The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บันทึกการเรียนรู้ นางสาวชลธิชา คำโยธา 102

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chonthicha.kh62, 2021-05-07 11:34:12

บันทึกการเรียนรู้ นางสาวชลธิชา คำโยธา 102

บันทึกการเรียนรู้ นางสาวชลธิชา คำโยธา 102

บนั ทกึ
การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้

เสนอ
รองศาสตรจารย.์ ดร.สาราญ กาจดั ภยั

จดั ทาโดย
นางสาวชลธิชา คาโยธา
รหสั นกั ศึกษา 62115239102 คณะครุศาสตร์ สาขาวทิ ยาศาสตร์ ช้นั ปี ท่ี 2

คานา

การวดั และประเมินผลการศกึ ษาของผเู้ รียนตอ้ งอยบู่ นหลกั การพ้ืนฐาน 2 ประการคือการประเมินเพอ่ื พฒั นาผเู้ รียนและเพอ่ื ตดั สินผลการเรียนในการ
พฒั นาคุณภาพการเรียนรู้ของผเู้ รียนใหป้ ระสบผลสาเร็จน้นั ผเู้ รียนจะตอ้ งไดร้ ับการพฒั นาและประเมินตามตวั ช้ีวดั เพื่อใหบ้ รรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้สะทอ้ น
สมรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผเู้ รียนซ่ึงเป็นเป้าหมายหลกั ในการวดั และประเมินผลการศกึ ษาในทุกระดบั ไม่วา่ จะเป็นระดบั ช้นั เรียนระดบั
สถานศกึ ษา ระดบั เขตพ้ืนท่ีการศึกษา และระดบั ชาติการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพฒั นาคุณภาพผเู้ รียนโดยใชผ้ ลการประเมินเป็นขอ้ มูลและ
สารสนเทศท่ีแสดงพฒั นาการความกา้ วหนา้ และความสาเร็จทางการเรียนของผเู้ รียนตลอดจนขอ้ มูลที่เป็นประโยชนต์ ่อการส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนเกิดการพฒั นาและ
เรียนรู้อยา่ งเตม็ ตามศกั ยภาพการวดั และประเมินผลการเรียนรู้

ดงั น้นั ผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ สมุดบนั ทึกการเรียนรู้รายวชิ าการวดั และการเมินผลการเรียนรู้เล่มน้ีจะเป็นประโยชนต์ ่อผทู้ ่ีไดศ้ กึ ษาหากผดิ พลาด
ประการใดผจู้ ดั ทาตอ้ งขออภยั มา ณ ที่น้ีดว้ ย

นางสาวชลธิชา คาโยธา
ผจู้ ดั ทา

สารบญั

1.คานา
2.สารบญั
3.ประวตั ิส่วนตวั ของผจู้ ดั ทา
4.แนวคิดเกี่ยวกบั การเรียนรู้การเรียนรู้
5. แนวคิดเบ้ืองตน้ เกี่ยวกบั การวดั ประเมินผลการเรียนรู้เป็นกระบวนการ
6. แนวคิดเก่ียวกบั การเรียนรู้
7. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้โดยใชแ้ บบทดสอบความเรียงหรือแบบทดสอบอตั นยั
8. แบบทดสอบจบั คู่และถูกผดิ
9. แบบทดสอบจบั คู่

10. แบบทดสอบเติมคา-ตอบส้นั
11. แบบทดสอบชนิดเลือกตอบ
12. การตรวจสอบคุณภาพของแบบทดสอบ
13. การวเิ คราะห์และการออกแบบหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐานโดยใชก้ ระบวนการยอ้ นกลบั
14. การประเมินจากการส่ือสารระหวา่ งบุคคล
15. การประเมินการปฏิบตั ิ
16. การประเมินตามสภาพจริงในช้นั เรียน
17. การใชร้ ูบริกส์ในการวดั และประเมินผลการเรียนรู้
18. การประเมินโดยใชแ้ ฟ้มสะสมผลงาน
19.สะทอ้ นความรู้สึกต่ออาจารยผ์ สู้ อน
20.ใบสญั ญาการเรียน

ประวตั ิส่วนตวั ผจู้ ดั ทา

ช่ือ-นามสกุล
นางสาวชลธิชา คาโยธา
ชื่อเล่น : หมิง
สาขา : วชิ าวิทยาศาสตร์
วนั /เดือน/ปี เกิด
29 มกราคม 2544
อายุ : 20 ปี
กรุ๊ปเลือด : โอ



