด
3. การเตรียมใบตอง
ต้องเช็ดทาความสะอาด ผง่ึ ใบตองให้แห้งและนุม่ จะทาให้ไมฉ่ กี ขาดงา่ ย
หลังจากนัน้ ฉกี ใบตองตามขนาดท่ตี อ้ งการ ตดั หรือเจียนใหส้ วยงามตามแบบ
4. วสั ดุ อุปกรณท์ ่ีตอ้ งเตรียม
1. ใบตอง 2. ไม้กลดั 3. ดอก
6. กรรไกรและผ้าเช็ดใบตอง
4. แบบใบตอง 5. แบบขนม
การประดิษฐภ์ าชนะจากใบตอง
เป็นการประดษิ ฐเ์ พ่ือเลียนแบบภาชนะของจรงิ ให้มคี วามสวยงามด้วย
การพับใบตองแล้วเย็บตดิ กัน เช่น กระทง แจกัน พาน อนั เป็นเอกลักษณ์ภูมิ
ปัญญาทอ้ งถิ่นท่ีสวยงาม สะดุดตาผชู้ มไดเ้ ปน็ อยา่ งมาก
ถาดใบตอง
ประดิษฐ์จากใบตองโดยใชห้ ลักการพับใบตอง
หลากหลายรูปแบบมาผสมผสานกัน เยบ็ ติดกันด้วย
ด้ายและนามาขดให้มลี กั ษณะกลม หรอื รไี ด้
ถาดใบตอง วธิ ที า
วัสดุ อปุ กรณ์ 1. ฉกี ใบตองให้เป็นเส้นขนาด 2.5 ซม. จานวน 120 เส้น
2. พับใบตองกลบี กุหลาบ โดยการพับใบตองด้านขวาพับลงทาง
1. ใบตอง ด้านล่างใหส้ ันใบตองตัง้ ฉาก และดา้ นซา้ ยพับลงมาแบบเดยี วกนั
2. เขม็ เมอ่ื เสร็จแลว้ พับประกบเข้าหากนั
3. ด้ายสีเขียว 3. นากลีบใบตองทีพ่ ับในขอ้ 2 พับทบท้งั 2 ดา้ นเขา้ หากนั จน
4. ผ้าเชด็ ใบตอง หมดใบตองทเี่ ตรียมไว้
4. นากลีบที่พับได้มาสอดใส่ตอ่ กันแล้วเย็บใหต้ ดิ กนั จนครบ
5. ตดั ชายใบตองด้วยกรรไกรโดยเลือกดา้ นที่สวยพลิกข้ึนด้านบน
6. ตัดด้ายดา้ นข้างทีเ่ ปน็ จดุ เร่มิ ตน้ ใหข้ าดกอ่ นประกบใหแ้ น่นแล้ว
เยบ็ ให้แน่น
7. เย็บปดิ ดว้ ยใบตองทง้ั ดา้ นบนและลา่ งใหเ้ รยี บรอ้ ย
งานประดิษฐเ์ อกลักษณ์ไทย
คืองานทีป่ ระดษิ ฐข์ ้ึนเพื่อใช้ประกอบกิจกรรมทางวฒั นธรรมต่าง ๆ เช่น บายศรี
ปากชาม กระทงลอย ซึ่งเปน็ งานประดษิ ฐท์ ี่ตอ้ งใชฝ้ มี ือ ความประณีต
กระทงลอย
เ ป็ น ง า น ป ร ะ ดิ ษ ฐ์ ท่ี อ ยู่ ค ว บ คู่ กั บ
ประเพณีลอยกระทงของคนไทย ประดิษฐ์
ขึ้นเพื่ อขอขมาลาโทษต่อพระแม่คงคา
นั บ ไ ด้ ว่ า ก ร ะ ท ง ล อ ย เ ป็ น ง า น ป ร ะ ดิ ษ ฐ์ ที่
เก่ียวขอ้ งกับคนไทยมาช้านาน
ประโยชนข์ องการใช้กระทงลอย
1. ใชป้ ระกอบประเพณีลอยกระทง
2. ใชจ้ ดั แสดงความเปน็ ไทย
3. สามารถดัดแปลงเปน็ ภาชนะใส่อาหาร หรอื ขนมได้