ใบความรู้ท่ี 1 แนวคิดเกี่ยวกบั การเรียนรู้การเรียนรู้

แนวคดิ เก่ียวกบั การเรยี นรูก้ ารเรยี นรู้ คอื การเปล่ยี นแปลงพฤติกรรมท่ีคงทนถาวรจะสะสมมาจากประสบการณซ์ ง่ึ
พฤติกรรมก็คอื กิรยิ าทา่ ทางท่ีตวั เราแสดงออกมาใหผ้ อู้ ่ืนเหน็ เชน่ การเดนิ รอ้ งเพลงการเตน้ เป็นตน้ รวมถงึ กิรยิ าทา่ ทางท่ี
ผอู้ ่ืนไม่สามารถมองเห็นเชน่ ความคดิ ความรูส้ กึ สาหรบั “ พฤตกิ รรม” ในความหมายของพฤติกรรมการเรยี นรูต้ ามทรรศนะ
ของ Bloom และคณะหมายถึงพฤติกรรมการเรยี นรู้ 3 ดา้ นใหญ่ ๆ พฤติกรรมดา้ นพทุ ธิพิสยั เช่นความจาความเขา้ ใจ
การคิดในรูปแบบตา่ ง ๆ พฤตกิ รรมดา้ นจิตพิสยั เช่นความรูส้ กึ ความเช่ือเจตคติคา่ นิยมเป็นตน้ และพฤติกรรมดา้ นทกั ษะ
พสิ ยั เป็นพฤตกิ รรมเก่ียวกบั การเคล่อื นไหวการปฏิบตั กิ ิจกรรมตา่ ง ๆ เช่นการวาดภาพการรอ้ งเพลงเป็นตน้



ใบความรู้ท่ี 2 แนวคิดเบ้ืองตน้ เก่ียวกบั การวดั ประเมินผลการเรียนรู้เป็น
กระบวนการ

แนวคิดเบอื้ งตน้ เก่ียวกบั การวดั ประเมินผลการเรยี นรูเ้ ป็นกระบวนการ หรอื สญั ลกั ษณแ์ ทนปรมิ าณหรือคณุ ภาพของ
ลกั ษณะหรอื คณุ สมบตั ขิ องส่ิงท่ีตอ้ งการวดั ผลและการวดั ผลการเรยี นรูข้ องผเู้ รยี นหมายถงึ กระบวนการกาหนดตวั เลข
หรอื สญั ลกั ษณ์ Evaluation หมายถงึ กระบวนการตดั สนิ คณุ คา่ หรอื คณุ ภาพเก่ียวกบั การเรยี นรูข้ องผูเ้ รยี น
Assessment เป็นกระบวนการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั พฤติกรรมการเรยี นรูข้ องผเู้ รยี นการนาผลการประเมิน
การเรยี นรูไ้ ปใชป้ ระโยชนส์ ามารถดาเนินการไดห้ ลายแนวทางขนึ้ อยกู่ บั จดุ ม่งุ หมายของการประเมินเจตนาหรอื ความ
ตอ้ งการของผปู้ ระเมินประเภทของการประเมินชว่ งเวลาของการประเมิน



ใบความรู้ท่ี 3 แนวคิดเก่ียวกบั การเรียนรู้

ความสาคญั ของการวดั และประเมินผลการเรียนรู้

การดาเนินการดา้ นการวดั และประเมินผลการเรียนรู้มี 4 ระดบั คือระดบั ช้นั เรียนระดบั สถานศกึ ษาระดบั เขตพ้นื ที่การศกึ ษาและระดบั ชาติแต่ละระดบั มีความเกี่ยวขอ้ ง
กบั ผสู้ อนมากท่ีสุดและเป็นหวั ใจของการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ของผเู้ รียนเป็นการวดั และประเมินผลที่อยใู่ นกระบวนการจดั การเรียนการสอนผสู้ อนดาเนินการ
เพ่ือพฒั นาผเู้ รียนตามเป้าหมายการเรียนรู้ที่กาหนดไวแ้ ละเพ่อื ตดั สินผลการเรียนในรายวชิ าท่ีตนสอนความ

สาคญั ของการวดั และประเมินผลการเรียนรู้

1. ความสาคญั ต่อผเู้ รียน 2. ความสาคญั ต่อผสู้ อน

ประเภทของการวดั และประเมินผลการเรียนรู้

1.การวดั และประเมินผลการเรียนรู้จาแนกตามข้นั ตอนการจดั การเรียนการสอนก่อนเรียนระหวา่ งเรียนและหลงั เรียน
2. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้จาแนกตามวธิ ีการแปลความหมายผลการเรียนรู้หรือตามการอา้ งอิง

การกาหนดจุดมุ่งหมายตามบทบาทและหนา้ ที่สาคญั ๆ ของการวดั และประเมินผลน้นั จะครอบคลุมท้งั ระบบการศึกษาและทุกระดบั ของการวดั และ
ประเมินผลการเรียนรู้ไม่วา่ จะเป็นระดบั ช้นั เรียนระดบั สถานศึกษาและระดบั ท่ีสูงกวา่ ข้ึนไป แต่ในส่วนของการกาหนดจุดมุ่งหมายของการวดั และประเมินผลการเรียน
จะเนน้ ท่ีจุดมุ่งหมายของการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ระดบั ช้นั เรียน



ใบความรู้ที่ 4 การวดั และประเมินผลการเรียนรู้โดยใชแ้ บบทดสอบความเรียงหรือ
แบบทดสอบอตั นยั

แบบทดสอบความเรียง essay test หรือแบบทดสอบอตั นัย subjective test

เป็นชุดของขอ้ คาถามท่ีผสู้ อนกาหนดข้ึนเพ่ือใหผ้ เู้ รียนเขียนเรียบเรียงคาตอบอยา่ งอิสระโดยใชค้ วามรู้ความสามารถในการคิดระดบั สูงต่าง ๆ เช่นวเิ คราะห์สังเคราะห์
ริเร่ิมสร้างสรรคแ์ ละประเมินค่ารวมท้งั ความสามารถในการจดั ระบบแนวคิดและทกั ษะการเขียนสาหรับนามาใชใ้ นการเขียนเรียบเรียงคาตอบใหต้ รงตามประเดน็ ขอ้
คาถามน้นั ๆ

หลกั การหรือแนวทางในการสร้างแบบทดสอบความเรียง แนวทางการตรวจให้คะแนนข้อสอบความเรียง

1. กาหนดจานวนขอ้ คาถามในแต่ละผลการเรียนรู้ท่ีเลือกไว้ 1. สร้างเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน rubrics อยา่ งละเอียดชดั เจน
2. เขียนคาถามโดยใชถ้ อ้ ยคาชดั เจน 2. ควรระมดั ระวงั เกี่ยวกบั ความลาเอียงหรืออคติ
3. ระบุน้าหนกั คะแนนความยาวของคาตอบและ 3. ควรตรวจใหค้ ะแนนคาตอบของผเู้ รียนทุกคนใหเ้ สร็จท่ีละขอ้ คาถาม
ช่วงระยะเวลาตอ้ งแน่ใจวา่ เพียงพอในการตอบคาถาม 4. ในขณะตรวจใหค้ ะแนนขอ้ คาถามหน่ึง ๆ ควรเกบ็ รวบรวมบนั ทึกขอ้ ผดิ พลาด
4. ระบุเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนขอ้ สอบความเรียงใหผ้ เู้ รียนทราบดว้ ย ต่างๆ
5. ไม่ควรนาเอาประเดน็ ความถูกตอ้ งเกี่ยวกบั ไวยากรณ์หรือโครงสร้างประโยคมา
เป็นเกณฑใ์ นการตรวจใหค้ ะแนนคาตอบ

5. ตรวจสอบคุณภาพเบ้ืองตน้ ของขอ้ สอบแต่ละขอ้ ก่อนนาไปใช้

6. หลงั การนาขอ้ สอบไปใชค้ วรมีการทบทวนแนวหรือขอบข่ายของคาตอบของผเู้ รียนในแต่ละขอ้



ใบความรู้ที่ 5 แบบทดสอบจบั คูแ่ ละถูกผดิ

แบบทดสอบปรนัยชนิดถูกผดิ (true or false test)

เป็นชุดของขอ้ ความที่เขียนอยใู่ นรูปประโยคบอกเล่าธรรมดาหรือประโยคคาถามกไ็ ดโ้ ดยอาจเลือกตอบจากสองทางเลือกระหวา่ ง“
ถูก-ผดิ ” หรือ“ จริง-ไม่จริง” หรือ“ ใช่-ไม่ใช่” แบบทดสอบประเภทน้ีมีประโยชน์สาหรับการคน้ หาวา่ ผเู้ รียนสามารถท่ีจะแยกแยะขอ้ เทจ็ จริงออก
จากความคิดเห็นและระบุขอ้ เทจ็ จริงเหล่าน้นั ไดว้ า่ ถูกหรือผดิ ตามหลกั วชิ าการของศาสตร์น้นั ๆ หรือ