วัสดุ อปุ กรณ์
1. ใบตอง
2. หยวกกลว้ ยขนาด 5 นวิ้
3. เกสรดอกบวั 12 ดอก (สาหรบั ปกั ตรงกลางกระทง)
4. ตะปเู ขม็
5. กรรไกร 6. เขม็
7. ดา้ ย 8. ธปู เทยี น
วธิ ที า
1. ฉีกใบตองใหเ้ ป็นเส้นขนาด 2.5 เซนตเิ มตร
จานวน 120 เส้น
2. พับใบตองเปน็ กลบี หักคอมา้
3. จับใบตองวางตามแนวนอน
แลว้ พับใหส้ ันใบตองชิดกันท้งั 2 ด้าน
4. ประกบกลีบทีพ่ ับสาเรจ็ สวมเขา้
ด้านหน้าแล้วใช้นวิ้ ดันกลบี มาทาง
ด้านซา้ ยท้ัง 2 กลีบ ทาดา้ นหนา้ เพียง
ดา้ นเดยี ว
วิธที า
5. เยบ็ ติดกันให้สวยงาม 6. ตัดชายใบตองจากรอยเยบ็
จนได้ความยาวทีต่ ้องการ ลงมาประมาณ 2.5 เซนติเมตร
7. จบั เส้นใบตองทเ่ี ยบ็ ใหต้ รงเปน็ แนวเดียวกัน
แล้วยกข้นึ มาพันรอบหยวกกลว้ ย ดงึ ด้วยตะปเู ขม็ ใหแ้ นน่
8. พับกลีบคอเส้ือโดยเตรียมใบตองขนาด 2.5 x 6 ซม. พับทบ
คร่งึ ตามแนวยาวโดยใช้นิว้ หวั แม่มือดันใบตองให้เปน็ กลีบ
9. พับกลีบคอเสื้อช้นั ท่ี 2
วิธีทา
10. ติดกลีบคอเส้ือขา้ งกระทงจากบนลงลา่ ง
จานวน 3 – 5 ช้นั
11. พับกลบี ผกาจานวน 12 กลบี
12. ปกั กลีบผกาบรเิ วณด้านล่างของ
กระทงโดยรอบ
13. ปกั เกสรดอกบวั บริเวณดา้ นในของ
กระทงใหแ้ น่น และปกั ธูปเทยี น
การประดิษฐบ์ ายศรปี ากชาม
คอื บายศรที ใ่ี ชส้ าหรับเปน็ เคร่อื งสักการบูชาตอ่ สิ่ง
ศักดิส์ ิทธ์ิท่เี ราเคารพ ใชใ้ นโอกาสพิเศษทเ่ี ก่ียวข้องกับ
ประเพณี ศาสนาและวฒั นธรรมไทย
ประโยชน์ของการใชบ้ ายศรปี ากชาม
1. เพื่อสักการบูชา
2. ทาเปน็ ยอดบายศรตี ้น
เทคนคิ ในการทาบายศรีปากชาม
1. การเลอื กใบตอง
ควรเลือกใช้ใบตองกลว้ ยตานี เพราะมีความเหนียว
ไมก่ รอบเปราะฉีกขาดงา่ ย
2. การทาความสะอาดใบตอง
ใชผ้ า้ เนอื้ ออ่ นชบุ นา้ หมาด ๆ ในการเช็ดทาความ
สะอาด ต้องซักผ้าบอ่ ย ๆ
3. การฉกี ใบตอง
ควรฉีกให้มีขนาดเทา่ กนั โดยการนาใบตองทเี่ ปน็
ตัวอย่างวางดา้ นบนใบตองที่ต้องการฉกี แล้วใชเ้ ลบ็ หรอื
ปลายเข็มกรีดแล้วฉกี ใบตองทีละชนิ้ ให้ครบตามจานวนท่ี
ตอ้ งการ
4. การเลือกภาชนะใส่บายศรีปากชาม
ควรเลือกภาชนะคลา้ ยขนั หรือชาม ขนาดพอเหมาะ
ไมเ่ ล็กหรือใหญเ่ กินไป