หลกั ความจริงทวั่ ไปหลกั การหรือแนวทางในการสร้างแบบทดสอบปรนัยชนิดถูกผดิ

1.เขียนคาช้ีแจงในการทาแบบทดสอบใหช้ ดั เจนวา่ จะใหผ้ เู้ รียนตอบอยา่ งไร
2. ขอ้ ความท่ีเป็นสถานการณ์ของขอ้ คาถามจะตอ้ งถูกหรือผดิ อยา่ งแทจ้ ริงอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงเท่าน้นั โดยไม่มีขอ้ ยกเวน้
3. เขียนขอ้ ความท่ีเป็นสถานการณ์ของขอ้ คาถามดว้ ยภาษาท่ีเรียบง่ายและชดั เจนที่สุดเท่าทท่ีจะเป็นไปไดเ้ พ่ือใหผ้ เู้ รียนอ่านและเขา้ ใจตรงกนั
4. ในแต่ละขอ้ คาถามควรถามเพียงประเดน็ เดียว
5. ในแต่ละขอ้ คาถามควรใหข้ อ้ มูลสารสนเทศพ้ืนฐานท่ีเพียงพอเพือ่ ช่วยใหส้ ามารถตดั สินใจไดว้ า่ ขอ้ ความน้นั ถูกหรือผดิ
6. หลีกเลี่ยงการลอกขอ้ ความจากหนงั สือหรือจากสมุดจดคาบรรยายมาเป็นขอ้ ความท่ีถามเพราะจะเป็นการเนน้ ใหน้ กั เรียนใชค้ วามจามากกวา่ จะ
คิดหาคาตอบ



ใบความรู้ท่ี 6 แบบทดสอบจบั คู่

แบบทดสอบปรนัยชนิดจบั คู่ matching test

เป็นรูปแบบหน่ึงของแบบทดสอบปรนยั ซ่ึงลกั ษณะโดยทว่ั ไปมกั จะวางกลุ่มของคาวลีตวั เลขหรือสญั ญาลกั ษณ์ไวเ้ ป็น 2 คอลมั น์ คอลมั น์
ซา้ ยและคอลมั น์ขวา โดยท่ีคอลมั นซ์ า้ ยจะวางคาวลีตวั เลขหรือสญั ลกั ษณ์เป็นขอ้ ๆ เรียกวา่ กล่มุ ข้อความ คอลมั น์ขวาจะวางคาวลีตวั เลขหรือสญั ลกั ษณ์
ตามลาดบั อกั ษรเรียกวา่ กล่มุ คาตอบ

หลกั การหรือแนวทางการสร้างแบบทดสอบปรนัยชนิดจบั คู่

1.คาวลีตวั เลขหรือสญั ลกั ษณ์ต่าง ๆ ท้งั ที่อยใู่ นคอลมั นข์ อ้ คาถามและคอลมั นค์ าตอบควรเป็นเรื่องราวหรือเน้ือหาเดียวกนั
2. เขียนคาช้ีแจงในการจบั คูร่ ะหวา่ งชุดรายการขอ้ คาถามกบั ชุดรายการคาตอบใหช้ ดั เจน
3. ควรทบทวนรายการขอ้ คาถามและขอ้ คาตอบของชุดขอ้ สอบจบั คูอ่ ยา่ งรอบคอบวา่ ไม่ไดช้ ้ีแนะคาตอบอยา่ งเด่นชดั
4. ในการตอบขอ้ สอบจบั คูแ่ ต่ละขอ้ มีโอกาสในการเดาถูกไม่เท่ากนั ขอ้ แรก ๆ โอกาสในการเดาถูกนอ้ ย แต่ส่วนขอ้ หลงั ๆ มีโอกาสในการเดาถูกมากกวา่
ดงั น้นั เราจึงควรเพิ่มขอ้ คาตอบ
5. ชุดขอ้ สอบจบั คู่ขอ้ คาถามควรอยใู่ นช่วง 5-8 ขอ้ หรือมากสุดไม่ควรเกิน 10 ขอ้
6. การเรียงลาดบั ก่อนหลงั ของรายการขอ้ คาตอบที่อยทู่ างขวามือควรจดั เรียงใหส้ มเหตุสมผลเพ่ือความสะดวกของการหาคาตอบ
7. รายขอ้ คาถามและรายการขอ้ คาตอบท้งั หมดในชุดขอ้ สอบจบั คู่ควรจดั อยใู่ นกระดาษหนา้ เดียวกนั



ใบความรู้ที่ 7 แบบทดสอบเติมคา-ตอบส้นั

แบบทดสอบชนิดเติมคา completion test

เป็นแบบทดสอบปรนยั ชนิดหน่ึงที่มุ่งใหผ้ เู้ รียนคิดหาคาตอบดว้ ยตนเองซ่ึงอาจเป็นคาวลีหรือประโยคแลว้ เขียนคาตอบน้นั ลงใน
ช่องวา่ งต่อจากขอ้ ความท่ีไดเ้ ขียนคา้ งไวเ้ พื่อใหเ้ ป็นขอ้ ความท่ีถูกตอ้ งสมบูรณ์ขอ้ สอบประเภทน้ีเหมาะสาหรับการวดั ดา้ นเน้ือหาความรู้เกี่ยวกบั
ขอ้ เทจ็ จริงต่าง ๆ

แบบทดสอบชนิดตอบแบบส้ัน short answer test

เป็นแบบทดสอบปรนยั ท่ีมุ่งใหผ้ เู้ รียนตอบขอ้ สอบซ่ึงอยใู่ นรูปของประโยคคาถามหรือประโยคคาสงั่ (ไม่ใช่ประโยคบอกเล่า) โดย
การเขียนคาตอบข้ึนมาส้นั ๆ กระชบั ตรงตามความเป็นจริงหรืออยใู่ นขอบเขตคาตอบท่ีขอ้ สอบกาหนดขอ้ สอบประเภทน้ีมกั จะวคั วามสามารถดา้ น
เน้ือหาความรู้เกี่ยวกบั ขอ้ เทจ็ จริงต่าง ๆ และยงั สามารถประยกุ ตใ์ ชว้ ดั สติปัญญาในระดบั สูงซ่ึงการประยกุ ตใ์ ชน้ ้ีสามารถทาไดง้ ่ายและดีกวา่ ขอ้ สอบ
แบบเติมคา



ใบความรู้ท่ี 8 แบบทดสอบชนิดเลือกตอบ

แบบทดสอบชนิดเลือกตอบ multiple choice test

เป็นแบบทดสอบปรนยั ชนิดหน่ึงท่ีมีการกาหนดคาตอบไวห้ ลายตวั เลือกในขอ้ สอบแต่ละขอ้ สาหรับใหผ้ เู้ รียนไดเ้ ลือกตอบตามตอ้ งการซ่ึงขอ้ สอบแต่ละขอ้
จะประกอบดว้ ย 2 ส่วน ไดแ้ ก่ 1. ส่วนของคาถามน้าหรือคาถามหลกั 2. ส่วนของตวั เลือก

หลกั การหรือแนวทางการสร้างแบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ

ก่อนดาเนินการสร้างแบบทดสอบควรมีการวางแผนอยา่ งรอบคอบ
1.ควรเขียนขอ้ คาถามใหช้ ดั เจนกระชบั รัดกมุ มีขอ้ มลู เพียงพอสาหรับการตอบคาถามไดใ้ ชภ้ าษาท่ีอา่ นแลว้ เขา้ ใจง่ายไม่คุมเครือ
2. ขอ้ สอบแต่ละขอ้ ควรมีจานวนตวั เลือกอยใู่ นช่วง 3 ถึง 5 ตวั เลือกโดยทว่ั ไปนิยมมี 4 ตวั เลือก
3. ส่วนท่ีเป็นคาถามนาของขอ้ สอบนิยมเขียนใหม้ ีรายละเอียดเน้ือหาไวอ้ ยา่ งชดั เจนอยแู่ ลว้ ดงั น้นั ในส่วนของตวั เลือกควรเขียนใหส้ ้ันและกระชบั
4. หลีกเล่ียงการใชข้ อ้ ความต่าง ๆ ที่คดั ลอกจากหนงั สือหรือตาราเรียนเพราะจะเป็นขอ้ คาถามท่ีเนน้ การจาเกินไป
5. ขอ้ คาถามประเภทใหเ้ ลือกคาตอบท่ีดีที่สุดเป็นขอ้ คาถามที่มีประโยชนม์ ากสาหรับการวดั กระบวนการคิดข้นั สูง
6. หลีกเลี่ยงการสร้างขอ้ คาถามท่ีเป็นเชิงลบหรือปฏิเสธ
7. ตอ้ งแน่ใจวา่ ขอ้ สอบมีตวั เลือกซ่ึงเป็นคาตอบท่ีถูกตอ้ งหรือคาตอบท่ีดีท่ีสุดเพยี งขอ้ เดียว
8. ตอ้ งมน่ั ใจวา่ ไม่มีขอ้ สอบขอ้ ใดขอ้ หน่ึงช้ีแนะหรือเปิ ดเผยคาตอบในการตอบคาถามขอ้ อ่ืน ๆ
9. ควรพิจารณาและวางแผนอยา่ งรอบคอบเกี่ยวกบั ความเหมาะสมของแบบทดสอบท้งั ฉบบั ในประเดน็ ต่าง ๆ
10. ขอ้ สอบแต่ละขอ้ “ตวั ลวง” หรือตวั เลือกที่ไม่ใช่คาตอบท่ีถูกควรเป็นตวั ลางที่มีประสิ?ธิภ่ย