การประดิษฐม์ าลัยชารว่ ย
คือมาลยั พวงเลก็ ๆ ใช้สาหรับมอบใหแ้ ก่แขกทม่ี ารว่ มงาน
เปน็ ทร่ี ะลึก สามารถถือหรือหยิบจับไดง้ ่ายและมกี ลิน่ หอม
สวยงาม เหมาะกบั การเป็นของชารว่ ยในงานมงคลต่าง ๆ
วัสดุ อปุ กรณ์ 6. ใบตอง (สาหรบั ทาแปน้ )
7. เข็มร้อยมาลัย
1. ดอกกหุ ลาบมอญ 8. ด้ายร้อยมาลยั
2. ดอกรกั 9. กรรไกร
3. ดอกพุด 10. วาสลีน
4. ดอกเบญจมาศน้า
5. อบุ ะสามขา
การประกอบพวงมาลัยชาร่วย
พวงมาลยั ชาร่วย เปน็ พวงมาลัยขนาดเล็กท่ีมีส่วนประกอบ
4 ส่วน คือ
1. มาลยั ตุ้ม
2. โบใบตอง (สาหรบั ถอื ได้สะดวก)
3. อุบะสามขา
4. มาลยั ซีกเลก็ (สาหรบั คาดรอยต่อ)
ขนั้ ตอนการประกอบพวงมาลัยชารว่ ย
1. มัดมาลัยตุม้ ต่อกับอุบะใหแ้ น่นแลว้ คาดรอยต่อดว้ ยมาลยั ซีก
2. มัดส่วนบนของมาลยั ตุ้มตอ่ กับโบใบตองใหแ้ น่น
ช่วงรอยต่ออาจใส่ดอกรักคนั่ ก่อนเพื่อความสวยงาม
3. เม่ือประกอบเรียบร้อยแล้วพรมนา้ เลก็ นอ้ ยก่อนเกบ็ เข้า
ตู้เย็น
การประดษิ ฐ์พุ่ม
คอื เครื่องสักการบชู าในงานสาคัญทางศาสนาและ
ประเพณที เี่ ก่ยี วข้องกบั บุคคลชั้นสูง เชน่ เช้อื พระวงศ์
ถอื เป็นเครอ่ื งบูชาช้นั สูงอกี ช้ินหนึง่
วิธปี ระดษิ ฐ์พุ่ม
1. เตรยี มพานและพุ่มใหพ้ ร้อมโดยการเชอื่ มดว้ ยกาวให้แนน่
2. เขียนลายกลบี บัวให้ได้ 6 กลีบ
3. เจียนหรอื ตดั ดอกบานไมร่ โู้ รยให้ไดข้ นาดท่ีต้องการและเสียบดว้ ย
ตะปเู ข็ม
4. ปกั ดอกบานไม่รูโ้ รยสีมว่ งบรเิ วณพุ่มโฟมให้แนน่ โดยปักจาก
ดา้ นบนลงมาดา้ นล่าง
วธิ ปี ระดษิ ฐพ์ ุ่ม
5. ปกั ดอกบานไมร่ โู้ รยสีขาวตรงลายเส้น
ทอี่ อกแบบไว้แลว้ ปกั ดอกบานไมร่ ู้โรยสี
มว่ งต่อจนเตม็
6. เสียบยอดพุ่มให้สวยงาม
2. การเลือกใบตอง
การเลอื กใบตองเปน็ ส่วนสาคัญท่ีทาให้การหอ่ ขนมงา่ ยขน้ึ ใบตองทนี่ ิยมนามา
หอ่ ขนม ไดแ้ ก่ ใบตองกล้วยน้าวา้ และใบตองกล้วยตานี เพราะมีความเหนียวไม่กรอบ
เปราะ ไม่ฉกี ขาดง่าย เม่อื นาไปนงึ่ สีของใบตองยังคงสวยสด
3. การเตรยี มใบตอง
ตอ้ งเชด็ ทาความสะอาด ผ่ึงใบตองให้แหง้ และนมุ่ จะทาให้ไม่ฉกี ขาดงา่ ย
หลงั จากนั้นฉีกใบตองตามขนาดที่ต้องการ ตัดหรือเจยี นให้สวยงามตามแบบ