ใบความรู้ท่ี 9 การตรวจสอบคุณภาพของแบบทดสอบ

คุณลกั ษณะทใ่ี ช้ประเมนิ 2. ความเป็ นปรนัย

1.ความเที่ยงตรง -กรณีใหค้ ะแนนเป็น 0 กบั 1 ใชด้ ชั นีความยากง่ายรายขอ้

2. ความเป็นหน่ึง -กรณีใหค้ ะแนนไม่ใช่ 0 กบั 1

3. ความยากรายขอ้ -กรณีแบบทดสอบอิงกลุ่ม

4. ความเชื่อมนั่ -กรณีแบบทอสอบอิงเกณฑ์

5. อานาจจาแนก 3. ความยากง่ายรายขอ้ สามารถวดั คุณลกั ษณะท่ีตอ้ งการวดั ได้ ท้งั น้ีตอ้ ง

1.ความเทยี่ งตรงแบ่งออกเป็ น 3 ประเภทคือ อยภู่ ายใตส้ ถานการณ์ต่าง ๆ ที่เหมือนเดดิมหรือใกลเ้ คียง
4. ความเชื่อมนั่ ของแบบทดสอบ
-ความเที่ยงตรงตามเน้ือหา -แบบอิงกลุ่มกรณีท่ีขอ้ สอบแต่ละขอ้ ใหค้ ะแนนเป็น 0 กบั 1
-ความเท่ียงตรงตามโครงสร้าง -แบบอิงเกณฑม์ ีการใหค้ ะแนนไม่เป็น 0 กบั 1

-ความเท่ียงตรงตามเกณฑส์ มั พนั ธ์



ใบความรู้ที่ 10 การวเิ คราะห์และการออกแบบหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐานโดยใช้
กระบวนการยอ้ นกลบั

ความหมายของมาตรฐานและตวั ชี้วดั

1.มาตรฐานการเรียนรู้หมายถึงสิ่งที่ผพู้ ึงรู้และปฏิบตั ิมีคุณธรรมจริยธรรมและค่านิยม
2. ตวั ช้ีวดั หมายถึงส่ิงท่ีผเู้ รียนพึงรู้และปฏิบตั ิไดร้ วมท้งั คุณลกั ษณะของผเู้ รียนในแต่ละระดบั ช้นั ซ่ึงสะทอ้ นถึงมาตรฐานการเรียนรู้

ประเภทของตัวชี้วดั

1.ตวั ช้ีวดั ดา้ นความรู้ความเขา้ ใจ 2. ตวั ช้ีวดั ดา้ นการคิดอยา่ งมีเหตุผล 3. ตวั ช้ีวดั ดา้ นการปฏิบตั ิ 4. ตวั ช้ีวดั ดา้ นจิตนิสัย

การกาหนดหลกั ฐานการเรียนรู้

หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐานพทุ ธศกั ราช 2551 มุ่งเนน้ ใหผ้ เู้ รียนไดแ้ สดงความรู้ความสามารถผา่ นการปฏิบตั ิ
หลกั ฐานการเรียนรู้จึงเป็นสิ่งที่แสดงใหเ้ ห็นถึงผลการเรียนรู้ของผเู้ รียนท่ีเป็นรูปธรรมและมีความสมั พนั ธ์โดยตรงกบั ตวั ช้ีวดั หลกั ฐาน

วธิ ีการวเิ คราะห์ตวั ชี้วดั เพื่อออกแบบหน่วยการเรียนรู้

ข้นั ที่ 1 คน้ หา "คาสาคญั " ข้นั ท่ี 2 กาหนดหลกั ฐานการเรียนรู้ข้นั ที่ 3 กาหนดวิธีการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ข้นั ท่ี 4 กาหนด
เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ข้นั ท่ี 5 กาหนดกิจกรรมการเรียนรู้



ใบความรู้ที่ 12 การประเมินจากการสื่อสารระหวา่ งบุคคล

แนวคดิ และความหมาย

ประเมินตามความสามารถผเู้ รียนการท่ีผเู้ รียนไดเ้ รียนรู้มีความถูกตอ้ งการส่งเสริมการสนบั สนุนใชว้ ธิ ีการและเคร่ืองมือท่ีหลากหลาย

ลกั ษณะสาคญั แนวทางการประเมนิ

-มุ่งพฒั นาแบบองคร์ วม -ออกแบบหน่วยการเรียนรู้
-ผเู้ รียนตอ้ งไดใ้ ชท้ กั ษะข้นั สูง -ประเมินเหมาะสมและหลากหลาย
-วดั และประเมินผลการเรียนรู้ผเู้ รียน -ผเู้ รียนตอ้ งรับรู้เกณฑ์
-ใหผ้ เู้ รียนประเมินผลงานตนเอง -มีการทดลองรูบริกส์
-ผสู้ อนตอ้ งมองการประเมินเหมือนการเฉลิมฉลองผเู้ รียนมีโอกาสได้
เห็นความผดิ พลาด
-ใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลบั แก่ผเู้ รียน

ข้อแตกต่างระหว่างการประเมนิ การปฏิบตั ิกบั การประเมนิ ตามสภาพจริง

การประเมินการปฏิบตั ิ "มุ่งตรวจสอบการตอบสนองของผเู้ รียน" การประเมินตามสภาพจริง "ใหค้ วามสนใจบริบทสิ่งแวดลอ้ ม"



ใบความรู้ท่ี 13 การประเมินการปฏิบตั ิ

แนวคดิ และความหมาย

กระบวนการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลเก่ียวกบั พฤติกรรมการเรียนรู้ของผเู้ รียนผา่ นการลงมือปฏิบตั ิจริงตามภาระงาน
ท่ีผสู้ อนไดอ้ อกแบบไว้ แลว้ นาขอ้ มูลท่ีไดม้ าวเิ คราะห์ใหไ้ ด้ สารสรเทศสาหรบั พฒั นาผเู้ รยี น

จุดแขง็ และจุดอ่อนของการประเมินการปฏิบตั ิ 2.จุดอ่อน

1.จุดแขง็ 2.1 การใหค้ ะแนนในการประเมินการปฎิบตั ิใหม้ ีความเชื่อมนั่
1.1 การประเมินการปฏิบตั ิสามารถวดั ความสามารถท่ีไม่อาจวดั ได้ 2.2 การประเมิน การปฏิบตั ิมกั มีขอ้ จากดั ในการเลือกตวั อยา่ งเน้ือหา
1.2 การประเมินการปฏิบตั ิใชไ้ ดเ้ หมาะสมกบั ทฤษฎีการเรียนรู้ 2.3 การประเมินการปฏิบตั ิคอ่ นขอ้ งใชเ้ วลานานและยากในการพฒั นา
1.3 การประเมินการปฏิบตั ิสามารถประเมินไดท้ ้งั กระบวนการ
1.4 การใชก้ ารประเมินการปฏิบตั ิเป็นการขยายวิธี 2.4 ในทางปฏิบตั ิอาจมีขอ้ จากดั เกี่ยวกบั ปัจจยั ต่างๆ



ใบความรู้ที่ 14 การประเมินตามสภาพจริงในช้นั เรียน

ความหมาย เเนวคดิ

“การประเมนิ ตามสภาพจริงในช้ันเรียน” หมายถึง 1.การประเมินความสามารถของผเู้ รียนเเบบองคร์ วม
กระบวนการวดั และประเมนิ ศักยภาพของผู้เรียน 2.การที่ผเู้ รียนไดต้ อบสนองหรือเเสดงออกอยา่ งหลากหลาย
แบบองค์รวมท้งั ด้านพทุ ธิสัย ทกั ษะพสิ ัย และจติ พสิ ัย 3.ผลการประเมินสิ่งท่ีผเู้ รียนไดเ้ รียนรู้มีความถูกตอ้ งเเม่นยา
ผ่านการลงมือปฏบิ ตั ิ 4.การส่งเสริม สนบั สนุน เเละเป็นส่วนหน่ึงของการจดั การเรียนการสอน
5.การใชว้ ธิ ีการเเละเคร่ืองมือท่ีหลากหลาย
ข้นั ตอนการประเมินตามสภาพจริง
2.กาหนดขอบเขตของส่ง ประเมินใหช้ ดั เจน
1.กาหนดงานหรือภาระงาน 4.กาหนดผปู้ ระเมิน
3.กาหนดวตั ถุประสงคเ์ เละเป้าหมายของการประเมิน 6.กาหนดเกณฑใ์ นการประดเมินการประเมินการปฏิบตั ิงาน
5.เลือกวธิ ีการเเละเครื่องมือที่ใชใ้ นการวดั เเละประเมินผลการเรียนรู้ 8.ดาเนินกิจกรรมต่างๆ
7.จดั ทาเอกสารใบงานอยา่ งชดั เจน 10.ประเมินสรุปรวบยอดเกี่ยวกบั การปฏิบตั ิภาระงานท่ีมอบหมาย
9.กากบั ติดตาม ตรวจสอบ เเละใหค้ าเเนะนา



ใบความรู้ท่ี 15 RUBRICS
การใชร้ ูบริกส์ในการวดั และประเมินผลการเรียนรู้

ความหมาย

Scoring Tools เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนเป็นเครื่องมือสาหรับประเมินการปฏิบตั ิงานหรือผลงานนกั เรียน

องคป์ ระกอบ

1. ประเดน็ ท่ีจะประเมินตอ้ งสอดคลอ้ งกบั เป้าหมายการเรียนรู้ในการทาภาระงาน

2. ระดบั ความสามารถหรือระดบั คุณภาพอาจเขียนเรียงลาดบั ต้งั แต่ "ดีมาก" ไปจนถึง "ปรับปรุง" หรือเขียนเป็นระดบั คะแนนเช่น 0 1 2 3

3. การบรรยายคุณภาพของแต่ละระดบั ข้นั ตอนการสร้าง Rubrics

ประเภทของรูบริกส์ 1. กาหนดงานที่ตอ้ งการประเมิน

ลกั ษณะที่ 1 ลกั ษณะที่ 2 2. กาหนดประเภท Rubrics
-Holistic Rubrics -Genral Rubrics 3. กาหนดเกณฑห์ รือประเดน็ ท่ีจะประเมิน
-Analylic Rubrics 4. กาหนดจานวนระดบั คุณภาพ
-Task specific Rubrics 5. เขียนบรรยายคุณภาพ

6. ทดลองและฝึกใช้ Rubrics
7. ทาเป็นเคร่ืองมือท่ีสมบูรณ์



ใบความรู้ที่ 16 PORTFORIO ASSESSMENT

ความหมาย

วิธีการประเมินผลการเรียนรู้อยา่ งหน่ึงท่ีมีส่ิงประเมินคือแฟ้มสะสมผลงานจดั ทาข้ึนโดยการรวบรวมผลจากการปฏิบตั ิงานที่เก่ียวขอ้ งกบั การเรียน

การสอนโดยผเู้ รียนมีส่วนร่วมในการเลือกผลงานและตอ้ งมีการสะทอ้ นความคิดเห็นและประเมินตนเอง

หลกั การ ประเภท

1. การทางานร่วมกนั ระหวา่ งผเู้ รียนกบั ผสู้ อน 1.Working Portfolio มีจุดมุ่งหมายเพ่ือพฒั นาผลงานต่าง ๆ สู่ผลงานที่ดี
2. การรวบรวมผลงานตลอดช่วงระยะเวลาที่กาหนด 2.Display or show or final Portfolio มีจุดมุ่งหมายเพ่อื นาเสนอหรือจดั
3. ดาเนินการรวบรวมผลงานอยา่ งมีจุดหมาย แสดงผลงานที่สมบูรณ์
3.Assessment Portfolio มีจุดมุ่งหมายเพื่อทาการประเมินคุณภาพการเรียนรู้
ดา้ นต่าง ๆ

4. มีการวางแผนลว่ งหนา้ อยา่ งเป็นระบบ 5. เกบ็ รวบรวมและคดั เลือกผลงานเอง

6. มีส่วนร่วมในการคดั เลือกรายการผลงานเกณฑก์ ารคดั เลือกเกณฑก์ ารตดั สินผลงาน

7. มีการสะทอ้ นความคิดเห็นต่อผลงาน 8. เป็นการแสดงใหเ้ ห็นถึงผลการเรียนรู้

สะทอ้ นความรู้สึกต่ออาจารยผ์ สู้ อน

ความรูส้ กึ แรกของการเขา้ เรยี นและไดพ้ บอาจารย์ ไดอ้ ่านช่ือรายวชิ า คิดวา่ ตอ้ งเป็นวิชาท่ีตอ้ งยากมากแน่ๆ
ตอ้ งเป็นเนือ้ หาท่ีใหม่ๆ ท่ีเรายงั ไมเ่ คยพบ แตพ่ อเรยี นมาไดส้ ะกพกั ก็ยากมากจรงิ ๆ เน่ืองจากเป็นเนือ้ หาท่ีเราไมเ่ คยรูม้ า
ก่อนเลย ไม่มีพืน้ ฐานมาก่อน แตเ่ น่ืองดว้ ยอาจารยค์ อ่ ยๆสอน คอ่ ย ๆ บอก ทาใหห้ นไู ดม้ ีความเขา้ ใจขึน้ มาเลก็ นอ้ ย และ
ความรูส้ กึ ท่ีวา่ ยากนนั้ ก็ค่อยๆหายไปเร่อื ย ๆ เพราะอาจารยส์ อนสนกุ เขา้ ใจนกั ศกึ ษา ทกุ ครงั้ ท่ีไดเ้ รยี นก็จะตอ้ งมีเสยี ง
หวั เราะและมีรอยยิม้ ตลอด

หนขู อขอบพระคณุ อาจารยส์ าราญ กาจดั ภยั อย่างมากท่ีไดใ้ หค้ วามรูใ้ นวชิ านี้ ซง่ึ เป็นวิชาท่ีสาคญั ในการ
ประกอบวชิ าชีพครู หนจู ะนาความรูท้ ่ีไดไ้ ปพฒั นาในการจดั การเรยี นการสอนในอนาคตคะ่

ใบสญั ญาการเรียน


Click to View FlipBook Version